ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 60 สูเราะฮฺ อัลมุมตะหินะฮฺ  (อ่าน 2448 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัลมุมตะหินะฮฺ (الممتحنة)-หญิงที่ถูกทดสอบ
เป็นสูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ มี 13 อายะฮฺ


บทนำ (R3.)
   ชื่อ : ในอายะฮฺที่ 10 ของซูเราะฮฺนี้ได้มีการสั่งว่าผู้หญิงที่อพยพมายังดารุสสะลามรัฐอิสลาม) และอ้างว่าเป็นมุสลิมนั้นจะต้องได้รับการตรวจสอบ นี่คือที่มาของชื่อซูเราะฮฺนี้ คำว่า “มุมตะฮินะฮฺ” (ممتحنة) ออกเสียงได้อีกอย่างว่า “มุมตะฮะนะฮฺ” แต่ความหมายตามการออกเสียงอย่างแรกหมายถึง “การตรวจสอบ” และถ้าอ่านออกเสียงตามอย่างที่สองก็จะหมายถึง “ผู้หญิงที่ถูกตรวจสอบ”
   ระยะเวลาของการประทานซูเราะฮฺ : ซูเราะฮฺนี้พูดถึงเหตุการณ์สองเหตุการณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในทางประวัติศาสตร์ เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นก่อนการพิชิตมักกะฮฺ เป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับฮาฏิบ บิน อบีบัลดาอ์ ผู้ส่งจดหมายลับไปยังหัวหน้าชาวกุเรชเพื่อแจ้งว่าท่านรอซูลุลลอฮฺจะโจมตีพวกเขา เหตุการณ์ที่สองเป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับผู้หญิงมุสลิมที่ได้เริ่มอพยพออกจากมักกะฮฺไปยังมะดีนะฮฺหลังจากที่ได้มีการทำสัญญฮุดัยบียะฮฺ และได้มีปัญหาเกิดขึ้นมาว่าพวกนางจะต้องถูกส่งตัวกลับไปให้บรรดาผู้ปฏิเสธเช่นเดียวกับผู้ชายมุสลิมตามเงื่อนไขของสัญญาหรือไม่ การเอ่ยถึงสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าซูเราะฮฺนี้ได้ถูกประทานมาในช่วงเวลาระหว่างการทำสัญญาฮุดัยบียะฮฺกับการพิชิตมักกะฮฺ นอกจากนี้แล้วในตอนท้ายของซูเราะฮฺก็ได้มีการเอ่ยถึงสิ่งที่สามไว้ด้วยว่า : ท่านรอซูลุลลอฮฺควรจะให้ผู้หญิงทำสัญญาอะไรเมื่อพวกเธอมาให้สัตย์ปฏิญาณแสดงความภักดีต่อหน้าท่านในฐานะผู้ศรัทธา ? ในเรื่องนี้ก็มีการคาดคะเนว่าอายะฮฺส่วนนี้ได้ถูกประทานมาก่อนที่จะมีการพิชิตมักกะฮฺ เพราะหลังจากการพิชิตแล้ว ผู้หญิงกุเรชจำนวนมากก็หันเข้ามารับอิสลามพร้อม ๆ กันเช่นเดียวกับผู้ชาย และจะต้องให้สัตย์ปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีพร้อม ๆ กัน
   เนื้อหาสาระ : ซูเราะฮฺนี้มี 3 ส่วนด้วยกันนั่นคือ
   ส่วนแรกประกอบด้วยอายะฮฺที่ 1-9 และอายะฮฺที่ 13 ก็พูดถึงส่วนนี้ด้วย ในส่วนนี้ได้มีการยกเว้นความผิดรุนแรงให้แก่ฮาฏิบ บิน อบีบัลดาอ์ ที่พยายามแพร่งพรายความลับสำคัญของท่านรอซูลุลลอฮฺเพียงเพื่อจะปกป้องครอบครัวของเขา การกระทำดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ในการพิชิตมักกะฮฺถ้าหากว่ามันไม่ได้รับการแก้ไขให้ทันเวลา มุสลิมหลายคนอาจจะต้องสูญเสียชีวิตอันมีค่าของตน และชาวกุเรชหลายคนที่รับใช้อิสลามอย่างมากมายหลังจากนั้นอาจจะต้องถูกฆ่า ผลดีที่จะเกิดขึ้นจาการพิชิตมักกะฮฺโดยสันติวิธีอาจจะต้องสูญเสียไป และตวามสูญหายรุนแรงเหล่านี้ทั้งหมดจะเกิดขึ้นเพียงเพราะมุสลิมคนหนึ่งต้องการปกป้องครอบครัวของเขาไว้ให้พ้นจากอันตรายของสงคราม เพื่อเป็นการเตือนถึงความผิดเช่นนี้ อัลลอฮฺได้ทรงสอนบทเรียนให้แก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม ผู้ศรัทธาจะต้องไม่มีความสัมพันธ์แห่งความรักและมิตรภาพกับบรรดาผู้ปฏิเสธที่ทำตัวเป็นศัตรูต่ออิสลาม และผู้ศรัทธาจะต้องละเว้นจากทุกสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในการต่อสู้ระหว่างอิสลามกับการปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่เสียหายแต่ประการใดในการปฏิบัติที่ดีและมีความยุติธรรมต่อบรรดาผู้ปฏิเสธที่ไม่แสดงท่าทีเป็นศัตรูต่อต้านอิสลามและกดขี่ข่มเหงมุสลิม
   ส่วนที่สองประกอบด้วยอายะฮฺที่ 10-11 ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการแก้ปัญหาสังคมอย่างหนึ่งซึ่งกำลังสับสนอยู่ในเวลานั้น นั่นคือ มีผู้หญิงหลายคนในมักกะฮฺซึ่งมีสามีเป็นผู้บูชาเทวรูปและพวกเธอได้อพยพมาถึงมะดีนะฮฺแล้ว ในทำนองเดียวกันก็มีมุสลิมหลายคนในมะดีนะฮฺที่ภรรยาของตัวเองเป็นผู้เดชาเทวรูปและได้ถูกทิ้งไว้ที่มักกะฮฺ ปัญหาจึงเกิดขึ้นมาว่าความสัมพันธ์ทางด้านการแต่งงานระหว่างพวกเขายังคงมีอยู่ต่อไปหรือไม่ ดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้ทรงแก้ปัญหานี้เป็นการถาวรตลอดไปโดยได้ทรงกล่าวว่าสามีที่บูชาเทวรูปไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับผู้หญิงมุสลิม และภรรยาผู้บูชาเทวรูปก็ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับสามีมุสลิมเช่นกัน การตัดสินเช่นนี้ได้นำไปสู่ผลทางกฎหมายที่สำคัญหลาย ๆ ประการด้วยกัน ซึ่งเราจะได้กล่าวต่อไปในคำอธิบายประกอบ (หมายเหตุผู้นำเสนอ : คำอธิบายประกอบแต่ละอายะฮฺนั้นหาอ่านได้จากตัฟฮีมุลกุรอานฉบับเต็ม มีรายละเอียดน่าศึกษามาก)
   ส่วนที่สามประอบด้วยอายะฮฺที่ 12 ซึ่งในนั้นท่านรอซูลุลลอฮฺได้ถูกสั่งให้ขอให้ผู้หญิงที่ยอมรับอิสลามทำสัญญาว่าพวกเธอจะละเว้นจากบาปใหญ่ที่พวกหญิงในสังคมอาหรับก่อนหน้าอิสลามปฏิบัติกัน และสัญญาว่าพวกเธอจะปฏิบัติตามแนวทางแห่งความดีงามที่รอซูลของอัลลอฮฺจะสั่ง

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺอานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุมตะหินะฮฺ อายะฮฺที่ 1



คำอ่าน
1. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนูลาตัตตะคิซูอะดูวี วะอะดูวะกุม เอาลิยาอะ ตุลกูนะอิลัยฮิม บิลมะวัดดะติ วะก็อดกะฟะรูบิมาญา...อะกุม..มินัลหักกิ ยุคริญูนัรฺเราะสูละ วะอียากุม อัน..ตุอ์มินูบิลลาฮิ ร็อบบิกุม อิน..กุน..ตุม เคาะร็อจญตุมญิฮาดา ฟีสะบีลี วับติฆอ...อะมัรฎอตี, ตุสิรฺรูนะอิลัยฮิม..บิลมะวัดดะติ วะอะนะอะอฺละมุบิมา..อัคฟัยตุม วะมาอะอฺลัน..ตุม, วะมัย..ยัฟอัลฮุมิน..กุม ฟะกอฎฎ็อลละสะวา...อัสสะบีล

คำแปล R1.
1. O you who believe! take not My enemies and your enemies (i.e. disbelievers and polytheists, etc.) as friends, showing affection towards them, while they have disbelieved in what has come to you of the truth (i.e. Islamic Monotheism, this Qur'an, and Muhammad), and have driven out the Messenger (Muhammad) and yourselves (from your homeland) because you believe in Allah your Lord! If you have come forth to strive in My cause and to seek My good pleasure, (then take not these disbelievers and polytheists, etc., as your friends). You show friendship to them in secret, while I am All-Aware of what you conceal and what you reveal. And whosoever of you (Muslims) does that, then indeed he has gone (far) astray, (away) from the straight path.

คำแปล R2.
1. โอ้มวลผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่ายึดเอาศัตรูของข้าและศัตรูของพวกเจ้ามาเป็นมิตร พวกเจ้าอาจถ่ายทอด (ความลับของฝ่ายมุสลิม) แก่พวกเขาเพราะความรัก (ที่มีต่อพวกเขา) และแท้จริงพวกเขาได้คัดค้านสัจธรรมที่มายังพวกเจ้า อีกทั้งพวกเขายังขับไล่ศาสนทูต (ออกจากเมืองมักกะฮฺ) และพวกเจ้าจำเป็นต้องศรัทธากับอัลเลาะฮฺผู้ทรงอภิบาลของพวกเจ้าหากพวกเจ้าออกไปทำการต่อสู้ในหนทางของข้าและแสวงหาความโปรดปรานของข้า (ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่) พวกเจ้าพึงแสดงความรักต่อพวกเขาอย่างแฝงเร้น และข้าเองย่อมรู้ดีในสิ่งที่พวกเจ้าปิดบังและเปิดเผย และผู้ใดจากพวกเจ้ากระทำเช่นนั้น แน่นอนเขาได้หลงไปสู่ทางอันเลวร้ายแล้ว

คำแปล R3.
1. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ถ้าหากสูเจ้าออกมา (จากบ้านของสูเจ้าและอพยพ) เพื่อจะต่อสู้ในหนทางของฉันและเพื่อแสวงหาความโปรดปรานของฉันแล้วก็จงอย่าเป็นมิตรกับศัตรูของฉันและศัตรูของสูเจ้า สูเจ้าจงแสดงความเป็นมิตรต่อพวกเขา ถึงแม้พวกเขาได้ปฏิเสธที่จะเชื่อในสัจธรรมที่ได้มายังสูเจ้าแล้ว ในขณะที่พวกเขาขับไล่รอซูลและสูเจ้าเพียงเพราะสูเจ้าศรัทธาในอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลของสูเจ้า สูเจ้าส่งสารไปยังพวกเขาโดยลับ ๆ อย่างมีมิตรไมตรีในขณะที่ฉันรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าทำอย่างลับ ๆ และสิ่งที่สูเจ้าทำโดยเปิดเผย ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่ทำเช่นนี้ล้วนหลงผิดออกไปจากหนทางที่ถูกต้อง

คำแปล R4.
1. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้คบศัตรูของข้าและศัตรูของพวกเจ้าเป็นมิตรโดยให้ความรักใคร่ แก่พวกเขา และทั้ง ๆ ที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่มีมายังพวกเจ้าคือสัจธรรม พวกเขาขับไล่ร่อซูลและโดยเฉพาะพวกเจ้า เนื่องเพราะพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺพระเจ้าของพวกเจ้า หากพวกเจ้าได้เคยออกไปต่อสู้ในแนวทางของข้า และแสวงหาความโปรดปรานของข้า (ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้คบพวกปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นของข้า) โดยซ่อนความรักใคร่แก่พวกเขาอย่างลับ ๆ และข้ารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากระทำเช่นนั้นแน่นอนเขาได้หลงจากทางอันเที่ยงธรรม
 
คำแปล R5.
๑. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาต่ออัลเลาะห์และศาสดา พวกเจ้าอย่ายึดเอาศัตรูของข้า และศัตรูของพวกเจ้าเป็นผู้ปกครองของพวกเจ้า ซึ่งพวกเจ้ามอบความรักแก่พวกเขา อัลกุรอานโองการนี้ลงมาเกี่ยวกับชายผู้หนึ่งชื่อ ฮาฏิบ บินอะบีบัลตะอะฮ์ ได้ส่งจดหมายไปกับชาวมักกะห์เพื่อเตือนให้รู้ว่าท่านศาสดาจะนำทหารไปยึด โดยว่าจ้างหญิงผู้หนึ่งให้นำจดหมายนั้นไป แต่ท่านศาสดาทราบเสียก่อนจึงไปสกัดผู้หญิงคนนั้นและจับจดหมายได้ แต่ฮาฏิบให้การว่าเพียงแต่ส่งจดหมายไปบอกเท่านั้น เพราะทุกคนที่มักกะห์ก็เป็นญาติกันทั้งนั้น ไม่มีเจตนาจะแปรพักตร์ประการใด ๆ ท่านศาสดาจึงอภัยแก่เขา และแท้จริงพวกเขาชาวกาฟิรมักกะห์ได้ปฏิเสธในสัจธรรมคืออัลกุรอานที่ได้มาสู่พวกเจ้า แทนที่พวกเขาจะศรัทธาพวกเขากลับขับศาสนทูตและพวกเจ้าออกจากมักกะห์ เพราะพวกเจ้ามีศรัทธาต่ออัลเลาะห์ พระผู้ทรงอภิบาลของพวกเจ้า หากแม้นพวกเจ้าออกไปทำศึกในแนวทางของข้า และมุ่งหวังความโปรดปรานของข้า พวกเจ้าก็อย่าได้นำพวกกาฟิรมาเป็นผู้คุ้มครอง พวกเจ้ามีความรกต่อพวกเขาอย่างแฝงเร้นและข้ารู้ดีในสิ่งที่พวกเจ้าได้ปิดบังไว้และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย และผู้ใดจากพวกเจ้ากระทำสิ่งนั้น แน่นอนเขาได้หลงออกจากแนวทางอันเที่ยงตรงแล้ว


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 11:23 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลมุมตะหินะฮฺ  อายะฮฺที่ 2

คำอ่าน
2. อี..ยัษเกาะฟูกุม ยะกูนูละกุม อะอฺดา...เอา..วะยับสุฏู..อิลัยกุม อัยดิยะฮุม วะอัลสินะตะฮุม..บิสสู...อิ วะวัดดูเลาตักฟุรูน

คำแปล R1.
2. Should they gain the upper hand over you, they would behave to you as enemies, and stretch forth their hands and their tongues against you with evil, and they desire that you should disbelieve.

คำแปล R2.
2. ถึงพวกเขาปรองดองกับพวกเจ้าได้ แน่นอนพวกเขาก็จักเป็นศัตรูกับพวกเจ้าและยื่นมือของพวกเขาและลิ้นของพวกเขามายังพวกเจ้าด้วยความชั่วช้า  และพวกเขาชอบใจยิ่งนักหากพวกเจ้า(เปลี่ยนใจไป) เป็นผู้ไร้ศรัทธา (เช่นพวกเขา)

คำแปล R3.
2. ถ้าหากคนเหล่านี้เหนือกว่าสูเจ้าพวกเขาก็จะเป็นศัตรูต่อสูเจ้าและจะใช้มือและลิ้นของเขาทำร้ายสูเจ้า และพวกเขาปรารถนาที่จะให้สูเจ้ากลับไปเป็นผู้ปฏิเสธ

คำแปล R4.
2. หากพวกเขามีสถานะดีกว่าพวกเจ้า พวกเขาก็จะแสดงตัวเป็นศัตรูกับพวกเจ้าและจะยื่นมือของพวกเขาไปยังพวกเจ้า (ทำร้าย) และลิ้นของพวกเขาจะกล่าวร้ายสาปแช่งและพวกเขาใคร่ที่จะให้พวกเจ้าเป็นพวก ปฏิเสธศรัทธา

คำแปล R5.
๒. หากพวกเขาพิชิตพวกเจ้าได้พวกเขาก็จะเป็นศัตรูกับพวกเจ้า และพวกเขาก็จะยื่นมือของพวกเขาและลิ้นของพวกเขามายังพวกเจ้า ด้วยความชั่วช้า ด้วยการฆ่า ทำร้าย และการด่าประณาม และพวกเขาชอบใจหากพวกเจ้าจะเนรคุณเหมือนกับพวกเขา

สูเราะฮฺอัลมุมตะหินะฮฺ อายะฮฺที่ 3


คำอ่าน
3. ลัน..ตัน..ฟะอะกุม อัรฺหามุกุม วะลา..เอาดุกุม เยามัลกิยามะติ ยัฟศิลุบัยนะกุม, วัลลอฮุบิมาตะอฺมะลูนะบะศีรฺ

คำแปล R1.
3. Neither your relatives nor your children will benefit you on the Day of Resurrection (against Allah). He will judge between you. And Allah is the All-Seer of what you do.

คำแปล R2.
3. อันเครือญาติและลูกหลานของพวกเจ้า (ที่ไม่ศรัทธา) ย่อมไม่อำนวยประโยชน์ใด ๆ แก่พวกเจ้าในวันชาติหน้า อัลเลาะฮฺทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า (ในวันนั้น) และอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติไว้

คำแปล R3.
3. ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ความสัมพันธ์ทางเครือญาติและลูกหลานของสูเจ้าจะไม่ยังประโยชน์อันใดต่อสูเจ้า ในวันนั้นพระองค์จะทรงแยกแยะระหว่างสูเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงเห็นสิ่งที่สูเจ้ากระทำ

คำแปล R4.
3. ความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้า จะไม่อำนวยประโยชน์อื่นใดแก่พวกเจ้าในวันกิยามะฮฺ พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า และอัลลอฮฺทรงสอดส่องในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

คำแปล R5.
๓. ความสัมพันธ์เครือญาติของพวกเจ้าที่มีต่อพวกเขานั้น ไม่อำนวยประโยชน์ให้แก่พวกเจ้าเลย และไม่ว่าลูก ๆ ของพวกเจ้าขอหาอำนวยประโยชน์ใด ๆ ไม่ ในวันปรภพ ซึ่งพระองค์ทรงตัดสินในระหว่างพวกเจ้า และพวกเนรคุณเหล่านั้น และอัลเลาะห์ทรงมองเห็นในสิ่งที่พวกเจ้าบันทึกไว้

สูเราะฮฺอัลมุมตะหินะฮฺ อายะฮฺที่ 4


คำอ่าน
4. ก็อดกานัตละกุมอุสวะตุน หะสะนะตุน..ฟีอิบรอฮีมะ วัลละซีนะมะอะฮู อิซกอลูลิก็อวมิฮี อิน..นาบุเราะอา..อุมิน..กุม วะมิม..มาตะอฺบุดูนะ มิน..ดูนิลลาฮิ กะฟัรฺนาบิกุม วะบะดาบัยนะนา วะบัยนะกุมุลอะดาวะตุ วัลบัฆฎอ...อุ อะบะดัน หัตตาตุอ์มินูบิลลาฮิ วะหฺดะฮู..อิลลาก็อวละอิบรอฮีมะ ลิอะบีฮิ ละอัสตัฆฟิร็อน..นะละกะ วะมา..อัมลิกุละกะมินัลลอฮฺมิน..ชัยอ์, ร็อบบะนา อะลัยกะตะวักกัลนา วะอิลัยกะอะนับนา วะอิลัยกัลป์มะศีรฺ

คำแปล R1.
4. Indeed there has been an excellent example for you in Ibrahim (Abraham) and those with him, when they said to their people: "Verily, we are free from you and whatever you worship besides Allah, we have rejected you, and there has started between us and you, hostility and hatred for ever, until you believe in Allah alone," Except the saying of Ibrahim (Abraham) to his father: "Verily, I will ask for forgiveness (from Allah) for you, but I have no power to do anything for you before Allah." Our Lord! In you (Alone) we put our trust, and to you (alone) we turn in repentance, and to you (alone) is (our) final return,

คำแปล R2.
4. แท้จริงในอิบรอฮีมและบรรดาผู้ร่วมอุดมการณ์ของเขามีแบบฉบับอันดีเยี่ยมสำหรับพวกเจ้า เมื่อพวกเขาได้กล่าวกับพวกพ้องของพวกเขา (ที่ไร้ศรัทธา) “แท้จริงพวกเราขอปลีกตัว (ไม่เกี่ยวข้อง) ออกจากพวกท่านและจากสิ่งที่พวกท่านนมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ พวกเราขอคัดค้าน (การกระทำของ) พวกท่านและเป็นที่ชัดเจนแล้วระหว่างพวกเรากับพวกท่านในความเป็นอริแก่กัน และความโกรธที่ต่อกันตลอดไป จนกว่าพวกท่านจะ(หันมา) ศรัทธากับอัลเลาะฮฺเพียงพระองค์เดียว” ยกเว้น (อย่านำมาเป็นแบบฉบับเฉพาะ)  คำพูดต่ออิบรอฮีมที่มีต่อบิดาของเขาว่า “ขอสาบาน ข้าพเจ้าขออภัยโทษ (จากอัลเลาะฮฺ) แก่ท่าน แต่ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจที่จะยับยั้ง (การลงโทษ) จากอัลเลาะฮฺ อันพึงมีแก่ท่านสักกรณีเดียว (โอ้ชาวศรัทธาทั้งหลาย จนวอนขอต่ออัลเลาะฮฺเช่นที่อิบรอฮีมและผู้ประพฤติตามเคยขอเถิดว่า) “โอ้องค์อภิบาลของเรา พวกเราได้มอบหมายทุกสิ่งต่อพระองค์ และพวกเราขอกลับคืนสู่พระองค์ และเป้าหมายสุดท้ายย่อมกลับคืนสู่พระองค์ (เพียงพระองค์เดียว)

คำแปล R3.
4. แท้จริงได้มีตัวอย่างที่ดีสำหรับสูเจ้าแล้วในอิบรอฮีมและบรรดาผู้ที่อยู่กับเขาเมื่อพวกเขากล่าวแก่คนของพวกเขาว่า “เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกท่านและกับพระเจ้าของพวกท่านที่ท่านเคารพสักการะนอกเหนือไปจากอัลลอฮฺ เราขอปฏิเสธพวกท่าน และระหว่างเรากับพวกท่านได้มีความเป็นศัตรูและความเกลียดชังเกิดขึ้นตลอดไป จนกว่าพวกท่านจะศรัทธาในอัลลอฮฺองค์เดียว” ยกเว้นคำพูดของอิบรอฮีมที่มีต่อพ่อของเขาว่า “ฉันจะวิงวอนขออภัยโทษให้ท่านถึงแม้ฉันจะไม่มีอำนาจใด ๆ ที่จะช่วยท่านจากอัลลอฮฺได้” (และคำวิงวอนของอิบรอฮีมและคนของเขาก็คือ) “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์เท่านั้นที่เรามอบหมายความไว้วางใจ และยังพระองค์เท่านั้นที่เราจะหันไป และยังพระองค์เท่านั้นที่เราจะกลับไปในที่สุด

คำแปล R4.
4. แน่นอนได้มีแบบอย่างอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้วใน (ตัว) อิบรอฮีม และบรรดา (มุอฺมิน) ผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา เมื่อพวกเขากล่าวแก่หมู่ชนของพวกเขาว่า แท้จริงพวกเราขอปลีกตัวจากพวกท่านและสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮฺ เราขอปฏิเสธศรัทธาต่อ (ศาสนาของ) พวกท่าน และการเป็นศัตรูและการเกลียดชังระหว่างพวกเรากับพวกท่านได้ปรากฎขึ้นแล้ว (และจะคงอยู่) ตลอดไปจนกว่าพวกท่านจะศรัทธาต่ออัลลอฮฺองค์เดียว นอกจากคำกล่าวของอิบรอฮีมแก่บิดาของเขา (ที่ว่า) แน่นอนฉันจะขออภัยโทษให้แก่ท่านทั้งๆ ที่ฉันไม่มีอำนาจอันใดจะช่วยท่าน (ให้พ้นจากการลงโทษ) จากอัลลอฮฺได้ ข้าแต่พระเจ้าของเราแด่พระองค์ท่านเราขอมอบหมายและยังพระองค์ท่านเท่านั้น เราขอลุแก่โทษ และยังพระองค์ท่านเท่านั้นคือการกลับไป

คำแปล R5.
๔. แท้จริงได้มีปรากฏสำหรับพวกเจ้าทั้งหลายซึ่งแบบฉบับอันดีงามของอิบรอฮีมซึ่งบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมอุดมการณ์เดียวกับเขา เมื่อพวกเขาได้พูดกับพวกพ้องที่เนรคุณของพวกเขาว่า แท้จริงเราได้พ้นไปจากพวกท่าน และสิ่งที่พวกท่านกราบนมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะห์ เราปฏิเสธพวกท่าน และได้ปรากฏชัดแล้วระหว่างพวกเราและระหว่างพวกท่าน ซึ่งความเป็นศัตรูและความขึ้งโกรธตลอดไป จนกว่าพวกท่านจะศรัทธาต่ออัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว ยกเว้นเพียงคำพูดของนบีอิบรอฮีมที่กล่าวแก่บิดาของเขาเองว่า ขอสาบาน ข้าพเจ้าขออัยโทษให้แก่ท่านจากอัลเลาะห์ ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าไม่มีสิทธิ์อำนาจใด ๆ จากอัลเลาะห์ที่จะช่วยเหลือสำหรับท่านเลย โอ้องค์พระผู้ทรงอภิบาลของเรา พวกเราขอมอบหมายต่อพระองค์ และพวกเราขอคืนกลับสู่พระองค์ และพระองค์เท่านั้นที่เป็นที่คืนกลับของบรรดาสรรพสิ่งทั้งมวล


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลมุมตะหินะฮฺ อายะฮฺที่ 5 - 9

คำอ่าน
5. ร็อบบะนาลาตัจญอัลนาฟิตนะตัลลิลละซีนะกะฟะรู วัฆฟิรฺละนา ร็อบบะนา, อิน..นะกะอัน..ตัลอะซีซุลหะกีม
6. ละก็อดกานะละกุมฟีฮิมอุสวะตุนหะสะนะตุลลิมัน..กานะยัรฺญุลลอฮะ วัลเยามัลอาคิรฺ วะมัย..ยะตะวัลละ ฟะอิน..นัลลอฮะ ฮุวัลเฆาะนียุลหะมีด
7. อะสัลลอฮุ อัย..ยัจญอะละบัยนะกุม วะบัยนัลละซีนะอาดัยตุม..มินฮุม..มะวัดดะฮฺ, วัลลอฮุเกาะดีรฺ, วัลลอฮุเฆาะฟูรุรฺเราะหีม
8. ลายันฮากุมุลลอฮุอะนิลละซีนะลัมยุกอติลูกุมฟิดดีนิ วะลัมยุคริญูกุม..มิน..ดิยาริกุม อัน..ตะบัรฺรูฮุม วะตุก สิฏู..อิลัยฮิม อิน..นัลลอฮะยุหิบบุลมุกสิฏีน
9. อิน..นะมา ยันฮากุมุลลอฮุ อะนิลละซีนะกอตะลูกุมฟิดดีนิ วะอัคเราะญูกุม..มิน..ดิยาริกุม วะซอฮะรูอะลา..อิครอญิกุม อัน..ตะวัลเลาฮุม วะมัย..ยะตะวัลละฮุม ฟะอุลา...อิกะฮุมุซซอลิมูน

คำแปล R1.
5. "Our Lord! Make us not a trial for the disbelievers, and forgive us, Our Lord! Verily, you, only You are the All-Mighty, the All-Wise."
6. Certainly, there has been in them an excellent example for you to follow, for those who look forward to (the meeting with) Allah (for the reward from Him) and the Last Day. And whosoever turn away, then verily, Allah is rich (free of all wants), worthy of all praise.
7. Perhaps Allah will make friendship between you and those whom you hold as enemies. And Allah has power (over All things), and Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful.
8. Allah does not forbid you to deal justly and kindly with those who fought not against you on account of religion and did not drive you out of your homes. Verily, Allah loves those who deal with equity.
9. It is only as regards those who fought against you on account of religion, and have driven you out of your homes, and helped to drive you out, that Allah forbids you to befriend them. And whosoever will befriend them, then such are the Zalimun (wrong-doers those who disobey Allah).


คำแปล R2.
5. โอ้องค์อภิบาลของเรา โปรดอย่าบันดาลให้พวกเราต้งถูกลงโทษ (ด้วยน้ำมือ)ของพวกไร้ศรัทธา และโปรดให้อภัยแก่พวกเราด้วยเถิด โอ้องค์อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์ทรงอำนาจเป็นที่สุด ทรงปรีชาญาณเป็นที่สุด
6. ขอยืนยัน แท้จริงในพวกเขา (อิบรอฮีมกับผู้ประพฤติตาม) นั้น ย่อมมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับผู้ที่มีความมุ่งหวังต่ออัลเลาะฮฺและต่อวันสุดท้าย และผู้ใดก็ตามที่หันเห (ไม่ศรัทธา แน่นอนจะไม่ระคายเคืองต่อพระบรมเดชานุภาพของอัลเลาะฮฺเลย) เพราะแท้จริงแล้วอัลเลาะฮฺนั้น พระองค์ทรงรวยยิ่งนัก ทรงเป็นที่สรรเสริญ (ของทุก ๆ สรรพสิ่ง)
7. เป็นไปได้ที่อัลเลาะฮฺจักทรงบันดาลไว้ระหว่างพวกเจ้าและบางส่วนของพวกที่พวกเจ้าได้เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนได้มีความรักปรองดองกันและอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพยิ่ง ทรงให้อภัยเป็นที่สุด อีกทั้งทรงเมตตาเสมอ
8. อัลเลาะฮฺไม่ห้ามพวกเจ้าที่จะทำดีและแสดงความยุติธรรมกับพวกที่ไม่รบราพวกเจ้าในศาสนา (ของพวกเจ้า) และไม่ขับพวกเจ้าออกจากบ้านเมืองของพวกเจ้า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงบรรดาผู้แสดงความยุติธรรม
9. อันที่จริงอัลเลาะฮฺเพียงแต่ห้ามพวกเจ้ามิให้ผูกมิตรกับจำพวกที่รบราพวกเจ้าเกี่ยวกับศาสนา (ของพวกเจ้า) และขับพวกเจ้าออกจากบ้านเมืองของพวกเจ้า พร้อมทั้งร่วมสนับสนุน (พวกศัตรูของพวกเจ้า) ในการขับไล่พวกเจ้า และผู้ใดที่ผูกมิตรกับพวกเขา แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นผู้ฉ้อฉลโดยแท้


คำแปล R3.
5. ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าได้ทำให้เราเป็นสิ่งทดสอบของบรรดาผู้ปฏิเสธเลย ขอพระองค์โปรดทรงอภัยให้แก่เรา โอ้พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอำนาจและผู้ทรงปรีชาญาณ
6. แน่นอนในความประพฤติของคนเหล่านั้นมีตัวอย่างอันดีงามสำหรับสูเจ้าและสำหรับทุกคนที่มีความหวังในอัลลอฮฺและในวันสุดท้าย แต่ผู้ใดที่หันออกไปจากนี้ (ควรรู้ว่า) อัลลอฮฺทรงเพียงพอและทรงควรค่าแห่งการสรรเสริญ
7. บางทีอัลลอฮฺอาจจะทรงทำให้เกิดความรักขึ้นระหว่างสูเจ้ากับบางคนในหมู่พวกเขาที่สูเจ้าถือว่าเป็นศัตรู อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ทรงอานุภาพและเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
8. อัลลอฮฺมิได้ทรงห้ามสูเจ้าทำดีและปฏิบัติอย่างยุติธรรมต่อบรรดาผู้ที่มิได้ต่อสู้สูเจ้าในเรื่องของศาสนาและมิได้ขับไล่สูเจ้าออกจากบ้านของสูเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักผู้มีความยุติธรรม
9. แท้จริงอัลลอฮฺทรงห้ามสูเจ้ามิให้เอาบรรดาผู้ต่อสู้สูเจ้าในเรื่องศาสนาและขับไล่สูเจ้าออกจากบ้านของสูเจ้าและช่วยเหลือคนอื่นในการขับไล่สูเจ้ามาเป็นเพื่อนเท่านั้น ส่วนคนที่เอาพวกเขาเหล่านั้นมาเป็นเพื่อน พวกเขาคือผู้ทำความผิด


คำแปล R4.
5. ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงอย่าให้เราเป็นที่ทดสอบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้แก่เรา ข้าแต่พระเจ้าของเรา แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
6. โดยแน่นอน ได้มีแบบอย่างอันดีงามในพวกเขาสำหรับพวกเจ้าแล้ว แก่ผู้ที่หวังใน (การตอบแทนของ)อัลลอฮฺและวันสุดท้ายและผู้ใดผินหลังให้ (การศรัทธา) ดังนั้น แท้จริงอัลลอฮฺ คือ ผู้ทรงพอเพียงผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
7. บางทีอัลลอฮฺจะทรงทำให้เกิดความรักใคร่ระหว่างพวกเจ้ากับบรรดาผู้ที่พวกเจ้า ถือเป็นศัตรูในหมู่พวกเขา และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
8. อัลลอฮฺมิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าใน เรื่องศาสนาและพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่ พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักผู้มีความยุติธรรม
9. แต่ว่าอัลลอฮทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่อง ศาสนาและขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า และช่วยเหลือให้ขับไล่พวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะผูกมิตรกับพวกเขาและผู้ใดผูกมิตรกับพวกเขา ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้อธรรม


คำแปล R5.
๕. โอ้พระผู้ทรงอภิบาลของเรา โปรดอย่าบันดาลพวกเราให้ต้องประสบความวิกฤตเพราะการข่มเหงของบรรดาจำพวกเนรคุณ และโปรดให้อภัยแก่พวกเรา โอ้พระผู้ทรงอภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุด อีกทั้งทรงปรีชาญาณเป็นที่สุด
๖. โดยที่แท้จริงได้มีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าในพวกเขา ท่านนบีอิบรอฮีมกับบรรดาผู้ศรัทธากับเขา เฉพาะแก่ผู้มุ่งหวังในอัลเลาะห์และวันสุดท้าย และผู้ใดหันเห จากการประพฤติตามนบีอิบรอฮีม แท้จริงอัลเลาะห์นั้นพระองค์ทรงรวยอย่างยิ่ง อีกทั้งทรงได้รับการสรรเสริญจากมวลสรรพสิ่งทั้งหลาย จึงไม่ระคายเคืองต่อเบื้องพระบรมเดชานุภาพของพระองค์แต่ประการใด ๆ
๗. หวังว่าอัลเลาะห์คงจะบันดาลไว้ระหว่างพวกเจ้าและระหว่างบรรดาจำพวกซึ่งพวกเจ้าเป็นศัตรูด้วยจากพวกเขา คือพวกกาฟิรมักกะห์ให้มีความรัก โดยบันดาลพวกเขาให้เลื่อมใสและเข้าหาอิสลามเสีย และอัลเลาะห์ทรงอานุภาพยิ่งและอัลเลาะห์ทรงอภัยยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
๘. อัลเลาะห์ไม่ทรงห้ามพวกเจ้าที่จะทำดีกับบรรดาจำพวกกาฟิรซึ่งไม่ได้ทำศึกกับพวกเจ้าในศาสนาและพวกเขามิได้ขัยพวกเจ้าออกจากบ้านเมืองของพวกเจ้า ก็ให้พวกเจ้าทำดีต่อพวกเขาและที่พวกเจ้าจะปฏิบัติอย่างยุติธรรมต่อพวกเขา แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรักบรรดาผู้ปฏิบัติอย่างยุติธรรม
๙. อันที่จริงอัลเลาะห์เพียงแต่ห้ามพวกเจ้าต่อบรรดาจำพวกที่ทำศึกกับพวกเจ้าในศาสนา และขับพวกเจ้าออกจากบ้านเมืองของพวกเจ้า มิให้พวกเจ้ายึดพวกเขาเป็นผู้คุ่มครอง อย่าทำดีและอย่าสังคมกับพวกนั้น และผู้ใดยึดพวกเขามาเป็นผู้คุ้มครอง แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นผู้อธรรม




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัลมุมตะหินะฮฺ อายะฮฺที่ 10 - 13

คำอ่าน
10. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อิซาญา..อะกุมุลมุอ์มินาตุ มุฮาญิรอติน..ฟัมตะหินูฮุนนฺ อัลลอฮุอะอฺละมุบิอีมานิฮินนฺ ฟะอินอะลิมตุมูฮุน..นะมุอ์มินาติน..ฟะลาตัรฺญิอูฮุน..นะ อิลัลกุฟฟาร, ลาฮูน..นะ หิลลุลละฮุม วะลาฮุมยะหิลลูนะละฮุนนฺ วะอา๖ฮุม..มาอัน..ฟะกู วะลาญุนาหะอะลัยกุม อัน..ตัน..กิหูฮุน..นะอิซา..อาตัยตุมูฮุน..นะ อุญูเราะฮุนนฺ วะลาตุมสิกูบิอิเศาะมิลกะวาฟิรฺ, วัสอะลูมา..อัน..ฟักตุม วัลยัสอะลู มา..อัน..ฟะกู ซาลิกุมหุกมุลลอฮิ ยะหฺกุม..บัยนะกุมวัลลอฮุอะลีมุนหะกีม
11. วะอิน..ฟาตะกุม ชัยอุม..มินอัซวาญิกุมอิลัลกุฟฟาริ ฟะอาก็อบตุม ฟะอาตุลละซีนะซะฮะบัต อัซวาญุฮุมมิษละมา..อัน..ฟะกู วัตตะกุลลอฮัลละซี..อัน..ตุม..บิฮีมุอ์มินูน
12. ยา..อัยยุฮัน..นะบียุ อิซาญา...อะกัลมุอ์มินาตุยุบาเยียะอฺนะกะ อะลา..อัลลายุชริกนะบิลลาฮิชัยอิว..วะลายัสริกนะ วะลายัซนีนะ วะลายักตุลนะเอาลาดะฮุน..นะ วะลายะอ์ตีนะบิบุฮฺตานิ..ยัฟตะรีนะฮูบัยนะอัยดีฮิน..นะ วะอัรฺญุลิฮิน..นะ วะลายะอฺศีนะกะ ฟีมะอฺรูฟิน..ฟะบาเยียะอฺฮุน..นะ วัสตัฆฟิรฺละฮุน..นัลลอฮฺ, อิน..นัลลอฮะเฆาะฟูรุรฺเราะหีม
13. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตะตะวัลเลาก็อวมันเฆาะฎิบัลลอฮุ อะลัยฮิม ก็อดยะอิสู มินัลอาคิเราะติ กะมายะอิสัลกุฟฟารุ มินอัศหาบิลกุบูรฺ

คำแปล R1.
10. O you who believe! when believing women come to you as emigrants, examine them, Allah knows best as to their faith, then if you ascertain that they are true believers, send them not back to the disbelievers, they are not lawful (wives) for the disbelievers nor are the disbelievers lawful (husbands) for them. But give the disbelievers that (amount of money) which they have spent [as their mahr] to them. And there will be no sin on you to marry them if you have paid their mahr to them. Likewise hold not the disbelieving women as wives, and ask for (the return of) that which you have spent (as mahr) and let them (the disbelievers, etc.) ask back for that which they have spent. That is the judgment of Allah. He judges between you. And Allah is All-Knowing, All-Wise.
11. And if any of your wives have gone from you to the disbelievers, and you have an accession (by the coming over of a woman from the other side), then pay to those whose wives have gone, the equivalent of what they had spent (on their mahr). And fear Allah in whom you believe.
12. O Prophet! when believing women come to you to give you the Bai'a (pledge), that they will not associate anything in worship with Allah, that they will not steal, that they will not commit illegal sexual intercourse, that they will not kill their children, that they will not utter slander, intentionally forging falsehood (i.e. by making illegal children belonging to their husbands), and that they will not disobey you in any Ma'ruf (Islamic Monotheism and all that which Islam ordains) then accept their Bai'a (pledge), and ask Allah to forgive them, verily, Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful
13. O you who believe! Take not as friends the people who incurred the wrath of Allah (i.e. the Jews). Surely, they have been in despair to receive any good in the hereafter, just as the disbelievers have been in despair about those (buried) in graves (that they will not be resurrected on the Day of Resurrection).


คำแปล R2.
10. โอ้มวลศรัทธาชนทั้งหลายเมื่อมีเหล่าสตรีผู้มีศรัทธาได้อพยพมายังพวกเจ้า พวกเจ้าก็จงทดสอบ (ศรัทธาของ) พวกนางเสียก่อน อัลเลาะฮฺย่อมรอบรู้ยิ่งในศรัทธาของพวกนาง ดังนั้นเมื่อพวกเจ้ารู้แล้วว่าพวกนางเป็นศรัทธาชนแท้จริง พวกเจ้าก็อย่าส่งพวกนางกลับคืนไปยังพวกไร้ศรัทธา พวกนางไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกไร้ศรัทธาเหล่านั้น (อีกต่อไปที่จะนำมาเป็นภริยา) และพวกเหล่านั้นก็ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกนาง (ที่จะเป็นสามี) และพวกเจ้าจงมอบคืนแก่พวกเขา (สามีที่ไร้ศรัทธา) ทรัพย์สินที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปแล้ว และไม่เป็นความผิดแก่พวกเจ้าที่จะสมรสกับพวกนาง เมื่อพวกเจ้าได้มอบรางวัลแก่พวกนาง (ตามธรรมเนียมการสมรส) และพวกเจ้าอย่าได้ยึดไว้ซึ่งการสมรสกับหญิงไร้ศรัทธาและพวกเจ้าจงขอคืนทรัพย์สินที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไปแล้ว (ในการหมั้น) และจงปล่อยให้พวกเขา (ผู้ไร้ศรัทธาที่เป็นสามีของหญิงมีศรัทธา) ขอคืนในสิ่งที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปแล้ว (เช่นเดียวกัน) นั้นเป็นบทบัญญัติแห่งอัลเลาะฮฺซึ่งทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
11. และหากพวกเจ้าไม่ได้รับคืนสิ่งใดจากบรรดาภริยาของพวกเจ้า (ที่เปลี่ยนศาสนา) เข้าอยู่กับพวกไร้ศรัทธาแล้ว พวกเจ้าก็ได้ตอบแทนโทษ (ด้วยการรบกับพวกเขาจนได้รับชัยชนะ และยึดทรัพย์เชลยศึกมาได้) พวกเจ้าก็จงมอบแก่บรรดาคนมุสลิมที่ภรรยาของพวกเจ้าได้หนีไปนั้น เท่ากับ (ของหมั้น) ที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปแล้ว และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ ซึ่งพวกเจ้าเป็นผู้มีจิตศรัทธาต่อพระองค์
12. โอ้ศาสดา เมื่อสตรีผู้มีศรัทธาได้มาทำสัญญากับเจ้าว่าพวกนางจะไม่ตั้งสิ่งใดขึ้นเป็นภาคีกับอัลเลาะฮฺ พวกนางจะไม่ขโมย พวกนางจะไม่ผิดประเวณี พวกนางจะไม่ฆ่าบุตรของพวกนาง พวกนางจะไม่นำมาซึ่งความมุสาที่พวกนางได้กุมันขึ้นมาระหว่างมือและเท้าของพวกนาง และพวกนางจะไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าในสิ่งที่ดีงาม ดังนั้นเจ้าจงให้สัญญาแก่พวกนางเถิด และจงขออภัยต่ออัลเลาะฮฺแก่พวกนาง  แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
13. โอ้มวลผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าผูกมิตรกับกลุ่มชนที่อัลเลาะฮฺทรงกริ้วพวกเขา แท้จริงพวกเขาสิ้นหวังที่จะได้รับความสุขในโลกหน้า ประดุจเดียวกับผู้ไร้ศรัทธาที่อยู่ในหลุมศพสิ้นหวัง


คำแปล R3.
10. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อหญิงผู้ศรัทธาได้อพยพมายังสูเจ้าจงตรวจสอบ (ความศรัทธาของพวกนาง) เสียก่อน ถึงแม้อัลลอฮฺจะทรงรู้ดีที่สุดถึงความศรัทธาที่แท้จริงของพวกนาง หลังจากนั้นเมื่อสูเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงแล้ว ก็จงอย่าส่งพวกนางไปให้บรรดาผู้ปฏิเสธ พวกนางไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกนางอีกต่อไป จงส่งของขวัญแต่งงานที่พวกเขาให้แก่นางคืนกลับไปให้แก่สามีผู้ปฏิเสธของพวกนาง และไม่มีข้อตำหนิใด ๆ ถ้าสูเจ้าจะแต่งงานกับพวกนางเมื่อสูเจ้าได้จ่ายของขวัญแต่งงานให้แก่นางแล้ว และสูเจ้าก็จงอย่าเหนี่ยวรั้งหญิงผู้ไม่ศรัทธาไว้ในการแต่งงาน จงขอคืนสิ่งที่สูเจ้าได้ให้แก่ภรรยาผู้ไม่ศรัทธาของสูเจ้า และจงให้บรรดาผู้ปฏิเสธขอคืนสิ่งที่พวกเขาได้ให้แก่ภรรยามุสลิมของพวกเขา นี่คือคำบัญชาของอัลลอฮฺทรงตัดสินระหว่างสูเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
11. และถ้าหากสูเจ้าไม่ได้รับสิ่งที่สูเจ้าให้แก่ภรรยาผู้ไม่ศรัทธาของสูเจ้าคืนจากบรรดาผู้ปฏิเสธ เมื่อถึงคราวของสูเจ้าบ้าง สูเจ้าก็จงจ่ายให้แก่คนที่ภรรยาของเขาได้ถูกทิ้งไว้กับอีกฝ่ายหนึ่งในจำนวนเท่ากับสิ่งที่พวกเขาได้ให้ไป และจงเกรงกลัวอัลลอฮฺซึ่งสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาในพระองค์เถิด
12. โอ้ นบี เมื่อหญิงผู้ศรัทธาได้มายังเจ้าเพื่อให้สัตย์ปฏิญาณจงรักภักดี และสัญญาว่าพวกนางจะไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีกับอัลลอฮฺ และจะไม่ขโมย จะไม่ทำชู้ จะไม่ฆ่าลูกของพวกนาง จะไม่สร้างเรื่องใส่ร้ายระหว่างมือและเท้าของพวกนาง และจะไม่ฝ่าฝืนสูเจ้าในสิ่งที่ดี เจ้าจงรับการให้สัตย์ปฏิญาณของพวกนาง และจงวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ทรงอภัยพวกนาง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
13. โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเป็นมิตรกับบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงกริ้ว ผู้หมดหวังต่อวันปรโลก เช่นเดียวกับบรรดาผู้ปฏิเสธที่กำลังนอนอยู่ในสุสานได้สิ้นหวัง


คำแปล R4.
10. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาเป็นผู้ลี้ภัยมาหาพวกเจ้า ก็จงสอบสวนพวกนาง อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งในการศรัทธาของพวกนาง ครั้นเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธา ก็อย่าได้ส่งพวกนางกลับไปยังพวกปฏิเสธศรัทธา พวกนางมิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา และพวกเขาก็มิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกนาง และจงจ่ายคืนให้พวกเขา (สามีเดิมที่เป็นกาเฟร) สิ่งที่พวกเขาได้จ่ายไป (มะฮัร) และไม่เป็นบาปอันใดแก่พวกเจ้าที่จะแต่งงานกับพวกนาง เมื่อพวกเจ้าได้ให้แก่พวกนางซึ่งของหมั้นของพวกนาง และอย่าหน่วงเหนี่ยวพันธะการแต่งงานของบรรดาหญิงผู้ปฏิเสธศรัทธา และจงขอคืนสิ่งที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไป และให้พวกเขาขอคืนสิ่งที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไป นั่นคือข้อตัดสินของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงตัดสินในระหว่างพวกเจ้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
11. และถ้าคนใดในบรรดาภริยาของพวกเจ้าหนีออกไปสู่พวกปฏิเสธศรัทธาแล้ว ครั้นเมื่อพวกเจ้าสามารถแก้แค้นริบทรัพย์มาได้ ก็จงจ่ายคืนให้แก่บรรดาผู้ที่บรรดาภริยาของพวกเขาหนีไปเท่ากับจำนวนที่พวก เขาได้จ่ายไป และจงยำเกรงอัลลอฮฺ ผู้ซึ่งพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาต่อพระองค์เถิด
12. โอ้ นะบีเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาได้มาหาเจ้าโดยพวกนางเพื่อให้ปฏิญาณแก่เจ้าพวกนางจะ ไม่ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮฺ และจะไม่ขโมย และจะไม่ทำชู้ และจะไม่ฆ่าลูก ๆ ของพวกนาง และจะไม่นำมาซึ่งการใส่ร้ายโดยการเสกสรรลูกหลง พ่อให้เป็นลูกของเขา และจะไม่ขัดขืนคำสั่งของเจ้าในเรื่องดีงาม ดังนั้นจงรับการปฏิญาณของพวกนาง และจงขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงอภัยแก่พวกนาง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ
13. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้คบกับหมู่ชนที่อัลลอฮฺทรงกริ้วต่อพวกเขาไว้เป็นมิตรสหาย แน่นอนพวกเขาหมดหวังต่อวันปรโลกแล้วเสมือนกับที่พวกปฏิเสธศรัทธาหมดหวังต่อ (การฟื้นคืนชีพของ) ชาวกุบูร


คำแปล R5.
๑๐. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาแล้วทั้งหลาย เมื่อบรรดาสตรีที่แสดงตัวว่ามีศรัทธาเป็นผู้อพยพมาสู่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงทดสอบพวกนางเสียก่อน อัลเลาะห์ทรงรอบรู้เป็นที่สุดในศรัทธาแท้จริงของพวกนาง ดังนั้นหากพวกเจ้าทดสอบแล้วจนรู้ว่านางเป็นผู้มีศรัทธาโดยแท้จริง พวกเจ้าก็จงอย่าส่งพวกนางคืนกลับให้แก่จำพวกไร้ศรัทธา พวกนางไม่เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา และพวกเขาก็ไม่อนุมัติแก่พวกนาง และพวกเจ้าจงมอบค่าสมรสแก่พวกเขา สามีที่เป็นกาฟิรของผู้หญิงดังกล่าว เท่ากับสิ่งที่พวกนั้นได้ใช้จ่าย มาแล้วในการสมรสของพวกเขากับภริยาของพวกเขาและไม่ถือเป็นความผิดแก่พวกเจ้าที่จะทำการสมรสกับพวกนาง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องพ้น “ระยะปลอดสมรส(อิดดะห์)” ต้องมีผู้ปกครอง มีสองพยาน เพราะว่าหญิงผู้นั้นถือว่าขาดความเป็นสามีภริยากับสามีของนางนับแต่นางเข้าอิสลาม ทั้งนี้หากนางยังไม่ถูกประเวณีโดยสามีเดิม ส่วนหญิงที่ถูกประเวณีแล้วหากสามีไม่ยอมเข้าอิสลามในช่วงระยะปลอดสมรส ก็ให้ปฏิบัติดังกล่าวได้ แต่ถ้าสามีตามนางเข้ามาเป็นมุสลิมในช่วงระยะปลอดสมรส  ก็ให้หญิงนั้นมีสภาพเป็นภรรยาของเขาต่อไปตามเดิม  ทั้งนี้เมื่อพวกเจ้าได้มอบค่าสมรสแก่พวกนางเป็นที่เรียบร้อย  และพวกเจ้าอย่ายึดถือข้อตกลงการสมรสเดิมที่เคยใช้ในช่วงกาฟิร  และพวกเจ้าจงขอคืนค่าสมรสที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไปแล้วและพวกเขาก็จงขอคืนค่าสมรสที่พวกเขาใช้จ่ายไปแล้ว  นั้นเป็นกฎหมายแห่งอัลเลาะห์  พระองค์ทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า  และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่ง  ทรงพระปรีชาญานยิ่ง
๑๑.  และหากคนใดจากคู่ครองของพวกเจ้าได้จากพวกเจ้าไปเข้าเป็นพวกเนรคุณ  ดังนั้นพวกเจ้าก็จงตอบแทนโทษด้วยการรบ และชิงตัวกลับคืนมา  แล้วพวกเจ้าก็จงมอบค่าสมรสแก่บรรดาชายที่คู่ครองของพวกเขาได้จากไป   เท่ากับที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปแล้ว  และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์ซึ่งพวกเจ้ามีศรัทธาต่อพระองค์
๑๒.  โอ้นบี  เมื่อบรรดาสตรีได้มาหาเจ้าเพื่อร่วมทำสัญญากับเจ้า ว่าพวกนางจะไม่ตั้งสิ่งใดขึ้นเป็นภาคีกับอัลเลาะห์  พวกนางจะไม่ขโมย  พวกนางจะไม่ทำผิดประเวณี  พวกนางจะไม่ฆ่าบุตรของพวกนาง  พวกนางจะไม่นำสิ่งมุสาที่พวกนางเสกสรรขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา  โดยพูดว่าลูกที่นางได้นี้เป็นลูกของสามี  ทั้ง ๆ ที่ความจริงเป็นลูกของคนอื่น  และพวกนางจะไม่ฝ่าฝืนเจ้าในคุณความดี  ดังนั้นเจ้าก็จงทำสัญญาดังกล่าวกับพวกนางเถิด  และเจ้าจงขออภัยต่ออัลเลาะห์แก่พวกนาง  แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอภัยยิ่ง อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง 
๑๓.  โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย  พวกเจ้าอย่าถือเป็นมิตรสหายกับกลุ่มชนที่อัลเลาะห์ได้ทรงกริ้วแก่พวกเขา คือ พวกยิว  แท้จริงพวกนั้นหมดหวังได้รับผลกุศลใด ๆ จากปรภพ  ประดุจดังบรรดาพวกเนรคุณจากชาวสุสานที่มีแต่ความสิ้นหวัง



 
(صدق الله العظيم) ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ
จบสูเราะฮฺที่ 60 อัลมุมตะหินะฮฺ

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ฟังเสียงอ่านสูเราะฮฺอัลมุมตะหินะฮฺ โดย อับดุรฺเราะหฺมาน อัสสุเดสที่ลิงก์นี้

http://server9.mp3quran.net/sds/060.mp3

 

GoogleTagged