บ้านชั้นเดียวเก่าคร่ำคร่าจวนถึงคราจะผุพังไปตามกาลเวลา มุงหลังคาสังกะสีเพิงหมาแหงน ในดินแดนชานเมืองกรุงเทพมหานคร
"ป๊ะจ๊ะ .. ป๊ะจ๊ะ.. เรานับถือศาสนาอะไรจ๊ะ"ฮาบีบะห์ หนูน้อยวัย 9 ขวบเศษ เอ่ยถามพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ ขณะที่กำลังขะมักเขม้นในการทำการบ้านวิชาภาษาไทย
"เราเป็น มุสลิม ก็ต้องนับถือศาสนาอิสลามสิ ... เออ ! นั่นแหละ ๆ ยิงเข้าไปเลย เออ ! ต้องอย่างงั้นสิวะ" ผู้เป็นพ่อวัย 47 ปี ตอบคำถามลูกสาวในขณะที่ตนเองก็กำลังนั่งดูฟุตบอลโลกรอบรองชนะเลิศทางจอสี่เหลี่ยม 15 นิ้ว อย่างขะมักเขม้นเช่นกัน
"ออ..อ่าง สระ..อิ สอ..เสือ ลอ..ลิง สระอา มอ..ม้า"ฮาบีบะฮฺเขียนคำว่า 'อิสลาม' ลงไปในบรรทัดที่เธอเว้นว่างไว้
"ป๊ะ ๆ แล้วอิสลามเนี่ยต้องทำอะไรบ้างล่ะในแต่ละวัน" ฮาบีบะห์ถามพ่อของเธอต่อไป
"ละหมาด ไง โหย...เล่นไรของมันวะ ไม่ได้เรื่องเลย ศูนย์หน้ามันควายจริง ๆ" พ่อยังคงตอบคำถามอย่างลวก ๆ พร้อมกับการนั่งดูฟุตบอลด้วยความขะมักเขม้นต่อไป
"ลอ..ลิง สระอะ หอ..หีบ มอ..ม้า สระอา ดอ..เด็ก" ฮาบีบะห์สะกดคำเขียนตามคำบอกจากพ่อ
"แล้วละหมาดต้องทำไงบ้างล่ะคะป๊ะ" เป็นอีกครั้งที่ฮาบีบะห์ดึงชายเสื้อของพ่อ และถามคำถาม ... แต่ครั้งนี้พ่อหันมาหาเธอด้วยแววตาดุดันและจริงจัง
"มัน จะถามอะไรนักหนาวะ ถามอยู่ได้ คนจะดูบอล กวนประสาทจริง ๆ ไปไกล ๆ เลยไป ไปถามมะแกโน่นนั่งอยู่โน่น รำคาญ ไป๊ !" ท่าทางของพ่อดูจะไม่สบอารมณ์นัก สงสัยว่าฟุตบอลคืนนี้จะไม่สนุกแล้วกระมัง
"ไปถามมะตอนกินเหล้าเนี่ยนะ ไม่เอาหรอกจ้ะ ป๊ะเห็นตุ่มที่แตกอยู่หน้าบ้านรึเปล่าล่ะ นั่นแหละฝีมือมือมะ เมื่อวานซืนหนูแค่เดินผ่านแก แต่แกไม่รู้เป็นอะไรเมาอาละวาดไล่ตีหนู จนหนูต้องวิ่งหนีลงไปแอบในตุ่มหน้าบ้าน แต่มะจับได้แกก็ขว้างสากมาโดนตุ่มแตกเลย" ฮาบีบะห์สาธยายวีรกรรมของแม่ให้พ่อฟังอย่างละเอียด คงเป็นเพราะว่าเธอเข็ดเสียเหลือเกินในเวลาที่แม่กระดกน้ำเมาเป็นขวดๆ "เออ ! เรื่องของแก ไป ๆ คนจะดูบอล" พ่อก็ยังคงสนใจฟุตบอลสุดที่รักมากกว่าลูกสาวสุดที่รักอยู่ดี ฮาบีบะห์ตัดใจวางดินสอลง และทิ้งกระดาษการบ้านของเธอไว้เพียงเท่านั้น
..................................................
เช้าวันรุ่งขึ้น
"รัชนีกร ! ทำไมการบ้านของเธอถึงไม่เสร็จ ออกมาหาครูเดี๋ยวนี้" คุณครูวัยกลางคนยืนอยู่หน้ากระดานดำ มือขวาถือไม้เรียวก้านยาว ๆ กระดิกขึ้นลงเป็นจังหวะ หล่อนใส่แว่นตาหนาเตอะตามแบบฉบับหลักสูตรครูภาษาไทยเป๊ะ .. ฮาบีบะห์เดินออกไปหาคุณครูด้วยท่าทางหวาดกลัว พร้อมกับตาบวม ๆ ที่แอบร้องไห้มาอย่างหนักเพราะน้อยใจพ่อเมื่อคืนนี้
"คะ....คะ...คือ หนู...หนูไม่รู้จะเขียนยังไงต่อค่ะ" ฮาบีบะห์ตอบคำถามไม่เต็มปากเต็มคำนัก
"ครูให้เธอเขียนเรียงความหน้าเดียวแค่นี้ เธอเขียนมาสองบรรทัดเนี่ยนะ มันจะยากอะไรนักหนา ดูคนอื่นสิ เขายังเขียนได้สองสามหน้าด้วยซ้ำไป" คุณครูตวาดลูกศิษย์ตัวน้อยเสียงเขียว ซ้ำเพื่อน ๆ ในห้องต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ยเธอ
"คือ...หนูไม่รู้ว่าละหมาดทำยังไงค่ะ" ฮาบีบะห์ตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า
"ละหมาด หรอ ? อ๋อ..ที่อิสลามเขาทำกันใช่มั้ย อ้าว ! แล้วนี่เธอเป็นอิสลามเธอละหมาดไม่เป็นหรือไง พ่อแม่เธอไม่สอนให้เธอหรอ อีกอย่างนะถ้าเธอเขียนเรื่องนี้ไม่ได้แล้วเธอจะเขียนทำไมล่ะ เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นสิ ครูไม่ได้บังคับเธอซะหน่อย" คุณครูคนเดิมตวาดฮาบีบะห์ด้วยเสียงเขียวอีกครั้ง
"ก็...หนูเห็นชัยยุทธเขาเขียนเรื่อง 'ศาสนาของฉัน' หนูก็อยากเขียนบ้างค่ะ"และแล้วความไร้เดียงสาของฮาบีบะห์ก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เธอตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ และเธอก็จงใจจะส่งมันทั้ง ๆ ที่ยังไม่เสร็จ
"แปลกคนจริง ชัยยุทธจะเขียนก็ให้เขาเขียนไปสิ คราวหน้าคราวหลังก็เปลี่ยนเรื่องอื่นซะถ้าเขียนไม่ได้ จำไว้นะ แต่วันนี้ครูต้องลงโทษเธอด้วยการตี 3 ทีเป็นไง จะได้จำเป็นบทเรียน" ฮาบีบะห์โดนไม้เรียวก้านยาว ๆ ฟาดที่มือเล็ก ๆ ไปสามทีจนบวมพอ ๆ กับตาทั้งสองข้าง ฮาบีบะห์หยิบกระดาษเรียงความแผ่นนั้นกลับไปนั่งข้าง ๆ ชัยยุทธ
"นิ้ง .. ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวทีหลังถ้าอยากรู้อะไรมาถามเราก็ได้ เดี๋ยวบอกให้" ชัยยุทธหรือยูซุฟเพื่อนซี้ปึ้กเรียกชื่อเล่นของฮาบีบะห์อย่างสนิทสนมและปลอบใจเพื่อน เธอทำได้เพียงพยักหน้ารับ โดยที่มือขวายังคงกำกระดาษเรียงความไว้แน่นจนยับยู่ยี่และมันก็ย่นเปื่อยจากหยดน้ำตา ... เธอนั่งก้มหน้ามองมือซ้ายที่เพิ่งถูกคุณครูตีเป็นรอยแดง ๆ อย่างเจ็บปวด
...........................................
เวลาเลิกเรียน ที่นักเรียนหลาย ๆ คนต่างมีความสุขยิ้มร่าเริงเบิกบานกันทั่วหน้า
ยูซุฟเดินกลับบ้านทางเดียวกับฮาบีบะห์
'อัลลอฮุอักบัร ... อัลลอฮุอักบัร .......'
"อะซานแล้ว ... ป่านนี้ป๋าเตรียมตัวไปละหมาดอยู่แน่ ๆ เลย" ยูซุฟ พูดขึ้นมาอย่างรีบร้อน
"เสียงนี้เราได้ยินทุกวันเลย เสียงอะไรนะ แล้วเมื่อกี้ได้ยินว่าละหมาด อะไรหรอ" ฮาบีบะห์ยิ้ม ทำตาโต ที่ได้ยินคำว่า 'ละหมาด'
"เดี๋ยวไว้เราค่อยบอกพรุ่งนี้นะไปก่อนนะ ป๋ารอละหมาดอยู่" ยูซุฟรีบกุลีกุจอวิ่งกลับบ้าน ทิ้งให้ฮาบีบะห์ยืนงงอยู่คนเดียว
"พรุ่งนี้ ๆ เหมือนป๊ะอีกคนแล้ว เมื่อไหร่จะได้รู้เนี่ย" ฮาบีบะห์ชักสีหน้าเบื่อหน่าย
...........................................
บ้านเก่าคร่ำคร่าหลังเดิม ๆ ที่มีวิถีชีวิตเดิม ๆ 3 ชีวิต ราวกับภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ รอบนับครั้งไม่ถ้วน
ฮาบีบะห์เป็นเด็กวัย 9 ขวบ ที่ต้องแบกรับภาระแทนแม่ของเธอไปเสียทุกอย่าง ก็พวกงานบ้านงานเรือนที่เด็กคนอื่น ๆ คงไม่เคยแตะแม้สักครั้งเดียว
"ป๊ะ จ๊ะ .. บรี้สหมด หนูจะซักผ้า ขอตังค์ออกไปซื้อหน่อยจ้ะ" และแม้แต่การออกไปจับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็นนอก บ้านซึ่งเป็นภาระที่เธอต้องรับผิดชอบเอง
"อะไรวะ ! เพิ่งให้ไปไม่นานหมดแล้ว ใช้ให้มันประหยัด ๆ หน่อยสิ ... อ่ะเอาไป วันนี้พ่อจะกินผัดกะเพรา แกทำให้ด้วยนะ" ฮาบีบะห์รับเหรียญสิบบาทจากพ่อ "จ้ะ" และวันนี้พ่อก็ยังคงนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์หลังกลับจากที่ทำงานเช่นเคย
...........................................
ร้านของชำ 'เจ๊เล้ง' หน้าปากซอย ที่ไม่ค่อยมีคนเข้าร้านนัก คงเป็นเพราะร้านสะดวกซื้อของพวกฝรั่งมาเปิดอยู่ฝั่งตรงกันข้ามแย่งลูกค้าไปหมด
'อัลลอฮุอักบัร ... อัลลอฮุอักบัร .......' เสียงอาซานจากลำโพงดังขึ้นบอกเวลามัฆริบ
"เสียง นั่นไง ... ใช่แล้ว ๆ เหมือนที่โรงเรียนเรียนเลย เหมือนที่ชัยยุทธบอกด้วย เราจำได้"ฮาบีบะห์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื้นเต้นระคนดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่ อยู่
"อาหมวย นี่ของ ๆ ลื้อ 10 บาท ไหนเงินล่ะ มีมั้ยเนี่ย" เจ๊เล้งเจ้าของร้านส่งถุงผงซักฟอกให้ฮาบีบะห์ พร้อมกับพูดจาด้วยน้ำเสียงเชิงดูถูก
"นี่ค่ะ 10 บาท เอ่อ .. เจ๊จ๊ะ เสียงนั่นมาจากไหนหรอจ๊ะ" ฮาบีบะห์ส่งเงินให้เจ๊เล้งและอดไม่ได้ที่จะถามถึงที่มาของเสียงที่คุ้นหูเสียงนั้น
"โอ๊ย ! เสียงร้องอะไรไม่รู้ของอ้ายพวกแขก วัน ๆ นึง มันจะร้องกังทำไมไม่รู้ตั้ง 5 ครั้ง ไอ้หยา ! อั๊วล่ะรำคาญเจง ๆ มันอยู่ถัดซอยนี้ไปสองซอย แต่มันก็ดันมาติดลำโพงแถวนี้อีก พูดเรื่องนี้ทีไรปวดหัวทุกที ลื้อก็รีบ ๆ กลับบ้านไปได้แล้ว อั๊วจะปิดร้าน วันนี้หมดอารมณ์ขาย ไป ๆ" วันไหนที่เจ๊เล้งอารมณ์เสียเป็นอันว่าต้องปิดร้านทุกที ร้านฝรั่งเลยได้กำไรจากลูกค้าขาประจำของแก แล้วบางรายก็พลอยติดใจไม่มาร้านแกอีกเลยก็มี
"ซอย 58 หรอ" ฮาบีบะห์ยิ้มที่ได้ข้อมูลจากเสียง ๆ นั้นสมใจ เธอเดินออกจากร้านไป แต่ทว่า ... ทางที่เธอเดินนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้านแล้วเธอกำลังจะไปไหนกันนะ
...........................................
ฮาบีบะห์เดินไปจนกระทั่งเสียงที่เธอเคยได้ยินจบลง และสักครู่หนึ่งก็มีเสียงแปลก ๆ เข้ามาแทนที่
'อัลลอฮุอักบัร .. อัลฮัมดุลิลลาฮิร็อบบิลอาละมีน...'
เสียงนั้นฟังถนัดหูขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสองเท้าของเธอพาเธอมาหยุดที่หน้ามัสยิดแห่งหนึ่ง
"แปลก จังมีเสียงแบบนี้ด้วย" หัวใจของฮาบีบะห์เต้นเป็นจังหวะเร็วถี่และแรงจากความเหนื่อยล้าที่เดินมาไกล และความตื้นเต้นดีใจที่ได้มาเจอต้นเสียงที่เธออยากรู้
"นี่ หนู..มายืนทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าสุเหร่า ไม่ละหมาดหรือไงจ๊ะ เดี๋ยวพระเจ้าลงโทษนะ ถ้าไม่เข้าไปก็อย่ามายืนขวางหน้าประตูสิจ๊ะ มีคนเขาจะเข้าจะออก" หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง แต่งชุดสีขาว ๆ ที่มีหมวกคลุมหัวเหมือนตอนที่ฮาบีบะห์ใส่เวลาฝนตก แตกต่างกันที่ผ้าแบบนี้ไม่กันฝนและคงไม่ใส่ตอนฝนตกแน่ ๆ
"ละหมาดหรอคะ ! มุสลิมต้องละหมาดหรอคะ " ฮาบีบะห์ยังคงปิดอาการตื่นเต้นไม่มิด
"อ้าว.... ใช่สิจ๊ะ เป็นมุสลิมมาสุเหร่าก็ต้องละหมาด เดี๋ยวป้าเข้าไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวไม่ทันเขา" หล่อนบอกกับเด็กน้อยอีกครั้งและเดินเข้าไปยืนในแถวที่มีแต่ผู้หญิงแต่งตัวเหมือนกับหล่อนเต็มไปหมด และพวกผู้ชายที่ใส่หมวกทรงประหลาดยืนข้างหน้า ใส่ผ้าอะไรสักอย่างเหมือนผ้าขาวม้าของป๊ะ ทำท่าก้ม ๆ เงย ๆ ฮาบีบะห์ยิ้มและยืนมองคนทั้งหมดผ่านทางเหล็กดัดซึ่งทาสีสวยงามหน้าประตูมัสยิด
'อัสลามมุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ' เสียงให้สลามครั้งสุดท้ายดังขึ้น
ฮาบีบะห์ยังคงยืนมองอย่างไม่วางตา แต่เธอก็ต้องสะดุ้งขึ้นจากการสะกิดของใครบางคน"นี่ หนู ไม่เข้าไปละหมาดจริง ๆ ด้วย ถ้างั้นก็รีบกลับบ้านซะ ถ้าวันหลังมาใหม่เข้ามาละหมาดนะ พระเจ้าจะประทานสิ่งดีดีให้ กลับเถอะจ้ะฝนตั้งเค้าจะตกแล้ว ค่ำแล้วด้วยนะ" ฮาบีบะห์เงยหน้ามองฟ้า เธอตกใจมากที่ท้องฟ้ามืดลงไม่เป็นสีฟ้าแล้ว เธอรีบวิ่งกลับบ้านด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวลบางอย่าง
...........................................
เด็กน้อยรีบวิ่งกลับเข้ามายังบ้านเก่าคร่ำคร่าเปียกปอนไปด้วยสายฝนบาง ๆ
"แก ไปไหนมา ป๊ะกับมะยังไม่ได้กินข้าวเลยรอแกทำอยู่เนี่ย หายไปไหนมามืด ๆ ค่ำ ๆ หนีไปเที่ยวมาใช่มั้ย ดีเลย ... โดนก้านมะยมหน่อยดีกว่าให้มะแกตีโน่นแสบดี ทีหลังจะได้ไม่ทำ"พ่อของฮาบีบะห์ขึ้นเสียงใส่ลูกสาวพร้อมกับดึงแขนเธออย่างแรงจนถุงผงซักฟอกหล่นจากมือ
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น "ป๊ะ..หนูไม่ได้ไปเที่ยวนะ หนูไปซื้อของแล้วทีนี้หนู..." ฮาบีบะห์พูดไม่ทันจบประโยคดี ก้านมะยมก้านแรกก็บรรเลงลงกระทบกับผิวหนังอันบอบบางของเธอ
"มะ..หนู ไม่เอาแล้ว หนูไม่ทำแล้ว โอ๊ย ! มะอย่าตีหนู ฮือ... มะอย่าตีหนู" ฮาบีบะห์แสนเจ็บปวดมากกว่าตอนที่คุณครูตีเธอเสียอีก เพราะฤทธิ์สุราทำให้แม่ของเธอใช้กำลังสุดแรง จนขาของฮาบีบะห์เป็นแนวไปหมด
"สมน้ำหน้านัก เอามันให้หนัก จะได้รู้จักจำ" ... วันนี้เป็นวันที่ฮาบีบะห์ต้องเจ็บปวดที่สุดในรอบสัปดาห์ก็ว่าได้ ทั้งที่โรงเรียน ทั้งที่บ้าน ... ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจ และเป็นอีกคืนหนึ่งเธอต้องนอนทั้งน้ำตา
...........................................
เช้าวันต่อมา
ฮาบีบะห์มาโรงเรียนตาบวมเหมือนเมื่อวาน และชีวิตของเธอก็ถูกฉายขึ้นแบบเดิม ๆ อีกครั้ง ... แต่ วันนี้เธอได้ยินเสียงอะซานในเวลากลางวัน ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยได้ยิน หรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเธอยังคงจดจ่ออยู่กับสิ่งนี้กระมัง
'มุสลิมต้องละหมาด'
'ไม่ละหมาดพระเจ้าลงโทษ ถ้าละหมาดจะได้สิ่งดีดี'
เธอนึกในใจถึงคำพูดของคุณป้าหน้ามัสยิดคนนั้น เธอคิดว่าที่เธอโดนตีเพราะเธอยังไม่ละหมาดนี่เอง และพลอยนึกถึงเจ๊เล้งเมื่อวานทันที
'วัน ๆ นึง มันจะร้องกังทำไมไม่รู้ตั้ง 5 ครั้ง'
ฮาบีบะห์ยิ้มและแววตาฉายแววแห่งความหวังอีกครั้ง เธอรู้มาแล้ว 3 เวลานี่หน่า "นี่ๆ ยูซุฟ เขาละหมาดกัน 5 เวลา เวลาไหนบ้างหรอ" ฮาบีบะห์ถามยูซุฟที่นั่งข้าง ๆ
"อ้าว...ไม่รู้หรอ เดี๋ยวบอกให้ เราจะละหมาด ช่วงแรกตอนนี้ก็ประมาณตีห้า แล้วก็ตอนประมาณเที่ยงกว่า ๆ เมื่อกี้ไงที่เราได้ยินเสียงอะซานไป แล้วก็ตอนที่เราเลิกเรียนเธอคงจำได้ แล้วก็ตอนเย็น ๆ หน่อยหกโมงได้มั้ง แล้วก็สุดท้ายตอนประมาณสักเกือบ ๆ สองทุ่มน่ะ"
ฮาบีบะห์ยิ้มให้ยูซุฟ "ขอบใจมากนะ"
วันนี้ เธอกลับมาบ้านด้วยสีหน้าระรื่นผิดปกติ แต่เธอก็ยังคงปฏิบัติตัวเหมือนเช่นเคย ทำงานบ้านทุกอย่างแล้วก็เข้านอน ... สิ่งที่แปลกไปนอกจากรอยยิ้มก็คือ ก่อนนอนเธอหยิบสมุดเล่มใหม่เล่มหนึ่งและดินสอแท่งใหม่ที่บรรจงเหลาไว้อย่าง ดีออกจากลิ้นชักหัวนอน นี่เป็นสมุดที่พ่อให้เธอในวันที่พ่อได้เงินเดือนครั้งแรก เธอวางสมุดไว้ข้าง ๆ ตัวอย่างทนุถนอม เธอตั้งนาฬิกาปลุก แล้วก็ผล็อยหลับไป
...........................................
เช้ามืดวันนี้ ฮาบีบะห์ลุกขึ้นจากที่นอนในเวลาตีสี่ครึ่ง ซึ่งปกติแล้วเธอจะตื่นขึ้นมาในตอนตีห้าครึ่งของทุกวัน วันนี้เธอคงอยากจะไปโรงเรียนเช้ากว่าปกติ ที่โรงเรียนต้องมีอะไรดีดีแน่ ๆ
แต่ กลับไม่เป็นอย่างนั้น ฮาบีบะห์ไปถึงโรงเรียนเกือบจะสาย ทั้ง ๆ ที่เธออกจากบ้านเวลานั้นเธอจะต้องมาถึงเร็วกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ และฮาบีบะห์ก็ทำเช่นนี้จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป 3 เดือนเศษ
... ค่ำคืนหนึ่ง ที่บ้านเก่าคร่ำคร่าหลังนี้ "แกเอาผ้าขาวม้าป๊ะไปเล่นทำไมวะ เอามานี่ ซนจริงๆเลย เดี๋ยวก็ให้มะแกตีซะอีกหรอก ไม่โดนมานานนี่" พ่อของฮาบีบะห์กระชากผ้าขาวม้าจากศีรษะของเธอ แต่เธอก็ยังคงยืนด้วยท่าทางสงบนิ่ง ดวงตาสองดวงจ้องไปบนพื้นว่างเปล่าเบื้องล่าง
"อัลลอฮุอักบัร.." ฮา บีบะห์กล่าวถ้อยคำบางอย่างขึ้น พร้อมกับยกมือทั้งสองบรรจงกอดอกด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมต่อไป และนั่นทำให้ชายคนเมื่อครู่ต้องหันกลับมามองผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของเขา
"อัลฮัมดุลิลลาฮิร็อบบิลอาละมีน..."ฮาบีบะห์กล่าวข้อความต่อด้วยเสียงดังฟังชัด ถึงแม้สำเนียงของเธอจะฟังดูแปลกหูไปบ้างก็ตาม
"อัรเราะฮฺมานิรเราะฮีม.."หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งเริ่มเปิดขวดน้ำเมาหยุดค้างท่าทางของหล่อนไว้ราวกับถูกกด stop จากเครื่องเล่นวีดีโอ
"มาลิกิเยามิดดีน.." หญิงคนนั้นหันกลับไปมองผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของเธอ
"อียยากะนะอฺบุดุว่ะอียยากะนัซตะอีน" ชายผู้เป็นพ่อหันกลับมามองกล่องสี่เหลี่ยมจอ 15 นิ้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ... เขากดปุ่มของมันให้ดับลงด้วยปลายนิ้วชี้ของเขาเอง "อิฮฺดินัซซิรอต้อลมุซตะกีม.." ชาย คนดังกล่าวลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวโปรดที่เขาเองก็ไม่เคยลุกเลยในทุกวันหลัง จากกลับมาถึงบ้าน ... เขาเดินตรงไปยังก๊อกน้ำหน้าบ้าน บรรจงอาบน้ำละหมาดอย่างดี และน้ำสามารถชะล้างน้ำตาบางส่วนบนใบหน้าของเขาได้ ... หญิงผู้เป็นแม่วางขวดน้ำทิพย์ของหล่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วลุกขึ้นมายืนข้างหลังสามีเพื่อรอการชำระล้างอวัยวะต่าง ๆ บนร่างกายเธอ นี่เป็นช่วงเวลาที่ .... ไร้บทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ ชายผู้เป็นพ่อเดินไปยังตู้ไม้เก่า ๆ ข้างครัว ที่คนทั้งบ้านไม่ได้แตะต้องมันมานับปีแล้ว เขาเปิดมันออกและหยิบผ้าปูละหมาดพร้อมกับโสร่งผืนเก่าที่ยังแลดูเหมือนใหม่ออกจากตู้ และมองดูมันสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะสวมใส่..หญิงผู้เป็นแม่เองก็เช่นกัน หล่อนหยิบชุดละหมาดสีขาวสะอาดตาที่เหมือนกับคุณป้าคนนั้น คนที่ฮาบีบะห์เจอครั้งแรกที่มัสยิด ... หล่อนสวมใส่อย่างช้า ๆ
"อัสลามมุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ..." เสียงให้สลามครั้งสุดท้ายในละหมาดของฮาบีบะห์ดังขึ้น
พ่อเดินเข้าไปลูบศีรษะฮาบีบะห์ เขาอุ้มลูกสาวสุดที่รักไปนั่งบนเก้าอี้ตัวโปรดของเขา แล้วจึงไปยืนตรงที่เดียวกับที่ลูกสาวของเขาละหมาดเมื่อสักครู่ แม่มายืนอยู่ข้างหลังพ่อ ฮาบีบะห์นั่งมองด้วยรอยยิ้ม
"อัลลอฮุอักบัร.." ................ "อัสลามมุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ..." สิ้นเสียงการให้สลามครั้งสุดท้าย น้ำตาของชายชาตรีก็ไหลรินลงอาบแก้ม หญิงอีกหนึ่งคนก็เช่นเดียวกัน ทั้งสองยกมือขึ้นระดับอก
"ยา...อัล ลอฮฺ บ่าว.....บ่าว... ขออภัยโทษต่อพระองค์ ... ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ...บ่าวผู้ต้อยต่ำ ... ขอให้พระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ในสิ่งที่ได้กระทำลงไป.."
เขาหยุดสะอื้นไห้สักครู่หนึ่ง
"...บ่าว... ซาบซึ้งและ ขอบคุณเหลือเกิน...ใน....ในความเมตตากรุณาของพระองค์ที่ทรงประทานผู้เป็นที่รักยิ่ง....แก่ข้าพระองค์ ให้....ให้เขามาเปิดหัวใจ และขอพระองค์ทรงประทานทางนำที่เที่ยงตรงแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด อามีน.." หากใครผ่านมาได้ยิน เสียงสั่นเครือนี้คงจะสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ พ่อเอามือลูบหน้าปาดน้ำตาของเขาออก
"อัชฮะดุอัลลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วะอัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดัรร่อซูลุลลอฮฺ.."เสียงขอแม่ดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา
"ฉัน ขอสาบานว่าไม่มีพระ เจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺและนบีมูฮัมหมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์ .... ในครั้งนั้นฉันกล่าวด้วยกับร่างกายของฉัน" อันที่จริงแล้วแม่ของฮาบีบะห์ เป็นบุคคลที่เข้ามารับอิสลามหลังจากที่แต่งงานกับพ่อ
"แต่ใน ครั้งนี้ฉันขอสาบานด้วยกับจิตวิญญาณของฉัน ... ฉันไม่เคยเป็นมุสลิมที่ดี ฉันไม่เคยเป็นภรรยาที่ดี ฉันไม่เคยเป็นแม่ที่ดี" เธอสะอื้นไห้ น้ำตาของบ่าวผู้สำนึกกำลังไหลรินอย่างไม่หยุด
"โอ้...พระเจ้าของฉัน ขอพระองค์ทรงเมตตาฉันและให้อภัยโทษในสิ่งที่ฉันได้กระทำด้วยเถิด"ความรู้สึกดีใจ รู้สึกละอายใจ รู้สึกขอบคุณ ได้บังเกิดแก่คนทั้งสอง ณ เวลานี้ ฮาบีบะห์ยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนัก เธอรีบวิ่งไปหยิบกระดาษปึกหนึ่งจากลิ้นชักหัวเตียงของเธอมายื่นให้พ่อและ แม่
"ป๊ะกับมะละหมาดผิดหรอ ไม่ต้องร้องไห้นะคะ หนูเขียนไว้ในนี้แล้ว มีตั้ง 186 แผ่นแน่ะ หนูไปดูเขาละหมาดซุบฮิกันตอนเช้าทุกวัน ถึงแม้หนูจะไปโรงเรียนสายบางวันนะ แต่ว่าหนูก็เขียนมันจนเสร็จ ป๊ะกับมะเอาไว้ดูนะ"
ผู้เป็นพ่อรับกระดาษที่มีลายมือบรรจง 186 แผ่นมา และน้ำตาของคนทั้งสองก็ไหลรินอีกครั้ง เด็ก 9 ขวบเศษที่ชื่อว่าฮาบีบะห์ก็ยังคงไม่รู้หรอกว่า เธอได้ทำให้น้ำตาของคนที่เธอรักถึงสองคนชำระล้างหัวใจของเขาแล้ว น้ำตาที่เกิดจาก 'ผู้เป็นที่รัก' เหมือนกับชื่อของเธอ และ เธอก็คงไม่รู้สินะว่ากระดาษ 186 แผ่นนี้มันมีค่าเท่ากับ 2 ... เพราะชีวิตใหม่ 2 ชีวิต ได้แลกมากับกระดาษ 186 แผ่น ... และนี่คือบทเรียนเล่มหนึ่งที่ทำให้พ่อและแม่ของเธอหันกลับมาสู่พระผู้อภิบาล ของพวกเขาแล้ว....
...........................................
เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนแห่งเดิม
"ครูคะ จำเมื่อสามเดือนที่แล้วได้มั้ยคะ หนูขอส่งเรียงความค่ะ ครูอยากได้หนึ่งหน้า หนูแถมให้ 185 หน้าเลยค่ะ" ฮาบีบะห์ยิ้มแล้วเดินออกจากห้องพักครูไปด้วยหัวใจพองโตทิ้งให้คุณครูงุนงง กับคำพูดของเธอต่อ และหวังว่าครูอ่านแล้วคงจะรู้ว่า 'หนูกับป๊ะกับมะละหมาดเป็นแล้ว'
refer : Hassan Aero 's FB
http://www.facebook.com/note.php?note_id=175157079175789