ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 73 สูเราะฮฺ อัลมุซซัมมิล  (อ่าน 3293 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


 :salam:

สูเราะฮฺที่ 73  อัลมุซซัมมิล(ผู้นอนคลุมกาย) เป็นสูเราะฮฺมักกียะฮฺและมะดะนียะฮฺ มี 20 อายะฮฺ

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ

บทนำ(R3.)
   ชื่อ: ซูเราะฮฺนี้ได้ชื่อมาจากคำว่า “อัล-มุซซัมมิล – المزمل” ซึ่งปรากฏอยู่ในอายะฮฺแรก
   ระยะเวลาของการประทานซูเราะฮฺ : ซูเราะฮฺนี้ประกอบไปด้วยสองส่วนที่ถูกประทานลงมาในระยะเวลาที่แตกต่างกัน
   ในส่วนแรก (อายะฮฺที่ 1-19) ได้ถูกประทานลงมาในช่วงเวลาที่อยู่ในมักกะฮฺและทั้งฮะดีษและเนื้อหาก็สนับสนุนเช่นนั้น ส่วนคำถามที่ว่าอายะฮฺส่วนนี้ถูกประทานลงมาในช่วงไหนไม่มีคำตอบโดยตรงจากหะดีษ แต่จากหลักฐานภายในอายะฮฺส่วนนี้ช่วยให้เราสามารถกำหนดระยะเวลาของการประทานลงมาได้
   ประการแรกก็คือ ในอายะฮฺส่วนนี้ ท่านนบีได้ถูกสั่งถึงขนาดว่า “จงลุกขึ้นในระหว่างกลางคืนและจงสักการะอัลลอฮฺ ทั้งนี้เพื่อที่เจ้าจะได้พัฒนาความสามารถในการที่จะแบกรับภาระอันหนักอึ้งแห่งการเป็นนบีและปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบได” นี่แสดงว่าคำบัญชานี้จะต้องถูกประทานลงมาในยุคแรกของการเป็นนบี ซึ่งเป็นช่วงที่อัลลอฮฺทรงให้การฝึกอบรมแก่รอซูลของพระองค์เพื่อปฏิบัติหน้าที่
   ประการที่สอง ได้มีคำบัญชาลงมาให้อ่านกุรฺอานในนมาซตะฮัจญุดเป็นเวลาครึ่งคืนหรือในราวนั้น คำบัญชานี้เองที่แสดงให้เห็นว่าในเวลานั้นอย่างน้อยที่สุดก็ได้มีการประทานกุรอานลงมาพอที่จะอ่านได้ยาวถึงขนาดนั้นแล้ว
   ประการที่สามในส่วนนี้ ท่านรอซูลุลลอฮฺได้ถูกสั่งให้อดทนต่อการกระทำของฝ่ายต่อต้านและบรรดาผู้ปฏิเสธแห่งมักกะฮฺได้ถูกขู่ว่าจะถูกลงโทษ นี่แสดงว่าอายะฮฺส่วนนี้ได้ถูกประทานลงมาเมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺได้เริ่มเผยแผ่อิสลามอย่างเปิดเผย และการต่อต้านท่านที่มักกะฮฺได้เริ่มรุนแรงขึ้นแล้ว
   ในส่วนที่สอง (อายะฮฺที่ 20) นั้น ถึงแม้นักอรรถาธิบายหลายคนได้แสดงความเห็นว่าได้ถูกประทานลงมาที่มักกะฮฺ แต่นักอธิบายบางคนก็ถือว่ามันเป็นอายะฮฺที่ถูกประทานมาในช่วงที่ท่านรอซูลุลลอฮฺอยู่ที่มะดีนะฮฺ และความเห็นนี้ก็ได้รับการยืนยันโดยเนื้อหาสาระของส่วนนี้ เพราะมันพูดถึงการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาที่มักกะฮฺ นอกจากนั้นแล้วมันยังมีคำบัญชาให้จ่ายซะกาต และเป็นที่ได้รับการยืนยันว่าซะกาตที่มีอัตราตายตัว และจำนวนทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายซะกาต(นิศอบ)นั้นได้ถูกสั่งลงมาที่มะดีนะฮฺ
   เนื้อหาสาระ : ในเจ็ดอายะฮฺแรก ท่านรอซูลุลลอฮฺได้ถูกบัญชาว่า : “จงเตรียมตัวของเจ้าให้พร้อมที่จะแบกความรับผิดชอบต่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ได้ถูกมอบหมายให้แก่เจ้า การปฏิบัติก็คือ เจ้าจะต้องลุกขึ้นในช่วงเวลาดึกและยืนละหมาดในช่วงเที่ยงคืนหรือจะมากหรือน้อยกว่านั้นก็ได้”
   ในอายะฮฺที่ 8-14 ท่านได้ถูกสั่งว่า : “จงอุทิศตนเองให้แก่อัลลอฮฺผู้ทรงเป็นเจ้าของจักรวาลทั้งหมด จงมอบหมายการงานทั้งหลายของเจ้าแก่พระองค์ด้วยความเต็มใจ จงอดทนต่อศัตรู ไม่ว่าพวกเขาจะต่อต้านเจ้าอย่างไรก็ตาม จงอย่าใกล้ชิดพวกเขา จงปล่อยพวกเขาไว้กับอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงจัดการพวกเขาเอง”
   หลังจากนั้นในอายะฮฺที่ 15-19 บรรดาชาวมักกะฮฺที่กำลังต่อต้านท่านรอซูลุลลอฮฺก็ได้ถูกเตือนว่า “เราได้ส่งรอซูลคนหนึ่งมายังสูเจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้ส่งรอซูลคนหนึ่งมายังฟาโรห์ จงพิจารณาเอาเองก็แล้วกันว่าฟาโรห์ต้องได้รับชะตากรรมอย่างไรเมื่อเขาไม่ยอมรับการเชิญชวนของรอซูลของอัลลอฮฺ สมมติว่าสูเจ้าไม่ถูกลงโทษในโลกนี้ สูเจ้าจะช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้อย่างไรในวันแห่งการฟื้นคืนชีพเพราะการปฏิเสธ”
   นี้เป็นเนื้อหาสาระของส่วนแรก สำหรับในส่วนที่สองนั้น ฮะดีษจากสะอี๊ด บิน ญุเบรฺ กล่าวว่ามันได้ถูกประทานลงมาหลังจากนั้นอีกสิบปี และคำบัญชาเริ่มต้นเกี่ยวกับเรื่องการนมาซตะฮัจญุดในตอนเริ่มต้นของส่วนแรกนั้นได้ถูกตัดไป คำบัญชาใหม่ได้สั่งว่า : จงนมาซตะฮัจญุดตามที่สูเจ้าสามารถทำได้โดยง่าย แต่สิ่งที่มุสลิมจะต้องคำนึงถึงและเอาใจใส่ปฏิบัติเป็นการเฉพาะก็คือการนมาซประจำวัน 5 เวลาเป็นปกติและตรงเวลา การจ่ายซะกาตให้ถูกต้อง และจะต้องใช้ทรัพย์สินของพวกเขาโดยมีเจตนาเพื่ออัลลอฮฺอย่างจริงใจ ในตอนสรุป มุสลิมได้ถูกสั่งว่า : “ความดีอะไรก็ตามที่สูเจ้าทำไว้ในโลกจะไม่สูญเปล่า แต่มันจะเหมือนกับเสบียงที่นักเดินทางเตรียมไว้สำหรับที่พำนักอันถาวรของเขา ความดีอะไรก็ตามที่สูเจ้าส่งไปจากโลกนี้ สูเจ้าจะได้พบมันอยู่ที่อัลลอฮฺ และเสบียงที่ได้ถูกส่งไปนั้นดีกว่าที่สูเจ้าจะต้องทิ้งไว้ข้างหลังในโลกนี้ และที่อัลลอฮฺ สูเจ้าจะได้รับรางวัลตอบแทนที่ดีกว่าและมากกว่าสิ่งที่สูเจ้าได้ส่งไปก่อนหน้านี้”


เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺอานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)


--------------------------------------------------------


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุซซัมมิล อายะฮฺที่ 1- 7


คำอ่าน
1.   ยาอัยยุฮัลมุซซัม..มิล
2.   กุมิลลัยละ อิลลาเกาะลีลา
3.   นิศฟะฮู อะวิน..กุศมินฮุ เกาะลีลา
4.   เอาซิดอะลัยฮิ วะร็อตติลิลกุรฺอานะ ตัรฺตีลา
5.   อิน..นาสะนุลกีอะลัยกะ ก็อวฺลัน..ษะกีลา
6.   อิน..นะ นาชิอะตัลลัยลิ ฮิยะอะชัดดุ วัฏเอา..วะอักวะมุกีลา
7.   อิน..นะละกะฟิน..นะฮาริ สับหัน..เฏาะวีลา

คำแปล R1.
1. O you wrapped in garments (i.e. Prophet Muhammad)!
2. Stand (to pray) all night, except a little.
3. Half of it, or a little less than that,
4. Or a little more; and recite the Qur'an (aloud) in a slow, (pleasant tone and) style.
5. Verily, we shall send down to you a weighty word (i.e. obligations, legal laws, etc.).
6. Verily, the rising by night (for Tahajjud prayer) is very hard and most potent and good for governing (the soul), and most suitable for (understanding) the word (of Allah).
7. Verily, there is for you by day prolonged occupation with ordinary duties,


คำแปล R2.
1. โอ้ผู้ห่มผ้า (หมายถึงนบีมุฮำมัด ซึ่งกำลังห่มผ้า)
2. เจ้าจงตื่นกลางคืน (เพื่อทำอิบาดะฮฺ) เถิด ยกเว้นเพียง (เวลา) เล็กน้อย (เพื่อใช้ในการพักผ่อน)
3. (นั่นคือ) ครึ่งคืน หรือจงลดลงจากนั้นลงมาสักเล็กน้อย
4. หรือจงเพิ่มขึ้นกว่านั้นอีก และเจ้าจงอ่านกุรอานให้ถูกต้องชัดเจน
5. แท้จริงเราจะดลมายังเจ้า ซึ่งถ้อยคำอันมีน้ำหนัก (คือโองการแห่งอัลกุรอาน)
6. แท้จริงการทำอิบาดะฮฺกลางคืนนั้น มันทำให้แน่นแฟ้นขึ้น และทำให้เที่ยงตรงการอ่านที่สุด (เพราะจิตใจมีสมาธิดีกว่ากลางวัน)
7. แท้จริงในตอนกลางวันนั้นเจ้ามีภารกิจอันยาวนาน (ที่ต้องทำ)


คำแปล R3.
1. โอ้ผู้ที่นอนคลุมกายอยู่
2. จงยืนขึ้นนมาซในตอนกลางคืนแต่เพียงเล็กน้อย
3. ครึ่งหนึ่งของกลางคืนหรือน้อยกว่านั้น
4. หรือเพิ่มมันอีกเล็กน้อย และจงอ่านกุรอานอย่างสงบด้วยน้ำเสียงที่พอดี
5. แท้จริงเราจะส่งวจนะอันหนักหน่วงมายังเจ้า
6. แท้จริงการลุกขึ้นในตอนกลางคืนนั้นมีประสิทธิภาพที่สุดในการควบคุมตัวตนและเหมาะสมที่สุดสำหรับการอ่านกุรอานที่ดี
7. เพราะในเวลากลางวันนั้นเจ้ามีงานมากมาย


คำแปล R4.
1. โอ้ ผู้คลุมกายอยู่เอ๋ย !
2. จงยืนขึ้น (ละหมาด) เวลากลางคืน เว้นแต่เพียงเล็กน้อย (ไม่ใช่ตลอดคืน)
3. ครึ่งหนึ่งของเวลากลางคืน หรือน้อยกว่านั้นเพียงเล็กน้อย
4. หรือมากกว่านั้น และจงอ่านอัลกุรอานช้า ๆ เป็นจังหวะ (ชัดถ้อยชัดคำ)
5. แท้จริงเราจะประทานวจนะ (วะฮียฺ) อันหนักหน่วงแก่เจ้า
6. แท้จริงการตื่นขึ้นในเวลากลางคืนนั้นเป็นเวลาที่ประทับใจยิ่งและเป็นการอ่านที่ชัดเจนยิ่ง
7. แท้จริงสำหรับเจ้านั้นในเวลากลางวันมีภารกิจมากมาย


คำแปล R5.
๑.   โอ้นบีมุฮำมัดผู้กำลังห่มผ้าเพราะตระหนกจากการได้รับพระราชโองการครั้งแรก
๒.   เจ้าจงตื่นขึ้นในยามกลางคืนเพื่อทำละหมาดและนมัสการ ยกเว้นไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อเจ้าได้นอกพักผ่อน
๓.   สักครึ่งหนึ่งของกลางคืนหรือลดกว่านั้นสักเล็กน้อย
๔.   หรือจงเพิ่มให้เหนือกว่านั้นก็ได้ บทบัญญัติให้ทำละหมาดในตอนกลางคืนตามกำหนดเวลาดังกล่าวเป็นบทบัญญัติเมื่อแรกเริ่มประกาศอิสลามจนหลังจากนั้นอีก ๖ เดือน ข้อบัญญัติบังคับนั้นก็ถูกยกเลิก เหลือเป็นข้อกำหนดเป็นการอาสามสมัคร และเจ้าจงอ่านกุรอานให้ถูกต้องชัดเจน
๕.   แท้จริงเราจะทำการถ่ายทอดแก่เจ้า โดยลงวะฮีอัลกุรอานซึ่งเป็นถ้อยคำอันเป็นภาวะหนักที่ทำความลำบากแก่พวกกาฟิรและพวกมุนาฟิกีน
๖.   แท้จริงการนมัสการที่กระทำในยามกลางคืนนั้นเป็นการสร้างความแน่นแฟ้นแก่จิตใจอย่างที่สุดและเป็นคำกล่าวที่มั่นคงยิ่ง เพราะได้กระทำในยามกลางคืนที่มีความสงัดและสงบ

๗.   แท้จริงเจ้ามีภารกิจต้องกระทำในยามกลางวันอย่างยาวนาน ไม่มีเวลาที่จะทำการนมัสการได้อย่างมากมาย จึงเหมาะอย่างยิ่งที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของกลางคืนกระทำดังได้กล่าวไว้แล้ว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 09:36 AM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลมุซซัมมิล อายะฮฺที่ 8-14


คำอ่าน
8.   วัซกุริสมะ ร็อบบิกะวะตะบัตตัลอิลัยฮิตับตีลา
9.   ร็อบบุลมัชริกิ วัลมัฆริบิ ลา..อิลาฮะอิลลาฮุวะฟัตตะคิซฮุ วะกีลา
10.   วัศบิรฺอะลามายะกูลูนะ วะฮฺญุรฺฮุม ฮัจญร็อน..ญะมีลา
11.   วะซัรฺนี วัลมุกัซซิบีนะ อุลิน..นะอฺมะติ วะมะฮฺฮิลฮุมเกาะลีลา
12.   อิน..นะละดัยนา..อัน..กาเลา..วะญะหีมา
13.   วะเฏาะอามัน..ซาฆุศเศาะติว..วะอะซาบัน อะลีมา
14.   เยามะตัรฺญุฟุลอัรฎุ วัลญิบาลุ วะกานะติลญิบาลุ กะษีบัม..มะฮีลา

คำแปล R1.
8. And remember the Name of your Lord and devote yourself to Him with a complete devotion.
9. (He alone is) the Lord of the east and the west, La ilaha illa huwa (none has the right to be worshipped but He). So take Him alone as Wakil (Disposer of your affairs).
10. And be patient (O Muhammad) with what they say, and keep away from them in a good way.
11. And leave Me alone to deal with the beliers (those who deny My verses, etc.), and those who are in possession of good things of life. And give them respite for a little while.
12. Verily, with us are fetters (to bind them), and a raging Fire.
13. And a food that chokes, and a painful torment.
14. On the Day when the earth and the mountains will be in violent shake and the mountains will be a heap of sand poured out and flowing down.


คำแปล R2.
8. และเจ้าจงกล่าวระลึกถึงพระนามแห่งองค์อภิบาลของเจ้า และเจ้าจงผูกขาดต่อ (การทำอิบาดะฮฺใน) พระองค์อย่างแท้จริงเถิด
9. พระผู้ทรงอภิบาลแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นเจ้าจงยึดพระองค์เป็นที่มอบหมายเถิด
10. และเจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่พวกนั้นพูด (ให้ร้าย) เถิด และเจ้าจงปลีกตัวออกจากพวกเขาด้วยดี
11. และเจ้าจงปล่อยข้าไว้กับบรรดาผู้ว่า (คำประกาศของเจ้า) เป็นความเท็จ ซึ่งเป็นพวกที่ครองไว้ซึ่งความสุข และเจ้าจงให้โอกาสแก่พวกนั้น สักชั่วเวลาเพียงเล็กน้อย
12. แท้จริงที่เรามีโซ่ตรวนและไฟนรก (เตรียมไว้ให้แล้ว)
13. และมีอาหารที่ขื่นขมและการลงโทษอันแสนทรมาน
14. (สิ่งเหล่านี้อุบัติขึ้น) ในวันที่แผ่นดินและขุนเขาสั่นสะเทือนรุนแรง และภูเขาได้กลายมาเป็นกองทรายที่ไหลร่วน


คำแปล R3.
8. จงระลึกถึงพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าและจงอุทิศตัวของสูเจ้าให้พระองค์โดยเฉพาะ
9. พระองค์คือเจ้าของทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นจงเอาพระองค์เท่านั้นเป็นผู้คุ้มกันของเจ้า
10. และจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวและจงออกห่างจากพวกเขาด้วยดี
11. จงปล่อยไว้ให้ฉันจัดการกับพวกคนมั่งคั่งที่ปฏิเสธ (สัจธรรม) และจงปล่อยเขาไว้อย่างนั้นชั่วขณะหนึ่ง
12. เรามีโซ่หนัก (สำหรับพวกเขา) และไฟที่ลุกโชน
13. และอาหารที่ติดลำคอและการลงโทษอันเจ็บปวด
14. สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในวันที่โลกและภูเขาจะกลายเป็นกองทรายที่กระจัดกระจาย


คำแปล R4.
8. และจงรำลึกถึงพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้า และจงตั้งจิตมั่นต่อพระองค์อย่างเคร่งครัด
9. พระเจ้าแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นจงยึดพระองค์ให้เป็นผู้คุ้มครองเถิด
10. และจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวร้ายและจงแยกตัวออกจากพวกเขาด้วยการแยกตัวอย่างสุภาพ
11. และจงปล่อยข้ากับบรรดาผู้ปฏิเสธผู้สำราญ และจงผ่อนผันให้แก่พวกเขาสักเล็กน้อย
12. แท้จริง ณ ที่เรานั้นมีตรวนและกองไฟลุกโชน
13. และอาหารที่ติดลำคอและการลงโทษอันเจ็บปวด
14. วันที่แผ่นดินและภูเขาจะสั่นสะเทือนและภูเขาจะกลายเป็นกองทรายไหลพรู


คำแปล R5.
๘.   และเจ้าจงกล่าวระลึกถึงพระนามแห่งพระผู้ทรงอภิบาลของเจ้าในขณะเริ่มการอ่านกุรอานตั้งแต่ต้นซูเราะห์ ทั้งในละหมาดหรือในวาระทั่วไปก็ตาม และเจ้าจงผูกขาดตัวเองต่ออัลเลาะห์อย่างแท้จริงด้วย ด้วยการทำอิบาดะฮฺและทำจิตใจให้ผูกมัดกับพระองค์ตลอดเวลา
๙.   พระเจ้าเป็นพระผู้ทรงอภิบาลแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นเจ้าจงยึดพระองค์เป็นที่มอบหมายเถิด
๑๐.   และเจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาพูดวิพากษ์ และให้ร้ายเจ้าในเรื่องของการประกาศสัจธรรมและเจ้าจงปลีกตัวจากพวกเขาโดยดีโดยไม่ต้องเสียดายหรือเสียใจ ที่มิได้พวกเขามาร่วมอุดมการณ์อิสลาม
๑๑.   และเจ้าจงเว้นข้าไว้ให้จัดการแก่บรรดาจำพวกที่ใส่ไคล้ว่าคำประกาศต่าง ๆ ของข้าที่มอบแก่เจ้าเป็นความเท็จซึ่งคนพวกนี้เป็นพวกที่มีความสุขทางโลกอย่างดีเหนือกว่าพวกเจ้า มีฐานะสูงกว่าและมีอำนาจมากกว่าและเจ้าจงผ่อนปรนพวกเขาไว้สักเล็กน้อย ยังไม่ต้องรีบร้อนจัดการแก่พวกเขา ซึ่งต่อมาพวกเขานั้นก็ถูกฆ่าตายในสงครามบะดัร ๗๐ คน และถูกจับเป็นเชลยอีก ๗๐ คน ซึ่งล้วนเป็นชาวกาฟิรมักกะห์ในระดับบริหารทั้งสิ้น
๑๒.   แท้จริงเรานี้มีโซ่ตรวนและมีเปลวไฟที่จะใช้ลงโทษพวกที่เนรคุณทั้งมวล
๑๓.    และมีอาหารซึ่งสุดแสนขมขื่น นั่นคือต้นซากูมและน้ำหนองซึ่งชาวนรกต้องกล้ำกลืนกินมันเป็นอาหารและการลงโทษอันทรมานที่สุด
๑๔.   ในวันซึ่งแผ่นดินและภูเขาโคลงเคลงประดุจดังเรือที่เดินในทะเลอันเต็มไปด้วยคลื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขา ซึ่งเคยยืนอยู่อย่างมั่นคงได้กลายเป็นพะเนินทรายที่พังทลายลงมา จากกองทันทีที่ตักบางส่วนออกไป




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลมุซซัมมิล อายะฮฺที่ 15-19

คำอ่าน
15.   อิน..นา..อัรฺซัลนา..อิลัยกุมเราะสูลา, ชาฮิดันอะลัยกุมกะมา..อัรฺสัลนา..อิลาฟิรฺเอานะเราะสูลา
16.   ฟะอะศอฟิรฺเอานุรฺเราะสูละ ฟะอะค็อซนาฮุ อัคเซา..วะบีลา
17.   ฟะกัยฟะตัตตะกูนะ อิน..กะฟัรฺตุมเยามัย..ยัจญอะลุลวิลดานะชีบา
18.   อัสสะมา...อุ มุน..ฟะฏิรุม..บิฮี กานะวะอฺดุฮู มัฟอูลา
19.   อิน..นะฮาซิฮี ตัซกิเราะตุน..ฟะมัน..ชา...อัตตะเคาะซะ อิลาร็อบบิฮี สะบีลา

คำแปล R1.
15. Verily, we have sent to you (O men) a Messenger (Muhammad) to be a witness over you, as we did send a Messenger [Musa (Moses)] to Fir'aun (Pharaoh).
16. But Fir'aun (Pharaoh) disobeyed the Messenger [Musa (Moses)], so we seized him with a severe punishment.
17. Then How can you avoid the punishment, if you disbelieve, on a Day that will make the children grey-headed (i.e. the Day of Resurrection)?
18. Whereon the heaven will be cleft asunder? His promise is certainly to be accomplished.
19. Verily, This is an admonition, Therefore Whosoever will; let Him take a Path to his Lord!


คำแปล R2.
15. แท้จริงเราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่ง (คือมุฮำมัด) มายังพวกเจ้า เพื่อเป็นสักขีพยานแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่เราได้เคยส่งศาสนทูตผู้หนึ่ง (คือมูซา) มายังฟิรเอาน์ (ในอดีต)
16. แต่ฟิรเอาน์ได้ฝ่าฝืนศาสนทูตผู้นั้น ดังนั้น เราจึงจัดการลงโทษเขาอย่างหนักหน่วง
17. แล้วพวกเจ้าจะระวังตนได้อย่างไรหากพวกเจ้าเนรคุณ ในวันหนึ่งซึ่งทำให้เด็ก ๆ มีผมหงอก (ด้วยความตกใจ) หากพวกเจ้าเนรคุณ
18. ฟากฟ้าจะแตกสลายเพราะวันนั้น อันสัญญาของอัลเลาะฮฺเป็นสิ่งที่ถูกกระทำ(จนสัมฤทธิผล)
19. แท้จริง นี้เป็นข้อเตือนสติ ดังนั้นผู้ใดประสงค์ เขาก็ยึดหนทางไปสู่องค์อภิบาลของเขา


คำแปล R3.
15. สำหรับสูเจ้า เราได้ส่งรอซูลคนหนึ่งมาเป็นพยานเหนือสูเจ้าเช่นเดียวกับที่เราได้ส่งรอซูลคนหนึ่งไปยังฟิรเอาน์
16. (ดังนั้น จงดูไว้เมื่อ) ฟิรเอาน์ไม่เชื่อฟังรอซูลคนนั้น เราจึงได้ลงโทษเขาอย่างหนัก
17. ถ้าหากสูเจ้าปฏิเสธ ดังนั้น สูเจ้าจะคุ้มครองตัวสูเจ้าเองได้อย่างไร ในวันที่ทำให้เด็กเป็นคนแก่
18. และความรุนแรงของมันจะทำให้ชั้นฟ้าทั้งหลายแตกออก? สัญญาของอัลลอฮฺนั้นจะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน
19. แท้จริงนี่คือการตักเตือน ดังนั้นใครก็ตามที่ประสงค์ก็จงให้เขาเอาเป็นทางไปสู่พระผู้อภิบาลของเขาเถิด


คำแปล R4.
15. แท้จริงเราได้ส่งร่อซูลคนหนึ่งไปยังพวกเจ้า เพื่อเป็นพยานต่อพวกเจ้า ดังที่เราได้ส่งร่อซูลคนหนึ่งไปยังฟิรเอานฺ
16. แต่ฟิรเอานฺได้ฝ่าฝืนร่อซูลคนนั้น ดังนั้นเราจึงได้ลงโทษเขาด้วยการลงโทษอย่างหนักหน่วง
17. ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธ ดังนั้นพวกเจ้าจะปกป้องตนเองต่อวันนั้นได้อย่างไรเล่า ซึ่งจะทำให้เด็กๆ กลายเป็นแก่ (มีผมสีขาวเพราะความตกใจกลัว)
18. (วันนั้น) ชั้นฟ้าจะปริแยกออก และสัญญาของพระองค์จะต้องเกิดขึ้น (อย่างไม่ต้องสงสัย)
19. แท้จริง นี่คือข้อเตือนสติ ดังนั้นผู้ใดประสงค์ก็พึงยึดถือเป็นแนวทางไปสู่พระเจ้าของเขาเถิด


คำแปล R5.
๑๕.   แท้จริงเราได้ส่งศาสนทูตมายังพวกเจ้าเพื่อเป็นสักขีพยานแก่พวกเจ้าประดุจเดียวกับที่เราได้ส่งศาสนทูตมูซามายังฟิรเอาน์ในอดีต
๑๖.   ครั้นแล้วฟิรเอาน์ก็ได้ฝ่าฝืนต่อศาสนทูตผู้นั้น ดังนั้นเราจึงเอาโทษเขาอย่างมหันต์ยิ่งนัก
๑๗.   แล้วพวกเจ้าจะยำเกรงอัลเลาะห์ได้อย่างไรหากพวกเจ้าคัดค้านเรื่องวันปรภพซึ่งบรรดาเด็ก ๆ จะกลายเป็นคนผมหงอก เพราะความตระหนกตกใจวิกฤติการณ์ในวันนั้น
๑๘.   อันฟากฟ้านั้นมีสภาพแตกสลาย เพราะวิกฤติการณ์ของวันนั้นซึ่งสัญญาของพระองค์นั้นย่อมถูกกระทำให้สัมฤทธิ์ไปตามนั้นเสมอ
๑๙.   แท้จริงสิ่งนี้ (อัลกุรอาน) เป็นคำเตือนสติ ดังนั้นผู้ใดพึงประสงค์ที่จะปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง เขาก็ชอบที่จะยึดถือวิถีทางที่นำไปสู่พระผู้ทรงอภิบาลของเขาด้วยการยึดมั่นในศาสนาและปะพฤติตามศาสนาอย่างเคร่งครัด



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลมุซซัมมิล อายะฮฺที่ 20

คำอ่าน
20.   อิน..นะร็อบบะกะ ยะอฺละมุ อัน..นะกะ ตะกูมุอัดนา มิน..ษุลุษะยิลลัยลิ วะนิศฟะฮู วะษุลุษะฮู วะฏอ..อิฟะตุม..นินัลละซีนะมะอัก, วัลลอฮุยุก็อดดิรุลลัยละ วัน..นะฮารฺ, อะลิมะอัลลัน..ตุหฺศูฮุ ฟะตาบะอะลัยกุม ฟักเราะอู มะตะยัสสะเราะมินัลกุรฺอาน, อะลิมะอัน..สะยะกูนุ มิน..กุม..มัรฺฎอ วะอาเคาะรูนะ ยัฎริบูนะ ฟิลอัรฺฎิ ยับตะฆูนะ มิน..ฟัฎลิลลาฮิ วะอาเคาะรูนะ ยุกอติลูนะ ฟีสะบีลิลลาฮฺ ฟักเราะอูมาตะยัสสะเราะมินฮุ วะอะกีมุศเศาะลาตะ วะอาตุซซะกาตะ วะอักริฎุลลอฮะ ก็อรฺฎ็อนหะสะนา, วะมาตุก็อดดิมูลิอัน..ฟุสิกุม..มินค็อยริน..ตะญิดูฮุ อิน..ดัลลอฮิ ฮุวะค็อยร็อว..วะอะอฺเซาะมะอัจญรอ, วัสตัฆฟิรุลลอฮะ อิน..นัลลอฮะเฆาะฟูรุรฺเราะหีม

คำแปล R1.
20. Verily, your Lord knows that you do stand (to pray at night) a little less than two-thirds of the night, or half the night, or a third of the night, and so do a party of those with you, and Allah measures the night and the day. He knows that you are unable to pray the whole night, so He has turned to you (in mercy). So, recite you of the Qur'an as much as may be easy for you. He knows that there will be some among you sick, others traveling through the land, seeking of Allah's bounty; yet others fighting In Allah's cause. so recite as much of the Qur'an as may be easy (for you), and perform As-salat (Iqamat-as-salat) and give Zakat, and lend to Allah a goodly loan, and whatever good you send before you for yourselves, (i.e. Nawafil non-obligatory acts of worship: prayers, charity, fasting, Hajj and 'Umrah, etc.), you will certainly find it with Allah, better and greater In reward. And seek forgiveness of Allah. Verily, Allah is oft-forgiving, Most-Merciful.

คำแปล R2.
20. แท้จริงองค์อภิบาลของเจ้า ทรงรอบรู้ว่าเจ้านั้นตื่น (ทำอิบาดะฮฺ) ในช่วงเวลาต่ำกว่าสองในสามของกลางคืนและ (บางคืนใช้เวลา) หนึ่งในสามของกลางคืน และมีคนกลุ่มหนึ่งจากบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมกับเจ้า (ตื่นขึ้นเหมือน ๆ กับเจ้า) และอัลเลาะฮฺทรงกำหนดเวลากลางคืนและกลางวันไว้ พระองค์ทรงรอบรู้ว่า พวกเจ้าไม่อาจจะคำนวณมันให้ครบถ้วนได้ ดังนั้นพระองค์จึงลดหย่อนแก่พวกเจ้า (ด้วยการผ่อนผันให้เว้นการตื่นทำอิบาดะฮฺกลางคืนได้บ้าง) ดังนั้นพวกเจ้าจงอ่านกุรอานในส่วนที่อ่านได้ง่าย (สำหรับพวกเจ้า) พระองค์ทรงรอบรู้ว่า ต่อไปบางคนของพวกเจ้าจะมีผู้ป่วย และคนอื่น ๆ บ้างก็ออกเดินทางไปในแผ่นดินเพื่อแสวงหา (อาชีพ) จากความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ และยังมีพวกอื่นที่ออกทำศึกในหนทางของอัลเลาะฮฺ ดังนั้นพวกเจ้าจงอ่านส่วนที่ง่ายสำหรับพวกเจ้าจากอัลกุรอานเถิด และพวกเจ้าจงยืนทำละหมาดและจงบริจาคทานซะกาต และพวกเจ้าจงให้กู้ยืมที่ดีงามแด่อัลเลาะฮฺ (โดยทำการบริจาคด้วยบริสุทธิ์ใจ) และสิ่งใดที่พวกเจ้าได้กระทำไว้เพื่อตัวของพวกเจ้าเอง ที่เป็นความดี แน่นอนพวกเจ้าต้องได้พบมัน ณ อัลเลาะฮฺ ดีกว่าและยิ่งใหญ่กว่าในด้านรางวัล และพวกเจ้าจงขออภัยต่ออัลเลาะฮฺ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง

คำแปล R3.
20. โอ้ นบี พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ว่าบางครั้งเจ้ายืนนมาซเกือบสองในสามของกลางคืนและบางครั้งก็ครึ่งคืนและบางครั้งก็หนึ่งในสามของกลางคืน กับผู้ที่อยู่กับเจ้าอีกจำนวนหนึ่ง อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงรักษาเวลาของกลางวันและกลางคืน พระองค์ทรงรู้ว่าเจ้าไม่สามารรถคำนวณเวลาได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นพระองค์จะได้ทรงแสดงความกรุณาต่อสูเจ้า ตอนนี้เจ้าจงอ่านกุรอานตามที่เจ้าสามารถทำได้โดยสะดวก พระองค์ทรงรู้ว่าในหมู่สูเจ้าจะมีคนป่วยและบางคนที่เดินทางไปแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ และอีกบางคนที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ ดังนั้นจงอ่านกุรอานให้มากเท่าที่สูเจ้าจะอ่านได้โดยสะดวก และจงดำรงนมาซและจ่ายซะกาต และจงให้อัลลอฮฺยืมด้วยการยืมที่ดี ความดีอะไรก็ตามที่สูเจ้าส่งล่วงหน้าไปสำหรับตัวสูเจ้าเอง สูเจ้าก็จะได้พบมันที่อัลลอฮฺ นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและมากมายที่สุดในรางวัลตอบแทน จงขอการอภัยโทษต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R4.
20. และอัลลอฮฺทรงกำหนดเวลากลางคืนและกลางวัน พระองค์ทรงรู้ดีว่าพวกเจ้าไม่สามารถที่จะกำหนดเวลาได้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงผ่อนผันให้แก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงอ่านอัลกุรอานตามแต่สะดวกเถิด พระองค์ทรงรู้ดีว่า อาจมีบางคนในหมู่พวกเจ้าเป็นคนป่วย และบางคนอื่น ๆ ต้องเดินทางไปดินแดนอื่น เพื่อแสวงหาจากความโปรดปรานของอัลลอฮฺ และบางคนอื่นต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺ ดังนั้นพวกเจ้าจงอ่านตามสะดวกจากอัลกุรอานเถิด และจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและจงบริจาคซะกาต  และจงให้อัลลอฮฺยืมอย่างดีเยี่ยมเถิด และความดีอันใดที่พวกเจ้าได้กระทำไว้เพื่อตัวของพวกเจ้าเองพวกเจ้าก็จะพบมัน ณ ที่อัลลอฮฺ ซึ่งเป็นความดีและผลตอบแทนก็ยิ่งใหญ่กว่า  ดังนั้นพวกเจ้าจงขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R5.
๒๐.   แท้จริงพระผู้ทรงอภิบาลของเจ้า ย่อมรอบรู้ว่า ที่จริงเจ้านั้นตื่นทำอิบาดะห์ในยามกลางคืน ในอัตราเวลาต่ำกว่า เศษสองส่วนสามของคืนและครึ่งหนึ่งของมัน และเศษหนึ่งส่วนสามของมันและกลุ่มหนึ่งจากบรรดาผู้ร่วมกับเจ้าก็กระทำเช่นนั้นเหมือนกันเพื่อประพฤติตามเจ้าจนสาวกบางคนไม่ทราบ จะกำหนดเวลาทำอิบาดะฮฺกลางคืนแก่ตัวเองอย่างไร เขาจึงทำทั้งคืนเพื่อป้องกันความผิดพลาดและอัลเลาะห์ทรงกำหนดเวลากลางคืนและกลางวันไว้ ทรงรู้ว่าพวกเจ้าจะไม่สามารถนับมันให้ถ้วนได้ ดังนั้นพระองค์จึงให้การลดหย่อนแก่พวกเจ้าด้วยการไม่บังคับให้ทำในเวลากลางคืนอีกต่อไปนอกจากเป็นการกระทำโดยการอาสาสมัคร ดังนั้นเจ้าจงอ่านกุรอานเท่าที่เป็นความสะดวกสำหรับพวกเจ้าจะอ่านได้โดยไม่ต้องอ่านนมัสการกันในเวลากลางคืนดังกล่าวแล้ว และการละหมาดในเวลากลางคืนได้รับการยกเลิกโดยโองการให้ทำละหมาดวันละ ๕ เวลา พระองค์ทรงรู้ดีว่า ต่อไปในหมู่พวกเจ้าจะมีคนป่วย และคนอื่น ๆ เดินทางอยู่ในแผ่นดินเพื่อแสวงหาโชคผลของอัลเลาะห์จากการค้าเป็นต้น และคนอื่น ๆ อีกก็ทำการรบในทางของอัลเลาะห์ ดังนั้นพวกเจ้าก็จงอ่านกุรอานเท่าที่เป็นความสะดวก และพวกเจ้าจงดำรงการละหมาดและจงบริจาคทานซะกาตและพวกเจ้าจงให้อัลเลาะห์กู้ยืมอย่างดีงามโดยบริจาคและทำทานแก่คนทั่วไปและสิ่งที่พวกเจ้ากระทำไว้แก่ตัวเองความดี พวกเจ้าย่อมได้พบสิ่งนั้น ณ อัลเลาะห์ว่าเป็นสิ่งดียิ่งขึ้นไปและมีผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่และพวกเจ้าจงขอลุแก่โทษต่ออัลเลาะห์เถิด เพราะแท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง

صدق الله العظيم  ( ดำรัสแห่งอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ)
จบสูเราะฮฺที่ 73 อัลมุซซัมมิล



 

GoogleTagged