بسم الله الرحمن الرحيم
พี่น้องผู้เรียกตนว่าชาวซุนนะฮ์ปัจจุบันบางท่านที่มีความคิดและความเชื่อว่าพี่น้องมุสลิมส่วนมากในปัจจุบันทั่วโลกนั้น เป็นชาวนรก! (ซุบฮานัลลอฮ์) เนื่องจากพวกเขาอยู่ในแนวทางอัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูริดียะฮ์ โดยเขามีความเชื่อที่ว่าชนกลุ่มน้อยจะได้เข้าสวรรค์ กล่าวคือ 1000 คนนั้น จะได้เข้าสวรรค์เพียงแค่ 1 คน โดยเข้าใจตัวบทฮะดิษแบบผิดพลาดอย่างอันตรายต่อพี่น้องมุสลิมส่วนมาก โดยเขาคิดว่าแนวทางของตนเท่านั้นที่ถูกต้องส่วนแนวทางอื่นผิด! (ซุบฮานัลลอฮ์) ดังนั้นความเชื่อดังกล่าว ทำให้คิดว่าแนวทางอื่นตกนรก ส่วนแนวทางของตนได้เข้าสวรรค์ ซึ่งความเชื่อนี้ ถือว่าเป็นความเชื่อที่บิดอะฮ์ฏ่อลาละฮ์ลุ่มหลง โดยไม่มีรากฐานจากศาสนาอย่างแท้จริง
ได้รายงานจาก ท่านหญิง อาอิชะฮ์ (ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)
من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد
หมายความว่า "ผู้ใดที่กระทำขึ้นมาใหม่ ในการงาน(ศาสนา)ของเรานี้ กับสิ่งที่ไม่มีมาจากมัน(คือจากการงานของเรา)แล้ว สิ่งนั้นย่อมถูกปฏิเสธ" (รายงานโดย บุคอรีย์ หะดิษที่ 2698 และมุสลิม หะดิษที่ 1718)
ท่าน ญาบิร บิน อับดุลเลาะฮ์ เขากล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
أما بعد: فإن خير الحديث كتاب الله وخير الهدى هدى محمد وشر الأمور محدثاتها وكل محدثة بدعة وكل بدعة ضلالة وكل ضلالة في النار
ความว่า" จากนั้น แท้จริงถ้อยความที่ดีที่สุด คือกิตาบุลเลาะฮ์ แต่ทางนำที่ดีที่สุด คือทางนำของมุหัมมัด แต่บรรดาการงานที่ชั่วที่สุด คือบรรดาสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ และทุกสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ์ และทุกๆ บิดอะฮ์นั้น ลุ่มหลง" ( รายงานโดยมุสลิม หะดิษที่ 867 อิมามอะหฺมัด รายงานไว้ในมุสนัด เล่ม 3 หน้า 310 ท่านอันนะซาอีย์ รายงานไว้ในสุนันของท่าน เล่ม 3 หน้า 188 และท่านอื่นๆ )
ท่านบุคอรีและมุสลิมรายงานว่า
حَدَّثَنِي يُوسُفُ بْنُ مُوسَى حَدَّثَنَا جَرِيرٌ عَنْ الْأَعْمَشِ عَنْ أَبِي صَالِحٍ عَنْ أَبِي سَعِيدٍ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ اللَّهُ يَا آدَمُ فَيَقُولُ لَبَّيْكَ وَسَعْدَيْكَ وَالْخَيْرُ فِي يَدَيْكَ قَالَ يَقُولُ أَخْرِجْ بَعْثَ النَّارِ قَالَ وَمَا بَعْثُ النَّارِ قَالَ مِنْ كُلِّ أَلْفٍ تِسْعَ مِائَةٍ وَتِسْعَةً وَتِسْعِينَ فَذَاكَ حِينَ يَشِيبُ الصَّغِيرُ وَتَضَعُ كُلُّ ذَاتِ حَمْلٍ حَمْلَهَا وَتَرَى النَّاسَ سَكْرَى وَمَا هُمْ بِسَكْرَى وَلَكِنَّ عَذَابَ اللَّهِ شَدِيدٌ فَاشْتَدَّ ذَلِكَ عَلَيْهِمْ فَقَالُوا يَا رَسُولَ اللَّهِ أَيُّنَا ذَلِكَ الرَّجُلُ قَالَ أَبْشِرُوا فَإِنَّ مِنْ يَأْجُوجَ وَمَأْجُوجَ أَلْفًا وَمِنْكُمْ رَجُلٌ ثُمَّ قَالَ وَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ إِنِّي لَأَطْمَعُ أَنْ تَكُونُوا ثُلُثَ أَهْلِ الْجَنَّةِ قَالَ فَحَمِدْنَا اللَّهَ وَكَبَّرْنَا ثُمَّ قَالَ وَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ إِنِّي لَأَطْمَعُ أَنْ تَكُونُوا شَطْرَ أَهْلِ الْجَنَّةِ إِنَّ مَثَلَكُمْ فِي الْأُمَمِ كَمَثَلِ الشَّعَرَةِ الْبَيْضَاءِ فِي جِلْدِ الثَّوْرِ الْأَسْوَدِ أَوْ الرَّقْمَةِ فِي ذِرَاعِ الْحِمَارِ
ท่านอบีสะอีด อัลคุดรีย์ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า โอ้ อาดำ ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า ข้าแด่พระองค์ ความดีงามอยู่ในอำนาจของพระองค์ - อบูสะอีดกล่าวรายงานต่อไปว่า - อัลเลาะฮ์ทรงตรัสสั่งว่า เจ้าจงนำผู้ถูกส่งยังนรกออกมาซิ อาดำ กล่าวถามว่า ผู้ถูกส่งยังนรกจำนวนเท่าไหร่? อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า จากทุก ๆ หนึ่งพันคน จงนำออกมา 999 คน ซึ่งดังกล่าวนั้นอยู่ในสภาวะที่ทารกต้องผมหงอก หญิงมีครรภ์ทุกคนจะคลอดบุตรของนางเอง ท่านจะเห็นบรรดามนุษย์อยู่ในอาการเมามาย (ที่ทั้งที่พวกเขาไม่ได้เมาจริง ๆ) แต่ทว่าการลงโทษของอัลเลาะฮ์นั้นรุนแรงยิ่งนัก ดังนั้นสิ่งดังกล่าวสร้างความหวั่งวิตกแก่พวกเขา พวกเขากล่าวว่า โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ แล้วพวกเราคนใหนล่ะจะได้เป็นชายคนนั้น (ที่เป็นหนึ่งผู้รอดพ้นไฟนรกจากพันคน) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า พวกท่านจงได้รับข่าวดีเถิด เพราะแท้จริงจากกลุ่มญะญูดและมะญูดนั้นมีหนึ่งพันคน
และจากหมู่พวกท่านมีเพียงหนึ่งคน(เท่านั้นที่จะถูกส่งไปลงโทษ และจากฮะดิษท่านอิบนุอับบาสรายงานว่า แท้จริงประชาชาติของฉันนั้นเป็นส่วนหนึ่งจากพันส่วนของประชาชาติอื่น ๆ - ท่านอิบนุหะญัรกล่าวไว้ในหนังสือฟัตหุลบารีย์) ท่านร่อซูลุลลฮ์กล่าวอีกว่า ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในอำนาจของพระองค์ แท้จริงฉันปรารถนาให้พวกท่านจะได้เป็นหนึ่งในสามของชาวสวรรค์ - อบูสะอีดกล่าวรายงานกล่าว - พวกเราจึงทำการสรรเสริญต่ออัลเลาะฮ์และทำการตักบีรสดุดีความยิ่งใหญ่ต่อพระองค์ หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ กล่าวต่ออีกว่า ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในอำนาจของพระองค์
แท้จริงฉันปรารถนาให้พวกท่านจะได้เป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์ เพราะแท้จริง อุปมาพวกท่านในหมู่ประชาชาติทั้งหลายนั้น ประหนึ่งขนสีขาวที่อยู่บนผิวหนังสือของโคสีดำหรือจุดวงกลม(สีขาว)ที่อยู่ที่หน้าแข้งของลา" รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
จากฮะดิษดังกล่าว ระบุว่า 999 คน จาก 1000 คนที่ถูกส่งไปนรกนั้น เป็นกลุ่มพวกญะญดมะญูดและผู้อยู่แนวทางของพวกเขา มิใช่พี่น้องมุสลิมจากอุมมะฮ์ของท่านบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม حَدَّثَنِي مُحَمَّدُ بْنُ بَشَّارٍ حَدَّثَنَا غُنْدَرٌ حَدَّثَنَا شُعْبَةُ عَنْ أَبِي إِسْحَاقَ عَنْ عَمْرِو بْنِ مَيْمُونٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ كُنَّا مَعَ النَّبِيِّ فِي قُبَّةٍ فَقَالَ أَتَرْضَوْنَ أَنْ تَكُونُوا رُبُعَ أَهْلِ الْجَنَّةِ قُلْنَا نَعَمْ قَالَ أَتَرْضَوْنَ أَنْ تَكُونُوا ثُلُثَ أَهْلِ الْجَنَّةِ قُلْنَا نَعَمْ قَالَ أَتَرْضَوْنَ أَنْ تَكُونُوا شَطْرَ أَهْلِ الْجَنَّةِ قُلْنَا نَعَمْ قَالَ وَالَّذِي نَفْسُ مُحَمَّدٍ بِيَدِهِ إِنِّي لَأَرْجُو أَنْ تَكُونُوا نِصْفَ أَهْلِ الْجَنَّةِ وَذَلِكَ أَنَّ الْجَنَّةَ لَا يَدْخُلُهَا إِلَّا نَفْسٌ مُسْلِمَةٌ وَمَا أَنْتُمْ فِي أَهْلِ الشِّرْكِ إِلَّا كَالشَّعْرَةِ الْبَيْضَاءِ فِي جِلْدِ الثَّوْرِ الْأَسْوَدِ أَوْ كَالشَّعْرَةِ السَّوْدَاءِ فِي جِلْدِ الثَّوْرِ الْأَحْمَرِ
รายงานจากอัมร์ บิน มัยมูน จากอับดุลลอฮ์ (อิบนุมัสอูด) เขากล่าวว่า "เราได้อยู่พร้อมกับท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ณ ที่เต้นท์หนึ่ง(ที่มีนา) ดังนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า พวกท่านมีความพอใจหรือไม่ที่จะได้เป็นหนึ่งในสี่ของชาวสวรรค์ พวกเราตอบว่า ขอรับ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ กล่าวว่า พวกท่านมีความพอใจหรือไม่ ที่จะได้เป็นหนึ่งในสามของชาวสวรรค์ พวกเราตอบว่า ขอรับ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ กล่าวอีกว่า พวกท่านมีความพอใจหรือไม่ ที่จะได้เป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์ พวกเราตอบว่า ขอรับ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ กล่าวว่า ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในอำนาจของพระองค์
แท้จริงฉันหวังที่จะให้พวกท่านเป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์ และดังกล่าวนั้น เพราะว่าสวรรค์จะไม่ได้เข้านอกจากชีวิตที่นอบน้อมยอมตน และพวกท่านจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มชนผู้ตั้งภาคี นอกจากอุปมาดังขนสีขาวที่อยู่บนหนังสือโคสีดำหรือขนสีดำที่อยู่บนหนังโคที่แดง" รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
حَدَّثَنَا هَنَّادُ بْنُ السَّرِيِّ، حَدَّثَنَا أَبُو الأَحْوَصِ، عَنْ أَبِي إِسْحَاقَ، عَنْ عَمْرِو بْنِ مَيْمُونٍ، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ، قَالَ قَالَ لَنَا رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم " أَمَا تَرْضَوْنَ أَنْ تَكُونُوا رُبُعَ أَهْلِ الْجَنَّةِ " قَالَ فَكَبَّرْنَا . ثُمَّ قَالَ " أَمَا تَرْضَوْنَ أَنْ تَكُونُوا ثُلُثَ أَهْلِ الْجَنَّةِ " قَالَ فَكَبَّرْنَا . ثُمَّ قَالَ " إِنِّي لأَرْجُو أَنْ تَكُونُوا شَطْرَ أَهْلِ الْجَنَّةِ وَسَأُخْبِرُكُمْ عَنْ ذَلِكَ مَا الْمُسْلِمُونَ فِي الْكُفَّارِ إِلاَّ كَشَعْرَةٍ بَيْضَاءَ فِي ثَوْرٍ أَسْوَدَ أَوْ كَشَعْرَةٍ سَوْدَاءَ فِي ثَوْرٍ أَبْيَضَ
รายงานจากอัมร์ บิน มัยมูน จากอับดุลลอฮ์ (อิบนุมัสอูด) เขากล่าวว่า "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวแก่เราว่า พวกท่านไม่พอใจที่จะได้เป็นหนึ่งในสี่ของชาวสวรรค์ดอกหรือ - ท่านอับดุลลอฮ์กล่าวว่า - พวกเราจึงทำการกล่าวตักบีรสดุดีความยิ่งใหญ่ต่ออัลเลาะฮ์ หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า พวกท่านไม่พอใจที่จะเป็นหนึ่งในสามของชาวสวรรค์ดอกหรือ - ท่านอับดุลลอฮ์กล่าวว่า - พวกเราจึงทำการกล่าวตักบีรสดุดีความยิ่งใหญ่ต่ออัลเลาะฮ์ หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า
ฉันหวังอย่างยิ่งที่จะให้พวกท่านเป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์ และต่อไปฉันจะบอกแก่พวกท่านจากสิ่งดังกล่าวว่า ไม่มีบรรดามุสลิมในหมู่ชนกาเฟรนอกจากอุปมาดังขนสีขาวในโคสีดำหรือขนที่ดำในโคสีขาว" รายงานโดยมุสลิม
ท่านชัยคุลอิสลาม อิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์ ได้กล่าวอธิบายไว้ใน หนังสือฟัตหุลบารีย์ ความว่า
ได้รายงานจากท่านอะห์ , ท่านอิบนุอะบีหาติม , จากฮะดิษอบูฮุรอยเราะฮ์ เขากล่าวว่า "ในขณะที่อายะฮ์อัลกุรอานที่ว่า
ثُلَّةٌ مِّنَ الْأَوَّلِينَ وَقَلِيلٌ مِّنَ الْآخِرِينَ
"(บรรดาผู้ทำความดีก่อน , ผู้สร้างความใกล้ชิด , และอยู่ในสรวงสวรรค์) พวกเขาเป็นชนมหึมาจากบรรพชน(ก่อนยุคนบีมุฮัมมัด) และเป็นจำนวนน้อยจากบรรดาชนรุ่นหลัง(จากนบีมุฮัมมัด จนถึงวันกิยามะฮ์)" อัลวากิอะฮ์ 13 - 14
สิ่งดังกล่าวทำให้บรรดาซอฮาบะฮ์มีความวิตกกังกล ดังนั้น อายะฮ์อัลกุรอานจึงประทานลงมาอีกความว่า
ثُلَّةٌ مِّنَ الْأَوَّلِينَ وَثُلَّةٌ مِّنَ الْآخِرِينَ
"
(ชนชาวขวา)ซึ่งเป็นชุมชนมหึมาในบรรพชนยุคแรก และเป็นชนมหึมาจากบรรพชนยุคหลัง (จากท่านนบีมุฮัมมัดจนถึงวันกิยามะฮ์)" อัลวากิอะฮ์ 39 - 40
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกข่าวดีว่า ประชาชาติของท่านเป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์ แต่หลังจากนั้น อัลเลาะฮ์จะประทานความโปรดปรานด้วยการเพิ่มให้อีกเกินครึ่ง" ชัรห์มุสลิม 2/98
ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์ อธิบายว่า ได้นำเสนอรายงานโดยท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์ "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น ในขณะที่หวังความเมตตาต่อพระผู้อภิบาลของเขา เพื่อให้ประชาชาติของท่านนบีเป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์
ดังนั้นพระองค์จึงประทานให้ทางที่ท่านนบีได้หวังไว้และทรงเพิ่มให้อีก ซึ่งมันตรงกับคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตาอาลาที่ว่า
وَلَسَوْفَ يُعْطِيكَ رَبُّكَ فَتَرْضَى
"และต่อไปองค์อภิบาลของเจ้าจะประทานแก่เจ้า จนเจ้าพึงพอใจ" อัฏฏุฮา 5
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า "ฮะดิษ อุมมะฮ์นี้เป็นครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์ นั้นมี มีคุณค่าอันดีงาม คือสิ่งดังกล่าวนั้น เพื่อทำให้บรรดาจิตใจของพวกเขามีความสบายใจและเป็นการให้เกียรติแก่พวกเขาอย่างยิ่งยวด" ชัรห์มุสลิม 2/98
ดังนั้น หากพี่น้องมุสลิมส่วนมากตกนรก ก็แสดงว่าสวรรค์คงเหงาน่าดู และชาวสววรค์ของประชาชาตินี้ก็ไม่ถึงครึ่ง ซึ่งขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และความเชื่อที่ว่ามุสลิมได้เป็นครึ่งหนึ่งของชาวสววรค์หรือมากกว่านั้น ถือเป็นการให้เกียรติแก่พี่น้องมุสลิมตามซุนนะฮ์นบี
ดังนั้น ความเชื่อที่ว่าพี่น้องมุสลิมส่วนมากตกนรกถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หรือว่าประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัดอันมากมายที่ท่านมีความภาคภูมิใจในวันกิยามะฮ์เหนือประชาชาติอื่นนั้น ท่านนบีต้องมาอดสูเศร้าระทมเพราะประชาชาติส่วนมากของท่านต้องลงนรก!! ซุบฮานัลลอฮ์
หากมีคำถามว่า เหตุใดพี่น้องอัลอะชาอิเราะฮ์ ถึงไม่ฮุกุ่มพี่น้องมุสลิมต่างทัศนะว่าลงนรก?
เราขอตอบว่า : มนุษย์สามารถฮุกุ่มได้ตามหลักการของอิสลามว่า สิ่งนั้น วายิบ , ฮะรอม , สุนัต , มักโระฮ์ , มุบาห์ , สิ่งนั้นผิด , สิ่งนั้นถูก , เป็นต้น ดังนั้น เราต้องมีมารยาทต่ออัลเลาะฮ์ การตัดสินฮุกุ่มพี่น้องมุสลิมว่าเป็นชาวนรกมิใช่เป็นสิทธิ์ของผู้เป็นบ่าวที่ต่ำต้อย ไม่มีสะละฟุศศอลิห์ท่านใดทำการฮุกุ่มมุสลิมต่างทัศนะว่าลงนรก การตัดสินผิดพลาดว่าบุคคลหนึ่งว่าเป็นมุสลิมย่อมดีกว่าตัดสินบุคคลหนึ่งว่าเป็นกาเฟรแบบผิดพลาด แล้วจะนับประสาอะไรกับการฮุกุ่มพี่น้องมุสลิมต่างทัศนะว่าลงนรก
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า
مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ
"ผู้ทรงสิทธิอำนาจในการตอบแทน" อัลฟาติหะฮ์ 4
เราละหมาดกันทุกวัน อ่านอายะฮ์กันทุกวัน แต่เราเข้าไม่ถึงแก่นแท้สิ่งที่เราอ่านในละหมาด อัลเลาะฮ์ทรงยืนยันแก่พระองค์ว่า พระองค์คือผู้ทรงสิทธิในการตอบแทนสวรรค์และการลงโทษด้วยไฟนรก แต่ทำไมพี่น้องมุสลิมบางกลุ่มถึง ใช้อำนาจสิทธินี้ในโลกดุนยาโดยฮุกุมพี่น้องมุสลิมต่างทัศนะว่าลงนรกเสียแล้ว มารยาทระหว่างเราผู้เป็นบ่าวที่มีต่ออัลเลาะฮ์ไปอยู่ในใหนแล้วครับ วัลอิยาซุบิลลาฮ์
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสเช่นกันว่า
فَيَغْفِرُ لِمَن يَشَاءُ وَيُعَذِّبُ مَن يَشَاءُ وَاللّهُ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
"แล้วพระองค์ก็ทรงให้อภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงลงโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮ์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง" อัลบะกอเราะฮ์ 284
ดังนั้น อัลเลาะฮ์ผู้ทรงตัดสินอภัยโทษและลงโทษ พระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินว่าใครได้เข้าสวรรค์และใครลงนรก หากพระองค์ทรงให้เราเข้าสวรรค์ก็เป็นเพราะความโปรดปรานของพระองค์เท่านั้น และหากพระองค์ทรงให้ลงนรกก็เป็นเพราะความยุติธรรมของพระองค์ ฉะนั้นเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินพี่น้องมุสลิมลงนรก
อัลอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ ระบุไว้ในหนังสือเญาฮะเราะฮ์อัตเตาฮีด ของท่านอิมามอัลลักกอนีย์ ความว่า
ومن يمت ولم يتب من ذنبه. فأمره مفوض لربه
"ผู้ใดตายโดยไม่เตาบะฮ์จากบาปของเขา ดังนั้นการงานของเขาถูกมอบหมายแด่ผู้อภิบาลของเขา"
ดังนั้น เราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ ชนส่วนใหญ่แห่งโลกอิสลามทั้งในอดีตและปัจจุบัน ขอกล่าวว่า พี่น้องมุสลิมผู้มีกะลีเมาะฮ์เดียวกัน ไม่ว่ามาจากอัลอะชาอิเราะฮ์ อัลมุตูรีดียะฮ์ อัลวะฮาบียะฮ์ ล้วนเป็นชาวสวรรค์ด้วยความโปรดปรานจากอัลเลาะฮ์ตาอาลาครับ والله تعالي أعلي وأعلم