
ซูเราะฮ อะละอิมรอน
19. แท้จริงศาสนา ณ อัลลอฮ์นั้นคือ อัลอิสลาม(*1*) และบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์(*2*) มิได้ขัดแย้งกันนอกจากหลังจากที่ได้รับความรู้(*3*)มายังพวกเขาเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากความอิจฉาริษยาระหว่างพวกเขา(*4*)เอง และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮ์แล้วไซร้แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรวดเร็วในการชำระ
(1) หมายถึงศาสนาแห่งการเชื่อฟัง และปฏิบัติตามโดยปราศจากการจัดแย้ง
(2) หมายถึง ยิวและคริสต์
(3) หมายถึงความรู้จากอัลกุรอาน ที่ท่านนะบีนำมา
(4) คืออิจฉาริษยาพวกเขากันเองที่ยอมรับความจริง และศรัทธาต่อท่านนะบี
20. แล้วหากพวกเขาโต้แย้งเจ้า ก็จงกล่าวเถิดว่าฉันได้มอบใบหน้า (ร่างกาย) ของฉัน(*1*) แด่อัลลอฮ์แล้ว และผู้ที่ปฏิบัติตามฉัน(ก็มอบ) ด้วยและเจ้าจงกล่าวแก่บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ และบรรดาผู้ที่เขียนอ่านไม่เป็น(*2*) ว่า พวกท่านมอบ (ใบหน้าแด่อัลลอฮ์) แล้วหรือ? ถ้าหากพวกเขาได้มอบแล้วแน่นอนพวกเขาก็ได้รับแล้ว ซึ่งแนวทางอันถูกต้อง และถ้าหากพวกเขาผินหลังให้ แท้จริงหน้าที่ของเจ้านั้นเพียงการประกาศให้ทราบเท่านั้น(*3*) และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเห็นปวงบ่าวทั้งหลาย
(1) หมายถึงร่างกายทั้งหมดด้วยชาวอาหรับถือว่าใบหน้าเป็นส่วนสำคัญของร่างกายเมื่อระบุถึงใบหน้าจึงหมายถึงร่างกายทั้งหมดด้วย
(2) คือพวกมุชริกีนมักกะฮ์
(3) คือไม่มีหน้าที่บังคับให้ใครศรัทธา
83. อื่นจากศาสนาของอัลลอฮ์กระนั้นหรือที่พวกเขาแสวงหา? และแด่พระองค์นั้น ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินได้นอบน้อมกัน(*1*)ทั้งด้วยการสมัครใจ และฝืนใจ และยังพระองค์นั้นพวกเขาจะถูกนำกลับไป
(1) คือนอบน้อมในกฏสภาวการณ์ของพระองค์ที่ทรงกำหนดให้มีแก่โลกจะในฐานะเป้นผู้ยอมรับด้วยความยินดีหรือไม่ก็ตาม
85. และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด(*1*) และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน
(1) คืออัลลอฮ์จะไม่ทรงรับศาสนานั้นจากเขาเป็นอันขาด
102. โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยำเกรงอัลลอฮ์อย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าจงอย่าตาย(*1*)เป็นอันขาดนอกจากในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมเท่านั้น(*2*)
(1) คือให้เรามีชีวิตอยู่ในวิะทางของอัลลอฮ์อยุ่เสมอ เพื่อว่าเมื่อได้ตายลง จะได้ตายในฐานะผู้นอบน้อมต่ออัลลอฮ์ถ้ามิเช่นนั้นแล้วก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเราจะตายในฐานะใด
(2) คือเป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในฐานะเป็นผู้จงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ (อัลอิสลาม)