ผู้เขียน หัวข้อ: มีเรื่องอยากจะถามมากมาย....  (อ่าน 3761 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นารีย๊ะ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 21
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอซูเราะห์อัล - อาซาบ พร้อมคำแปล
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ธ.ค. 30, 2010, 08:51 AM »
0
ขอ ซูเราะห์อัล - อาซาบ  พร้อมคำแปลภาษาไทยทั้งหมด loveit:ขอขอบคุณล่วงหน้า party:
อัลเลาะฮ์ฮุอักบัร ทรงอำนาจทรงยิ่งใหญ่

ออฟไลน์ นารีย๊ะ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 21
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มีเรื่องอยากจะถามมากมาย....
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ธ.ค. 30, 2010, 08:58 AM »
0
การเล่นฟุตบอล ( เตะ ) บาปจริงหรือไม่ เคยได้ยินคนเขาเถียงกันฝ่ายหนึ่งบอกว่าฟุตบอลเป็นการเล่นออกกำลังกายไม่เป็นบาป loveit:แต่อีกฝ่ายบอกว่ามีการเตะ ตะกร้อ  ฟุตบอล ครั้งแรกสมัยนั้นพวกกาเฟรได้ตัดเอาหัวของหลานท่านนบีมาเตะจึงเกิดเป็นกีฬาประเภทนี้ขึ้นเลยถือว่าเป็นบาป hihi:วอนท่านผู้รู้ช่วยหาหลักฐานมาช่วยตัดสินให้ด้วย วัสลาม
อัลเลาะฮ์ฮุอักบัร ทรงอำนาจทรงยิ่งใหญ่

ออฟไลน์ นารีย๊ะ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 21
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มีเรื่องอยากจะถามมากมาย....
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ธ.ค. 30, 2010, 09:02 AM »
0
การพูดคุยกันระหว่างชายหญิงทางโทรศัพท์ ( พูดจีบกันอย่างจาบจ้วง)  loveit:บาปหรือไม่ ถ้ามีการทำ ซินา กันที่โรงเรียนเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของใคร  natural:
อัลเลาะฮ์ฮุอักบัร ทรงอำนาจทรงยิ่งใหญ่

ออฟไลน์ นารีย๊ะ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 21
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มีเรื่องอยากจะถามมากมาย....
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ธ.ค. 30, 2010, 09:07 AM »
0
ถ้ามีการทำซินากันอย่างแพร่หลาย loveit: (หมายถึงคนในมุเก็มรับรู้กันเกือบทุกคนแต่ทำอะไรไม่ได้)บาปจะตกถึงคนทั้งมุเก็มหรือไม่ ถ้าตกเป็นของคนในมุเก็มทำอย่างไรดี oh:
อัลเลาะฮ์ฮุอักบัร ทรงอำนาจทรงยิ่งใหญ่

ออฟไลน์ taufik

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 252
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
Re: มีเรื่องอยากจะถามมากมาย....
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ธ.ค. 30, 2010, 08:23 PM »
0
การเล่นฟุตบอล ( เตะ ) บาปจริงหรือไม่ เคยได้ยินคนเขาเถียงกันฝ่ายหนึ่งบอกว่าฟุตบอลเป็นการเล่นออกกำลังกายไม่เป็นบาป loveit:แต่อีกฝ่ายบอกว่ามีการเตะ ตะกร้อ  ฟุตบอล ครั้งแรกสมัยนั้นพวกกาเฟรได้ตัดเอาหัวของหลานท่านนบีมาเตะจึงเกิดเป็นกีฬาประเภทนี้ขึ้นเลยถือว่าเป็นบาป hihi:วอนท่านผู้รู้ช่วยหาหลักฐานมาช่วยตัดสินให้ด้วย วัสลาม

    ไม่เคยได้ยินน่ะว่าประวัติการกำเนิดกีฬาฟุตบอลเกิดขึ้นดังที่คุณนารียะฮฺกล่าวไว้ข้างบน(พวกกาเฟรได้ตัดเอาหัวของหลานท่านนบีมาเตะจึงเกิดเป็นกีฬาประเภทนี้) และไม่เคยได้ยินเหตุกาณ์นี้ด้วย ถ้าเหตุการณ์นี้มีจริงผมก็ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับกีฬาฟุตบอลน่ะ ตามทัศนะของผมคิดว่าเล่นฟุตบอลไม่เป็นบาปแต่อย่างใด(ไม่ใช่พูดเข้าข้างตนเองเพราะตนเองชอบเล่นบอลน่ะ)
    แต่ผมได้ไปอ่านจากเวปไซต์หนึ่งเกี่ยวกับ "ฟิกฮฺเกี่ยวกับกีฬาและเกมส์"  (The Fiqh of Sports and Games )
โดยผมจะยกเฉพาะหุกมหรือข้อชี้ขาดเกี่ยวกับมันเท่านั้นดังนี้ ส่วนรายละเอียดก็สามารถไปอ่านเพิ่มเติมตามลิ้งค์ที่ผมอ้างมา


The Rulings Regarding Sports and Games
ข้อชี้ขาดเกี่ยวกับกีฬาและเกมส์

With all of the foregoing evidences from the Qur'an, Sunnah and the statements of the scholars, and also keeping in mind Islam's disapproval of engaging one's self in useless and futile entertainment, the following can be considered as the decisive principles with regards to sport and games:
สิ่งต่อไปนี้สามารถเป็นหลักการที่เด็ดขาดเกี่ยวกับกีฬาและเกมส์ต่างๆ

a) Those games that have been explicitly prohibited in the Ahadith are not lawful, such as chess, backgammon, animal fighting, etc...
เกมส์ต่างๆที่มีตัวบทหะดิษห้ามอย่างชัดเจนถือว่าฮาราม เช่น หมากรุก แบคแกมมอน (เกมกระดานสำหรับสองคนซึ่งใช้เบี้ยในการเดินและใช้ลูกเต๋าสองลูกในการเดินซึ่งผู้เล่นจะสลับกันเดินเพื่อนำเบี้ยของตนออกจากกระดาน)  ชนสัตว์ เป็นต้น
The Messenger of Allah (Allah bless him & give him peace) said: "Whosoever plays with backgammon is as though he dipped his hands in the blood and flesh of a swine." (Sahih Muslim)
Also, the impermissibility of Chess, making animal fight, etc has been related from the Companions (Allah be pleased with them all)
ท่านรอซูล (ศ) กล่าวว่า ใครก็ตามเล่นแบคแกมมอนเปรียบเสมือนว่าเขาจุ่มมือลงในเลือดและเนื้อของหมู และไม่อนุญาตเล่นหมากรุก ชนสัตว์ (ทำให้สัตว์ต่อสู้)

b) Games that consist of other sins will also be unlawful, such as betting, gambling, and exposing of the Awra, music, nudity or those games that are unique characteristics of the non-believers.
เกมส์ที่ประกอบด้วยบาป เช่น การเดิมพัน การพนัน เปิดเผยเอาเราะฮฺ ดนตรีรื่นเริง เปลือยกาย หรือเกมส์ที่เป็นลักษณะเฉพาะของคนกาฟิร
 
c) Games that prevent one from the obligatory (fard) and the necessary (wajib) will also be unlawful, for all those activities that make one neglectful of his obligatory duties, such as Salat, etc can not be termed lawful. เกมส์ใดๆที่ทำให้เขาห่างเหินจากการกระทำอิบาดะฮฺที่วาญิบและฟัรดูถือว่าฮาราม เพราะเกมส์เหล่านั้นทำให้เขาหลงระเริง ละเลยต่อหน้าที่ที่พึงปฏิบัติ เช่นละหมาด อื่นๆ ดังนั้นเกมส์ดังกล่าวถือว่าฮารามในการละเล่น

Imam al-Bukhari (may Allah have mercy on him) states in his Sahih:
"Every form of entertainment is baseless and useless if it distracts one from the obedience of Allah." (Sahih al-Bukhari)
ทุกๆความบันเทิงไร้เหตุผลและไร้ประโยชน์ ถ้ามันทำให้คนหนึ่งออกจากการเคารพต่ออัลลอฮฺ
 
d) Those games that have no worldly or religious benefit and has no purpose to it, and it is played only to past time can also not be deemed permissible, for Islam disapproves of useless entertainment and wasting one's precious time, as it was stated earlier.
เกมส์ที่ไม่มีประโยชน์ทั้งดุนยาและศาสนาและไม่มีวัตถุประสงค์ต่อมัน และมันถูกเล่นเฉพาะให้เวลาผ่านไปเท่านั้น(เล่นไปโดยเปล่าประโยชน์)ก็ไม่เป็นที่อนุญาตโดยเช่นกัน เพราะอิสลามไม่อนุญาตกิจกรรมบันเทิงที่ไม่มีประโยชน์และยังเป็นการเสียเวลาอันมีค่า ดังได้กล่าวในตอนต้น

e) Those sports that are very aggressive and there is a very high risk of the participants being injured or harmed will also be disapproved. If sustaining injuries is very common, then the game would not be permissible.
กีฬาที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูงต่อผู้เล่นจะเกิดการบาดเจ็บหรืออันตรายก็ไม่อนุญาตโดยเช่นกัน ถ้าเกมส์นั้นทำให้ได้รับบาดเจ็บเป็นประจำก็จะไม่ถูกอนุญาต

Allah Most High says:
"And make not your own hands contribute to (your) destruction." (Surah al-Baqarah, V: 195)
อย่าให้มือของสูเจ้ามีส่วนในการทำร้ายตัวสู้เจ้าเอง
The Messenger of Allah (Allah bless him & give him peace) said:
"An individual should not harm others or be harmed by others in return." (la dharar wa la dhirar). (Mustadrak al-Hakim, 2/57)
ไม่ควรอย่างยิ่งที่ผู้ใดจะทำอันตรายผู้อื่น ในทางกลับกันเขาไม่ควรอย่างยิ่งที่จะได้รับอันตรายจากผู้ใด

f) The game must be free from extravagant and lavish spending, for money should be spent on more purposeful and meaningful things. Yes, if one was to spend moderately, then there seems no harm, especially when the sport consists of potential (worldly) benefit.
การละเล่นนั้นต้องปราศจากความฟุ่มเฟือย และสุรุ่ยสุหร่าย แต่ต้องใช้จ่ายเงินอย่างมีเป้าหมายและรู้ค่า ถ้าหากบุคคลหนึ่งใช้อย่างพอประมาณมันก็ไม่ถูกห้ามแต่อย่างใดโดยเฉพาะกีฬาที่ให้ประโยชน์

Allah Most High says:
"And do not be extravagant, for Allah loves not the extravagant." (Surah al-An'am, V: 141)
อย่าฟุ่มเฟือย เพราะอัลลอฮฺไม่พอพระทัยต่อบรรดาผู้ฟุ่มเฟือย

Therefore, if a sport conforms to the abovementioned six points, then it will be permissible to take part in it. Hence, to play Soccer, Cricket (provided it is not played for a long time in that other obligatory acts are neglected), Tennis, Volleyball, Badminton, Basketball, Polo, Ice-skating, Squash, etc would all be permissible, provided no other impermissible element is involved. One may use the above principles in determining whether a sport is permissible or not.
สรุปได้ว่า การละเล่นนั้นๆจะเป็นที่อนุญาตหากครบเงื่อนไข ๖ ประการข้างต้น ดังได้กล่าวไปแล้ว ดังนั้น การเล่นฟุตบอล คริเกต (โดยมีเงื่อนไขว่าไม่ใช้เวลาในการละเล่นนานจนละเลยการกระทำที่เป็นวายิบ  (เช่น ละหมาด ผู้แปล) )เทนนิส วอลเลย์บอล แบดมินตัน บาสเกตบอล โปโล เสกตน้ำแข็ง สควอช์ เป็นต้น ทั้งหมดนี้อนุญาติเล่นได้ โดยมีเงื่อนไขว่าไม่มีองค์ประกอบที่ฮารามเข้ามาเกี่ยวข้อง คนหนึ่งสามารถเอาเงื่อนไขข้างบนนี้เป็นมาตรฐานพิจารณาถึงกีฬาว่าเล่นได้หรือไม่ได้  

Muhammad ibn Adam
Darul Iftaa
Leicester , UK
http://www.daruliftaa.com/question.asp?txt_QuestionID=q-18014112
 
edited translation by Anti-Bidah

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 31, 2010, 05:29 PM โดย taufik »

ออฟไลน์ Rachyds

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 100
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • http://rachyds.siamvip.com
Re: มีเรื่องอยากจะถามมากมาย....
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: ธ.ค. 31, 2010, 11:30 AM »
0
 :salam:

การทำซีนา

เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยครับว่ายุคนี้คือยุคแห่งการสื่อสารหรือที่เรียกกันว่า ยุค Groballization คือยุคแห่งการเข้าถึงของการสื่อสาร ซึ่งมาในรูปแบบของโทรศัพท์ หรือ อินเตอร์เนต ถ้าเรามามองกันให้ลึกซึ้งทั้งสองอย่างนี้มันมีทั้งให้ประโยชน์และให้โทษพอๆกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่ใช้มันไปในทางใหน
   ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ถ้าเปรียบเทียบกับสิบหรือยี่สิบปีที่ผ่านมา การปฎิสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวก็เช่นเดียวกัน เช่น ในสมัยก่อนถ้าจะจีบกันก็ต้องผ่านพ่อสื่อแม่สื่อ หรือผ่านการเขียนจดหมายฝากถึงกันหรือผ่านทางไปรษณีย์ แต่ปัจจุบันนี้คุณแค่มีเครื่องโทรศัพท์ดีๆซักเครื่องนึงสามารถที่จะโทรและสามารถที่จะเช็ต อีกทั้งโปรโมชั่นจากค่ายโทรศัพท์ก็มีให้เลือกกันหลากหลาย การจะจีบกันก็เพียงแค่แลกเปลี่ยนเบอร์โทรหรืออีเมล์เอ็ดแดร็ส ก็เพียงพอที่จะใกล้ชิดกันได้ แม้กระทั่งก่อนที่จะเข้านอน
   ผมไม่อยากที่จะให้คิดว่าการสื่อสารคือแพะรับบาปสำหรับในเรื่องที่บุคคลใดบุคคลนึงตกอยู่ท่ามกลางมักเซียต แต่อยากจะให้มุ่งประเด็นไปที่นัฟซูของแต่ละคน การพูดคุยผ่านโทรศัพท์หรือเช็ตผ่านอินเตอร์เน็ต ถ้าเพียงแค่พูดคุยกันเพียงแค่ปรกติธรรมดาทั่วไปมันก็ไม่ผิดกับหลักการศาสนา  แต่เมื่อไหร่ที่การพูดคุยกันนั้นมีชัยตอนเข้ามาเกี่ยวพันด้วยนี่สิน่าเป็นห่วง เช่น นัดหมายกันเพื่อจะให้มีโอกาสอยู่กันเพียงลำพังสองคน หรือพูดคุยกันโดยมีประเด็นในเรื่องเซ็กส์จนทำให้ปลุกอารมณ์ เชาวัต(อารมณ์เซ็กส์) เกิดขึ้น นั่นก็หมายความว่าเรากำลังตกในการมีนัฟซุและชัยตอนเข้ามาพัวพัน
   การทำซินาที่เกิดขึ้นสำหรับเยาวชน ที่กำลังศึกษาเล่าเรียน ในสถานศึกษาที่เป็นสามัญ ส่วนมากจะเกิดขึ้นโดยผ่านการเลียนแบบ หรือตามวัฒนธรรมกาเฟร(เป็นที่เข้าใจกัน) หลักตัรบิยะฮของสถานศึกษาเหล่านั้นถือว่ายังอ่อนหรือเพียงแค่กฎที่ไม่แอบแฝงไปด้วยหลักธรรมของศาสนาอิสลาม ถ้าเปรียบเทียบกับระบบของสถานศึกษาที่มีทั้งศาสนาและสามัญ(ปอเนาะ) ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัตหรือครอบครัวของเขาว่าจะเอาจริงเอาจังมากน้อยเพียงใดในเรื่องฮุกุมของอัลลอฮ
   ถึงอย่างไรก็ตามแม้นสถานศึกษาที่เป็นระบบปอเนาะมิใช่ว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ ๑๐๐% เพราะปัญหาการทำซินานั้นจะมีอยู่ทุกยุคทุกสมัยจนกระทั่งวันกิยามัต การแก้ปัญหาหรือการป้องกันในสถานศึกษาการแก้ใขปํญหาหรือการป้องกันจะมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อเวลาที่นักเรียนอยู่ในสถานศึกษาหรือหอพักที่เด็กอยู่เป็นประจำที่มี บาบอ หรือฝ่ายปกครอง ของสถานศึกษานั้นๆ เ มื่อไรที่เด็กกระทำหรือเข้าใกล้ซินา ความผิดในการกระทำของพวกเขานั้นจะตกอยู่กับผู้กระทำและตกอยู่กับเจ้าของสถานศึกษา(บาบอ)เพราะอามานัตที่ผู้ปกครองของเด็กที่ฝากใว้ แต่เมื่อไหร่ที่นักเรียนมีเวลากลับบ้านหรือช่วงวันหยุด โอกาสที่พวกเขาเข้าใกล้การทำซินาก็จะตกอยู่กับผู้กระทำหรือผู้ปกครองที่ไม่ใส่ใจต่อความประพฤติของลูกตัวเอง
   การมีส่วนร่วมในการป้องกันหรือยับยั้งการทำซีนาในสังคม หรือในชุมชนอิสลามโดยปรกติแล้วจะมีอีหม่ามหรือกรรมการมัสยิดคอยสอดส่งดูแล หรือแม้กระทั้งบ้านใกล้เรือนเคียงในอิสลามลึกๆแล้วจะมีระบบเกราะคุ้มกันอยู่ คือ การปล่อยข่าว การเล่าสู่กันฟัง ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้คือกลไกในการป้องกัน เช่นเมื่อเยาวชนมีวี่แววว่าจะกระทำผิด ก็มีพยานเห็นในการกระทำและกลับมาบอกกล่าวแก่ผู้ปกครอง เป็นต้น  อีหม่ามจะมีหน้าที่นิกะฮหรือทำการหย่าหรือแม้นกระทั่งว่ากล่าวตักเตือนลูกบ้าน เพราะนี่คือหน้าที่หลักของผู้นำศาสนา และบาปบางส่วนจะตกอยู่กับท่านเหล่านั้นถ้าหากไม่เหลียวแลหรือว่ากล่าวตักเตือน แต่เมื่อไหร่ที่ผ่านขั้นตอนตักเตือนแล้ว และไม่สามารถยับยั้งใด้ก็ถือว่าหน้าที่ของท่านเหล่านั้นสิ้นสุดแล้ว (วัลลอฮอาคลัม )
   การใช้ชีวิตในสังคมที่รวมตัวกันเป็นชุมชนใหญ่(เมืองใหญ่) บางครั้งการหลั่งใหลของประชากรหรือสัปบุรุษ นั้นมีหลากหลาย เช่นการผุดบ้านเช่า ห้องเช่า หรืออพาตเม้น โรงแรม บางครั้งเป็นการยากที่อีหม่ามหรือกรรมการมัสยิดที่จะเข้าถึง หรือบางครั้งท่านเหล่านั้นอาจรู้ว่าลูกบ้านเป็นมุสลิม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน้าที่ของผู้นำศาสนาจะต้องว่ากล่าวตักเตือน โดยเท่าที่ความสามารถของท่านเหล่านั้น  และถ้าท่านเหล่านั้นตักเตือนแล้วแต่ไม่ปฏิบัติ อันนี้ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของอัลลอฮ ซ.บ ที่จะตัดสินพวกเขาเหล่านั้น

ซูเราะฮ อัล-อัมฟาล
25.และพวกเจ้าจงระวังการลงโทษ ซึ่งมันจะไม่ประสบแก่บรรดาผู้อธรรมในหมู่พวกเจ้าโดยเฉพาะเท่านั้น * และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮนั้นเป็นผู้รุนแรงในการลงโทษ

* คือจะประสบแก่ผู้ประพฤติดีในหมู่พวกเจ้าด้วย เนื่องจากผู้ประพฤติเหล่านั้นมิได้ตักเตือนและห้ามปรามพวกเขา เพื่อป้องกันมิให้การลงโทษจากอัลลอฮได้ประสบแก่ผู้ประพฤติดีด้วย จึงจำเป็นที่ผู้ประพฤติดีจะต้องตักเตือน และห้ามปรามผู้ประพฤติชั่วอยู่เสมอ ถ้าหากเขาไม่เชื่อฟังก็เป็นอันหมดภาระหน้าที่ของเขา



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 31, 2010, 02:04 PM โดย Rachyds »

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
Re: มีเรื่องอยากจะถามมากมาย....
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: ธ.ค. 31, 2010, 12:27 PM »
0
ซูเราะฮ อัล-อัมฟาล

وتقوأفتنةلاتصيبن الدين ظلموامنكم خاصة وعلموأأن لله شديدالعقاب

25.และพวกเจ้าจงระวังการลงโทษ ซึ่งมันจะไม่ประสบแก่บรรดาผู้อธรรมในหมู่พวกเจ้าโดยเฉพาะเท่านั้น * และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮนั้นเป็นผู้รุนแรงในการลงโทษ

เวลาเขียนอัลกุรอานน่าจะระวังให้มาก เพราะถ้าเขียนผิดในข้อความทั่วไปอาจพออนุโลมกันได้ แต่สำหรับอัลกุรอานแล้ว คิดว่าไม่น่าจะให้อภัย

ออฟไลน์ Rachyds

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 100
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • http://rachyds.siamvip.com
Re: มีเรื่องอยากจะถามมากมาย....
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ธ.ค. 31, 2010, 02:07 PM »
0
 :salam:
ซูเราะฮ อัล-อัมฟาล

وتقوأفتنةلاتصيبن الدين ظلموامنكم خاصة وعلموأأن لله شديدالعقاب

25.และพวกเจ้าจงระวังการลงโทษ ซึ่งมันจะไม่ประสบแก่บรรดาผู้อธรรมในหมู่พวกเจ้าโดยเฉพาะเท่านั้น * และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮนั้นเป็นผู้รุนแรงในการลงโทษ

เวลาเขียนอัลกุรอานน่าจะระวังให้มาก เพราะถ้าเขียนผิดในข้อความทั่วไปอาจพออนุโลมกันได้ แต่สำหรับอัลกุรอานแล้ว คิดว่าไม่น่าจะให้อภัย


ยาซากัลลอฮคัยรอน ขอบคุณสำหรับการตักเตือน

 

GoogleTagged