ผมชอบกันมากกับ เชคอาลี อีซา ตอนคุณปู่ผมเสีย ท่านก็ไปละหมาด
แม้เราจะคนละแนวทาง ท่านก็ไปเป็นมะมูม ตามละหมาดญะนาซะ แต่ท่านไม่ยกมือขอดุอาต่อก็เท่านั้น
ส่วน อาจารย์ ซาฟีอี ก็ชอบพอกัน เจอกันบ่อยๆ ที่มูลนิธิศูนย์กลางอิสลาม เมื่อคราวก่อน แกเคยเป็น ประธานเมาลิดด้วย
ลูกเขยอาจารย์ ผมก็ฟังเอาความรู้อยู่บ่อยๆ หรือพรรคพวกอย่าง อาจารย์อามีน ผมก็นิยมชมชอบอยู่ไม่น้อย
ถัดมาถึง อาจารย์อิสหาก ลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ก็ยังเคยชวนไปดูเดือน เข้ารอมฎอน ออกอีด ด้วยกัน
หรือจะเป็น ดร อิสมาแอล ผมและครอบครัวก็ชอบกันเป็นอย่างมาก เพราะอันสนิทเป็นญาติกันด้วย
เห็นจะใกล้ชิดสุดก็เป็น พี่น้องที่บางกอกน้อย ที่ไปมาหาสู่กันตลอด ญาติพี่น้องผมไปเยี่ยมเยียนที่นั่นทุกสัปดาห์
ผมเลยไม่มีความคิดที่พวกเขาจะเป็นบุคคลล้มละลายในโลกดุนยานี้เลย พวกเขาเองไม่ใช่วะฮะบี ไม่ใช่ซุนนะใหม่ เขากล่าวว่า เขายึดถือมัซฮับฮัมบาลี เป็นส่วนมาก
ผมละหมาดของผม ผมเองกุนูต แต่ถ้าเขาจะละหมาดด้วย ผมไม่กุนูตซุบฮฺ ก็ได้ผมไม่ถือว่าเป็นวายิบ
ผมละหมาดรวมย่อ ในเวลาอีซา ผมก็ละหมาดอีซาก่อนมักริบ แต่พวกเขาจะละหมาดตามผม เขาก็ยินดีละหมาดอีซาตามด้วยมักริบเช่นกัน
พวกเรารักกัน เรื่องศาสนาไม่เคยเข้ามาเป็นปัญหาในครอบครัว และพี่น้องของเรา
ปู่ ( คุณตาหริ่ม ) ของผม เป็นบุคคลแรกๆ ที่อ่านตัฟซีรตอนตอวี และแปลว่า มนุษย์นั้นออกนอกโลกได้
สมัยนั้น วิทยุก็ยังไม่มี ซุนนะเก่าๆ หลายๆ คนยังคิดว่า ครอบครัวของผม เป็นพวกคณะใหม่ ( วะฮะบี ) กันอยู่เลย
ญาติพี่น้องผม นิยม ทำเมาลิดกันที่บ้าน ร่วมกันละศีลอด อ่านอัลกรุอาน กันเฉพาะพี่น้อง
พวกเราทำบุญกันที่มัสยิด ให้ซะกาตคนจน เลี้ยงอาหาร ทำความสะอาด
สิ่งเหล่านี้ แหละที่ผมและครอบครัวของผมทำ พวกเราไม่เคยนอนเฝ้ากุโบร
แต่ผมไม่ใช่ซุนนะใหม่ ไม่ใช่วะฮะบี ผมเป็น ซุนนะกลางเก่า กลางใหม่ ตามแนวทาง อลิสซุนนะวัลยะมาอะ มัซฮับซาฟีอี
บ่นซะยืดยาว จริงๆ เรื่องยาวกว่านี้มาก... เข้าใจมากๆ เหมือนผม คุณจะรู้ว่าอิสลามนั้นมีหนึ่งเดียวจริงๆ
วัสลาม...