มีผู้ได้ยินท่านรอซูลกล่าวว่า..
“The fitrah consists of five things: circumcision, trimming the moustache, cutting the nails, plucking the armpit hairs and shaving the pubic hairs” (Al-Bukhari and Muslim.)
มีหลักปฏิบัติตามประเพณีอรับซึ่งท่านศาสนทูตมูฮัมมัด นำมาสอนมุสลิมมีอยู่ 5 ประการ จาก ฮาดีษ ข้างบนนี้ ซึ่งมีอยู่ 2ประการ ที่ตกถ่ายทอดมาจาก ชาวยิวคือ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย และ การโกนขน ภายใต้รักแร้ และในที่ลับบริเวณอวัยวะเพศของ ทั้งหญิงและชาย, ไม่ใช่แต่เฉพาะโกนและ กัน หนวดเครา เท่านั้น และซุนนะห์นี้ได้ถูกรวมเข้าไปในข้อบังคับ ที่เรียกว่า กฏหมายอิสลาม, เหตุผลในการ กำจัดขนที่สกปรกเหล่านี้ รวมทั้งขนที่ขึ้นรอบๆ ลูกอัญฑะ และรอบๆ รูทวารหนักมีดังนี้
ทั้งนี้เพราะว่า ในสมัยนั้น การชำระล้างสิ่งปฎิกูลของร่างกาย ใช้ ดินและทราย เป็นส่วนใหญ่ และกระทำการชำระ ด้วย การใช้มือข้างซ้าย ด้วยเหตุนี้จึงมี หะดีษห้ามการใช้มือซ้ายจับต้อง อาหารในการบริโภค,
สิ่งปฏิกูลเหล่านั้น อาจจะติดอยู่ตามขนในบริเวณที่ลับดังกล่าว เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็น และเป็นการ ป้องการ ตัวเหา (Pubic หรือ Crab louse) ที่ทำให้เกิดโรค “คันคะเยอ” เพราะตัวเหาพันธ์นี้อาศัยอยู่ใต้ผิวหนังที่มีขนปกคลุม(ลึกประมาณ 0.5 ซม) การเกาจึงทำให้เป็นแผล เน่าเฟะ ในบริเวณดังกล่าว และการปฏิบัตินี้ เป็นข้อบังคับทั้งหญิงและชาย
เหตุผลนี้เพื่อการรักษาสุขวิทยาส่วนบุคคล มุสลิมต้องการรักษาร่างกายให้บริสุทธิ์ จากสิ่งปฏิกุลอยู่อย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุนี้การกำจัดขนตามบริเวณดังกล่าว จึงเป็นการกำจัดสิ่งปฏิกูลเล็กๆน้อยๆ ที่อาจจะติด อยุ่ในขุมขนเหล่านั้น และการโกนขนในที่ลับนี้จะต้องทำในที่ลับ ให้ผู้ใดเห็นไม่ได้
นี้คือหลักการทั้งหมดที่เกี่ยวกับการรักษาความสะอาดในที่ลับของร่างกาย ในสมัยเมื่อ 1400 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งเป็นวิธีการที่เฉลียวฉลาดอย่างหนึ่งของชาวอรับ
ส่วนในอเมริกาและชาวตะวันตกก็มีการทำกิจการ ธุระกิจใหญ่โต สำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ ในการโกนขนดังกล่าวและทำความสะอาด บริเวณดังกล่าว ถึงกับมีการ ฟอกผิวหนังบริเวณ ปากช่องคลอดส่วนนอก และ บริเวณ ขอบๆของรูทวาร หนักให้ขาวสะอาด, แต่เป็นการทำเพื่อ Cosmatic เพื่อความสวยงาม เวลาใส่ชุดอาบน้ำ และใน การ โรแมนติก เสียมากกว่า