...
เท่าที่ความรู้หางเต่าผมมี นบีไม่เคยขอให้อัลลอฮฺทรงโทษ ตัวท่านเองเลยนิ๊
...
หรือครับ ผมเข้าใจว่าท่านนบีย์ ศ็อลฯ นั้นมักจะอิสติฆฟัร (ขออภัยโทษ) จากอัลลอฮฺให้อุมมะฮ์ (ประชาชาติ) ของท่าน แต่สำหรับท่านเองนั้น ท่านไม่เคยขอให้ตัวเองเลยหรือ ทั้งที่บางกรณีท่านก็ผิดพลาด อย่างที่ถูกแจ้งในสูเราะฮ์อะบะสะ ในกรณีของท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมมุมักตูม จะขอปรึกษาท่านในเรื่องศาสนา แต่ท่านกลับไปสนใจคนอื่นมากกว่า ทั้งที่ท่านอับดุลลอฮฺมีแนวโน้มจะรับอิสลามมากกว่าคนที่ท่านสนใจอยู่นั้น (อ่านเพิ่มเติมเรื่องนี้ "
ที่นี่" ไปที่สูเราะฮ์ "อะบะสะ" ครับ) และผมคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะขอให้คนอื่น แล้วไม่ขอให้ตัวเองด้วย เพราะแบบฉบับอันเป็นที่รู้กันในการขอดุอาอ์ หรืออิสติฆฟัรของท่านนบีย์ ศ็อลฯ นั้น ท่านจะแนะนำให้เราขอให้ตัวเองก่อน แล้วขอให้คนอื่นด้วย - วัลลอฮุอะอ์ลัม
...
... แต่สุดท้าย อัลลอฮฺ บอกต่อนบีมูซา ผู้เป็นกะลามุลลอฮฺ ว่า ...
อีกนิดนะครับ จริงๆ แล้ว นบีย์มูสานั้น ไม่ใช่ "กะลามุลลอฮฺ" ประกอบจาก ๒ คำคือ "กะลาม" แปลว่า คำพูด หรือคำตรัส และคำว่า "อัลลอฮฺ" ในที่นี้ทำหน้าที่เป็นตัวแสดงความเป็นเจ้าของด้วย จึงให้ความหมายว่า "ของอัลลอฮฺ" ดังนั้น จากสองคำนั้นจึงแปลว่า "คำพูด หรือคำตรัส หรือพระดำรัสของอัลลอฮฺ" ซึ่ง "กะลามุลลอฮฺ" นั้น เป็นหนึ่งในคุณลักษณะ หรือศิฟัตของอัลลอฮฺที่เกาะดีม (ก่อนกาล คือไม่มีจุดเริ่มต้น) แต่นบีย์มูสาเป็นมัฅลูกหนึ่งของอัลลอฮฺ ฉะนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ (มุสตะหี้ล) ที่มัฅลู้กจะกลายมาเป็นศิฟัตของอัลลอฮฺเสียเอง
ฉะนั้น โปรดระวังการใช่คำด้วยนะครับ และขอมาอัฟที่ต้องเตือนอย่างเปิดเผยเช่นนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นการตักเตือนพี่น้องท่านอื่นๆ ไปทีเดียวเลยครับ และขอมาอัฟบังฮีโร่อีกครั้ง หากทำให้รู้สึกไม่ดีกับคำตักเตือนนี้ หวังว่าจะเข้าใจนะครับ - วัลลอฮุอ์ลัม - วัสสลามุอะลัย