ผู้เขียน หัวข้อ: สามารถละหมาดตามอีหม่ามที่เป็นวะฮะบีย์ได้หรือไม่  (อ่าน 6869 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ see sea

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 29
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ไปอีกกระทู้หนึ่งแล้ว

ออฟไลน์ Demi_masa

  • ไม่มีไตเติ้ลส่วนตัว
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 170
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
เปิดกระทู้ใหม่เลยมั้ย
จำนวนตัวอักษรสูงสุดที่อนุญาต 1000; ตอนนี้เหลือ: 949

ออฟไลน์ BaE HoK

  • บ้านของผู้ชายอยู่ในมัสยิด มัสยิดของผู้หญิงนั้นคือบ้าน
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ทนไม่ได้

แต่ถ้าทนได้

คือ ความอดทน (ซอบัร)

 ;D  ;D  ;D
มนุษย์มีเสรีภาพได้ โดยไม่ต้องยิ่งใหญ่

แต่ มนุษย์ไม่อาจยิ่งใหญ่ได้..

...โดยไม่มีเสรีภาพ

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
อัสสลามุอาลัยกุมครับ ขออนุญาติแสดงความเห็นนะครับ   การละหมาดตามอีหม่านนั้นถ้าในด้านอากีดะห์มันอยู่ในจิตใจไม่มีใครสามารถรู้อย่างแท้จริงได้ใครเป็นอย่างไรนอกจากตัวเอง และตัวเองจะบอกกับคนอื่นๆว่าอิตติกอตแบบไหน คนรอบข้างถึงได้รู้ ยกเว้นพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรอบรู้ทั้งหมดในจิตใจ ฉนั้นการละหมาดตามอีหม่ามนั้นก็ต้องตาม ตามหลักฟิกฮ์ แล้วที่นี้เราต้องรู้ก่อนว่า มัซฮับที่เรายึดอยู่นั้นเป็นมัซฮับไหน ยกตัวอย่างว่า ผมอยู่มัซฮับซาฟีอี  แล้วผู้เป็นอีหม่ามมัซฮับฮานาฟี ฉะนั้นรู่ก่นการละหมาดของทั้งสองมัซฮับไม่เหมือนสรุปคือไม่เซาะจะตามคนละมัซฮับกันยกเว้นตักลีดเหนียตตามมัซฮับผู้ที่เป็นอีหม่ามแต่ต้องรู้รุก่นในมัซฮับนั้นด้วย รุก่นการละหมาดของซาฟีอี บางท่านว่า13 บางท่านว่า17 แต่สรุปเหมือนกัน เพราะท่านที่ว่า17 แยกตอมานีนะห์ออกมา =13+4=17 (ไม่อธิบายนะครับเพราะมีในหนังสือทั่วๆไปในบทการละหมาด) ฉะนั้น หนึ่งในรูก่นคือ ฟาติฮะห์ แล้วฟาติฮะห์ในมัซฮับซาฟีอี นั้นวายิบต้องอ่าน บิสมิสละห์ เพราะซาฟีอีนั้นนับเป็น อายะห์ที่หนึ่งในเจ็ดอายะห์ของฟาติฮะห์ แต่มัซฮับฮานาฟี ไม่ต้องอ่านบิสมิลละห์ เพราะฮานาฟีไม่นับเป็นอายะห์หนึ่งของฟาติฮะห์ คืออายะห์ที่ 1 นั้นคือ อัลฮัมดุลิ้ลลา สรุปก็คือถ้าอีหม่ามไม่อ่านบิสมิลลา(เราต้องมั่นใจว่าอีหม่ามไม่อ่าน)ผมก็ตามไม่ได้(กรณีที่ผมเป็นซาฟีอี)เพราะไม่เซาะในมัซฮับซาฟีอีครับ
แต่ในกรณีที่อีหม่ามอยู่มัซฮับอื่นแต่เขาให้เกียรติมะมูมซึ่งเขาคิดว่าส่วนมากนั้นเป็นซาฟีอีด้วยการอ่านบิสมิลละห์ในการเริ่มต้นฟาติฮะห์ก็ถือว่าเซาะครับ เพราะศาสนาต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อนครับ  ถ้าบกพร่องตรงไหนก็รบกวนผู้รู้แก้ และเตือนด้วยนะครับ ยังอ่อนเรียนอยู่ครับ ขอบคุณครับ วัสลาม

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
อ้างถึง
ونرى الصلاة خلف كل بر وفاجر من أهل القبلة ونصلي على من مات منهم . ولا ننزل أحدا منهم جنة ولا نارا . ولا نشهد عليهم بكفر ولا بشرك ولا بنفاق ما لم يظهر منهم شيء من ذلك. ونذر سرائرهم إلى الله تعالى. ولا نرى السيف على أحد من أمة محمد صلى الله عليه وسلم إلا من وجب عليه السيف .

อ้างอิง - http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,6338.msg85033.html#msg85033



ถ้าเรื่องฟิกฮฺ

มัซฮับฮะนะฟีย์ กับชาฟิอีย์ กำหนดเงื่อนไขในการละหมาดตามหลังคนที่ถือมัซฮับต่างกันว่า การละหมาดของอิหม่ามต้องใช้ได้ (เซาะฮฺ) ตามมัซฮับที่มะอฺมูมยึดถือ ฉะนั้นถ้าคนฮะนะฟีย์ละหมาดตามหลังคนชาฟิอีย์ที่มีเลือดไหลแล้วไม่อาบน้ำ ละหมาดใหม่หลังจากเลือดออก หรือคนชาฟิอีย์ละหมาดตามหลังคนฮะนะฟีย์ที่กระทบผู้หญิงมา เป็นต้น ก็ถือว่าละหมาดของมะอฺมูมใช้ไม่ได้ เป็นโมฆะ (บาฏิละฮฺ) เพราะมะอฺมูมเห็นว่าการละหมาดของอิหม่ามนั้นเป็นโมฆะ ฝ่ายฮะนะฟีย์เพิ่มเติมว่าการละหมาดตามหลังคนชาฟิอีย์นั้นเป็นมักรูฮฺ (อัดดุรฺมุคต๊าร 1/526)


ฝ่ายชาฟิอียะฮฺกล่าวว่า : ที่ดีที่สุด (อัฟฎ้อล) คือละหมาดตามหลังอิหม่ามที่เป็นคนชาฟิอีย์ ไม่ควรเป็นคนฮะนะฟีย์หรือคนในมัซฮับอื่น ๆ จากบุคคลที่ไม่เชื่อว่ารุก่นบางข้อหรือเงื่อนไขบางข้อเป็นวาญิบ ถึงแม้ว่าจะรู้แน่ชัดว่าผู้เป็นอิหม่ามต่างมัซฮับนั้นได้กระทำรุ่ก่นหรือ เงื่อนไขดังกล่าวก็ตาม เพราะทั้ง ๆ ที่ผู้เป็นอิหม่ามได้กระทำสิ่งดังกล่าว ทว่าเขาผู้นั้นก็ไม่เชื่อว่ารุ่ก่นบางข้อเป็นวาญิบ (อัลฮัฎร่อมี่ยะฮฺ หน้า 64)


ดังนั้นหากถือตามทัศนะที่ว่ามานี้ การละหมาดของคนชาฟิอีย์ตามหลังอิหม่ามที่ไม่อ่านบิสมิลละฮฺก่อนอ่านซูเราะ ฮฺอัลฟาติฮะฮฺก็ย่อมใช้ไม่ได้ เพราะคนชาฟิอีย์ถือว่าการอ่านฟาติฮะฮฺเป็นรุ่ก่น และบิสมิลลาฮฺเป็นอายะฮฺหนึ่งจากซูเราะฮฺอัลฟาติฮะฮฺ เมื่ออิหม่ามไม่อ่านบิสมิลลาฮฺ การละหมาดของอิหม่ามก็ย่อมใช้ไม่ได้ในทัศนะของมะอฺมูมที่เป็นคนชาฟิอีย์


ส่วนมัซฮับมาลิกีย์และฮัมบะลีย์ กล่าวว่า : สิ่งใดที่เป็นเงื่อนไขในการละหมาดใช้ได้ ก็ให้พิจารณาในเรื่องนั้นตามมัซฮับของอิหม่ามเท่านั้น ส่วนกรณีที่สิ่งนั้นเป็นเงื่อนไขในการปฏิบัติตาม (อิกฺติดาอฺ) ที่ใช้ได้ ก็ให้พิจารณาในเรื่องนั้นตามมัซฮับของมะอฺมูม (อัชชัรฮุซซ่อฆีร 1/444, อัลมุฆนีย์ 2/190, กัชชาฟุ้ลกินาอฺ 1/557-563)



อย่างไรก็ตามเรื่องการละหมาดตามหลังอิหม่ามที่ถือคนละมัซฮับเป็นเรื่อง ของทัศนะที่ก่อให้เกิดความแตกแยกกันในเรื่องการทำอิบาดะฮฺของคนที่ถือมัซฮับต่างกัน คนชาฟิอีย์ก็ไม่ตามคนฮะนะฟีย์ คนฮะนะฟีย์ก็ไม่ตามคนชาฟิอีย์จนบางครั้งต้องแยกมัสยิดกันละหมาดหรือในมัสยิด เดียวกัน ปรากฏว่ามีเมียะฮฺรอบและมิมบัรของแต่ละมัซฮับที่ต่างก็ละหมาดของใครของมัน ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดต่างก็เป็นมุสลิมที่ยึดถือตามแนวทางของอะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺเหมือนกัน ชะรอยทัศนะที่แบ่งแยกกันเช่นนี้เป็นผลมาจากการนิยมคลั่งไคล้ (ตะอัซซุบ) ในมัซฮับของตนที่เกินเลยและทำลายเอกภาพของประชาคมมุสลิมโดยรวม


นักวิชาการร่วมสมัย เช่น ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลีย์ จึงให้น้ำหนักกับการยึดถือตามแนวมัซฮับมาลิกีย์และฮัมบะลีย์ในส่วนแรก คือ ให้พิจารณาตามมัซฮับของอิหม่ามเท่านั้นเพราะเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลเป็นที่ สุด ดังนั้นการละหมาดตามหลังคนที่มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องข้อปลีกย่อยตาม มัซฮับจึงถือว่าใช้ได้ ไม่มักรูฮฺแต่อย่างใด



กล่าวคือ ให้พิจารณาตามมัซฮับของผู้เป็นอิหม่ามนำละหมาด ดังกรณีการไม่อ่านบิสมิลลาฮฺของอิหม่าม เมื่ออิหม่ามถือว่าใช้ได้ก็ย่อมใช้ได้ในการละหมาดตามหลังอิหม่ามคนดังกล่าว ถึงแม้ว่ามะอฺมูมจะถือว่า การละหมาดของอิหม่ามใช้ไม่ได้ตามมัซฮับของตนก็ตาม ทั้งนี้เพราะบรรดาซอฮาบะฮฺ บรรดาตาบิอีนและคนรุ่นหลังจากพวกท่านเหล่านั้นต่างก็ยังคงละหมาดตามหลังซึ่ง กันและกัน ทั้งที่มีความเห็นต่างกันในเรื่องข้อปลีกย่อย ซึ่งสิ่งดังกล่าวถือเป็นอิจญ์มาอฺและจะทำให้ความนิยมคลั่งไคล้ในมัซฮับสิ้น สุดลง (อัลฟิกฮุ้ลอิสลามีย์ ว่า อะดิลละตุฮู : ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลี่ย์ : เล่มที่ 2 หน้า 181)



ชัยคุ้ลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า : บรรดามุสลิมต่างก็เห็นพ้องกันว่าอนุญาตให้ละหมาดตามหลังซึ่งกันและกันได้ เหมือนอย่างที่บรรดาซอฮาบะฮฺ บรรดาตาบิอีน และชนรุ่นหลังจากอิหม่ามทั้ง 4 ต่างก็ละหมาดตามหลังซึ่งกันและกัน ผู้ใดปฏิเสธสิ่งดังกล่าว ผู้นั้นเป็นพวกอุตริกรรม หลงผิดและค้านกับกิตาบุลลอฮฺ, ซุนนะฮฺ และอิจญ์มาอฺของชาวมุสลิม


และแท้จริงในหมู่ซอฮาบะฮฺและชนรุ่นตาบิอีนตลอดจนกลุ่มชนรุ่นหลังพวกเขา มีคนที่อ่านบิสมิลลาฮฺ บางคนก็ไม่อ่านบิสมิลลาฮฺ ทั้ง ๆ อย่างนี้ พวกเขาก็ละหมาดตามหลังซึ่งกันและกัน เหมือนอย่างที่ อบูฮะนีฟะฮฺ (ร.ฮ.) และสานุศิษย์ของเขาและอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) และบุคคลอื่น ๆ ต่างก็เคยละหมาดตามหลังบรรดาอิหม่ามของชาวมะดีนะฮฺที่มาจากกลุ่มมาลิกียะฮฺ ถึงแม้ว่าบรรดาอิหม่ามเหล่านั้นจะไม่อ่านบิสมิลลาฮฺเลยไม่ว่าค่อยหรือดังก็ ตาม” (อ้างจากอัซเซาะฮฺวะฮฺ, อัลอิสลามียะฮฺ บัยนัลญุฮูด วัตตะฏ็อรฺรุฟ ; ดร.ยูซุฟ อัลกอรฎอวีย์ หน้า 174)



หากเข้าใจตามนี้ ก็จะไม่มีปัญหาข้อข้องใจใด ๆ ในการละหมาดตามหลังอิหม่ามที่ไม่อ่านบิสมิลลาฮฺหรืออิหม่ามที่เชื่อว่าการกระทบผู้หญิงไม่เสียน้ำละหมาด ฯลฯ และกรณีที่ตอบนี้ก็คงเพียงพอแล้วสำหรับรายละเอียดที่คุณถามมาทุกข้อ และเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงตามมัซฮับอัชชาฟิอีย์ก็ตาม เพราะถ้าถือตามทัศนะในมัซฮับอัชชาฟิอีย์ในเรื่องนี้ ก็จะมีปัญหาตามมาอย่างที่รู้กัน



والله أعلم


ที่มา - เว็บไซต์ อ.อาลี เสือสมิง


كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ MD

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 61
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
.





ถ้าเรื่องฟิกฮฺ

มัซฮับฮะนะฟีย์ กับชาฟิอีย์ กำหนดเงื่อนไขในการละหมาดตามหลังคนที่ถือมัซฮับต่างกันว่า การละหมาดของอิหม่ามต้องใช้ได้ (เซาะฮฺ) ตามมัซฮับที่มะอฺมูมยึดถือ ฉะนั้นถ้าคนฮะนะฟีย์ละหมาดตามหลังคนชาฟิอีย์ที่มีเลือดไหลแล้วไม่อาบน้ำ ละหมาดใหม่หลังจากเลือดออก หรือคนชาฟิอีย์ละหมาดตามหลังคนฮะนะฟีย์ที่กระทบผู้หญิงมา เป็นต้น ก็ถือว่าละหมาดของมะอฺมูมใช้ไม่ได้ เป็นโมฆะ (บาฏิละฮฺ) เพราะมะอฺมูมเห็นว่าการละหมาดของอิหม่ามนั้นเป็นโมฆะ ฝ่ายฮะนะฟีย์เพิ่มเติมว่าการละหมาดตามหลังคนชาฟิอีย์นั้นเป็นมักรูฮฺ (อัดดุรฺมุคต๊าร 1/526)


ฝ่ายชาฟิอียะฮฺกล่าวว่า : ที่ดีที่สุด (อัฟฎ้อล) คือละหมาดตามหลังอิหม่ามที่เป็นคนชาฟิอีย์ ไม่ควรเป็นคนฮะนะฟีย์หรือคนในมัซฮับอื่น ๆ จากบุคคลที่ไม่เชื่อว่ารุก่นบางข้อหรือเงื่อนไขบางข้อเป็นวาญิบ ถึงแม้ว่าจะรู้แน่ชัดว่าผู้เป็นอิหม่ามต่างมัซฮับนั้นได้กระทำรุ่ก่นหรือ เงื่อนไขดังกล่าวก็ตาม เพราะทั้ง ๆ ที่ผู้เป็นอิหม่ามได้กระทำสิ่งดังกล่าว ทว่าเขาผู้นั้นก็ไม่เชื่อว่ารุ่ก่นบางข้อเป็นวาญิบ (อัลฮัฎร่อมี่ยะฮฺ หน้า 64)


ดังนั้นหากถือตามทัศนะที่ว่ามานี้ การละหมาดของคนชาฟิอีย์ตามหลังอิหม่ามที่ไม่อ่านบิสมิลละฮฺก่อนอ่านซูเราะ ฮฺอัลฟาติฮะฮฺก็ย่อมใช้ไม่ได้ เพราะคนชาฟิอีย์ถือว่าการอ่านฟาติฮะฮฺเป็นรุ่ก่น และบิสมิลลาฮฺเป็นอายะฮฺหนึ่งจากซูเราะฮฺอัลฟาติฮะฮฺ เมื่ออิหม่ามไม่อ่านบิสมิลลาฮฺ การละหมาดของอิหม่ามก็ย่อมใช้ไม่ได้ในทัศนะของมะอฺมูมที่เป็นคนชาฟิอีย์


ส่วนมัซฮับมาลิกีย์และฮัมบะลีย์ กล่าวว่า : สิ่งใดที่เป็นเงื่อนไขในการละหมาดใช้ได้ ก็ให้พิจารณาในเรื่องนั้นตามมัซฮับของอิหม่ามเท่านั้น ส่วนกรณีที่สิ่งนั้นเป็นเงื่อนไขในการปฏิบัติตาม (อิกฺติดาอฺ) ที่ใช้ได้ ก็ให้พิจารณาในเรื่องนั้นตามมัซฮับของมะอฺมูม (อัชชัรฮุซซ่อฆีร 1/444, อัลมุฆนีย์ 2/190, กัชชาฟุ้ลกินาอฺ 1/557-563)



อย่างไรก็ตามเรื่องการละหมาดตามหลังอิหม่ามที่ถือคนละมัซฮับเป็นเรื่อง ของทัศนะที่ก่อให้เกิดความแตกแยกกันในเรื่องการทำอิบาดะฮฺของคนที่ถือมัซฮับต่างกัน คนชาฟิอีย์ก็ไม่ตามคนฮะนะฟีย์ คนฮะนะฟีย์ก็ไม่ตามคนชาฟิอีย์จนบางครั้งต้องแยกมัสยิดกันละหมาดหรือในมัสยิด เดียวกัน ปรากฏว่ามีเมียะฮฺรอบและมิมบัรของแต่ละมัซฮับที่ต่างก็ละหมาดของใครของมัน ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดต่างก็เป็นมุสลิมที่ยึดถือตามแนวทางของอะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺเหมือนกัน ชะรอยทัศนะที่แบ่งแยกกันเช่นนี้เป็นผลมาจากการนิยมคลั่งไคล้ (ตะอัซซุบ) ในมัซฮับของตนที่เกินเลยและทำลายเอกภาพของประชาคมมุสลิมโดยรวม


นักวิชาการร่วมสมัย เช่น ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลีย์ จึงให้น้ำหนักกับการยึดถือตามแนวมัซฮับมาลิกีย์และฮัมบะลีย์ในส่วนแรก คือ ให้พิจารณาตามมัซฮับของอิหม่ามเท่านั้นเพราะเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลเป็นที่ สุด ดังนั้นการละหมาดตามหลังคนที่มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องข้อปลีกย่อยตาม มัซฮับจึงถือว่าใช้ได้ ไม่มักรูฮฺแต่อย่างใด



กล่าวคือ ให้พิจารณาตามมัซฮับของผู้เป็นอิหม่ามนำละหมาด ดังกรณีการไม่อ่านบิสมิลลาฮฺของอิหม่าม เมื่ออิหม่ามถือว่าใช้ได้ก็ย่อมใช้ได้ในการละหมาดตามหลังอิหม่ามคนดังกล่าว ถึงแม้ว่ามะอฺมูมจะถือว่า การละหมาดของอิหม่ามใช้ไม่ได้ตามมัซฮับของตนก็ตาม ทั้งนี้เพราะบรรดาซอฮาบะฮฺ บรรดาตาบิอีนและคนรุ่นหลังจากพวกท่านเหล่านั้นต่างก็ยังคงละหมาดตามหลังซึ่ง กันและกัน ทั้งที่มีความเห็นต่างกันในเรื่องข้อปลีกย่อย ซึ่งสิ่งดังกล่าวถือเป็นอิจญ์มาอฺและจะทำให้ความนิยมคลั่งไคล้ในมัซฮับสิ้น สุดลง (อัลฟิกฮุ้ลอิสลามีย์ ว่า อะดิลละตุฮู : ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลี่ย์ : เล่มที่ 2 หน้า 181)



ชัยคุ้ลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า : บรรดามุสลิมต่างก็เห็นพ้องกันว่าอนุญาตให้ละหมาดตามหลังซึ่งกันและกันได้ เหมือนอย่างที่บรรดาซอฮาบะฮฺ บรรดาตาบิอีน และชนรุ่นหลังจากอิหม่ามทั้ง 4 ต่างก็ละหมาดตามหลังซึ่งกันและกัน ผู้ใดปฏิเสธสิ่งดังกล่าว ผู้นั้นเป็นพวกอุตริกรรม หลงผิดและค้านกับกิตาบุลลอฮฺ, ซุนนะฮฺ และอิจญ์มาอฺของชาวมุสลิม


และแท้จริงในหมู่ซอฮาบะฮฺและชนรุ่นตาบิอีนตลอดจนกลุ่มชนรุ่นหลังพวกเขา มีคนที่อ่านบิสมิลลาฮฺ บางคนก็ไม่อ่านบิสมิลลาฮฺ ทั้ง ๆ อย่างนี้ พวกเขาก็ละหมาดตามหลังซึ่งกันและกัน เหมือนอย่างที่ อบูฮะนีฟะฮฺ (ร.ฮ.) และสานุศิษย์ของเขาและอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) และบุคคลอื่น ๆ ต่างก็เคยละหมาดตามหลังบรรดาอิหม่ามของชาวมะดีนะฮฺที่มาจากกลุ่มมาลิกียะฮฺ ถึงแม้ว่าบรรดาอิหม่ามเหล่านั้นจะไม่อ่านบิสมิลลาฮฺเลยไม่ว่าค่อยหรือดังก็ ตาม” (อ้างจากอัซเซาะฮฺวะฮฺ, อัลอิสลามียะฮฺ บัยนัลญุฮูด วัตตะฏ็อรฺรุฟ ; ดร.ยูซุฟ อัลกอรฎอวีย์ หน้า 174)



หากเข้าใจตามนี้ ก็จะไม่มีปัญหาข้อข้องใจใด ๆ ในการละหมาดตามหลังอิหม่ามที่ไม่อ่านบิสมิลลาฮฺหรืออิหม่ามที่เชื่อว่าการกระทบผู้หญิงไม่เสียน้ำละหมาด ฯลฯ และกรณีที่ตอบนี้ก็คงเพียงพอแล้วสำหรับรายละเอียดที่คุณถามมาทุกข้อ และเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงตามมัซฮับอัชชาฟิอีย์ก็ตาม เพราะถ้าถือตามทัศนะในมัซฮับอัชชาฟิอีย์ในเรื่องนี้ ก็จะมีปัญหาตามมาอย่างที่รู้กัน



والله أعلم


ที่มา - เว็บไซต์ อ.อาลี เสือสมิง



ถ้าทุกคนเข้าใจตามนี้มุสลิมก็คงไม่ต้องแตกแยกกัน หรือไม่ต้องแยกสุหร่ากันอีก มัซฮับมีไว้ให้ตามไม่ได้ให้คลั่งใคล้ตาม รักกันไว้เถิดเราเกิดมามีพระเจ้า มีอัลกุรอาน มีศาสดาเดียวกัน อย่าทะเลาะกันเลย อย่าแบ่งแยกกันเลย อายซีแยเค้าหน่ะ

ผิดพลาดประการใดขอมาอัฟด้วยนะครับ

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
มัซฮับฮะนะฟีย์ กับชาฟิอีย์ กำหนดเงื่อนไขในการละหมาดตามหลังคนที่ถือมัซฮับต่างกันว่า การละหมาดของอิหม่ามต้องใช้ได้ (เซาะฮฺ) ตามมัซฮับที่มะอฺมูมยึดถือ ฉะนั้นถ้าคนฮะนะฟีย์ละหมาดตามหลังคนชาฟิอีย์ที่มีเลือดไหลแล้วไม่อาบน้ำ ละหมาดใหม่หลังจากเลือดออก หรือคนชาฟิอีย์ละหมาดตามหลังคนฮะนะฟีย์ที่กระทบผู้หญิงมา เป็นต้น ก็ถือว่าละหมาดของมะอฺมูมใช้ไม่ได้ เป็นโมฆะ (บาฏิละฮฺ) เพราะมะอฺมูมเห็นว่าการละหมาดของอิหม่ามนั้นเป็นโมฆะ ฝ่ายฮะนะฟีย์เพิ่มเติมว่าการละหมาดตามหลังคนชาฟิอีย์นั้นเป็นมักรูฮฺ (อัดดุรฺมุคต๊าร 1/526)


ฝ่ายชาฟิอียะฮฺกล่าวว่า : ที่ดีที่สุด (อัฟฎ้อล) คือละหมาดตามหลังอิหม่ามที่เป็นคนชาฟิอีย์ ไม่ควรเป็นคนฮะนะฟีย์หรือคนในมัซฮับอื่น ๆ จากบุคคลที่ไม่เชื่อว่ารุก่นบางข้อหรือเงื่อนไขบางข้อเป็นวาญิบ ถึงแม้ว่าจะรู้แน่ชัดว่าผู้เป็นอิหม่ามต่างมัซฮับนั้นได้กระทำรุ่ก่นหรือ เงื่อนไขดังกล่าวก็ตาม เพราะทั้ง ๆ ที่ผู้เป็นอิหม่ามได้กระทำสิ่งดังกล่าว ทว่าเขาผู้นั้นก็ไม่เชื่อว่ารุ่ก่นบางข้อเป็นวาญิบ (อัลฮัฎร่อมี่ยะฮฺ หน้า 64)


ดังนั้นหากถือตามทัศนะที่ว่ามานี้ การละหมาดของคนชาฟิอีย์ตามหลังอิหม่ามที่ไม่อ่านบิสมิลละฮฺก่อนอ่านซูเราะ ฮฺอัลฟาติฮะฮฺก็ย่อมใช้ไม่ได้ เพราะคนชาฟิอีย์ถือว่าการอ่านฟาติฮะฮฺเป็นรุ่ก่น และบิสมิลลาฮฺเป็นอายะฮฺหนึ่งจากซูเราะฮฺอัลฟาติฮะฮฺ เมื่ออิหม่ามไม่อ่านบิสมิลลาฮฺ การละหมาดของอิหม่ามก็ย่อมใช้ไม่ได้ในทัศนะของมะอฺมูมที่เป็นคนชาฟิอีย์

เราลองค้นคว้าจาำกตำราปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์หลายๆ เล่ม  เผื่อจะได้กระจ่างยิ่งขึ้นจากสิ่งที่ อ.อะลี ได้นำเสนอคร้าบ....
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

DekTani

  • บุคคลทั่วไป
อืม บางที น้อง ilham และ มุฮิบบะห์ อาาจะต้องเสียเงินหลักแสน ไปทำฮัจย์ ที่เมกกะ แล้วไปละหมาดคนเดียว หรือไม่ก็ ละหมาดกับกลุ่มมัซฮับฟิกฮ ชาฟีอีย อากีดะหฺอาชาอีเราะห  เพราะเชื่อว่า หรืออาจจะเชื่อว่ามักโกรห์บ้าง  ขยะแขยงบ้าง ไม่ละหมาดตามวะฮาบียฺ ที่มัสยิด ฮารอม  คิดแล้วเหนือย ......

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
อืม บางที น้อง ilham และ มุฮิบบะห์ อาาจะต้องเสียเงินหลักแสน ไปทำฮัจย์ ที่เมกกะ แล้วไปละหมาดคนเดียว หรือไม่ก็ ละหมาดกับกลุ่มมัซฮับฟิกฮ ชาฟีอีย อากีดะหฺอาชาอีเราะห  เพราะเชื่อว่า หรืออาจจะเชื่อว่ามักโกรห์บ้าง  ขยะแขยงบ้าง ไม่ละหมาดตามวะฮาบียฺ ที่มัสยิด ฮารอม  คิดแล้วเหนือย ......


ให้มูฮิบบัฮเป็นอีแมแล้วกันเนอะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ HerOoeS

  • Will be ดาอียฺ ดะอฺวะฮฺ إلى الله
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บังขอเป็นมะมูม อีกคน ไปปีไหน บอกด้วย
Will be ดาอียฺ ดะอฺวะฮฺ إلى الله

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
อย่างไรก็ตามเรื่องการละหมาดตามหลังอิหม่ามที่ ถือคนละมัซฮับเป็นเรื่อง ของทัศนะที่ก่อให้เกิดความแตกแยกกันในเรื่องการทำอิบาดะฮฺของคนที่ถือมัซฮับ ต่างกัน คนชาฟิอีย์ก็ไม่ตามคนฮะนะฟีย์ คนฮะนะฟีย์ก็ไม่ตามคนชาฟิอีย์จนบางครั้งต้องแยกมัสยิดกันละหมาดหรือในมัสยิด เดียวกัน ปรากฏว่ามีเมียะฮฺรอบและมิมบัรของแต่ละมัซฮับที่ต่างก็ละหมาดของใครของมัน ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดต่างก็เป็นมุสลิมที่ยึดถือตามแนวทางของอะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺเหมือนกัน ชะรอยทัศนะที่แบ่งแยกกันเช่นนี้เป็นผลมาจากการนิยมคลั่งไคล้ (ตะอัซซุบ) ในมัซฮับของตนที่เกินเลยและทำลายเอกภาพของประชาคมมุสลิมโดยรวม
 สลามครับ ผมขออนุญาติแสดงความเห็นครับ ผมขอแย้งข้อความนี้   
มุสลิมที่ยึดถือตามแนวทางของอะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺเหมือนกัน ชะรอยทัศนะที่แบ่งแยกกันเช่นนี้เป็นผลมาจากการนิยมคลั่งไคล้ (ตะอัซซุบ) ในมัซฮับของตนที่เกินเลยและทำลายเอกภาพของประชาคมมุสลิมโดยรวม
 จริงๆการตามมัซฮับเป็นวายิบ สำหรับคนเอาวามและผู้ที่มีความรู้ไม่ถึงตำแหน่ง มุจตะฮิด มุตตอลัก  (คือตำแหน่งที่สามารถนำเอาหลักฐานฮู่ก่ม กฎเกณร์( الاستنباط )จากอัลกุรอ่านและฮาดิษได้โดยตรง มีแค่ยุคประมาณ 300 ปี หลังฮิจเราะห์) นอกนั้นก็ต้องตามมัซฮับก็คือเอากฎเกณฑ์ ฮู่ก่ม จากผู้นำมัซฮับต่างๆ ซึ่งจริงๆมีมากกว่า 4 มัซฮับแต่ อิจเมาะห์อุลามาอฺในปี ฮิจเราะห์1200 ว่าให้เหลือแค่ 4     มัซฮับ ที่มัซฮูร ที่เหลือก็ต้องเข้ามัซฮับ 1ใน 4 ไม่อนุญาติให้ตักลีดตามในเวลาเดียวกัน 2 มัซฮับขึ้นไปتلفيق แต่สามารถเลือกตามมัซฮับได้ตามสะดวก
(ขออธิบายเพิ่ม
1 ตำแหน่งมุจตะฮิด มุตตอลัก สามารถอิสตินบัต จากอัลกุรอ่านและฮาดิษได้โดยตรง และฮารอมตักลีดตามมัซฮับอื่นๆ เช่น อีหม่าม ซาฟีอี  อีหม่ามฮานาฟี และอื่นๆ จาก 4 (จริงมีมากกว่า4มัซฮับแต่มัซฮับอื่น ลูกศิษย์น้อยและไม่ค่อยมีการแต่งกีตาบเลยหายไปตามเวลา)
2. ตำแหน่งมุจตะฮิด มัซฮับ สามารถ นำเอาฮูก่ม และกฎเกณฑ์ของ 4 อีหม่าม เช่น อีหม่าม المزني
3.ตำแหน่งมุจตะฮิด ฟัตวา สามารถพิจารณาให้น้ำหนัก กลุ่มต่างๆที่คิลาฟกัน เช่น  الرفعي  النواوي                 
 แม้กระทั่ง อีหม่าม อินนุ ฮายาร์ และเชครอมลี ยังตำแหน่งไม่ถึงมุจตะฮิด ฟัตวา เป็นแค่ ตักลีด ตามเท่านั้น(แต่ทั้งสองสามารถตัรเยียะห์บางมาซออาเลาะห์เท่านั้น))
        อุลามาอฺและคนเอาวามในยุคปัจจุบันนั้นยิ่งห่างไกลจากการที่จะนำเอา กฎเกณฑ์ ฮูก่ม โดยตรงจากอัลกุรอ่านและฮาดิษ เป็นเพียงตักลีดตามมัซฮับเท่านั้น แล้วถ้าจะถามว่า ตำแหน่ง มุจตะฮิด มุตตอลักนั้น ไม่สามารถมีได้ในยุคนี้หรือ ก็ตอบได้ว่ามุมกิน สามารถเป็นไปได้ถ้าผ่านกฎเกณฑ์ ที่เขา(อุลามาอฺ)กำหนดซึ่งมีมากมาย คือถ้ามี ข้อโต้แย้งใดๆสามารถนำเอาหะดิษ อัลกุรอ่าน มาตอบคำถามหรืออธิบายโดยไม่ต้องเปิดกีตาบใดๆ เลยเพราะไม่สามารถตักลีดได้(ฮารอม)สำหรับผู้ที่อยู๋ตำแหน่งนี้ สามารถจำอัลกุรอ่าน และฮาดิษ และสายรายงานและอื่นๆอีกมาก อีหม่ามอินนุฮายาร์ อีหม่ามนาวาวี อีหม่ามรอฟีอี ยังไม่ถึงตำแหน่งนี้เลย แล้วอุลามาอฺปัจจุบันมั่นใจหรือ
 สรุป มุสลิมอลิสสุนนะห์วัลยามาอะห์ ไม่ได้คลั่งไคล้ ตามมัซฮับ แต่วายิบตามมัซฮับซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสะดวก แต่ต้องเรียนฮุ่ก่มซาเราะห์ต่างๆ ของมัซฮับนั้นๆ ประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในมัซฮับซาฟีอี อุลามาอฺส่วนใหญ่ก็สอนฮูก่มเฉพาะซาฟีอี แต่จะเรียนมัซฮับอื่นๆ ก็พอมีบ้าง และการละหมาดตามผู้เป็นอีหม่ามมัซฮับอื่นๆไม่ลำบากเลยก็แค่ตักลีดตามมัซฮับแค่นั้น แต่ต้องรู้ฮู่ก่มเฉพาะอิบาดะห์นั้นๆ เช่นการละหมาดก็เรียนรู้ฮูก่มละหมาดแล้วเหนียตตักลีดตามก็ตามอีหม่ามได้ ทุกมัซฮับไม่ได้วายิบสังกัดมัซฮับชั่วชีวิตโดยไม่สามารถตามมัซฮับอื่นได้เลย เพียงแต่ประเทศไทยส่วนใหญ่ซาฟีอียะห์ เขาก็สอนซาฟีอี แต่กรณีไปทำฮัจย์ที่มักกะห์นั้นในตอวาฟ อุลามาอฺก็สอนตักลีดตามมัซฮับฮานาฟี เพื่อสะดวกในการตอวาฟไม่ต้องอาบน้ำละหมาดบ่อยๆ เพราะกระทบผู้หญฺิง แล้วจริงๆมัซฮับมีมาตั้ง 1100 กว่าปีแล้วฉะนั้นมุสลิมไม่ได้แตกแยกเพราะมัซฮับหรอกครับแต่แตกแยกกันเพราะอะไร ?
 แล้วการแยกมัสยิดนั้นน่าจะรู้กันแล้วว่าใครเป็นคนแยก แล้วแยกเมื่อไร แต่แน่ๆ ไม่ได้แยกกันเมื่อเกิดมัซฮับใหม่ๆหรอกครับเพราะเวลานั้นก็ 1100 กว่าปีแล้วครับ วัสลาม

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
อืม บางที น้อง ilham และ มุฮิบบะห์ อาาจะต้องเสียเงินหลักแสน ไปทำฮัจย์ ที่เมกกะ แล้วไปละหมาดคนเดียว หรือไม่ก็ ละหมาดกับกลุ่มมัซฮับฟิกฮ ชาฟีอีย อากีดะหฺอาชาอีเราะห  เพราะเชื่อว่า หรืออาจจะเชื่อว่ามักโกรห์บ้าง  ขยะแขยงบ้าง ไม่ละหมาดตามวะฮาบียฺ ที่มัสยิด ฮารอม  คิดแล้วเหนือย ......


มักโระฮ์ไม่ใช่หมายถึงขยะแขยง แต่หมายถึง ทำก็ได้ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ทำย่อมดีกว่า  แต่ขยะแขยงนั้น อยู่ในความหมายฮะรอมไปแล้ว ไม่ใช่มักโระฮ์...

อิม่ามมัสยิดฮะรอมที่ประชาคมโลกอิสลามเป็นเจ้าของนั้น พวกเราและประชาคมส่วนใหญ่ของโลกไม่ได้เลือกวะฮาบีมาเป็นอิม่ามมัสยิด  แต่รัฐบาลซาอุฯและอุลามาอฺวะฮาบีเท่านั้นที่เลือก  ก็ทำไงได้ละ่  ก็ต้องละหมาดตาม แต่ถ้าให้ประคมโลกอิสลามเลือกอิหม่ามมัสยิดฮะรอม  วะฮาบีไม่ได้เป็นอิหม่ามมัสยิดฮะรอมหรอก...

ในยุคค่อลีฟะฮ์อิสลามียะฮ์อุษมาีนียะฮ์  ลูกหลานนบีมุฮัมมัด บิน อับดุลลอฮ์ ได้เป็นอิม่ามมัสยิดฮะรอม  แต่เมื่อระบบค่อลีฟะฮ์หมดบทบาทลงไป  วะฮาบีชูคอขึ้นมาได้อีกครั้งด้วยการสนับสนุนจากอังกฤษ  ลูกหลานของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ จึงมีความสามารถก็เข้ามามีบทบาทในการจัดเลือกอิม่ามมัสยิดฮะรอม

สรุปคือ ละหมาดตามวะฮาบีนั้นละหมาดใช้ได้ แต่มักโระฮ์...เท่านั้นเอง  ที่มักโระฮ์ไม่ใช่เพราะเรื่องของฟิกห์แต่เป็นเรื่องของอะกีดะฮ์...

อิม่ามอันนะวาวีกล่าวว่า...

قد ذكرنا أن من يكفر ببدعته لا تصح الصلاة وراءه ومن لا يكفر تصح فممن يكفر من يجسم تجسيما صريحا

"แท้จริงเราได้กล่าวมาแล้วว่า  ผู้ที่กุฟุรด้วยบิดอะฮ์ของเขานั้น  ละหมาดตามหลังเขาใช้ไม่ได้ และผู้ที่ไม่กุฟุร(ด้วยกับบิดอะฮ์ของเขา) ละหมาดตามถือว่าใช้ได้  ดังนั้นส่วนหนึ่งจากผู้ที่กุฟุร คือผู้ที่เชื่ออย่างชัดเจนถึงการมีรูปร่างของอัลลอฮ์(แต่วะฮาบีไม่บอกอย่างชัดเจนโดยบออกว่ามีรูปร่างแต่ไม่เหมือนมัคโลค ปราชญ์ส่วนใหญ่บอกว่าบิดอะฮ์เท่านั้นไม่ถึงขั้นกุฟุร)..." หนังสืออัลมัจญ์มั๊วะอฺ 4/253
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ Fathoni

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Kid d Tum d อัลลอฮฺรู้
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อืม บางที น้อง ilham และ มุฮิบบะห์ อาาจะต้องเสียเงินหลักแสน ไปทำฮัจย์ ที่เมกกะ แล้วไปละหมาดคนเดียว หรือไม่ก็ ละหมาดกับกลุ่มมัซฮับฟิกฮ ชาฟีอีย อากีดะหฺอาชาอีเราะห  เพราะเชื่อว่า หรืออาจจะเชื่อว่ามักโกรห์บ้าง  ขยะแขยงบ้าง ไม่ละหมาดตามวะฮาบียฺ ที่มัสยิด ฮารอม  คิดแล้วเหนือย ......


อิม่ามมัสยิดฮะรอมที่ประชาคมโลกอิสลามเป็นเจ้าของนั้น พวกเราและประชาคมส่วนใหญ่ของโลกไม่ได้เลือกวะฮาบีมาเป็นอิม่ามมัสยิด  แต่รัฐบาลซาอุฯและอุลามาอฺวะฮาบีเท่านั้นที่เลือก  ก็ทำไงได้ละ่  ก็ต้องละหมาดตาม แต่ถ้าให้ประคมโลกอิสลามเลือกอิหม่ามมัสยิดฮะรอม  วะฮาบีไม่ได้เป็นอิหม่ามมัสยิดฮะรอมหรอก...

ในยุคค่อลีฟะฮ์อิสลามียะฮ์อุษมาีนียะฮ์  ลูกหลานนบีมุฮัมมัด บิน อับดุลลอฮ์ ได้เป็นอิม่ามมัสยิดฮะรอม  แต่เมื่อระบบค่อลีฟะฮ์หมดบทบาทลงไป  วะฮาบีชูคอขึ้นมาได้อีกครั้งด้วยการสนับสนุนจากอังกฤษ  ลูกหลานของมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ จึงมีความสามารถก็เข้ามามีบทบาทในการจัดเลือกอิม่ามมัสยิดฮะรอม


ขอแสดงความเห็นบ้างนะครับ

เรื่องถ้าไปมักกะฮฺจะละหมาดตามอีหม่ามได้ไหม

ตอบว่า ได้ครับ ส่วนเหตุผลก็คล้าย ๆ กับ Zaleek ครับ

ก็คือเราสามารถละหมาดตามอีหม่ามที่รัฐบาล หรือผู้ปกครองเป็นคนแต่งตั้งได้ครับ

และมักกะฮฺ หรือมาดีนะฮฺก็อยู่ในเงื่อนไขนี้ครับอีหม่ามนำละหมาดรัฐบาลซาอุเป็นคนเลือกสรรมาให้เป็นครับ ไม่ใช่ว่าตาสี ตาสาใครจะขึ้นไปก็ได้ครับ

ถ้าใครที่ฟังมลายูได้ลองฟังที่บาบอแอ สปันยัง บรรยายเรื่องละหมาดดูครับ (หมวดตอบคำถาม) มีเรื่องนี้อยู่ครับ

***อืม บางที น้อง ilham และ มุฮิบบะห์ อาจะต้องเสียเงินหลักแสน ไปทำฮัจย์ ที่เมกกะ แล้วไปละหมาดคนเดียว หรือไม่ก็ ละหมาดกับกลุ่มมัซฮับฟิกฮ ชาฟีอีย อากีดะหฺอาชาอีเราะห *** น่าจะกระจ่างนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 11, 2010, 01:59 PM โดย Fathoni »
อิสลามสอนฉันให้รู้จักเสียสละเพื่อสังคม แม้สังคมจะจำสิ่งที่ฉันทำไม่ได้เลย

ฉันไม่เคยท้อที่จะทำมันต่อเพราะรู้ว่าอัลลอฮฺจะอยู่ข้างฉัน จะไม่ทิ้งฉันแน่นอน ...

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
เกี่ยวกับการละหมาดตามหลังอิมามที่ยึดมัฑฮับต่างจากเรานั้น อาจารย์ท่านหนึ่งที่ผมเคยเรียนกับท่านที่อินโดเนเซียแกสอนว่า มัฑฮับของมะมูมในขณะละหมาดก็คือให้ยึดมัฑฮับของอิมามนั่นเอง พูดง่ายๆ คือ อิมามทำอย่างไร เราก็ทำตาม แม้เราจะยึดในบางข้อที่ต่างจากอิมามก็ตาม เพราะอิมามมีไว้ให้ตาม และไม่อนุญาตให้มะมูมกระทำในสิ่งที่ค้านกับอิมาม ซึ่งผมเห็นด้วยกับสิ่งที่อาจารย์ท่านนี้บอกครับ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกันนั่นเอง เพราะทุกมัฑฮับก็ล้วนแต่อ้างมาจากกิตาบุลลอฮฺและอัสสุนนะฮ์ทั้งสิ้น - วัลลอฮุอะอ์ลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged