สงครามแย่งชิงเวลาชีวิต
แยกทางกับสิ่งที่ไร้ความหมาย
การประกาศชัยชนะเหนือสงครามแย่งชิงเวลาชีวิต
อัล อัค เรียบเรียง
สงครามหนึ่งที่รุนแรงที่สุดระหว่างฝ่ายอิสลามกับญาฮิลียะฮฺในสมรภูมิคนรุ่นใหม่ก็คือ สงครามแย่งชิงเวลาชีวิต หมายความว่า จะทำอย่างไรให้คนหนุ่มสาวมุสลิมเติบโตด้วยกับกิจกรรมที่ผลาญเวลาไปกับสิ่งที่มันไม่ได้ให้คุณค่าใด ๆ กับชีวิตของเขาเลย
ยุทธศาสตร์ของสงครามครั้งนี้ก็ไม่ได้วางกันหยาบ ๆ แบบที่มองกันชั้นเดียวออก อย่างเช่นการเสนอให้คนรุ่นใหม่ไปทำความชั่วเลย แน่นอนว่ามันย่อมได้ผลสำหรับผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา แต่สำหรับคนที่มีศรัทธาย่อมเป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่างการให้หนุ่มสาวมุสลิมไปเที่ยวบาร์ไนต์คลับคงเป็นไปได้ยากมาก(เว้นแต่คนสิ้นคิดเท่านั้น)
แต่การให้คนหนุ่มสาวมุสลิมหมดเวลาไปกับสิ่งที่หะลาล ย่อมกระทำได้ง่ายกว่ากันเยอะ อย่างเช่นการหมกมุ่นอยู่กับนะชีดที่หะลาล เนื่องจากทัศนะนักวิชาการเห็นพ้องกันเรื่องการร้องเพลงนั้น สามารถกระทำได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่มีเครื่องดนตรีเลยและมีเนื้อหาที่ดีงามสอดคล้องกับคำสอนอิสลาม ทำให้คนหนุ่มสาวมุสลิมหลายคนให้ความสำคัญกับนะชีดจนเกินพอดี จนในค่ายอบรมเยาวชนบางแห่งได้ยินเสียงนะชีดดังกระหึ่มตลอดเวลา ...
เรื่องหะลาลอย่างการเล่นกีฬาก็ถูกยกมารณรงค์ในหมู่คนหนุ่มสาวมุสลิม แน่นอนสิ่งเหล่านี้หะลาลและมีประโยชน์อย่างปฏิเสธมิได้ แต่เวลาจำนวนมากได้หมดไปกับการเล่นกีฬา ไม่เพียงแค่นั้นยังรวมไปถึงการตามข่าวฟุตบอล การวิจารณ์การแข่งขัน ...
ผมไม่อยากขัดคอมากกว่านี้ แต่หากเราได้หันสำรวจดูชีวิตของเรา เราจะพบว่าเราสูญเสียเวลาวันหนึ่ง ๆ ไปกับสิ่งที่เราเรียกว่า ?หะลาล? อย่างมากมาย ไม่ว่าการนั่งพิมพ์ข้อความส่งกันไปมาทางอินเตอร์เน็ต การตามดูข่าวทุกช่องทีวี การนั่งสนทนากันเรื่องรายการอาหารที่สุดยอด การพูดคุยเรื่องการเลือกคู่ครอง สิ่งเหล่านี้ไม่ผิดโดยพื้นฐาน และคงได้ความดีงามอีก หากเป็นหน้าที่หาเลี้ยงชีวิตหรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้ประโยชน์ระหว่างกันและกัน แต่ที่พบเจอเรากับกระทำสิ่งเหล่านี้กันแทบทุกวันและวันละหลายชั่วโมง โดยไม่มีเป้าหมายใด ๆ ที่เห็นได้ชัดเลย
นั่นหมายความว่า เราได้สูญเสียเวลา สูญเสียพื้นที่กิจกรรมอื่น ๆ ที่จะให้ประโยชน์กับชีวิตไป ผมยกตัวอย่างแค่สิ่งที่ ?หะลาล? นับประสาอะไรกับสิ่งที่หะรอม เช่น การไปดูคอนเสิร์ต การเฝ้าติดตามวงการบันเทิงอย่างใกล้ชิด(แบบรู้ความลับดาราไปหมด) และอื่น ๆ อีกมากมายที่ผมไม่อยากจะเขียนถึง ... นี่ไม่ใช่แค่เสียเวลา แต่ยังไปแบกเอาบาปเข้ามาไว้ในชีวิตอีกด้วย
การพูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ผ่อนคลายกับสิ่งหะลาลทั้งหลาย อิสลามนั้นเป็นศาสนาที่มีการผ่อนคลาย มีความรื่นเริง มีความบันเทิงในขอบเขตของมันอยู่ แต่การสูญเสียเวลาไปกับขอบเขตที่หะลาลเหล่านี้ก็อาจพาไปสู่สภาวะที่เหลือความเป็นสิ่งหะลาลน้อยลงเรื่อย ๆ ก็ได้ อย่างการเล่นฟุตบอลที่ทำให้การละหมาดล่าช้า หรือการฟังนะชีดที่ห่างเหินไปจากอัล-กุรอาน เป็นต้น
การกระทำสิ่งหะลาลบางอย่าง เพื่อความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชีวิตเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ชีวิตมีรสชาติ เราอาจจะชอบนะชีด เราอาจจะชอบเล่นบอล เราอาจชอบติดตามข่าวการเมืองในทีวี เราก็สามารถกำหนดการปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้ในระดับที่พอเหมาะ แต่อย่าเปิดให้มันเข้ามาทำลายพื้นที่กิจกรรมที่มีคุณค่าต่าง ๆ ในชีวิตของเราไป
ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนหนุ่มสาวมุสลิม ต้องดำเนินการต่อสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน นั่นคือการเปิด(ฟัตหฺ) ?พื้นที่เวลา? เวลาให้กว้างที่สุด การขจัดกิจกรรมที่กินพื้นที่เวลาที่ไม่ถูกต้องหลายอย่าง เช่น การติดสาว การติดบอลอาจไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการขจัดกิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่หะลาลแต่เริ่มจะไม่ให้ความหมายกับชีวิตออกไป อย่างการตามดูข่าวในทีวี การเล่นเน็ต การเล่นบอล หรือการฟังนะชีด(แบบที่หะลาลตรงกันทุกฟัตวา) เป็นต้น
หากพื้นที่เวลาเหล่านี้เป็นของเรามากเท่าไร ก็จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงชีวิตเรามากขึ้นเท่านั้น หากเราเคยดูข่าวทีวีวันละ 3 ชั่วโมง เปลี่ยนมาเป็นวันละ 1 ชั่วโมง แล้วใช้เวลาสอนอัล-กุรอานเด็ก ๆ วันละ 2 ชั่วโมง รับเด็กมาสัก 4-5 คน อินชาอัลลอฮฺ ไม่กี่เดือนเด็กเหล่านั้นก็สามารถอ่านอัล-กุรอานได้ ผลบุญที่เราจะได้รับไม่รู้จะคำนวณอย่างไร มันมากมหาศาลจริง ๆ ...
แค่วันละ 1 ชั่งโมงที่เราสูญเสียไปกับวิจารณ์บอล หากนำมาใช้ติดต่อกันสักเดือนสองเดือน เราจะได้ประโยชน์อย่างเหลือเชื่อ อาจารย์ท่านหนึ่งเคยตอบคำถามที่มีคนถามว่า จะใช้เวลานานเท่าไรที่จะเข้าใจหลักภาษาอาหรับ(ในกรณีคนที่อ่านอัล-กุรอานได้แล้ว) อาจารย์ท่านนั้นตอบกลับไปว่า ถ้าใช้เวลาเรียนหลักภาษาอาหรับเพียงวันละ 1 ชั่วโมง ในสามเดือนก็จะเข้าใจโครงสร้างภาษาอาหรับ สามารถไปใช้งานได้ อินชาอัลลอฮฺ ผมลองคำนวณเวลาดู ก็ประมาณ 90 ชั่วโมง ฟังดูก็เหลือเชื่อ
แต่ความจริงได้พิสูจน์มาแล้วว่า แค่หลักภาษาอาหรับที่สามารถเอาไปใช้งานในการวิเคราะห์ประโยคในบทความนั้น หลาย ๆ คนใช้เวลาเพียงแค่ 20 ชั่วโมง(วันละชั่วโมงก็แค่ 20 วัน ถ้าวันละ 10 ชั่วโมง ก็แค่หยุดดูทีวีในวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นเอง) ก็สามารถเข้าใจแล้ว เหมือนคนที่ได้คันเบ็ด สามารถไปตกปลาหากินต่อไปได้ ...
สิ่งที่หะลาล - บ่อยครั้ง - นำไปสู่ความเหลวไหล นี่เป็นปัญหาที่ถูกมองข้าม เพราะมันเริ่มจากการคิดว่าสิ่งใดที่หะลาลย่อมทำได้โดยไม่ดูเวลาว่ามันกำลังทำให้ชีวิตสูญเสียความหมายไปหรือไม่ วิธีคิดแบบนี้ตรงข้ามกับวิธีคิดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะ ซัลลัม ที่ได้กล่าวว่า ?ส่วนหนึ่งของความดีงามของคน ๆ หนึ่งในอิสลามก็คือ ละทิ้งสิ่งที่ไม่มีความหมายสำหรับเขา?
วันใดคนหนุ่มสาวมุสลิมได้ประกาศแยกทางกับสิ่งที่ไร้ความหมายกับชีวิต วันนั้นเป็นวันประกาศชัยชนะในสงครามแย่งชิงเวลาชีวิต วันนั้นพื้นที่เวลาจะถูกเปิด(ฟัตหฺ)ออกอย่างกว้างขวาง เวลาของการสร้างกิจกรรมในการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง และการรับใช้สังคมก็จะมาถึง ... อินชาอัลลอฮฺ