สูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ อายะฮฺที่ 5-6คำอ่าน5. วะอิซกอละมูซาลิก็อวมิฮี ยาก็อวมิลิมะตุอ์ซูนะนี วะก็อดตะอฺละมูนะอัน..นัเราะสูลุลลอฮิอิลัยกุม ฟพลัม..มาซาฆู อะซาฆ็อลลอฮุกุลูบะฮุม วัลลอฮุลายะฮิดิลก็อวมัลฟาสิกีน
6. วะอิซกอละอิสับนุมัรฺยะมะ ยาบะนี..อิสรอ..อีละ อัน..นีเราะสูลุลลอฮุอิลัยกุม..มุศ็อดดิก็อลลิมาบัยนะยะดัยยะ มินัตเตารอติ วะมุบัชชิร็อม..บิรอสูลี..ยะอ์ตีมิมบะอฺดิสมุฮู..อะหฺมัด ฟะลัม..มาญา...อะฮุม..บิลบัยยินาติ กอลูฮาซาสิหฺรุม..มุบีน
คำแปล R1.5. And (remember) when Musa (Moses) said to his people: "O my people! Why do you hurt me while you know certainly that I am the Messenger of Allah to you? So when they turned away (from the path of Allah), Allah turned their hearts away (from the right path). And Allah guides not the people who are Fasiqn (rebellious, disobedient to Allฟh).
6. And (remember) when 'Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary), said: "O children of Israel! I am the Messenger of Allah unto you confirming the Taurat [(Torah) which came] before me, and giving glad tidings of a Messenger to come after me, whose name shall be Ahmed. But when he (Ahmed i.e. Muhammad) came to them with clear proofs, they said: "This is plain magic."คำแปล R2.5. และ (จงระลึกเถิด) เมื่อครั้งที่มูซาได้ประกาศแก่มวลชนของเขาว่า “โอ้ปวงชนของฉัน ไฉนพวกท่านจึงรังควานฉัน ทั้ง ๆ ที่พวกท่านก็ทราบดีว่า ตัวฉันนี้เป็นทูตแห่งอัลเลาะฮฺที่ถูกส่งมายังท่าน?” ครั้นเมื่อพวกเขาได้แปรผัน (ออกจากสัจธรรม) อัลเลาะฮฺทรงดลความแปรผันแก่จิตใจของพวกเขา (ต่อการได้รับสิ่งชี้นำทาง) และอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำกลุ่มชนที่ฝ่าฝืน
6. และเมื่อครั้งที่อีซาบุตรของมัรยัมได้ประกาศว่า “โอ่เผ่าพันธุ์ของอิสรออีล แท้จริงฉันเป็นทูตของอัลเลาะฮฺมายังพวกท่าน เพื่อรับรองคัมภีร์เตารอฮฺ ที่มีมาก่อนพวกท่าน และเพื่อมาแจ้งข่าวดีว่าจะมีทูต (ของอัลเลาะฮฺ) ผู้หนึ่งมาภายหลังจากฉัน เขามีชื่อว่า “อะหมัด” ครั้นต่อมาเมื่อเขาได้มายังพวกเขาจริง พร้อมหลักฐานอันชัดแจ้ง พวกเขากลับพูดว่า “นี่เป็นมายากลอันชัดแจ้ง”คำแปล R3.5. และจงนึกถึงสิ่งที่มูซาได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “โอ้ พวกพ้องของฉัน ทำไมพวกท่านจึงได้ทำร้ายฉันทั้ง ๆ ที่พวกท่านรู้ว่าฉันเป็นรอซูลคนหนึ่งที่อัลลอฮฺทรงมายังพวกท่าน?” ดังนั้นเมื่อพวกเขาหันเหออกไป อัลลอฮฺก็ได้ทรงทำให้หัวใจของพวกเขาหันเหออกไป อัลลอฮฺไม่ทรงนำทางผู้ฝ่าฝืน
6. และจงนึกถึงสิ่งที่อีซาบุตรของมัรยัมได้กล่าวว่า : วงศ์วานอิสรออีลทั้งหลายฉันเป็นรอซูลคนหนึ่งที่อัลลอฮฺได้ส่งมายังพวกท่านเพื่อยืนยันสิ่งที่มาจากเตารอตและเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงรอซูลคนหนึ่งที่จะมาหลังจากฉัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหฺมัด แต่ถึงกระนั้นเมื่อเขามายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง พวกเขาก็ยังกล่าวว่า “นี่คือมายากลชัด ๆ “คำแปล R4.5. และจงรำลึกเมื่อมูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ทำไมพวกท่านจึงทำร้ายฉัน และแน่นอนพวกท่านรู้แล้วมิใช่ หรือว่าแท้จริงฉันเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺมายังพวกท่าน ดังนั้นเมื่อพวกเขาหันเหไป (จากแนวทาง ที่เที่ยงตรง ) อัลลอฮฺก็ทรงทำให้หัวใจของพวกเขาหันเหออกไป และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ชี้แนะ ทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
6. และจงรำลึก เมื่ออีซา อิบนฺ มัรยัม ได้กล่าวว่า โอ้วงศ์วานของอิสรออีลเอ๋ย แท้จริงฉันเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺมายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในเตารอฮฺก่อนหน้าฉันและเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงร่อ ซูลคนหนึ่งผู้จะมาภายหลังฉัน ชื่อของเขาคือ อะหมัด ครั้นเมื่อเขา (อะหมัด) ได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว พวกเขากล่าวว่านี่คือมายากลแท้ ๆคำแปล R5.๕. และเมื่อนบีมูซาได้กล่าวแก่ประชาชนของเขาว่า โอ้พวกพ้องของฉันเพราะเหตุใดพวกท่านจึงรุกรานฉัน ทั้ง ๆ ที่แท้จริงพวกท่านก็ทราบดีว่าความจริงฉันเป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์มายังพวกท่าน ครั้นเมื่อพวกเขาได้เฉไฉออกไปจากหลักสัจธรรมอัลเลาะห์ก็ทรงบันดาลความเฉไฉแก่หัวใจของพวกเขา ไม่ได้รับสิ่งชี้นำอีกต่อไป และอัลเลาะห์ไม่ชี้นำแก่กลุ่มชนที่ทรยศ
๖. และจงระลึกถึงประวัติของนบีอีซา เมื่อนบีอีซาผู้บุตรมัรยัมได้ประกาศว่า โอ้เผ่าพงศ์แห่งอิสรออีลแท้จริงฉันเป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์มายังพวกท่านเพื่อเป็นผู้รับรองคัมภีร์เตารอตที่มีอยู่ก่อนหน้าฉัน และเพื่อเป็นผู้ประกาศข่าวดีว่า ภายหลังจากฉันแล้วจะมีศาสนทูตอีกคนหนึ่ง เขามีนามว่าอะห์มัด ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกในคัมภีร์อินญีล ครั้นต่อมาเมื่อเขา ศาสนทูตมุฮำมัดตามคำพยากรณ์ในอินญีลนั้นได้มาสู่พวกเขาพร้อมด้วยบรรดาหลักฐานอันชัดแจ้ง พวกเขากลับพูดว่า สิ่งนี้เป็นเพียงมายากลอันชัดแจ้ง เท่านั้น หาใช่เป็นคัมภีร์จากอัลเลาะห์แต่ประการใด ๆ ไม่สูเราะฮฺ อัศศ็อฟฟฺ อายะฮฺที่ 7-9คำอ่าน7. วะมันอัซละมุมิม..มะนิฟตะรออะลัลลอฮิกะซิบะ วะฮุวะยุดอา..อิลัลอิสลาม วัลลอฮุลายะฮฺดิลก็อวมัซซอลิมีน
8. ยุรีดูนะ ลิยุซฟิอูนูร็อลลอฮิบิอัฟวาฮิฮิม วัลลอฮุมุติม..มุนูริฮี วะเลากะริฮัลกาฟิรูน
9. ฮุวัลละซี..อัรฺสะละเราะสูละฮูบิลฮุดาวะดีนิลหักกิ ลิยุซฮิเราะฮู อะลัดดีนิกุลลิฮี วะเลากะริฮัลมุชริกูน
คำแปล R1.7. And who does more wrong than the one who invents a lie against Allah, while he is being invited to Islam? And Allah guides not the people who are Zalimun (polytheists, wrong-doers and disbelievers) folk.
8. They intend to put out the light of Allah (i.e. the Religion of Islam, this Qur'an, and Prophet Muhammad) with their mouths. But Allah will complete his light even though the disbelievers hate (it).
9. He it is who has sent his Messenger (Muhammad) with guidance and the Religion of Truth (Islamic Monotheism) to make it victorious over All (other) religions even though the Mushrikun (polytheists, pagans, idolaters, and disbelievers in the Oneness of Allah and in his Messenger Muhammad) hate (it).คำแปล R2.7. และใครกันเล่าที่จะฉ้อฉลยิ่งไปกว่าบุคคลที่กุความเท็จแก่อัลเลาะฮฺ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ถูกเชิญชวนสู่อิสลาม และอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำทางแก่กลุ่มชนที่ฉ้อฉลอย่างแน่นอน
8. พวกเขามีความปรารถนาที่จะดับรัศมีแห่ง (ศาสนาของ) อัลเลาะฮฺ ด้วยปากของพวกเขา แต่อัลเลาะฮฺได้ทำความสมบูรณ์แก่รัศมีของพระองค์ และแม้เหล่าผู้ไร้ศรัทธาจักรังเกียจก็ตาม
9. พระองค์ทรงส่งทูตของพระองค์ให้นำสิ่งชี้นำและศาสนาแห่งสัจธรรมมาเพื่อทรงเชิดชูมันไว้เหนือศาสนาอื่นทั้งหมด และแม้จำพวกตั้งภาคีจักรังเกียจก็ตามคำแปล R3.7. แล้วใครเล่าที่จะชั่วร้ายมากไปกว่าคนที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ ทั้ง ๆ ที่เขากำลังได้รับการเชิญชวนสู่อิสลาม (ยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ) ? อัลลอฮฺไม่ทรงนำทางบรรดาผู้ทำความผิดเหล่านั้น
8. พวกเขาหาทางที่จะดับแสงสว่างของอัลลอฮฺด้วยปากของพวกเขา แต่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้แล้วว่าพระองค์จะให้แสงสว่างของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธจะเกลียดชังแค่ไหนก็ตาม
9. พระองค์คือผู้ส่งรอซูลของพระองค์พร้อมกับทางนำและศาสนาแห่งสัจธรรมที่จะทำให้มันประจักษ์แจ้งเหนือศาสนาใด ๆ ทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกบูชาเทวรูปจะเกลียดชังก็ตามคำแปล R4.7. และผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ ด้วยปากของพวกเขาขณะที่เขาถูกเชิญชวนสู่อิสลาม และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้อธรรม
8. พวกเขาปรารถนาที่จะดับรัศมีของอัลลอฮฺด้วยปากของพวกเขา แต่อัลลอฮฺเป็นผู้ทำให้รัศมีของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าพวกปฏิเสธศรัทธาจะเกลียดชังก็ตาม
9. พระองค์คือผู้ทรงส่งร่อซูลของพระองค์ด้วยการชี้นำทางและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อพระองค์จะทรงให้ศาสนาอิสลามอยู่เหนือศาสนาทั้งมวล ถึงแม้พวกตั้งภาคีจะเกลียดชังก็ตามคำแปล R5.๗. และใครเล่าที่จะฉ้อฉลยิ่งไปกว่าผู้ที่กุความเท็จแก่อัลเลาะห์ ทั้ง ๆ ที่เขานั้นถูกเชิญชวนสู่อิสลาม และอัลเลาะห์ไม่ทรงชี้นำแก่กลุ่มชนที่ฉ้อฉล
๘. พวกเขามุ่งประสงค์ที่จะดับรัศมีแห่งศาสนาของอัลเลาะห์ด้วยปากของพวกเขา โดยใช้วาจาใส่ไคล้ว่าอัลกุรอานเป็นมายากลบ้าง เป็นกาพย์กลอนบ้างและเป็นโหราศาสตร์บ้าง แต่อัลเลาะห์ทรงทำความสมบูรณ์ครบถ้วนแก่รัศมีศาสนาของพระองค์ และมาดแม้นพวกไร้ศรัทธาจักชิงชังก็ตาม
๙. พระองค์ทรงส่งบรรดาศาสนทูตของพระองค์พร้อมด้วยสิ่งชี้นำทางและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อพระองค์ทรงทำให้มันปรากฏเหนือศาสนาอื่น ๆ ทั้งหมด และมาดแม้นบรรดาพวกตั้งภาคีจะรังเกียจก็ตาม