ผู้เขียน หัวข้อ: ห้องเรียนซุนนะห์  (อ่าน 17212 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ห้องเรียนซุนนะห์
« ตอบกลับ #120 เมื่อ: มี.ค. 14, 2015, 01:06 AM »
0
^^
...السلام عليكم ورحمة الله وبركاته...

เป็นความปวดร้าวส่วนตัว

...ก็เข้าใจนะคะว่าภาษาไทยเป็นภาษาหลักของชาติไทย...
.....แต่ยุติธรรมแล้วหรือคะที่ตีตรามาตรฐานเด็กด้วยเพียงเพราะอ่านไทยไม่ออก เขียนไทยไม่ได้.....
.......ในขณะที่เด็กเหล่านั้นคิดเลขเป็น เรียนรู้วิชาแขนงอื่นๆได้ดี วิเคราะห์เป็น เพราะครูช่วย sub melayu ให้.......

ในทางกลับกันก็เคี่ยวเข็ญเอากับครู "สอนยังไง"
พาให้หวนคิด "นั่นสิ!!!  นี่เราสอนกันยังไง?"

ทุกมาตรฐานย่อมมีมาตรวัด ขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้อะไรเป็นมาตรวัด
สิ่งนั้นสิ่งนี้....

ส่วนความชอบธรรมในโลกนี้ก็มีมาตรวัดของมันอีกเหมือนกัน
สุดแท้แต่ใครจะตีความว่าความชอบธรรมคืออะไร...

อันนี้เป็นความคิดส่วนบุคคลนะคะ...นำมาจากประสบการณ์โดยตรง
เพราะเป็นคนพัทลุง พูดมาลายูไม่ได้ แหลงใต้ได้ชัดเพราะถูกสอนให้พูด
ต้ังแต่เล็กแต่น้อย คนโดยรอบแหลงใต้กันหมด ครูที่โรงเรียนก็เป็นคนใต้
เสีย 90%  แต่ก็พอจะพูดอังกฤษได้นิดหน่อย (เพราะอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอน)

และ ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาญี่ปุ่นได้คล่อง เพราะโดนบังคับให้เรียน
เนื่องจากต้องศึกษาหาความรู้กับเด็กญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่่น
เขาไม่ให้เข้าโรงเรียนนานาชาติที่สอนหลักสูตรภาษาอังกฤษ
เป็นภาคบังคับให้เราเรียนภาษาญี่ปุ่น และเอาภาษาญี่ปุ่นที่ได้มา
ไปอ่านตำราภาษาญี่ปุ่นและสอบเข้าเรียนมหาลัยญี่ปุ่น
เมื่อสอบเข้าไปได้แล้ว เราก็ต้องมาฟังอาจารย์บรรยายความรู้ของท่าน
ด้วยภาษาญี่ปุ่น นั่งแลกเชอร์ในห้องเรียนด้วยภาษาญี่ปุ่นที่อาจารย์พูดให้ฟัง
ท่องตำราวิชาคณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวฯ รวมทั้งวิชาภาษาอังกฤษที่เป็นตำราภาษาญี่ปุ่น
แม้แต่วิชาเลือกที่เป็นวิชาภาษาฝรั่งเศส เรายังต้องแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น
ทั้งในห้องเรียนและในห้องสอบ...สอบภูมิศาสตร์โลกก็ต้องเขียนชื่อประเทศต่างๆ
ในโลกนี้ด้วยภาษาญี่ปุุ่น ตามชื่อประเทศนั้นๆที่คนญี่ปุ่นเขาเรียกขานกัน
(ซึ่งเราก็ต้องท่องว่า ประเทศดังกล่าว คนญี่ปุ่นเรียกชื่อประเทศนั้นว่าอะไร)

เวลาเขียนรายงานก็ต้องเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น
เวลาออกไปพรีเซนท์ผลงานหน้าหอประชุมก็ต้องพรีเซนท์
เป็นภาษาญี่ปุ่น...

เวลาติดต่อสอบถามฝ่ายธุรการ ฝ่ายวิชาการ ก็ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น

ไม่พอใจคนญี่ปุ่น ก็ต้องพยายามสรรหาถ้อยคำมาต่อว่าเขา
เป็นภาษาญี่ปุ่น จะซื้อของ ถามทาง ไปตรวจโรค
ฟังคำวินิจฉัยของหมอก็ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น

ทุกอย่าง ภาษาญี่ปุ่นหมดเลย...

และที่สำคัญ...ในสนามสอบทุกๆสนาม
เราต้องแข่งขันกับคนญี่ปุ่น ผู้เป็นเจ้าของภาษาด้วยข้อสอบเดียวกัน
ไม่มีแบ่งว่าเป็นคนชนชาติไหนเลย...ไม่มีสิทธิพิเศษ
ให้เอาดิกหรือพจนานุกรมเข้าไปได้

ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนๆ...สิบหน้าขึ้นไปก็เคยมาแล้ว...

ถามว่าเคยอยากร้องไห้มั้ย เจ็บปวดมั้ย...
แรกๆเจ็บปวดมาก คิดว่ามันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจหัวอกเด็กต่างชาติอย่างเราๆบ้าง...
เขาตัดสินความรู้เราโดยเอาภาษามาเป็นด่านน่ะ
มันถูกต้องแล้วหรือ...เราก็มีความรู้เพียงแต่ว่า สื่อสารด้วย
ภาษาเขาไม่ราบรื่นเท่านั้น...

แต่วันที่เข้ารับปริญญาบัตร วันนั้นได้คำตอบ...
เรามีบางอย่างที่มากกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวที่จบมา
ด้วยคำพูดของเพื่อนและอาจารย์ที่ชื่นชมมานั่นคือ

เพื่อนเราฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยไม่ได้
เขาไม่เข้าใจภาษาไทย อ่านตำราภาษาไทยไม่ได้
แต่เราได้ และเราก็ได้ภาษาญี่ปุ่นของเขามาแล้วด้วย...
สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นที่ได้มานั้นเป็นต้นทุนในการศึกษาตำรา
ภาษาของเขาได้ ไปเห็นภาษาของเขาที่ใดในโลกเราก็เข้าใจ
และสามารถแปลภาษาอื่นๆที่เราอาจจะได้เพิ่มมาในภายหลังอีก
ในอนาคตเป็นภาษาเขาได้อีกต่อหนึ่ง...

ซึ่งอยากให้ลองมองอีกมุมนึงหรือในมุมกลับว่า...
ถ้าเราไม่ยึดติดกับตัวภาษาแล้ว...เราจะได้อะไรมากกว่าที่คิด...
ความคิดเราจะเปิด...ตาเราจะได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัส
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...เพราะภาษาคือสื่อ!

ส่วนจะยอมรับหรือไม่ยอมรับนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล
เพียงแต่ว่า...ภาษาทุกๆภาษานั้น เจ้าของที่แท้จริงคือ อัลลอฮฺ
และองค์ความรู้ที่เราได้มาก็มาจากอัลลอฮฺ
และตัวเรานั้นคือผู้แสวงหา...

ซึ่งโลกทั้งใบและแผ่นดินทุกๆพื้นที่มิใช่ของใครเลย
เว้นที่เป็นแผ่นดินของอัลลอฮฺ ให้เราได้ก้าวเดินไปเพื่อค้นหา
และเก็บเกี่ยว...อัลลอฮฺให้เราท่องไปบนหน้าแผ่นดิน...

และแน่นอนว่า...สื่อที่จะนำพาเราให้เดินทางได้คล่องคือ
ภาษา

...ยิ่งเข้าใจภาษาได้มากก็ยิ่งสะดวกมาก...

เชื่อเถอะค่ะว่า...บางครั้ง สิ่งที่โดนยัดเยียดให้
ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้ เพียงเราจะลอง
พลิกมุมความคิดนั้นดู...พิจารณามันอย่างถ่องแท้
อย่าไปมองเจตนาของผู้ยัดเยียดให้ปวดใจ
แต่ให้มองไปที่ว่า...เราจะได้อะไรจากมัน...ดีกว่า

ปล.ทุกวันนี้ เป้าหมายที่หวังไว้ต่อจากนี้ คือ อยากได้ภาษาอาหรับ
มาเป็นต้นทุน เพราะอยากศึกษาตำราที่เป็นภาษาอาหรับ
นี่แหล่ะค่ะ...อยากอ่านตำราภาษาอาหรับด้วยสัมผัส
และด้วยความคิดอ่านของตัวเอง...และด่านของมันคือ
การทำความเข้าใจกับภาษาให้ได้ก่อน...แล้วมันจะเป็นสื่อ
พาเราไปหาความรู้ที่เรายังไม่ได้สัมผัส...ซึ่งโลกนี้กว้าง
เกินกว่าชั่วชีวิตนี้เราจะศึกษาได้หมด แต่เอาแค่ความสามารถ
ของเราจะพยายามได้...อินชาอัลลอฮฺ

หากผิดพลาดหรือมีส่วนหนึ่งส่วนใดทำให้ไม่สบายในหัวใจ
ตักเตือนกันและอภัยให้กันด้วยนะคะ ^^

วัสลามค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 14, 2015, 01:24 AM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ห้องเรียนซุนนะห์
« ตอบกลับ #121 เมื่อ: มี.ค. 14, 2015, 07:58 AM »
0
^^
เป็นความปวดร้าวส่วนตัว

.....แต่ยุติธรรมแล้วหรือคะที่ตีตรามาตรฐานเด็กด้วยเพราะอ่านไทยไม่ออก เขียนไทยไม่ได้.....
.......ในขณะที่เด็กเหล่านั้นคิดเลขเป็น เรียนรู้วิชาแขนงอื่นๆได้ดี วิเคราะห์เป็น เพราะครูช่วย sub melayu ให้.......


...ประเด็นคือ...

ในห้องเรียนชั้น ป.1

คุณครู ---นี่คือผลการเรียนของ ด.ช.ฮาซันนะคะ

ผู้ปกครอง---(เปิดดูสักครู่ ก่อนยิงคำถาม) kroo nak wi yor sak jatoh Koh?

คุณครู --- มันจำเป็นค่ะ เพราะน้องเขายังอ่านหนังสือไม่ได้ เขียนก็ไม่ได้ ถ้าให้เลื่อนชั้นไปก็น่าสงสารเด็ก

ผู้ปกครอง--- hak lain lepah habih ...madah Agama lepah suma
                    madah saman jatoh madah pasathai saja

คุณครู--- ภาษาไทยนี่แหละค่ะ จำเป็น ถ้าน้องอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ น้องก็จะสื่อสารหรือวิเคราะห์อะไรไม่ได้เลย ถ้าครูไม่ช่วย sub Melayu ให้

ผู้ปกครอง---nak asian dah krooooooo...Malaysia. lndonisia cakap nayu saja kroo
                   Kalu kroo nak wi sak jatoh dakpa kroo...Waa ganor kroo...anak kita dak pana diri

คุณครู---ขอมาอัฟจริงๆนะคะ มันเป็นมาตรการของฝ่ายวิชาการค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 14, 2015, 08:10 AM โดย Rusnii717 »
ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ห้องเรียนซุนนะห์
« ตอบกลับ #122 เมื่อ: มี.ค. 14, 2015, 08:04 AM »
0
 สรุปคือ...ฮาซันซ้ำชั้น

ฮาซันอายที่โดนเพื่อนล้อว่าสอบตก

ฮาซันไม่อยากมาโรงเรียน

ฮาซันไม่ชอบวิชาภาษาไทย ไม่พูด(เพราะพูดไม่เป็น)

  ...ค่ะ มันเป็นความปวดร้าวส่วนตัว...
ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ห้องเรียนซุนนะห์
« ตอบกลับ #123 เมื่อ: มี.ค. 14, 2015, 01:08 PM »
0
สรุปคือ...ฮาซันซ้ำชั้น

ฮาซันอายที่โดนเพื่อนล้อว่าสอบตก

ฮาซันไม่อยากมาโรงเรียน

ฮาซันไม่ชอบวิชาภาษาไทย ไม่พูด(เพราะพูดไม่เป็น)

  ...ค่ะ มันเป็นความปวดร้าวส่วนตัว...

อ่านแล้วเห็นเงาตัวเองในอดีตขึ้นมาฉายเลย...

ขอเล่าในเชิงลึกเลยนะคะ

ตอนเรียนที่ไทย...เรียนโดยใช้ภาษาไทย(ซึ่งเป็นภาษาที่เข้าใจ)
ได้เกรดดีเลิศ ได้ที่หนึ่งตลอด ไม่เคยสอบตก
จึงมีโอกาสสอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศได้

แต่พอไปอยู่ที่นั่น ไปเรียนกับคนที่นั่น
เขาวัดระดับภาษาญี่ปุ่นก่อนเลือกช้ันเรียนให้
ปรากฏว่า วิชาคณิตและวิทยาศาสตร์อยู่ในเกณฑ์ดี
(ทั้งๆที่ข้อสอบใช้ภาษาญี่ปุ่น) แต่เราเห็นตัวเลข เลยมั่วๆเอา
เลยได้อยู่ห้องวิทย์ในระดับห้องคิง

ส่วนตอนวัดระดับภาษาญี่ปุ่นนั้น คะแนนตกต่ำ
เลยอยู่ห้องภาษาญี่ปุ่น...ห้องบ๊วย

ต่อมาสอบตก...อยู่ห้องบ๊วยไม่เลิก...เพื่อนร่วมทุนร่วมชาติ
ล้อว่าโง่ขนาดนี้แล้วได้ทุนมาได้ไง สงสัยฟลุคมาแน่ๆ

ตอนนั้นเจ็บนะ...แต่ที่เจ็บกว่าคือ พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เคยจะสู้ชาวบ้านได้
เพราะชาวบ้านเขาก็พยายามอยู่เหมือนกัน ได้แต่หวังว่า
หากเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ สักวัน เราจะเข้าใจภาษานี้
และความรู้ของเราจะไม่ถูกปิดกั้น มันสมองของเราจะกลับมาใช้งานได้
อย่างเต็มกำลัง...ในขณะนั้นก็พยายามหาซื้อหนังสือมาฝึกมาอ่าน

และนิสัยขี้เกียจอ่านก็เป็นอุปสรรคอีก...กว่าจะเอาชนะนิสัยขี้เกียจอ่านมาไ้ด
สาหัสทีเดียว...เพราะถ้าอ่านเป็นภาษาไทย รอบเดียวจำ...และที่จำเพราะเข้าใจ
แต่ถ้าอ่านภาษาอื่น สามรอบก็ยังไม่เข้าใจ เลยไม่จำ...
เลยเกลียดภาษาญี่ปุ่นสุดจิตสุดใจ อยากหอบผ้าหอบผ่อนกลับบ้าน
เกิดเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะอยู่ที่นั่นมันมีแต่ความอัปยศอดสู
อยู่ให้ชาวบ้านเขาต่อว่า มองเราอย่างดูแคลนไปทำไม
ถ้าได้เรียนในมหาลัยที่ไทย เราคงมีหน้ามีตา เพื่อนๆชื่นชม
กว่านี้แน่นอน...แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมกลับ...เพราะได้กำลังใจดีๆ
จากครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง...

ตอนอยู่มหาลัยก็สอบตก คนไม่เคยสอบตก ถ้าได้สอบตกจะเจ็บช้ำมาก
เพื่อนร่วมทุนจำนวนไม่น้อย บอกลาโลกไปด้วยการฆ่าตัวตาย
เพราะผิดหวัง เนื่องจากคะแนนสอบตกต่ำ เลยรับไม่ได้ ทำใจยอมรับไม่ได้
และมันเป็นความผิดหวังซ้ำๆซากๆ เขาเลยทนไม่ไหว ปลิดชีวิตตัวเองลง
บางคนบ้าและเสียสติ ฟั่นเฟือน...เพราะนอกจากต้องทนมองคะแนน
ที่ไม่เอาไหนในผลการสอบแต่ละเทอมแล้ว เขายังต้องทนกดดัน
จากเจ้าของทุน จากเพื่อนในมหาลัย และจากเพื่อนร่วมทุนที่เขาเก่งๆ
และสอบได้คะแนนดีเลิศ...

เคยปลอบน้องที่กำลังจะกระโดดตึกตาย เพราะความผิดหวัง
ในการเรียน...เนื่องจากเขาเก่งระดับเหรียญเงินโอลิมปิก
แต่เขาไม่ชอบภาษาญี่ปุ่น เลยฝ่าด่านอรหันต์นั้นไปไม่ได้
เพราะเขาต้องเรียนทุกอย่างด้วยหลักสูตรภาษานั้น

เขาต้องเข้าพบจิตแพทย์บ่อยๆ...และยังโดนกดดันจากทางบ้านอีก
เพราะทางโน้นหวังไว้กับเขามาก...

สรุป เมื่อชีวิตไม่เป็นไปดั่งความหวัง เขาเลยคิดจะฆ่าตัวตาย
เคยปรึกษาเรื่องอยากจะตายกับเราอยู่หลายรอบ
แต่ตัวเราก็บอกเขาไปว่า เขาเก่งกว่าเรา วันนึงเมื่อเขากลับไปไทย
เขาจะสามารถพัฒนาประเทศชาติได้ดีกว่าเรา
ในเมื่อเราโง่กว่าเขา และเรายังไม่คิดอยากจะตาย
ทำไมเขาต้องอยากจะตายด้วย...และไม่ต้องรีบตาย เพราะจริงๆแล้ว
เราทุกคนกำลังเดินไปหามันอยู่...สุดแต่ว่า เรากำลังเข้าใกล้มันแล้วหรือยังเท่านั้น

บัดนั้น เขาก็เลิกจะตายไป...ปัจจุบันก็ได้กลายเป็นมันสมองของชาติ...

และสำหรับตัวเอง...เกือบหกปีที่ต้องฟันฝ่าเรื่องภาษา
จนกว่าจะทำได้ดั่งที่ตั้งใจเอาไว้ได้...ยากและกินน้ำตาไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

แต่ก็เป็นน้ำตาที่ทำให้เรามีความมานะบากบั่นอยากจะทำให้ดีกว่าเดิม...

จึงได้แต่บอกว่า...อัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนแปลงเรา ถ้าเราไม่เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง...

หากคุณครูคนใดสามารถปลอบประโลมลูกศิษย์ที่สอบตกได้
ให้เขามีความหวัง เปลี่ยนความเจ็บปวดและผิดหวังเป็นพลัง
เชื่อว่า เด็กที่ผ่านความผิดหวังมาจะเข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกันที่ดี
เอาไว้ต่อต้านกระแสของสังคมภายนอกได้ดีกว่าเด็กที่ถูกประคบประหงม
ไม่เคยพานพบกับความผิดหวังค่ะ...

หลานเราก็สอบตก...เขาบอกว่าเป็นหลานเราแล้วสอบตกรุ้สึกอายมาก
อาเก่งแต่ทำไมเขาไม่เก่งเหมือนอา ก็เลยบอกเขาไปว่า
อาไม่เก่งหรอก อาเองก็สอบตกมาเหมือนกัน...
กว่าจะสอบผ่านและได้ปริญญามา
อาก็สอบตก และโดนเพื่อนล้อมาเหมือนกันนะ...
ร้องไห้เสียใจมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
แต่อาก็ไม่คิดท้อแท้ เราต้องขยันเพิ่มสิ ไม่ใช่มามัวท้อ...
ไม่ต้องไปแข่งกับใคร...แข่งกับตัวเองมันนี่แหล่ะ...

ใครจะได้ที่หนึ่ง สอง สาม ก็ปล่อยเขาได้กันไป
เราเอาแค่เราสามารถทำได้ เอาแค่ให้สุดกำลังก็พอ

หากเทอมนี้ได้ที่โหล่ เทอมหน้าขอเป็นรองที่โหล่แล้วกัน...
ค่อยๆขยับ...ดีไหม...

เราไม่จำเป็นต้องเป็นที่สุดในห้องหรือในโลกก็ได้
แค่พยายามเป็นคนที่ดีกว่าเดิมเป็นพอ...

พอเราเรียนจบออกไปอยู่กับคนอื่นๆข้างนอกโรงเรียน
ที่นั่น...มีความผิดหวังและความเสียใจรอเราอยู่มากมาย
หัดเสียใจและผิดหวังเสียแต่วันนีี้ และให้กำลังใจตัวเองให้เยอะ

วันนึง...ถึงเราไม่ใช่ที่หนึ่ง หรือไม่ได้เรียนเก่ง
แต่ในสนามชีวิต เราก็เป็นนักสู้ที่ดีได้เหมือนกันนา

ปล.ครูคือความหวัง คือแรงผลักดันของเด็กๆค่ะ...
ให้กำลังใจครูทุกคน...

ปล.อีกที...เมื่อก่อนไม่เคยคิดอยากจะเป็นครู เพราะไม่ชอบ
ระบบราชการไทยเอาเสียเลย...
แต่ปัจจุบันชักเริ่มชอบ ชอบตั้งแต่ได้สอนพิเศษเด็กๆ
แล้วพบว่าเด็กๆอ่อนภาษากันเยอะมาก แล้วอย่างนี้เขาจะ
ฝ่าด่านอรหันต์ไปได้อย่างไร...เพราะภาษาคือสื่อนำเรา
ไปสู่ความรู้...คณิตก็อ่อนกันเยอะ...บวก ลบ คูณ หาร
ก็ไม่เป็น ท่องสูตรคูณยังไม่ได้...เลยเคี่ยวเด็กที่มาเรียนพิเศษ
ไปไม่น้อย...พอเห็นเขาพัฒนาขึ้นแล้วรู้สึกมีความสึกแฮะ

เคยแอบคิดเล็กๆลึกๆในใจ ครูในโรงเรียนสอนลูกศิษย์กันอย่างไร
ทำไมพวกเขาไม่เข้าใจวิชาเหล่านี้ทั้งๆที่มันสมองดีกว่าเรา
สมัยก่อนอยู่มาก...สอนเข้าใจง่าย เข้าใจได้เร็ว...
ถ้าได้ฝึกฝนดีๆ เก่งกว่าเราชัวร์...

แต่คิดว่า คุณครูในโรงเรียนอาจต้องรับศึกหลายด้าน
มีเด็กให้สอนหลายห้อง...เงินเดือนครูก็น้อย...
เม่่ือเทียบกับที่ครูสอนพิเศษได้ พอนึกมาถึงตรงนี้
เลยอดเห็นใจครูในโรงเรียนไม่ได้อีกเหมือนกัน
เพราะปัจจัยยังชีพเป็นสิ่งผลักดันแรงกายแรงใจของครูอยู่ไม่น้อย

ก็ว่า...ทำไมผู้นำประเทศถึงไม่ให้เงินเดือนครูสูงๆ
เหมือนประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว...

เพราะอาชีพนี้...เป็นอาชีพที่มีคุณค่า
เป็นอาชีพที่ช่วยพัฒนาบุคคลในชาติ...ถ้าคนมีคุณภาพ
ประเทศชาติก็มีคุณภาพตาม...

ประเทศชาติจึงควรตอบแทนความเหนื่อยของบรรดาครู
ให้มากกว่านี้...ให้มากกว่าเดิม...

วัสลามค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 14, 2015, 01:46 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ห้องเรียนซุนนะห์
« ตอบกลับ #124 เมื่อ: มี.ค. 14, 2015, 03:00 PM »
0
^^
جزاك الله خيرا

...คงต้องเอาเรื่องราวข้างต้นไปเล่าให้ ด.ช.ฮาซันฟังบ้างแล้ว...
(หวังใจอย่างยิ่งว่าคงไม่ซับซ้อนเกินไปสำหรับเด็ก ป.1 )

ป.ล.คนที่เขาเก่งๆ ก็ไม่มีใครอยากเป็นครู(ส่วนใหญ่ก็ไปเป็นหมอ เป็นอะไรก็ได้ที่ดีกว่าเป็นครู)
บางคนก็ไม่ได้อยากจะเป็นครู แต่ไม่รู้จะทำอะไร มีเส้นสายนิดหน่อยก็เป็นครูได้แล้ว
บางคนก็ไม่ได้สอนตรงตามเอก อาศัยอบรมนั่นนิด นี่หน่อย ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของศาสตร์ก็กัดฟันสอนกันไป
(อันนี้หมายถึงตัวเองนะคะ จบเลขแต่ต้องสอนไทยด้วย เป็นอะไรที่ต้องพยายามอย่างมากกกกกกก)
โดยเฉพาะกับภาษาไทย จำไม่ได้เลยว่าตอนเล็กๆครูสอนยังไงบ้าง จะได้เอาเทคนิคของครูมาสอนบ้าง
ถ้ามีเทคนิคการสอนที่ดีๆก็ยินดีค่ะ แต่เอาที่ได้ผลจริงๆนะ

ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ห้องเรียนซุนนะห์
« ตอบกลับ #125 เมื่อ: มี.ค. 14, 2015, 05:01 PM »
0
ถ้าเป็นภาษาไทย ส่วนใหญ่จะให้เขา หัดเขียนตามคำบอก
หลังจากสอนคำเหล่านั้นให้เขาแล้ว...

ให้เขาหัดคัดคำคัดตัวอักษร คัดไปอ่านออกเสียงไปด้วย
เพราะจะทำให้เขาจดจำมันได้ง่ายขึ้น แถมยังได้ฝึกการเขียนไปด้วย

ถ้าเป็นเด็กป.1 อันนี้ไม่เคยสอน แต่จะสอนป.5 ขึ้นไป
แต่ว่าสอนหลานมาตั้งแต่เขาเขียนอะไรไม่ได้เลย...แหลงใต้ได้อย่างเดียว
ก็จะหัดให้เขารู้จักภาษาไทยกลางด้วยการเล่านิทานให้เขาฟัง...
เขาจะสนใจมาก...แล้วก็จะถามเขาว่า เข้าใจมั้ยว่าคำนั้นคำนี้แปลว่าอะไร
เราจะแปลเป็นคำใต้ให้เขาฟังในส่วนที่เขาไม่เข้าใจ

อ่านนิทานไปหลายๆเรื่อง เราก็จะเริ่มรู้ทิศทางแล้วว่าเด็กอยู่ในระดับ
ความคิดและจินตนาการแค่ไหน แต่ละคนคิดได้แตกต่างกัน
เราต้องถามเขา เราถึงจะรู้ บางคนขี้อาย เราก็ค่อยหาเวลาอยู่ด้วยกันถาม
ซึ่งถ้ามองว่าเหนื่อยกับการต้องสอดส่องดูแลว่าเขาเป็นอะไรอย่างไร
และมีพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว แน่นอนว่า เราจะสอนเขาไม่สำเร็จ

ต้องทุ่มเทมากๆถึงจะป้อนความรู้ให้เขาได้...

เลยคิดเสมอว่า...งานสอนเป็นงานหนักและเหนื่อย
ครูไม่ควรได้ค่าเหนื่อยแค่นั้น...

การเอาเด็กคนนึงออกมาจากความไม่รู้ได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
แต่ระบบราชการบวกกับเงินเดือนของครูมันน้อยจริงๆ

ถ้าเงินเดือนครูสูงๆ คิดว่ามันจะพอเป็นแรงจูงใจให้คนอยากเป็นครูมากขึ้น
สอบเข้าเรียนครูมากขึ้น พอเข้าไปเรียน ก็มีหลักสูตรการสอนให้ครูเป็นครู
ที่มีคุณภาพ

หมอสอบเข้าเรียนยาก เพราะคะแนนสอบสูง คนที่มีไอคิวสูงๆเลยได้ไป

แต่จริงๆแล้ว...สำหรับตัวเองไม่ได้เลือกเรียนอะไรเพราะว่ามันได้เงินเดือนมาก
หรือเงินเดือนน้อย แต่เลือกเรียนตามที่ตนถนัด และถนัดเรียนออกแบบ
ซึ่งเป็นสิ่งที่คนแถวบ้านตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเอาไปทำมาหากินอะไร
มีหน้ามีตายังไง...ไม่มีเกียรติเหมือนหมอ พยาบาลหรือครูบาอาจารย์
แล้วก็อยากให้เราเรียนหมอ เรียนพยาบาล แต่เพราะรู้ตัวเองว่าเป็นหมอที่ดี
ไม่ได้แน่ๆ เพราะว่าแพ้โรงพยาบาลสุดๆ...อาชีพที่ต้องทำงานในโรงพยาบาล
จึงเป็นอาชีพที่อยู่นอกเหนือเป้าหมาย จะสอบหมอได้หรือไม่ได้จึงไม่ใช่ประเด็น

จบออกแบบมา ได้ทำงานด้านออกแบบ แต่ก็ไม่ได้มีความสุขกับมัน
เหมือนตอนเรียนเลย สเต็ปการทำงานกับตอนเรียนมันคนละเรื่อง
เลยต้องมานั่งหาว่าตัวเองเหมาะจะทำงานอะไรต่อ

เมื่อก่อนพยายามค้นหาว่าตัวเองเหมาะจะเรียนอะไร
ทุกวันนี้ก็ยังค้นหาว่าตัวเองเหมาะจะทำอะไรน่ะค่ะ

ซึ่งถ้าอยากรู้ เราต้องลองทำมันดู ถ้าไม่ใช่อีกก็บอกลา
ไปทำอย่างอื่นดู ลองไปเรื่อยๆ เดี๋ยวสักวันคงจะเจอที่เหมาะ
และลงตัวเอง อินชาอัลลอฮฺ

ปล.เรื่องเส้นสายมีอยู่ทุกที่เลยค่ะ ฟากฝั่งราชการก็มีมาก
ฟากฝั่งเอกชนก็มีไม่น้อย...บางคนจึงมีวิธีไต่ขึ้นไปไม่เหมือนกัน
คนเก่งว่างงานกันทั่วบ้านทั่วเมือง คนไม่ได้จบอะไรเป็นใหญ่เป็นโตมากมาย

ชีวิตในรั้วโรงเรียนจึงแตกต่างจากชีวิตนอกรั้วโรงเรียนมาก
เด็กๆที่จบออกมาจากรั้วโรงเรียนมากมายจึงได้มาค้นพบว่า
ทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมอยู่บ่อยๆค่ะ

จะมีใครสักกี่คนที่สอนให้เด็กเข้าใจชีวิตนอกรั้วไปด้วยได้
ในเมื่อครูก็อยู่ในรั้วโรงเรียนมาตั้งแต่จบการศึกษา...

สำหรับตัวเองคิดว่า...วิชาการศาสนาช่วยเราได้ไม่ว่าจะอยู่ในรั้วโรงเรียน
หรือนอกโรงเรียน...เพราะมันคือภูมิคุ้มกันชีวิตที่มีระบบนิรภัยชั้นเยี่ยม
เอาไว้ต่อสู้กับพิษภัยของดุนยาค่ะ...

สอนวิชาคณิตและภาษาไทยทุกครั้งจึงสอนคติธรรมแทรกเสมอ
เช่น

1+1=2 ในทางคณิตศาสตร์
แต่ถ้า ดินทราย 1 กอง มารวมกับ ดินทรายอีก 1 กอง จะเท่ากับ 1
ไม่ใช่สอง...แล้วสาธิตให้เขาดู มันเป็นสัจธรรมที่ตอนที่เขายังเล็กไม่เข้าใจ
แต่เด็กจะจำ พอเมื่อเขาโต เขาจะเอามันมาคิด เมื่อมีบางอย่างมากระทบ
หรือช่วงชีวิตเขามีบางอย่างมาสะกิด...

ดังนั้น แม้จะเป็นเด็กป.1 เราก็ประมาทไม่ได้ค่ะ...
สอนคติธรรมให้เขา วันนี้เขาอาจไม่เข้าใจ แต่เมื่อเขามีวุฒิภาวะมากกว่านั้น
อินชาอัลลอฮฺ เขาจะนำมันออกมาใช้เองในสักวัน...

ครูคือ...กระดาษทราย

เคยจำลองสถานการณ์ให้หลานๆได้คิดบริหารจัดการกับเงิน
ด้วยการให้เงินเข้าเท่าๆกัน แล้วพาเขาไปแลกซื้อของ
เขาเคยถามว่า เหรียญในมือของเขาทำไมถึงเอาไปแลกขนมได้

เราก็บอกเขาว่า...ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
มันต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน เราให้เขาสิ่งหนึ่ง เขาก็จะให้เราตอบแทนมา
ด้วยกับสิ่งหนึ่ง...และเมื่อมีใครให้เรา เราต้องขอบคุณเขาและต้องตอบแทนเขา

แล้วให้เขานับเหรียญในมือก่อนไปซื้อของ พร้อมกับจะบอกเขาว่า
ของชิ้นนี้ต้องเอาเหรียญกี่เหรียญไปแลก...ซึ่งเด็กจะจำได้ว่า
ในมือตัวเองมีกี่เหรียญ กรณีที่เขาจำไม่ได้ จะให้เขานับใหม่
กว่าจะได้กินขนมแต่ละที หลานเราต้องคิดหนักกันเลยทีเดียว

เขายังเคยถามเลยว่า แล้วที่เราให้เหรียญให้เงินเขา เราให้เขาฟรีๆ
หรือเปล่า...หรือว่าเขาต้องแลกอะไรให้...ก็เลยยิ้มแล้วบอกเขาว่า
ต้องแลกสิ อย่างน้อยก็ต้องรู้จักเชื่อฟังกัน...หรือไม่ก็ต้องพับผ้าห่ม
ตอนตื่นนอนให้เรียบร้อยถึงจะมีสิทธิ์ได้เหรียญไปแลกขนม
เขาอาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมการพับผ้าห่มถึงสามารถแลกกับเหรียญได้
แต่เขายอมเชื่อฟังเรา เพราะเขาอยากกินขนมนั่นเอง...

เด็กรู้จักเป้าหมายค่ะ...แล้วสมองเขาก็ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน
แค่คิดว่า พับผ้าแล้วได้เหรียญ พอได้เหรียญก็ได้ขนม...แค่นั้น...

แต่เชื่อมั้ยคะว่านั่น สอนให้เขาได้รู้จักคิดและบริหารเงินในมือ
พร้อมกับเห็นคุณค่าของมันไปด้วยในตัว...เป็นการลับสมองให้เขา
เป็นการสร้างเป้าหมายให้เขา...ฝึกการมีระเบียบวินัยให้เขาไปด้วย

เด็กๆเหมือนผ้าขาว ป้อนข้อมูลง่ายกว่าผู้ใหญ่มาก
ที่สำคัญ เขาน่ารักน่าเอ็นดูกว่าผู้ใหญ่เยอะ ^^

บางคน...ไม่ได้มีอาชีพครู แต่ก็ได้ทำหน้าที่ครูอยู่เสมอ...
เพราะครู คือ กระดาษทรายที่คอยขัดเกลาเขาให้ได้ดี...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 14, 2015, 05:20 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ห้องเรียนซุนนะห์
« ตอบกลับ #126 เมื่อ: มี.ค. 14, 2015, 10:04 PM »
0
^^
...جزاك الله خيرا كثيرا...

 ไว้ว่างๆจะมาแลกเปลี่ยนแบบเจาะลึกในเนื้อหานะคะ

انشاء الله


ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

 

GoogleTagged