ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 61 สูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ  (อ่าน 2362 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ (الصف) – แถว

เป็นสูเราะฮฺมะดะนียะฮฺ มี 14 อายะฮฺ

บทนำ (R3.)
ชื่อ : ซูเราะฮฺนี้ไดชื่อมาจากคำว่า “ศ็อฟฟัน” (صفا) ในอายะฮฺที่ 4
ระยะเวลาของการประทานซูเราะฮฺ : ไม่มีฮะดีษที่เชื่อถือได้ใด ๆ ยืนยันว่าซูเราะฮฺนี้ได้ถูกลงมาเมื่อใด แต่จากการศึกษาเนื้อหาสาระทำให้เห็นว่าบางทีซูเราะฮนี้อาจจะถูกประทานมาในช่วงเวลาหลังสงครามอุฮุด เพราะจากการอ่านอายะฮฺต่าง ๆ โดยพิจารณาเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหลังทำให้เราเห็นคำอธิบายถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี
เนื้อหาสาระ : เนื้อหาสาระของซูเราะฮฺนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะแนะนำมุสลิมให้มีความจริงใจในการศรัทธาและการต่อสู้ด้วยชีวิตของตนเองในหนทางของอัลลอฮฺ ซูเราะฮฺนี้ได้ถูกกล่าวแก่บรรดามุสลิมที่มีความศรัทธาอ่อนแอ ตลอดจนบรรดาผู้เข้ารับอิสลามทั้งด้วยความไม่จริงใจและจริงใจ บางอายะฮฺก็กล่าวแก่คนสองกลุ่มแรก บางอายะฮฺก็กล่าวแต่เฉพาะพวกตลบตะแลง และบางอายะฮฺก็กล่าวแก่มุสลิมผู้จริงใจซึ่งเราจะเห็นได้เองจากลีลาของคำพูดว่า อายะฮฺไหนกล่าวแก่คนกลุ่มไหนเป็นการเฉพาะ
   ในตอนเริ่มแรกบรรดาผู้ศรัทธาได้ถูกเตือนว่า : “อัลลอฮฺทรงเกลียดคนพูดอย่างหนึ่งแต่กลับทำอีกอย่างหนึ่ง และพระองค์ทรงรักผู้ต่อสู้ในหนทางแห่งสัจธรรมโดยยืนปักหลักรวมกันอย่างมั่นคงในการต่อต้านศัตรูของอัลลอฮฺ”
   ในอายะฮฺที่ 5-7 มุสลิมได้ถูกเตือนว่าพวกเขาจะต้องไม่แสดงท่าทีต่อรอซูลและศาสนาของพวกเขาเหมือนกับที่พวกอิสรออีลมีต่อนบีมูซาและนบีอีซา กล่าวคือถึงแม้คนพวกนี้จะยอมรับว่านบีมูซาเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ พวกเขาก็ยังคงคิดร้ายต่อท่านในขณะที่ท่านมีชีวิตและถึงแม้จะเห็นสัญญาณอันชัดเจนจากนบีอีซา พวกเขาก็ปฏเสธท่านโดยไม่มีการลังเลใด ๆ ดังนั้น พวกอิสราเอลจึงไม่อาจได้รับประโยชน์จากทางนำของพระผู้เป็นเจ้า แน่นอน นี่จึงมิใช่ตัวอย่างที่ชาติอื่น ๆ ควรเลียนแบบ
   หลังจากนั้น ในอายะฮฺ 8-9 ก็ได้มีการประกาศท้าทายว่า : ไม่ว่าพวกยิวและคริสเตียนและพวกตลบตะแลงที่สมรู้ร่วมคิดกับคนพวกนี้จะพยายามดับแสงสว่างของอัลลอฮฺอย่างไรก็ตาม แสงสว่างนี้ก็ยังคงส่องสว่างและแพร่ความสว่างไปทั่วโลก และศาสนาที่รอซูลที่แท้จริงของอัลลอฮฺนำมานั้นจะเหนือกว่าศาสนาอื่น ๆ ไม่ว่าพวกเดียรถีย์และพวกบูชาเทวรูปจะเกลียดชังอย่างไรก็ตาม
   ในอายะฮฺที่ 10-13 บรรดาผู้ศรัทธาได้ถูกบอกว่าหนทางไปสู่ความสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลกหน้านั้นมีหนทางเดียว นั่นคือพวกเขาจะต้องศรัทธาในอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ด้วยความจริงใจ และพวกเขาจะต้องใช้ความพยายามในการดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺอย่างถึงที่สุดด้วยชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาจะได้รับเป็นรางวัลตอบแทนในการต่อสู้คือการรอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺ การอภัยโทษบาปและสวรรค์อันนิรันดรในโลกหน้า และในโลกนี้พวกเขาจะได้รับความดีงาม ความช่วยเหลือและชัยชนะจากอัลลอฮฺ
   กล่าวโดยสรุปก็คือ บรรดาผู้ศรัทธาได้ถูกแนะนำว่า สาวกนบีอีซาได้ให้ความช่วยเหลือท่านในหนทางของอัลลอฮฺฉันใด พวกเขาก็ควรจะเป็น “ผู้ช่วยเหลืออัลลอฮฺ” ฉันนั้น ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้รับความดีงามและการยอมรับจากอัลลอฮฺเช่นเดียวกับบรรดาผู้ศรัทธาก่อนหน้าพวกเขาได้รับ


เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺอานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)


----------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 11:20 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

ฟังเสียงอ่านกุรฺอานสูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ ของ อับดุลบาศิด อับดุศเศาะมัดได้ที่ลิงก์นี้

http://67.213.215.136/~server3/basit_mjwd/061.mp3

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัศศ็อฟฟฺ อายะฮฺที่ 1-4



คำอ่าน
1. สับบะหะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม
2. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลิมะตะกูลูนะมาลาตัฟอะลูน
3. กะบุเราะมักตัน อิน..ดัลลอฮิ อัน..ตะกูลูมาลาตัฟอะลูน
4. อิน..นัลลอฮะยุหิบบุลละซีนะยุกอติลูนะ ฟ๊สะบีลิฮื ศ็อฟฟัน..กะอัน..นะฮุม..บุนยานุม..มัรศูด

คำแปล R1.
1. Whatsoever is in the heavens and whatsoever is on the earth glorifies Allah. And He is the All-Mighty, the All-Wise.
2. O you who believe! Why do you say that which you do not do?
3. Most hateful it is with Allah that you say that which you do not do.
4. Verily, Allah loves those who fight in his cause in rows (ranks) as if they were a solid structure.


คำแปล R2.
1. สรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดิน ต่างแซ่ซร้องในพระบพิทธิคุณแด่อัลเลาะฮฺ และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
2. โอ้มวลผู้มีศรัทธาทั้งหลาย ไฉนพวกเจ้าจึงพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่กระทำ
3. เป็นความกริ้วยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮฺนัก ที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่กระทำ
4. แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรักบรรดาผู้ทำศึกในแนวทางของพระองค์ โดยอยู่ในแถว (อย่างเป็นระเบียบจนมองดู) ประหนึ่งพวกเขาเป็นสิ่งก่อสร้างที่แข็งแกร่งมั่นคง


คำแปล R3.
1. สิ่งใด ๆ ก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดีอัลลอฮฺและพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ
2. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ทำไมสูเจ้าจึงพูดในสื่งที่สูเจ้าไม่กระทำ ?
3. สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดในทัศนะของอัลลอฮฺก็คือที่สูเจ้าพูดในสิ่งที่สูเจ้าไม่กระทำ
4. แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้ต่อสู้ในหนทางของพระองค์เป็นแถวเดียวกันเหมือนกับเป็นปราการที่แข็งแกร่ง


คำแปล R4.
1. สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินต่างแซ่ซ้อง สดุดีแด่อัลลอฮฺ และพระองค์ เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
2. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ทำไมพวกเจ้าจึงกล้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ
3. เป็นที่น่าเกลียดยิ่งที่อัลลอฮฺ การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ
4. แท้จริง อัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้ที่ต่อสู้ในทางของพระองค์เป็นแถวเดียวกัน ประหนึ่งพวกเขาเป็นอาคารที่ยึดมั่นแข็งแรง


คำแปล R5.
๑. สรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดินได้แซ่ซ้องสดุดีพระบริสุทธิคุณแด่อัลเลาะห์ และพระองค์ทรงอำนาจเป็นที่สุด ทรงปรีชาญาณยิ่ง
๒. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เพราะอะไรพวกเจ้าจึงพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่กระทำ
๓. เป็นความกริ้วอันยิ่งใหญ่ในอัลเลาะห์ยิ่งนัก การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่กระทำ
๔. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรักบรรดาผู้ที่ทำการรบในทางของพระองค์โดยอยู่ในแถวอย่างเป็นระเบียบ คล้ายกับว่าพวกเขาเป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกก่ออย่างมั่นคง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 11:20 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ อายะฮฺที่ 5-6

คำอ่าน
5. วะอิซกอละมูซาลิก็อวมิฮี ยาก็อวมิลิมะตุอ์ซูนะนี วะก็อดตะอฺละมูนะอัน..นัเราะสูลุลลอฮิอิลัยกุม ฟพลัม..มาซาฆู อะซาฆ็อลลอฮุกุลูบะฮุม วัลลอฮุลายะฮิดิลก็อวมัลฟาสิกีน
6. วะอิซกอละอิสับนุมัรฺยะมะ ยาบะนี..อิสรอ..อีละ อัน..นีเราะสูลุลลอฮุอิลัยกุม..มุศ็อดดิก็อลลิมาบัยนะยะดัยยะ มินัตเตารอติ วะมุบัชชิร็อม..บิรอสูลี..ยะอ์ตีมิมบะอฺดิสมุฮู..อะหฺมัด ฟะลัม..มาญา...อะฮุม..บิลบัยยินาติ กอลูฮาซาสิหฺรุม..มุบีน

คำแปล R1.
5. And (remember) when Musa (Moses) said to his people: "O my people! Why do you hurt me while you know certainly that I am the Messenger of Allah to you? So when they turned away (from the path of Allah), Allah turned their hearts away (from the right path). And Allah guides not the people who are Fasiqn (rebellious, disobedient to Allฟh).
6. And (remember) when 'Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary), said: "O children of Israel! I am the Messenger of Allah unto you confirming the Taurat [(Torah) which came] before me, and giving glad tidings of a Messenger to come after me, whose name shall be Ahmed. But when he (Ahmed i.e. Muhammad) came to them with clear proofs, they said: "This is plain magic."


คำแปล R2.
5. และ (จงระลึกเถิด) เมื่อครั้งที่มูซาได้ประกาศแก่มวลชนของเขาว่า “โอ้ปวงชนของฉัน ไฉนพวกท่านจึงรังควานฉัน ทั้ง ๆ ที่พวกท่านก็ทราบดีว่า ตัวฉันนี้เป็นทูตแห่งอัลเลาะฮฺที่ถูกส่งมายังท่าน?” ครั้นเมื่อพวกเขาได้แปรผัน (ออกจากสัจธรรม) อัลเลาะฮฺทรงดลความแปรผันแก่จิตใจของพวกเขา (ต่อการได้รับสิ่งชี้นำทาง) และอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำกลุ่มชนที่ฝ่าฝืน
6. และเมื่อครั้งที่อีซาบุตรของมัรยัมได้ประกาศว่า “โอ่เผ่าพันธุ์ของอิสรออีล แท้จริงฉันเป็นทูตของอัลเลาะฮฺมายังพวกท่าน เพื่อรับรองคัมภีร์เตารอฮฺ ที่มีมาก่อนพวกท่าน และเพื่อมาแจ้งข่าวดีว่าจะมีทูต (ของอัลเลาะฮฺ) ผู้หนึ่งมาภายหลังจากฉัน เขามีชื่อว่า “อะหมัด” ครั้นต่อมาเมื่อเขาได้มายังพวกเขาจริง พร้อมหลักฐานอันชัดแจ้ง พวกเขากลับพูดว่า “นี่เป็นมายากลอันชัดแจ้ง”


คำแปล R3.
5. และจงนึกถึงสิ่งที่มูซาได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “โอ้ พวกพ้องของฉัน ทำไมพวกท่านจึงได้ทำร้ายฉันทั้ง ๆ ที่พวกท่านรู้ว่าฉันเป็นรอซูลคนหนึ่งที่อัลลอฮฺทรงมายังพวกท่าน?” ดังนั้นเมื่อพวกเขาหันเหออกไป อัลลอฮฺก็ได้ทรงทำให้หัวใจของพวกเขาหันเหออกไป อัลลอฮฺไม่ทรงนำทางผู้ฝ่าฝืน
6. และจงนึกถึงสิ่งที่อีซาบุตรของมัรยัมได้กล่าวว่า : วงศ์วานอิสรออีลทั้งหลายฉันเป็นรอซูลคนหนึ่งที่อัลลอฮฺได้ส่งมายังพวกท่านเพื่อยืนยันสิ่งที่มาจากเตารอตและเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงรอซูลคนหนึ่งที่จะมาหลังจากฉัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหฺมัด แต่ถึงกระนั้นเมื่อเขามายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง พวกเขาก็ยังกล่าวว่า “นี่คือมายากลชัด ๆ “


คำแปล R4.
5. และจงรำลึกเมื่อมูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ทำไมพวกท่านจึงทำร้ายฉัน และแน่นอนพวกท่านรู้แล้วมิใช่ หรือว่าแท้จริงฉันเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺมายังพวกท่าน ดังนั้นเมื่อพวกเขาหันเหไป (จากแนวทาง ที่เที่ยงตรง ) อัลลอฮฺก็ทรงทำให้หัวใจของพวกเขาหันเหออกไป และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ชี้แนะ ทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
6. และจงรำลึก เมื่ออีซา อิบนฺ มัรยัม ได้กล่าวว่า โอ้วงศ์วานของอิสรออีลเอ๋ย แท้จริงฉันเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺมายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในเตารอฮฺก่อนหน้าฉันและเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงร่อ ซูลคนหนึ่งผู้จะมาภายหลังฉัน ชื่อของเขาคือ อะหมัด ครั้นเมื่อเขา (อะหมัด) ได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว พวกเขากล่าวว่านี่คือมายากลแท้ ๆ


คำแปล R5.
๕. และเมื่อนบีมูซาได้กล่าวแก่ประชาชนของเขาว่า โอ้พวกพ้องของฉันเพราะเหตุใดพวกท่านจึงรุกรานฉัน ทั้ง ๆ ที่แท้จริงพวกท่านก็ทราบดีว่าความจริงฉันเป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์มายังพวกท่าน ครั้นเมื่อพวกเขาได้เฉไฉออกไปจากหลักสัจธรรมอัลเลาะห์ก็ทรงบันดาลความเฉไฉแก่หัวใจของพวกเขา ไม่ได้รับสิ่งชี้นำอีกต่อไป และอัลเลาะห์ไม่ชี้นำแก่กลุ่มชนที่ทรยศ
๖. และจงระลึกถึงประวัติของนบีอีซา เมื่อนบีอีซาผู้บุตรมัรยัมได้ประกาศว่า โอ้เผ่าพงศ์แห่งอิสรออีลแท้จริงฉันเป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์มายังพวกท่านเพื่อเป็นผู้รับรองคัมภีร์เตารอตที่มีอยู่ก่อนหน้าฉัน และเพื่อเป็นผู้ประกาศข่าวดีว่า ภายหลังจากฉันแล้วจะมีศาสนทูตอีกคนหนึ่ง เขามีนามว่าอะห์มัด ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกในคัมภีร์อินญีล ครั้นต่อมาเมื่อเขา ศาสนทูตมุฮำมัดตามคำพยากรณ์ในอินญีลนั้นได้มาสู่พวกเขาพร้อมด้วยบรรดาหลักฐานอันชัดแจ้ง พวกเขากลับพูดว่า สิ่งนี้เป็นเพียงมายากลอันชัดแจ้ง เท่านั้น หาใช่เป็นคัมภีร์จากอัลเลาะห์แต่ประการใด ๆ ไม่



สูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ อายะฮฺที่ 7-9


คำอ่าน
7. วะมันอัซละมุมิม..มะนิฟตะรออะลัลลอฮิกะซิบะ วะฮุวะยุดอา..อิลัลอิสลาม วัลลอฮุลายะฮฺดิลก็อวมัซซอลิมีน
8. ยุรีดูนะ ลิยุซฟิอูนูร็อลลอฮิบิอัฟวาฮิฮิม วัลลอฮุมุติม..มุนูริฮี วะเลากะริฮัลกาฟิรูน
9. ฮุวัลละซี..อัรฺสะละเราะสูละฮูบิลฮุดาวะดีนิลหักกิ ลิยุซฮิเราะฮู อะลัดดีนิกุลลิฮี วะเลากะริฮัลมุชริกูน

คำแปล R1.
7. And who does more wrong than the one who invents a lie against Allah, while he is being invited to Islam? And Allah guides not the people who are Zalimun (polytheists, wrong-doers and disbelievers) folk.
8. They intend to put out the light of Allah (i.e. the Religion of Islam, this Qur'an, and Prophet Muhammad) with their mouths. But Allah will complete his light even though the disbelievers hate (it).
9. He it is who has sent his Messenger (Muhammad) with guidance and the Religion of Truth (Islamic Monotheism) to make it victorious over All (other) religions even though the Mushrikun (polytheists, pagans, idolaters, and disbelievers in the Oneness of Allah and in his Messenger Muhammad) hate (it).


คำแปล R2.
7. และใครกันเล่าที่จะฉ้อฉลยิ่งไปกว่าบุคคลที่กุความเท็จแก่อัลเลาะฮฺ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ถูกเชิญชวนสู่อิสลาม และอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำทางแก่กลุ่มชนที่ฉ้อฉลอย่างแน่นอน
8. พวกเขามีความปรารถนาที่จะดับรัศมีแห่ง (ศาสนาของ) อัลเลาะฮฺ ด้วยปากของพวกเขา แต่อัลเลาะฮฺได้ทำความสมบูรณ์แก่รัศมีของพระองค์ และแม้เหล่าผู้ไร้ศรัทธาจักรังเกียจก็ตาม
9. พระองค์ทรงส่งทูตของพระองค์ให้นำสิ่งชี้นำและศาสนาแห่งสัจธรรมมาเพื่อทรงเชิดชูมันไว้เหนือศาสนาอื่นทั้งหมด และแม้จำพวกตั้งภาคีจักรังเกียจก็ตาม


คำแปล R3.
7. แล้วใครเล่าที่จะชั่วร้ายมากไปกว่าคนที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ ทั้ง ๆ ที่เขากำลังได้รับการเชิญชวนสู่อิสลาม (ยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ) ? อัลลอฮฺไม่ทรงนำทางบรรดาผู้ทำความผิดเหล่านั้น
8. พวกเขาหาทางที่จะดับแสงสว่างของอัลลอฮฺด้วยปากของพวกเขา แต่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้แล้วว่าพระองค์จะให้แสงสว่างของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธจะเกลียดชังแค่ไหนก็ตาม
9. พระองค์คือผู้ส่งรอซูลของพระองค์พร้อมกับทางนำและศาสนาแห่งสัจธรรมที่จะทำให้มันประจักษ์แจ้งเหนือศาสนาใด ๆ ทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกบูชาเทวรูปจะเกลียดชังก็ตาม


คำแปล R4.
7. และผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ ด้วยปากของพวกเขาขณะที่เขาถูกเชิญชวนสู่อิสลาม และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้อธรรม
8. พวกเขาปรารถนาที่จะดับรัศมีของอัลลอฮฺด้วยปากของพวกเขา แต่อัลลอฮฺเป็นผู้ทำให้รัศมีของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าพวกปฏิเสธศรัทธาจะเกลียดชังก็ตาม
9. พระองค์คือผู้ทรงส่งร่อซูลของพระองค์ด้วยการชี้นำทางและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อพระองค์จะทรงให้ศาสนาอิสลามอยู่เหนือศาสนาทั้งมวล ถึงแม้พวกตั้งภาคีจะเกลียดชังก็ตาม


คำแปล R5.
๗. และใครเล่าที่จะฉ้อฉลยิ่งไปกว่าผู้ที่กุความเท็จแก่อัลเลาะห์ ทั้ง ๆ ที่เขานั้นถูกเชิญชวนสู่อิสลาม และอัลเลาะห์ไม่ทรงชี้นำแก่กลุ่มชนที่ฉ้อฉล
๘. พวกเขามุ่งประสงค์ที่จะดับรัศมีแห่งศาสนาของอัลเลาะห์ด้วยปากของพวกเขา โดยใช้วาจาใส่ไคล้ว่าอัลกุรอานเป็นมายากลบ้าง เป็นกาพย์กลอนบ้างและเป็นโหราศาสตร์บ้าง แต่อัลเลาะห์ทรงทำความสมบูรณ์ครบถ้วนแก่รัศมีศาสนาของพระองค์ และมาดแม้นพวกไร้ศรัทธาจักชิงชังก็ตาม
๙. พระองค์ทรงส่งบรรดาศาสนทูตของพระองค์พร้อมด้วยสิ่งชี้นำทางและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อพระองค์ทรงทำให้มันปรากฏเหนือศาสนาอื่น ๆ ทั้งหมด และมาดแม้นบรรดาพวกตั้งภาคีจะรังเกียจก็ตาม


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 11:21 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ อายะฮฺที่ 10-13

คำอ่าน
10. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนูฮัลอะดุลลุกุมอะลาติญาเราะติน..ตุน..ญีกุม..มินอะซาบินอะลีม
11. ยุอ์มินูนะบิลลาฮิวะเราะสูลิฮี วะตุญาฮิดูนะฟีสะบีลิลลาฮิบิอัมวาลิกุมวะอัน..ฟุสิกุม ซาลิกุมค็อยรุลละกุม อิน..กุนตุมตะอฺละมูน
12. ยะฆฟิรฺละกุมซุนูบะกุม วะยุดคิลกุมญัน..นาติน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ วะมะสากินะฏ็อยยิบะตัน..ฟีญัน..นาติอัดนฺ, ซาลิกัลเฟาซุลอะซีม
13. วะอุครอตุหิบบูนะฮา นัศรุม..มินัลลอฮิวะฟัตหุน..เกาะรีบ วะบัชชิริลมุอ์มินีน

คำแปล R1.
10. O you who believe! Shall I guide you to a commerce that will save you from a painful torment.
11. That you believe in Allah and his Messenger (Muhammad), and that you strive hard and fight in the cause of Allah with your wealth and your lives, that will be better for you, if you but know!
12. (If you do so) He will forgive you your sins, and admit you into Gardens under which rivers flow, and pleasant dwelling in Gardens of 'Adn (Eden) Paradise, that is indeed the great success.
13. And also (He will give you) another (blessing) which you love, help from Allah (against your enemies) and a near victory. And give glad tidings (O Muhammad) to the believers.


คำแปล R2.
10. โอ้มวลชนผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เอาไหม ข้าจะชี้ให้พวกเจ้าทำการค้าหนึ่งซึ่งจะทำให้พวกเจ้าปลอดภัยจากการลงโทษอันแสนทรมาน
11. นั่นคือให้พวกเจ้ามีศรัทธาในอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และพวกเจ้าต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะฮฺ โดยใช้ทรัพย์สินและตัวของพวกเจ้าเอง นั้นเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดหากพวกเจ้ารู้
12. แน่นอนที่สุด พระองค์ย่อมนิรโทษบรรดาความผิดต่าง ๆ แก่พวกเจ้า และทรงบันดาลให้พวกเจ้าเข้าสวรรค์ ซึ่งมีธารน้ำหลากสายไหลผ่าน ณ เบื้องใต้ของมัน พร้อมทั้งให้มีที่อยู่อันยอดเยี่ยมในสวรรค์อันอมตะ นั้นเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่ที่สุด
13. และยังมีความโปรดปรานอื่น ๆ ซึ่งพวกเจ้ามีความชอบพอมัน สิ่งนั้นคือการสงเคราะห์จากอัลเลาะฮฺและชัยชนะที่อยู่ใกล้ และเจ้าจงทำความปลื้มปีติแก่มวลศรัทธาชนเถิด


คำแปล R3.
10. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จะให้ฉันบอกสูเจ้าถึงการต่อรอง ที่จะช่วยให้สูเจ้ารอดพ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวดเอาไหม ?
11. นั่นคือสูเจ้าจะต้องศรัทธาในอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺด้วยทรัพย์สินและชีวิตของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้ารู้
12. อัลลอฮฺจะทรงอภัยบาปให้แก่สูเจ้าและจะทรงรับสูเจ้าเข้าสู่สวรรค์ที่ใต้นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่านและจะประทานที่พำนักอันแสนบรมสุขในสวนสวรรค์อันนิรันดรแก่สูเจ้า นี่คือความสำเร็จอันสูงสุดอย่างแท้จริง
13. และพระองค์จะประทานสิ่งอื่น ๆ ที่สูเจ้าปรารถนาด้วย การช่วยเหลือของอัลลอฮฺและชัยชนะได้ใกล้เข้ามาแล้ว (โอ้ นบี) จงแจ้งข่าวดีเรื่องนี้แก่บรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R4.
10. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ข้าจะชี้แนะแนวทางแก่พวกเจ้าไหมเล่า ถึงการค้าที่จะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด
11. นั้นคือพวกเจ้าต้องศรัทธาต่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ และต่อสู้ดิ้นรนในทางอัลลอฮฺ ด้วยทรัพย์สินของพวกเจ้าและชีวิตของพวกเจ้า นั่นเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้
12. พระองค์จะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า ซึ่งการทำบาปของพวกเจ้า และจะทรงให้พวกเจ้าเข้าในสวนสวรรค์หลากหลาย มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์ และที่พำนักอันบรมสุขในสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง
13. และสิ่งอื่น ๆ อีกที่พวกเจ้ารักชอบมันการช่วยเหลือจากอัลลอฮฺและการพิชิตอันใกล้นี้และจงแจ้งข่าวดีแด่บรรดาผู้ศรัทธาเถิด


คำแปล R5.
๑๐. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เอาไหมข้าจักชี้ให้พวกเจ้ารู้ถึงการค้าหนึ่งซึ่งมันทำให้พวกเจ้าปลอดภัยจากการลงโทษอันทรมานยิ่ง
๑๑. นั่นคือพวกเจ้ามีศรัทธากับอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ และพวกเจ้าต่อสู้ในทางของอัลเลาะห์ ทั้งนี้ด้วยทรัพย์สินและตัวของพวกเจ้า นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้
๑๒. แน่นอนพระองค์จักทรงให้อภัยแก่พวกเจ้า บรรดาโทษานุโทษของพวกเจ้าและพระองค์จะทรงให้พวกเจ้าได้เข้าสู่สวรรค์ ซึ่งมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน และพวกเจ้าจะได้บรรดาที่อยู่อันงดงามภายในสวรรค์อันอมตะ นั้นเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่ที่สุดบฝิล
๑๓. และยังมีความสุขอื่น ๆ อีก ที่พวกเจ้าพิสมัยต่อมัน นั่นคือการช่วยเหลือจากอัลเลาะห์และการพิชิตที่อยู่ใกล้ และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาศรัทธาชนเถิดว่าไม่ช้าจะต้องพบกับชัยชนะสามารถยึดเมืองมักกะห์ได้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ อายะฮฺที่ 14

คำอ่าน
14. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู กูนู..อัน..ศอร็อลลอฮิกะมากอละอีสับนุมัรฺยะมะ ลิลหะวารียีนะมันอัน..ศอรี..อิลัลลอฮฺ กอลัลหะวารียูนะนะหฺนุอัน..ศอรุลลอฮฺ ฟะอามะนัฏฏอ..อิฟะตุม..มิม..บะนี..อิรออีละฟะกะฟะร็อฏฏออิฟะฮฺ ฟะอัยยัดนัลละซีนะฮามะนูอะลาอะดูวิฮิม ฟะอัศบะหูซอฮิรีน

คำแปล R1.
14. O you who believe! Be you helpers (in the Cause) of Allah as said 'Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary), to the Hawariyyun (the disciples): "Who are my helpers (in the Cause) of Allah?" Hawariyyun (the disciples) said: "We are Allah's helpers" (i.e. we will strive in his Cause!). Then a group of the Children of Israel believed and a group disbelieved. So we gave power to those who believed against their enemies, and they became the uppermost.

คำแปล R2.
14. โอ้มวลชนผู้มีศรัทธาทั้งหลายพวกเจ้าจงเป็นผู้ช่วย (ส่งเสริมสนับสนุนศาสนาของ) อัลเลาะฮฺเถิด เช่นเดียวกับที่อีซาบุตรของมัรยัมได้กล่าวแก่บรรดาสาวกของเขาว่า “ใครบ้างที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือฉัน (ในการถากถางแนวทางไป) สู่อัลเลาะฮฺ” บรรดาเหล่าสาวกตอบว่า “พวกเราเป็นผู้ช่วยเหลือ (ศาสนาของ) อัลเลาะฮฺ” ต่อมา (เมื่อนบีอีซาไม่ได้อยู่กับพวกเขา) ได้มีคนกลุ่มหนึ่งจากพวกเผ่าพันธุ์ของอิสรออีลศรัทธามั่น (ในคำประกาศของเขา) และมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ปฏิเสธคัดค้าน (คำประกาศดังกล่าว) ดังนั้นเราจึงเสริมกำลังแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายให้มีพลังเหนือศัตรูของพวกเขา แล้วพวกเขาก็กลายมาเป็นฝ่ายชนะ (โดยแท้จริง)

คำแปล R3.
14. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเป็นผู้ช่วยเหลืออัลลอฮฺดังที่อีซาบุตรของมัรยัมได้กล่าวแก่บรรดาสานุศิษย์ของเขาว่า “ใครจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉัน (ในการเรียกร้อง) ไปยังอัลลอฮฺ ? และบรรดาสานุศิษย์ได้ตอบว่า “เราคือผู้ช่วยเหลืออัลลอฮฺ” ดังนั้นลูกหลานของอิสรออีลบางคนจึงได้ศรัทธาและบางคนได้ปฏิเสธ ดังนั้นเราจึงได้ช่วยให้บรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขา แล้วพวกเขาก็ได้กลายเป็นผู้ชนะ

คำแปล R4.
14. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย! จงเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮฺ ดังเช่น อีซา อิบนฺมัรยัมได้กล่าวแก่บรรดาสาวกว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปยังอัลลอฮฺบ้าง? บรรดาสาวกได้กล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮฺ ดังนั้นกลุ่มหนึ่งจากวงศ์วารของอิสรออีลได้ศรัทธา และอีกกลุ่มหนึ่งได้ปฏิเสธศรัทธา แต่เราได้ช่วยเสริมสร้างกำลังแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขา แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้มีชัยชนะ

คำแปล R5.
๑๔. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายพวกเจ้าจงเป็นผู้ช่วยกันป้องและเชิดชูศาสนาแห่งอัลเลาะห์เถิด ประดุจเดียวกับที่นบีอีซาผู้บุตรมัรยัมได้กล่าวแก่บรรดาสาวกทั้งสิบสองคนของเขาว่า ใครคือผู้ช่วยเหลือของฉันไปสู่อัลเลาะห์ บรรดาสาวกทั้งหมดตอบว่า พวกเรานี้แหละเป็นผู้ช่วยเหลือศาสนาของอัลเลาะห์ จากนั้นก็มีกลุ่มหนึ่งจากเผ่าพงศ์ของอิสรออีลได้ศรัทธา และมีอีกกลุ่มหนึ่งคัดค้าน ดังนั้นเราจึงเสริมกำลังแก่บรรดาพวกศรัทธาให้แข็งแกร่งเหนือศัตรูของพวกเขา แล้วพวกเขาก็ประสบชัยชนะ


(صدق الله العظيم) ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ
จบสูเราะฮฺที่ 61 อัศศ็อฟฟฺ



 

GoogleTagged