พี่น้องครับ
การอ้างว่าจำเป็นต้องละหมาดญุมอัตวันศุกร์(มีคุตบะและละหมาด2รอกาอัต)นั้นดูจะฟังไม่ขึ้น..ด้วยเหตุผลที่ว่า ถูกบังคับจากผู้มีอำนาจของสำนักคณะกรรมการจุฬา หรือกกอ จว.ก็ตาม หรือหากไม่ทำเช่นนั้น ก็จะถูกยึดทะเบียนมัสยิดและก็ต้องเป็นมัสยิดเถือ่นซึ่งทางการจะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ และจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ..จากทางรัฐบาลของกระทรวงศึกษาธิการ ข้ออ้างต่างๆนั้นดูจะไม่เพียงพอในการที่เราทำอีบาดัตแบบเพื่อเกรงกลัวสิ่งอื่น และละเลยความถูกต้องกับเงื่อนไขที่วางไว้ ทั้งๆที่อ้ามั้ลอิบาดัตที่เราถวายให้พระผู้สร้างนั้น มันต้องพิถีพิถันและชัดเจนด้วยกฏเกณท์ของมัน
อิบาดัตทุกอย่างในการเป็นอิสลามนั้น ย่อมมีความสมบูรณ์เสมอ...ไมว่า รูกนอิสลาม และรูกนอิหม่าน...
รูกนอิสลาม ที่เริ่มจาก การกล่าวปฏิญาณตนนั้นต้องมีเงื่อนไขของมันเช่นกัน ไม่ใช่วัดกันตรงที่ฝีปาก แต่จิตใจและร่างกายนั้นมันจะต้องสอดคล้องด้วยคำกล่าว..ด้วย...
หลังจากนั้นต้องเรียนรู้วิธีละหมาดและการสำรวมในการละหมาด ความมีสมาธิและต้องพร้อมทั้ง3วิชาการ
ในขณะละหมาดนั้น เราต้องรู้จักถึงผู้ที่เราจะเคารพ(เตาฮีด)
ต้องมีการปฏิบัติท่าทางต่างๆนั้นเราจะต้องทำอย่างถูกต้องตามหลักชารัตของมัน(ฟิกฮ์)
ต้องมีจิตใจที่ยำเกรงและแน่วแน่มีสมาธิตลอดเวลาที่เฝ้าเข้า (ตะซะวุฟ)....
ฉนั้นเหตุผลและข้ออ้างเพียงที่ว่ายังไงๆก็ต้องทำละหมาดญุมอัตวันศุกร์เพราะที่ไหนและใครๆในโลกเขาทำกันนั้น..
ขอตอบว่า..นั้นคือการเข้าใจที่ผิดๆ ของผู้ที่เร่งรีบในการกระทำละหมาดวันศุกร์ด้วยการไม่รู้จักกฏเกณท์ของมัน..และเหตุผลที่อ้างว่า..การละหมาดวันศุกร์ ที่ว่านั้น ที่ไหนเขาก็ทำกันทั้งนั้น ถ้าเขา พูดอย่างนี้ ก็เป็นเสมือนว่า การละหมาดนี้นั้น เปรียบเช่น แฟชั่น ว่าที่ไหนๆเขาก็ทำกัน...อย่างนั้นหรือ......
จะเห็นว่า เมื่อเอาเหตุผลข้างต้นมาอ้างนั้น ทำไมไม่คิดบ้างหรือว่า การทำอีบาดัตด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นนั้น พระองค์ทรงไม่ต้องการ และการที่ฝ่าฝืนทำด้วยไม่อยู่ในเงื่อนไขและองค์ประกอบด้วยแล้วยิ่งหนักไปอีกหลายเท่า การอีบาดัตนั้นต้องครบกฏเกนท์ที่วางไว้จึงสามารถปฏิบัติ..มัสหับชาฟีอีนั้นเป็นมัสหับที่มีความละเอียดอ่อนและปราณีตมาก ไม่เหมือนมัสหับอื่นที่ไม่ระบุเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของผู้ทำละหมาดวันศุกร์ ซึ่งเป็นที่รู้ว่า เพียงอ้างจำนวนคน 4 หรือ12คนก็ถือว่าทำได้แล้ว ไม่คำรึงว่าคุณสมบัติ ของผู้ที่ร่วมละหมาดนั้นจะเป็นคนเอาวามหรือญาเฮลอย่างไร อ่านฟาตหะหรือละหมาดถูกไหม ปัจจุบันนี้เราไม่คำนึงถึงข้อนี้ เรามักจะกลัวอำนาจอื่นมากกว่าอำนาจของอัลลออ์...ผู้ณุ้ที่มักง่ายและชั่วๆก็มีมาก ไม่เคยมองมะมูมว่าเคยที่มาสนใจศึกษาการละหมาดบ้างหรือไม่ ต่างคนต่างอยู่..แล้วเราคิดหกรือว่าการที่เราละหมาดแต่ละศุกร์นั้นอัลลออ์จะรับอิบาดัตของเรา.....
การฝ่าฝืนกระทำทั้งๆที่ไม่ได้ตามเงื่อนไขนั้น กลายเป็นอิบาดัตเพื่อตอบสนองผู้อื่น ที่ไม่ใช่อัลลออ์ นี่คืออิบาดัตที่มีชีริก เพราะเอาเหตุผลอื่นมาเคียงกับพระองค์
หรืออ้างว่า ก็สมัยปู ย่า ตา ยายเขาก็ทำมาแบบนี้ และเราก็ทำมาตามคนรุ่นก่อน..
ตรงนี้ขอบอกว่า..มันฟังไม่ขึ้น..สมัยปู่ย่า เรานั้นถ้าเราจะคิดแยกแยะเหตุผลนั้นมีมากมาย
เช่น เขาเหล่านั้นเป็กลุ่มชนที่เรียนรู้และศึกษาจริง และสามารกเป็นอิม่ามกันได้....เพราะเขาต่างมีความรู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน...
และเป็นไปได้ว่า ในสมัยนั้นการเข้าใจในเรื่องกฏเกณท์ศาสนานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจแบบประจักเหมือนปัจจุบันนี้..
ฉนั้นเ หตุผลที่อ้างนั้นฟังไม่ขึ้น..
...
พี่น้องครับ อย่าลืมว่า สิ่งที่ทำให้ญุมอัตใช้ได้นั้น ก็คือ กฏเกณท์การละหมาดญุมอะที่สมบูรณ์เท่านั้น..และหากไม่ครบเงื่อนไขหรือกฏเกณท์นั้น ละหมาดญุมอัตที่เราทำกันทุกวันศุกร์นั้น ก็ใช้ไม่ได้....
ในโอกาสต่อไป ผมจะมาคุยถึงจำนวนและคุณสมบัติของผู้ทำละหมาดวันศุกร์...