ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์  (อ่าน 14150 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Kamarutdin

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

อัสลามมุอลัยกุม ทุกท่านครับ...
คือผมเองได้อ่านอ่านบทความจากเว๊บนี้อยู่แล้วรู้สึกชอบในแนวทางการตอบของทุกท่านจริงๆครับ เนื่องจากอ่านอยู่นานแล้วพอดีดันไปอ่านเจอจากเว๊บ
ขีอะห์ที่มัน บอกว่าท่านนบี(ซล.)ทำละหมาดย่อรวม ซุริ-อัสริและมักริบ-อีซา
แล้วก็มันยังบอกด้วยว่าท่านนบีทำตลอดชีวิต มันก็เลยทำให้ผมสงใส่จึงใคร่ขอความรู้จากท่านผู้ท่านใดก็ได้นะครับยินดีทุกกท่านครั

โดยยกฮาดิษที่ว่า


عن ابن عباس ( رضي الله عنه ) قال : صلّى رسول الله ( صلَّى الله عليه و آله ) الظهر و العصر جميعاً ، و المغرب و العشاء جميعاً ، في غير خوف و لا سفر

صحيح مسلم : 1/ 384 ، باب الجمع بين الصلاتين في الحضر

จากอิบนิอับบาส(รฎ.)เล่าว่า : ท่านร่อซูลุลลอฮ์(ศ)ได้ทำนมาซซุฮ์ริและอัศริรวมกัน และ(ได้นมาซ)มัฆริบกับอีชารวมกัน โดยที่ไม่ได้อยู่ในยามหวาดกลัว(จากภาวะสงคราม)และไม่ได้อยู่ในข ณะเดินทาง  
หนังสือซอฮี๊ห์มุสลิมเล่ม 1 หน้า 384  หมวดว่าด้วยเรื่องการทำนมาซรวมกันในภาวะปกติ (คือไม่ได้เดินทาง ไม่ป่วยและฝนไม่ตก)

 

و عن ابن عباس قال : " إن رسول الله ( صلَّى الله عليه و آله ) صلى بالمدينة سبعاً  و ثمانياً  ، الظهر و العصر ، و المغرب و العشاء

صحيح مسلم : 1 / 490 ـ 492 ، طبعة دار إحياء التراث العربي ، و دار القلم ، بيروت / لبنان .

 

จากอิบนิอับบาสกล่าวว่า : แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้ทำนมาซที่เมืองมะดีนะฮ์ 7 ร่อกะอะฮ์และ8ร่อกะอะฮ์ (คือรวมมัฆริบกับอีชา และ8คือรวมซุอ์ริกับอัศริ)  
หนังสือซอฮี๊ห์มุสลิมเล่ม 1 หน้า490-492

รบกวนด้วยนะครับอยากได้ความรู้นะครับ
ญะซากัลลอฮุคอยรอน ล่วงหน้าครับ
วัสลาม
ปล.ผมไม่ได้เป็นชีแอบนะครับ
"เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอนมัสการ และ
 เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ"

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธ.ค. 04, 2006, 10:26 PM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته

 
و عن ابن عباس قال : " إن رسول الله ( صلَّى الله عليه و آله ) صلى بالمدينة سبعاً  و ثمانياً  ، الظهر و العصر ، و المغرب و العشاء
صحيح مسلم : 1 / 490 ـ 492 ، طبعة دار إحياء التراث العربي ، و دار القلم ، بيروت / لبنان .
จากอิบนิอับบาสกล่าวว่า : แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้ทำนมาซที่เมืองมะดีนะฮ์ 7 ร่อกะอะฮ์และ8ร่อกะอะฮ์ (คือรวมมัฆริบกับอีชา และ8คือรวมซุอ์ริกับอัศริ)  หนังสือซอฮี๊ห์มุสลิมเล่ม 1 หน้า490-492

หะดิษนี้บ่งถึง  ท่านได้นบี(ซ.ล.)เคยละหมาดที่นครมะดีนะฮ์ เจ็ดร่อกะอัต คือทำละหมาดรวมแบบตักดีม ทำเอาละหมาดอีชาอ์มารวมในทำกับละหมาดมัฆริบ  และแปดร่อกะอัตโดยนำละหมาดอัสริมารวมทำกับละหมาดซุฮ์ริ 
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้กล่าวอธิบายว่า

ومنهم من قال: وهو محمول على الجمع بعذر المرض أو نحوه مما هو فى معناه من الأعذار ، وهو قول أحمد بن حنبل والقاضى حسين من أصحابنا ، وأختاره الخطابى والمتولى والرويانى من أصحابنا وهو المختار فى تأويله لظاهر الحديث ولفعل ابن عباس وهو موافقة أبى هريرة ، ولأن المشقة فيه أشد من المطر

"นักปราชญ์บางส่วน กล่าวว่า  หะดิษนี้ถูกตีความบนการรวมละหมาดด้วยสาเหตุของอุปสรรคการป่วยหรืออื่น ๆ จากสิ่งที่อยู่ในความหมายของมันจากบรรดาอุปสรรคทั้งหลาย  และมันเป็นทัศนะคำกล่าวของท่านอิมามอะหฺมัด บิน ฮัมบัล และอัลกอฏอ หุซัยน์ จากบรรดานักปราชญ์มัซฮับของเรา  และท่านอัลค๊อฏฏอบีย์ , ท่านอัลมุตะวัลลีย์ และท่านอัรรูยานีย์ จากบรรดานักปราชญ์มัซฮับของเรา  และมันเป็นทัศนะที่ถูกเลือกเฟ้นแล้วในการตีความ อันเนื่องจากความหมายผิวเผินของหะดิษ และการกระทำของท่านอิบนุอับบา โดยที่มันสอดคล้องกับท่านอบูฮุรอยเราะฮ์  และเพราะว่าความลำบากในเรื่องความเจ็บป่วยนั้นย่อมหนักว่าฝนตกหนัก"  ดู  ชัรหฺซอฮิหฺมุสลิม  เล่ม 23 หน้า 236  ดารุลหะดิษ

ท่านอิมามอันนะวาวีย์กล่าวอธิบายเช่นกันว่า

وذهب جماعة من الأئمة الى جواز الجمع فى الحضر للحاجة لمن لا يتخذه عادة وهو قول ابن سيرين وأشهب من أصحاب مالك ، وحكاه الخطابى عن القفال والشاشى الكبير من أصحاب الشافعى عن ابى إسحاق المروزى عن جماعة من أصحاب الحديث وإختاره ابن المنذر ويؤيده ظاهرقول ابن عباس : أراد ألا يحرج أمته فلم يعلله بمض ولا غيره . والله أعلم

"กลุ่มหนึ่งจากปวงปราชญ์ได้ดำเนินทัศนะว่า อนุญาตให้รวมละหมาดในขณะที่ไม่ได้เดินทาง เพราะมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่ไม่ทำการรวมละหมาดเป็นปกติวิสัย   และมันคือทัศนะของท่านอิบนุซีรีน , ท่านอัชฮับ จากสานุศิษย์ของท่านอิมามมาลิก  และท่านอัลค๊อฏฏอบีย์ได้ทำการรายงานจาก ท่านอัลก๊อฟฟาล และจากอัชชาชีย์ผู้เป็นพี่ที่มาจากมัซฮับของเรา  ซึ่งได้รายงานจากอบีอิสหาก อัลมัรวะซีย์  จากกลุ่มหนึ่งจากนักปราชญ์หะดิษ  และท่านอิบนุอัลมุนซิรได้เลือกทัศนะนี้  และได้ทำการสนับสนุนกับทัศนะนี้โดยคำกล่าวของท่านอิบนุอับบาสที่ว่า "ท่านนบีต้องการไม่ให้มีความลำบากต่อประชาชาติของท่าน"  ดังนั้น  ท่านอิบนุอับบาสไม่ได้ให้เหตุผลว่าป่วยและอื่น ๆ เลย  วัลลลอฮุอะลัม" ดู  ชัรหฺซอฮิหฺมุสลิม  เล่ม 23 หน้า 236  ดารุลหะดิษ

โดยยกฮาดิษที่ว่า

عن ابن عباس ( رضي الله عنه ) قال : صلّى رسول الله ( صلَّى الله عليه و آله ) الظهر و العصر جميعاً ، و المغرب و العشاء جميعاً ، في غير خوف و لا سفر
صحيح مسلم : 1/ 384 ، باب الجمع بين الصلاتين في الحضر

จากอิบนิอับบาส(รฎ.)เล่าว่า : ท่านร่อซูลุลลอฮ์(ศ)ได้ทำนมาซซุฮ์ริและอัศริรวมกัน และ(ได้นมาซ)มัฆริบกับอีชารวมกัน โดยที่ไม่ได้อยู่ในยามหวาดกลัว(จากภาวะสงคราม)และไม่ได้อยู่ในข ณะเดินทาง 
หนังสือซอฮี๊ห์มุสลิมเล่ม 1 หน้า 384  หมวดว่าด้วยเรื่องการทำนมาซรวมกันในภาวะปกติ (คือไม่ได้เดินทาง ไม่ป่วยและฝนไม่ตก)

หะดิษนี้ คือประเด็นสำคัญที่ชีอะฮ์จะนำมาอ้างทัศนะของเขา  ซึ่งถ้าหากเราพิจารณาสายรายงานหะดิษที่มีถ้อยคำที่ว่า

 في غير خوف و لا سفر

"โดยที่ไม่ได้อยู่ในยามหวาดกลัว(จากภาวะสงคราม)และไม่ได้อยู่ในข ณะเดินทาง"

เราจะพบว่าสายรายงานต่าง ๆ ที่มีระบุถ้อยคำนี้  ได้รายงานจากท่าน سعيد بن جبير  เพียงท่านเดียวเท่านั้นที่ได้รายงานจากท่านอิบนุอับบาส(ร.ฏ.)  และถ้อยคำนี้ถือว่าฏออีฟ อันเนื่องจาก شاذة (ซาษฺ) แหวกแนวโดยรายงานขัดแย้งกับสายรายงานและถ้อยคำที่ซอฮิหฺกว่าและน่าเชื่อถือได้มากกว่า

ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์  กล่าวชี้แจงว่า

  زاد مسلم ن غير خوف ولا سفر قال الشافعى كمالك رضى الله عنهما أرى ذلك لعذر المطر واعترض بروايته
أيضا من غير خوف ولا مطر وأجيب بأنها شاذة

"ท่านมุสลิมได้เพิ่มถ้อยคำที่ว่า غير خوف ولا سفر "โดยที่ไม่ได้อยู่ในยามหวาดกลัว(จากภาวะสงคราม)และไม่ได้อยู่ในข ณะเดินทาง"  ซึ่งท่านอิมามอัชชาฟิอีย์ได้กล่าวเช่นเดียวกับท่านอิมามมาลิก(ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา)ว่า  ฉันเห็นว่าสิ่งดังกล่าวนั้น อันเนื่องจากมาอุปสรรคของฝนตกหนัก  และการรายงานของท่านมุสลิมที่ว่า"โดยที่ไม่ได้อยู่ในยามหวาดกลัว(จากภาวะสงคราม)และไม่ได้อยู่ในข ณะเดินทาง" ก็ถูกคัดค้านเช่นกัน  โดยตอบว่า การรายงานของท่านมุสลิมนั้น شاذة (ซาษฺ) (แหวกแนวโดยรายงานขัดแย้งกับสายรายงานและถ้อยคำที่ซอฮิหฺกว่าและน่าเชื่อถือได้มากกว่า)"  ดู หนังสือตั๊วะฟะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 402  ดารุล อิหฺยาอ์ อัตตุร๊อษ อัลอะร่อบีย์  ,  และหนังสือนุฮายะฮ์ อัลมั๊วหฺตาจญ์ ของท่านอิมามอัรร๊อมลีย์ เล่ม 2 หน้า 280 - 281 มุสต่อฟาอัลหะละบีย์

ท่านอิมาม ค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์  กล่าวชี้แจงว่า

زاد مسلم ن غير خوف ولا سفر قال الشافعى كمالك رضى الله عنهما أرى ذلك لعذر المطر  . قال فى المجموع : وهذا التأويل مردود برواية مسلم . قال: وأجاب البيهقى بأن الأولى رواية الجمهور فهى أولى . قال : يعنى البيهقى ، وروينا عن ابن عباس وابن عمر الجمع بالمطر وهو يؤيد التأويل

"ท่านมุสลิมได้เพิ่มถ้อยคำที่ว่า غير خوف ولا سفر "โดยที่ไม่ได้อยู่ในยามหวาดกลัว(จากภาวะสงคราม)และไม่ได้อยู่ในข ณะเดินทาง"  ซึ่งท่านอิมามอัชชาฟิอีย์ได้กล่าวเช่นเดียวกับท่านอิมามมาลิก(ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา)ว่า  ฉันเห็นว่าสิ่งดังกล่าวนั้น อันเนื่องจากมาอุปสรรคของฝนตกหนัก ท่านอิมามอันนะวาวีย์กล่าวในหนังสืออัลมัจญฺมั๊วะว่า  การตีความนี้ถูกปฏิเสธด้วยการรายงานของท่านมุสลิม  อิมามอันนะวาวีย์กล่าวอีกว่า  ท่านอัลบัยฮะกีย์ตอบว่า  การรายงานแรกเป็นการรายงานของนักปราชญ์หะดิษส่วนมาก  ดังนั้น มันจึงเป็นการรายงานที่ดีกว่า  คือท่านอัลบัยฮะกีย์กล่าวว่า  เราได้ทำการรายงานจากท่านอิบนุอับบาสและท่านอิบนุอุมัร กับ การรวมละหมาด(ของท่านนบี) ด้วยเหตุฝนตก ซึ่งมันได้มาสนับสนุนการตีความ(ของอิมามชาฟิอีย์)"  ดู หนังสือ มุฆนีย์ อัลมั๊วะหฺตาจญ์  เล่ม 1 หน้า 504  มักตะบะฮ์ อัตเตาฟีกียะฮ์

ดังนั้น   การรายงานของท่านมุสลิมกับถ้อยคำดังกล่าว  ถึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้  เพราะว่า شاذة (ซาษฺ) แหวกแนวโดยรายงานขัดแย้งกับสายรายงานและถ้อยคำที่ซอฮิหฺกว่าและน่าเชื่อถือได้มากกว่าตามหลักวิชาการหะดิษ

แล้วก็มันยังบอกด้วยว่าท่านนบีทำตลอดชีวิต มันก็เลยทำให้ผมสงใส่จึงใคร่ขอความรู้จากท่านผู้ท่านใดก็ได้นะครับยินดีทุกกท่านครับ

การที่ชีอะฮ์อ้างว่า ท่านนบีทำการรวมละหมาดตลอดชีวิตนั้น  ย่อมฟังไม่ขึ้นตามหลักการ  เนื่องจากท่านอะลี(ร.ฏ.)เอง  ได้ใช้ให้บรรดาเจ้าเมืองที่ว่าการแทนท่าน ทำการละหมาด 5 เวลา ใน 5 ช่วงเวลาของวัน  ท่านอะลี(ร.ฏ.)ได้กล่าวในสารที่ 52  ว่า

ومن كتاب له عليه السلام إلى أمراء البلاد في معنى الصلاة


أما بعد فصلوا بالناس الظهر حتى تفئ الشمس من مربض العنز وصلوا بهم العصر والشمس بيضاء حية فى عضو من النهار حين يسار فيها فرسخان . وصلوا بهم المغرب حين يفطر الصائم ويدفع الحاج . وصلوا بهم العشاء حين تتوارى الشفق إلى ثلث الليل . وصلوا بهم الغداة والرجل يعرف وجه صاحبه . وصلوا بهم صلاة أضعفهم ولا تكون فتانين

"จากสารหนึ่งของท่านอะลี(อ.) ที่ได้ส่งไปยังบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ เกี่ยวกับความหมายของละหมาดว่า"

"อนึ่ง  พวกท่านจงทำการละหมาดซุฮริพร้อมกับผู้คนทั้งหลายจนกระทั้งดวงอาทิตย์คล้อยจากกำแพงคอกแพะ  และพวกท่านจงทำการละหมาดอัสริพร้อมกับพวกเขา โดยที่ดวงอาทิตย์แสงเรืองรองสีขาวแกมเหลืองที่ยังคงอยู่ในส่วนของวันที่สามารถเดินทางได้ในระยะทางสองฟัรซัค  และพวกท่านจงทำการละหมาดมัฆริบพร้อมกับพวกเขาในขณะที่ผู้ถือศีลอดได้ทำการละศีลอดและคนทำฮัจญ์ได้แยกย้ายกลับจากอาระฟะฮ์(ไปสู่มีนา)  และพวกท่านจงทำการละหมาดอีชาอ์พร้อมกับพวกเขาในขณะที่แสงแดงได้ลับขอบฟ้าจนถึงเศษหนึ่งส่วนสามของคืน  และพวกท่านจงละหมาดซุบห์พร้อมกับพวกเขาโดยที่บุรุษคนหนึ่งได้สามารถจำใบหน้าของมิตรสหายเขาได้  และพวกท่านจงทำการละหมาดกับพวกเขาเหมือนกับการละหมาดของผู้อ่อนจากพวกเขาและพวกท่านอย่างสร้างความเดือนร้อน(ด้วยการละหมาดนานเนื่องจากมีคนชราและผู้ที่อ่อนแอร่วมละหมาอยู่ด้วย"  ดู หนังสือ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ หน้า  82

ดังนั้น  หากท่านนบี(ซ.ล.) ได้ทำการรวมละหมาดเป็นประจำหรือทำตลอดชีวิตนั้น  ท่านอิมามอะลี(ร.ฏ.) จะไม่ส่งสารแจ้งไปยังบรรดาเจ้าเมืองให้ทำการละหมาด 5 เวลาตามเวลาที่ถูกกำหนดเฉพาะให้กับมัน   วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Kamarutdin

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธ.ค. 04, 2006, 10:45 PM »
0
กระจ่างด้วยกับหลักฐาน อัลฮัมดุลิลละห์
ญะซากัลลอฮุค๊อยร๊อน นะครับ al-azhary ขอ อัลลอฮุ ซบ. ทรงตอบแทนความดีแก่ al-azhary นะครับ
แล้วถ้าหากยังมีชีอะห์ตนไหนอ้างถึงหลักฐานการละหมาดของพวกเค้าด้วยฐานดังกล่าวมาอีก
ผมคงต้องขออนุญาตินำหลักฐานที่ al-azhary มาตอบนี้ไปยืนยันให้พวกชีอะห์มันตาสว่างด้วยนะครับ
ญะซากัลลอฮุค๊อยร๊อน นะครับ
วัสลาม
"เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอนมัสการ และ
 เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ"

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธ.ค. 06, 2006, 11:21 AM »
0
คุณ sunnah ครับ

السلام عليكم ورحمة الله

ผมให้การอนุญาตนำไปอ้างอิงและยินดีรับใช้เท่าที่มีความสามารถครับ 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พ.ค. 01, 2007, 01:43 PM »
0
ในศอฮีฮ์มุสลิม รายงานจากอิบนุอับบาส บอกว่าท่านนบี(ศ็อล)ในช่วงบั้นปลายชีวิต นมาซบ่าย(ซุฮ์ริอัศริ)ในช่วงเวลาเดียวกัน (แบบญัมอ์ของคนเดินทาง) แต่มิใช่เดินทาง มิใช่เพราะอุปสรรค แต่เพื่อเปิดเวลาให้กว้างสำหรับอุมมะฮ์ ชีอะฮ์จึงถือตามรายงานนี้ และรายงานจากอะลี จากฮะซัน ฮุเซน ก็เป็นอย่างนี้
                    อัล-กุรอานก็มีโองการบอกเรื่องสามช่วงเวลา ด้วย ในซูเราะฮ์ ที่17 อายะฮ์ที่ 75 เชื่ออัล-กุรอาน ก็ต้องนมาซแบบชีอะฮ์นะ แต่ก็ไม่ว่ากันถ้าใครจะทำแบบซุนนี ข้อนี้ ชีอะฮ์ไม่ตำหนิ แต่ตำหนิตรงที่พวกท่านไม่เชื่อถือบทรายงานของลูกหลานท่านนบี กลับไปเชื่อแต่รายงานของบุคอรีมุสลิม ทั้งที่คนเหล่านั้น มีเชื้อสายมุอัลลัฟทั้งนั้น เก่งเพราะขยันเดินทางสืบเสาะวิชาการ ไม่เหมือนลูหลานท่านศาสดา เรียนรู้จากวิถีชีวิตจริงของท่านศาสดา ไม่เคยออกนอกศาสนามาก่อน ไชโย  ของใครแน่กว่ากัน
                        ชีอะห์  ท้าดวล

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พ.ค. 01, 2007, 05:32 PM »
0
กรุณาดูเนื้อหาหรือข้อมูลบางส่วนที่เรา(ชีอะห์)นำมาแสดง   ขอบคุณที่ติมา
                  ท้าดวล  ในที่นี้หมายถึงถ้าหากคุณคิดว่าคุณมีหลักฐานมากพอแล้วก็นำมาอธิบายสิ    เรามาที่เพื่อสันตินะ  หาใช่เพื่อสงครามไม่ ถ้าหากทำให้เข้าใจผิดไปก็ต้องขอมาอัฟด้วยนะครับ   
                           ชีอะห์รักสันติ...มุสลิมคือพี่น้องกันครับ มันถึงเวลาแล้วครับที่พี่น้องมุสลิมทุกมัซฮับต้องรวมใจกันเพื่อความเป็นเอกภาพ  ความเป็นหนึ่งเดียวคือมุสลิมไงครับ ไม่ว่าท่านจะเป็นซุนนี่  หรือวะฮาบี หรือแม้กระทั่งชีอะห์  จากสายตาของคนต่างศาสนิกเราคือ มุสลิมผู้ถือแนวทางของท่านศาสดา(ศ็อล) เหมือนกันนะครับ   อาจจะแตกต่างทางด้านความคิด แนวความเชื่อ  ต่างๆๆนานา   แต่ถึงยังไงเราก็คือ มุสลิมนะครับ  ต้องรักกันไว้นะครับ         
                                            ด้วยสลามและดุอาอฺ

ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พ.ค. 01, 2007, 06:42 PM »
0
กรุณาดูเนื้อหาหรือข้อมูลบางส่วนที่เรา(ชีอะห์)นำมาแสดง   ขอบคุณที่ติมา
                  ท้าดวล  ในที่นี้หมายถึงถ้าหากคุณคิดว่าคุณมีหลักฐานมากพอแล้วก็นำมาอธิบายสิ    เรามาที่เพื่อสันตินะ  หาใช่เพื่อสงครามไม่ ถ้าหากทำให้เข้าใจผิดไปก็ต้องขอมาอัฟด้วยนะครับ   
                           ชีอะห์รักสันติ...มุสลิมคือพี่น้องกันครับ มันถึงเวลาแล้วครับที่พี่น้องมุสลิมทุกมัซฮับต้องรวมใจกันเพื่อความเป็นเอกภาพ  ความเป็นหนึ่งเดียวคือมุสลิมไงครับ ไม่ว่าท่านจะเป็นซุนนี่  หรือวะฮาบี หรือแม้กระทั่งชีอะห์  จากสายตาของคนต่างศาสนิกเราคือ มุสลิมผู้ถือแนวทางของท่านศาสดา(ศ็อล) เหมือนกันนะครับ   อาจจะแตกต่างทางด้านความคิด แนวความเชื่อ  ต่างๆๆนานา   แต่ถึงยังไงเราก็คือ มุสลิมนะครับ  ต้องรักกันไว้นะครับ         
                                            ด้วยสลามและดุอาอฺ

เอาแบบอิคลาศสิครับ อย่าให้เหลี่ยมโผล่
munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พ.ค. 01, 2007, 06:55 PM »
0
ในศอฮีฮ์มุสลิม รายงานจากอิบนุอับบาส บอกว่าท่านนบี(ศ็อล)ในช่วงบั้นปลายชีวิต นมาซบ่าย(ซุฮ์ริอัศริ)ในช่วงเวลาเดียวกัน (แบบญัมอ์ของคนเดินทาง) แต่มิใช่เดินทาง มิใช่เพราะอุปสรรค แต่เพื่อเปิดเวลาให้กว้างสำหรับอุมมะฮ์ ชีอะฮ์จึงถือตามรายงานนี้ และรายงานจากอะลี จากฮะซัน ฮุเซน ก็เป็นอย่างนี้

อัล-กุรอานก็มีโองการบอกเรื่องสามช่วงเวลา ด้วย ในซูเราะฮ์ ที่17 อายะฮ์ที่ 75 เชื่ออัล-กุรอาน ก็ต้องนมาซแบบชีอะฮ์นะ แต่ก็ไม่ว่ากันถ้าใครจะทำแบบซุนนี ข้อนี้ ชีอะฮ์ไม่ตำหนิ แต่ตำหนิตรงที่พวกท่านไม่เชื่อถือบทรายงานของลูกหลานท่านนบี กลับไปเชื่อแต่รายงานของบุคอรีมุสลิม ทั้งที่คนเหล่านั้น มีเชื้อสายมุอัลลัฟทั้งนั้น เก่งเพราะขยันเดินทางสืบเสาะวิชาการ ไม่เหมือนลูหลานท่านศาสดา เรียนรู้จากวิถีชีวิตจริงของท่านศาสดา ไม่เคยออกนอกศาสนามาก่อน ไชโย  ของใครแน่กว่ากัน
ชีอะห์  ท้าดวล

ซูเราะฮ์ที่ 17  อายะฮ์ที่ 75  นั้น  ไม่มีนักปราชญ์ท่านใดยกมาเป็นหลักฐานว่าละหมาดมี  5 เวลา  แต่หากคุณยึดอายะฮ์ตรง ๆ ก็แสดงว่าการละหมาดมีแค่ 3 เวลา เท่านั้น  โดยอายะฮ์ไม่ได้อธิบายว่า  ละหมาดมี 5 เวลา โดยกระทำใน 3 ช่วงของเวลา

แต่หากคุณจะบอกว่าละหมาด  5 เวลานั้น  โดยคำนึงถึงหลักฐานอื่น   เราขอกล่าวว่า  ซัยยิดินาอะลี  ได้สั่งใช้ให้ประชากรที่อยู่ในการปกครองของท่าน  ทำการละหมาด 5 เวลา  ซึ่งหากทำสามเวลาเป็นสิ่งที่ดีเลิศ  ทำไมท่านซัยยิดินาอะลี ถึงใช้ให้ประชากรทุก ๆ หัวเมือง ทำการละหมาด 5 เวลา โดยไม่ได้ใช้ให้รวมละหมาด

การที่ชีอะฮ์อ้างว่า ท่านนบีทำการรวมละหมาดตลอดชีวิตนั้น  ย่อมฟังไม่ขึ้นตามหลักการ  เนื่องจากท่านอะลี(ร.ฏ.)เอง  ได้ใช้ให้บรรดาเจ้าเมืองที่ว่าการแทนท่าน ทำการละหมาด 5 เวลา ใน 5 ช่วงเวลาของวัน  ท่านอะลี(ร.ฏ.)ได้กล่าวในสารที่ 52  ว่า

ومن كتاب له عليه السلام إلى أمراء البلاد في معنى الصلاة


أما بعد فصلوا بالناس الظهر حتى تفئ الشمس من مربض العنز وصلوا بهم العصر والشمس بيضاء حية فى عضو من النهار حين يسار فيها فرسخان . وصلوا بهم المغرب حين يفطر الصائم ويدفع الحاج . وصلوا بهم العشاء حين تتوارى الشفق إلى ثلث الليل . وصلوا بهم الغداة والرجل يعرف وجه صاحبه . وصلوا بهم صلاة أضعفهم ولا تكون فتانين

"จากสารหนึ่งของท่านอะลี(อ.) ที่ได้ส่งไปยังบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ เกี่ยวกับความหมายของละหมาดว่า"

"อนึ่ง  พวกท่านจงทำการละหมาดซุฮริพร้อมกับผู้คนทั้งหลายจนกระทั้งดวงอาทิตย์คล้อยจากกำแพงคอกแพะ  และพวกท่านจงทำการละหมาดอัสริพร้อมกับพวกเขา โดยที่ดวงอาทิตย์แสงเรืองรองสีขาวแกมเหลืองที่ยังคงอยู่ในส่วนของวันที่สามารถเดินทางได้ในระยะทางสองฟัรซัค  และพวกท่านจงทำการละหมาดมัฆริบพร้อมกับพวกเขาในขณะที่ผู้ถือศีลอดได้ทำการละศีลอดและคนทำฮัจญ์ได้แยกย้ายกลับจากอาระฟะฮ์(ไปสู่มีนา)  และพวกท่านจงทำการละหมาดอีชาอ์พร้อมกับพวกเขาในขณะที่แสงแดงได้ลับขอบฟ้าจนถึงเศษหนึ่งส่วนสามของคืน  และพวกท่านจงละหมาดซุบห์พร้อมกับพวกเขาโดยที่บุรุษคนหนึ่งได้สามารถจำใบหน้าของมิตรสหายเขาได้  และพวกท่านจงทำการละหมาดกับพวกเขาเหมือนกับการละหมาดของผู้อ่อนจากพวกเขาและพวกท่านอย่างสร้างความเดือนร้อน(ด้วยการละหมาดนานเนื่องจากมีคนชราและผู้ที่อ่อนแอร่วมละหมาอยู่ด้วย"  ดู หนังสือ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ หน้า  82

ดังนั้น ชีอะฮ์จะตามท่านอิบนุอับบาสหรือว่าตามท่านอิมามอะลีย์ ??  
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 03:28 PM »
0
แต่เพื่อเปิดเวลาให้กว้างสำหรับอุมมะฮ์ ชีอะฮ์จึงถือตามรายงานนี้ และรายงานจากอะลี จากฮะซัน ฮุเซน ก็เป็นอย่างนี้

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 03:42 PM »
0
ในศอฮีฮ์มุสลิม รายงานจากอิบนุอับบาส บอกว่าท่านนบี(ศ็อล)ในช่วงบั้นปลายชีวิต นมาซบ่าย(ซุฮ์ริอัศริ)ในช่วงเวลาเดียวกัน (แบบญัมอ์ของคนเดินทาง) แต่มิใช่เดินทาง มิใช่เพราะอุปสรรค แต่เพื่อเปิดเวลาให้กว้างสำหรับอุมมะฮ์ ชีอะฮ์จึงถือตามรายงานนี้ และรายงานจากอะลี จากฮะซัน ฮุเซน ก็เป็นอย่างนี้

อัล-กุรอานก็มีโองการบอกเรื่องสามช่วงเวลา ด้วย ในซูเราะฮ์ ที่17 อายะฮ์ที่ 75 เชื่ออัล-กุรอาน ก็ต้องนมาซแบบชีอะฮ์นะ แต่ก็ไม่ว่ากันถ้าใครจะทำแบบซุนนี ข้อนี้ ชีอะฮ์ไม่ตำหนิ แต่ตำหนิตรงที่พวกท่านไม่เชื่อถือบทรายงานของลูกหลานท่านนบี กลับไปเชื่อแต่รายงานของบุคอรีมุสลิม ทั้งที่คนเหล่านั้น มีเชื้อสายมุอัลลัฟทั้งนั้น เก่งเพราะขยันเดินทางสืบเสาะวิชาการ ไม่เหมือนลูหลานท่านศาสดา เรียนรู้จากวิถีชีวิตจริงของท่านศาสดา ไม่เคยออกนอกศาสนามาก่อน ไชโย  ของใครแน่กว่ากัน
ชีอะห์  ท้าดวล

ซูเราะฮ์ที่ 17  อายะฮ์ที่ 75  นั้น  ไม่มีนักปราชญ์ท่านใดยกมาเป็นหลักฐานว่าละหมาดมี  5 เวลา  แต่หากคุณยึดอายะฮ์ตรง ๆ ก็แสดงว่าการละหมาดมีแค่ 3 เวลา เท่านั้น  โดยอายะฮ์ไม่ได้อธิบายว่า  ละหมาดมี 5 เวลา โดยกระทำใน 3 ช่วงของเวลา

แต่หากคุณจะบอกว่าละหมาด  5 เวลานั้น  โดยคำนึงถึงหลักฐานอื่น   เราขอกล่าวว่า  ซัยยิดินาอะลี  ได้สั่งใช้ให้ประชากรที่อยู่ในการปกครองของท่าน  ทำการละหมาด 5 เวลา  ซึ่งหากทำสามเวลาเป็นสิ่งที่ดีเลิศ  ทำไมท่านซัยยิดินาอะลี ถึงใช้ให้ประชากรทุก ๆ หัวเมือง ทำการละหมาด 5 เวลา โดยไม่ได้ใช้ให้รวมละหมาด

การที่ชีอะฮ์อ้างว่า ท่านนบีทำการรวมละหมาดตลอดชีวิตนั้น  ย่อมฟังไม่ขึ้นตามหลักการ  เนื่องจากท่านอะลี(ร.ฏ.)เอง  ได้ใช้ให้บรรดาเจ้าเมืองที่ว่าการแทนท่าน ทำการละหมาด 5 เวลา ใน 5 ช่วงเวลาของวัน  ท่านอะลี(ร.ฏ.)ได้กล่าวในสารที่ 52  ว่า

ومن كتاب له عليه السلام إلى أمراء البلاد في معنى الصلاة


أما بعد فصلوا بالناس الظهر حتى تفئ الشمس من مربض العنز وصلوا بهم العصر والشمس بيضاء حية فى عضو من النهار حين يسار فيها فرسخان . وصلوا بهم المغرب حين يفطر الصائم ويدفع الحاج . وصلوا بهم العشاء حين تتوارى الشفق إلى ثلث الليل . وصلوا بهم الغداة والرجل يعرف وجه صاحبه . وصلوا بهم صلاة أضعفهم ولا تكون فتانين

"จากสารหนึ่งของท่านอะลี(อ.) ที่ได้ส่งไปยังบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ เกี่ยวกับความหมายของละหมาดว่า"

"อนึ่ง  พวกท่านจงทำการละหมาดซุฮริพร้อมกับผู้คนทั้งหลายจนกระทั้งดวงอาทิตย์คล้อยจากกำแพงคอกแพะ  และพวกท่านจงทำการละหมาดอัสริพร้อมกับพวกเขา โดยที่ดวงอาทิตย์แสงเรืองรองสีขาวแกมเหลืองที่ยังคงอยู่ในส่วนของวันที่สามารถเดินทางได้ในระยะทางสองฟัรซัค  และพวกท่านจงทำการละหมาดมัฆริบพร้อมกับพวกเขาในขณะที่ผู้ถือศีลอดได้ทำการละศีลอดและคนทำฮัจญ์ได้แยกย้ายกลับจากอาระฟะฮ์(ไปสู่มีนา)  และพวกท่านจงทำการละหมาดอีชาอ์พร้อมกับพวกเขาในขณะที่แสงแดงได้ลับขอบฟ้าจนถึงเศษหนึ่งส่วนสามของคืน  และพวกท่านจงละหมาดซุบห์พร้อมกับพวกเขาโดยที่บุรุษคนหนึ่งได้สามารถจำใบหน้าของมิตรสหายเขาได้  และพวกท่านจงทำการละหมาดกับพวกเขาเหมือนกับการละหมาดของผู้อ่อนจากพวกเขาและพวกท่านอย่างสร้างความเดือนร้อน(ด้วยการละหมาดนานเนื่องจากมีคนชราและผู้ที่อ่อนแอร่วมละหมาอยู่ด้วย"  ดู หนังสือ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ หน้า  82

ดังนั้น ชีอะฮ์จะตามท่านอิบนุอับบาสหรือว่าตามท่านอิมามอะลีย์ ??  
    ชีอะห์ถือตามสายรายงานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พ.ค. 03, 2007, 07:11 PM »
0
การที่ชีอะฮ์อ้างว่า ท่านนบีทำการรวมละหมาดตลอดชีวิตนั้น  ย่อมฟังไม่ขึ้นตามหลักการ  เนื่องจากท่านอะลี(ร.ฏ.)เอง  ได้ใช้ให้บรรดาเจ้าเมืองที่ว่าการแทนท่าน ทำการละหมาด 5 เวลา ใน 5 ช่วงเวลาของวัน  ท่านอะลี(ร.ฏ.)ได้กล่าวในสารที่ 52  ว่า

ومن كتاب له عليه السلام إلى أمراء البلاد في معنى الصلاة


أما بعد فصلوا بالناس الظهر حتى تفئ الشمس من مربض العنز وصلوا بهم العصر والشمس بيضاء حية فى عضو من النهار حين يسار فيها فرسخان . وصلوا بهم المغرب حين يفطر الصائم ويدفع الحاج . وصلوا بهم العشاء حين تتوارى الشفق إلى ثلث الليل . وصلوا بهم الغداة والرجل يعرف وجه صاحبه . وصلوا بهم صلاة أضعفهم ولا تكون فتانين

"จากสารหนึ่งของท่านอะลี(อ.) ที่ได้ส่งไปยังบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ เกี่ยวกับความหมายของละหมาดว่า"

"อนึ่ง  พวกท่านจงทำการละหมาดซุฮริพร้อมกับผู้คนทั้งหลายจนกระทั้งดวงอาทิตย์คล้อยจากกำแพงคอกแพะ  และพวกท่านจงทำการละหมาดอัสริพร้อมกับพวกเขา โดยที่ดวงอาทิตย์แสงเรืองรองสีขาวแกมเหลืองที่ยังคงอยู่ในส่วนของวันที่สามารถเดินทางได้ในระยะทางสองฟัรซัค  และพวกท่านจงทำการละหมาดมัฆริบพร้อมกับพวกเขาในขณะที่ผู้ถือศีลอดได้ทำการละศีลอดและคนทำฮัจญ์ได้แยกย้ายกลับจากอาระฟะฮ์(ไปสู่มีนา)  และพวกท่านจงทำการละหมาดอีชาอ์พร้อมกับพวกเขาในขณะที่แสงแดงได้ลับขอบฟ้าจนถึงเศษหนึ่งส่วนสามของคืน  และพวกท่านจงละหมาดซุบห์พร้อมกับพวกเขาโดยที่บุรุษคนหนึ่งได้สามารถจำใบหน้าของมิตรสหายเขาได้  และพวกท่านจงทำการละหมาดกับพวกเขาเหมือนกับการละหมาดของผู้อ่อนจากพวกเขาและพวกท่านอย่างสร้างความเดือนร้อน(ด้วยการละหมาดนานเนื่องจากมีคนชราและผู้ที่อ่อนแอร่วมละหมาอยู่ด้วย"  ดู หนังสือ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ หน้า  82

ดังนั้น ชีอะฮ์จะตามท่านอิบนุอับบาสหรือว่าตามท่านอิมามอะลีย์ ??  
ชีอะห์ถือตามสายรายงานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้
[/quote]

คุณ Mannan ครับ แล้วคำพูดของท่านอิมามอะลีย์ ในนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ที่ผมได้นำเสนอไปล่ะครับ  ซอฮิหฺหรือเปล่า? หรือว่า ฏออีฟ ?
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ +Kamarutdin+

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 60
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พ.ค. 04, 2007, 06:27 PM »
0
การที่ชีอะฮ์อ้างว่า ท่านนบีทำการรวมละหมาดตลอดชีวิตนั้น  ย่อมฟังไม่ขึ้นตามหลักการ  เนื่องจากท่านอะลี(ร.ฏ.)เอง  ได้ใช้ให้บรรดาเจ้าเมืองที่ว่าการแทนท่าน ทำการละหมาด 5 เวลา ใน 5 ช่วงเวลาของวัน  ท่านอะลี(ร.ฏ.)ได้กล่าวในสารที่ 52  ว่า

ومن كتاب له عليه السلام إلى أمراء البلاد في معنى الصلاة


أما بعد فصلوا بالناس الظهر حتى تفئ الشمس من مربض العنز وصلوا بهم العصر والشمس بيضاء حية فى عضو من النهار حين يسار فيها فرسخان . وصلوا بهم المغرب حين يفطر الصائم ويدفع الحاج . وصلوا بهم العشاء حين تتوارى الشفق إلى ثلث الليل . وصلوا بهم الغداة والرجل يعرف وجه صاحبه . وصلوا بهم صلاة أضعفهم ولا تكون فتانين

"จากสารหนึ่งของท่านอะลี(อ.) ที่ได้ส่งไปยังบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ เกี่ยวกับความหมายของละหมาดว่า"

"อนึ่ง  พวกท่านจงทำการละหมาดซุฮริพร้อมกับผู้คนทั้งหลายจนกระทั้งดวงอาทิตย์คล้อยจากกำแพงคอกแพะ  และพวกท่านจงทำการละหมาดอัสริพร้อมกับพวกเขา โดยที่ดวงอาทิตย์แสงเรืองรองสีขาวแกมเหลืองที่ยังคงอยู่ในส่วนของวันที่สามารถเดินทางได้ในระยะทางสองฟัรซัค  และพวกท่านจงทำการละหมาดมัฆริบพร้อมกับพวกเขาในขณะที่ผู้ถือศีลอดได้ทำการละศีลอดและคนทำฮัจญ์ได้แยกย้ายกลับจากอาระฟะฮ์(ไปสู่มีนา)  และพวกท่านจงทำการละหมาดอีชาอ์พร้อมกับพวกเขาในขณะที่แสงแดงได้ลับขอบฟ้าจนถึงเศษหนึ่งส่วนสามของคืน  และพวกท่านจงละหมาดซุบห์พร้อมกับพวกเขาโดยที่บุรุษคนหนึ่งได้สามารถจำใบหน้าของมิตรสหายเขาได้  และพวกท่านจงทำการละหมาดกับพวกเขาเหมือนกับการละหมาดของผู้อ่อนจากพวกเขาและพวกท่านอย่างสร้างความเดือนร้อน(ด้วยการละหมาดนานเนื่องจากมีคนชราและผู้ที่อ่อนแอร่วมละหมาอยู่ด้วย"  ดู หนังสือ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ หน้า  82

ดังนั้น ชีอะฮ์จะตามท่านอิบนุอับบาสหรือว่าตามท่านอิมามอะลีย์ ??  
ชีอะห์ถือตามสายรายงานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้

คุณ Mannan ครับ แล้วคำพูดของท่านอิมามอะลีย์ ในนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ที่ผมได้นำเสนอไปล่ะครับ  ซอฮิหฺหรือเปล่า? หรือว่า ฏออีฟ ?
[/quote]

  al-azhary และ เพื่อนๆ ครับ คำพูดของท่านอะลีย์ การกระทำของท่านอะลีย์และลูกหลานของท่านศาสดานั้น เป็นเพียงแค่โลโกของคนพวกนี้เท่านั้นแหละครับ กี่เรื่อง กี่อย่าง กี่เหตุการณ์ ละครับที่ท่านอะลีย์และลูกหลานของท่านได้ทำไว้ แต่คนพวกนี้กับเพิกเฉย ละเลย ไม่ใยดีต่อสิ่งที่พวกท่านได้แนะนำแล้วทิ้งไว้ให้
 
  คนพวกนี้มีแต่ความรักที่จอมปลอมต่อท่านอะลีย์และลูกหลานท่านศาสดา คนพวกนี้มีแต่ความรักที่เลยเทิดต่อท่านอะลีย์และลูกหลานของศาสดา  พวกนี้เป็นได้ก็แค่พวกกลับกลอกไปวันๆ ละครับ
.....เมื่อใครคนหนึ่งซ่อนเร้นสิ่งใดไว้ในหัวใจของเขา  ลิ้นของเขาก็จะชี้ให้ และ สีหน้าของเขาก็เปิดมันออกมา จงอย่าเป็นทาสของผู้ใดนอกจากตัวท่านเอง เพราะ อัลลอฮุ ได้ทำให้ท่านเกิดมาเป็นอิสระ.....

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พ.ค. 05, 2007, 12:19 AM »
0
อีก2  อาทิตย์  ค่อยมาคุยกันใหม่    ช่วงนี้ไม่ว่าง  อ.กลับบ้านไป   อีก 2   อาทิตย์ท่านจะกลับมา  ค่อยมาดวลกันใหม่

ออฟไลน์ faison

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 58
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ส.ค. 27, 2009, 02:44 PM »
0
ลาไปสองอาทิตย์ แต่หายไปสองปีเลย


คุณ Mannan ครับ แล้วคำพูดของท่านอิมามอะลีย์ ในนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ที่ผมได้นำเสนอไปล่ะครับ  ซอฮิหฺหรือเปล่า? หรือว่า ฏออีฟ ?


สรุปว่ายังไงดีเนี๊ยะ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องการละหมาดของพวกชีอะห์
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ส.ค. 27, 2009, 07:13 PM »
0
มันคงเป็นเรื่องที่เขาไม่จำเป็นต้องตอบมั้งครับ

ผมขอเสริมเกี่ยวกับเรื่อง การละหมาดรวม ที่ไม่ย่อ นั้นก็คือ การละหมาด 4 กับ 4 หรือ 3 กับ 4
คือ การรวม ดุฮริ กับ อัสริ และ มักริบ กับ อีซา รวมสองเวลาดังกล่าวมาทำในเวลาเดียวกัน มีให้เห็นในหลายกรณีครับ
โดยที่การละหมาดรวมเช่นนี้ ไม่เกี่ยวกับการเดินทาง ที่มีระยะ 86 กิโลเมตร แต่อย่างใด

ดังนั้น ตามฮะดิสที่อ้างด้านบน คือการละหมาดรวมแต่ไม่ย่อ มิใช่ละหมาดรวมย่อ อย่างที่จขกท เข้าใจในตอนแรกครับ

จึงเรีนมาเพื่อทราบ
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

 

GoogleTagged