สูเราะฮฺ อัลมุญาดะละฮฺ อายะฮฺที่ 5-6คำอ่าน5. อิน..นัลละซีนะยุหา..ดดูนัลลอฮะ วะเราะสูละฮู กุติบูกะมากุติบัลละซีนะมิน..ก็อบลิฮิม วะก็อดอัน..ซัลนา..อายาติม..บัยยินาต, วะลิลกาฟิรีนะอะซาบุม..มุฮีน
6. เยามะยับอะษุฮุมุลลอฮุญะมีอัน..ฟะยุนับบิอุฮุม..บิมาอะมิลู อะหฺศอฮุลลอฮุ วะนะสูฮฺ, วัลลอฮุอะลากุลลิชัยอิน..ชะฮีด
คำแปล R1.5. Verily, those who oppose Allah and his messenger (Muhammad) will be disgraced, as those before them (among the past nation), were disgraced. And we have sent down clear Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.). And for the disbelievers is a disgracing torment.
6. On the Day when Allah will resurrect them all together (i.e. the Day of Resurrection) and inform them of what they did. Allah has kept account of it, while they have forgotten it. And Allah is witness over all things.คำแปล R2.5. แท้จริงบรรดาผู้ล่วงละเมิดต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาได้รับความอัปยศเหมือนเช่นที่คนในสมัยก่อนพวกเขาได้รับความอัปยศ และแท้จริงเราได้ลงบรรดาสัยลักษณ์อันชัดแจ้ง และสำหรับพวกเนรคุณต้องได้รับการลงโทษอันอัปยศที่สุด
6. ในวันซึ่งอัลเลาะฮฺทรงให้พวกเขาฟื้นขึ้นมาทั้งหมด (จากความตาย) แล้วพระองค์ก็ทรงแจ้งแก่พวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ อัลเลาะฮฺได้ทรงคำนวณไว้แล้วอย่างครบถ้วน แต่พวกเขาลืมมัน และอัลเลาะฮฺทรงเป็นสักขีพยานเหนือทุก ๆ สิ่งคำแปล R3.5. บรรดาผู้ต่อต้านอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์จะได้รับความอัปยศเช่นเดียวกับบรรดาคนก่อนหน้าพวกเขา เราได้ประทานอายะฮฺทั้งหลายที่ชัดแจ้งลงมาแล้วและสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธจะได้รับการลงโทษอย่างน่าอัปยศ
6. (การลงโทษนี้จะมีขึ้น) ในวันที่อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งและจะบอกพวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้ พวกเขาได้ลืมมันไปแล้ว แต่อัลลอฮฺได้ทรงบันทึกการกระทำทั้งหมดของพวกเขาไว้ครบถ้วน และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่งคำแปล R4.5. แท้จริงบรรดาผู้ต่อต้านอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ พวกเขาจะถูกทำให้อัปยศเช่นเดียวกับบรรดาก่อนหน้าพวกเขาได้ถูกทำให้อัปยศมา ก่อนแล้ว และแน่นอนเราได้ประทานอายาตทั้งหลายอันชัดแจ้ง และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธาจะได้รับการลงโทษอย่างน่าอดสู
6. วันที่อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นคืนชีพขึ้นมา แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเขาทราบถึงสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติไว้ อัลลอฮฺทรงประเมินมันไว้อย่างครบถ้วน แต่พวกเขาลืมมัน และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่งทุกอย่างคำแปล R5.๕. แท้จริงบรรดาจำพวกที่ต่อต้านคำบัญชาของอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาย่อมได้รับความอัปยศเช่นเดียวกับคนในสมัยก่อนพวกเขาได้รับความอัปยศ เนื่องจากการขัดขืนศาสนทูตของพวกเขาเอง และแท้จริงเราได้ลงบรรดาสัญลักษณ์อันชัดแจ้งลงมา และสำหรับจำพวกเนรคุณนั้น ต้องได้รับโทษอันอัปยศที่สุด
๖. ในวันที่อัลเลาะห์ทรงฟื้นพวกเขาคืนชีพขึ้นมาทั้งหมด แล้วพระองค์ก็ทรงแจ้งแก่พวกเขาถึงสิ่งที่พวกขาได้ประพฤติไว้ ซึ่งอัลเลาะห์ได้นับมันไว้อย่างครบจำนวน แต่พวกเขาได้ลืมมันไปแล้วและอัลเลาะห์ทรงเป็นสักขีพยานแก่ทุก ๆ สิ่งสูเราะฮฺ อัลมุญาดะละฮฺ อายะฮฺที่ 7-10คำอ่าน7. อะลัมตะเราะอัน..นัลลอฮะยะอฺละมุ มาฟิสสะมาวาติวัลอัรฎฺ มายะกูนุมิน..นัจญวา ษะลาษะติน อิลลาฮุวะรอบิอุฮุม วะลาค็อมสะติน อิลลาฮุวะสาดิสุฮุม วะลาอัดนามิน..ซาลิกะ วะลา..อักษะเราะอิลลาฮุวะ มะอะฮุม อัยนะมากานู ษุม..มะยุนับบิอุฮุม บิมาอะมิลู เยามัลกิยามะฮฺ อิน..นัลลอฮะบิกุลลิชัยอินอะลีม
8. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะนุฮู อะนิน..นัจญวา ษุม..มะยะอูดูนะลิมานุฮูอันฮุ วะยะตะนาเญานะบิลอิษมิวัลอุดวานิ วะมะอฺศิยะติรฺเราะสูลิ วะอิซาญา..อูกะหัยเยากะบิมาลัมยุหัยยิกะบิฮิลลาฮุ วะยะกูลูนะ ฟี..อัน..ฟุสิฮิม เลาลายุอัซซิบุนัลลอฮุ บิมานะกูล, หัสบุฮุมญะฮัน..นะมุ ยัศเลานะฮา ฟะบิอ์สัลมะศีรฺ
9. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อิซาตะนาญัยตุม ฟะลาตะตะนาเญาบิลอิสมิ วัลอุดวานิ วะมะอฺศิยะติรฺเราะสูล วะตะนาเญาบิลบิรฺริ วัตตักวา วัตตะกุลลอฮัลละซี..อิลัยฮิตุหฺชะรูน
10. อิน..นะมัน..นัจญวามินัชชัยฏอนิ ลิยะหฺซุนัลละซีนะอามะนู วะลัยสะบิฎอ...รฺริฮิม ชัยอันอิลลาบิอิซนิลลาฮฺ, วะอะลัลลอฮิ ฟัลยะตะวักกะลิลมุอ์มินูน
คำแปล R1.7. Have you not seen that Allah knows whatsoever is in the heavens and whatsoever is on the earth? there is no Najwa (secret counsel) of three, but He is their fourth (with his knowledge, while He himself is over the Throne, over the seventh heaven), nor of five but He is their sixth (with his Knowledge), not of less than that or more, but He is with them (with his knowledge) wheresoever they may be; and afterwards on the Day of Resurrection, He will inform them of what they did. Verily, Allah is the All-Knower of everything.
8. Have you not seen those who were forbidden to hold secret counsels, and afterwards returned to that which they had been forbidden, and conspired together for sin and wrong doing and disobedience to the Messenger (Muhammad). And when they come to you, they greet you with a greeting wherewith Allah greets you not, and say within themselves: "Why should Allah punish us not for what we say?" Hell will be sufficient for them, they will burn therein, and worst indeed is that destination!
9. O you who believe! when you hold secret counsel, do it not for sin and wrong-doing, and disobedience towards the messenger (Muhammad) but do it for Al-Birr (righteousness) and Taqwa (virtues and piety); and fear Allah unto whom you shall be gathered.
10. Secret counsels (conspiracies) are only from Shaitan (Satan), in order that he may cause grief to the believers. But he cannot harm them In the least, except as Allah permits, and In Allah let the believers put their trust.คำแปล R2.7. เจ้าไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้สรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดิน ไม่มีจากการซุบซุบกันของคนสามคนนอกจากพระองค์ทรงเป็นที่สี่จากพวกเขา และไม่มีห้าคนนอกจากพระองค์ทรงเป็นที่หกจากพวกเขา และไม่มีน้อยกว่านั้นและไม่มีมากกว่านั้น นอกจากพระองค์ทรงอยู่พร้อมกับพวกเขาเสมอ (ไม่ว่า) พวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม หลังจากนั้นพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ในวันกิยามะฮฺ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ที่สุดกับทุก ๆ สิ่ง
8. เจ้าไม่สังเกตหรือต่อบรรดา (พวกยะฮูดี) ที่ถูกห้ามไว้มิให้ทำการร่วมซุบซิบกัน แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็คืนกลับมายังสิ่งที่พวกเขาถูกห้ามไว้นั้น แล้วพวกเขาก็ซุบซิบกันในการบาป และการก่ออริต่อกัน และการฝ่าฝืนคำสั่งของศาสนทูต และเมื่อพวกเขาได้มาหาเจ้า พวกเขาได้คารวะต่อเจ้าด้วยวิธีการที่อัลเลาะฮฺมิได้ให้เจ้านำมาทำการคารวะ และพวกเขารำพึงกับตัวของพวกเขาเองว่า “ไฉนอัลเลาะฮฺไม่ทรงลงโทษพวกเขา เพราะสิ่งที่พวกเราพูด(หากมุฮำมัดเป็นฝ่ายถูกต้อง)?” เป็นความเพียงพอแก่พวกเขาที่พวกเขาเข้าสู่นรกยะฮันนัม แท้จริงมันเป็นที่อยู่อันชั่วช้ายิ่ง
9. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อพวกเจ้าทำการซุบซิบกัน พวกเจ้าก็จงอย่าได้ซุบซิบกันในการบาป, การเป็นศัตรู และการฝ่าฝืนคำสั่งของศาสนทูต และพวกเจ้าจงซุบซิบกันเกี่ยวกับคุณความดี และความยำเกรงและพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะฮฺซึ่งพวกเจ้าจะต้องถูกรวบรวมไปสู่พระองค์
10. อันที่จริงการซุบซิบกัน (ในเรื่องเลวร้ายนั้น) มาจากมารร้าย เพื่อทำให้บรรดาผู้มีศรัทธาเศร้าตรม แต่มันก็หาทำอันตรายแก่เขาสักกรณีเดียวไม่ นอกจากโดยอนุญาตของอัลเลาะฮฺ และเฉพาะต่ออัลเลาะฮฺเท่านั้น บรรดาปวงศรัทธาชนจงมอบหมายคำแปล R3.7. เจ้าไม่รู้หรือว่า อัลลอฮฺทรงรู้ถึงทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดิน? มันไม่อาจเป็นไปได้เลยที่คนสามคนจะซุบซิบกันและอัลลอฮไม่ได้เป็นที่สี่ในหมู่พวกเขา หรือห้าคนซุบซิบกันและอัลลอฮฺมิได้เป็นที่หกในหมู่พวกเขา และไม่ว่าน้อยกว่านั้นหรือมากกว่านั้น อัลลอฮฺก็จะทรงอยู่กับพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน หลังจากนั้นในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระองค์ก็จะทรงบอกพวกเขาให้รู้ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำไป แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสิ่ง
8. เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้ที่ถูกห้ามอบปรึกษากันอย่างลับ ๆ แต่ก็ยังทำในสิ่งที่พวกเขาถูกห้ามไว้อีกกระนั้นหรือ? พวกเขาแอบคุยกันในเรื่องบาปและการฝ่าฝืนและการไม่เชื่อฟังรอซูล และเมื่อพวกเขามาหาเจ้าพวกเขาจะกล่าวทักทายเจ้าในลักษณะที่อัลลอฮฺไม่ได้ทักทายเจ้า และพวกเขากล่าวกับตัวเองว่า “ทำไมอัลลอฮฺถึงไม่ลงโทษเราในสิ่งที่เรากล่าวไป?” นรกก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขา พวกเขาจะเป็นเชื้อเพลิงของมัน ช่างเป็นบั้นปลายที่เลวร้ายจริง ๆ
9. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเมื่อสูเจ้าแอบคุยกัน ก็จงอย่าแอบคุยกันในเรื่องของบาปและการฝ่าฝืนและการไม่เชื่อฟังรอซูล แต่จงคุยกันในเรื่องคุณธรรมและความยำเกรงพระเจ้า และจงเกรงกลัวอัลลอฮฺซึ่งต่อหน้าพระองค์ สูเจ้าทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน
10. แท้จริงการซ่องสุมกันวางแผนลับ ๆ เป็นงานของชัยฏอนเพื่อที่จะสร้างความทุกข์ใจให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา แต่มันไม่สามารถที่จะทำร้ายพวกเขาได้ เว้นเสียแต่อัลลอฮฺจะทรงอนุมัติ และขอให้บรรดาผู้ศรัทธาไว้วางใจในอัลลอฮฺเท่านั้นคำแปล R4.7. เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า อัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน การซุบซิบกันในสามคนจะไม่เกิดขั้น เว้นแต่พระองค์จะทรงเป็นที่สี่ของพวกเขาและมันจะไม่เกิดขึ้นในห้าคน เว้นแต่พระองค์ทรงเป็นที่หกของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นน้อยกว่านั้น และจะไม่เกิดขึ้นมากกว่านั้นเว้นแต่พระองค์จะทรงอยู่ร่วมกับพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในแห่งหนใด แล้วพระองค์ก็จะทรงแจ้งพวกเขาให้ทราบในวันกิยามะฮฺถึงสิ่งที่พวกเขาได้ ปฏิบัติไว้ (ในโลกดุนยา) แท้จริงอัลลอฮเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง
8. เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า บรรดาผู้ที่ถูกห้ามจากการซุบซิบกัน แล้วพวกเขาก็กลับไปกระทำในสิ่งที่พวกเขาได้ถูกห้ามเอาไว้ และพวกเขาซุบซิบนินทากันในการทำบาปและการเป็นศัตรูและการฝ่าฝืนท่านร่อซูล และเมื่อพวกเขามาหาเจ้า พวกเขาจะกล่าวทักทายไม่เหมือนกับที่อัลลอฮฺทรงกล่าวทักทายด้วยคำพูดนั้น และพวกเขากล่าวในหมู่พวกเขาว่าทำไมอัลลอฮฺจึงไม่ทรงลงโทษเราตามที่เราได้ กล่าวทักทาย (มุฮัมมัด) นรกก็เป็นการพอเพียงแก่พวกเขาแล้ว พวกเขาก็จะถูกเผาไหม้ในนั้นมันเป็นทางกลับที่ชั่วร้ายยิ่ง
9. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อพวกเจ้าซุบซิบต่อกัน ก็อย่าได้ซุบซิบกันด้วยการทำบาปและการเป็นศัตรู และการฝ่าฝืนท่านร่อซูลแต่จงซุบซิบกันเพื่อการทำความดี และการยำเกรง พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ ผู้ซึ่งพวกเจ้าจะถูกรวบรวมให้กลับไปหาพระองค์
10. แท้จริงการซุบซิบนินทากันนั้นเป็นการงานของชัยฏอน เพื่อมันจะก่อความเสียใจให้แก่บรรดามุอฺมิน แต่มันจะไม่ให้ร้ายแต่อย่างใดแก่พวกเขา เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ และเฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้นบรรดามุอฺมิน ต้องมอบความไว้วางใจคำแปล R5.๗.เจ้าไม่รู้หรือ โอ้มุฮำมัด แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในฟากฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน จะไม่มีจากกลุ่มคนสามคนที่แอบซุบซิบเพียงพวกเขาเท่านั้น นอกจากพระองค์ทรงเป็นที่สี่ของพวกเขา รับรู้ทุกสิ่งที่พวกเขาแอบซุบซิบกันนั้น และไม่มีกลุ่มคนห้าคนที่แอบซุบซิบกัน นอกจากพระองค์เป็นที่หกจากพวกเขา และไม่มีจำนวนต่ำกว่านั้นและไม่มีจำนวนมากกว่านั้น นอกจากพระองค์ต้องอยู่พร้อมกับพวกเขาเสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่หนใดก็ตาม หลังจากนั้นพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้เคยประพฤติไว้ในวันปรภพ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่งนักในทุก ๆ สิ่ง
๘. เจ้าไม่สังเกตหรือ บรรดาผู้ถูกห้ามจากการแอบซุบซิบ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับคืนไปยังสิ่งที่พวกเขาเคยถูกห้ามไว้อีก โดยมีการแอบซุบซิบกันต่อไป โองการนี้จะประทานมาเกี่ยวกับชาวยิวและพวกมุนาฟิกีน เมื่อพวกเขามองเห็นมุสลิม พวกเขาก็แอบซุบซิบกันและมองตาของมุสลิม ท่านศาสนทูตจึง ท่านศาสนทูตจึงห้ามพวกนั้นมิให้ทำเช่นนั้น พวกเขาก็หยุดในระยะหนึ่ง แต่ต่อมาพวกเขาก็หวนกลับไปทำใหม่ และพวกเขาแอบซุบซิบกันในเรื่องร้ายและการเป็นศัตรูกัน และเรื่องที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของศาสนทูต และเมื่อพวกเขาเข้ามาหาเจ้า เขาก็จะทำการทักทายคารวะเจ้าด้วยแบบที่อัลเลาะห์มิได้สั่งให้นำมาใช้ทำการคารวะ ซึ่งกันและกัน กล่าวคือ ที่อัลเลาะห์ใช้นั้นให้กล่าว “อัสสะลามุอะลัยกุม” แปลว่า “สันติสุขจงประสบแก่ท่าน” แต่พวกเขาจะแกล้งว่าให้เพี้ยนไปว่า “อัสซามุอะลัยกุม” ซึ่งแปลว่า “ความตายจงประสบแก่ท่าน” และพวกเขาจะกล่าวในระหว่างพวกเขากันเองว่า ไฉนเล่า ไฉนอัลเลาะห์จึงไม่ลงโทษพวกเราเพราะสิ่งที่พวกเราพูด หากว่าเขาเป็นศาสนทูตจริงตามที่เขาอ้าง เป็นการเหมาะสมแก่พวกเขา นรกยะฮันนัมซึ่งพวกเขาต้องเข้าไปในนั้น แท้จริงมันเป็นที่กลับเข้าไปอยู่อันชั่วช้ายิ่งนัก
๙. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อพวกเจ้าทำการซุบซิบกันพวกเจ้าจงอย่าซุบซิบในการบาปและการก่อศัตรูและการฝ่าฝืนศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์แต่พวกเจ้าจงซุบซิบกันแต่ในคุณความดีและความยำเกรงและพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์ซึ่งพวกเจ้าจะถูกนำตัวไปรวมไว้ยังพระองค์ ในปรภพเพื่อรับการสอบสวนและพิพากษา
๑๐. โดยแท้จริงแล้วการแอบซุบซิบกันในเรื่องร้ายนั้นมาจากมารร้ายเพื่อทำความเศร้าโศกแก่บรรดาผู้ศรัทธา และมันหาทำอันตรายใด ๆ สักกรณีเดียวแก่พวกเขาไม่ยกเว้นโดยการอนุญาตของอัลเลาะห์ และเฉพาะต่ออัลเลาะห์เท่านั้น บรรดาผู้มีศรัทธาจงทำการมอบหมายเถิด