ผู้เขียน หัวข้อ: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**  (อ่าน 5403 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ budu

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 30
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด


นิกายในอิสลาม

                  นิกาย ในที่นี้หมายถึง แนวความคิดที่โอนเอียงไปในทางรุนแรงและทำให้ผู้ฝักใฝ่จำนวนมิใช่น้อยต้องหันเหออกนอกแนวทางที่

ถูกต้องของอิสลาม โดยนิกายเหล่านั้นมีจำนวนมาก และจะนำเสนอเฉพาะนิกายหลักๆ เท่านั้น


สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดนิกายในอิสลาม  คือ

            การนำหลักปรัชญาจากตะวันตกเข้ามาศึกษา พร้อมทั้งพยายามเจาะประเด็นและค้นคว้าปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับ เช่น ตัวตนและ

คุณลักษณะของอัลลอฮ์ รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกำหนดสภาวะทั้งดีและร้ายที่พระองค์ทรงใช้ให้เชื่อมั่น และศรัทธาโดยห้ามค้นคว้าหรือวิเคราะห์

ในรายละเอียด

             การแย่งชิงตำแหน่งการเป็นผู้นำ (ค่อลีฟะห์) หลังจากท่านศาสดามุมัดได้เสียชีวิต

             ความเขลาและการหลงในเผ่าพันธุ์ตนเอง

           ไม่มีความเข้าใจในตัวบทอย่างถูกต้อง ถึงแม้บางคนจะมีเจตนาดีก็ตาม

           พลังแห่งความอิจฉาริษยาได้เข้าครอบงำจิตใจ

           คนบางกลุ่มเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม แต่แอบแฝงด้วยเจตนาทำลาย
 

กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม ได้แก่
 
                  ๑. ชีอะห์อิมามียะห์ (อิหม่ามสิบสอง)

                  ชิอะห์อิหม่ามสิบสอง คือ มุสลิมกลุ่มหนึ่งที่อ้างว่า ท่านอาลี (ผู้นำคนที่สี่ของมุสลิมหลังจากท่านศาสดามุฮัมมัดเสียชีวิต) เป็นผู้ที่เหมาะสม

ในการดำรงตำแหน่งค่อลีฟะห์หลังจากท่านศาสดาได้เสียชีวิตลง มิใช่ท่านอบูบักร์ ท่านอุมัรและท่านอุสมาน ที่เรียกว่า อิหม่าม เนื่องจากคนกลุ่มนี้

ถือว่าการดำรงตำแหน่งอิหม่าม(ผู้นำ)เป็นเรื่องหลักและที่เรียกว่า สิบสอง ก็เนื่องจากคนกลุ่มนี้ยึดการเป็นอิหม่ามของคนสิบสองคน โดยคนที่สิบสองนั้น

พวกเขากล่าวอ้างว่าหายตัวเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งที่เมืองซามุรรออ์ ประเทศอิรัก นอกจากนี้ คนกลุ่มนี้ยังเป็นปฏิปักษ์ทางความคิดและความเชื่อมั่น

อย่างรุนแรงกับบรรดาผู้ที่ยึดมั่นในแนวทางของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม (ขอพร และความศานติจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่าน)

(ชาวซุนนะห์) และชีอะห์อิหม่ามสิบสองกลุ่มนี้พยายามทำทุกวิถีทางที่จะเผยแพร่และให้แนวความคิดของตนครอบคลุมโลกอิสลาม

                  นิกายชีอะห์อิหม่ามสิบสองมีจุดศูนย์กลางการเผยแพร่อยู่ในประเทศอิหร่าน มีจำนวนมิใช่น้อยในประเทศอิรัก และจำนวนไม่มากนัก

ในปากีสถาน เป็นกลุ่มย่อยในเลบานอน ส่วนในซีเรียมีจำนวนน้อย แต่มีอิทธิพลทางการเมือง เนื่องจากผู้ปกครองประเทศเป็นชีอะห์   
     
                  ดังกล่าวข้างต้น ยังมีชีอะห์อาศัยอยู่ในเกือบทุกประเทศอาหรับทั้งยี่สิบกว่าประเทศ ในประเทศอิสลามบางประเทศที่มิใช่อาหรับ

และอีกหลายประเทศในโลกนี้
 
                  ๒. อิบาฎียะห์ (เค่าะวาริจญ์)

                  อิบาฎียะห์ เป็นหนึ่งในกลุ่มมุสลิมที่ชื่อ เค่าะวาริจญ์ ที่เรียกว่า อิบาฎียะห์ เนื่องจากพาดพิงชื่อดังกล่าวไปยังผู้ก่อตั้ง

คือ อับดุลลอฮ์ บิน อิบ๊าฎ โดย อิบ๊าฎนั้นเป็นชื่อตำบลหนึ่งในเมืองอาริฎจังหวัดยะมามะห์ ของประเทศซาอุดิอาระเบีย

             นิกายอิบาฎียะห์สามารถก่อตั้งรัฐอิสระขึ้นได้ในรัฐโอมาน และบรรดาอิหม่ามของอิบาฎียะห์ยังคงปกครองรัฐโอมานมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้

            เมืองทางประวัติศาสตร์ของนิกายอิบาฎียะห์ คือ ภูเขานุฟูซะห์ ในประเทศลิเบีย ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการเผยแพร่นิกายอิบาฎียะห์

            นิกายอิบาฎียะห์ยังคงมีอยู่ในปัจจุบันนี้ ในรัฐโอมาน และมีจำนวนมากในลิเบีย ตูนิเซีย แอลจีเรีย ตอนกลางทะเลทรายทางทิศตะวันตก

ของทวีปอาฟริกาและในเมืองหนึ่งของประเทศทันซาเนีย
 
                  ๓. นิกายมัวะตะซิละห์

                  มัวะอ์ตะซิละห์ เป็นนิกายหนึ่งในอิสลามที่อาศัยสติปัญญาในการทำความเข้าใจหลักการเชื่อมั่นของอิสลาม ซึ่งได้รับอิทธิพลความคิด

มาจากการนำปรัชญาจากต่างชาติเข้ามาศึกษา จึงทำให้ผู้ยึดถือนิกายนี้ต้องหลุดออกจากหลักการที่ถูกต้องของอิสลาม

                 นักวิชาการกลุ่มนี้พยายามอธิบายตัวบทพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและวจนะท่านศาสดามุฮัมมัดตามความคิดของตนเอง พวกเขาจึง

อาศัยการเข้าใจตัวบทด้วยการตีความตามอำเภอใจ

                 อุดมการณ์สำคัญที่พวกมัวะอ์ตะซิละห์ยุคใหม่ยึดถือคือ คำกล่าวอ้างที่ว่า สติปัญญาคือหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงแก่นสาร

แห่งความจริง
 
                 ๔. ไซดียะห์

                 ไซดียะห์ เป็นแขนงหนึ่งในนิกายชีอะห์ที่มีหลักการใกล้เคียงกับชาวซุนนะห์มากที่สุด

                 นิกายไซดียะห์มีจุดแผ่ขยายอยู่ที่ชายฝั่งคอซรอซ ไดลัม ฏ๊อบริสถาน และญีลานตะวันออก จนถึงแคว้นฮิญ๊าซและทาง

ทิศตะวันตกของอียิปต์ ปัจจุบันมีจุดศูนย์กลางการแผ่ขยายอยู่ที่ประเทศเยเมน
 
 
                 ๕. นิกายอะชาอิเราะห์

                 อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ

ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์

                 นิกายนี้ได้รับการเผยแพร่มากขึ้นโดยสถาบันการศึกษาในกรุงแบกแดดและในเมืองไนซาบู้ร (เอเชียกลาง)ได้จัดเป็นหลักสูตรการ

เรียนการสอนโดยนักวิชาการสายอะชาอิเราะห์ และสถาบันการศึกษาในกรุงแบกแดด ถือเป็นสถาบันอิสลามที่ใหญ่ที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นิกาย

อะชาอิเราะห์ได้รับการแพร่หลายอย่างกว้างขวางในโลกอิสลามปัจจุบัน มีการเรียนการสอนทั้งในระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย
 
 
                 ๖. นิกายมาตุรีดียะห์

                 มาตุรีดียะห์ เป็นนิกายที่ใช้วาทศิลป์และสติปัญญาในการโต้ตอบและยืนยันหลักการของศาสนาต่อคู่กรณี

                 นิกายมาตุรีดียะห์มีจุดแพร่หลายอยู่ในอินเดียและประเทศข้างเคียง ได้แก่ จีน บังคลาเทศ ปากีสถาน อัฟกานิสถาน นอกจากนี้

ยังมีการเผยแพร่ในตุรกี อิตาลี เปอร์เซียและมอรอกโค

 

ออฟไลน์ julee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 97
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ม.ค. 04, 2008, 11:17 PM »
0
อัสสลามุอะลัยกุ้ม

      รวมทั้งการนำเอาอารยธรรมของของชนกลุ่มอื่นมาปะปนในหลักการของอิสลาม   การขยายอาณาจักรอิสลามของกลุ่มทางการเมืองต่างๆ   จนทำให้เกิดการคลั่งไคล้ในอุดมการณ์ต่างๆ    และได้รับอิทธิพลจากพวกยิวด้วยครับ
        ขอบคุณพี่บูดูมากนะครับที่นำข้อมูลดีๆมานำเสนอให้กับพี่น้องมุสลิม  ขอให้สอบผ่านนะคับ
                                วัสสลาม
الفخر كل الفخر أني اشعري

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ม.ค. 05, 2008, 12:43 AM »
0
๕. นิกายอะชาอิเราะห์

อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ

ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์

การกล่าวว่า "อัลอะชาอิเราะฮ์ใช้สติปัญญามาเป็นหลักฐานในการยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องศาสนา  ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและไม่เข้าใจแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างแท้จริง  เพราะความจริงแล้ว  อัลอะชาอิเราะฮ์นำหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาเป็นตัว ยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องของศาสนา  โดยใช้สติปัญญามาเป็นตัวสนับสนุน الشَاهِدُ  หลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์ 

เช่นหลักฐานที่ยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี  อัลเลาะฮ์ทรงเอกกะ  เช่น

พระองค์ทรงตรัสว่า

إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنَا

"แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮ์  ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า" ฏอฮา 14

แต่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการใช้สติปัญญาเพื่อมาพิจารณาและนำมาสนับสนุนหลักอะกีดะฮ์ที่ได้รับการยืนยันจากตัวบทว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี  ดังนี้

أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ

 "และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185

และสติปัญญาที่อัลอะชาอิเราะฮ์นำมาเป็นหลักการพิจารณาสนับสนุนตัวบทนั้น  คือสติปัญญาที่ใคร่ครวญว่า   อัลเลาะฮ์มิทรงคล้ายเหมือนกับสิ่งใด  ซึ่งหลักการใคร่ครวญของสติปัญญาเช่นนี้  อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานที่ชัดเจนและเด็ดขาดที่ว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ

"ไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเหมือนกับพระองค์  และพระองค์ทรงได้ยินยิ่งและทรงเห็นยิ่ง" อัชชูรอ 11

ดังนั้น  อัลอะชาอิเราะฮ์จะไม่ทำการพูดพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์  มะลาอิกะฮ์ และอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าว  โดยยึดเพียงแค่การพิจารณาด้วยสติัปัญญา  แต่ทว่าพวกเขาพูดในสิ่งดังกล่าวโดยนำสติปัญญา(ที่อยู่บนพื้นฐานข้างต้น)มาสนับสนุนความถูกต้องของสิ่งที่ได้นำมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้น  สติปัญญาตามทัศนะของอัละชาอิเราะฮ์คือสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของศาสนามิใช่เป็นพื้นฐานยืนยันในเรื่องของศาสนา  เพราะการใคร่ครวญในแง่ของสติปัญญาที่บริสุทธิ์ปลอดภ้ยนั้น  จะไม่ออกไปจากสิ่งที่ศาสนาได้นำมาและจะไ่ม่ค้านกัน

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ม.ค. 05, 2008, 05:47 AM »
0
๕. นิกายอะชาอิเราะห์

อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ

ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์

ข้อเท็จจริงของหลักฐานยืนยันเรื่องของศาสนาของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  มีดังนี้ครับ 

หลักฐานของอัลอะชาอิเราะฮ์ในการรับรองเรื่องอะกีดะฮ์

ท่านพึงทราบเถิดว่า  บรรดาพื้นฐานของหลักเตาฮีดและหลักอะกีดะฮ์ต่าง ๆ นั้น  ดำรงอยู่บนหลักฐานของ อัลกุรอาน , ซุนนะฮ์ที่ชัดเจน , การลงมติของปวงปราชญ์  และหลักฐานของสติปัญญาที่เที่ยงตรงและเป็นสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของบทบัญญัติศาสนา  และดังกล่าวนี้  ถือว่าเป็นคุณลักษณะพิเศษของศาสนาอิสลามเหนือบรรดาศาสนาอื่น ๆ  เพราะอิสลามจะไม่มีหลักการใดนอกจากสติปัญญามาสนับสนุนให้กับมันได้  ด้วยเหตุนี้  หนังสือประพันธ์ต่าง ๆ ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ในการจัดระดับขึ้นตอนของหลักฐานเพื่อโต้ตอบพวกบิดอะฮ์  พวกนอกลู่  และพวกเบี่ยงเบนนั้น  วางอยู่บนพื้นฐานที่เราได้กล่าวมาแล้ว

รายละเอียดสิ่งดังกล่าว

1.  อัลกุรอาน :  คือรากฐานของบรรดาหลักฐานทั้งหลาย  สารจากอัลเลาะฮ์ได้ถูกรับรองด้วยกับอัลกุรอาน  สามารถนำมาเป็นหลักฐานเพื่อหักล้างหลักการที่ลุ่มหลง  เป็นคำภีร์ที่อยู่เหนือคำภีร์อื่น ๆ ที่ถูกประทานจากฟากฟ้า  และเป็นคำภีร์ที่แยกแยะสัจธรรมออกจากความอธรรม  อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงบัญชาใช้ให้ผู้ที่โต้แย้งกันกลับไปยังพระองค์และร่อซูลของพระองค์ (ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)

พระองค์ทรงตรัสความว่า

فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ

"ดังนั้นหากพวกเจ้าได้โต้แย้งในสิ่งหนึ่ง  พวกเจ้าก็จงหวนกลับไปยังอัลเลาะฮ์และร่อซูล" อันนิซาอฺ 59

การกลับไปหาอัลเลาะฮ์ตาอาลา คือการกลับไปหาอัลกุรอานและการกลับไปหาร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  คือการกลับไปยังบรรดาหะดิษที่ซอฮิห์อีกทั้งได้รับการยืนยันแน่นอนจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

2. อัซซุนนะฮ์ :  การอ้างหลักฐานด้วยกับหะดิษเกี่ยวกับเรื่องของหลักอะกีดะฮ์นั้น  ต้องมีเงื่อนไขว่า  ผู้รายงานมีความไว้เนื้อเชื่อใจได้โดยมติเอกฉันท์  หมายถึง  หะดิษต้องไม่ถูกรายงานมาด้วยสายรายงานที่มีการขัดแย้งกันเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวของเขา  ซึ่งเป็นทัศนะของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ จากนักปราชญ์หะดิษและนักปราชญ์ฟิกห์  ดังนั้นจึงถือว่าไม่เพียงพอในการอ้างหลักฐานด้วยกับหะดิษที่มีสายรายงานฏออีฟ หากแม้นว่าจะได้รับการสนับสนุนก็ตาม 

ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ กล่าวว่า "คำว่า الصوت (เสียง) จากสิ่งที่ถูกงดเว้นในการนำมาพาดพึงไปยังอัลเลาะฮ์และต้องการไปยังการตีความ(ตะวีล) เพราะว่าไม่เป็นการเพียงพอเกี่ยวกับเรื่องคำว่าเสียงนี้โดยมีหะดิษที่รายงานจากหนทางที่มีผู้รายงานถูกวิจารณ์ขัดแย้งกัน หากแม้นว่าหะดิษจะได้รับการสนับสนุนก็ตาม"  ฟัตหุลบารีย์ 1/174  หมายถึงหะดิษเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าวไม่สามารถนำมายืนยันในเรื่องของอะกีดะฮ์

ท่านอัลฮาฟิซฺ อัลบุฆดาดีย์ กล่าวไว้ในหนังสืออัลฟะกีฮ์วัลมุตะฟักกิฮ์  ความว่า "ประการที่สอง : ซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้น  จะไม่ถูกรับรอง  ด้วยคำกล่าวของซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน  นอกจาก  ด้วยกับหะดิษที่ซอฮิห์ยังไปท่านนบีโดยมีสายรายงานที่ถูกลงมติของนักหะดิษว่าเชื่อถือได้  ดังนั้น  จึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานด้วยกับหะดิษฏออีฟหรือหะดิษที่มีผู้รายงานที่ขัดแย้งกันในการรับรองความเชื่อถือของเขา  ซึ่งหากแม้นว่ามีสายรายงานหนึ่งรายงานมา  แล้วมีหะดิษอื่นมาสนับสนุน  ก็ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้" 

ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้ถ่ายทอดคำพูดของท่าน อบีสุไลมาน อัลค๊อฏฏอบีย์ ว่า "แท้จริงซีฟัตของอัลเลาะฮ์จะไม่ได้ถูกรับรองนอกจากด้วยกิตาบุลลอฮ์หรือหะดิษที่มีความซอฮิห์อย่างเด็ดขาด" อัลอัสมาอ์วัสซิฟาต 335

3. อัล-อิจญ์มาอฺ : (มติของปวงปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์) ที่เกี่ยวกับประเด็นของศาสนา  ดังนั้นรากฐานที่ยืนยันว่าบรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์กอดีม(มีมาแต่เดิมโดยมิมีจุดเริ่มต้น)นั้น  คือการอิจญฺมาอ์ที่เด็ดขาด(จากมติของปวงปราชญ์)  ท่านชัยคุอิสลาม อัซซุบกีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรหฺอะกีดะฮ์อิบนุหาญิบ  ความว่า "ท่านจงรู้เถิด  หลักการของมวลสารและคุณลักษณะที่อุบัติทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่(มีการเปลี่ยนแปลง) ดังนั้น  โลกทั้งหมด(คือสิ่งที่อื่นจากอัลเลาะฮ์นั้น) คือสิ่งที่ใหม่(คือบังเกิดใหม่และมีการเปลี่ยนแปลง)  และบนหลักการนี้  ก็คือมติ(อิจญ์มาอฺ)แห่งปวงปราชญ์มุสลิมีน  และทุก ๆ ศาสนา  และผู้ใดที่ขัดแย้งกับสิ่งดังกล่าวนี้  ถือว่าเขาเป็นกาเฟร  เนื่องจากเขาขัดแย้งกับมติที่มีความเด็ดขาด"  ดู หนังสือ อิตฮาฟ อัซซาดะฮ์ อัลมุตตะกีน 2/132)

4.  สติปัญญา ศ กล่าวคือ  อัลเลาะฮ์ตาอาลา  ทรงส่งเสริมให้ปวงบ่าวใช้สติปัญญาในการใคร่ครวญถึงอาณาจักรและสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกสร้างเพื่อนำไปสู่การรู้จักผู้สร้าง คือ อัลเลาะฮ์ตาอาลา

พระองค์ทรงตรัสความว่า

أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ

 "และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185

การกล่าวว่า "อัลอะชาอิเราะฮ์ใช้สติปัญญามาเป็นหลักฐานในการยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องศาสนา  ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและไม่เข้าใจแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างแท้จริง  เพราะความจริงแล้ว  อัลอะชาอิเราะฮ์นำหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาเป็นตัว ยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องของศาสนา  โดยใช้สติปัญญามาเป็นตัวสนับสนุน شَاهِدٌ (ชาฮิด) หลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์

เช่นหลักฐานที่ยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี  อัลเลาะฮ์ทรงเอกกะ  เช่น

พระองค์ทรงตรัสว่า

إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنَا

"แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮ์  ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า" ฏอฮา 14

แต่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการใช้สติปัญญาเพื่อมาพิจารณาและนำมาสนับสนุนหลักอะกีดะฮ์ที่ได้รับการยืนยันจากตัวบทว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี  ดังนี้

أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ

 "และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185

และสติปัญญาที่อัลอะชาอิเราะฮ์นำมาเป็นหลักการพิจารณาสนับสนุนตัวบทนั้น  คือสติปัญญาที่ใคร่ครวญว่า   อัลเลาะฮ์มิทรงคล้ายเหมือนกับสิ่งใด  ซึ่งหลักการใคร่ครวญของสติปัญญาเช่นนี้  อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานที่ชัดเจนและเด็ดขาดที่ว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ

"ไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเหมือนกับพระองค์  และพระองค์ทรงได้ยินยิ่งและทรงเห็นยิ่ง" อัชชูรอ 11

ดังนั้น  อัลอะชาอิเราะฮ์จะไม่ทำการพูดพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์  มะลาอิกะฮ์ และอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าว  โดยยึดเพียงแค่การพิจารณาด้วยสติัปัญญา  แต่ทว่าพวกเขาพูดในสิ่งดังกล่าวโดยนำสติปัญญา(ที่อยู่บนพื้นฐานข้างต้น)มาสนับสนุนความถูกต้องของสิ่งที่ได้นำมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้น  สติปัญญาตามทัศนะของอัละชาอิเราะฮ์คือสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของศาสนามิใช่เป็นพื้นฐานยืนยันในเรื่องของศาสนา  เพราะการใคร่ครวญในแง่ของสติปัญญาที่บริสุทธิ์ปลอดภ้ยนั้น  จะไม่ออกไปจากสิ่งที่ศาสนาได้นำมาและจะไ่ม่ค้านกัน

วัลลอฮุอะลัม

อ้างอิงจาก : หลักฐานของอัลอะชาอิเราะฮ์ในการรับรองเรื่องอะกีดะฮ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ม.ค. 05, 2008, 09:22 AM »
0
อัสลามูอาลัยกุม
หมายความว่า  แนวทางอาชาอิเราะห์คือแนวทาง
อ้างถึง
แนวความคิดที่โอนเอียงไปในทางรุนแรงและทำให้ผู้ฝักใฝ่จำนวนมิใช่น้อยต้องหันเหออกนอกแนวทางที่

ถูกต้องของอิสลาม
ตามความเห็นของคุณ budu หรือครับ  ตอบหน่อยครับคุณ

ออฟไลน์ pareet

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 241
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ม.ค. 05, 2008, 01:58 PM »
0
 salam
แล้วนิกาย ซุนนี ละครับ
ใครพอจะสรุปให้ความรู้ได้ไหมครับว่า นิกาย ซุนนี
มีกี่แนวทาง

วัสลาม


ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ม.ค. 05, 2008, 05:43 PM »
0
ความจริงเนื้อหาเหล่านี้  ผมคิดว่ามิใช่เขียนมาจากน้อง บูดู เองหรอกครับ แต่ไปคัดสรุปจากที่อื่นมาอีกที  แต่ทว่าก็เป็นประโยชน์ให้ทางเราได้ชี้แจง ^^


นิกายในอิสลาม

นิกาย ในที่นี้หมายถึง แนวความคิดที่โอนเอียงไปในทางรุนแรงและทำให้ผู้ฝักใฝ่จำนวนมิใช่น้อยต้องหันเหออกนอกแนวทางที่

ถูกต้องของอิสลาม โดยนิกายเหล่านั้นมีจำนวนมาก และจะนำเสนอเฉพาะนิกายหลักๆ เท่านั้น


แ่ค่คำนิยาม  เพื่อเข้าสู่การนำเสนอรายละเอียด  ก็ผิดแล้วล่่ะครับ   เพราะคำนิยามนี้  ผู้เขียนมีความอคติมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว  การให้คำนิยามก็ไม่รัดกุม  คือไม่ญาเมี๊ยะอฺและไม่มาเนี๊ยะอฺเลย 


สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดนิกายในอิสลาม  คือ

การนำหลักปรัชญาจากตะวันตกเข้ามาศึกษา พร้อมทั้งพยายามเจาะประเด็นและค้นคว้าปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับ เช่น ตัวตนและ

คุณลักษณะของอัลลอฮ์ รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกำหนดสภาวะทั้งดีและร้ายที่พระองค์ทรงใช้ให้เชื่อมั่น และศรัทธาโดยห้ามค้นคว้าหรือวิเคราะห์

ในรายละเอียด
 
๕. นิกายอะชาอิเราะห์

อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ

ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์

นิกายนี้ได้รับการเผยแพร่มากขึ้นโดยสถาบันการศึกษาในกรุงแบกแดดและในเมืองไนซาบู้ร (เอเชียกลาง)ได้จัดเป็นหลักสูตรการ

เรียนการสอนโดยนักวิชาการสายอะชาอิเราะห์ และสถาบันการศึกษาในกรุงแบกแดด ถือเป็นสถาบันอิสลามที่ใหญ่ที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นิกาย

อะชาอิเราะห์ได้รับการแพร่หลายอย่างกว้างขวางในโลกอิสลามปัจจุบัน มีการเรียนการสอนทั้งในระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย

เรามาพิจารณากันครับ  ผู้เขียนบอกว่า  นิกายนั้นเกิดขึ้นเพราะเน้นความรุนแรง  นั่นแสดงว่าอัลอะชาอิเราะฮ์เิกิดขึ้นมาเพราะเหตุความรุนแรง  ซึ่งแบบนี้ผู้มีสติปัญญาจะไม่กล่าวกัน   และผู้เขียนบอกว่า  นิกายเป็นแนวทางที่หันเหออกจากอัลอิสลาม  แต่ผู้เขียนเองกล่าวว่า  อัลอะชาอิเราะฮ์มีความสอดคล้องกัแนวทางของชาวซุนนะฮ์  ดังนั้น  เมื่อสอดคล้องกับแนวทางซุนนะฮ์  ก็แสดงว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ไม่ใช่นิกาย เพราะมิได้ออกจากแนวทางของอัลอิสลาม   นั่นแสดงว่า  ผู้เขียนนำเสนอค้านกับเองกับคำนิยาม 

ดังนั้น  จึงดูเหมือนว่าผู้เขียนเอง  จะนำเสนอเอาใจอัลอะชาอิเราะฮ์บ้าง  แต่รายละเอียดในการนำเสนอนั้น  แฝงด้วยความอคติและไม่เข้าใจอัลอะชาอิเราะฮ์  อีกทั้งยังพยายามให้ผู้อ่านเข้าใจอัลอะชาอิเราะฮ์แบบผิด ๆ โดยนัย 

แล้วคำว่า "สอดคล้องกับแนวทางชาวซุนนะฮ์"  นั้น  ใครครับคือ  ชาวซุนนะฮ์  ในเมื่ออะฮ์ลิสซุนนะฮ์ส่วนมากของโลกนี้คือ อัลอะชาอิเราะฮ์และมะตูรีดียะฮ์  แล้วจะเหลือแนวทางใหนเป็น ชาวซุนนะฮ์  ตามที่ผู้เขียนกล่าวมาหรือครับ  หรือว่าหมายถึง  "วะฮาบีย์" คือวะฮาบีย์นั้นไม่ได้ใช้ความรุนแรง ?  แต่ทว่าคำนิยามนั้นยืนยัน ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ม.ค. 05, 2008, 06:03 PM »
0
salam
แล้วนิกาย ซุนนี ละครับ
ใครพอจะสรุปให้ความรู้ได้ไหมครับว่า นิกาย ซุนนี
มีกี่แนวทาง

วัสลาม

วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์ครับ

บัง pareet  ครับ  โปรดเข้าไปอ่านกระทู้นี้ครับ : แนวทางใดบ้าง ที่อยู่ในมัซฮับอะลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  

วัสลาม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ม.ค. 05, 2008, 06:08 PM »
0
 salam
ความจริงผมก็ว่าไม่ใช่ความคิดคุณ budu  เหมือนกันครับ  แค่ทักท้วงอยากให้มีที่มาที่ไปหน่อยแค่นั้นเอง ครับ จะได้ประดับความรู้
วัสลาม

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ม.ค. 08, 2008, 01:54 PM »
0
 salammทุกคนครับ  ผมเป็นน้องใหม่ของเวปนี้คนหนึ่งครับ  เพราะด้วยสาเหตุเดือนที่ผ่านมาผมแค่จะเข้ามาหากรณีข้อแตกต่างหรือประเด็นขัดแย้งทางนิติศาสตร์และแนวทางยึดถือ(อกีดะ)ครับ  หาอยู่หลายเวปและหลายอาทิตย์ครับแต่บังเอิญผมพิมท์ชื่อเวปไซด์ผิด แรกจะพิมพ์ชื่อ  assunnah  ในgoogle  แต่ดันมาตกตัว  a เวปกูเกิ้ล เลยพาผมออกมาเป็นเวป sunnah..........ซะดื้อๆๆ แต่ก็ไม่ผิดหวังครับ  ที่เจอในสิ่งที่ต้องการ   ขอบใจผู้ที่นำเนื่อ้เรื่องมาลงครับ...และตั้งแต่นั้นมาเมื่อผมว่างๆก็จะเข้ามาหาอะไรที่ผมข้องใจประจำๆครับและก็แนะนำเพื่อนๆผมด้วยครับอิๆๆ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
แต่อีกอย่างหนึ่งที่ผมข้องใจคือ  คุณ  บูดู  ที่ให้ฟามหมาย  ในคำว่านิกายของศาสนาอิสลาม ซึ่งจริงๆแล้วผมก็ไม่ทราบนะครับว่า  อิสลามนั้นมีนิกายหรือลัทธิจตามที่คุณบูดูทราบมานะครับ>>>>>>>>>
เพราะนิกายนั้นมันเกิดจาก ใครบางคนที่ก่อตั้งแนวความคิดของตัวเองและอ้างตนว่าเป็นศาสดาหรือแนวทางของตน  เช่นถ้าในศาสนาคริสตร์ก็มีเป็น   3  นิกาย คือ
-โปแตสแตนส์
-ออทอดอกซ์
-โรมันคาทอลิก
ถ้าศานาพุทธก็แบ่งออกเป็น 2 นิกาย
-มหายาน
-หินนยาน

และศาสนาอื่นๆอีกมาก


แต่อิสลามนั้นไม่มีนิกายอย่างที่ผมได้ศึกษามาเลยนะครับ นอกจากชีอะอีม่ามอะลีแล้ว   บรรดผู้รู้สมัยก่อนและยุคหลังๆต่างถือว่าชีอะยุคหลังๆนี้ถือ  คือไม่ชีอะกลุ่มของท่านอาลี(รด)เพราะว่า มีเบี่ยงเบนและแตกยอดแตกสาขาออกเป็น ชีอะ12อีม่าม  หรือ -รอฟีเฏาะซึ่งนั้นก็คือ  นิกายของเขาแต่ละสาขาๆ

ดังนั้น  ผู้รู้ทั้งในยุคอดีตต่างถือว่า  นิกายขอชีอะปัจจุบัน  ที่แตกมาจาก  เดิมของกลุ่มชีอะกลุ่มอีม่ามอะลีแล้ววถือ     ว่าไม่ใช่สิ่งถูกต้องแนน่อน...


จึงไม่เป็นที่น่าสงสัยใดๆของผม  แต่ที่คุณบูดูบอกว่า แนวทางอาชาอิเราะเป็นกล่มนิกายแล้วนี่ซิ  ผมเลยไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่งเลยครับ,,,,,,,,,,,,,,,อยากให้อธิบายแบบมีหลักฐานครับ.....

แต่ที่ผมศึกษามา   .....แนวทางการศัทธาในภาคอูซุลุดดีนหรือหลักการยึดมั่นแล้ว  บรรดาอุลามะในยุคสลัฟเขาได้เแบ่งการศรัทธาของมุสลิม ที่เป็นออกเป็น  4 แนวทางศรัทธานะครับคือ
1.การศรัทธาแบบอะลิสซุนนะวัญญะมาอะ

2.การศรัทธาแบบมัวตะซิละ

3.การศรัทธาแบบยับบารียะ


4.การศรัทธาแบบอะลิ้กะชัฟ



               ฉนั้นในสิ่งที่คูณบูดูกล่าวว่า   นิกาย ในที่นี้หมายถึง แนวความคิดที่โอนเอียงไปในทางรุนแรงและทำให้ผู้ฝักใฝ่จำนวนมิใช่น้อยต้องหันเหออกนอกแนวทางที่

ถูกต้องของอิสลาม
>>>>>>>>>>>>>>>>>>


ตรงกันข้าม แนวทางการศรัทธาแบบอาชาอีเราะนั้นคือแนวทางของชาวอะลิสซุนนะวัลญามาอะอย่างแท้จริง...และเป็นแนวทางเดียวที่อุลามะทั้งอดีตและปัจจุบันยอมรับและถือว่า  นี่คือสิ่งที่ท่านนบีกล่าวไว้ในฮาดิสของท่าน
ส่วน
.การศรัทธาแบบมัวตะซิละ.....การศรัทธาแบบยับบารียะอุลามะส่วนมากถือว่าเขานั้นก็ยังเป็นมุสลิมเพียงว่าแนวการศัทธาของเขานั้น   ถือว่า  อาจจบกพร่องในด้านความเข้าใจในตัวบท....ส่วน..การศรัทธาแบบอะลิ้กะชัฟ
นั้นถือว่าเป็นสิ่งพิเศษสำหรับบางบุคคล



ผมเข้าใจผิดยังไงแนะนำได้ครับ






ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ม.ค. 08, 2008, 04:18 PM »
0
คุณ บูดู  กล่าวว่า...............สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดนิกายในอิสลาม  คือ

            การนำหลักปรัชญาจากตะวันตกเข้ามาศึกษา พร้อมทั้งพยายามเจาะประเด็นและค้นคว้าปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับ เช่น ตัวตนและ

คุณลักษณะของอัลลอฮ์ รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกำหนดสภาวะทั้งดีและร้ายที่พระองค์ทรงใช้ให้เชื่อมั่น และศรัทธาโดยห้ามค้นคว้าหรือวิเคราะห์


.........การนำหลักปรัชญามาค้นคว้าและศึกษาร่วมกับอัลกรุอ่านโดยมันมีความสอดคล้องกันนั้น  ถือว่าไม่เป็นเรื่องผิดประการใด  เพราะพระองค์ไม่ทรงที่จะห้ามให้เราค้นคว้าในทุกๆวิชาในโลกนี้  แต่การที่เอาสติปัญยาตัวเองเข้ามาพัวพันร่วมกับสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างสรรค์นั้นถือว่าการที่ไม่สมควรยิ่งโดยเฉพาะ  สติปัญญาอันต่ำต้อยของมนุษย์ยิ่งเขาเป็นผู้ไร้การศึกษาค้นคว้าอย่างลึกซึ้งด้วยแล้ว  ถือว่าเขานั้น เป็นผู้ที่ฉ้อแลตัวเอง

การศึกษาในสิ่งพระองค์ทรงบอกแ ละกล่าวในอัลกรุอ่านนั้นรเป็นสิ่งที่ดียิ่ง  ดังนั้นการ ที่มนุษย์ผู้มรสติเพิดเฉยกับการพิจรณาในสิ่งที่พระองค์พูดและถึงขั้นเลยเถิดว่าเป็นเรื่องผิดนั้น  เปรียบได้ว่าเขาผู้นั้น   ได้เชื่อในสิ่งที่เขาบอกทอดๆกันมาแต่ไม่เคยใช้สติปัญญาในการเรียนรู้สิ่งเหล่านั้น              หรืออาจจะกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า

เขานั้นเชื่อแบบคนตาบอดที่ไร้การค้นคว้าและพิจารณา

การที่บรรดาอุลามะและบรรดาลูกศิษย์ของคนในยุคสลัฟ  ร่วมกันศึกษาในคำดำรัสเพื่อพิจารณาถึงสิ่งที่พระองค์กล่าวไว้และถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้สู่เรา  นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก  แต่การที่ละเลยและไม่สนใจในกาลามุ้ลเลาะและปล่อยให้ชัยตอนเป็นผู้นำความคิดบวกกับสติปัญยาตัวเองมาตัดสินในสิ่งที่อุลามะก่อนๆเขากระทำกันนั้นถือว่า  อันตรายยิ่ง

การบอกกล่าวคุณลักษณะของอัลลออ์ที่บรรดาผู้รู้ได้นำมาบอกกล่าวนั้นไม่ใช่กำจัดอยู่เพียง 20 คุณลักษณะของพระองค์ว่าต้องมีเพียงเท่านั้น         แต่ในอัลกรุอ่านนั้นคุณลักษณะที่เราผู้เป็นมนุษย์ที่ไสมารถุจะพรรณาได้นั้นมันมีอยู่มากมายและมาก

กว่า นั้นยิ่งนัก 

 เพียงแต่ สิ่งไหนที่บรรดาผู้รู้เห็นว่า   คุณลักษณะเพียง 20ประการ  นั้นน่าจะเพียงพอและง่ายต่อความเข้าใจของมนุษย์กับสติปัญญาอันน้อยนิดของ มนุษย์   

ในความเป็นจริงการบอกกล่าวถึงคุณลักษณะของพระองค์ในอัลกรุอ่านนั้นมัน   ที่แท้จริงมัน     ก็คือสิ่งที่พระองค์ได้ทรงพรรณาถึงคุณลักษณะของพระองค์  ให้เราได้ศึกษาและเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นไว้ในอัลกรุอ่านแล้ว

....โดยผ่านผู้รู้ผู้ที่เข้าใจมาอีกขั้นตอยหนึ่งนั้น  นับว่าเป็นสิ่งที่ดีและสมควรจะให้เกียรติในสิ่งที่ผู้รู้เหล่านั้นเสียสละ


ฉนั้น   การเรียนรู้และรู้จักถึงคุณลักษณะของพระองค์นั้น  เป็นมะรีฟัตที่จำเป็นยิ่งสำหรับมนุษย์ที่จะรู้จักในพระเจ้าของเขาก่อนที่เขาจะศรัทธาและกราบไหว้...................

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ม.ค. 08, 2008, 04:41 PM »
0
     ๓. นิกายมัวะตะซิละห์

                  มัวะอ์ตะซิละห์ เป็นนิกายหนึ่งในอิสลามที่อาศัยสติปัญญาในการทำความเข้าใจหลักการเชื่อมั่นของอิสลาม ซึ่งได้รับอิทธิพลความคิด

มาจากการนำปรัชญาจากต่างชาติเข้ามาศึกษา จึงทำให้ผู้ยึดถือนิกายนี้ต้องหลุดออกจากหลักการที่ถูกต้องของอิสลาม

                 นักวิชาการกลุ่มนี้พยายามอธิบายตัวบทพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและวจนะท่านศาสดามุฮัมมัดตามความคิดของตนเอง พวกเขาจึง

อาศัยการเข้าใจตัวบทด้วยการตีความตามอำเภอใจ

                 อุดมการณ์สำคัญที่พวกมัวะอ์ตะซิละห์ยุคใหม่ยึดถือคือ คำกล่าวอ้างที่ว่า สติปัญญาคือหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงแก่นสาร

แห่งความจริง



มัวะตะซิละนั้นเป็นการศรัทธา  หนึ่งที่ใช้สติปัญญาตัวเองเข้าร่วมพิจราณา  สิ่งไหน  ไม่กินกับปัญญาตัวเองสิ่งนั้นเขาจะใช้ความคิดตัวเองตัดสิน  ควบคู่ไปด้วยเช่น            การอ่านกรุอ่านให้กับชาวกรโบร์  เขาจะถือว่ามันไม่ถุกต้องและการกระทำนั้นจะไม่ถึงต่อผู้ที่อยู่ในกรุโบร์  (หรือผู้ที่ตายแล้ว)ดังนั้นพวกเขาจะไม่กระทำมัน    ในสิ่งที่ชาวมัสหับกระทำกัน  เพราะเขาเอาสติปัญญาตัวเองมาตัดสินว่า  คนตายไปแล้วนั้นไม่สามารถรับรู้ใดๆจากการกระทำของคนเป็น และคนตายไปแล้วนั้นไม่มีความรู้สึกเปรียบเสมือนท่อนไม้ที่จะผลักหรือกว่ไปไหนก็ได้


ชาวมัวะตะซิละนั้นจะเเบ่งกำลัง ออกเป็น 2คือ กำลังหนึ่งเป็นของตัวเองกำลังหนึ่งเป็นของอัลลอฮ์   ฉนั้นกำลังนั้นต้องควบคู่กัน  เช่น  ถ้าหากว่า  ถ้าต้องการอะไรสักอย่าง  เช่นความรวย  ก็ต้องใช้กำลังหรือสติปัญญาตัวเองที่ได้มาในการขวนขวาย  สิ่งนั้น  และในที่สุดมันต้องมาอย่างแน่อนอน  ดั่งที่ที่ต้องการ  เสมอไป    นี่คือแนวคิดของ  มัวะตะซีละ       ที่เชื่อว่า  คือเมื่อมนุษย์จะมนุษย์จะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้  มันก็จะได้มา  อย่างแน่นอน   

โดยไม่ได้คิดว่า  ความรวยความจนนั้น  ล้วนมาจากพระองค์   ขยันเพียงไหน หรือตลอดชีวิต  ถ้าพระองค์ไม่ยินยอมให้ก็รวยไม่ได้  หลายๆคนขยันตลอดเวลา  แต่ณ.วันนี้เขาก็ยังลำบากขัดสนอยู่ซึ่งมีมากมายให้เห็น....


ฉนั้น  แนวคิดมัวะตะละนั้น   เขาเป็นเพียง  แค่กาเฟรซีนดีนเท่านั้น   และ เป็นมุสลิมเพียงแค่เปลือกนอก      เพราะการศัรทธาเขานั้น  ยังมีชีริกมาก             

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 08, 2008, 05:10 PM »
0
เจ๋งครับ  คุณ  อัลซิดิก...... 2hand


///////บูดู  กล่าวว่า.............๔. ไซดียะห์

                 ไซดียะห์ เป็นแขนงหนึ่งในนิกายชีอะห์ที่มีหลักการใกล้เคียงกับชาวซุนนะห์มากที่สุด

                 salam

 ๔. ไซดียะห์
                 ไซดียะห์ เป็นแขนงหนึ่งในนิกายชีอะห์ที่มีหลักการใกล้เคียงกับชาวซุนนะห์มากที่สุด

มีจุดแผ่ขยายอยู่ที่ชายฝั่งคอซรอซ ไดลัม ฏ๊อบริสถาน และญีลานตะวันออก จนถึงแคว้นฮิญ๊าซและทาง

ทิศตะวันตกของอียิปต์ ปัจจุบันมีจุดศูนย์กลางการแผ่ขยายอยู่ที่ประเทศเยเมน
 
 
                 ๕. นิกายอะชาอิเราะห์

                 อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ

ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์

งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

 :allahuakbar:โอ  คุณบูดู  บูซุ   สรุปแล้ว  ทั้งอาชาอิเราะและไซยีดะ  ไม่ใช่ชาวอะลิสซุนนะฯหรือครับ   และที่บอกว่าทั้ง2กลุ่มใกล้เคียงกับชาวซุนนะนั้น   เอามาตรฐานไหนมาวัดหรือครับ


อยากให้เอาหลักฐานมาเสนอกันดีกว่านะครับ  ที่ว่าซุนนะนั้นซุนนะไหน              คิดว่า คงไม่ใช่ซุนนะท่าน มุฮำมัด บินอับดุลวาฮาบ  นะครับอิๆๆๆ

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //**
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ม.ค. 08, 2008, 07:46 PM »
0
อิๆๆๆโทษทีลงผิดกระทู้ครับ

.............อ้างจากคุณ kowee

ที่นี้คุณซิดดีก  มาดู  อากีดะวะฮาบีกับบ้างว่า  มีความสอดคล้องกับนิกายมุตะซีละหรือไม่อย่างไร ครับ

คืออย่างนี่ครับ 

วาฮาบีย์เชื่อในซีฟัตกะลามของอัลเลาะฮ์ว่า...

قديم النوع حادث الآحاد

"ประเภทนั้นกอดีมแต่ส่วนปลีกย่อยต่างๆ นั้นเป็นมัคโลคของใหม่"หมายถึง"วะฮาบีย์ได้ปฏิเสธความกอดีมขออัลกุรอาน...พวกเขาอ้างว่า..กาลามุลลอฮ์(ซีฟัตการพูดของอัลเลาะฮ์)นั้น...ประเภทของมันนั้นกอดีมแต่ส่วนย่อยต่าง ๆ ของกาลามมุลลอฮ์นั้นฮาดิษ(เป็นของใหม่เป็นมัคโลคที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่)...กล่าวคือ...กาลามของอัลเลาะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีนั้นมีหลากหลาย...ดังนั้นอัลเลาะฮ์ทรงมีมาแต่เดิมโดยยังไม่มีอัลกุรอานและอินญีลนั้นอยู่ก่อนอัลกุรอานและเตาร๊อตอยู่ก่อนอินญีล.[/color

]เราจะเห็นว่า แนวทางมัวตะซีละของวะฮาบีนั้นเชื่อว่า           กาลามของอัลเลาะฮ์นั้นเป็นของใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นและได้ดำรงอยู่ที่อัลเลาะฮ์....คืออัลเลาะฮ์จะสร้างถ้อยคำพูดของพระองค์ทีละนิดละน้อยเรื่อยๆ....และวะฮาบีนั้นไม่ได้เข้าใจว่า...อัลกุรอานได้ดำรงอยู่ที่อัลเลาะฮ์เหมือนกับอิลมุ(ความรอบรู้)ของพระองค์ได้ดำรงคงอยู่ที่พระองค์เองโดยไม่เปลี่ยนแปลง..

.ดังนั้นวะฮาบีย์จะอุตริกรรมบิดอะฮ์คำพูดขึ้นมาที่ว่า...กาลามของอัลเลาะฮ์กอดีมประเภทของมันเท่านั้นส่วนปลีกย่อยต่าง ๆ ของกาลามพระองค์นั้น - เช่น อัลกุรอาน เตาร๊อต อินญีล - เป็นสิ่งใหม่เป็นมัคโลค...และหลักความเชื่อนี้คือหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ในปัจจุบันซึ่งพวกเขาเอาคำว่าสลัฟมาบังฉากหน้าของตนเองอยู่..."
 
หากพิจารณากันให้ดีครับพี่น้อง   ...นี้คืออะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ที่บิดอะอ์...ซึ่งวะฮาบีเมืองไทยยึดถือกันอยู่...

และหากเราสรุปตามหลักการของพวกเขานี้แล้ว...คือ  อากิดะฮ์ของวะฮาบีนั้น....เชื่อว่าอัลกุรอานเป็นมัคโลคถูกสร้างขึ้นมาใหม่...ไม่ใช่กอดีม...ซึ่งตรงและสอดคล้องกับอะกีดะฮ์ของพวกมั๊วะตะซิละฮ์และชีอะฮ์อิมาม 12 โดยที่พวกเขาใช้สติปัญญาของเขาเข้ามาตัดสินเช่เดียวกันครับ  คุณ   อัล-ซิดดิก


คุณ  อัลซิดดีก   เข้าใจเหมือนผมถุกเพ้งเลยครับ   

 

GoogleTagged