ผู้เขียน หัวข้อ: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!!  (อ่าน 4832 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ poochayser

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 3
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

ช่วยทีนะผู้รู้ทั้งหลาย

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
เรื่องการมีแฟน จะระบุหุกุมว่าหะรอมทันที ก็คิดว่าอาจจะไม่ได้เสียทีเดียว แต่ว่าไปแล้ว ผลเสียคิดว่ามีมากกว่า งง
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio

อย่างแรกก็ต้องถามตัวเองก่อนแล้วละ

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
เพราะนัฟซูมักจะโอนเอียงไปทางบาปเสมอนะสิ
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน ?  ::) ::) ::)

almuminoon

  • บุคคลทั่วไป
ช่วยทีนะผู้รู้ทั้งหลาย


ถามว่า มีเเฟนเป็นบาปใหญ่ไหม 
 
             คำตอบ เป็นบาปแน่นอน ทั้งนี้จะเป็นบาปใหญ่นั้น ก็ต่อเมื่อได้กระทำในสิ่งที่ศาสนาเรียกว่าเป็นบาปใหญ่ เช่น การร่วมประเวณีกัน หรือการกระทำที่ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าในความผิดนั้นๆอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ก็อาจถึงขั้นเป็นการกระทำความผิดที่เป็นบาปใหญ่ โดยสาเหตุหลักของการที่ชายหรือหญิงนั้น จะมีความผิดข้างต้นนี้ อันเนื่องจากการที่เค้าทั้งสองได้ตกลงปลงใจคบกันอย่างที่เค้าเรียกว่า แฟน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ย่อมเป็นการฝ่าฝืนซึ่งหลักการอิสลาม ในเรื่องของการที่อิสลามสั่งใช้ สั่งห้ามให้ชายหรือหญิงได้กระทำสิ่งเหล่านี้
 
ยกตัวอย่างหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องข้างต้นนี้ เช่น
 
             อัลลอฮ(ซ.บ)ทรงตรัสไว้ ซึ่งมีใจความว่า"และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการลามกและทางอันชั่วช้า""[17:32]

          อายะฮข้างต้นนี้ นักวิชาการตัฟซีรได้อธิบายไว้ว่า สื่อใดหรือการกระทำใดก็ตามที่ทำให้คนหนึ่งคนใด อาจจะนำไปสู่การกระทำความผิดในลำดับความผิดต่อไป สิ่งๆนั้น ย่อมมิอาจเข้าใกล้เป็นอันขาด ต้องหลีกเลี่ยงให้พ้น ซึ่งหากเข้าใกล้ย่อมเป็นผู้ที่ฝ่าฝืนแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ ย่อมนำมาซึ่งความผิดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง
 
           ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวไว้ว่า " لا يخلون رجل بامرأة إلا كان ثالثهما الشيطان " ความว่า "ไม่อนุญาตให้ชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่กันตามลำพัง ยกเว้นชัยฏอนจะเป็นบุคคลที่สาม" (บันทึกหะดีษโดยติรฺมิซีย์)
 
           ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " لأن يطعن في رأس أحدك بمخيط من حديد خير له من أن يمس امرأة لا تحل له " ความว่า "การที่บุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่านถูกเหล็กแหลมทิ่มที่ศีรษะ (ของพวกท่าน) ยังดีกว่าการที่จะไปสัมผัสสตรีที่นางไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับเขา (หมายถึงผู้หญิงที่แต่งงานกับเขาได้)" (บันทึกโดยอัฏเฏาะบะรอนีย์,อัลบัยหะกีย์)
 
           ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " การมองสตรีโดยมิได้ตั้งใจถือว่าไม่มีความผิด แต่หากมองซ้ำอีก (เป็นครั้งที่สอง) ถือว่ามีความผิด " (บันทึกโดยติรมิซีย์)
 
            ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " การทำซินา (การละเมิดประเวณี) ทางสายตา คือการมอง(สิ่งหะรอม) "(บันทึกโดยติรมิซีย์)
 
            ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " "ดวงตาทั้งสองทำซินา กล่าวคือ การทำซินาของดวงตา คือการมอง " (บันทึกโดยบุคอรีย์)

            หะดีษข้างต้นเป็นการบ่งชี้ว่า ศาสนาไม่อนุญาตมองเพศตรงข้ามโดยซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยหาเหตุจำเป็นใดๆไม่ได้ หรือการเข้าใกล้อยู่กันสองต่อสอง หรือสิ่งที่เป็นสื่อใดก็ตามที่จะนำไปสู่ความผิด ศาสนายังไม่อนุญาตเลย แล้วหากเป็นการกระทำที่หนุ่มสาวปัจจุบันได้กระทำไว้ที่ถูกเรียกว่า "แฟน"  ย่อมมีความผิดดั่งหลักฐานที่อ้างอิงไว้ข้างต้นเป็นไหนๆ
 
-----------------------
 
 
เเล้วจะทำยังไงดีกับความรู้สึกเเบบนี้ 
 
           ก็ให้พิจาณาถึงการเลือกคู่ครองตามที่หลักการอิสลามได้กำหนดไว้ อันเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เรานั้นเลือกที่จะคบกับใครสักคนนึง ซึ่งอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดที่ว่า ต้องคบกันก่อนแล้วค่อยแต่งหรือ หากไม่คบแล้ว จะรู้นิสัย ใจคอได้อย่างไร จะแต่งกันได้อย่างไร
 
ลองพิจารณานี้ดู
 
       การเลือกคู่ครองในอิสลามศาสนามีบทบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนครับ,
 
             1.การเลือกคู่ครองเราไม่รู้ว่าเธอจะมีนิสัยอย่างไรทั้งต่อหน้าและลับหลัง ? แม้ว่าศาสนาไม่มีระบบแฟนก็ตามแต่หลักการของศาสนาดีกว่าและชัดเจน,เป็นจริงกว่าระบบแฟนหลายร้อยเท่าครับ
             ประการแรก หากเราชอบพอสตรีมุสลิมคนใดก็ตาม ให้เราเข้าไปสอบถามพ่อแม่ของนาง เช่น นางมีนิสัยอย่างไร ? เรื่องศาสนาปฏิบัติเคร่งครัดหรือไม่ ? มีข้อเสีย หรือข้อตำหนิอย่างไร ? อาทิเช่น เป็นคนขี้เกียจ,เป็นคนไม่ขยัน,เป็นคนไม่ค่อยรักษาความสะอาดหรือไม่? เป็นต้น, รวมทั้งศาสนายังสงเสริมให้ถามพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของนางเกี่ยวกับสิ่งตำหนิตามร่างกาย เช่น นางมีข้อตำหนิอะไรบ้าง ? เช่นนางอาจมีปานสีแดงตรงบริเวณหัวเข่า, นางมีแผลเป็นบริเวณหน้าท้อง เป็นต้น,
             ครั้นเมื่อฝ่ายชายมาถามพ่อแม่ หรือผู้ปกครองฝ่ายหญิงแล้ว วาญิบที่พ่อแม่ หรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิงจะต้องตอบคำถามตามความเป็นจริง แม้ว่าโรคที่สังคมรังเกียจก็ต้องบอกให้แก่ฝ่ายชายรู้นะครับ ทั้งนี้เพื่อให้ฝ่ายชายกลับไปพิจารณาว่าจะรับข้อบกพร่องของนางได้หรือไม่ ?
 
             ฉะนั้นข้อมูลของฝ่ายหญิงจึงถูกต้องค่อนข้าง 100 % เพราะคนที่รู้จักผู้หญิงที่เราจะอยู่กินกับนางในอนาคตคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของนางเป็นแน่ (แนวทางนี้ส่งเสริมให้ฝ่ายหญิงหาข้อมูลจากพ่อแม่ของฝ่ายชายที่มาสู่ขอเช่นกัน),
 
             นี่ถ้าเป็นระบบแฟนต่างก็โกหกนิสัยซึ่งกันและกัน เพราะต่างคนต่างต้องโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งพึงพอใจตนเอง, แต่อิสลามกลับบอกสิ่งที่เหนือกว่าและยอดเยี่ยมกว่านะครับ
 
             ประการที่สอง ภายหลังที่เราสอบถามพ่อแม่หรือผู้ปกครองของนางแล้วท่านรสูลุลลอฮฺยังสั่งให้พิจารณาเพื่อนสนิทของสตรีที่จะไปสู่ขอ เพราะอะไร เนื่องหากเพื่อนสนิทของนางเป็นคนดีมีศาสนาแล้วละก้อ นางก็เป็นคนดีมีศาสนาเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนอันธพาลก็มักจะมีเพื่อนเป็นคนอันธพาลด้วยกัน หรือคนติดยาเสพติดก็มักจะอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ติดยาเสพติดเหมือนกัน ซึ่งท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "บุคคลหนึ่งอยู่บนศาสนาของเพื่อนของเขา ดังนั้นท่านจงพิจารณาบุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่านจากบุคคลที่เป็นเพื่อนของเขาเถิด" (บันทึกโดยอบูดาวูด และติรฺมิซีย์),
หุกุมนี้สั่งใช้ให้ฝ่ายหญิงพิจารณาเพื่อนของผู้ชายที่มาสู่ขอเช่นกัน
 
             2. ส่วนเราจะเข้ากับครอบครัวของนางได้หรือไม่? หรือนางจะเข้ากับครอบครัวของเราได้หรือไม่นั้นไม่ใช่ประเด็นครับ, ประเด็นอยู่ที่เราเป็นบุคคลที่มีศาสนาหรือเปล่า ? (หรือนางมีศาสนาหรือเปล่า?), หากเราไม่มีศาสนา นั่นก็หมายรวมว่าการอยู่ด้วยกันก็เกิดปัญหา ตัวอย่างเช่น ภายหลังที่เราแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งเราก็ย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับนางซึ่งเป็นบ้านที่มีพ่อแม่ของนางร่วมอยู่ด้วย, รุ่งเช้าที่บ้านของนางตื่นนมาซศุบหฺ แต่เราไม่ตื่นนมาซศุบหฺเช่นนี้ก็เกิดปัญหาอย่างแน่นอน
 
             ดังนั้นสิ่งที่ผมเคยตอบไปแล้วนั้น คือศาสนาส่งเสริมให้เลือกคู่ครองของเราที่มีศานาเป็นอันดับแรก อินชาอัลลอฮฺปัญหาจะไม่เกิดขึ้นภายหลังนะครับ อนึ่ง หากคุณต้องการรู้เกี่ยวกับการเลือกคู่ครองอย่างละเอียดแนะนำให้คุณอ่านหนังสือของผมที่ชื่อ "การเลือกคู่ครอง" นะครับ วัลลอฮุอะอฺลัมบิศเศาะวาบ, วัสสลาม

...............

ออฟไลน์ leeoe

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
almuminoon
ขอบคุณครับ ส่วนตัวก็ไม่มีใครเหลี่ยวแลผมอยู่แล้วครับก็เลย ไม่ค่อยคิดไรมากมาย

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน ?  ::) ::) ::)

มีกิ๊กได้ 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ZikR

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 58
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
ก็คนส่วนใหญ่มัก(ยัง)ยอมให้จิตใจพันธนาการกับอารมณ์นัฟซู(อารมณ์ใฝ่ต่ำ)อยู่ไงล่ะจ้ะ !!

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ก็คนส่วนใหญ่มัก(ยัง)ยอมให้จิตใจพันธนาการกับอารมณ์นัฟซู(อารมณ์ใฝ่ต่ำ)อยู่ไงล่ะจ้ะ !!

พูดไปก็อย่าให้เข้าตัวเองแล้วกันเนอะ 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
แม้บางคนจะอ้างเหตุสารพัดว่า การมีแฟนมีผลดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่น้อยคนนักที่จะคงมั่นกับสัญญา หรืออยู่ในกรอบที่ไม่ก้าวข่ายต่อกันจนทำให้ผิดหลักศาสนา ซึ่งหากดูจากผลของการมีแฟนในปัจจุบัน จนแม้กระทั่งในหมู่มุสลิมกันเองนั้น ก็มักจะลงเอยด้วยสิ่งที่ผิดหลักศาสนา ซึ่งก็มีทั้งที่ผิดในระดับเล็กจนกระทั่งผิดในระดับใหญ่ จนกลายเป็นปัญหาสังคมประการที่ทุกฝ่ายต่างก็หนักใจ

        ประกอบกับสภาพแวดล้อมความเป็นจริงนั้น สิ่งยั่วยุที่ทำให้การคบแฟนต้องลงเอยด้วยสิ่งที่ผิดศาสนานั้น ค่อนข้างจะมีอยู่อย่างมากมายและใกล้ตัวเสียยิ่งผิวหนังกับกระดูกเสียอีก เพราะสิ่งสำคัญที่ทำให้คนเรายอมกระทำความผิดได้นั้น นั่นก็คือการถูกสิ่งยั่วยุบางประการครอบงำ "ความคิด" ของตนนั่นเอง ซึ่งสิ่งยั่วยุนั้นก็สิ่งสถิตอยู่ในตัวเรานี่แหละ เข้าไปในความคิดของเราเสียแล้ว มันไม่ใช่อยู่ใกล้ แต่มันอยู่ในตัวเรา ความคิดของเรา และโปรดระวังเถิด เมื่อชายหญิงอยู่ด้วยกันเพียงสองคนหรือปะปนกัน สมาชิกที่จะร่วมด้วยก็คือชัยฏอน ซึ่งหน้าที่ของมันมีอะไรนั้น เราทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว - วัลลอฮุอะอ์ลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 14, 2010, 01:07 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ส่วนตัวคิดว่า   เป็นแฟนกันได้นะ   ต่างคนต่างให้กำลังใจกันและกัน เป็นเสมือนน้ำอ้อยชโลมหัวใจ   loveit:
สำคัญ...ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของศาสนา
แต่เมื่อวันหนึ่ง ความรู้สึกมันมากเกินกว่าที่จะซอบัรกับนัฟซูได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ให้เราหยุด   แล้วคิด  ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ...
หากมั่นใจว่าเขาหรือเธอคือคนที่ใช่  แล้วเราไม่อาจหักห้ามใจในการทำอะไรๆที่ไม่ควรทำ
ก็ในเมื่อความรู้สึกมันเอ่อล้นกับความรักของกันและกัน อยากอยู่เคียงข้างกัน และที่สำคัญ เราสองคนไม่อยากทำผิด  
เป็นแฟนกัน ได้ศึกษานิสัยกันและกันมา  ความผูกพันธ์มันมี  แบบว่า ขาดเธอว์แล้วฉันคงขาดใจ
แบบนี้  แต่งงานคือทางออกที่ดีที่สุดค่ะ    myGreat:
ไม่ต้องรออะไรให้พร้อมมากมาย แค่ปรึกษาผู้ใหญ่ บอกเหตุผลให้เขารับฟัง โดยเฉพาะเหตุผลทางศาสนา
ทุกอย่างมีอุปสรรคก็จริง แต่เราต้องเอาศาสนามาเป็นที่ตั้ง  อย่าเอานัฟซูเหนืออิหม่าน อันนี้เตือนทั้งเราและผู้ใหญ่ที่เราไปปรึกษาค่ะ
วันนี้ยังไม่พร้อม  อดทนอีกหน่อยได้ไหม ถ้าไม่ได้ แต่งดีกว่านะคะ  รอไม่ไหวแล้วล่ะค้าบบบ yippy:
ถ้าว่าเราอดทนกับนัฟซูได้  อัลฮัมดุลิลละฮ์  กำหนดการณ์ของอัลลอฮ์ตะอาลาต้องมีมาอย่างแน่นอน
คนเป็นผู้ใหญ่ก็เช่นกันควรมีเหตุผล   ลูกหลานมาปรึกษาว่ามีแฟนอยากแต่งงาน  (แบบว่า คนนี้จริงจังมากๆแล้ว ที่ผ่านมาทั้งสิบคนนั้นมันไม่ใช่) oh:
ผู้ใหญ่รู้ทั้งรู้ว่าความรู้สึกของวัยหนุ่มสาวมันเหมือนภูเขาไฟที่รอปะทุ Oops:
จะให้ห่างกัน แล้วตั้งหน้าเรียนให้จบ ก็กระไรอยู่ (ถ้าคู่รักทำได้ ก็ไม่มีตัณหา เอ้ย ปัญหา)
แต่ส่วนใหญ่ยากมากๆค่ะ  คือพวกเขาสองคนก้าวข้ามอะไรเด็กๆไปแล้ว พวกเขามีความรู้สึกที่คนเป็นผู้ใหญ่ก็เข้าใจดี
แต่ผู้ใหญ่มองข้ามไป  อะไรๆถึงได้เละเทะเช่นทุกวันนี้   sad:

อูย...ยาวจัง ไม่รู้จะต้องกับหัวข้อมั้ย  ::)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 13, 2010, 09:38 PM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ห่างกัน ก็หาใหม่แลก๊ะ 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ tatcha_jah ~♪

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 341
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
สมัยตอนดิฉันเด็กๆ...คนที่มีแฟน(โดยไม่ได้แต่งงาน)จะโดนประณาม
ผู้หญิงที่ออกตัวว่ามีแฟนแล้ว(โดยไม่ได้แต่งงาน)จะถูกตีตราว่าหน้าด้าน
ดาราที่เป็นพระเอกนางเอกก็ยังต้องบอกว่าตัวเองไม่มีแฟน

แต่สมัยนี้
มันกลับตรงกันข้ามอย่างสุดโต่ง

ดังนั้น
ดิฉันจึงคิดว่า
ที่เขามีแฟนทั้งๆที่รู้ว่าบาปก็เพราะการเปลี่ยนแปลงของสังคม
สมัยนี้ใครๆก็มีแฟน  ใครๆก็ทำกัน   ไม่มีสิแปลก ( ขี้เหร่หรือไงถึงไม่มีใครเอาประมาณนั้น)

ซึ่งเรื่องการมีแฟนถือว่าเป็นค่านิยมอย่างหนึ่ง
เพราะคนในสังคมต่างยอมรับการที่ผู้หญิงผู้ชาย(หรือเพศที่345...)  จะคบกันเชิงชู้สาว
โดยการยอมรับของคนในสังคม...ทำให้สมาชิกในสังคมมองว่าการมีแฟนเป็นเรื่องปกติ
ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมปฏิบัติกัน
จนทำให้เรื่องไม่ดี  เรื่องน่าละอาย  เรื่องผิดบาป  กลายเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนก็ทำกัน

ตัวอย่างอื่นๆก็เช่น  

        การใส่กางเกงขาสั้น  ใส่เสื้อสายเดี่ยว

        การไม่เคารพผู้อาวุโส        

        การผิดเพศ
      
        การเป็นนักร้อง(สมัยก่อนสมัยก่อนไม่เป็นที่นิยมเพราะเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน)  

        นางเอกละครแก่นเซี้ยว...ยิ่งร้ายก็ยิ่งดี(ผู้หญิงสมัยนี้จึงมีนิสัยมีการแสดงออกแบบร้ายๆ)

        ภาพยนต์ลามกที่ผู้ชมมองว่าเป็นศิลปะ
 
สาเหตุทั้งหมดก็เพราะสังคมเกิดการพลวัตร
แต่ที่สำคัญ
เพราะมนุษย์ควบคุมตนเองไม่ได้
และคล้อยตามสังคมอย่างไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์   เหมือนไม้หลักปักขี้เลน
ไปตามการหล่อหลอมจากสังคม

ทั้งๆที่ลืมไปว่า
แมลงวันทั้งฝูงที่รุมตอมขี้....มันไม่ได้หมายความว่าขี้จะหอม
เช่นเดียวกันกับใครๆที่มีแฟนกัน.....มันก็ไม่ได้หมายความว่าถูกต้อง

        
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 14, 2010, 04:19 AM โดย tatcha_jah ~♪ »
ผู้ศรัทธาต่ออัลลอห์...ท้ายสุดจะได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในวันอาคิเราะห์

 

GoogleTagged