สรุปคือ...ฮาซันซ้ำชั้น
ฮาซันอายที่โดนเพื่อนล้อว่าสอบตก
ฮาซันไม่อยากมาโรงเรียน
ฮาซันไม่ชอบวิชาภาษาไทย ไม่พูด(เพราะพูดไม่เป็น)
...ค่ะ มันเป็นความปวดร้าวส่วนตัว...
อ่านแล้วเห็นเงาตัวเองในอดีตขึ้นมาฉายเลย...
ขอเล่าในเชิงลึกเลยนะคะ
ตอนเรียนที่ไทย...เรียนโดยใช้ภาษาไทย(ซึ่งเป็นภาษาที่เข้าใจ)
ได้เกรดดีเลิศ ได้ที่หนึ่งตลอด ไม่เคยสอบตก
จึงมีโอกาสสอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศได้
แต่พอไปอยู่ที่นั่น ไปเรียนกับคนที่นั่น
เขาวัดระดับภาษาญี่ปุ่นก่อนเลือกช้ันเรียนให้
ปรากฏว่า วิชาคณิตและวิทยาศาสตร์อยู่ในเกณฑ์ดี
(ทั้งๆที่ข้อสอบใช้ภาษาญี่ปุ่น) แต่เราเห็นตัวเลข เลยมั่วๆเอา
เลยได้อยู่ห้องวิทย์ในระดับห้องคิง
ส่วนตอนวัดระดับภาษาญี่ปุ่นนั้น คะแนนตกต่ำ
เลยอยู่ห้องภาษาญี่ปุ่น...ห้องบ๊วย
ต่อมาสอบตก...อยู่ห้องบ๊วยไม่เลิก...เพื่อนร่วมทุนร่วมชาติ
ล้อว่าโง่ขนาดนี้แล้วได้ทุนมาได้ไง สงสัยฟลุคมาแน่ๆ
ตอนนั้นเจ็บนะ...แต่ที่เจ็บกว่าคือ พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เคยจะสู้ชาวบ้านได้
เพราะชาวบ้านเขาก็พยายามอยู่เหมือนกัน ได้แต่หวังว่า
หากเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ สักวัน เราจะเข้าใจภาษานี้
และความรู้ของเราจะไม่ถูกปิดกั้น มันสมองของเราจะกลับมาใช้งานได้
อย่างเต็มกำลัง...ในขณะนั้นก็พยายามหาซื้อหนังสือมาฝึกมาอ่าน
และนิสัยขี้เกียจอ่านก็เป็นอุปสรรคอีก...กว่าจะเอาชนะนิสัยขี้เกียจอ่านมาไ้ด
สาหัสทีเดียว...เพราะถ้าอ่านเป็นภาษาไทย รอบเดียวจำ...และที่จำเพราะเข้าใจ
แต่ถ้าอ่านภาษาอื่น สามรอบก็ยังไม่เข้าใจ เลยไม่จำ...
เลยเกลียดภาษาญี่ปุ่นสุดจิตสุดใจ อยากหอบผ้าหอบผ่อนกลับบ้าน
เกิดเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะอยู่ที่นั่นมันมีแต่ความอัปยศอดสู
อยู่ให้ชาวบ้านเขาต่อว่า มองเราอย่างดูแคลนไปทำไม
ถ้าได้เรียนในมหาลัยที่ไทย เราคงมีหน้ามีตา เพื่อนๆชื่นชม
กว่านี้แน่นอน...แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมกลับ...เพราะได้กำลังใจดีๆ
จากครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง...
ตอนอยู่มหาลัยก็สอบตก คนไม่เคยสอบตก ถ้าได้สอบตกจะเจ็บช้ำมาก
เพื่อนร่วมทุนจำนวนไม่น้อย บอกลาโลกไปด้วยการฆ่าตัวตาย
เพราะผิดหวัง เนื่องจากคะแนนสอบตกต่ำ เลยรับไม่ได้ ทำใจยอมรับไม่ได้
และมันเป็นความผิดหวังซ้ำๆซากๆ เขาเลยทนไม่ไหว ปลิดชีวิตตัวเองลง
บางคนบ้าและเสียสติ ฟั่นเฟือน...เพราะนอกจากต้องทนมองคะแนน
ที่ไม่เอาไหนในผลการสอบแต่ละเทอมแล้ว เขายังต้องทนกดดัน
จากเจ้าของทุน จากเพื่อนในมหาลัย และจากเพื่อนร่วมทุนที่เขาเก่งๆ
และสอบได้คะแนนดีเลิศ...
เคยปลอบน้องที่กำลังจะกระโดดตึกตาย เพราะความผิดหวัง
ในการเรียน...เนื่องจากเขาเก่งระดับเหรียญเงินโอลิมปิก
แต่เขาไม่ชอบภาษาญี่ปุ่น เลยฝ่าด่านอรหันต์นั้นไปไม่ได้
เพราะเขาต้องเรียนทุกอย่างด้วยหลักสูตรภาษานั้น
เขาต้องเข้าพบจิตแพทย์บ่อยๆ...และยังโดนกดดันจากทางบ้านอีก
เพราะทางโน้นหวังไว้กับเขามาก...
สรุป เมื่อชีวิตไม่เป็นไปดั่งความหวัง เขาเลยคิดจะฆ่าตัวตาย
เคยปรึกษาเรื่องอยากจะตายกับเราอยู่หลายรอบ
แต่ตัวเราก็บอกเขาไปว่า เขาเก่งกว่าเรา วันนึงเมื่อเขากลับไปไทย
เขาจะสามารถพัฒนาประเทศชาติได้ดีกว่าเรา
ในเมื่อเราโง่กว่าเขา และเรายังไม่คิดอยากจะตาย
ทำไมเขาต้องอยากจะตายด้วย...และไม่ต้องรีบตาย เพราะจริงๆแล้ว
เราทุกคนกำลังเดินไปหามันอยู่...สุดแต่ว่า เรากำลังเข้าใกล้มันแล้วหรือยังเท่านั้น
บัดนั้น เขาก็เลิกจะตายไป...ปัจจุบันก็ได้กลายเป็นมันสมองของชาติ...
และสำหรับตัวเอง...เกือบหกปีที่ต้องฟันฝ่าเรื่องภาษา
จนกว่าจะทำได้ดั่งที่ตั้งใจเอาไว้ได้...ยากและกินน้ำตาไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
แต่ก็เป็นน้ำตาที่ทำให้เรามีความมานะบากบั่นอยากจะทำให้ดีกว่าเดิม...
จึงได้แต่บอกว่า...อัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนแปลงเรา ถ้าเราไม่เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง...
หากคุณครูคนใดสามารถปลอบประโลมลูกศิษย์ที่สอบตกได้
ให้เขามีความหวัง เปลี่ยนความเจ็บปวดและผิดหวังเป็นพลัง
เชื่อว่า เด็กที่ผ่านความผิดหวังมาจะเข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกันที่ดี
เอาไว้ต่อต้านกระแสของสังคมภายนอกได้ดีกว่าเด็กที่ถูกประคบประหงม
ไม่เคยพานพบกับความผิดหวังค่ะ...
หลานเราก็สอบตก...เขาบอกว่าเป็นหลานเราแล้วสอบตกรุ้สึกอายมาก
อาเก่งแต่ทำไมเขาไม่เก่งเหมือนอา ก็เลยบอกเขาไปว่า
อาไม่เก่งหรอก อาเองก็สอบตกมาเหมือนกัน...
กว่าจะสอบผ่านและได้ปริญญามา
อาก็สอบตก และโดนเพื่อนล้อมาเหมือนกันนะ...
ร้องไห้เสียใจมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
แต่อาก็ไม่คิดท้อแท้ เราต้องขยันเพิ่มสิ ไม่ใช่มามัวท้อ...
ไม่ต้องไปแข่งกับใคร...แข่งกับตัวเองมันนี่แหล่ะ...
ใครจะได้ที่หนึ่ง สอง สาม ก็ปล่อยเขาได้กันไป
เราเอาแค่เราสามารถทำได้ เอาแค่ให้สุดกำลังก็พอ
หากเทอมนี้ได้ที่โหล่ เทอมหน้าขอเป็นรองที่โหล่แล้วกัน...
ค่อยๆขยับ...ดีไหม...
เราไม่จำเป็นต้องเป็นที่สุดในห้องหรือในโลกก็ได้
แค่พยายามเป็นคนที่ดีกว่าเดิมเป็นพอ...
พอเราเรียนจบออกไปอยู่กับคนอื่นๆข้างนอกโรงเรียน
ที่นั่น...มีความผิดหวังและความเสียใจรอเราอยู่มากมาย
หัดเสียใจและผิดหวังเสียแต่วันนีี้ และให้กำลังใจตัวเองให้เยอะ
วันนึง...ถึงเราไม่ใช่ที่หนึ่ง หรือไม่ได้เรียนเก่ง
แต่ในสนามชีวิต เราก็เป็นนักสู้ที่ดีได้เหมือนกันนา
ปล.ครูคือความหวัง คือแรงผลักดันของเด็กๆค่ะ...
ให้กำลังใจครูทุกคน...
ปล.อีกที...เมื่อก่อนไม่เคยคิดอยากจะเป็นครู เพราะไม่ชอบ
ระบบราชการไทยเอาเสียเลย...
แต่ปัจจุบันชักเริ่มชอบ ชอบตั้งแต่ได้สอนพิเศษเด็กๆ
แล้วพบว่าเด็กๆอ่อนภาษากันเยอะมาก แล้วอย่างนี้เขาจะ
ฝ่าด่านอรหันต์ไปได้อย่างไร...เพราะภาษาคือสื่อนำเรา
ไปสู่ความรู้...คณิตก็อ่อนกันเยอะ...บวก ลบ คูณ หาร
ก็ไม่เป็น ท่องสูตรคูณยังไม่ได้...เลยเคี่ยวเด็กที่มาเรียนพิเศษ
ไปไม่น้อย...พอเห็นเขาพัฒนาขึ้นแล้วรู้สึกมีความสึกแฮะ
เคยแอบคิดเล็กๆลึกๆในใจ ครูในโรงเรียนสอนลูกศิษย์กันอย่างไร
ทำไมพวกเขาไม่เข้าใจวิชาเหล่านี้ทั้งๆที่มันสมองดีกว่าเรา
สมัยก่อนอยู่มาก...สอนเข้าใจง่าย เข้าใจได้เร็ว...
ถ้าได้ฝึกฝนดีๆ เก่งกว่าเราชัวร์...
แต่คิดว่า คุณครูในโรงเรียนอาจต้องรับศึกหลายด้าน
มีเด็กให้สอนหลายห้อง...เงินเดือนครูก็น้อย...
เม่่ือเทียบกับที่ครูสอนพิเศษได้ พอนึกมาถึงตรงนี้
เลยอดเห็นใจครูในโรงเรียนไม่ได้อีกเหมือนกัน
เพราะปัจจัยยังชีพเป็นสิ่งผลักดันแรงกายแรงใจของครูอยู่ไม่น้อย
ก็ว่า...ทำไมผู้นำประเทศถึงไม่ให้เงินเดือนครูสูงๆ
เหมือนประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว...
เพราะอาชีพนี้...เป็นอาชีพที่มีคุณค่า
เป็นอาชีพที่ช่วยพัฒนาบุคคลในชาติ...ถ้าคนมีคุณภาพ
ประเทศชาติก็มีคุณภาพตาม...
ประเทศชาติจึงควรตอบแทนความเหนื่อยของบรรดาครู
ให้มากกว่านี้...ให้มากกว่าเดิม...
วัสลามค่ะ