สูเราะฮฺ อัลมุนาฟิกูน อายะฮฺที่ 9-11คำอ่าน9. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตุลฮิกุม อัมวาลุกุม วะลา..เอาลาดุกุมอัน..ซิกริลลาฮฺ วะมัย..ยัฟอัลซาลิกะฟะอุลา...อิกะฮุมุลคอซิรูน
10. วะอัน..ฟิกูมิม..มาเราะซักนากุม..มิน..ก็อบลิอัย..ยะอ์ติยะอะหะดะกุมุลเมาตะฟะยะกูละร็อบบิเลาลา..อัคค็อรฺตะนี..อิลา..อะญะลิน..เกาะรีบิน..ฟะอัศศ็อดดะเกาะฟะอะกุม..มินัศศอลิหีน
11. วะลัย..ยุอัคคิร็อลลอฮุนัฟสันอิซาญา...อะอะญะลุฮา วัลลอฮุเคาะบีรุม..บิมาตะอฺมะลูน
คำแปล R1.9. O you who believe! Let not your properties or your children divert you from the remembrance of Allah. And whosoever does that, and then they are the losers.
10. And spend (in charity) of that with which we have provided you, before death comes to one of you and he says: "My Lord! if only You would give me respite for a little while (i.e. return to the worldly life), then I should give Sadaqah (i.e. Zakaah) of my wealth , and be among the righteous [i.e. perform Hajj (pilgrimage to Makkah)].
11. And Allah grants respite to none when his appointed time (death) comes. and Allah is All-Aware of what you do.คำแปล R2.9. โอ้มวลชนผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าให้ทรัพย์สินและลูก ๆ ของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าเพลิดเพลิน (จนลืม) ค่อการระลึกถึงอัลเลาะฮฺ และผู้ใดกระทำเช่นนั้น แน่นอนพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนโดยแท้
10. และพวกเจ้าจงใช้จ่ายบางส่วน (ของทรัพย์สิน) ที่เราได้ใก้โชคผลแก่พวกเจ้าก่อนหน้าที่ความตายจะมาประสบแก่คนหนึ่งคนใดของพวกเจ้า อันเป็นเหตุให้เขา (ประสบความเศร้าโศกจนถึงกับ) รำพึงว่า “โอ้ผู้ทรงอภิบาล ไฉนพระองค์ไม่ทรงประวิงข้าพเจ้าไว้ (มิให้ข้าพเจ้าตาย) จวบถึงวาระอันใกล้เท่านั้น เพื่อข้าพเจ้าจักได้ทำทาน และข้าพเจ้าจักเป็นผู้หนึ่งในจำนวนคนประพฤติดีทั้งหลาย
11. และอัลเลาะฮฺ จะไม่ประวิง (ความตาย) แก่ชีวิตใดทั้งสิ้นเมื่อถึงวาระของมัน และอัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่งนักในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติคำแปล R3.9. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าให้ทรัพย์สินของสูเจ้าและลูกหลานของสูเจ้าทำให้สูเจ้าหันห่างออกจากการระลึกถึงอัลลอฮฺ บรรดาผู้ที่ทำเช่นนั้นคือผู้ขาดทุนอย่างแท้จริง
10. จงใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าก่อนที่ความตายจะมายังคนหนึ่งคนใดในหมู่สูเจ้า แล้วเขาจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลหากพระองค์ทรงผ่อนผันให้ข้าพระองค์อีกสักระยะหนึ่ง ข้าพระองค์ก็จะบริจาคทานและข้าพระองค์ก็จะเป็นผู้ทำความดี”
11. แต่อัลลอฮฺจะไม่ทรงผ่อนผันให้คนใดเมื่อวาระของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว และอัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำคำแปล R4.9. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย อย่าให้ทรัพย์สินของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้าหันเหพวกเจ้าจากการรำลึกถึง อัลลอฮฺ และผู้ใดกระทำเช่นนั้น ชนเหล่านั้นคือพวกที่ขาดทุน
10. และจงบริจาคจากสิ่งที่เราได้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าก่อนที่ความตายจะเกิด ขึ้นแก่ผู้ใดในหมู่พวกเจ้า แล้วเขาก็จะกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ มาตรว่าพระองค์ท่านทรงผ่อนผันให้แก่ข้าพระองค์อีกชั่วเวลาเพียงเล็กน้อย เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้บริจาคและข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย (ผู้ทรงคุณธรรม)
11. แต่อัลลอฮฺจะไม่ทรงผ่อนผันให้แก่ชีวิตใด เมื่อกำหนดของมันได้มาถึงแล้ว และอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำคำแปล R5.๙. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เจ้าจงอย่าปล่อยให้ทรัพย์สินของพวกเจ้าและบุตรของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าเพลิดเพลินจนลืมการรำลึกถึงอัลเลาะห์ และใครกระทำเช่นนั้น แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นพวกขาดทุนโดยแท้จริง
๑๐. และพวกเจ้าจงใช้จ่ายจากทรัพย์สินที่ที่เราได้ให้เป็นโชคผลแก่พวกเจ้า ก่อนที่ความตายจะเข้ามายังคนใดคนหนึ่งของพวกเจ้า อันเป็นเหตุให้เขาต้องรำพึงด้วยความเศร้าโศกเสียใจว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาล มาตรแม้นพระองค์ได้ประวิงข้าพเจ้าไว้ตราบถึงวาระอันใกล้เคียงนี้ แน่นอนข้าพเจ้าก็จะได้ทำทานและข้าพเจ้าจะได้เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติดี
๑๑. และอัลเลาะห์จะไม่ประวิงผู้ใดไว้ทั้งสิ้นเมื่ออายุขัยของเขาได้มาถึงแล้ว และอัลเลาะห์ทรงตระหนักในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำเสมอดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 63 อัลมุนาฟิกูน