สัมมนาทางวิชาการนานาชาติ ณ วอศ.มอ.ปัตตานี

[ILHAM]

คณะกอมปังชุดเลือดหมูนั่นแหละที่ไปเล่นที่วสส.เมื่อคืน ชื่อวงไรไม่รู้ลืมแล้ว

[Bangmud]

 
 
ต่อครับ

วันที่สองของการประชุม ยังคงเป็นการนำเสนอ Paper อย่างต่อเนื่อง ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับ มีหูฟังให้เลือกฟังได้ตามที่ต้องการคือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอาหรับ น่าเสียดายที่ภาษาอาหรับ ผู้แปลพูดช้า แปลตามผู้นำเสนอไม่ทันบ่อย ๆ ทำให้จับใจความได้ไม่เต็มที่
รูปแบบการนำเสนอ จะเริ่มโดยการแนะนำผู้ดำเนินรายการ (Moderator) และ ผู้นำเสนอรายงาน ครั้ง ละ 5 คน ให้นำเสนอคนละ 15 นาที ปัญหาอยู่ที่ว่า เริ่มรายการไม่ตรงเวลา เรื่องที่นำเสนอยาวมาก จึงมักจะเลยเวลาอยู่ทุก ๆ รอบ

วันที่สองของการประชุม ดำเนินการเช่นนี้ตลอดทั้งวัน และยังแบ่งเป็นสองห้อง เพียงแต่ว่า ห้องเล็ก ไม่มีการแปล ผมเลยไม่ได้เข้าไปฟังในห้องเล็ก เพราะห้องใหญ่ก็ฟังบ้าง หลับบ้าง แต่ก็นั่งอยู่ตลอด นอกจากเวลาพักเบรกและรับประทานอาหารกลางวัน รวมทั้งละหมาด

-----------------------------------------------

ตกเย็น
ส่วนหนึ่งเดินทางไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ผมไม่ได้ไป เพราะลูกหลานที่เคยมาเรียนในจังหวัดที่ผมอยู่มารับไปเที่ยวบ้าน
หลังมัฆริบ มีการเลี้ยงอาหารเย็น รูปแบบโต๊ะจีน คือ บริการทีละอย่าง จนครบทุกรายการ เลือกนั่งได้ตามอัธยาศัย

มีการกล่าวต้อนรับ  ร้องอนาซีดและเพลงบนเวที พอถึงช่วงเพลง ตัวแทนจากอาหรับ 3-4 คน เดินออก ไม่รู้ว่า รังเกียจเสียงเพลงหรือต้องการพักผ่อน ดีนะเนี่ยะที่ไม่จัดดิเกร์ฮูลูโชว์
นอกจากนี้ โปรเฟสเซอร์หลายคนขึ้นมาอ่าน กะศีเดาะฮฺให้ฟัง ภาษาอาหรับ ผมฟังไม่รู้เรื่อง แต่เนื้อหาคงจะดี เพราะคนที่ฟังออกหลายคนส่งเสียงฮือฮาและเปล่งเสียง อัลลอฮฺ เป็นระยะ ๆ

จบวันที่สอง ประมาณ 20.30 ทุกคนก็ยังเดินทางกลับที่พักด้วยใบหน้าที่ชื่นชม และอิ่มหนำสำราญ

[Bangmud]

วันสุดท้ายยังเป็นการนำเสนอ Paper จนหมดทุกหัวข้อ (32 เรื่อง) ในห้องประชุมใหญ่ พร้อม ๆ กันที่ห้องประชุมเล็กมีการประชุมโต๊ะกลมระหว่าง ตัวแทนรัฐบาลไทย ตัวแทนมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อจัดทำ “ข้อตกลงปัตตานี” หรือ “สนธิสัญญาปัตตานี” – Pattani Declaration กำหนดเวลาว่าจะเสร็จประมาณ 10.30 แต่เอาเข้าจริง กว่าจะได้ประกาศข้อตกลงนี้ก็ 12.30 น.

รายละเอียดสนธิสัญญาพี่น้องต้องหาอ่านเอาเอง เพราะประกาศเป็นภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ ภาษาไทยที่ถูกต้องสมบูรณ์ทำไม่ทัน แต่ที่พอเล่าได้ก็คือ ต่อไป ประเทศไทย (ที่ จังหวัดปัตตานี) จะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอิสลามศึกษาและภาษาอาหรับ โดยได้รับการสนับสนุนด้านต่าง ๆ จากมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เช่น การแลกเปลี่ยนนักศึกษา การแลกเปลี่ยนอาจารย์ เป็นต้น

หลังจากนั้นเป็นการปิดการประชุมโดยท่านจุฬาราชมนตรีเป็นประธาน กล่าวปิดประชุมเป็นภาษาไทยและภาษาอาหรับ

การประชุมเลิกแล้ว นักวิชาการไทยก็เดินทางกลับหรือไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อ ส่วนนักวิชาการต่างประเทศ รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพเหมาลำเครื่องบินพาชมจังหวัดภูเก็ต

[GeT]

นานาชาติชื่นชม ม.อ.จัดสัมมนาอิสลามศึกษา สื่อถึงการมีเสรีด้านศาสนา แนะขยายผลเพื่อประโยชน์สังคม

หลังเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า การสัมมนาว่าด้วยอิสลามศึกษา ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ ในโลกมุสลิมเข้าร่วมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญมากทั้งสำหรับเรื่องของการศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นก้าวสำคัญในการที่จะเปิดโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกหลานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย นอกจากนั้น ก็เพื่อให้โลกมุสลิมได้เห็นศักยภาพของประเทศไทย ในเรื่องของการศึกษาและอิสลามศึกษา และเกิดความประทับใจที่ประเทศไทยให้โอกาส ที่มีการดำเนินงานที่ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ โดยคาดว่า หลังการประชุมครั้งนี้ ก็จะมีการสานต่อกิจกรรมต่างๆ ขึ้นอีกในอนาคต

สำหรับความคิดเห็นต่อการสัมมนานา ชาติด้านอิสลามศึกษา International Conference “Roles of Islamic Studies in Post Globalized Societies ในครั้งนี้ มีนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับด้านอิสลามศึกษาจากหลายประเทศ เห็นว่า นี่เป็นบรรยากาศของการให้สิทธิในการนับถือศาสนาของไทย และต้องนำสิ่งที่ได้พูดคุยกันในครั้งนี้ ให้เกิดขึ้นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง

Prof. Dr. Muhammad Hassan Awadh รองอธิการบดีมหาวิทยาลัย Al-Azhar ประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอิสลาม ได้ชื่นชมความสามารถของวิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่สามารถเชิญปราชญ์ต่างๆ ในโลกมุสลิมมาร่วมสัมมนาทางวิชาการอิสลามศึกษาในครั้งนี้ โดยกล่าวว่า ในอดีตช่วงศตวรรษที่ 4-5 ของปี หิจญ์เราะหฺศักราช อิสลามศึกษาเคยมีบทบาทอย่างมากในการสร้างและพัฒนาวิชาการต่างๆ เพื่อมนุษยชาติ เช่น ด้านเคมี ฟิสิกส์ แพทย์ และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสังคมมนุษย์ โดยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับคนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา และทุกวัฒนธรรม เพื่อการสร้างความปรองดองในสังคมและเพื่อสันติสุขในอนาคต

และในนามของตัวแทนจากมหาวิทยาลัย Al-Azhar สามารถกล่าวได้ว่า หัวข้อสัมมนา และหัวข้อบทความที่นำเสนอในครั้งนี้ ล้วนเป็นการยืนยันการมุ่งมั่นในการสอนศาสนาอิสลาม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน หรือกล่าวอ้างเพื่อการทำกิจการบางอย่าง

H.E Umar Ubaid Hasanah ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงศาสนสมบัติและกิจการอิสลาม และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยอิสลามศึกษา ประเทศกาต้าร์ กล่าวว่า สังคมที่อยู่ภายใต้บรรยากาศแห่งสันติ เช่นที่สัมผัสได้ในประเทศไทย เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงการให้อิสระของรัฐบาลไทยในการนับถือศาสนา เป็นอารยธรรมของการที่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และเป็นโอกาสที่แม้ประเทศในโลกอาหรับบางประเทศก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระเช่นนี้ได้

ท่านได้กล่าวถึงเรื่องของการมีความคิดแบบสุดโต่งว่า โดยความเป็นจริงแล้วมนุษย์ทั่วไปไม่ปรารถนาความรุนแรง เนื่องจากไม่ได้สร้างสรรค์อะไรนอกจากจะกลายเป็นตัวถ่วงความเจริญ และผลที่ได้รับกลับมาคือความรุนแรงเช่นกัน จึงดีใจที่ได้เห็นบรรยากาศของประเทศไทยที่ให้สิทธิมนุษยชน ซึ่งผู้สนับสนุนการจัดในครั้งนี้คือรัฐบาลเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของรัฐบาลนี้ ที่มีให้กับศาสนิกที่เป็นมุสลิม การที่จะสามารถลบล้างความคิดแบบสุดโต่งและความรุนแรง ก็ด้วยการเพิ่มสิทธิและโอกาสแก่ประชาชนให้มากขึ้น สิ่งสำคัญคือภารกิจของสถาบันอุดมศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการเปิดสอนด้านอิสลามศึกษา ที่จะเป็นผู้ให้คำตอบและอธิบายให้มุสลิมทุกคนว่า เขาเหล่านั้นสามารถจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพลเมืองทั่วไป





ref: http://www.psu.ac.th/node/2863

[Bangmud]

ได้อะไรจากการประชุมครั้งนี้
1. วิทยาลัยอิสลามศึกษาได้รับประสบการณ์การจัดประชุมนานาชาติ
2. สร้างภาพที่ดีระหว่างรัฐบาลไทยกับประชากรมุสลิม
3. ทำให้เกิดความรู้ศึกว่าสถานการณ์ในสามจังหวัดภาคใต้ไม่มีอะไรน่ากลัว (แต่จะเข้าห้องประชุมต้องถูกตรวจกระเป๋าและเดินผ่านประตูตรวจระเบิด และตลอดเส้นทางจากที่ประชุมถึงที่พักรวมทั้งหน้าโรงแรมที่พักมีเจ้าหน้าที่ถืออาวุธสงครามเดินตรวจตลอด)
4. เป็นการชุมนุมนักวิชาการอิสลามศึกษาจากทั้งในและนอกประเทศ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กันและกัน

5. สนธิสัญญาปัตตานี จะส่งผลดีตามมาอีกมากมาย ถ้าทำได้ตามนั้น
6. ผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นนักการศึกษาได้รับความรู้เพิ่มเติมมากมาย แม้แต่ผมซึ่งไม่ใช่นักการศึกษาสายตรงยังได้อะไรกลับบ้าน อย่างน้อยก็เนื้อหาความรู้ที่บรรจุอยู่ในไดรว์ที่แจก
7. โดยภาพรวมถือว่าการจัดประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี ถ้าเป็นไปได้ รัฐควรสนับสนุนให้จัดขึ้น 1-2 ปี/ครั้ง
8. ฯลฯ

ข้อสังเกตจากการประชุม
- หลายท่าน จากหลายประเทศประทับใจการจัดประชุมครั้งนี้ พอเวทีว่างผู้เข้าร่วมประชุมทั้งไทยและเทศต่างเข้าคิวถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ เช่น หน้าเวที โพเดียมสำหรับแถลงข่าว แม้กระทั่งรูปคนผสมชาชัก

- หลายอย่างก็ผิดพลาดหรือล่าช้าบ้าง เช่น ช่วงลงทะเบียน รับเอกสาร(กระเป๋าใส่เอกสาร ป้ายชื่อ และ Thumb drive ขนาด 4 G ที่บันทึกรายงาน paper ที่ส่งมาล่วงหน้า) ไม่ได้เรียงอย่างเป็นระบบ สงสารนักศึกษาที่รับลงทะเบียนที่ต้องหาป้ายชื่อกันหัวหมุน
- การมอบของที่ระลึก ไม่ได้เรียงหรือแจ้งล่วงหน้าว่าใครจะขึ้นไปรับหรือไปมอบบนเวที ก่อน-หลัง ประกาศแล้วไม่มีผู้ขึ้นไปรับ หรือ ประกาศเรียกไปรับหมดทุกคน จนนายกจะเดินลงแล้ว ยังมีผู้ยังไม่ได้รับอีก 2 คน
- ระบบรักษาความปลอดภัยดูเหมือนจะเข้มงวด แต่เอาเข้าจริง นายกฯจะเดินทางกลับ มีนักศึกษา 2 คน สงสัยจะเป็น อภิสิทธิ์แฟนคลับ ร้องกรี๊ดแล้วเข้าไปยืนข้างนายกให้เพื่อนถ่ายรูป

ไว้นึกอะไรออกจะเล่าให้ฟังอีกครับ
(ผมมีรูปจากการเดินทางครั้งนี้ประมาณ 300 + รูป)
วัสสลาม

[ILHAM]

เซ็นเซอร์ทำไม

[taufik]

 16 ประเทศ  ร่วมปฏิญญาปัตตานีด้านอิสลามศึกษามุ่งมั่นให้ ม.อ.ปัตตานีเป็นศูนย์กลางอิสลามศึกษา

         16  ประเทศ  ร่วมทำปฏิญญาปัตตานี ด้านอิสลามศึกษา  โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี  เป็นศูนย์กลางด้านอิสลามศึกษา  และเตรียมจัดตั้งสถาบันภาษาอารบิค  และศูนย์วิจัยอิสลามศึกษา  เพื่อแลกเปลี่ยนทางวิชาการ นักศึกษา บุคลากร พร้อมทั้งกำหนดมาตรฐานทิศทางการเรียนการสอนอิสลามศึกษา โดยบูรณาการศาสตร์อิสลามและศาสตร์ทั่วไปเข้าด้วยกัน

          รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เปิดเผยว่า เวทีสัมมนานานาชาติว่าด้วยเรื่องอิสลามศึกษา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21-23 ธันวาคม 2553 โดยมีประเทศที่เข้าร่วมรวม 16 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย  กัมพูชา จีน อียิปต์ อินโดนีเซีย จอร์แดน มาเลเซีย โมร๊อกโค  แทนซาเนีย  ปากีสถาน  ซาอุดิอารเบีย  ซูดาน  การ์ตา  ตูนีเซีย  ตุรกี  และประเทศไลบีเรีย ได้มีการลงนามปฏิญญาปัตตานีร่วมกันของ 16 ประเทศหลังการสัมมนาถึงความร่วมมือด้านอิสลามศึกษา ซึ่งประเทศไทยส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นศูนย์กลางด้านอิสลามศึกษา  ให้มีการจัดตั้งสถาบันภาษาอารบิค  และศูนย์วิจัยอิสลามศึกษา ณ วิทยาลัยอิสลามศึกษา  เพื่อผลักดันหลักสูตรอิสลามศึกษาให้เป็นมาตรฐานสากล รองรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ และเป็นหนทางใหม่ในการสร้างเศรษฐกิจ-สันติภาพของโดยบูรณาการศาสตร์อิสลามและศาสตร์ทั่วไปเข้าด้วยกัน

         สำหรับประกาศปฏิญญาปัตตานี 16 ประเทศ ในครั้งนี้ว่าด้วยสาระสำคัญ คือ

         ประการที่ 1. อิสลามศึกษาจะนำไปสู่สันติสุข และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เฉพาะระหว่างชาวมุสลิมเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงมวลมนุษยชาติ  

         ประการที่ 2 อิสลามศึกษา จะมีการบูรณาการระหว่างศาสตร์ด้านศาสนาและศาสตร์ทั่วไปเข้าด้วยกันเพื่อประโยชน์สุขของชุมชน และอนาคตของเยาวชนในรุ่นต่อๆ ไป  

         ประการที่ 3 อิสลามศึกษาจะส่งเสริมและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่การเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งรวมถึงความมั่นคงและความยุติธรรมทางสังคมด้วย

         ประการที่ 4 อิสลามศึกษาจะส่งเสริมความเป็นนานาชาติของมุสลิม ซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างพลเมืองของโลก

         ประการที่ 5 อิสลามศึกษาจะส่งเสริมในเรื่องโอกาสในการพูดคุยระหว่างสมาชิกประชาคมมุสลิม และเสริมสร้างคุณค่าของมนุษย์ให้ตระหนักถึงสันติภาพ และป้องกันแนวคิดหลักศาสนาที่บิดเบือน ภายใต้หลักการดังกล่าว  ในฐานะผู้แทนมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษา 16 ประเทศ ขอให้คำมั่นว่าจะตระหนักถึงเรื่องความสำคัญ ของคุณภาพ และความสมบูรณ์ของอิสลามศึกษา เพื่อให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานอิสลามศึกษา หรือ Islamic Studies Coordinating Committee : ISCCO  ภายในปี พ.ศ.2555  มีการจัดตั้งเครือข่ายองค์กรการวิจัย  หรือResearch Organization Network : RON  เพื่อประสานและอำนวยความสะดวกในคุณภาพของงานวิจัยทางวิชาการ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจและการพัฒนายุทธศาสตร์เพื่ออิสลามศึกษาและสังคม   ส่งเสริมให้การบริการงานวิชาการมีความสอดคล้องต่อยุทธศาสตร์การพัฒนา  ส่งเสริมการร่วมมือกันระหว่างนักวิชาการในทุกด้าน  พร้อมกับมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการศึกษา ให้มีความรู้ความเข้าใจ  มีการจัดหลักสูตรอิสลามศึกษาที่เกี่ยวข้องกับยุคโลกาภิวัตน์   นอกจากนี้ต้องให้วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นศูนย์กลางด้านอิสลามศึกษาและทางด้านภาษาอารบิคในปะเทศไทย

          ประการสุดท้าย ควรจัดการประชุมนานาชาติอิสลามศึกษาทุกๆ 2 ปี


          อ้างอิงจาก: http://pr.pn.psu.ac.th/fatoni-declaration.doc

[taufik]

salam

ถ้าหากว่าบัง Bangmud อัปโหลดไฟล์ที่อยู่ในแฟลชไดรว์ด้วย จะเป็นการดีมากเลยคับ
เพราะผมไม่ได้รับกระเป๋าพร้อมแฟลชไดรว์ ณ วันนั้น

[Al Fatoni]

หนึ่งในปฏิญญาปัตตานีกล่าวไว้ว่า "มีการเห็นพ้องอยากให้มีการจัดประชุมนานาชาติ ที่ให้อุละมาอ์จากทั่วโลกมาประชุมแบบนี้กันที่ปัตตานี ทุกๆ 2 ปี" อัลหัมดุลิลลาฮฺ หากอัลลอฮฺให้โอกาสและมันเป็นจริง นั่นก็หมายความว่า ทุกๆ 2 ปี ที่ปัตตานีก็จะมีอุละมาอ์จากทั่วโลกมาชุมนุมกันที่นี่ อัลหัมดุลิลลาฮฺ แต่ก็ต้องดูสปิริตของรัฐบาลอีกทีครับ เพราะปัจจัยที่ทำให้งานเกิดก็คือ "งบประมาณ" นั่นเอง ซึ่งก็ใช้ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน แต่จำเป็นต้องพึ่งจากรัฐอยู่ดี แต่ก็ไม่แน่ หากมุสลิมที่รวยๆ ในเมืองไทย สัก ๒๐ คน ร่วมบริจาคเพื่องานนี้คนละล้าน งานก็เกิดขึ้นได้แล้ว หรือมุสลิมทั้งประเทศนั่นแหละ แต่ท้ายสุดแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่อัลลอฮฺครับ - วัสสลามุอลัยกุม

[Al Fatoni]

มีคนหนึ่งที่ผมสงสัยว่าน่าจะเป็นบังหมัด แต่ไม่กล้าทัก กลัวผิดคน คนนั้นจะใส่หมวกสีน้ำเงิน เป็นหมวกทัก วันนั้นเขาใส่เสื้อที่ขาว ตัวอวบๆ เกือบจะอ้วน ผิวขาว, ห้าๆ ใช่บังหมัดป่าว หากใช่ ผมมาอัฟด้วยนะที่ไม่ได้ไปทักบัง แต่หากไม่ใช่ก็รอดไป อิอิ

[Al Fatoni]

...

ไว้นึกอะไรออกจะเล่าให้ฟังอีกครับ
(ผมมีรูปจากการเดินทางครั้งนี้ประมาณ 300 + รูป)
วัสสลาม

...

           เข้าใจว่างานนี้ บางคนทุ่มกับการหากล้องและเอ็มพีสามมาอัดเสียงและภาพกันจริงๆ ผมเองก็ได้มีโอกาสสลามและขอถ่ายรูปทั้งหมู่และเดี่ยวกับบรรดาชัยฅ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะรองอธิการบดีของ ม.อัลอัซฮัรครับ ห้าๆ ตื่นเต้นสุดๆ กว่าจะรวมความกล้าเพื่อขอถ่ายรูปด้วย ได้รูปคู่ด้วย ถ่ายเสร็จก็มาหัวเราะสะใจกะเพื่อนๆ เพราะรอโอกาสแบบนี้มานมนาน นานๆ ทีกว่าจะได้เจอ จับสลาม และสัมผัสกับอุละมาอ์ระดับโลก ที่น่ายินดีไปอีก ก็มาใกล้บ้านผมนี่เอง อิอิ แต่น่าเสียดาย ตอนชัยฅ์อลีย์ จุมุอะฮ์มาที่ มอ.ปัตตานี ที่คณะผมตอนปี 2551 หากจำไม่ผิด ตอนนั้นผมอยู่ กทมฬ เลยไม่ได้มีโอกาสไปฟังท่านกล่าวปาฐกถาพิเศษ เสียดายมากครับ - วัสสลามุอลัยกุม

[Al Fatoni]

ได้ข่าวว่า อ.อาลี เสือสมิงก็มา แต่ผมหาแกไม่เจอ แต่กลับเจอ อ.อรุณ บุญชมแทน ถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกที่งานดินเนอร์ที่โรงแรมซีเอสปัตตานี และครั้งที่ ๒ ในห้องน้ำ ตึกที่จัดสัมมนาฯ นั่นแหละ ชั้น ๔ ห้าๆ ที่ดีเลย

[Al Fatoni]

นายกฯ มาแปบ ก็กลับ ไม่ทันใจเลย

[Al Fatoni]

งานนี้ บอกได้คำเดียวว่า ใครพลาด น่าเสียดายเป็นบ้า โอกาสจะมีแบบนี้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย

[กูปีเยาะฮฺสะอื้น]

ถ้าได้รับเชิญใครจะพลาด