ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 63 อัลมุนาฟิกูน  (อ่าน 2159 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน – (المنافقون) – คนสับปลับ ตลบตะแลง

เป็นสูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ มี 11 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺอัลมุนาฟิกูน (R4.)
   ซูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน เป็นซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺ ที่มีบรรยากาศคล้ายซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺอื่น ๆ ที่กล่าวถึงการตราบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของอิสลามทางด้านการปฏิบัติ
   แกนหลักของซูเราะฮฺนี้ก็คือการกล่าวโดยละเอียดถึงการกลับกลอก สับปลับของพวกมุนาฟิกีน จนกระทั่งซูเราะฮฺนี้ถูกขนานนามว่า ซูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน หมายถึงการเปิดโปงการกระทำของบุคคลประเภทนี้
   ในตอนเริ่มของซูเราะฮฺได้กล่าวถึงมรรยาทของพวกมุนาฟิกูน ลักษณะอันน่าเกลียดชังของพวกเขาและที่เด่นชัดคือการกล่าวเท็จและพฤติกรรมภายนอกผิดกับภายใน เพราะพวกเขาจะพูดออกมาไม่ตรงกับที่พวกเขานึกคิดหรือมีความเชื่อถือ นอกจากนั้นพวกเขายังคบคิดวางแผนร้ายต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดามุสลิมีน ซูเราะฮฺได้เปิดโปงพวกเขาถึงการทำบัดสี และการก่ออาชญากรรมของพวกเขาด้วยการแสดงออกถึงการเป็นอิสลาม ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ปิดกั้นมหาชนไม่ให้ผินหน้าเข้าสู่ศาสนาอิสลาม พวกเขาสบประมาทการเรียกร้องไปสู่อิสลาม ในขณะที่พวกปฏิเสธศรัทธาอย่างเปิดเผยก็ไม่ทำเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ภัยและอันตรายจากพวกเขาจึงนับได้ว่ายิ่งใหญ่ “แท้จริงพวกมุนาฟิกีนนั้นอยู่ในนรกชั้นต่ำสุด และเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือคนใดสำหรับเขาเลย”
   นอกจากนี้ซูเราะฮฺยังได้กล่าวถึงคำพูดอันน่าเกลียดของพวกเขาที่เกี่ยวกับท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และการเชื่อมั่นของพวกเขาที่ว่า การดะอฺวะฮฺของท่านรอซูลจะอันตรธานสูญสิ้นไป และว่าเมื่อพวกเขากลับมาจาก “สงครามบะนีมุศฏอลิก” พวกเขาจะขับไล่ท่านรอซูลและบรรดามุอฺมินให้ออกไปจากนครอัลมะดีนะฮฺ อีกทั้งคำพูดที่น่าเกลียดอื่นจากนี้
   ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการกล่าวเตือนบรรดามุอ์มินมิให้เอาธุระหรือสนใจกับความเพริศแพร้ว การละเล่นและสิ่งยั่วยวนของโลกดุนยา จากการจงรักภักดีและการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ดังเช่นสภาพของพวกมุนาฟิกีน และว่าในการกระทำเช่นนั้นเป็นการขาดทุนโดยสิ้นเชิง และใช้ให้บริจาคในทางของอัลลอฮฺโดยหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ก่อนที่โอกาสจะล่วงเลยไปด้วยการจบชีวิต เมื่อถึงเวลานั้น มนุษย์จะเศร้าโศกเสียใจโดยที่การรันทดใจจะไม่อำนวยประโยชน์ใด ๆ แก่เขาเลย
   ในสงครามบะนีมุศฏอลิก อับดุลลอฮฺ อิบนฺ ซะลูล หัวหน้าพวกมุนาฟิกีน ได้กล่าวคำพูดอันชั่วช้าอันเนื่องมาจากว่า มีชายสองคนจากชาวอันศอร และมุฮาญิรีน ได้แย่งชิงกันตักน้ำและได้วิวาทกัน ชาวมุฮาญิรฺได้เตะชาวอันศอร เมื่อ อิบนฺ ซะลูลได้เห็นเข้าก็ร้องตะโกนไล่ชาวมุฮาญิร แล้วกล่าวว่า วัลลอฮิ สภาพของพวกเรากับพวกมุฮาญิรีนเหมือนกับที่มีคำพังเพยกล่าวไว้ว่า “เลี้ยงหมาให้อ้วนแล้วมันก็กัดเจ้า” หรือตรงกับภาษิตไทยว่า “ทำคุณบูชาโทษ” วัลลอฮฺ หากพวกเรากลับไปยังนครอัลมะดีนะฮฺแล้ว เราจะให้ผู้มีเกียรติกว่าขับไล่ผู้ที่ต่ำต้อยกว่าออกจากนครอัลมะดีนะฮฺ (ผู้ที่มีเกียรติกว่าหมายถึงตัวเขา และผู้ที่ต่ำต้อยกว่าหมายถึงท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและบรรดาสาวกของท่าน) แต่ผู้สับปลับ (มุนาฟิก) ผู้นี้หาได้คิดไม่ว่าเกียรติยศนั้นเป็นของอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ และเป็นของบรรดามุอ์มิน หมายถึงว่า ชัยชนะ ความดีเด่นและความสูงส่งนั้น มิใช่เป็นของพวกมุนาฟิกีน พวกมุชริกีน และพวกกุฟฟารดอก แต่พวกเขาหารู้ไม่ ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขามีจิตใจบอด ครั้นเมื่อผู้ที่ไปร่วมสงครามครั้งนี้เดินทางกลับถึงนครอัลมะดีนะฮฺ อับดุลลอฮฺ อิบนุ อับดุลลอฮฺ อิบนฺ ซะลูล ผู้เป็นบุตรของหัวหน้ามุนาฟิกได้ไปยืนอยู่ปากทางเข้าเมือง และได้ชูดาบของเขาขึ้น เมื่อบิดาของเขาเดินผ่านมา เขาได้พูดกับบิดาของเขาว่า วัลลอฮิ ท่านจะผ่านทางนี้ไปไม่ได้จนกว่าท่านจะกล่าวว่า มุฮัมมัดเป็นผู้มีเกียรติยิ่งและฉันนั้นเป็นผู้ต่ำต้อยกว่า เขา (บุตร) ยังไม่ปล่อยให้เขา (บิดา) ผ่านไปจนกระทั่งเขา (บิดา) ได้กล่าวคำนั้น อับดุลลอฮฺ (บุตร) นั้นเป็นมุอฺมินผู้ศรัทธาอย่างแท้จริงและเป็นคนดีเด่นของชาวอันศอร
   หลังจากนั้น อับดุลลอฮฺ (บุตร) ได้ไปหาท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และกล่าวกับท่านว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ กระผมได้ทราบมาว่าท่านประสงค์จะฆ่าบิดาของกระผม หากท่านประสงค์เช่นนั้น ขอให้ใช้กระผมเถิด กระผมจะนำศีรษะของเขามาให้ท่าน ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวกับเขาว่า แต่ว่าเราควรปฏิบัติกลับเขาและทำดีแก่เขา ตราบใดที่เขายังคงอยู่กับเรา


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺอานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

 

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

ลิงก์สำหรับฟังเสียงการอ่านสูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน โดย อัลหุซัยฟียฺ อิมามมัสญิดมะดีนะฮฺ

http://server9.mp3quran.net/hthfi/063.mp3

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน อายะฮฺที่ 1 - 3



คำอ่าน
1. อิซาญา...อะกัลมุนาฟิกูนะกอลูนัชฮะดุอิน..นะกะเราะสูลุลลอฮฺ วัลลอฮุยะอฺละมุอิน..นะกะละเราะสูลุฮฺ วัลลอฮุยัชฮะดุอิน..นัลมุนาฟิกีนะละกาซิบูน
2. อิตตะเคาะซู..อัยมานะฮุมญุน..นะตัน..ฟะศ็อดดูอัน..สะบีลิลลาฮฺ อิน..นะฮุมสา...อะมากานูยะอฺมะลูน
3. ซาลิกะบิอัน..นะฮุม อามะนู ษุม..มะกะฟะรู ฟะฏุบิอะ อะลากุลูบิฮิม ฟะฮุมลายัฟเกาะฮูน

คำแปล R1.
1. When the hypocrites come to you (O Muhammad), they say: "We bear witness that you are indeed the Messenger of Allah." Allah knows that you are indeed his Messenger and Allah bears witness that the hypocrites are liars indeed.
2. They have made their oaths a screen (for their hypocrisy). Thus they hinder (men) from the Path of Allah. Verily, evil is what they used to do.
3. that is because they believed, then disbelieved, Therefore their hearts are sealed, so they understand not.


คำแปล R2.
1. เมื่อชนผู้สับปลับได้มาหาเจ้าแล้วพูดว่า “พวกเราขอปฏิญาณตนว่า ท่านนั้นเป็นทูตของอัลเลาะฮฺโดยแท้จริง” และอัลเลาะฮฺย่อมรู้ดีว่าแท้จริงเจ้านั้นเป็นทูตของพระองค์ ทรงเป็นสักขีพยานว่า อันชนผู้สับปลับนั้นเป็นพวกมุสาอย่างยิ่ง
2. พวกเขาได้ถือเอาคำสาบาน (พล่อย ๆ) ของพวกเขามาเป็นโล่ห์ (ป้องกันตนเอง) แต่แล้วพวกเขาก็ขัดขวางจากวิถีทางของอัลเลาะฮฺ แท้จริงพวกเขานั้นมีพฤติกรรมอันเลวร้ายยิ่ง
3. นั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาศรัทธา แล้วต่อมาก็คัดค้าน ดังนั้นจึงถูกประทับไว้บนหัวใจของพวกเขา จนพวกเขาไม่เข้าใจ (เลยว่า อะไรคือสัจธรรม)


คำแปล R3.
1. (โอ้ นบี) เมื่อพวกตลบตะแลงมายังเจ้า พวกเขากล่าวว่า “เราขอยืนยันว่าท่านเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ” อัลลอฮฺทรงรู้ว่าเจ้าเป็นรอซูลของพระองค์จริง แต่อัลลอฮฺทรงเป็นพยานว่าพวกตลบตะแลงเหล่านี้เป็นผู้โกหก
2. พวกเขากล่าวคำสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นโล่กำบัง แล้วพวกเขาก็ขัดขวางตนเองและผู้อื่นจากหนทางของอัลลอฮฺ ความชั่วแท้ ๆ สำหรับสิ่งที่พวกเขากระทำ
3. นั้นเพราะว่าพวกเขาศรัทธาและหลังจากนั้นพวกเขาก็ปฏิเสธ ดังนั้นบนหัวใจของพวกเขาก็จะถูกปิดผนึก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจสิ่งใด


คำแปล R4.
1. เมื่อพวกสับปลับ (มุนาฟินกูน) มาหาเจ้า พวกเขากล่าวว่า เราขอปฏิญาณว่า แท้จริงท่านเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺแต่อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งว่า แท้จริงเจ้านั้นเป็นร่อซูลของพระองค์อย่างแน่นอน และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานว่า แท้จริงพวกมุนาฟิกีนนั้นเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน
2. พวกเขาได้ถือเอาการสาบานของพวกเขาเป็นโล่ห์แล้วก็กีดกันจากทางของอัลลอฮฺ แท้จริง สิ่งที่พวกเขาได้กระทำไปนั้นช่างชั่วช้าจริง ๆ
3. นั่นเป็นเพราะพวกเขาศรัทธาแล้วก็ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้นจึงถูกผนึกบนหัวใจของพวกเขาแล้วพวกเขาก็ไม่เข้าใจ


คำแปล R5.
๑. เมื่อบรรดาพวกสับปลับได้มาหาเจ้าพวกเขากล่าวว่า เราขอปฏิญาณว่าแท้จริงท่านนั้นเป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์โดยแท้ และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ว่าที่จริงเจ้าเป็นศาสนทูตของพระองค์ และอัลเลาะห์ทรงเป็นพยานว่าแท้จริงเหล่าผู้สับปลับนั้นล้วนเป็นผู้มุสาทั้งสิ้น
๒. พวกเขาได้ยึดเอาคำสาบานของพวกเขามาเป็นโล่ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขา แต่แล้วพวกเขาก็ขัดขวางแนวทางของอัลเลาะห์มิให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป แท้จริงพวกเขามีความประพฤติชั่วช้ายิ่ง
๓. นั้น เป็นเพราะแท้จริงพวกเขาเป็นผู้มีศรัทธา หลังจากนั้นพวกเขาก็เนรคุณ ดังนั้นจึงถูกประทับความมืดบอดไว้บนหัวใจของพวกเขา จนพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใดเลยในที่สุด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2012, 11:13 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน อายะฮฺที่ 4-6

คำอ่าน
4. วะอิซาเราะอัยตะฮุม ตัวะอฺญิบุกะอัจญสามุฮุม วะอี..ยะกูลูตัสมะอฺลิก็อวลิฮิม กะอัน..นะฮุมคุชุบุม..มุสัน..นะดะฮฺ, ยะหฺสะบูนะกุลละศ็อยหะตินอะลัยฮิม ฮุมุลอะดูวุฟะหฺซัรฺ กอตะละฮุมุลลอฮุ อัน..นายุอ์ฟะกูน
5. วะอิซากีละละฮุม ตะอาเลา ยัสตัฆฟิรฺละกุม เราะสูลุลลอฮิเลาเวารุอูสะฮุม วะเราะอัยตะฮุม ยะศุดดูนะวะฮุม..มุสตักบิรูน
6. สะวา...อุนอะลัยฮิม อัสตัฆฟัรฺตะละฮุม อัมลัมตัสตัฆฟิรฺละฮุม ลัย..ยัฆฟิร็อลลอฮุละฮุม อิน..นัลลอฮะลายะฮฺดิลก็อวมัลฟาสิกีน

คำแปล R1.
4. And when you look at them, their bodies please you; and when they speak, you listen to their words. They are as blocks of wood propped up. They think that every cry is against them. They are the enemies, so beware of them. May Allah curse them! How are they denying (or deviating from) the Right Path?
5. And when it is said to them: "Come, so that the Messenger of Allah may ask forgiveness from Allah for you", they turn aside their heads, and you would see them turning away their faces in pride.
6. It is equal to them whether you (Muhammad) ask forgiveness or ask not forgiveness for them. Verily, Allah guides not the people who are the Faasiqeen (rebellious, disobedient to Allah) .


คำแปล R2.
4. และเมื่อเจ้ามองเห็นพวกเขา เจ้าก็มีความชื่นชมต่อวรกาย (และบุคลิกอันงามสง่า) ของพวกเขา และหากพวกเขาพูด เจ้าก็จะได้ยินคำพูด (อันไพเราะ) ของพวกเขา (แต่หาความจริงใจไม่ได้) ประดุจดังไม้กระดานที่ถูกพิงไว้ (ข้างฝา เพราะเอาไปทำประโยชน์อันใดมิได้) พวกเขาคิดว่าเสียงแผดก้องทุกครั้ง (ที่พวกเขาได้ยินนั้น) เพื่อพวกเขา พวกเขานั้นแหละเป็นศัตรูโดยแท้ ดังนั้นพวกเจ้าจงระมัดระวังพวกเขาไว้เถิด อัลเลาะฮฺได้สาปแช่งพวกเขาแล้ว ไฉนพวกเขาจึงถูกผันแปร (ไปจากสัจธรรม)
5. และเมื่อมีผู้พูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านจงมา (สารภาพโทษเสีย) เถิด แล้วทูตแห่งอัลเลาะฮฺจักขออภัยโทษให้แก่พวกท่าน” พวกเขาก็กลับเชิดศีรษะของพวกเขา (อย่างทระนงและเย้ยหยัน) แล้วเจ้ามองเห็นพวกเขาขัดขืน (ที่จะสารภาพโทษ) พร้อมทั้งพวกเขาแสดงความหยิ่งผยอง
6. ย่อมเท่าเทียมกันสำหรับพวกเขา ไม่ว่าเจ้าจะขออภัยให้พวกเขา หรือเจ้าจะไม่ขออภัยให้ก็ตาม นั่นคืออัลเลาะฮฺไม่ทรงอภัยแก่พวกเขา แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำแก่กลุ่มชนที่ฝ่าฝืน


คำแปล R3.
4. เมื่อเจ้าเห็นพวกเขา รูปร่างของพวกเขาจะดูเป็นที่น่าประทับใจ เมื่อพวกเขาพูด เจ้าก็อยากจะฟังสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ในความจริงแล้ว พวกเขาก็เหมือนกับท่อนไม้ที่พิงกำแพง พวกเขาคิดว่าเสียงตะโกนทุกเสียงนั้นมุ่งตรงไปที่พวกเขา พวกเขาคือศัตรูที่แท้จริง ดังนั้นจงระวังพวกเขาไว้ให้ดี ขออัลลอฮฺทรงทำลายพวกเขา พวกเขาหลงผิดไปได้อย่างไรกันนี่ ?
5. และเมื่อพวกเขาได้ถูกกล่าวว่า “มาเถิดรอซูลของอัลลอฮฺจะวิงวอนขออภัยให้พวกท่าน” พวกเขาก็จะส่ายหัวและเจ้าจะเห็นพวกเขาหันหลังด้วยความยโสโอหัง
6. (โอ้ นบี) ไม่ว่าเจ้าจะวิงวอนขออภัยโทษหรือไม่ มันก็เหมือนกันสำหรับพวกเขา อัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษพวกเขา เพราะอัลลอฮฺไม่ทรงนำทางผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R4.
4. และเมื่อเจ้าได้เห็นพวกเขาแล้วร่างกายของพวกเขาจะเป็นที่พึงพอใจแก่เจ้า และหากพวกเขาพูด เจ้าก็จะฟังคำพูดของพวกเขา ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นท่อนไม้ที่ถูกยันไว้ พวกเขาคิดว่าทุก ๆ เสียงร้องนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา พวกเขาคือศัตรู ดังนั้นจงระวังพวกเขา ขออัลลอฮฺทรงให้ความอัปยศแก่พวกเขา ทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น
5. และเมื่อได้มีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า จงมาเถิดร่อซูลของอัลลอฮฺ จงขออภัยโทษให้แก่พวกท่าน พวกเขาก็หันศีรษะของพวกเขาไปอีกทางหนึ่ง และเจ้าเห็นพวกเขาผินหลังออกไปทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้หยิ่งผยอง
6. มีผลเท่ากันแก่พวกเขาที่เจ้าจะขออภัยโทษให้แก่พวกเขาหรือไม่ขออภัยโทษแก่พวก เขาก็ตาม อัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงชี้แนะทางแก่หมู่ชนผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R5.
๔. และเมื่อเจ้าเห็นพวกเขา ร่างกายอันสง่างามของพวกเขาก็ทำให้เจ้ารู้สึกชื่นชม แต่ถ้าพวกเขาพูดออกมา เจ้าจึงจะได้ยินคำพูดของพวกเขาว่าอ่อนหวานเป็นที่สุด พวกนี้เป็นพวกปากหวานและวางท่าสง่างามผึ่งผาย พวกเหล่านั้นประหนึ่งเป็นไม้ที่ถูกพิงไว้ไม่มีใครนำไปใช้เพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย พวกมุนาฟิกีนก็เหมือนกัน พวกนี้ไม่มีพลังอันแข็งแกร่งนอกจากความโลเลและความฉาบฉวย พวกเขาคิดว่าเสียงร้องทุกเสียงจะเป็นอันตรายแก่พวกเขา เพราะความหวาดกลัวที่พวกเขามีอยู่จึงทำให้ยึดเป็นอุปทานเช่นนั้น พวกเขาเป็นศัตรูของพวกเจ้าโดยแท้ ดังนั้นเจ้าจงระมัดระวังพวกเขาไว้ให้ดี อัลเลาะห์ได้ทรงสาปแช่งพวกเขา ไฉนพวกเขาจึงถูกผันออกจากหลักสัจธรรม
๕. เมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงมาเถิด มาสารภาพผิดเสีย แล้วศาสนทูตของอัลเลาะห์ก็จักขออภัยให้แก่พวกเจ้า เมื่อพวกเขาได้ยินพวกเขาก็จะโคลงศีรษะของพวกเขาอย่างหยิ่งยโส และไม่ยอมรับฟัง และเจ้าเห็นพวกเขาหันห่างออกไปอย่างไม่แยแส และพวกเขาเป็นพวกที่ทระนงโดยแท้จริง
๖. ย่อมทัดเทียมกันสำหรับพวกเขา เจ้าจะขออภัยให้พวกเขาหรือเจ้าจะไม่ขออภัยให้พวกเขาก็ตาม อัลเลาะห์จะไม่ยอมให้อภัยแก่พวกเขา แท้จริง อัลเลาะห์ไม่ทรงชี้นำแก่กลุ่มชนที่ทรยศ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน อายะฮฺที่ 7-8

คำอ่าน
7. ฮุมุลละซีนะยะกูลูนะ ลาตุน..ฟิกูอะลามันอินดะเราะสูลิลลาฮิหัตตายัน..ฟัฎฎู วะลิลลาฮิเคาะซา..อินุสสะมาวาติวัลอัรฎิ วะลากิน..นัลมุนาฟิกีนะลายัฟเกาะฮูน
8. ยะกูลูนะละอิรฺเราะญะอฺนา..อิลัลมะดีนะติ ละยุคริญัน..นัลอะอัซซุมินฮัลอะซัลลฺ วะลิลลาฮิลอิซซะตุ วะลิเราะสูลิฮี วะลิลมุอ์มินีนะ วะลากิน..นัลมนาฟิกีนะลายะอฺละมูน

คำแปล R1.
7. They are the ones who say: "Spend not on those who are with Allah's Messenger, until they desert him." And to Allah belong the treasures of the heavens and the earth, but the hypocrites comprehend not.
8. They (hyprocrites) say: "If we return to Al-Madinah, indeed the more honourable ('Abdoollah bin Ubai bin Salul, the chief of hyprocrites at Al-Madinah) will expel therefrom the meaner (i.e. Allah's Messenger)." But honour, power and glory belong to Allah, and to His Messenger (Muhammad), and to the believers, but the hypocrites know not.


คำแปล R2.
7. พวกนั้นเป็นพวกที่พูด (กับคนมุสลิมในเมืองมะดีนะฮฺ) ว่า “พวกท่านอย่าจ่ายทรัพย์ให้แก่ผู้ที่อยู่ร่วมกับศาสนทูตของอัลเลาะฮฺเพื่อพวกนั้นจะได้ปลีกตัวออกมาเสีย” ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง อัลเลาะฮฺทรงมีบรรดาคลังทรัพย์สินในฟากฟ้าและแผ่นดิน แต่บรรดาพวกสับปลับไม่เข้าใจ
8. พวกเขาพูดอีกว่า “ขอสาบาน หากแม้นพวกเรากลับคืน (จากสมรภูมิรบ) สู่มะดีนะฮฺแน่นอนผู้มีอำนาจของชาวมะดีนะฮฺ ก็จะต้องขับผู้ไร้อำนาจ (ฝ่ายมุสลิมให้) ออกไป (จากเมืองนั้น) และอำนาจนั้นเป็นของอัลเลาะฮฺ, เป็นของศาสนทูตของพระองค์, และเป็นของมวลศรัทธาชน แต่ชนผู้สับปลับไม่รู้


คำแปล R3.
7. พวกเขาคือผู้กล่าวว่า “จงอย่าจ่ายสิ่งใดแก่สาวกของรอซูลุลลอฮฺเพื่อที่ว่าพวกเขาจะแยกย้ายกันออกไป” ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าของคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แต่พวกตลบตะแลงไม่เข้าใจ
8. พวกเขากล่าวว่า “เมื่อเรากลับไปยังมะดีนะฮฺ พวกที่มีเกียรติจะขับไล่พวกที่ต่ำต้อยออกไปจากเมือง” ทั้ง ๆ ที่เกียรตินั้นเป็นของอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา แต่พวกตลบตะแลงไม่รู้


คำแปล R4.
7. พวกเขาคือผู้ที่กล่าวว่า อย่าบริจาคให้แก่ผู้ที่อยู่กับร่อซูลของอัลลอฮฺ เพื่อพวกเขาจะได้แยกย้ายออกไป แต่ขุมคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของอัลลอฮฺ แต่ว่าพวกมุนาฟิกีนไม่เข้าใจ
8. พวกเขากล่าวว่า ถ้าเรากลับไปยังนครมะดีนะฮฺ พวกที่มีเกียรติกว่าจะขับไล่พวกที่ต่ำต้อยออกจากนครมะดีนะฮฺส่วนอำนาจนั้น เป็นของอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา แต่ว่าพวกมุนาฟิกีนนั้นหารู้ไม่


คำแปล R5.
๗. พวกเขาเป็นพวกที่กล่าวกับฝ่ายมุสลิมในเมืองมดีนะห์ที่ให้การอุปถัมภ์แก่ฝ่ายมุสลิมชาวมักกะห์ที่อพยพมาว่า พวกท่านอย่าใช้จ่ายทรัพย์สินให้แก่ผู้ที่ร่วมกับศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์ เพื่อพวกเขาจะได้แตกแยกกัน คำพูดดังกล่าวนี้เป็นของอับดุลเลาะห์ บินอุบัยย์ บินสะลูน หัวหน้าใหญ่ของขบวนการมุนาฟิกีน เมื่อคนรับใช้ของอับดุลเลาะห์ ชื่อสินาน อัลญุฮะนี วิวาทกับญะฮ์ญาฮ์ บินอุสัยดี ซึ่งเป็นเด็กรับใช้ของอุมัร ในการต้มน้ำ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในขณะทำสงครามบะนิลมุสตอลิก และสำหรับอัลเลาะห์พระองค์ทรงมีคลังแห่งฟากฟ้าและแผ่นดินและแต่ทว่าบรรดาพวกสับปลับไม่เข้าใจ
๘. พวกเขากล่าวต่อไปอีกว่า ขอสาบาน หากแม้นพวกเรากลับสู่มดีนะห์จากสงครามบะนิลมุสตอลิก แน่นอนที่สุดผู้มีเกียรติจากชาวมดีนะห์ก็คงต้องขับไล่พวกไร้เกียรติเป็นแน่และที่ทรงเกียรติเป็นของอัลเลาะห์และของศาสนทูตแห่งพระองค์ และของบรรดามวลศรัทธาชน แต่บรรดาพวกสับปลับไม่รู้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน อายะฮฺที่ 9-11

คำอ่าน
9. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตุลฮิกุม อัมวาลุกุม วะลา..เอาลาดุกุมอัน..ซิกริลลาฮฺ วะมัย..ยัฟอัลซาลิกะฟะอุลา...อิกะฮุมุลคอซิรูน
10. วะอัน..ฟิกูมิม..มาเราะซักนากุม..มิน..ก็อบลิอัย..ยะอ์ติยะอะหะดะกุมุลเมาตะฟะยะกูละร็อบบิเลาลา..อัคค็อรฺตะนี..อิลา..อะญะลิน..เกาะรีบิน..ฟะอัศศ็อดดะเกาะฟะอะกุม..มินัศศอลิหีน
11. วะลัย..ยุอัคคิร็อลลอฮุนัฟสันอิซาญา...อะอะญะลุฮา วัลลอฮุเคาะบีรุม..บิมาตะอฺมะลูน

คำแปล R1.
9. O you who believe! Let not your properties or your children divert you from the remembrance of Allah. And whosoever does that, and then they are the losers.
10. And spend (in charity) of that with which we have provided you, before death comes to one of you and he says: "My Lord! if only You would give me respite for a little while (i.e. return to the worldly life), then I should give Sadaqah (i.e. Zakaah) of my wealth , and be among the righteous [i.e. perform Hajj (pilgrimage to Makkah)].
11. And Allah grants respite to none when his appointed time (death) comes. and Allah is All-Aware of what you do.


คำแปล R2.
9. โอ้มวลชนผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าให้ทรัพย์สินและลูก ๆ ของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าเพลิดเพลิน (จนลืม) ค่อการระลึกถึงอัลเลาะฮฺ และผู้ใดกระทำเช่นนั้น แน่นอนพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนโดยแท้
10. และพวกเจ้าจงใช้จ่ายบางส่วน (ของทรัพย์สิน) ที่เราได้ใก้โชคผลแก่พวกเจ้าก่อนหน้าที่ความตายจะมาประสบแก่คนหนึ่งคนใดของพวกเจ้า อันเป็นเหตุให้เขา (ประสบความเศร้าโศกจนถึงกับ) รำพึงว่า “โอ้ผู้ทรงอภิบาล ไฉนพระองค์ไม่ทรงประวิงข้าพเจ้าไว้ (มิให้ข้าพเจ้าตาย) จวบถึงวาระอันใกล้เท่านั้น เพื่อข้าพเจ้าจักได้ทำทาน และข้าพเจ้าจักเป็นผู้หนึ่งในจำนวนคนประพฤติดีทั้งหลาย
11. และอัลเลาะฮฺ จะไม่ประวิง (ความตาย) แก่ชีวิตใดทั้งสิ้นเมื่อถึงวาระของมัน และอัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่งนักในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ


คำแปล R3.
9. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าให้ทรัพย์สินของสูเจ้าและลูกหลานของสูเจ้าทำให้สูเจ้าหันห่างออกจากการระลึกถึงอัลลอฮฺ บรรดาผู้ที่ทำเช่นนั้นคือผู้ขาดทุนอย่างแท้จริง
10. จงใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าก่อนที่ความตายจะมายังคนหนึ่งคนใดในหมู่สูเจ้า แล้วเขาจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลหากพระองค์ทรงผ่อนผันให้ข้าพระองค์อีกสักระยะหนึ่ง ข้าพระองค์ก็จะบริจาคทานและข้าพระองค์ก็จะเป็นผู้ทำความดี”
11. แต่อัลลอฮฺจะไม่ทรงผ่อนผันให้คนใดเมื่อวาระของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว และอัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ


คำแปล R4.
9. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย อย่าให้ทรัพย์สินของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้าหันเหพวกเจ้าจากการรำลึกถึง อัลลอฮฺ และผู้ใดกระทำเช่นนั้น ชนเหล่านั้นคือพวกที่ขาดทุน
10. และจงบริจาคจากสิ่งที่เราได้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าก่อนที่ความตายจะเกิด ขึ้นแก่ผู้ใดในหมู่พวกเจ้า แล้วเขาก็จะกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ มาตรว่าพระองค์ท่านทรงผ่อนผันให้แก่ข้าพระองค์อีกชั่วเวลาเพียงเล็กน้อย เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้บริจาคและข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย (ผู้ทรงคุณธรรม)
11. แต่อัลลอฮฺจะไม่ทรงผ่อนผันให้แก่ชีวิตใด เมื่อกำหนดของมันได้มาถึงแล้ว และอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ


คำแปล R5.
๙. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เจ้าจงอย่าปล่อยให้ทรัพย์สินของพวกเจ้าและบุตรของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าเพลิดเพลินจนลืมการรำลึกถึงอัลเลาะห์ และใครกระทำเช่นนั้น แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นพวกขาดทุนโดยแท้จริง
๑๐. และพวกเจ้าจงใช้จ่ายจากทรัพย์สินที่ที่เราได้ให้เป็นโชคผลแก่พวกเจ้า ก่อนที่ความตายจะเข้ามายังคนใดคนหนึ่งของพวกเจ้า อันเป็นเหตุให้เขาต้องรำพึงด้วยความเศร้าโศกเสียใจว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาล มาตรแม้นพระองค์ได้ประวิงข้าพเจ้าไว้ตราบถึงวาระอันใกล้เคียงนี้ แน่นอนข้าพเจ้าก็จะได้ทำทานและข้าพเจ้าจะได้เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติดี
๑๑. และอัลเลาะห์จะไม่ประวิงผู้ใดไว้ทั้งสิ้นเมื่ออายุขัยของเขาได้มาถึงแล้ว และอัลเลาะห์ทรงตระหนักในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำเสมอ



ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 63 อัลมุนาฟิกูน


 

GoogleTagged