ผมเดาแล้วกัน
น่าจะเป็นหนังสือของชีอะห์
ของเดาชื่อหนังสือแล้วกัน
อะไรที่ ไดๆ สักอย่าง

เดาได้ดีเดาได้ถูกต้อง
อย่างนี้ท่านบี้เฉินต้องให้รางวัลนะฮ้า
ด้วยการบอกมาว่าหนังสือเล่มนั้นมันเป็นยังไง??..ฮ้า 
ครับผม ก็เป็นประสบการณ์ครั้งที่ 2 ของผมที่พิสูจน์เรื่อง "ต้องมีผู้รู้" ไว้ประกอบการศึกษาตลอดเวลานะครับ
หนังสือ อัล-มุรอญิาตชีอะฮ์ : ท่านซัยยิด อับดุลฮุเซน ซัรฟุดดีน
ซุนนีย์ : ท่านชัยค์ ซะลีม อัล-บะชะรีย์เนื้่อหาโดยทั่วไปของหนังสือ ::::: หนังสือเล่มนี้รวบรวมโดยฝ่ายพี่น้องชีอะฮฺ เป็นจดหมายตอบกลับไปมาระหว่างท่านเชคผู้มีชื่อในม.อัซฮัร กับไซยิดท่านหนึ่ง
ซึ่ง ณ เวลานี้ทั้งสองท่านนั้นได้หมดชีวิตในดุนยานี้ไปแล้วครับ
เนื้อหาในจดหมายเป็นการบอกกล่าวถึงหลักการที่เป็นต้นตอแห่งความแตกต่างระหว่างซุนนีย์กับชีอะฮ์ครับ
คือเรื่อง "คอลีฟะฮ์ท่านอาลี" ว่าท่านอาลีต้องเป็นคอลีฟะฮ์่ท่านแรก และคอลีฟะฮ์ในระบอบอิสลามต้องมาจากอะฮ์ลุลบัยต์เท่านั้น
และมีเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวโยงกับเรื่องดังกล่าว ในหนังสือไม่มีเรื่องอื่นๆนอกจากนั้นเลยยกเว้นว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเท่านั้น
โดยท่านเชคเป็นฝ่ายถาม แล้วท่านไซยิดเป็นผู้ตอบ เนื้อหาจดหมายเป็นไปอย่างนุ่มนวลและมีสีสันแห่งวิชาการอันสูงส่ง
ต่างฝ่ายต่างยอมรับซึ่งกันและกัน แต่ท่านเชคเป็นฝ่ายน้อมรับทั้งเนื้อหาและยอมรับในความเป็นพี่น้อง
ส่วนท่านไซยิดนั้นไม่น้อมรับในเนื้อหาของซุนนีย์ แต่ก็ยอมรับในความเป็นพี่น้องของท่านเชค
ในการน้อมรับเนื้อหาของท่านเชค สังเกตุได้จากการที่ท่านไม่โต้แย้งด้วยหลักฐานของฝ่ายซุนนีย์ ลักษณะเหมือนท่านเรียนรู้จากท่านไซยิด
ส่วนท่านไซยิดนั้น ได้นำเสนอหลักฐานและรายละเอียดต่างๆเยอะพอสมควร และได้ชี้แจงต่างๆมากมาย
บทสรุปที่หนังสือได้พยายามนำเสนอ ::::: หลังจากผมอ่านได้ครึ่งค่อนเล่มกว่าๆ ผมสรุปใจความสั้นๆได้ดังนี้ครับ
1. คอลีฟะฮ์ท่านแรกต้องเป็นท่านอาลี(รด)
2. คอลีฟะฮ์ท่านอื่นๆต้องมาจากอะฮ์ลุลบัยต์
3. การรวบรวมฮะดีษของซุนนีย์นั้นบกพร่อง โดยมีอคติกับการรวบรวมฮะดีษจากทางอะฮ์ลุลบัยต์
4. ทางอะฮ์ลุลบัยต์มีผู้รู้ที่สืบทอดกันมา ในขณะเดียวกันก็ได้รับการซอลาวาต และวิชาการของท่านเหล่านั้นก็เป็นที่ยอมรับ แต่ทำไมถึงไม่เคยมีอยู่ในรายชื่อของผู้รู้ในโลกอิสลามเลย
5. การตัฟซีรอัลกุรอ่านของซุนนีย์นั้นบกพร่อง เนื่องจากการรายงานฮะดีษนั้นแตกต่างกันในอายะฮ์ที่มีการกล่าวถึงท่านอาลี แต่ซุนนีย์ตีความเป็นอย่างอื่น
6. ทางการเมือง เหมือนกับว่ารัฐเกรงกลัวต่ออะฮ์ลุลบัยต์ เลยยกคนอื่นมา โดยไม่กล่าวถึงอะฮ์ลุลบัยต์เลย
7. อื่นๆ
ตัวผมเอง เนื่องจากมีนิสัยชอบสงสาร พอสรุปคร่าวๆได้ดังกล่าวแล้วก็เลยนึกสงสารทางพี่น้องชีอะฮ์ครับ T_T
ประมาณว่าถูกเมินเฉยจากสังคม ถูกสังคมรังเกียจ เป็นสิ่งที่สังคมไม่ต้องการ
ผมก็เลยตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องคุยและสอบถามอ.อัซฮารีให้ได้นั่นแหละครับ
(เพราะไม่รู้จะถามใครดี แต่ละท่านค่อนข้างจะปฏิเสธ หรือไม่ก็จะบอกแต่ข้อเสียของพี่น้องชีอะฮ์ทั้งนั้นเลย)
นี่คือบทสรุปการสนทนาระหว่างผมกับอาจารย์ครับ ::::: สิ่งแรกที่ได้ยินจากปากอาจารย์คือ อ.เคยอ่านแล้ว เคยอ่านมากกว่านี้ด้วย หลายๆอย่างเลยด้วย และกับหนังสือเล่มนั้นทางชีอะฮ์โกหก (อีกแล้ว)
หลังจากนั้นเนื่องอ.ติดธุระนิกะฮ์ให้ผมอยู่ เอ้ยไม่ใช่..!! ให้คนอื่นอยู่

อ.ก็เลยบอกผมว่าให้โทรไปหาอ.นะ อย่าลืมนะ
วันต่อมาอ.โทรมาหาผม เนื่องจากเป็นห่วมผมมาก (ขออัลลอฮ์ตอบแทนท่านและครอบครัวในความหวังดีจากท่านและครอบครัวท่าน) ถามว่าถึงใหนแล้ว
ผมก็เลยถามยกใหญ่เลยครับในข้อสงสัยต่างๆ และอ.ก็สรุปสิ่งพิรุธในหนังสือเล่มให้ผมดังนี้ครับ
สิ่งพิรุธในหนังสือเล่มนี้ ::::: ก. หนังสือเล่มนี้เขียนชื่อเชคผิด
ข. ท่านเชคท่านนี้เป็นผู้มีชื่อเสียงและเป็นผู้รู้ด้านฮะดีษอย่างมากมาย (เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่รู้ในเรื่องฮะดีษหลายๆอย่างดังที่ปรากฎในหนังสือ)
ค. หนังสือเล่มนี้ รวบรวมเป็นเล่มหลังจากท่านเชคหมดชีวิตในดุนยาไปแล้ว 10 ปี
ง. ท่านเชคท่านนี้ตอนอยู่ในม.อัซฮัร ไม่เคยกล่าวถึงหรือพูดถึงชีอะฮ์
จ. หนังสือเล่มนี้ ไม่เคยได้รับความยินยอม หรือแม้แต่ขอความยินยอมจากท่านเชคและอัลอัซฮัรก่อนจัดพิมพ์เลย
สรุปก็คือ หนังสือเล่มนี้มีพิรุธมากมาย
คำถาม-คำตอบไปมาคร่าวๆ ::::: ผมถาม : "ทำไมอัลอัซฮัรถึงประกาศว่า ชีอะฮ์เป็นมัสฮับที่สามารถตามได้"
อ.ตอบ : "เพราะชีอะฮ์บางสายนั้นใกล้เคียงกับอะฮ์ลุลซุนนะฮ์วัลจะมะอะฮ์มาก และเค้ามีกะลีมะฮ์ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ และทางอัซฮัรต้องการประณีประณอม การปฏิเสธชีอะฮ์จะกลายเป็นการปฏิเสธชีอะฮฺในทุกๆสาย"
ผมถาม : "อาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไรกับชีอะฮ์ แล้วอ.คิดว่าเป็นกาเฟรหรือไม่"
อ.ตอบ : "เราไปฮุกุ่มใครไม่ได้ สำหรับชีอะฮ์แล้วอ.คิดว่าน่าจะเป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลงมากกว่า เหมือนซุนนีย์เรานี่แหละ แต่เป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลง"
ผมถาม : "ผมไปเถียงไปทะเลาะกับเค้าได้รึเปล่า"
อ.ตอบ : "การไปเถียงไปทะเลาะกับใครมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ"
ผมถาม : "อ.มีอคติกับทางชีอะฮ์หรือไม่"
อ.ตอบ : "คืออย่างนี้ อ.เคยเจอกับชีอะฮ์มาก่อน และรู้จากทางชีอะฮ์มาก่อน ไม่มีอคติอะไร แต่เนื้อหาเขานั้นอันตราย"
ผมถาม : "ทำไมพวกเค้าถึงคิดไม่ได้"
อ.ตอบ : "เป็นประมาณบิดอะฮ์ลุ่มหลง"
คำถาม-คำตอบด้านบนนี้เป็นแบบสรุปใจความสำคัญครับ ไม่ใช่คำพูดที่เหมือนกันทุกอย่าง และอาจจะไม่ได้เรียงกันแบบนั้นครับ
คราวนี้อ.ถามผมกลับครับ
อ.ถาม : "แล้วตอนนี้คิดอย่างไร จะทำอย่างไรกับหนังสือเล่มนี้ จะอ่านต่อหรือไม่"
ผมตอบ: "ไม่อ่านแล้วครับ"
ตอนนี้ก็ อ.หัวเราะ และผมก็หัวเราะ
สุดท้ายผมบอกว่า : "ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าจะไปปรึกษาผู้รู้ท่านใด เพราะทุกๆท่านล้วนมีอคติและปฏิเสธชีอะฮ์หมดเลย"
อ.ตอบว่า : "อัลฮัมดุลิลละฮ์"
ก็ อัลฮัมดุลิลละฮ์ครับ ได้คำตอบแล้วครับ
