วัลลอฮุอะลัมค่ะก๊ะ...
เพราะถ้าผู้ชายมองแบบที่มองว่าผู้หญิงมีเยอะกว่าผู้ชายแล้วจะทำยังไงกัน...
ข้าน้อยเชื่อว่า อัลลอฮฺสร้างทุกสิ่งทุกอย่างมาให้อย่างสมดุลกันแล้ว...
แต่เรื่องคู่ครองนี้...มันพูดยากค่ะ...ข้าน้อยเชื่อว่า อัลลอฮฺกำหนดเอาไว้แล้ว
แต่พ่อเคยบอกว่า...หากเราปฏิเสธคนดีๆมีอีหม่านที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
และเราก็พอใจเขา แต่เขาขาดคุณสมบัติเพียงข้อเดียวคือยากจนแล้ว
หมายถึงเราพอใจเขาทุกอย่าง ยกเว้นฐานะของเขา
นั่นหมายความว่า อัลลอฮฺส่งคนดีๆมาให้เราแล้ว แต่เรากลับปฏิเสธ
ชีวิตของเราจะมีลางร้ายแล้ว อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ...
เพราะดีสำหรับอัลลอฮฺกับดีสำหรับมนุษย์นั้น เราควรมองให้ลึก
เลยร้สึกว่า...เรื่องแบบนี้ จะชายหรือหญิงก็มีสิทธิ์จะเลือกคู่ครองที่ตนพอใจ
อย่างเท่าเทียมกัน...
แต่ที่เคยเห็นมาและรู้สึกไม่ดีคือ การที่ผู้ชายไปขอผู้หญิงอีกคนแต่งงาน
โดยที่เมียคนแรกไม่รู้ และเมียคนที่สองก็ไม่รู้มาก่อนว่าคนที่ไปขอตัวเองแต่งงาน
มีเมียอยู่ก่อนหน้าแล้ว มารู้ทีหลัง มันก็กลับลำไม่ทัน...
ข้าน้อยเลยรู้สึกว่า ทำไมผู้ชายถึงไม่บอกให้ทั้งสองรับรู้เพื่อว่าถ้าเขารู้ก่อน
จะได้เป็นความพอใจซึ่งกันและกัน...เพราะคนจะอยู่ร่วมกัน
แม้จะไม่ได้รักกันมาก่อน หากแต่งงานกันด้วยความพอใจกันทั้งสองฝ่าย
มันน่าจะยินดีกว่ามารู้ทีหลังน่ะค่ะ...

เพราะคนใกล้ตัวก็เคยแต่งานจาก
การไม่รักกันมาก่อน แต่พอใจกันและกัน เขาทั้งสองก็รักและอยู่ด้วยกันมาได้น่ะค่ะ
ปล.กลัวเหมือนกันว่าถ้าลงสนามสอบจริงๆอย่างก๊ะฟิรเดาส์ว่าแล้ว จะถลอกปอกเปิก
แผลยับเยิน หัวหกก้นขวิด หัวแตก เห็นดาวระยิบระยับข้างฝา อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ...

แต่มันคือประสบการณ์ ถ้าเรากลัวเปียกฝน เราก็ไม่รู้ว่าน้ำฝนมันเย็นอย่างไร...
อาจโชคดี มีคนกางร่มให้ตอนตากฝนหรือไม่ก็ช่วยดูแลรักษาเราเมื่อยามป่วยก็ได้...
เนอะก๊ะเนอะ 55555
วัสสลามค่ะ