ผู้เขียน หัวข้อ: กะรอมัตไม่ใช่เป้าหมาย(บทเรียนฮิกัม)  (อ่าน 3983 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

ท่านอิบนุอะฏออัลและฮ์  กล่าวว่า

كيف تخرق لك العوائد ؟ وأنت لم تخرق من نفسك العوائد

?วิถีทางต่าง ๆ จะฝ่าปรากฏการณ์ (เหนือปกติวิสัย) ให้แก่ท่านได้อย่างไร? โดยที่ท่านยังไม่ฝ่าฟันบรรดาวิถีทางของอารมณ์ใฝ่ต่ำให้ออกจากจิตใจของท่าน?

จุดมุ่งหมายของคำว่า العوائد (อัลอะวาอิด) คำแรก  หมายถึง  วิถีทางต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์ในแง่ของการสรรสร้างที่มีต่อปวงบ่าวของพระองค์  และขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างมูลเหตุของการกระทำและผลที่เกิดมาจากการกระทำนั้น  กล่าวคือ  ความสัมพันธ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงให้เกิดขึ้นตามความประสงค์และการบริหารจัดการของพระองค์  และการฝ่าปรากฏการณ์ของกฏเกณฑ์หรือวิถีทางต่าง ๆ แห่งโลกทั่ว ๆ ไปนั้น    หมายถึง  ปรากฏการณ์ที่พิเศษเหนือธรรมชาติและปกติวิสัย  อันเนื่องจากพระองค์ทรงประทานเกียรติแก่บ่าวที่พระองค์ทรงรัก  เช่น กะรอมัตต่าง ๆ หรือสิ่งเหนือธรรมชาติที่ได้เกิดขึ้นแก่บรรดาบ่าวผู้มีคุณธรรมของอัลเลาะฮ์  ตะอาลา

จุดมุ่งหมายของคำว่า العوائد (อัลอะวาอิด) คำที่สอง  หมายถึง  ความอยากความปรารถนาของอารมณ์ใฝ่ต่ำที่อัลเลาะฮ์ทรงนำมันมาทดสอบกับมนุษย์  ไม่ว่าจะมาจากความ หลงใหลในดุนยา , มีความเห็นแก่ตัว , ผูกมัดกับอารมณ์ใฝ่ต่ำ  ชอบได้รับการสรรเสริญเยินยอ , เบื่อหน่ายการตำหนิติเตียน , และอื่น ๆ จากบรรดาคุณลักษณะอันน่าตำหนิที่มักจะมาครอบงำมนุษย์ทั้งหลาย  จนกระทั่งคุณลักษณะเหล่านั้นกลายเป็นวิถีทางในการดำรงชีวิตของทุกกริยาบทของเขา  ตราบใดที่ไม่ทำการต่อสู้กับอารมณ์เพื่อให้หลุดพ้น  และไม่ดำเนินอยู่ในวิถีทางต่าง ๆ ของการขัดเกลาจิตใจที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้ให้ทำการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ใฝ่ต่ำ (อันนัฟซุลอัมมาเราะฮ์)ไปสู่จิตแห่งการตำหนิตนเอง (นัฟซุลเลาวามะฮ์)  จากนั้นให้ไปสู่จิตที่สงบสุข (นัฟซุลมุฏมะอินนะฮ์)

เมื่อท่านได้รับทราบถึงความหมายของคำว่า العوائد (อัลอะวาอิด) ทั้งสองในฮิกัมนี้แล้ว   ดังนั้น  จึงดูเหมือนว่าท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ต้องการจะกล่าวกับผู้ที่ปรารถนาอยากได้รับกะรอมัตหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติ  โดยเฝ้ารอคอยให้อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้แก่เขา ว่า ?แท้จริงจิตใจที่ใฝ่ต่ำนั้น  ได้ถูกผนวกไว้ซึ่งความอยากปรารถนา  ความชั่ว  และโรคต่าง ๆ ทางจิตใจที่อัลเลาะฮ์ทรงเรียกมันว่า บาปภายใน (باطن الإثم ) โดยท่านไม่เคยทำให้จิตใจมีความรู้สึกต่อต้านและปลดปล่อยจิตใจให้เป็นอิสระจากอารมณ์ใฝ่ต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้  แต่ทว่า  ท่านยังยินยอมและสวามิภักดิ์ให้กับอำนาจของอารมณ์ใฝ่ต่ำ  ดังนั้น  ด้วยข้ออ้างอันใดกระนั้นหรือ? ที่ท่านยังคงทำการรอคอยและต้องการจากอัลเลาะฮ์  ให้พระองค์ทรงประทานกะรอมัตแก่ท่าน ?  หรือว่าแรงผลักดันดังกล่าว มิใช่อื่นใดนอกจากเพียงเพื่อนำมันมาประดับบารมีต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย ! หรือว่าท่านจะรอคอยกะรอมัตเพื่อให้บรรดาผู้คนยกย่องสรรเสริญและให้ความประทับใจ ! แต่ท่านไม่รู้ดอกหรือว่า  ความปรารถนาเช่นนี้  คือหลักฐานอันสำคัญที่มายืนยันว่า  ท่านยังคงโอบกอดอารมณ์ใฝ่ต่ำอันเลวร้ายที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้ให้ท่านฝ่าฟันและหลีกห่างจากมัน  ฉะนั้น  จึงเป็นเรื่องที่แปลกกับสถานะภาพของท่านนี้  เพราะอัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้ให้ทำการต่อสู้ฝ่าฟันบรรดาอารมณ์ใฝ่ต่ำอันเลวร้ายที่อยู่ในตัวท่าน  แล้วนำการต่อสู้ดังกล่าวมาเป็นปัจจัยสร้างความใกล้ชิดและความพึงพอพระทัยต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา  แต่แล้วท่านก็หลีกห่างจากสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้  โดยท่านยังเพียรพยามและยืนกรานให้ความปรารถนาดังกล่าวยังคงอยู่  หลังจากนั้น  ท่านก็ไม่ละอายที่ยังปรารถนาให้พระองค์ทรงประทานกะรอมัตเพื่อนำมาเป็นเกียรติภูมิสำหรับตัวท่าน?

ดังกล่าวนั้น  คือความหมายของฮิกัมนี้  ตามที่ท่าน อิมาม อิบนุ อะฏออิลและฮ์ได้กล่าวไว้

บางครั้งท่านอาจจะกล่าวว่า ?ก็ยังมีบรรดาผู้ทรงคุณธรรมที่สามารถฝ่าฟันคุณลักษณะที่น่าตำหนิให้ออกจากจิตใจของพวกเขาด้วยไม่ใช่หรือ?  โดยที่พวกเขาได้ขัดเกลาความโสมมให้ออกจากจิตใจและทุก ๆ สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงเรียกมันว่า ?บาปภายใน? แต่แล้วบางครั้งพวกเขาก็ขอต่ออัลเลาะฮ์ให้ได้รับบรรดากะรอมัตที่แหวกกฎแห่งธรรมชาติที่พระองค์ทรงกำหนดไว้??

ตอบ  ส่วนหนึ่งจากเครื่องหมายที่ชัดเจนยิ่งจากความสำเร็จของบุคคลเหล่านั้น  อันเกี่ยวกับกรณีที่พวกเขาสามารถหลีกห่าง ฝ่าฟันคุณลักษณะอันน่าตำหนิของจิตใจได้นั้นคือ  พวกเขาจะไม่ให้ความสนใจในการสืบเสาะแสวงหาเรื่องกะรอมัตและถือว่ามันไม่มีคุณค่าใด ๆ แต่หากว่า  ปณิธานของพวกเขาเพื่ออยากได้กะรอมัต  มีความปิติยินดีที่จะได้มันแล้ว  แน่นอน  สิ่งดังกล่าวย่อมประจักษ์อย่างมิต้องสงสัยเลยว่า  พวกเขายังเดินอยู่เบื้องหลังความอยากและความปรารถนาของอารมณ์ใฝ่ต่ำ  พวกยังคงแสวงหาสิ่งที่ทำให้มีเกียรติในสายตาของมนุษย์  ซึ่งเหล่านี้ย่อมเป็นโรคหนึ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: กะรอมัตไม่ใช่เป้าหมาย(บทเรียนฮิกัม)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.ค. 08, 2007, 11:22 AM »
0
เพราะอัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้ให้ทำการต่อสู้ฝ่าฟันบรรดาอารมณ์ใฝ่ต่ำอันเลวร้ายที่อยู่ในตัวท่าน  แล้วนำการต่อสู้ดังกล่าวมาเป็นปัจจัยสร้างความใกล้ชิดและความพึงพอพระทัยต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา

การต่อสู้  (มุญาฮะดะฮ์)   เนี่ยมันมีความสำคัญในทุกสถานะการณ์เลยนะครับไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้(มุญาฮะดะฮ์)ที่แสดงออกทางภายนอก  เช่นการรบในสงคราม  หรือการต่อสู้ (มุญาอะฮ์) กับอารมณ์ใฝ่ต่ำของตน  ล้วนเป็นสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงพึงพอพระทัยทั้งสิ้นทั้งปวงนั่นก็เพราะว่าศาสนาอิสลามคือศาสนาแห่งการต่อสู้

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: กะรอมัตไม่ใช่เป้าหมาย(บทเรียนฮิกัม)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.ค. 09, 2007, 11:08 AM »
0
ดังนั้น  ด้วยข้ออ้างอันใดกระนั้นหรือ? ที่ท่านยังคงทำการรอคอยและต้องการจากอัลเลาะฮ์  ให้พระองค์ทรงประทานกะรอมัตแก่ท่าน ?  หรือว่าแรงผลักดันดังกล่าว มิใช่อื่นใดนอกจากเพียงเพื่อนำมันมาประดับบารมีต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย ! หรือว่าท่านจะรอคอยกะรอมัตเพื่อให้บรรดาผู้คนยกย่องสรรเสริญและให้ความประทับใจ ! แต่ท่านไม่รู้ดอกหรือว่า  ความปรารถนาเช่นนี้  คือหลักฐานอันสำคัญที่มายืนยันว่า  ท่านยังคงโอบกอดอารมณ์ใฝ่ต่ำอันเลวร้ายที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้ให้ท่านฝ่าฟันและหลีกห่างจากมัน  ฉะนั้น  จึงเป็นเรื่องที่แปลกกับสถานะภาพของท่านนี้  เพราะอัลเลาะฮ์ทรงบัญชาใช้ให้ทำการต่อสู้ฝ่าฟันบรรดาอารมณ์ใฝ่ต่ำอันเลวร้ายที่อยู่ในตัวท่าน  แล้วนำการต่อสู้ดังกล่าวมาเป็นปัจจัยสร้างความใกล้ชิดและความพึงพอพระทัยต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา 

นั่นคือแก่นแท้ของวิชาตะเซาวุฟครับ  เขาเน้นปรับปรุงอิสลาห์จิตใจเป็นหลักใหญ่เพื่อเดินทางไปสู่อัลลอฮ์

 

GoogleTagged