ผู้เขียน หัวข้อ: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่  (อ่าน 12000 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 01:11 PM »
0
หนังสือเล่มนั้นดี แต่มีปัญหาอยู่ (ผมได้ลองให้ผู้รู้ตรวจสอบแล้ว)
ยกตัวอย่างเช่น การใช้คำว่าชีริกเล็ก ที่ไม่ตรงกับการอธิบายในฮะดีษขอรอซูลุลลอฮ์
หรือ การพยายามปัดเป่าอารมณ์ให้หายไป อันนี้ไม่ตรงกับอิสลาม เนื่องจากรอซูลุลลอฮ์ก็มีหัวเราะ ดีใจ เสียใจ หรือแม้แต่การร้องให้
และอื่นๆอีกมากมาย ที่ควรหลีกเลี่ยงในหนังสือเล่มดังกล่าว

วัลลอฮุอะอฺลัม

หนังสืงดังกล่าวนั้นมีบางข้อความที่ส่วนตัวกระผมก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่

แต่หนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือตะเซาวุฟ  ก็สมควรให้ผู้รู้ตะเซาวุฟตามแนวทางอัลกุรอานและซุนนะฮ์เป็นการเฉพาะตรวจสอบ  ก็จะดีไม่น้อยครับ  เพื่อจะได้เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งยิ่งกว่า...

สิ่งที่ผมอยากให้ท่าน beechern ลองนำเสนอข้อสงสัยที่ว่า  หนึ่ง...ชิริกเล็กไม่ตรงกับการอธิบายฮะดีษนั้น  ข้อความตรงใหน และฮะดีษมีระบุไว้อย่างไร  และสอง...ปัดเป่าอารมณ์ให้หายไป  มันคืออะไรและข้อความตรงใหนที่บอกเอาไว้

เพื่อจะได้พี่น้องได้รู้กันน่ะคร้าบ...

ผมเห็นด้วยที่ควรจะให้ผู้รู้ตะเซาวุฟเป็นผู้ตรวจสอบ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดยิ่งนัก และเนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดนี่เอง การเข้าใจผิดของผู้ไม่รู้จริงจึงเกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งผมเองก็เคยหลงผิดมาแล้วในบางประเด็น และก็ได้พยายามกระเถิบความเข้าใจเข้ามาหลังจากได้สนทนากับอ.หลายๆท่าน รวมทั้งอ.อัซฮารี อัลฮัมดุลิลลาฮ์ในที่สุดก็เข้าใจ (ไม่ใช่ในทุกๆประเด็น แต่เป็นประเด็นที่ผมสงสัยที่สุด คือเรื่องฟะนะอ์ กับบะกอ)

เรื่องชีริกเล็ก เท่าที่ผมได้ศึกษามา ก็เป็นฮะดีษที่กล่าวเกี่ยวกับมดดำที่ไต่บนหินในคืนเดือนมืด ซึ่งก็คือการ "ริยาอ์" แต่ในหนังสือดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงริยาอ์ แต่ได้กล่าวออกไปในทางอื่น
ส่วนเรื่องปัดเป่าอารมณ์ให้หายไป ในหนังสือเล่มดังกล่าวมุ่งประเด็นไปที่การไร้ความรู้สึกในทุกๆสิ่งที่มากระทบ โดยมีความสุขตลอดเวลา เปรียบเสมือนได้ขึ้นสวรรค์ โดยยกข้อความที่กล่าวถึง 2 สวรรค์มาพูดให้ฟัง และยังกล่าวถึงท่านอะบูบักรในลักษณะดังกล่าว ว่าเหมือนคนเป็นที่ตายครับ ท้ายที่สุดที่ผมเข้าใจ สิ่งที่ถูกต้องคือเรื่อง ซอบัร แล้ว ตะวักกัล มากกว่าครับ

อีกเรื่องที่บอกว่า กูคือกู กูกึ่งกูกึ่งอัลเลาะฮ์ กูคืออัลเลาะฮ์ อันนี้ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง !

วัลลอฮุอะอ์ลัม
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 01:13 PM »
0
อีกนิด เรื่องตายสบายในหนังสือเล่มนั้นก็เชื่อถือไม่ได้
เพราะรอซูลุลลฮ์ ซล. เราตายไม่สบาย ดังมีหะดีษระบุไว้อยู่ครับ ท่านกังวลใจ และเจ็บปวด

วัลลอฮุอะอฺลัม

ดังที่ได้นำเสนอไปข้างต้นแล้วว่า  ท่านนบีเจ็บปวดเพียงร่างกายแต่จิตใจของท่านนั้นถวินหาอยู่กับอัลเลาะฮ์ตะอาลา

ส่วนท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมรู้สึกกังวลนั้น  มิใช่กังวลเพราะท่านป่วยหรือเจ็บปวด  แต่ท่านกังวลเพราะเป็นห่วงต่ออุมมะฮ์ของท่าน

ดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า

لَقَدْ جَاءَكُمْ رَسُولٌ مِنْ أَنْفُسِكُمْ عَزِيزٌ عَلَيْهِ مَا عَنِتُّمْ حَرِيصٌ عَلَيْكُمْ بِالْمُؤْمِنِينَ رَءُوفٌ رَحِيمٌ

“แท้จริง ร่อซูลท่านหนึ่งจากพวกเจ้าเองได้มาหาพวกเจ้าแล้ว  ซึ่งเป็นผู้กังวลในสิ่งที่พวกเจ้าได้รับทุกข์  เป็นผู้ห่วงใยในพวกเจ้า    เป็นผู้เอ็นดูเมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธา” [อัตเตาบะฮ์: 128]

วัลลอฮุอะลัม

ชัดเจน คือมีความกังวล ไม่ใช่ไม่กังวลอะไรเลยเหมือนความเข้าใจที่ผมได้กับหนังสือเล่มดังกล่าว
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 01:40 PM »
0
คำพูดหลังสุดนั้น สงสัยต้องได้รับการอธิบายอย่างมากแล้วล่ะ
ผมมิอาจหยั่งถึงได้ กูคือกู
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 02:02 PM »
0
อีกเรื่องที่บอกว่า กูคือกู กูกึ่งกูกึ่งอัลเลาะฮ์ กูคืออัลเลาะฮ์ อันนี้ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง !

ผมเคยอ่านหนังสือดังกล่าวแล้ว แต่ยืมเพื่อนอ่าน ซึ่งถ้อยคำนี้แหละที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลย  และหากท่าน beechern มีหนังสือดังกล่าว  คำว่า "กูคืออัลเลาัะฮ์" นั้นมีระบุไว้ในหนังสือเล่มดังกล่าวด้วยหรือไม่? ... และหากพี่น้องท่านใดมีหนังสือดังกล่าว  ช่วยตรวจสอบด้วยว่ามีคำว่า "กูคืออัลเลาะฮ์" หรือไม่?...

ซึ่งหากมีคำๆ นี้กระผมไม่เห็นด้วยเลย..
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 04:16 PM »
0
แต่เป็นประเด็นที่ผมสงสัยที่สุด คือเรื่องฟะนะอ์ กับบะกอ

อีกเรื่องที่บอกว่า กูคือกู กูกึ่งกูกึ่งอัลเลาะฮ์ กูคืออัลเลาะฮ์ อันนี้ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง !


ถ้าเป็นผมเขียน  ผมจะไม่เขียนโดยการใช้สำนวนเช่นนี้  แต่จะใช้สำนวนที่ง่ายต่อความเข้าใจและจะชี้รายละเอียดให้ทราบ  

คำว่า “กูคืออัลเลาะฮ์”  เป็นคำพูดที่เกิดขึ้นของคนที่มีจิตฟะนาอฺอยู่กับอัลเลาะฮ์  เพ้ออยู่กับอัลเลาะฮ์จนลืมตัวเอง  จนบางครั้งเขาพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “กูคืออัลเลาะฮ์”   ซึ่งหลักฟะนาอฺเช่นนี้  จะนำมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้

  
อนึ่ง  การซิกุรลลอฮ์มาก ๆ เป็นคุณลักษณะของมุอฺมิน  คนเรารักสิ่งใดหรือรักผู้ใดก็จะกล่าว , คิดคำนึง , รำลึกถึง , สิ่งนั้นหรือผู้นั้นมาก  จนกระทั่งจิตใจไม่พะวงหรือไปคิดกับสิ่งอื่นอีกแล้ว  เมื่อดูโทรทัศน์รายการที่เขาชอบ  จิตใจของเขาก็จะถูกดึงเข้าไปในรายการโทรทัศน์นั้นด้วย  จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงผู้เรียกก็มี  แต่ต้องซ้ำกันถึงจะได้ยิน  เพราะจิตใจของเขาเข้าไปอยู่หรือมุ่งจดจู่อยู่กับรายการที่เขาชอบ   บรรดาเพื่อนหญิงของพระนางสุไลคอต้องปลอกผลไม้โดยมีดบาดมือตนเองโดยไม่รู้สึกเจ็บเมื่อได้เห็นความหล่อเหลางดงามของนบียูซุฟ อะลัยฮิสลาม  นั่นก็เพราะจิตใจของพวกนางจดจู่อยู่กับนบียูซุฟโดยสติสตังไม่รู้สึกมีดที่กำลังบาดมือพวกนางอีกแล้ว  ดังนั้นผู้ที่อยู่ในสภาวะฟะนาอฺนั้น  กล่าวคือ  บางคนจิตใจของเขาดื่มด่ำความรักที่มีต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา  จนกระทั่งเพ้อต่ออพระองค์โดยสติปัญญาไม่สามารถแยกแยะอะไรได้ในบางขณะอันเนื่องมาจากสภาวะจิตใจของมนุษย์ไม่สามารถแบกรับการตะญัลลีย์(สำแดง)ซีฟาตอันยิ่งใหญ่และวิจิตงามของอัลเลาะฮ์ที่มีอยู่ในจิตใจของเขาได้   เมื่อเขาพูดอะไรออกมาในขณะที่สติปัญญาไม่สามารถแยกแยะอะไรได้  ก็จะเป็นคำพูดที่เพ้อในอัลเลาะฮ์  เช่นกล่าวว่า   กึ่งกูกึ่งอัลเลาะฮ์ , กูคืออัลเลาะฮ์  ,  ไม่มีสิ่งใดอยู่ในเสื้อนอกจากอัลเลาะฮ์  ,  หรือมหาบริสุทธิ์มีแด่ฉัน  เป็นต้น  นั่นคือคำพูดที่อยู่ในขณะจิตใจอยู่ในสภาวะฟะนาอฺ  พูดโดยไม่รู้สึกตัวและไม่สามารถแยกแยะอะไรได้   หลักการของศาสนาจึงผ่อนปรนให้

ท่านอิบนุก็อยยิม (อุลามาอฺอาวุโสที่วะฮาบีให้การยอมรับ)  กล่าวว่า

وَفِيْ هَذِهِ الْحَالِ قَدْ يَقُوْلُ صَاحِبُهَا مَا يُحْكَي عَنْ أَبِيْ يَزِيْدَ أَنَّهُ قَالَ : سُبْحَانِْي أَوْ مَا فِي الْجُبَّةِ إِلَّا اللهُ وَنَحْوُ ذَلِكَ مِنَ الكَلِمَاتِ الَّتِيْ لَوْصَدَرَتْ عَنْ قَائِلِهَا وَعَقْلُهُ مَعَهُ لَكَانَ كَافِراً وَلَكِنْ مَعَ سُقُوْطِ التَّمْيِيْزِ وَالشُّعُوْرِ ، قَدْ يُرْتَفَعُ عَنْهُ قَلَمُ الْمُؤَاخَذَةِ

“"ในสภาวะจิตใจ(ฟะนาอฺ)นี้  บางครั้งผู้ที่มีสถาวะจิตใจเช่นนี้อาจจะกล่าวสิ่งที่ได้เล่าจากท่านอะบียะซีด (อัลบัสฏอมีย์) จากคำพูดของเขาที่ว่า “มหาบริสุทธิ์มีแด่ฉัน” หรือ “ไม่มีอะไรในเสื้อนี้นอกจากอัลเลาะฮ์”  และบรรดาถ้อยคำอื่น ๆ เช่นเดียวกันนี้  ซึ่งถ้าหากผู้ที่กล่าวมันนั้น  สติปัญญาได้มีอยู่พร้อมกับเขา(ซึ่งทำให้เขาเชื่อเช่นนั้น)  แน่นอนเขาย่อมเป็นกาเฟร  แต่ทว่าหากเขา(ได้พูดออกมาโดย)อยู่พร้อมกับสภาวะที่(สติปัญญา)ไม่สามารถแยกแยะและไม่มีความรู้สึกตัวแล้ว  บางครั้งปากกาบันทึกการเอาผิดกับเขาอาจจะถูกยกไป"” หนังสือมะดาริจญฺ อัซซาลิกีน 1/118  

ท่านอิบนุตัยมียะฮ์  ได้กล่าวว่า

وَلَمْ يَكُنْ ذَلِكَ بِذَنْبٍ مِنْهُ كَانَ مَعْذُوْراً غَيْرَ مُعَاقَبٍ عَلَيْهِ مَا دَامَ غَيْرَ عَاقِلٍ...فَهَذِهِ الْحَالُ تَعْتَرِيْ كَثِيْراً مِنْ أَهْلِ الْمَحَبَّةِ وَالإِرَادَةِ فِيْ جَانِبِ الْحَقِّ...فَإِنَّهُ يَغَيْبُ بِمَحْبُوْبِهَ عَنْ حُبِّهِ وَعَنْ نَفْسِهِ وَبِمَذْكُوْرِهِ عَنْ ذِكْرِهِ...فَلَا يَشْعُرُ حِيْنَئِذٍ بِالتَّمْيِيْزِ وَلَا بِوُجُوْدِهِ ، فَقَدْ يَقُوْل ُفِيْ هِذِهِ الْحَالِ : أَنَا الْحَقُّ أَوْ سُبْحَانِيْ أَوْ مَا فِي الْجُبَّةِ إِلَّا اللهُ وَنَحْوُذَلِكَ

“"(บางครั้งสภาวะฟะนาอฺทำให้บางคนพูดสิ่งที่ทำให้เกิดการที่อัลเลาะฮ์เป็นหนึ่งเดียวหรือพระองค์ทรงสิงสถิตอยู่กับมัคโลค)ดังกล่าวนั้น  ย่อมไม่เป็นบาปที่มาจากเขา  ซึ่งจะถูกผ่อนปรนอภัยให้  โดยไม่ถูกลงโทษตราบที่เขาอยู่ในสภาวะที่ไม่มีสติปัญญา(เพ้ออยู่กับอัลเลาะฮ์ไม่สามารถแยกแยะอะไรได้ในช่วงขณะหนึ่ง) ...ดังนั้นสภาวะเช่นนี้ ได้เกิดขึ้นมากมายแก่ผู้ที่มีความรักต่ออัลเลาะฮ์และยอมมอบตัวเองให้เป็นไปตามความต้องการ(อิรอดะฮ์)ของพระองค์...เพราะด้วย(ความรักอันดื่มด่ำ)ต่ออัลเลาะฮ์ผู้เป็นที่รักของเขา  ทำให้เขาไม่รู้สึกถึงการมีเขาและมีตัวเอง  และด้วยกับอัลเลาะฮ์ที่ถูกกล่าวรำลึก(การซิกรุลลอฮ์ต่อพระองค์อย่างดื่มด่ำ) ทำให้เขาไม่รู้สึกถึงการกล่าวซิกิรของเขา...ในขณะนั้นเขาจึงไม่รู้สึกในการแยกแยะได้หรือไม่มีการแยกแยะได้  จนบางครั้งทำให้เขากล่าวในสภาวะฟะนาอฺอันนี้ว่า  “ฉันคืออัลเลาะฮ์”  หรือ  “มหาบริสุทธิ์จงมีแด่ฉัน” หรือ “ไม่มีสิ่งใดในเสื้อของฉันนอกจากอัลเลาะฮ์” และอื่น ๆจากสิ่งดังกล่าว”  หนังสือมัจญฺมั๊วะอัลฟะตาวา 2/396 ของท่านอิบนุตัยมียะฮ์

บทสรุปคือ  การฟานาอฺ(เพ้ออยู่กับอัลเลาะฮ์)ในระดับขั้นที่ลืมซึ่งตนเอง  จนเผลอกล่าวว่า กูคืออัลเลาะฮ์ นั้น  หากกล่าวออกมาโดยไม่เจตนา  ถือว่าถูกอภัยให้  แต่ถ้าหากคนหนึ่งแกล้งทำเป็นฟะนาอฺ  แล้วพูดออกมาว่า กูคืออัลเลาะฮ์  โดยมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์  เขาย่อมเป็นกาเฟร วัลอิยาซุบิลลาฮ์!

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 30, 2010, 04:51 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 04:49 PM »
0
 :salam:

คำว่า "กึ่งกูกึ่งอัลเลาะฮ์" เป็นถ้อยคำที่กำกวมและผมก็จะไม่เขียนแบบนี้ให้พี่น้องมุสลิมทั่วไปได้อ่าน  เพราะอาจจะสร้างความเข้าใจผิดและทำให้คนเอาวามทั่วไปตีความกันเอาเองจนเกิดฟิตนะฮ์ขึ้นในสังคม  ดังนั้นเมื่อเกิดฟิตนะฮ์เกี่ยวกับตะเซาวุฟ  เราก็อย่าไปโทษคนเอาวามที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้  แต่ต้องโทษผู้เขียนที่ไม่รู้วิธีการนำเสนอ

คำว่า "กึ่งกูกึ่งอัลเลาะฮ์" อยู่ในตำแหน่ง บะกออฺ  ซึ่งเป็นความรู้สึกของจิตใจระดับสูง  คำว่า "กึ่งกู"  คือเรายังเห็นตัวของเรา  คำว่า "กึ่งอัลเลาะฮ์"  คือตัวของเราหยุดนิ่งและเคลื่อนไหวด้วยพลังอำนาจของอัลเลาะฮ์  ดังนั้นเราจึงมีชีวิตอยู่ได้ด้วยกับอัลเลาะฮ์, เราคงทำละหมาดได้ก็ด้วยพลังอำนาจของอัลเลาะฮ์,  

นี่ก็คือคำสอนของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่ท่านได้สอนให้ซอฮาบะฮ์กล่าวว่า

لاَ حَوْلَ وَلاَ قُوَّةَ الاَّ بِالله

"ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด(ไม่มีการเคลื่อนไหวใด)และไม่มีพลังใดนอกจากด้วยกับอัลเลาะฮ์" รายงานโดยบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 6409  หนังสือซอฮิห์อัลบุคอรีย์ เล่ม 3 หน้า 227 และรายงานโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 2704 หนังสือชัรห์ซอฮิห์มุสลิม เล่ม 17 หน้า 29.

แต่คนที่ฟานาอฺล่ะ  เขาจะรู้สึกว่าตัวเขาคืออัลเลาะฮ์ที่กำลังทำละหมาด  (เจ้าไหว้เจ้าหรือพระเจ้ากราบไว้พระเจ้า) ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกต้องและอันตราย ตะเซาวุฟไม่ส่งเสริม

คำพูดอีกตัวอย่างหนึ่งเช่น "กึ่งฟ้ากึ่งอัลเลาะฮ์" , "กึ่งต้นไม้กึ่งอัลเลาะฮ์"   หมายถึง  เรามองฟ้าก็เห็นท้องฟ้าแต่จิตใจของเรารู้สึกเสมอว่าท้องฟ้านั้นมันจะอยู่ได้ก็ด้วยกับอัลเลาะฮ์ , เรามองต้นไม้เราก็เห็นว่ามันคือต้นไม้แต่ตาใจของเรารู้สึกอยู่เสมอว่ามันอยู่ได้ด้วยกับอัลเลาะฮ์ (แต่คนฟานาอฺนั้น  เวลาเห็นท้องฟ้าก็บอกว่าอัลเลาะฮ์  เมื่อชี้ต้นไม้ก็บอกว่าอัลเลาะฮ์  ซึ่งเป็นสภาวะจิตใจที่เพล้อต่ออัลเลาะฮ์เท่านั้นเอง  และสภาวะนี้หากเกิดขึ้นแก่ผู้ใด  ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้  อย่ามาอยู่แค่ฟานาอฺ)

พระองค์ทรงตรัสว่า

وَمِنْ آيَاتِهِ أَن تَقُومَ السَّمَاء وَالْأَرْضُ بِأَمْرِهِ

“และหนึ่งจากสัญลักษณ์ทั้งหลายของพระองค์ คือ ชั้นฟ้าและแผ่นดินดำรงอยู่ด้วยพระบัญชาของพระองค์” อัรรูม 25

นี่ก็คือหนึ่งในความหมาย "บะกออฺ"  เมื่อได้เห็นสรรพสิ่งทั้งหลาย   ความรู้สึกในจิตใจของเราก็จะมั่นคงอยู่กับอัลเลาะฮ์(ไม่ลืมพระองค์)

หวังว่าน้องบีเฉินคงจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ    

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 30, 2010, 04:56 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 05:36 PM »
0
อีกเรื่องที่บอกว่า กูคือกู กูกึ่งกูกึ่งอัลเลาะฮ์ กูคืออัลเลาะฮ์ อันนี้ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง !

ผมเคยอ่านหนังสือดังกล่าวแล้ว แต่ยืมเพื่อนอ่าน ซึ่งถ้อยคำนี้แหละที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลย  และหากท่าน beechern มีหนังสือดังกล่าว  คำว่า "กูคืออัลเลาัะฮ์" นั้นมีระบุไว้ในหนังสือเล่มดังกล่าวด้วยหรือไม่? ... และหากพี่น้องท่านใดมีหนังสือดังกล่าว  ช่วยตรวจสอบด้วยว่ามีคำว่า "กูคืออัลเลาะฮ์" หรือไม่?...

ซึ่งหากมีคำๆ นี้กระผมไม่เห็นด้วยเลย..

มีสิครับ เต็มๆเลย ^^
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 05:38 PM »
0

หวังว่าน้องบีเฉินคงจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ    

วัลลอฮุอะลัม

อัลฮัมดุลิลลาฮ์ Jazakallahukoiran ครับ
เข้าใจตั้งแต่ครั้งกระโน้นที่เข้าไปถามแล้วครับ  ;D ;D ;D
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ isma-il

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ต.ค. 30, 2010, 08:26 PM »
0
อัสลามุอลัยกุม

ขอบคุณครับที่ท่านอาจารย์อัชอารีย์ ช่วยได้อธิบายเนื้อหาในหนังสือเพิ่มเติมและก็ผู้รู้ท่านอื่นๆ ที่ได้อธิบาย

ส่วนตัวกระผมก็ไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นยังงัยเหมือนกัน

รออ่าน ได้อย่างเดียว

วัสลามมุอลัยกุมฯ

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ต.ค. 31, 2010, 04:53 AM »
0
ได้เข้าสวรรค์อยู่แล้วหละสำหรับมุสลิม แต่เรื่องของเรื่องเนี่ยจะต้องผ่านนรกก่อนรึปล่าวนะสิ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ต.ค. 31, 2010, 08:54 AM »
0
สลามถึง หลาน บาซีร

   แชบอกได้เพียงว่า  "วั้ลลอฮุอะลัม"

คุณหวัง  จะยกตัวบทจะอ้างอะไรจะนำเสนอสิ่งใด  ก็น่าจะมีการตรวจสอบที่มาและความซอเฮี๊ยะห์ถูกต้อง 
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ต.ค. 31, 2010, 12:47 PM »
0
 
      ในบางตอรีกัต จะมีการเขียนดุอาใส่มือมายัตตอนกะฝั่น เสมือนหนึ่ง พาสสปอต (หนังสือเดินทาง) มุงกัรนาเกรจะยกเว้นเขาจากการสอบสวน   (หลักฐานปรากฏในกิตาบมลายูชื่อ "บะฮ์ญ่าตุ้ลมัรดียะห์" แต่งโดย ท่านอัลฟาเกร มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล อิบนี่ แช็ค ดาวูด อัลฟ่าตอนีย์ อุลามาอ์ใหญ่แห่งรัฐปัตตานีดารุสสลาม)  



อยากให้ผู้รู้ได้อธิบายเพิ่มเติมในส่วนนี้ค่ะ
ว่าหลักฐานมีความซอเฮียะห์เพียงใด
ไม่ใช่ไม่เชื่อนะคะ  แต่อยากได้ความซอเฮียะห์
เพราะเราความรู้น้อย  อ่านกีตาบก็น้อย
บัง al-azhary หรือ ท่าน As-Zaleek ก็ได้ค่ะ อยากให้ท่านนำเสนอ
อินชาอัลลอฮ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 31, 2010, 12:49 PM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ ฮุ้นปวยเอี๊ยง

  • رَبِّ زدْنِيْ عِلْماً
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 994
  • เพศ: ชาย
  • وَارْزُقْنِيْ فَهْماً
  • Respect: +116
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ต.ค. 31, 2010, 04:15 PM »
0
krudawut ครับ น่าจะเอาข้อความที่บอกว่า ผู้ใดเห็นฉัน หรือเห็นคนที่เห็นฉัน  หรือเห็นคนที่เห็นคนที่เห็นฉัน นับได้ยี่สิบชั่วคน ได้เข้าสวรรค์

เอาไปให้ฮัจยีมุรีดฟัตวาสักหน่อย

หรือขบวนการ ม.ร.ฟ.ตรวจสอบ

ออฟไลน์ ฮุ้นปวยเอี๊ยง

  • رَبِّ زدْنِيْ عِلْماً
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 994
  • เพศ: ชาย
  • وَارْزُقْنِيْ فَهْماً
  • Respect: +116
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ต.ค. 31, 2010, 04:26 PM »
0
อีกอย่าง เรื่องคำกล่าวของวะลีที่บอกว่า ใครทำแบบนี้ได้เข้าสวรรค์ โดยไม่มีบัญญัติหลักการศาสนา

จะเชื่อได้หรอครับ

เรื่องของความฝันนั้นจะเอามาเป็นบทบัญญัติศาสนาไม่ได้ไม่ใช่หรอ

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ต.ค. 31, 2010, 04:39 PM »
0
เอาไปใช้บ้างสิ ใครเห็นบังฟีนได้เข้าสวรรค์ยี่สิบชั่วโครต

--(หะดีษเมาดูอฺ)
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

 

GoogleTagged