สูเราะฮฺ อัลมะอาริจญ์ อายะฮฺที่ 32 -35คำอ่าน32. วัลละซีนะฮุม ลิอะมานาติฮิม วะอะฮฺดิฮิมรออูน
33. วัลละซีนะฮุม..บิชะฮาดาติฮิม กอ...อิมูน
34. วัลละซีนะฮุมอะลาเศาะลาติฮิม ยุหาฟิซูน
35. อุลา...อิกะฟีญัน..นาติม..มุกเราะมูน
คำแปล R1.32. And those who keep their trusts and covenants;
33. And those who stand firm in their testimonies;
34. And those who guard their Salat (prayers) well ,
35. Such shall dwell in the Gardens (i.e. Paradise) honoured.คำแปล R2.32. และบรรดาผู้ที่รักษาความซื่อสัตย์และสัญญาของพวกเขาไว้ (อย่างดีไม่ยอมบิดพลิ้วในทุกโอกาส)
33. และบรรดาผู้ที่ยืนในการเป็นพยานของพวกเขา (ไม่ยอมกล่าวเท็จ)
34. และบรรดาผู้ที่รักษาการละหมาดของพวกเขา (อย่างถูกต้องตามระเบียบและตามเวลาโดยเคร่งครัด)
35. พวกเหล่านั้นย่อมอยู่ในสวรรค์อีกทั้งได้รับการยกย่องคำแปล R3.32. บรรดาผู้รักษาสิ่งที่พวกเขาได้รับมอบหมายและสัญญาของพวกเขา
33. ผู้ยืนยันในการเป็นพยานที่แท้จริง
34. และผู้ดูแลรักษาการนมาซของพวกเขาอย่างเคร่งครัด
35. เหล่านี้คือผู้ที่จะได้อยู่อย่างมีเกียรติในสวนสวรรค์อันหลากหลาย คำแปล R4.32. และบรรดาผู้ที่ระวังรักษาสิ่งที่ได้รับมอบหมาย (อะมานะฮฺ) ของพวกเขาและคำมั่นสัญญาของพวกเขา
33. และบรรดาผู้ที่ดำรงมั่นต่อการเป็นพยานของพวกเขา
34. และบรรดาผู้ที่ดำรงรักษาในการละหมาดของพวกเขา
35. ชนเหล่านั้นจะอยู่ในสวนสวรรค์อันหลากหลายเป็นผู้ได้รับเกียรติคำแปล R5.๓๒. และบรรดาผู้ที่รักษาไว้ซึ่งความซื่อสัตย์และสัญญาของพวกเขาโดยไม่บิดพลิ้วและฉ้อฉล
๓๓. และบรรดาผู้ดำรงมั่นกับคำให้การเป็นพยานของพวกเขา โดยสัจจะ ไม่โกหกมดเท็จในการเป็นพยาน
๓๔. และบรรดาผู้ซึ่งดำรงไว้ซึ่งการละหมาดของพวกเขา ครบถ้วนตามกระบวนการและเวลาที่กำหนด
๓๕. พวกเหล่านั้นได้รับการยกย่องในสวรรค์สูเราะฮฺ อัลมะอาริจญ์ อายะฮฺที่ 36 – 39คำอ่าน36. ฟะมาลิลละซีนะกะฟะรู กิบะละกะมุฮฺฏิอีน
37. อะนิลยะมีนิ วะอะนิชชิมาลิ อิซีน
38. อะยัฏมะอุ กุลลุมริอิม..มินฮุม อัย..ยุดเคาะละญัน..นะตะนะอีม
39. กัลลา..อิน..นาเคาะลักนาฮุม..มิม..มายะอฺละมูน
คำแปล R1.36. So what is the matter with those who disbelieve that they hasten to listen from you (O Muhammad), in order to deny you and to mock at you, and at Allah's Book (this Qur’an).
37. (Sitting) in groups on the right and on the left (of you, O Muhammad)?
38. Does every man of them hope to enter the Paradise of delight?
39. No, that is not like that! Verily, we have created them out of that which they know!คำแปล R2.36. และอะไรเล่าที่เป็นเหตุแก่พวกไร้ศรัทธา (ผู้ต่อต้านเจ้า) ที่ทำให้พวกเขาชะเง้อมองมายังเจ้า
37. จากเบื้องขวาและจากเบื้องซ้าย เป็นกลุ่ม ๆ (ด้วยความเย้ยหยัน)?
38. แต่ละบุคคลจากพวกเขายังละโมบที่จะให้ได้เข้าสู่สวรรค์อันบรมสุขอีกหรือ?
39. เป็นไปไม่ได้ แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้ามาจากสิ่งที่พวกเขาเองก็รู้ (นั่นคือจากเชื้ออสุจิ)คำแปล R3.36. (โอ้ นบี) มีอะไรเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธที่วิ่งกระหืดกระหอบมายังเจ้า
37. จากทางด้านขวาและด้านซ้ายเป็นกลุ่ม ๆ กระนั้นหรือ?
38. ทุกคนในหมู่พวกเขาอยากจะถูกรับเข้าไปในสวนสวรรค์อันบรมสุขกระนั้นหรือ?
39. ไม่มีทางหรอก พวกเขารู้ว่าเราสร้างพวกเขามาจากอะไรคำแปล R4.36. มีอะไรเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาที่วิ่งกระหืดกระหอบมายังเจ้า (มุฮัมมัด)
37. พวกเขานั่งเป็นกลุ่ม ๆ ทางขวาหรือทางซ้ายของเจ้า
38. แต่ละคนในหมู่พวกเขาต่างก็อยากจะเข้าไปอยู่ในสวนสวรรค์อันสุขสำราญกระนั้นหรือ ?
39. ไม่เลยทีเดียวแท้จริงเราได้สร้างพวกเขาจากสิ่งที่พวกเขารู้กันดีคำแปล R5.๓๖. และเป็นเพราะเหตุใดหรือ บรรดาพวกไร้ศรัทธาทั้งหลายจึงเพ่งมองมาทางเจ้าตลอดเวลา
๓๗. ทั้งจากทางขวา และจากทางซ้ายของเจ้า โดยพวกนั้นรุมล้อมเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อแสดงทีท่าเหยาะหยันฝ่ายมุสลิมโดยพูดว่า ถ้าพวกมุสลิมได้เข้าสวรรค์ พวกเราก็ต้องได้เข้าก่อนเขาเป็นแน่
๓๘. แต่ละคนจากพวกเขามีสิทธิละโมบที่จะได้เข้าสวรรค์นะอีมกระนั้นหรือ
๓๙. เป็นไปไม่ได้ แท้จริงเราได้บันดาลพวกเขามาจากสิ่งที่พวกเขาก็รู้อยู่แล้ว นั่นคือจากหยดอสุจิอันต่ำต้อย ซึ่งโดยลำพังการเป็นมนุษย์ที่เกิดมา จึงไม่มีสิทธิเข้าสวรรค์เลย นอกจากด้วยความยำเกรงและศรัทธาเท่านั้น ซึ่งพวกเขาไม่มีสิ่งนี้เลยสักนิดเดียว