بسم الله الرحمن الرحيم
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته
ซัยยิดีย์ อัลอิมาม อิบนุ อะฏออิลและฮ์ (ร.ฏ.) ได้กล่าวฮิกัมหนึ่งว่า
لا يستحقر الورد إلا جهول ، الوارد يوجد فى الدار الأخرة ، والورد ينطوى بإنطواء هده الدار ، وأولى ما يعتني به مالا يخلف وجوده ، الورد هو طالبه منك ، والوارد أنت تطلبه منه ، وأين ما هو طالبه منك مما هو مطلبك منه؟
"จะไม่ทำเบาความกับอัลวิริด นอกจากผู้ที่โง่เขลาเท่านั้น อัลวาริดจะมีอยู่ในโลกหน้า และวิริดจะมลายสิ้นสุดด้วยการสิ้นสุดของโลกนี้ และสิ่งที่ดีเลิสสุดในการเอาใจใส่นั้น คือสิ่งที่ไม่สามารถทดแทนให้มีขึ้นมาได้ อัลวิริดคือสิ่งพระองค์ต้องการมันจากท่าน และอัลวาริดคือสิ่งที่ท่านต้องการมันจากพระองค์ และสิ่งที่พระองค์ต้องการจากท่าน (ย่อมบังควรยิ่งกว่า) จากสิ่งที่ท่านต้องการจากพระองค์กระนั้นหรือ?"
ผมขอนำเสนออธิบายฮิกัมส่วนแรกก่อนและโอกาสต่อไปจะนำเสนออธิบายในส่วนฮิกัมส่วนอื่น ๆ อินชาอัลเลาะฮ์
لا يستحقر الورد إلا جهول
"
จะไม่ทำเบาความกับอัลวิริด นอกจากผู้ที่โง่เขลาเท่านั้น"
คำว่า อัลวิริด الورد หมายถึง ส่วนหนึ่งของอิบาดะฮ์สุนัตต่าง ๆ ที่ท่านได้ปฏิบัติมันอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาที่เฉพาะ เช่นการละหมาดสุนัตหลาย ๆ ร่อกะอัต การอ่านอายะฮ์อัลกุรอานที่ง่าย ๆ หรือเช่นการอ่านซิกิรต่าง ๆ ในยามเช้าและยามเย็น ดังนั้น เมื่อท่านได้ปฏิบัติบรรดาอิบาดะฮ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอในเวลาที่เฉพาะเจาะจงของทุก ๆ วัน นั่นย่อมหมายถึง "วิริด"
ในบรรดามนุษย์นั้น ยังมีผู้ดูหมิ่นกับบรรดาวิริดที่ซูฟีย์หรือผู้เน้นหนักตะเซาวุฟให้ความสำคัญ ซึ่งบางครั้งบ่อเกิดของการดูหมิ่นต่อมันก็คือ มีผู้ทำเบาความต่อตะเซาวุฟ และบรรดาอะมัลของหัวใจที่จิตต้องการขัดเกลาให้บริสุทธิ์จากความมัวหมองและความโสมมที่ทำให้หัวใจถูกปิดกั้นจากอัลเลาะฮ์และมาหักห้ามจากความเอร็ดอร่อยของการตออัตและการปฏิบัติอิบาดะฮ์
ท่านคงตระหนักดีว่า ย่อมไม่มีความดีงามใด ๆ ในอิสลามที่มีต่อมนุษย์คนหนึ่งที่มีเพียงแต่ลิ้น บรรดาอวัยวะและการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทางภายนอกของเขาเท่านั้น แต่อิสลามจะไม่สมบูรณ์ นอกจาก สติปัญญาของเขาต้องมีอีม่านแห่งการรับรู้และมั่นใจ และหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรักและการให้เกียรติ และบทบาทของอิหม่านจะไม่สมบูรณ์ นอกจากด้วยการปฏิบัติความดีงามที่ทำให้มนุษย์อยู่กับอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ในทุกท่วงจังหวะของการเคลื่อนไว
ดังนั้น อะไรคือสิ่งที่ทำให้หัวใจมีชีวิตชีวาด้วยการปฏิบัติความดีงามและทำให้มีความรักคำนึงต่ออัลเลาะฮ์ (ซ.บ.)? วิธีการดังกล่าว คือ หลังจากที่เขาได้ปฏิบัติบรรดาสิ่งฟัรดูและห่างไกลจากบรรดาความชั่วแล้ว ก็ให้เขาทำการซิกรุลเลาะฮ์และตั้งจิตมั่นอยู่กับอัลเลาะฮ์ให้มาก ๆ ซึ่งดังกล่าว ประดุจดังอาหารของหัวใจ ที่เดินทางไปสู่จุดหมาย
การซิกรุลเลาะฮ์มาก ๆ และสม่ำเสมอในทุกประเภทของการซิกิรนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริม การวางระเบียบปฏิบัติการซิกิรย่อมเป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมเช่นกัน และหากไม่มีการวางระเรียบปฏิบัติซิกิรเป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้วไซร้ สิ่งตรงกันข้ามก็ย่อมเกิดขึ้น นั่นก็คือ การทำให้เกิดความวุ่นวายในการซิกิรกลายเป็นสิ่งที่น่าส่งเสริม ซึ่งความจริงต้องไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน
อัลกุรอานและซุนนะฮ์ ได้เตือนให้มุสลิมตระหนักถึงการวางระบบและระเบียบของการซิกรุลเลาะฮ์ ซึ่งอัลกุรอานได้ย้ำเตือนให้มุสลิมมุ่งจิตใจไปยัอัลเลาะฮ์ด้วยการซิริกต่อพระองค์ เมื่อถึงยามเช้าและยามเย็น พระองค์ทรงตรัสว่า
وَاذْكُر رَّبَّكَ فِي نَفْسِكَ تَضَرُّعاً وَخِيفَةً وَدُونَ الْجَهْرِ مِنَ الْقَوْلِ بِالْغُدُوِّ وَالآصَالِ وَلاَ تَكُن مِّنَ الْغَافِلِينَ
"และเจ้าจงระลึกถึงองค์อภิบาลของเจ้า ในจิตใจของเจ้าโดยนอบน้อม และโดยความเกรงกลัว และโดยไม่ต้องส่งเสียงดัง ทั้งในยามเช้าและยามเย็น และเจ้าอย่าเป็นผู้หนึ่งในจำนวนผู้หลงลืมทั้งหลาย" อัลอะร๊อฟ 205
และขณะที่พระองค์ทรงตรัสว่า
فَاصْبِرْ عَلَى مَا يَقُولُونَ وَسَبِّحْ بِحَمْدِ رَبِّكَ قَبْلَ طُلُوعِ الشَّمْسِ وَقَبْلَ الْغُرُوبِ
"ดังนั้น เจ้าจงอดทนเถิด ต่อสิ่งที่พวกเขาได้พูด (ใส่ไคล้และให้ร้ายเกี่ยวกับตัวเจ้า) และจงกล่าวถวายสดุดีพระบริสุทธิคุณพร้อมทั้งสรรเสริญในองค์อภิบาลของเจ้า ก่อนตะวันขึ้น และก่อนตะวันตก"
อัลกุรอานยังย้ำเตือนมุสลิมให้ตระหนักถึงหน้าที่ในการ อิสติฆฟาร ในยามก่อนรุ่งสางว่า
كَانُوا قَلِيلاً مِّنَ اللَّيْلِ مَا يَهْجَعُونَ
"พวกเขามีเวลาเพียงเล็กน้อยในตอนกลางคืน สำหรับการนอนหลับ" อัซซาริยาต 17
وَبِالْأَسْحَارِ هُمْ يَسْتَغْفِرُونَ
"และในยามดึก(ยามใกล้รุ่ง) พวกเขาก็ขออภัย(อิสติฆฟาร)" อัซซาริยาต 18
ดังนั้น การดำเนินชีวิตของท่านร่อซูลุเลาะฮ์(ซ.ล.) นั้น เป็นเครื่องฉายแสดงให้เห็นถึงการวางกฏระเบียบอันนี้ และบรรดาปวงปราชญ์ไม่ได้ยึดการดำเนินชีวิตของท่านนบี(ซ.ล.) ดอกหรือว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดให้กับการอ่านอัลกุรอานในยามค่ำคืนนั้น คือช่วงระหว่างมัฆริบและอีชาอฺ และหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว และช่วงเวลาที่ประเสริฐสุดในการอ่านอัลกุรอานช่วงกลางวันนั้น คือหลังจากละหมาดซุบหฺ ดู หนังสือ อัลอัซการ ของอิมามนะวาวีย์ หน้า 176 ดารุลฟิกร์
ฉะนั้น จึงสมควรแก่มุสลิมที่ยึดมั่นในอัลกุรอานและซุนนะฮ์นั้น ทำการวิริดจากบรรดาซิกิรที่เป็นสุนัตและอิบาดะฮ์ต่าง ๆ เพื่อมากำหนดพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตของเขาทั้งในยามกลางวันและกลางคืน และแท้จริง บรรดาซอฮาบะฮ์ (ร.ฏ.) เองก็มีวิริดที่พวกเขาได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแก่ตัวพวกเขาเอง ซึ่งได้มีรายงานเรื่องชีวประวัติของท่านอุมัร(ร.ฏ.) ว่า ท่านไม่ว่างที่จะทำการวิริดในช่วงเวลาที่ท่านเคยกำหนดเอาไว้ แต่หลังจากนั้นท่านได้ทำการชดใช้สิ่งดังกล่าว ซึ่งดังกล่าวนั้น อาจจะอยู่ในช่วงสมัยที่เป็นท่านคอลิฟะฮ์
ดังนั้น ผู้ใดที่ทำเบาความหรือไม่ให้ความสำคัญกับวิริด แน่นอนว่า เขาย่อมเป็นผู้ที่ไม่ให้ความสำคัญกับหลักคำสอนของอัลกุรอานและทางนำของท่านนบี(ซ.ล.) และสิ่งที่บรรดาซอฮาบะฮ์ส่วนมากได้ดำเนินอยู่ เพราะฉะนั้น ผู้ใดที่ทำเบาความกับวิริด ย่อมเป็นผู้ที่โง่เขลาเป็นอย่างมาก ตามที่ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ได้กล่าวไว้ วัลลอฮฺอะลัม