สูเราะฮฺอัลมุมตะหินะฮฺ อายะฮฺที่ 10 - 13คำอ่าน10. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อิซาญา..อะกุมุลมุอ์มินาตุ มุฮาญิรอติน..ฟัมตะหินูฮุนนฺ อัลลอฮุอะอฺละมุบิอีมานิฮินนฺ ฟะอินอะลิมตุมูฮุน..นะมุอ์มินาติน..ฟะลาตัรฺญิอูฮุน..นะ อิลัลกุฟฟาร, ลาฮูน..นะ หิลลุลละฮุม วะลาฮุมยะหิลลูนะละฮุนนฺ วะอา๖ฮุม..มาอัน..ฟะกู วะลาญุนาหะอะลัยกุม อัน..ตัน..กิหูฮุน..นะอิซา..อาตัยตุมูฮุน..นะ อุญูเราะฮุนนฺ วะลาตุมสิกูบิอิเศาะมิลกะวาฟิรฺ, วัสอะลูมา..อัน..ฟักตุม วัลยัสอะลู มา..อัน..ฟะกู ซาลิกุมหุกมุลลอฮิ ยะหฺกุม..บัยนะกุมวัลลอฮุอะลีมุนหะกีม
11. วะอิน..ฟาตะกุม ชัยอุม..มินอัซวาญิกุมอิลัลกุฟฟาริ ฟะอาก็อบตุม ฟะอาตุลละซีนะซะฮะบัต อัซวาญุฮุมมิษละมา..อัน..ฟะกู วัตตะกุลลอฮัลละซี..อัน..ตุม..บิฮีมุอ์มินูน
12. ยา..อัยยุฮัน..นะบียุ อิซาญา...อะกัลมุอ์มินาตุยุบาเยียะอฺนะกะ อะลา..อัลลายุชริกนะบิลลาฮิชัยอิว..วะลายัสริกนะ วะลายัซนีนะ วะลายักตุลนะเอาลาดะฮุน..นะ วะลายะอ์ตีนะบิบุฮฺตานิ..ยัฟตะรีนะฮูบัยนะอัยดีฮิน..นะ วะอัรฺญุลิฮิน..นะ วะลายะอฺศีนะกะ ฟีมะอฺรูฟิน..ฟะบาเยียะอฺฮุน..นะ วัสตัฆฟิรฺละฮุน..นัลลอฮฺ, อิน..นัลลอฮะเฆาะฟูรุรฺเราะหีม
13. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตะตะวัลเลาก็อวมันเฆาะฎิบัลลอฮุ อะลัยฮิม ก็อดยะอิสู มินัลอาคิเราะติ กะมายะอิสัลกุฟฟารุ มินอัศหาบิลกุบูรฺ
คำแปล R1.10. O you who believe! when believing women come to you as emigrants, examine them, Allah knows best as to their faith, then if you ascertain that they are true believers, send them not back to the disbelievers, they are not lawful (wives) for the disbelievers nor are the disbelievers lawful (husbands) for them. But give the disbelievers that (amount of money) which they have spent [as their mahr] to them. And there will be no sin on you to marry them if you have paid their mahr to them. Likewise hold not the disbelieving women as wives, and ask for (the return of) that which you have spent (as mahr) and let them (the disbelievers, etc.) ask back for that which they have spent. That is the judgment of Allah. He judges between you. And Allah is All-Knowing, All-Wise.
11. And if any of your wives have gone from you to the disbelievers, and you have an accession (by the coming over of a woman from the other side), then pay to those whose wives have gone, the equivalent of what they had spent (on their mahr). And fear Allah in whom you believe.
12. O Prophet! when believing women come to you to give you the Bai'a (pledge), that they will not associate anything in worship with Allah, that they will not steal, that they will not commit illegal sexual intercourse, that they will not kill their children, that they will not utter slander, intentionally forging falsehood (i.e. by making illegal children belonging to their husbands), and that they will not disobey you in any Ma'ruf (Islamic Monotheism and all that which Islam ordains) then accept their Bai'a (pledge), and ask Allah to forgive them, verily, Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful
13. O you who believe! Take not as friends the people who incurred the wrath of Allah (i.e. the Jews). Surely, they have been in despair to receive any good in the hereafter, just as the disbelievers have been in despair about those (buried) in graves (that they will not be resurrected on the Day of Resurrection).คำแปล R2.10. โอ้มวลศรัทธาชนทั้งหลายเมื่อมีเหล่าสตรีผู้มีศรัทธาได้อพยพมายังพวกเจ้า พวกเจ้าก็จงทดสอบ (ศรัทธาของ) พวกนางเสียก่อน อัลเลาะฮฺย่อมรอบรู้ยิ่งในศรัทธาของพวกนาง ดังนั้นเมื่อพวกเจ้ารู้แล้วว่าพวกนางเป็นศรัทธาชนแท้จริง พวกเจ้าก็อย่าส่งพวกนางกลับคืนไปยังพวกไร้ศรัทธา พวกนางไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกไร้ศรัทธาเหล่านั้น (อีกต่อไปที่จะนำมาเป็นภริยา) และพวกเหล่านั้นก็ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกนาง (ที่จะเป็นสามี) และพวกเจ้าจงมอบคืนแก่พวกเขา (สามีที่ไร้ศรัทธา) ทรัพย์สินที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปแล้ว และไม่เป็นความผิดแก่พวกเจ้าที่จะสมรสกับพวกนาง เมื่อพวกเจ้าได้มอบรางวัลแก่พวกนาง (ตามธรรมเนียมการสมรส) และพวกเจ้าอย่าได้ยึดไว้ซึ่งการสมรสกับหญิงไร้ศรัทธาและพวกเจ้าจงขอคืนทรัพย์สินที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไปแล้ว (ในการหมั้น) และจงปล่อยให้พวกเขา (ผู้ไร้ศรัทธาที่เป็นสามีของหญิงมีศรัทธา) ขอคืนในสิ่งที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปแล้ว (เช่นเดียวกัน) นั้นเป็นบทบัญญัติแห่งอัลเลาะฮฺซึ่งทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
11. และหากพวกเจ้าไม่ได้รับคืนสิ่งใดจากบรรดาภริยาของพวกเจ้า (ที่เปลี่ยนศาสนา) เข้าอยู่กับพวกไร้ศรัทธาแล้ว พวกเจ้าก็ได้ตอบแทนโทษ (ด้วยการรบกับพวกเขาจนได้รับชัยชนะ และยึดทรัพย์เชลยศึกมาได้) พวกเจ้าก็จงมอบแก่บรรดาคนมุสลิมที่ภรรยาของพวกเจ้าได้หนีไปนั้น เท่ากับ (ของหมั้น) ที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปแล้ว และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ ซึ่งพวกเจ้าเป็นผู้มีจิตศรัทธาต่อพระองค์
12. โอ้ศาสดา เมื่อสตรีผู้มีศรัทธาได้มาทำสัญญากับเจ้าว่าพวกนางจะไม่ตั้งสิ่งใดขึ้นเป็นภาคีกับอัลเลาะฮฺ พวกนางจะไม่ขโมย พวกนางจะไม่ผิดประเวณี พวกนางจะไม่ฆ่าบุตรของพวกนาง พวกนางจะไม่นำมาซึ่งความมุสาที่พวกนางได้กุมันขึ้นมาระหว่างมือและเท้าของพวกนาง และพวกนางจะไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าในสิ่งที่ดีงาม ดังนั้นเจ้าจงให้สัญญาแก่พวกนางเถิด และจงขออภัยต่ออัลเลาะฮฺแก่พวกนาง แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
13. โอ้มวลผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าผูกมิตรกับกลุ่มชนที่อัลเลาะฮฺทรงกริ้วพวกเขา แท้จริงพวกเขาสิ้นหวังที่จะได้รับความสุขในโลกหน้า ประดุจเดียวกับผู้ไร้ศรัทธาที่อยู่ในหลุมศพสิ้นหวังคำแปล R3.
10. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อหญิงผู้ศรัทธาได้อพยพมายังสูเจ้าจงตรวจสอบ (ความศรัทธาของพวกนาง) เสียก่อน ถึงแม้อัลลอฮฺจะทรงรู้ดีที่สุดถึงความศรัทธาที่แท้จริงของพวกนาง หลังจากนั้นเมื่อสูเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงแล้ว ก็จงอย่าส่งพวกนางไปให้บรรดาผู้ปฏิเสธ พวกนางไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกนางอีกต่อไป จงส่งของขวัญแต่งงานที่พวกเขาให้แก่นางคืนกลับไปให้แก่สามีผู้ปฏิเสธของพวกนาง และไม่มีข้อตำหนิใด ๆ ถ้าสูเจ้าจะแต่งงานกับพวกนางเมื่อสูเจ้าได้จ่ายของขวัญแต่งงานให้แก่นางแล้ว และสูเจ้าก็จงอย่าเหนี่ยวรั้งหญิงผู้ไม่ศรัทธาไว้ในการแต่งงาน จงขอคืนสิ่งที่สูเจ้าได้ให้แก่ภรรยาผู้ไม่ศรัทธาของสูเจ้า และจงให้บรรดาผู้ปฏิเสธขอคืนสิ่งที่พวกเขาได้ให้แก่ภรรยามุสลิมของพวกเขา นี่คือคำบัญชาของอัลลอฮฺทรงตัดสินระหว่างสูเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
11. และถ้าหากสูเจ้าไม่ได้รับสิ่งที่สูเจ้าให้แก่ภรรยาผู้ไม่ศรัทธาของสูเจ้าคืนจากบรรดาผู้ปฏิเสธ เมื่อถึงคราวของสูเจ้าบ้าง สูเจ้าก็จงจ่ายให้แก่คนที่ภรรยาของเขาได้ถูกทิ้งไว้กับอีกฝ่ายหนึ่งในจำนวนเท่ากับสิ่งที่พวกเขาได้ให้ไป และจงเกรงกลัวอัลลอฮฺซึ่งสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาในพระองค์เถิด
12. โอ้ นบี เมื่อหญิงผู้ศรัทธาได้มายังเจ้าเพื่อให้สัตย์ปฏิญาณจงรักภักดี และสัญญาว่าพวกนางจะไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีกับอัลลอฮฺ และจะไม่ขโมย จะไม่ทำชู้ จะไม่ฆ่าลูกของพวกนาง จะไม่สร้างเรื่องใส่ร้ายระหว่างมือและเท้าของพวกนาง และจะไม่ฝ่าฝืนสูเจ้าในสิ่งที่ดี เจ้าจงรับการให้สัตย์ปฏิญาณของพวกนาง และจงวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ทรงอภัยพวกนาง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
13. โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเป็นมิตรกับบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงกริ้ว ผู้หมดหวังต่อวันปรโลก เช่นเดียวกับบรรดาผู้ปฏิเสธที่กำลังนอนอยู่ในสุสานได้สิ้นหวัง
คำแปล R4.10. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาเป็นผู้ลี้ภัยมาหาพวกเจ้า ก็จงสอบสวนพวกนาง อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งในการศรัทธาของพวกนาง ครั้นเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธา ก็อย่าได้ส่งพวกนางกลับไปยังพวกปฏิเสธศรัทธา พวกนางมิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา และพวกเขาก็มิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกนาง และจงจ่ายคืนให้พวกเขา (สามีเดิมที่เป็นกาเฟร) สิ่งที่พวกเขาได้จ่ายไป (มะฮัร) และไม่เป็นบาปอันใดแก่พวกเจ้าที่จะแต่งงานกับพวกนาง เมื่อพวกเจ้าได้ให้แก่พวกนางซึ่งของหมั้นของพวกนาง และอย่าหน่วงเหนี่ยวพันธะการแต่งงานของบรรดาหญิงผู้ปฏิเสธศรัทธา และจงขอคืนสิ่งที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไป และให้พวกเขาขอคืนสิ่งที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไป นั่นคือข้อตัดสินของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงตัดสินในระหว่างพวกเจ้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
11. และถ้าคนใดในบรรดาภริยาของพวกเจ้าหนีออกไปสู่พวกปฏิเสธศรัทธาแล้ว ครั้นเมื่อพวกเจ้าสามารถแก้แค้นริบทรัพย์มาได้ ก็จงจ่ายคืนให้แก่บรรดาผู้ที่บรรดาภริยาของพวกเขาหนีไปเท่ากับจำนวนที่พวก เขาได้จ่ายไป และจงยำเกรงอัลลอฮฺ ผู้ซึ่งพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาต่อพระองค์เถิด
12. โอ้ นะบีเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาได้มาหาเจ้าโดยพวกนางเพื่อให้ปฏิญาณแก่เจ้าพวกนางจะ ไม่ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮฺ และจะไม่ขโมย และจะไม่ทำชู้ และจะไม่ฆ่าลูก ๆ ของพวกนาง และจะไม่นำมาซึ่งการใส่ร้ายโดยการเสกสรรลูกหลง พ่อให้เป็นลูกของเขา และจะไม่ขัดขืนคำสั่งของเจ้าในเรื่องดีงาม ดังนั้นจงรับการปฏิญาณของพวกนาง และจงขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงอภัยแก่พวกนาง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ
13. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้คบกับหมู่ชนที่อัลลอฮฺทรงกริ้วต่อพวกเขาไว้เป็นมิตรสหาย แน่นอนพวกเขาหมดหวังต่อวันปรโลกแล้วเสมือนกับที่พวกปฏิเสธศรัทธาหมดหวังต่อ (การฟื้นคืนชีพของ) ชาวกุบูรคำแปล R5.๑๐. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาแล้วทั้งหลาย เมื่อบรรดาสตรีที่แสดงตัวว่ามีศรัทธาเป็นผู้อพยพมาสู่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงทดสอบพวกนางเสียก่อน อัลเลาะห์ทรงรอบรู้เป็นที่สุดในศรัทธาแท้จริงของพวกนาง ดังนั้นหากพวกเจ้าทดสอบแล้วจนรู้ว่านางเป็นผู้มีศรัทธาโดยแท้จริง พวกเจ้าก็จงอย่าส่งพวกนางคืนกลับให้แก่จำพวกไร้ศรัทธา พวกนางไม่เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา และพวกเขาก็ไม่อนุมัติแก่พวกนาง และพวกเจ้าจงมอบค่าสมรสแก่พวกเขา สามีที่เป็นกาฟิรของผู้หญิงดังกล่าว เท่ากับสิ่งที่พวกนั้นได้ใช้จ่าย มาแล้วในการสมรสของพวกเขากับภริยาของพวกเขาและไม่ถือเป็นความผิดแก่พวกเจ้าที่จะทำการสมรสกับพวกนาง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องพ้น “ระยะปลอดสมรส(อิดดะห์)” ต้องมีผู้ปกครอง มีสองพยาน เพราะว่าหญิงผู้นั้นถือว่าขาดความเป็นสามีภริยากับสามีของนางนับแต่นางเข้าอิสลาม ทั้งนี้หากนางยังไม่ถูกประเวณีโดยสามีเดิม ส่วนหญิงที่ถูกประเวณีแล้วหากสามีไม่ยอมเข้าอิสลามในช่วงระยะปลอดสมรส ก็ให้ปฏิบัติดังกล่าวได้ แต่ถ้าสามีตามนางเข้ามาเป็นมุสลิมในช่วงระยะปลอดสมรส ก็ให้หญิงนั้นมีสภาพเป็นภรรยาของเขาต่อไปตามเดิม ทั้งนี้เมื่อพวกเจ้าได้มอบค่าสมรสแก่พวกนางเป็นที่เรียบร้อย และพวกเจ้าอย่ายึดถือข้อตกลงการสมรสเดิมที่เคยใช้ในช่วงกาฟิร และพวกเจ้าจงขอคืนค่าสมรสที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไปแล้วและพวกเขาก็จงขอคืนค่าสมรสที่พวกเขาใช้จ่ายไปแล้ว นั้นเป็นกฎหมายแห่งอัลเลาะห์ พระองค์ทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงพระปรีชาญานยิ่ง
๑๑. และหากคนใดจากคู่ครองของพวกเจ้าได้จากพวกเจ้าไปเข้าเป็นพวกเนรคุณ ดังนั้นพวกเจ้าก็จงตอบแทนโทษด้วยการรบ และชิงตัวกลับคืนมา แล้วพวกเจ้าก็จงมอบค่าสมรสแก่บรรดาชายที่คู่ครองของพวกเขาได้จากไป เท่ากับที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปแล้ว และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์ซึ่งพวกเจ้ามีศรัทธาต่อพระองค์
๑๒. โอ้นบี เมื่อบรรดาสตรีได้มาหาเจ้าเพื่อร่วมทำสัญญากับเจ้า ว่าพวกนางจะไม่ตั้งสิ่งใดขึ้นเป็นภาคีกับอัลเลาะห์ พวกนางจะไม่ขโมย พวกนางจะไม่ทำผิดประเวณี พวกนางจะไม่ฆ่าบุตรของพวกนาง พวกนางจะไม่นำสิ่งมุสาที่พวกนางเสกสรรขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา โดยพูดว่าลูกที่นางได้นี้เป็นลูกของสามี ทั้ง ๆ ที่ความจริงเป็นลูกของคนอื่น และพวกนางจะไม่ฝ่าฝืนเจ้าในคุณความดี ดังนั้นเจ้าก็จงทำสัญญาดังกล่าวกับพวกนางเถิด และเจ้าจงขออภัยต่ออัลเลาะห์แก่พวกนาง แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอภัยยิ่ง อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
๑๓. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าถือเป็นมิตรสหายกับกลุ่มชนที่อัลเลาะห์ได้ทรงกริ้วแก่พวกเขา คือ พวกยิว แท้จริงพวกนั้นหมดหวังได้รับผลกุศลใด ๆ จากปรภพ ประดุจดังบรรดาพวกเนรคุณจากชาวสุสานที่มีแต่ความสิ้นหวัง (صدق الله العظيم) ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ
จบสูเราะฮฺที่ 60 อัลมุมตะหินะฮฺ