
ผู้ใดขึ้นชื่อว่าตกนรกตลอดกาล
หลักการเชื่อมั่นหรือรู่กุนอีหม่านในอิสลามซึ่งหนึ่งในนั้นคือการอีหม่านต่อวันอาคิเราะฮหรือวันปรโลก นั้นอัลลอฮทรงสัญญาใว้อย่างชัดเจน การตัดสินในการเข้าสวรรค์หรือลงนรกขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้นั้นในโลกดุนยา และพระองค์จะตัดสินการกระทำของผู้นั้นโดยคิดจากการกระทำที่ถึงแม้จะเล็กเท่าผงธุลีก็ตาม การลงโทษและทรมานชาวนรกในนรกนั้นเป็นเวลาที่ยาวนานและตลอดกาล
อาลาอิมรอน
116.แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นทรัพย์สินของพวกเขาและลกๆของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์ให้พวกเขาพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮได้แต่อย่างใดเลย และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล
อัล-อะอาฟ
36.และบรรดาผ้ปฏิเสธศรัทธาโองการทั้งหลายของเรา และแสดงโอหังต่อโองการเหล่านั้น ชนเหล่านี้แหละคือชาวนรกโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล
อัลมาอิดะฮ
77.จงกล่าวเถิด ว่าบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขตในศ่าสนาของพวกท่าน โดยปราศจากความเป็นจริง และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ไฝ่ต่ำของพวกหนึ่งพวกใดที่พวกเขาได้หลงผิดมาก่อนแล้ว และทำให้ผู้คนมากมายหลงผิดด้วย และพวกเขาได้หลงผิดไปจากทางอันเที่ยงตรง
78.บรราผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่วงศ์วานอิสรอออีลนั้นได้ถูกสาปแช่งโดยถ้อยคำของดาวูด(เป็นลิง) และอีซาบุตรของมัรยัม(สุกร) อันเนื่องจาการที่เขาฝ่าฝืน และพวกเขาเคยละเมิดกัน
79.ปรากฏว่าพวกเขาต่างไม่ห้ามปรามกันสิ่งที่ไม่ชอบที่พวกเขาได้กระทำมันขึ้น ช่างเลวร้ายจริงๆสิ่งที่พวกเขากระทำ
80.เจ้า(มูฮัมมัด) ก็เห็นมากมายในหมู่พวกเขา(พวกยิว) เป็นมิตรกับบรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(มุชริกชาวมักกะฮ)ช่างเลวร้ายจริงๆสิ่งที่พวกเขาเองได้ประกอบล่วงหน้าใว้สำหรับพวกเขา อันเป็นเหตุให้อัลลอฮทรงกริ้วพวกเขา และพวกเขาจะคงอยู่ในการลงโทษตลอดกาล
ซูเราะฮอัลนิซาอ
14. และผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ และละเมิดขอบเขตของพระองค์แล้วไซร้ พระองค์ก็จะทรงให้เขาเข้านรก โดยที่เขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล(*1*) และเขาจะได้รับการลงโทษที่ยังความอัปยศให้(แก่เขา)
(1) หมายถึงผู้ฝ่าฝืนที่เข้าอยู่ในข่ายผู้ปฏิเสธศรัทธา ซูเราะฮอัลบากอเราะฮ
39. และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และไม่เชื่อบรรดาโองการของเรานั้น ชนเหล่านี้คือชาวนรก โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล
81. หาใช่เช่นนั้นไม่ ผู้ใดที่แสดวงหาความชั่วและความผิดของเขาได้ล้อมเขาไว้นั้น(*1*) ชนเหล่านี้คือชาวรกโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอกกาล
(1) คือการะทำความผิดอย่างมากมาย และเป็นความผิดที่เกี่ยวกับการชิริกด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงจำต้องอยู่ในรกตลอดกาล217. พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับเดือนต้องห้าม(*1*) ซึ่งการสู้รบในเดือนนั้น จงกล่าวเถิดว่า การสู้รบในเดือนนั้นเป็นสิ่งใหญ่โตและการขัดขวางให้ออกจากทางของอัลลอฮ์ และการปฏิเสธการศรัทธาต่อพระองค์ และการกีดกัน อัล-มัสยิดิลฮะรอมตลอดจนการขับไล่ชาวอัล-มัสยิดิลฮะรอมออกไปนั้นเป็นสิ่งใหญ่โตยิ่งกว่า ณ ที่อัลลอฮ์ และการฟิตนะฮ์(*2*) นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าการฆ่า(*3*) และพวกเขาจะยังคงต่อสู้พวกเจ้าต่อไป จนกว่าพวกเขาจะทำให้พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาของพวกเจ้า หากพวกเขาสามารถ และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาของเขา แล้วเขาตายลง ขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้แหละบรรดาการงานของพสกเขาไร้ผล ทั้งในโลกนี้และปรโลก และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล
(1) คือเดือนซุลเกาะอ์ดะฮ์ ซุลฮิจญะฮ์ มุฮัรร็อม และเดือนระญับ
(2) อัล-ฟิตนะฮ์ เป็นคำที่มีความหมายหลายนับด้วยกันคือ ความเชี่ยวชาญ ความหลงผิด การปฏิเสธศาสนา การเปิดโปงความชั่วสิ่งที่ใช้ทดสอบมนุษย์จากภัยธรรมชาติ ความเป็นบ้า ข้อคิด การลงโทษ การเจ็บไข้ ทรัพย์สมบัติ และลูก ๆตลอดจนความเห็นขัดแย้งกัน และการสู้รบกัน ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้อธิบายอัล-กรุอานจึงมีทรรศนะแตกต่างกัน นักปราชญ์ในอดีตหลายท่านให้ความหมายว่า “อัชชิรกุ” คือการให้มีภาคแก่อัลลอฮ์ บางท่านให้ความหมายว่า “อัล-กุฟรุ” คือการปฏิเสธศรัทธาในอัลลอฮ์ สำหรับตัฟซีร “อัล-มะรอฆี-อัล-มะนาร และตัฟซีร อัลอวะสีฏ” ซึ่งเป็นตัฟซีรของนักปราชญ์สมัยหลัง ๆ นี้ให้ความหมายคล้าย ๆ กันว่า “อัล-ฟิตนะฮ์” ในอายะฮ์นี้หมายถึง “การทำร้ายมุสลิมที่อ่อนแอ ด้วยความโหดร้ายทารุณ และกดขี่บังคับให้พวกเขาละทิ้งศาสนาอิสลาม ก่อกวนและขัดขวางมิให้พวกเขาประกอบอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์
(3) ฝ่ายกุไรชคนหนึ่งชื่ออัมรุบนุ อัล-อัฏร่อมีย์ ถูกฆ่าตายในเดือนต้องห้ามโดยฝ่ายมุสลิมีน257. และอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงช่วยเหลือบรรดาผู้ที่ศรัทธา โดยทรงนำพวกเขาออกจากบรรดาความมืดสู่แสงสว่าง(*1*) และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น บรรดาผู้ช่วยเหลือของพวกเขาก็คือ อัฎ-ฎอฆูต(*2*) โดยที่พวกมันจะนำพวกเขาออกจากแสงสว่างไปสู่ความมืด(*3*) ชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล
(1) ออกจากความหลงผิด ไปสู่สิ่งถูกต้อง
(2) หมายถึงชัยฎอน
(3) ออกจากสิ่งที่ถูกต้องไปสู่สิ่งที่ผิด 275. บรรดาผู้กินดอกเบี้ยนั้น พวกเขาจะไม่ทรงตัว(*1*) นอกจากจะเป็นเช่นเดียวกับผู้ที่ชัยฏอนทำร้ายเขาทรงตัว(*2*) พวกเขากล่าวว่า ที่จริงการค้าขายนั้นก็เหมือนการเอาดอกเบี้ยนั้นเอง(*3*) และอัลลอฮ์นั้นทรงอนุมัติการขาย และทรงห้ามการเอาดอกเบี้ย(*4*) ดังนั้นผู้ใดที่การตักเตือนจากพระเจ้าของเขาได้มายังเขา แล้วเขาก็เลิก สิ่งที่ล่วงแล้วมาก็เป็นสิทธิของเขา(*5*) และเรื่องของเขานั้นย่อมกลับไปสู่อัลลอฮ์(*6*) และผู้มดกลับ(กระทำ) อีก ชนเหล่านี้แหละคือชาวนรกโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล
(1) หมายถึงการทรงตัวในการดำเนินชีวิต
(2) คนที่ถูกชัยฏอนทำร้ายนั้นจะมีสติฟั่นเฟือนหรือเป็นบ้า ดังนั้น การทรงตัวของผู้กินดอกเบี้ยจึงประหนึ่งคนบ้า คือบ้าเงิน
(3) พวกกินดอกเบี้ยกล่าวแก้ว่า การค้าขายก็เหมือนการดอกเบี้ย กล่าวคือการนำเงินไปลงทุนค้าขายก็ได้กำไร และการให้เงินเขากู้ได้กำไร ซึ่งก็เหมือนกัน
(4) อัลลอฮ์ทรงแจ้งให้ทราบว่า พระองค์ทรงอนุมัติแต่เพียงการค้าขาย และไม่ทรงอนุมัติการกินดอกเบี้ย เพราะการค้าขายและการกินดอกเบี้ยนั้นไม่เหมือนกันอย่างที่พวกเขาคิด
(5) ดอกเบี้ยที่เขาเคยรับไว้ในอดีตนั้นเป็นสิทธิของเขา ไม่ต้องส่งคืน
(6) อัลลอฮ์จะทรงพิจารณาเรื่องราวของเขาเอง นี่คือบางส่วนจากอัลกุรอ่านที่ระบุใว้ และมีการถกเถียงกันอย่างมากมายถึงเรื่องเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด สำหรับคนที่ลงนรกแล้วและสามารถเข้าสวรรค์ในตอนสุดท้ายหลังจากที่โดนทำโทษจากกระทำบาปของเขาผู้นั้น ซึ่งอายัตอัลกุรอ่านได้เอ่ยถึงประเด็นนี้ คือ
ซูเราะฮฮูด
فأماالدين شقواففى النارلهم فيهازفيروشهيق
106. ดังนั้น สำหรับบรรดาผู้ที่มีทุกข์ก็จะอยู่ในนรก สำหรับพวกเขาที่อยู่ในนั้นคือ การถอนหายใจและการสะอื้น(*1*)
(1) เพราะความทุกข์อย่างแสนสาหัส ทำให้พวกเขาถอนหายใจออกอย่างแรงและสะอื้นคือการหายใจเข้าอย่างแรงนักตัฟซีรกล่าวว่าเสียงร้องครวญครางของพวกเขาในนรกเปรียบเสมือนเสียงร้องของลา خالدين فيهامادامت السموت والارض
إلا ماشاءربك إن ربك فعال لمايريد
107. พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ตราบเท่าที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยง(*1*)
เว้นแต่ที่พระเจ้าของเจ้าทรงประสงค์ (*2*) แท้จริงพระเจ้าของเจ้าเป็นผู้กระทำโดยเด็ดขาดตามที่พระองค์ทรงประสงค์ (*3*)
(1) อัฏฏ็อบรีย์กล่าวว่า ชาวอาหรับเมื่อต้องการจะกล่าวถึงสิ่งใดว่ายืนยงตลอดไป ก็จะกล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ยืนยงตลอดไปชั่วฟ้าและแผ่นดิน คืออยู่ไปตลอดกาล ดังนั้น อัลลอฮ์ ตะอาลา จึงใช้คำสนทนากับพวกเขาด้วยคำพูดที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่พวกเขา
(2) อัฏฏ็อบรีย์กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการยกเว้นคือชาวเตาฮีด คือผู้ที่ให้เอกภาพต่อพระองค์ เพราะคำว่า “บรรดาผู้มีทุกข์” มีความหมายคลุมถึงพวกกุฟฟารปฏิเสธศรัทธาและผู้กระทำความผิด อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงยกเว้นการอยู่อย่างตลอดกาลของผู้มีทุกข์และผู้ถูกฝ่าฝืนที่เป็นมุอ์มิน เพราะพวกเขาถูกล้างบาปในนรกแล้วออกมาโดยได้รับชะฟาอะฮ์จากท่านนะบี ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงให้พวกเขาเข้าอยู่ในสวนสวรรค์ แล้วจะมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านบริสุทธิ์แล้ว ดังนั้น จงอยู่ในสวนสวรรค์อย่างตลอดกาล”
(3) คือพระองค์ทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ทรงเอ็นดูเมตตา ทรงลงโทษ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงเลือก ไม่มีการวิจารณ์หรือติชมการตัดสินชี้ขาดของพระองค์แต่ประการใด وأماالدي سعدوففى الجنة خلدين فيهامدامت السموت والارض
إلاماشاءربك عطاءغيرمجدود
108. และสำหรับบรรดาผู้เป็นสุขก็จะอยู่ในสวนสวรรค์ พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลตราบเท่าที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยัง
เว้นแต่ที่พระเจ้าของของเจ้า ทรงประสงค์ เป็นการประทานให้โดยปราศจากการตัดทอน(*1*)
(1) นี่คือสภาพชาวสวรรค์ (ของพระองค์ทรงให้เราเป็นคนหนึ่งในพวกเขา) ผู้ที่มีความสุขคือชาวสวรรค์นี้ พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลตามพระประสงค์ของพระองค์ เป็นการประทานให้จากพระองค์โดยไม่ขาดตอนและไม่มีที่สิ้นสุด อีหม่ามอาฮลีซุนนะฮวัลยามาอะฮส่วนใหญ่นั้นลงความเห็นว่าผู้ที่ลงนรกและถูกทำโทษในนรกนั้นภายในเวลาที่ชั่วคราวและไม่ตลอดกาลและสามารถที่จะขึ้นสวรรค์ได้ นั่นก็คือบุคคลนั้นเป็นบุคคลที่เคยมีอีหม่านแต่หลงผิดกระทำความชั่วหรือบาปใหญ่ และผู้นั้นไม่เคยทำการตั้งภาคีหรือกุโฟรต่ออัลลอฮ ซ.บ จึงทำให้อัลลอฮตาอาลาสงสารและยกเขาคนนั้นขึ้นสวรรค์