ผู้เขียน หัวข้อ: การไม่ได้ละหมาดวันศุกร์(ที่มีคุตะบะและ2รอกาอัตเลย)..ผิดไหม  (อ่าน 6187 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป


สำหรับ..ตัวอย่างคำอ้างนั้น ผมจะนำมาบอกต่อครับ  อิงชาอัลเลาะตาอา

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องครับ

การอ้างว่าจำเป็นต้องละหมาดญุมอัตวันศุกร์(มีคุตบะและละหมาด2รอกาอัต)นั้นดูจะฟังไม่ขึ้น..ด้วยเหตุผลที่ว่า ถูกบังคับจากผู้มีอำนาจของสำนักคณะกรรมการจุฬา หรือกกอ จว.ก็ตาม หรือหากไม่ทำเช่นนั้น ก็จะถูกยึดทะเบียนมัสยิดและก็ต้องเป็นมัสยิดเถือ่นซึ่งทางการจะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ และจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ..จากทางรัฐบาลของกระทรวงศึกษาธิการ  ข้ออ้างต่างๆนั้นดูจะไม่เพียงพอในการที่เราทำอีบาดัตแบบเพื่อเกรงกลัวสิ่งอื่น และละเลยความถูกต้องกับเงื่อนไขที่วางไว้ ทั้งๆที่อ้ามั้ลอิบาดัตที่เราถวายให้พระผู้สร้างนั้น มันต้องพิถีพิถันและชัดเจนด้วยกฏเกณท์ของมัน   

อิบาดัตทุกอย่างในการเป็นอิสลามนั้น ย่อมมีความสมบูรณ์เสมอ...ไมว่า รูกนอิสลาม และรูกนอิหม่าน...

รูกนอิสลาม  ที่เริ่มจาก  การกล่าวปฏิญาณตนนั้นต้องมีเงื่อนไขของมันเช่นกัน  ไม่ใช่วัดกันตรงที่ฝีปาก  แต่จิตใจและร่างกายนั้นมันจะต้องสอดคล้องด้วยคำกล่าว..ด้วย...

 หลังจากนั้นต้องเรียนรู้วิธีละหมาดและการสำรวมในการละหมาด ความมีสมาธิและต้องพร้อมทั้ง3วิชาการ 

ในขณะละหมาดนั้น เราต้องรู้จักถึงผู้ที่เราจะเคารพ(เตาฮีด)

ต้องมีการปฏิบัติท่าทางต่างๆนั้นเราจะต้องทำอย่างถูกต้องตามหลักชารัตของมัน(ฟิกฮ์) 

ต้องมีจิตใจที่ยำเกรงและแน่วแน่มีสมาธิตลอดเวลาที่เฝ้าเข้า (ตะซะวุฟ)....

ฉนั้นเหตุผลและข้ออ้างเพียงที่ว่ายังไงๆก็ต้องทำละหมาดญุมอัตวันศุกร์เพราะที่ไหนและใครๆในโลกเขาทำกันนั้น..

ขอตอบว่า..นั้นคือการเข้าใจที่ผิดๆ  ของผู้ที่เร่งรีบในการกระทำละหมาดวันศุกร์ด้วยการไม่รู้จักกฏเกณท์ของมัน..และเหตุผลที่อ้างว่า..การละหมาดวันศุกร์ ที่ว่านั้น  ที่ไหนเขาก็ทำกันทั้งนั้น  ถ้าเขา พูดอย่างนี้  ก็เป็นเสมือนว่า  การละหมาดนี้นั้น เปรียบเช่น  แฟชั่น  ว่าที่ไหนๆเขาก็ทำกัน...อย่างนั้นหรือ......

จะเห็นว่า เมื่อเอาเหตุผลข้างต้นมาอ้างนั้น ทำไมไม่คิดบ้างหรือว่า  การทำอีบาดัตด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นนั้น  พระองค์ทรงไม่ต้องการ  และการที่ฝ่าฝืนทำด้วยไม่อยู่ในเงื่อนไขและองค์ประกอบด้วยแล้วยิ่งหนักไปอีกหลายเท่า   การอีบาดัตนั้นต้องครบกฏเกนท์ที่วางไว้จึงสามารถปฏิบัติ..มัสหับชาฟีอีนั้นเป็นมัสหับที่มีความละเอียดอ่อนและปราณีตมาก ไม่เหมือนมัสหับอื่นที่ไม่ระบุเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของผู้ทำละหมาดวันศุกร์ ซึ่งเป็นที่รู้ว่า เพียงอ้างจำนวนคน 4 หรือ12คนก็ถือว่าทำได้แล้ว  ไม่คำรึงว่าคุณสมบัติ ของผู้ที่ร่วมละหมาดนั้นจะเป็นคนเอาวามหรือญาเฮลอย่างไร อ่านฟาตหะหรือละหมาดถูกไหม  ปัจจุบันนี้เราไม่คำนึงถึงข้อนี้   เรามักจะกลัวอำนาจอื่นมากกว่าอำนาจของอัลลออ์...ผู้ณุ้ที่มักง่ายและชั่วๆก็มีมาก ไม่เคยมองมะมูมว่าเคยที่มาสนใจศึกษาการละหมาดบ้างหรือไม่ ต่างคนต่างอยู่..แล้วเราคิดหกรือว่าการที่เราละหมาดแต่ละศุกร์นั้นอัลลออ์จะรับอิบาดัตของเรา.....

การฝ่าฝืนกระทำทั้งๆที่ไม่ได้ตามเงื่อนไขนั้น กลายเป็นอิบาดัตเพื่อตอบสนองผู้อื่น  ที่ไม่ใช่อัลลออ์  นี่คืออิบาดัตที่มีชีริก เพราะเอาเหตุผลอื่นมาเคียงกับพระองค์

หรืออ้างว่า ก็สมัยปู ย่า ตา ยายเขาก็ทำมาแบบนี้  และเราก็ทำมาตามคนรุ่นก่อน..

ตรงนี้ขอบอกว่า..มันฟังไม่ขึ้น..สมัยปู่ย่า เรานั้นถ้าเราจะคิดแยกแยะเหตุผลนั้นมีมากมาย 
 
เช่น  เขาเหล่านั้นเป็กลุ่มชนที่เรียนรู้และศึกษาจริง และสามารกเป็นอิม่ามกันได้....เพราะเขาต่างมีความรู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน...

และเป็นไปได้ว่า ในสมัยนั้นการเข้าใจในเรื่องกฏเกณท์ศาสนานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจแบบประจักเหมือนปัจจุบันนี้..

ฉนั้นเ   หตุผลที่อ้างนั้นฟังไม่ขึ้น..
...
พี่น้องครับ อย่าลืมว่า สิ่งที่ทำให้ญุมอัตใช้ได้นั้น ก็คือ กฏเกณท์การละหมาดญุมอะที่สมบูรณ์เท่านั้น..และหากไม่ครบเงื่อนไขหรือกฏเกณท์นั้น  ละหมาดญุมอัตที่เราทำกันทุกวันศุกร์นั้น  ก็ใช้ไม่ได้....

ในโอกาสต่อไป  ผมจะมาคุยถึงจำนวนและคุณสมบัติของผู้ทำละหมาดวันศุกร์...

ออฟไลน์ Ronnachai

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 8
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สลามถึง คนอยากรู้  ผมสาว่าอีบังเป็นศิษย์เกาะยาว

ที่บังแหลงเรื่องวันศุกร์นี้ ได้ข้อมูลมาจากไหน
หมายถึงความโร้  สาว่าตีเป็นเกาะยาว  บังเป็นศิษย์ปะหลังแอ หม้ายเหล้า
เพราะว่า เท่าเท่ผมโหร่มา ในประเทศไทย ไม่ทำวันศุกร์ 2 เท่
คือ เกาะยาว  กับ ปอเนาะแถวกระบี่
เพราะแกเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับปะหลังแอ
.......ถ้าว่าไปเกาะยาวก็ ฝากสลามให้ ครูดุด ครูอิด ชายหลี ปะไบด้วยหนอ
วาอาลัยกุมุสสลาม

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
รับสลามครับ คุณรนชัย..

ผมเองไม่ได้เป็นศิษย์ที่นั้นนะครับ...แต่มีเพื่อแถวนั้นนะครับ...

.......ข้อมูลนั้นเพื่อๆเขาให้มาอีกทีนะครับ...ก็นำมาเผยแพร่ให้พี่น้องเรารับทราบกันนะครับ จะได้ไม่ฮุกมและเข้าใจผิดต่อกัน...




คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
อีม่ามฆอซาลีย์กล่าวว่า..การอิบาดะที่ร่วมกับความรู้เป็นสิ่งจำเป็นหากไม่เช่นนั้นแล้ว(อิบาดัต)นั้นคือฝุ่นดินที่ถูกให้ปลิวไปตามลม..
นีคืออุลามะหนึ่งที่มีความรู้ที่ดีเลิศท่านเป็นผู้เคร่งครัดในเรื่อง   การทำอิบาดัตอย่างมาก และทำอย่างไรที่อัลลออ์รับผลงานของเรา..ทัศนะที่ท่านเลือกคือทัศนะอีม่ามชาฟีอี ท่านได้อ้างหะดิสของท่านนบีในครั้งที่ท่านได้อิสเราะเมียะรอจที่ว่า..

.......เขา(อัลลอฮ์)ให้ฉันเห็นได้เห็นในคืนเมียะรอจกับนรก แล้วฉันก็เห็นคนส่วนมากจากคนที่ยากจน...ซอฮาบะก็ถามท่านนบีว่า..โอ้ ท่านร้อซุ้ล (พวกยากจน)จากทรัพย์สินหรือ ท่านนบีกล่าวว่า..ไม่ใช่  แต่ว่า(ยากจน) ขากความรู้ แล้วผู้ใดไม่ศึกษาหาความรู้กฎเกณท์ของบรรดาการอิบาดัตจะไม่เกิดประโยชน์ใดกับเขา และการดำรงด้วยหลักการ..ที่แท้จริง(การอีบาดัต)ดังเช่นที่ควรเป็น และถ้าหากว่า แท้จริงผู้ชายคนหนึ่งเขากราบไหว้อัลลอฮ์ เหมือนดั่งการอีบาดัตของมาลาอีกัต(โดยไม่กินไม่ดื่มไม่นอนฯลฯ)  โดยไม่มีความรู้  แน่นอน เขาผู้นั้นเป้นคนหนึ่งจากบรรดาผู้ขาดทุน...

..เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ที่ร่วมทำละหมาดญุมอัตวันศุกร์ด้วยองค์ประกอบของมะมูมที่ไม่มีความรู้ ทั้ง40คนนั้น ก็เท่ากับว่า ไม่มีประโยชน์ใดๆ....และถ้าหากหมู่บ้านหนึ่งยึดเอาจำนวนคน40คน มาอ้างในการทำละหมใดญุมอัตวันศุกร์ ว่าครบตามเงื่อนไขแล้ว..ตรงนี้ขอชีแจงว่า ท่านกำลังเข้าใจผิด.....

ฉันใดก็ฉันนั้น การทำอีบาดัตที่ไม่เข้าใจในเรื่องเตาฮีดแต่เพียงเข้าใจในเรื่องการกระทำมันก็ไมม่มีค่าอะไร..
พี่น้องครับ...

.....อันดับแรกที่จำเป็นสำหรับตัวเรานั้นคือ  จักต้องรู้จักกับผู้ที่เรากราบไหว้หรืออิบาดัตก่อน..เมื่อท่านรู้จักผู้ที่ท่านทำการนมัสการดีแล้วท่านจึงถือว่า  สามารถนมัสการกราบไหว้ได้...แต่ถ้าท่านไม่รู้จักชื่อและคุณลักษณะของผู้ที่ถูกกราบไหว้..
ไม่รู้จักของที่เป็นวายิยให้กับพระองค์   สิ่งไหนพระองค์ห้าม-ใช้ แต่ยังดันทุรังทำนั้นก็แสดงว่า..เรา นั้นตั้งใจที่จะ..ฝ่าฝืน..
กระทำมัน ทั้งที่ไม่เข้าใจ .............นี้คือความสำคัญในภาคอูซุลลุดดีน....

....ต่อมา


นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ก็นำมาเผยแพร่ให้พี่น้องเรารับทราบกันนะครับ จะได้ไม่ฮุกมและเข้าใจผิดต่อกัน...

พวกเราทำเพียงเพื่อไม่ให้เข้าใจผิดต่อกันและไม่ฮุกุ่มกันและกัน  ดังนั้นจงยืนหยัดมันต่อไปครับพี่น้อง


ออฟไลน์ Ronnachai

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 8
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ใช้ได้ๆ บังนุรุลอิสลาม

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องครับ......

ประการแรกที่จำเป็นบนมุสลิม คือเราต้องไม่ลืมว่า ..ต้องมีการรู้จักและเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างกับผู้ที่เป็นพระเจ้าของเราด้วยสิ่งที่มีการบอกกล่าวถึงคุณลักษณะในกิตาบุลลอฮ์กับผู้ที่กราบไหว้(อัลลอฮ์)  
เช่นเดียวกับผู้ที่จะเข้ารับอัลอิสลาม ...ประการแรกเขาต้องมีความศรัทธาและเข้าใจในพระเจ้าของเขาที่เขาจะภักดี..ไม่ใช่มาเข้ารับโดยเหตุผลอย่างอื่น..นี่คือความสำคัญของวิชาอุซุ้ลุดดีน และหากว่าเราไม่รู้จริงในผู้ที่เราเข้าเฝ้าหรือในการปฏิบัติศาสนกิจนั้นๆก็เท่ากับว่า..มันสูญเปล่า

ในขณะเดียวกันทั้งวิชาฟิกฮ์และอัลอิคลาสนั้นก็มีความจำเป็นเช่นกันแต่ต้องเรียงลำดับการรู้ให้ถูกต้อง.ในการทำอีบาดัตใดๆนั้นอย่างแรก..ต้องเชื่อมั่นและรู้จักผู้ที่เราจะทำการกราบไหว้ ถัดมาคือ วิธีหรือรูบแบปการ และถัดมอีกคือ..ความบริสุทธิ์ใจในการเข้าเฝ้า    แต่ถ้าขาด อย่างหนึ่งอย่างใดถือว่าไม่สมมบูรณ์  เช่น มีแต่ความเชื่อและรู้จักกับในตัวของพระผู้เป็นเจ้า เป็นอย่างดี แต่ไม่มีวิธีการและรูปแบบ ให้เห็นถึงการกระทำ ก็ถือว่าไม่สมบูรณ์ และถ้ามีเฉพาะ รูปแบบ แต่ยังไม่มีการรู้จักและความเชื่อในคุณลักษษณะของพระเจ้า การกระทำของเขาก็ไม่มีค่าใดๆเลย  แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเชื่อและรูปแบบการกระทำก็ตามแต่เขานั้นไม่บริสุทธิใจเช่นถูกบังคับ หรือฝืนใจหรือ เหตุผลอื่นๆ  สิ่งที่เขากระทำก็ไร้ความหมายเช่นกัน   

ฉะนั้นการอีบาดัตใดๆนั้นจำเป็นต้องมีเงื่อนไขของมัน  ท่านอีม่ามชาฟีอีนั้นนอกจากจะเชี่ยวชาญทางด้านวิชาฟิกฮ์แล้วท่านยังมีการอบรู้ในเรื่องการยึดมั่นอย่างรอบคอบและเป็นผู้ทีมีความละเอียดมากจากทั้ง4ท่าน 

ในขณะเดียวกันเรื่องของการละหมาดญุมอัตในวันศุกร์นั้นท่านก็เอาหลักฐานที่ชัดเจนจากท่านนบีว่า  การละหมาดญุมอัตวันศุกร์นั้นจำเป็นต้องมี40คนเท่านั้น ในขณะเดียวกัน40คนตรงนี้ท่านยังบอกว่าเขานั้นสามารถที่จะทดแทนการเป็นอี่ม่ามกันได้  แม้หากว่า มีจำนวน100หรือมากกว่านั้น....หากว่า คนที่ไม่มีความรู้ในหลักการต่างๆหรือฯลฯ...........การเป็นอีม่ามนั้นก็ถือว่า ไม่ถึง40คน หรือ...ไม่ครบองค์ประกอบของมัน  และถือว่าไม่เซาะ...ในการละหมาดนั้นเช่นกัน......

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
..ซึ่งตรงนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า  ..

แค่เหตุผลของจำนวนคนครบ 40คนนั้น..มันไม่สามารถทำให้ละหมาดวันศุกร์สมบูรณ์ได้ ถ้าหากว่าใน40คนนั้นไม่มีความรู้แค่เพียงคนเดียว..นี่คือสิ่งทีบรรดาผู้รู้ในทัศนะของท่านอีม่ามชาฟีอีอธิบายเอาไว้.. แต่ที่สิ่งทำให้สมบูรณ์คือ คนที่มีความรู้ในการละหมาดร่วมกันในครั้งนั้นเท่านั้น เพราะการกระทำอิบาดีตใดๆนั้นต้องทำด้วยความรู้เท่านั้น...ไม่ใช่...อยู่ที่จำนวคน......

ดังนั้น ...เมื่อชุมชนใดที่เห็นว่า ในการละหมาดญุมอัตของคนในมูเก็มนั้น แม้จะมีจำนวนคน40คน ก็ตามแต่ ผู้เป็นอีม่ามนั้นย่อมที่จะรู้ดีว่า  มะมูมของเขานั้นเป็นอย่างไร และแต่ละคนมีความรู้เท่าเทียมกันหรือไม่ และมะมูมคนนั้นมีการเรียนรู้มาก่อนหรือไม่อย่างไร   

 ตรงนี้ผู้นำในกำปง(หมู่บ้าน)นั้นจักต้องรู้ดีถึงคุณสมบัติสัปบุรุษของเขา ว่า เมื่อองค์ประกอบไม่เข้าในเงื่อนไขการทำละหมาดวันศุกร์ เขาจะต้องทำอย่างไร และต้องละหมาดดุฮีรฺทดแทนแทนหรือไม่     ..แต่ถ้ายังฝืนกระทำเช่นบ้างทัศนะที่อาศัยเพียงหลักฐานดออีฟกระทำ เช่น ทำได้แล้วแม้มีมะมูม 3คน   หรือ12 คน ตรงนี้ ถือว่าฝืนกระทำในสิ่งที่ตนเองไม่รู้และเจตนาที่จะถวายอีบาดัตให้พระผู้เป็นเจ้า  ทั้งๆที่ไม่ถูกต้องและไม่เซาะทำ    แม้มัสหับชาฟีอีก็ตามถ้าหากที่ไหนอ้างว่าทำได้โดยอาศัยจำนวน40คนก็ตาม..แต่ไม่คำนึงถึงความรู้ของมะมูมเลย

ตรงนี้ก็ถือว่า ไม่เศาะทำละหมาดญุมอัตวันศุกร์เช่นกัน

ฉะนั้นเหตุผลที่อ้างว่า  ไม่เป็นไร ค่อยๆเรียนค่อยๆและทำเห็นที่อื่นๆเขาทำกันก็ทำ  ก็ไม่น่าจะผิดแต่อย่างใดตาม..การคิดว่าได้ตามอารมณ์นั้นถือว่าขาดเหตุผลในหลักการของศาสนา.

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องครับ..ในมัสหับชาฟีอีครับ

จงอย่าได้ลืมว่าอย่าลืมว่า บรรดากฎเกนท์ในการละหมาดญุมอัตนั้นเราต้องไม่มขาดข้อหนึ่งข้อใด และมีทั้งหมด7ข้อ..

1.ผู้นั้นจะต้องเป็นอิสลามที่สมบุรณ์
2.เขาจะต้องมีสิตปัญญาไม่โง่เขลาหรือไม่รู้
3.ต้องบรรลุศาสนาภาวะที่กำหนด
4.เป็นอิสรภาพ
5.เป็นผู้ชาย
6.ไม่ป่วยไข้
7.เป็นคนในหมู่บ้าน(ไม่เป็นผู้เดินทางหรือผู้ที่อพยพ)

ส่วนหลักฐานที่ว่าด้วยผู้ที่เป็นอีม่ามนำละหมาดนั้น ผู้นำกับผู้ตามนั้นย่อมสามารถจะมีความรู้แลกเปลี่ยนกันได้..

ซึ่งมีหลักฐานดังนี้..

รายงานจาก อบีหุรอยเราะ ท่านร่อซู้ล กล่าวว่า
"พวกเขาละหมาดนำพวกเจ้า หากเขาทำถูก พวกเจ้าก็ได้ผลบุญพวกเขาก็ได้ หากพวกเขาทำผิด พวกเจ้าก็ได้ผลบุญ"ท่านอะหมัด และอัลบุคอรี

และรายงานจาก..ซะลิน ท่านนบี(ซล) กล่าวว่า
"อีหม่ามเป็นผู้ค้ำประกัน ถ้าเขาทำดีภาคผลก็ได้แก่เขา และพวกเขา( มะมูม)ด้วย หากเขาทำเสีย เขาเองก็ไม่ได้"ท่านอิบนุมาญะ

รายงานจาก ท่าน อิบนิมัสอู๊ด กล่าวว่า ท่านนบี(ซล) กล่าวว่า
"ผู้ที่จะนำคนละหมาดคือ ผู้ที่รู้คัมภีร์ของอัลลอฮฺมากที่สุดในหมู่พวกเขา ถ้าหากมีผู้รู้มีความรู้เท่าๆ กันหลายคน ก็ให้คนที่รู้ซุนนะ(แบบฉบับของนบี)ดีที่สุด ......และถ้าหากมีผู้รู้ซุนนะ(แบบฉบับของนบี)เท่ากันหลายคน ก็ให้คนที่อพยพมาก่อนในหมู่พวกเขา ...ถ้าหากมีผู้อพยพมาก่อนเท่ากันหลายคน ก็ให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า..

และไม่ให้คนหนึ่งเป็นผู้นำละหมาด เพราะมีอำนาจ และไม่ให้ใครนั่งในบ้านของเขาบนที่ที่เตรียมไว้เฉพาะตัวของเขาเอง (หมายถึงผู้ที่ไม่ได้เป็นคนในชุมชนั้น)........นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเขาเสียก่อน"อะหมัด มุสลิม สะอีดอิบนุมันศูร..

ดังนั้น..

...ผู้ที่อยู่ในระหว่างที่เดินทางนั้นหรือผู้ที่รอนแรม(เช่นเดียวกับผู้ที่มาทำธุระหรือมาศึกษาวิชาการต่างๆซึ่งเมื่อตกเย็นหรือค่ำแล้วกลับภูมิลำเนา)นั้นเขาไม่มีความจำป็นต้องร่วมละหมาดญุมอัติวันศุกร์(แต่ต้องละหมาดดุฮีร)ร่วมกับผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านหรือผู้ที่อาศัยหรือตั้งรกรากถินฐานบ้านเรือนที่นั้น...

ซึ่งชัดเจนว่า การกระทำอาม้าลใดนั้นจำเป็นต้องมี..ตัรตีบ (ลำดับ)ของมันคือ..ต้องมีความรู่ในการทำตามสิ่งนั้นด้วย...

ฉะนั้น.........ผู้ที่มีความรู้ที่ดีที่สุดในชุมชนนั้นย่อมจะตัดสินใจในการนั้นอย่างถูกต้อง....

สำหรับในกรณีของหลักฐานในการทำละหมาด..ญุมอัตวันศุกร์ที่มีบางทัศนะอื่นอ้างว่า...สามารถกระทำได้แค่เพียง3คน
 เร่าขอกล่าวว่า ...นั้น..มันไม่เกี่ยวกันเลย  เพราะจากหลักฐานข้างล่างนี้ เป็นหลักฐานที่มาของ เลือกอีหม่ามนำละหมาดทั่วๆไป รายงานจาก ท่านอบีสะอี๊ด กล่าวว่า ท่านนบี(ซล) กล่าวว่า

"เมื่อพวกเจ้ามีด้วยกัน 3 คน ก็จงให้คนหนึ่งในพวกเขานำละหมาด และผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นอีหม่ามในหมู่พวกเจ้า เขาก็คือ ผู้ที่อัลกรุอานที่ดีที่สุด"
ท่านอะหมัด ท่านมุสลิม ท่านนะซาอี


ดังนั้น ...จากเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ผู้ที่เป็นอีหม่ามได้นั้น ต้องมีองค์ประกอบทั้ง7เช่นดียวกัน   ..นี้คือ...เราทุกคนต้องศึกษาและต้องเรียนรู้..ไม่ใช่มุ่งที่จะทำแบบส่งเดชให้มันเสร็จแบบลวกๆโดยไม่มีการพิถีพิถันใดๆ....

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
 ;Dสลามครับพี่น้อง..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 10, 2007, 04:29 AM โดย al-azhary »

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
จริงๆ  แล้ว  เรื่องนี้ยังไงม่จบคับ   พี่น้อง.............แต่ผมเองไม่ค่อยมีเวลามาเสนอต่อนะครับ..........ไม่เคยลืมหรอกครับว่า  ผมทำอะไรเกะกะเรียราดไว้มาก......สักวันผมจะปัดเก็บให้มันน่าดูอีกครั้งครับอิๆๆ






 

GoogleTagged