เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
จริงหรือไม่ ? ที่ เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงเป็น นบี เพราะมี มัวะญีซาต
FA-TI-MAH:
--- อ้างจาก: hiddenmin ที่ พ.ย. 11, 2010, 07:57 PM ---
เอาแล้วไง ฟัตวาออกมาแล้ว
แล้วที่บอกว่าตำราเกี่ยวกับศาสนาพุทธเดี๋ยวมันโดนดัดแปลง สังคายนา ไม่ทราบว่าคุณ deedee ไปเอาข้อมูลข้อเท็จจริงข้อมูลที่เป็นพุทธแท้ๆ มาจากไหนละครับ
ผมจะได้ไปลองหาศึกษาดูบ้าง
--- End quote ---
โปรดไปดูในหนังสือ ...
1. "พระผู้เป็นเจ้าของพระพุทธเจ้า" โดย "จามเช็ด"
2. หนังสือ "อิสลามศาสนาแห่งสากลโลก"
3. หนังสือ "นบีมุฮัมมัีดในคัมภีร์พระเวทและคัมภีร์ปุราณะ" แปลโดย อ.บรรจง
hiddenmin:
--- อ้างจาก: FATIMAH ที่ พ.ย. 06, 2010, 11:59 PM ---......
.......
อนึ่ง มีผู้เขียนหนังสือเรื่อง "พระผู้เป็นเจ้าของพระพุทธเจ้า" แปลโดย "จามเช็ด" จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นนบี ซึ่งมีอัลลอฮ์เป็นเจ้า ผู้ทรงประทานวะฮีย์นั้นให้
.......
.......
--- End quote ---
จาก http://www.kledthaishopping.com/product-th-467573-250323-พระผู้เป็นเจ้าของพระพุทธเจ้า.html บอกไว้ว่า
รายละเอียด: แต่งโดย จามเช็ด เค. ฟอสดาร์
แปลโดย วิเชียร แก่นทองหลาง
--- อ้างถึง ---เนื่องจากมีการอ้างอิงคัมภีร์ศาสนาพุทธอย่างกว้างขวางเพื่อสนับสนุนงานนิพนธ์ ดังนั้นโดยพื้นฐาน หนังสือเล่มนี้จึงเป็นงานเขียนด้านธรรมมะ ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเรื่องที่ชี้ชวนให้ลองศึกษา อย่างไรก็ตาม เนื้อหาที่ผู้เขียนนำเสนอ ซึ่งแสดงโดยชัดแจ้งให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายและชะตากรรมของมวลมนุษยชาติในแง่มุมของศาสนานั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในความรู้สึกของมนุษย์ เนื้อหายังได้รวมรายละเอียดครอบคลุมถึงผลสำเร็จของมนุษย์ ทั้งในเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม
--- End quote ---
มั่นใจได้ไงว่าคำภีร์ที่เป็นแหล่งอ้างอิงจะเป็นคำภีร์ที่เขียนมาจากสิทธัตถะจริงๆ ไม่ได้ถูกสังคายนา
และก็คัมภีร์พระเวทและ็คัมภีร์ปุราณะที่ผมทราบมามันเป็นหนังสือของฮินดูเขา เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้
อินชาอัลลอฮ เสารนี้ผมจะม. ธรรมศาสตร์ จะลองเข้าหอป๋วยไปหาหนังสือพวกนี้ดู หรือถ้าพี่น้องทราบว่าหอสมุดที่ไหนมีหนังสือทั้งสามเล่มนี้ก็ช่วยบอกกล่าวกันหน่อยละกัน
ถ้าไม่เป็นการลำบากก็อยากให้ FATIMAH ใบ้สักหน่อยนึงว่าเรื่องที่เกี่ยวกับซิฟัตนบี คำสอนพระเจ้าองค์เดียว ปฏิเสธเรื่องราวในชาดกที่เกี่ยวกับกลับชาติมาเกิิด นั้นอยู่ในเล่มไหนหน้าไหน
และก็ ถ้าสิทธัตถะเป็นนบีหรือเป็นรอซุลมันจะทำไมกับตัวเราเหรอ
FA-TI-MAH:
ในศาสนาพุทธ คำว่า "พุทธ" (Buddha) หมายถึง "นบี, ผู้รู้แจ้ง" คำว่า "อันติมพุทธ" (Antim Buddha) หมายถึง "นบีสุดท้าย" ก่อนที่พระพุทธเจ้า (เคาตมพุทธ) จะเสียชีวิต ท่านได้ให้คำทำนายแก่ "นันทะ" สานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดของท่านว่า
"โอ้ นันทะ ฉันมิได้เป็น "พุทธ" (นบี) คนแรก ในโลกนี้ และฉันก็ไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย วันข้างหน้าจะมี "พุทธ" (นบี) ท่านหนึ่งปรากฏขึ้นในโลกนี้ซึ่งจะมาสอนสัจธรรม (อิ้ลมุนหะกีกี) และการทำทาน (ซะกาต) เขาเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์และสูงส่ง หัวใจของเขาจะสะอาด เขาจะมีความรู้วิทยปัญญา เขาจะเป็นผู้นำและผู้ชี้ทางมนุษย์ทั้งมวล เขาจะสอนสัจธรรมเช่นเดียวกับที่ฉันได้สอนสัจธรรม เขาจะให้แนวทางดำเนินชีวิตแก่โลก ซึ่งจะสะอาดบริสุทธิ์และสมบูรณ์ในเวลาเดียวกัน นันทะเอ๋ย ชื่อของเขาคือ "ไมเตรยะ"
(Gospel of Buddha by Carus,p.217)
ตามหลักนิรุกติศาสตร์ คำว่า "พุทธ" หมายถึงคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากวิทยญาณ ดังนั้น วอร์เรน (Warren) จึงกล่าวไว้ในหนังสือ Muhammad in the Buddhist Scriptures (มุฮัมมัดในคัมภีร์ของชาวพุทธ) หน้า 1 ว่า : "มนุษย์เท่านั้นที่สามารถจะเป็น "พุทธ" (นบี) เทพเจ้าไม่อาจเป็นได้"
ลักษณะของ "พุทธ" (นบี)
1. "พุทธ" (นบี) มาจากครอบครัวผู้ปกครองและมั่งคั่ง
2. "พุทธ" (นบี) มีลูก
3. "พุทธ" (นบี) มีภรรยา และครอบครัว และเป็นผู้ปกครอง
4. "พุทธ" (นบี) ใช้ชีวิตปกติของตนเองอย่างสมบูรณ์ (Warren, Muhammad in the Buddhist Scriptures, หน้า 79)
5. "พุทธ" (นบี) ทำงานของตนเอง (The Dhammapada. (ธัมปทา) S.B.E. เล่ม 10 หน้า 67)
6. "พุทธ" (นบี) เป็นผู้เผยแผ่ และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้เผยแผ่ "ตถาคต (พุทธ) เป็นเพียงผู้เผยแผ่" (The Dhammapada. (ธัมปทา) S.B.E. เล่ม 10 หน้า 67)
7. เมื่อ"พุทธ" (นบี) แยกตัวไปปลีกวิเวก พระเจ้าได้ส่งมลาอิกะห์และญินมายังท่าน (Saddharma Pundrika (สัทธรรม ปุณทริกา) S.B.E. เล่ม 10 หน้า 225)
8. "พุทธ" (นบี) ทุกท่าน เตือนผู้คนถึง "พุทธ" (นบี) คนก่อนๆ และได้เตือนผู้คนถึงการหลอกลวงของมารร้าย (ชัยตอน) ที่นำความหายนะและการทำลายมาโดยการส่งเสริมการทำบาป (Carus,Gospel of Buddha หน้า 254)
9. ผู้ปฏิบัติตาม "พุทธ" (นบี) จะได้ความสมบูรณ์ พวกเขาจะไม่หลงผิด
10. มี "พุทธ" (นบี) แค่คนหนึ่งในโลก ในเวลาหนึ่ง
11. ลักษณะสำคัญของ "พุทธ" (นบี) ก็คือ ท่านไม่มีครูในโลก
ลักษณะของไมเตรยะพุทธ
1. ไมเตรยะ หมายถึง "ความเมตตา"
2. อันติมพุทธไมเตรยะ จะมีลักษณะทุกอย่างของพุทธดังกล่างข้างต้น
3. ไมเตรยะ จะประชุมใต้ต้นโพธิ์ ในหนังสือ Taka Kasu หน้า 213 ต้นโพธิ์มีสองประเภท คือ ต้นโพธิ์แห่งโลกนี้ และต้นโพธิ์แห่งโลกหน้า พุทธได้ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ส่วนต้นโพธิ์แห่งโลกหน้าแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างกว้างขวางมาก หลักจากตรัสรู้แล้ว พุทธได้จ้องมองต้นโพธิ์ด้วยสายตานิ่ง
4. เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปแล้วกระดูกคอของพุทธแข็งแรงมาก ด้วยเหตุผลนี้เองในการหันคอของท่าน ท่านจึงได้หันทั้งร่างกาย (Dhammapada. S.B.E. เล่ม 11 หน้า 64 เชิงอรรถ)
ดังนั้น ไมเตรยะ (นบีมุฮัมมัด ซ.ล.) จึงต้องมีลักษณะนี้ด้วย
นบีมุฮัมมัดในฐานะไมเตรยะ
ตอนนี้เราก็สามารถตรวจสอบว่าใครที่มีลักษณะของไมเตรยะ ทั้งหมดตามคำพยากรณ์ดังกล่าว และนอกจากนั้นแล้ว ยังมีลักษณะของ "พุทธ" ทั้งหมดด้วย
1.) พระเจ้าได้กล่าวถึงนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ว่า "และพระองค์ได้พบว่าเจ้าเป็นเด็กกำพร้าแล้วทรงให้เป็นที่พึ่งดอกหรือ?" (อัลกุรอาน 93 : 6) ก่อนหน้าที่ท่านจะมาเป็นนบี ท่านก็มีรายได้มั่งคั่งอย่างเพียงพอ ท่านมีม้าหลายตัว ท่านเคยใช้อูฐที่มีชื่อเสียงตัวหนึ่ง ชื่อ "กอส วะฮ์" ท่านขี่อูฐตัวนี้เมื่อตอนท่านอพยพออกจากกมักกะห์ไปสู่มาดินะห์ ท่านมีอูฐตัวเมียอีก 20 ตัว ซึ่งท่านเอานมของมันมาใช้สำหรับเลี้ยงลูกและแขกของท่าน ท่านมีแพะตัวเมีย 7 ตัวแต่ไม่มีควาย เพราะควายไม่มีในอาราเบีย ท่านมีสวนอินทผลัม 7 สวน แต่ท่านได้ใช้มันเป็นทาน ท่านเป็นเจ้าของที่ดิน 3 ผืน มีบ่อน้ำหลายแห่ง เราต้องอย่าลืมว่าการเป็นเจ้าของบ่อน้ำเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งในอาราเบีย เพราะน้ำเป็นสิ่งที่มีค่ามากในอาราเบีย ซึ่งเป็นแผ่นดินทะเลทราย
Deeneeyah:
การเวียนว่ายตายเกิด เป็นความเชื่อที่สืบทอดมาจากฮินดู ซึ่งมาก่อนศาสนาพุทธ แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าได้ถูกสังคยนาให้มีขึ้นในตอนหลัง
และก็ไม่เคยได้ยินว่าคำสอนของเจ้าชายสิทธะ มาลบล้างความชื่อนี้
อะกีดะฮฺอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่อง "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
คามกัณฑ์ในมหาปรินิพพานสูตร ฯ
"ดูกรอานนท์ อย่างไรเล่า ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็น ที่พึ่งอยู่ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนา ในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ เป็นผู้มีเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก อย่างนี้แล อานนท์ ภิกษุจึงจะชื่อว่า มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่งในบัดนี้ก็ดี โดยที่เราล่วงไปแล้วก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มิใช่มีสิ่ง อื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุของเราที่เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาจักปรากฏอยู่ในความเป็นยอดยิ่ง ฯ"
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต คาถาธรรมบท ภิกขุวรรคที่ ๒๕
" ดูกรภิกษุ เธอนั้นผู้มีตนอันคุ้มครองแล้ว มีสติ จักอยู่เป็นสุข ต น แ ล เ ป็ น ที่ พึ่ ง ข อ ง ต น
ตนแลเป็นคติของตน เพราะเหตุนั้น ท่านจงสำรวมตน เหมือนพ่อค้าระวังม้าดีไว้ "
อะกีดะฮฺแบบนี้ขัดกับอะกีดะฮฺของเราหรือไม่
hiddenmin:
ที่วงเล็บนบีต่อท้ายคำว่าพุทธเนี่ยะจะสื่อถึงอะไรครับ
--- อ้างถึง ---ลักษณะของไมเตรยะพุทธ
1. ไมเตรยะ หมายถึง "ความเมตตา"
2. อันติมพุทธไมเตรยะ จะมีลักษณะทุกอย่างของพุทธดังกล่างข้างต้น
3. ไมเตรยะ จะประชุมใต้ต้นโพธิ์ ในหนังสือ Taka Kasu หน้า 213 ต้นโพธิ์มีสองประเภท คือ ต้นโพธิ์แห่งโลกนี้ และต้นโพธิ์แห่งโลกหน้า พุทธได้ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ส่วนต้นโพธิ์แห่งโลกหน้าแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างกว้างขวางมาก หลักจากตรัสรู้แล้ว พุทธได้จ้องมองต้นโพธิ์ด้วยสายตานิ่ง
4. เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปแล้วกระดูกคอของพุทธแข็งแรงมาก ด้วยเหตุผลนี้เองในการหันคอของท่าน ท่านจึงได้หันทั้งร่างกาย (Dhammapada. S.B.E. เล่ม 11 หน้า 64 เชิงอรรถ)
ดังนั้น ไมเตรยะ (นบีมุฮัมมัด ซ.ล.) จึงต้องมีลักษณะนี้ด้วย
--- End quote ---
ไหนหลักฐานที่ว่ารอซูลของเรามีลักษณะตามสี่ข้อนี้ครับ
ยังไม่ตอบผมเลย ถ้าพุทธเป็นนบีแล้วจะทำไมครับ หรือว่าเราต้องศึกษาอากีดะฮกันใหม่
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version