ผู้เขียน หัวข้อ: เจิ้งเหอ : แม่ทัพมุสลิมแห่งแดนมังกร เจ้าแห่งท้องทะเล  (อ่าน 6102 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด

เจิ้งเหอ แม่ทัพแห่งท้องทะเลที่แท้จริง


แปลไทยโดย : นายโชคอนันต์ รักทรัพย์  นักศึกษามหาวิทยาลัยอิสลามยะลา





After the Mongols were overthrown in 1368, the emperor of the new Ming Dynasty wanted to assert Chinese power. Because China was no longer part of a land empire that stretched from Asia to Europe, the emperor turned to the sea. He decided to build a navy. The Chinese made elaborate plans that would not be fulfilled for many years. A shipyard was built at the new capital of Najing (Nanking). Thousand of varnish and tung trees were planted on nearby Purple Mountain to provide wood for shipbuilding. The emperor established a school of foreign languages to train interpreters. While all this was going on, the man who would lead the navy was still an infant.

หลังจากอาณาจัรกมองโกลถูกโค่นล้มในปีปี คศ ๑๓๖๘ องค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงใหม่มีพระราชประสงค์จะประกาศความเกรียงไกรของจีน เนื่องจากจีนมิได้เป็นดินแดนของอาณาจัรกใดๆที่ครอบคลุมจากเอเชียจรดยุโรป องค์จักรพรรดิทรงเล่งเห็นยุทธศาสตร์ทางการทะเล พระองค์ตัดสินพระทัยในที่จะสร้า
กองทัพเรือขึ้นมา  จีนวางแผนอย่างแยบยลนัก แม้หลายปีผ่านไปแผนดังกล่าวยังไม่ลุล่วงเสียทีเดียว ได้มีการสร้างอู่ต่อเรือในมลฑลนานกิง มีการปลูกต้นแวนิชและต้นตุงนับพันต้นใกล้ๆกับหุบเขาเพอร์เพิลเพื่อนำมาใช้ในการต่อเรือ พระองค์ทรงก่อตั้งโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเพื่อฝึกล่าม ขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินอยู่นั้น ชายที่จะเป็นแม่ทัพเรือยังแบเบาะอยู่เลย

Zheng He was born in 1371 in Kunyang, a town in southwest Yunnan Province. His family, named Ma, were part of a minority group known as the Semur. They originally came from Central Asia and followed the religion of Islam. Both his grandfather and father had made the Muslim pilgrimage to Mecca. Zheng He grew up hearing their accounts of travel through foreign lands.

เจ้งเหอเกิดในปี คศ ๑๓๗๘  ณ เมืองกุนยาง ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของของมลฑลยุนนาน  มาจากตระกูล หม่า ซึ่งเป็นตระกูลที่ใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปว่า เซอเมอร์  พวกเขามีถิ่นฐานเดิมจากเอเชียกลางและนับถือศาสนาอิสลาม ปู่และพ่อของเขาเคยประกอบพิธีฮัจญ์ ณ  มหานครเมกกะฮฺ เจิ้งเหอเติบโตมาพร้อมกับการได้ยินได้ฟังเรื่องเรื่องราวการเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ

Yunnan was one of the last strongholds of Mongol support, holding out long after the Ming Dynasty began. After Ming armies conquered Yunnan in 1382, Zheng He was taken captive and brought to Nanjing. The eleven year old boy was made a servant of the prince who would become the Yong Le Emperor. It was Yong Le who renamed the boy Zheng He.

มลฑลยุนนนานเป็นที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มฝักใฝ่มองโกล พวกเขาต่อสู้กับราชวงศ์หมิงอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่กองทัพราชวงศ์หมิงเข้าพิชิตมลฑลยุนนานในปี  คศ  ๑๓๘๒ เจิ้งเหอถูกกวานต้อยเป็นเชลยไปยังเมืองนานจิง
เด็กหนุ่มวัยเพียง ๑๐ ขวบได้กลายเป็นข้าราชบริภารในองค์ชายซึ่งภายหลังต่อมาทรงเสวยราชบัลลังก์ นาม จักรพรรดิยองเลอ และทรงพระราชทานชื่อแก่เด็กหนุ่มว่า เจิ้งเหอ

Zheng He is described in Chinese historical records as tall and heavy, with "clear-cut features and long ear lobes; a stride like a tiger's and voice clear and vibrant." He was well liked and admired for his quick wit in argument. Moreover, he was a brave soldier. When his prince seized the Chinese throne from his nephew, Zheng He fought well on his behalf. As a result, Zheng He became a close confidant of the new emperor and was given an important position at court.

พงศาวดารจีนบันทึกว่ าเขามีรูปลักษณ์สัณฐานสูงใหญ่กำยำนัก ผิวพรรณหมดจด ติ่งหูยาน ท่วงทีท่าทางดุจดังราชสีห์ก่อไม่ปาน ทำนองเสียงดังกังวาน น่าเกรงขามยิ่งนัก  เขาพูดจาโต้ตอบอย่างมีไหวพริบยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นทหารที่แกล้วกล้า  ครั้นองค์ชายทรงก่อกบฏราชบัลลังก์ของหลายชาย เจิ้งเหอเป็นหัวเรี้ยวหัวแรงในเหตการณ์ดังกล่าวทำให้ขากลายเป็นคนโปรดของพระองค์และพระองค์ทรงพระราชทานตำแหน่งสำคัญในราชสำนักแก่เขา

The Yong Le emperor had ambitious plans. A vigorous man, he rebuilt the Great Wall to the condition in which it exists today. He also built his new capital at Beijing, next to the remains of the former Yuan capital. The emperor decided to go ahead with the sea voyages that had long been planned. He appointed Zheng He to lead them and gave him the title "Admiral of the Western Seas."

องค์จักรพรรดิยองเลอวางแผนการไกล พระองค์ทรงบัญชาให้มีการสร้างกำแพงเมืองจีนอีกครั้งดังที่ปรากฏเห็นในปัจจุบัน  พระองค์ยังทรงสร้างเมืองหลวงใหม่ที่มลฑลปักกิ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับมลฑลยุนานซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่า  พระองค์ยังทรงตั้งปฏิพานอย่างแน่วแน่ที่จะประกาศความเกรียงไกรทางทะเลซึ่งวางแผนกันมานมนานกาเลแล้ว
พระองค์โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเจิ้งเหอเป็นผู้นำกองทัพเรือและพระราชทานทินนามว่า  เจ้าแห่งท้องทะเลตะวันตก

At each country Zheng He visited, he was to present gifts from the emperor and to exact tribute for the glory of the Ming. The Chinese had a unique view of foreign relations. Because China developed its culture in isolation from other great civilization, it says itself as the center of the world. The Chinese called their country "the Middle Kingdom."

แต่ละดินแดนที่เจิ้งเหอไปเยือน เขาต้องมอบของกำนัลจากองค์จักรพรรดิเพื่อเป็นการเซ้ซ้องสดุดีต่อราชวงศ์หมิง ชาวจีนมีวิสัยทัศน์ที่แปลกแวกแนวเป็นอัตลักษณ์ทางความสัมพันธ์ด้านต่างประเทศ  เนื่องด้วยจีนปรับปรุงวัฒนธรรมที่มีความเป็นตัวของตัวเองไม่ยุ่งเกี่ยววัฒนธรรมจากต่างแดน  จีนจึงเรียกขานตัวเองว่าเป็นศูนย์กลางของโลก และขนานนามประเทศตนว่า   อาณาจักรแห่งศูนย์รวมอารยธรรมของโลก

The Chinese emperor's duty was to attract "all under heaven" to be civilized in Confucian harmony. When foreign ambassadors came to the Chinese court, they "kowtowed" as they approached the emperor. (The required process of "kowtow" was to kneel three times and bow one's head to the floor three times at each kneeling.) In return for tribute from other countries, the emperor sent gifts and special seals that confirmed their rulers' authority. In fact, these foreign kings were officially made part of the Ming Dynasty.

พระราชกรณียกิจในองค์จักรพรรดิคือการเผยแพร่อารยธรรม  ใต้ร่มพระบารมีขจรทั่วล้า เพื่อให้สอดคล้องกับหลักความเชื่อในลัทธิขงจื้อ  ครั้นคณะทูตจากต่างแดนเข้าเฝ้าพระองค์ในราชสำนัก พวกเขาต้องกราบบังคมทูล (การทำให้เข่าและศรีษะถูกพื้นอย่างละ ๓ ครั้ง) และพวกเขาจะมอบเครื่องราชบรรณาการต่อพระเจ้ากรุงจีน เมื่อพวกเขาจะกลับองค์จักรพรรดิทรงพระราชทานของกำนัลต่างๆแก่พวกเขาเพื่อประกาศความเกรียงไกรและพระเกียีติยศของพระเจ้ากรุงจีนต่อนานาประเทศราช  ซึ่งในความเป็นจริงประมุขของประเทศเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ประเทศราชของราชวงศ์หมิงแค่นั้นเอง

In 1405 Zheng He set out on his first voyage. No nation on earth had ever sent such a fleet onto the ocean. It included sixty-two large ships, some 600 feet long, larger than any other on the seas. Hundreds of smaller vessels accompanied them. A Chinese historian described them; "The ships which sail the Southern Sea are like houses. When their sails are spread they are like great clouds in the sky."

เจิ้งเหอออกเดินทางสู่มหาสมุทรเป็นครั้งแรกในปี  คศ ๑๔๐๕  ซึ่งไม่เคยปรากฏว่าชาติใดได้ส่งกองทัพเรือสู่มหาสมุทร การเดินทางครั้งนี้ประกอบด้วย เรือสำเภาใหญ่มหมา ๖๒ ลำ แต่ละลำยาว ๖๐๐ ฟุต ถือได้ว่าเป็นขนาดใหย่ที่สุดในท้องทะเลในขณะนั้น และเรือสำเภาขนาดเล็กนับพันลำ  นักประวัติศาตร์จีนบันทึกว่า ทัพ เรือสำเภาที่ล่องอยู่ในทะเลใต้มีลักษณะคล้ายบ้าน เมื่อแล่นดูคล้ายอภิเมฆาบนท้องฟ้า

Zheng He's first port of call was in Champa, a part of today's Vietnam. He was surprised to find many Chinese living there. Merchants and craftsmen had emigrated from the coastal provinces since the time of the Tang Dynasty. They had already helped to spread Confucian ideals, and Champs's ruler willingly offered tribute for the Chinese emperor. In return, of course, Zheng He presented the king with lavish gifts that were probably more valuable.

เจิ้งเหอนำทัพเทียบท่า ณ เมืองจัมปา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่หนึ่งของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน  เขารู้สึกประหลาดใหญ่เป็นอย่างยิ่งที่มีชาวจีนจำนวนมากพำนักที่นั้น  พ่อค้าวาพิชและช่างชำนาญการจะนวนมากที่ได้อพยพมาจากจังหวัดทางชายฝั่งตั้งแต่ในยุคราชวงศ์ถัง  พวกเขาได้เผยแพร่ควมเชื่อลัทธิขงจื้อ และประมุขนครจัมปามีพระราชประสงค์ที่จะส่งมอบเครื่องราชบรรณาการต่อพระเจ้ากรุงจีน ในทางกลับกันเจิ้งเหอมอบของกำนัลอันทรงคุณค่าจากองค์จักรพรรดิต่อประมุข

Zheng He sailed away from the coast, westward across the Indian Ocean. The ships traveled for days out of sight of any land. Then they encountered a hurricane. The ships tossed wildly in the fierce storm and seemed to be on the verge of sinking. Then a "divine light" suddenly shone at the tips of the mast. "As soon as this miraculous light appeared, the danger was appeased," Zheng He wrote.

เจิ้งเหอแล่นเรืออกจากชายฝั่งนครจัมปามุ่งสู่มหามุทรอินเดีย  กองทัพเรือใช้เวลาในการเดินทางไม่เทียบฝั่งอยู่หลายเพลาจนเผชิญหน้ากับพายุเฮอริเคน กองทัพถูกพายุซัดโหมกระหน่ำอย่างแรงจนเกือบจะอัปปาง  ต่อมารั
ศมีศักดิ์สิทธิ์ ส่องจรัสที่ปลายเสาเรือ เจิ้งเหอบันทึกว่า ทันทีที่แสงส่องประกายปรากฏขึ้น ภัยอันตรายก็มลายหายไป 

When the Chinese sailors reached Calicut, India, their giant ships created a stir. The ruler there presented his visitors with sashes made of gold spun into hair-fine threads and studded with large pearls and precious stones. The Chinese were entertained with music and songs. One crewmember wrote that the Indians' musical instruments were "made of gourds with strings of red copper wire, and the sound and rhythm were pleasant to the ears."

ครั้นกองทัพมาถึงเมืองคาลิคัตของอินเดีย พวกเขาสร้างมิตรไมตรีที่นั้น  ประมุขได้มอบสายสะพายทองและกระดุมมุก เพรชนิลจินดาจำนวนมาก  ชาวจีนหลงระเริงกันเครื่องดนตรี  ลูกเรือคนหนึ่งบันทึกว่า เครื่องดนตรีของชาวอินเดียทำมาจากน้ำเต้ากับสายทองแดงและเสียงท่วงทำนองจับใจนัก



On the way back to China, the fleet threaded its way through the Straits of Malacca, stopping at the large islands of Sumatra and Java. Zheng He established a base at the Straits that he would use for each of his seven voyages. There are thousands of smaller islands in this vast archipelago, and some were pirates' lairs. The pirates preyed on unwary fishermen and small merchant vessels. Zheng He, showing how the emperor treated those who disrupted harmony, attacked and destroyed a fleet of pirate ships. He captured the leader and brought him back to Beijing for execution.

ช่วงระหว่างเดินทางกลับจีน กองเรือได้แล่นผ่านช่องแคบมะละกา และเทียบท่าที่หมู่เกาะใหญ่ของเกาะสุมาตราและเกาะชวา เจิ้งหาตัดสินใจตั้งฐานที่มั่น ณ สถานที่ดังกล่าวสำหรับการการเทียบท่าในการเดินทางทั้ง ๗ ครั้ง  ในหมู่เกาะใหญ่นี้ประกอบด้วยหมู่เกาะเล็กๆนานับพัน บ้างก็เป็นที่หลบซ่อนของโจรสลัดที่จะปล้นสดมภ์เรือพ่อค้าวานิชและชาวประมงที่เผลอเลอ เพื่อให้พวกโจรสลัดที่คิดร้ายได้ประจักษ์เห็นถึงแสนยานุภาพและความเกรียงไกรของพระเจ้ากรุงจีน เจิ้งเหอโจมตีกองเรือพวกโจรสลัดพินาศราบเป็นหน้ากลอง และคุมตัวหัวหน้าโจรสลัดกลับไปสำเร็จโทษประหาร ณ มหานครปักกิ่ง
 

When Zheng He returned, the emperor was pleased. He sent his admiral on ever-longer voyages. Seven times, Zheng He's ships set sail for unknown lands. On and on he went, following his orders to travel as far as he could. He reached Arabia, where he fulfilled a personal dream. He made the pilgrimage to Mecca that is the duty of every good Muslim once in his lifetime. He also visited Prophet Muhammad Mosque in Medina. On the fifth voyage, he reached the coast of Africa, landing in Somalia on the east coast.

ครั้นเจิ้งเหอกลับเข้าเฝ้าองค์จักพรรดิ พระองค์ทรงพอพระทัยเป็นอันมาก  ต่อพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงส่งเจิ้งเหอออกสมุหยาตราถึง ๗ ครั้ง เจิ้งเหอเดินทางไปยังดินแดนต่างที่ไม่เคยรู้จัก  เขาเดินทางร่อนเร่พเนจรไปยังดินแดนต่างๆตามความสามารถ  เขาเดินทางมาถึงคาบสมุทรอาหรับที่ที่เขาได้ประกอบพิธีฮัจย์ ณ มหานครเมกกะฮฺตามความใฝ่ฝันซึ่งเป็นภาระหน้าที่ที่จำเป็นแก่มุสลิมทุกคนต้องกระทำสักครั้งหนึ่งในชีวิต  เขายังได้เยี่ยมชมมัสยิดของท่านศาสดาประกาศก ณ มหานครมดีนะฮฺเช่นกัน  เขาเดินทางมาถถึงชายฝั่งทะเลของทวีปแอฟริกาและเทียบท่าที่ฝ่ายฝั่งตะวันออกของประเทศโซมาเลีย

Zheng He organized each expedition on an enormous scale. Besides sailors and navigators, they included doctors, scribes, shipwrights, and cooks. On some voyages Muslim religious leaders and Buddhist monks were brought along to serve as diplomats in lands where people were Muslim or Buddhist.

เจิ้งเหอจัดระเบียบการเดินทางในแต่ละครั้งได้เป็นอย่างที เรือมหาสมบัติมิใช่แค่บรรทุกกลาสีเรือและนักเดินเรือเพียงอย่างเดียวแต่ยังบรรทุกคณะแพทย์ นักบันทึก ช่างต่อเรือ และพ่อครัวอีกด้วย  ในการเดินทางบางครั้งจะมีผู้นำทางศาสนาทั้งศาสนาอิสลามและพุทธศาสนาโดยสารไปด้วยเพื่อเป็นทูตในการติดต่อสือสารยังดินแดนต่างๆที่มีอิสลามิกชนหรือพุทธศาสนิกชนอาศัยอยู่

Each ship brought enough food to last the whole voyage, in case "barbarian" food was not acceptable. In addition to rice and other food that could be preserved, the ships carried huge tubs of earth on deck so that vegetables and fruit could be grown.

เรือแต่ละลำจัดเตรียมสเบียงอาหารอย่างพร้อมสรรพให้เพียงพอตลอดการเดินทางและเผื่อสำหรับการรัปประทานอาหารห่วยๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสารและอาหารอื่นถูกเตรียมและจัดแจงอย่างพร้อมสรรพ กองเรือยังขนกะบะดินขนาดใหญ่สำหรับเพาะปลูกพืชผักผลไม้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 25, 2011, 10:19 AM โดย Al Fatoni »
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ tatcha_jah ~♪

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 341
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
เคยดูสารคดี

เขาถูกทางการของจีนตอนให้เป็นขันทีด้วย...ป่าเถื่อน

น่าสงสารเขาจัง

T_T
ผู้ศรัทธาต่ออัลลอห์...ท้ายสุดจะได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในวันอาคิเราะห์

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
เคยดูสารคดี

เขาถูกทางการของจีนตอนให้เป็นขันทีด้วย...ป่าเถื่อน

น่าสงสารเขาจัง

T_T


อ อาลี เสือสมิง เขียนในงานเขียนของท่านว่าขันที เช่นกัน แต่ผมเกรงว่าถ้าใช้คำว่าขันทีจะมีความหมายว่า ผู้ชายที่เป็นข้ารับใช้ในราชวังโดยข้าผู้นั้นจะต้องตัดอวัยวะเพศ  ผมเลยไม่แน่ใจว่าเจิ้งเหอเป็นขันที(บ่าวที่ถูดตัดอวัยวะเพศ ดูจากหนังซูสีไทเฮา)หรือไม่ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง ชายที่ถูกตอน บางประเทศทางเอเชียสมัยโบราณใช้สำหรับควบคุมฝ่ายใน (ไม่บอกว่าต้องตัดอวัยวะเพศ) ผมจึงเลี่ยงไปใช้คำว่า ข้าราชบริภารในองค์ชาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 01, 2011, 04:23 PM โดย anti-bid'ah »
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ tatcha_jah ~♪

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 341
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
เขาถูกเจื๋อนค่ะ


T_T

ในสารคดีเจ้งเหอดิ้นพล่านเลย

ส่วนคนถือมีดนี้หน้าเหมือนไม่ใช่มนุษย์อ่า

 sad:อนาถใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 01, 2011, 04:33 PM โดย tatcha_jah ~♪ »
ผู้ศรัทธาต่ออัลลอห์...ท้ายสุดจะได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในวันอาคิเราะห์

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
เขาถูกเจื๋อนค่ะ


T_T

ในสารคดีเจ้งเหอดิ้นพล่านเลย

ส่วนคนถือมีดนี้หน้าเหมือนไม่ใช่มนุษย์อ่า

 sad:อนาถใจ

ลิ้งให้หน่อย
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ขอประกาศ หากมีใครเข้ามาหาข้อมูลเรื่องแม่ทัพเจิ้งเหอ

บทความนี้ผมแปลเอง ผมมิได้คัดลอกบทแปลของใครมา ดังที่มีคนบางกลุ่มกล่าวอ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 02, 2011, 05:03 PM โดย anti-bid'ah »
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ลองถาม อ.อาลี เสือสมิง ดิ ผมเคยอ่านที่แกนำเสนอในหนังสือ "ประวัติศาสตร์ขุนนางมุสลิมไทย" แกว่า แม่ทัพเจิงเห้อนั้น ชาวไทยจะรู้จักท่านในชื่อ "เจ้าพ่อซำป่อกง" ด้วย เห็นว่ามีการสร้างรูปปั้นเป็นรูปท่านไว้กรายสักการะด้วย ลองถามข้อเท็จจริงจาก อ.อาลี ดู โทรไปเลยเพื่อน อิอิ
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
:salam:

ขอประกาศ หากมีใครเข้ามาหาข้อมูลเรื่องแม่ทัพเจิ้งเหอ

บทความนี้ผมแปลเอง ผมมิได้คัดลอกบทแปลของใครมา ดังที่มีคนบางกลุ่มกล่าวอ้าง

ใครอ้างล่ะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
ขอป้องกันเหตุไว้ก่อนละ

ต่อไปถ้าสมาชิกคนไหน เอาบทความ งานเขียน หรือผลงานอื่นๆ มาโพสโดยไม่บอกที่มาให้ชัดเจนก็จะถูกพิจารณาลบได้นะเธอ

เอาบทความชาวบ้านมาแปะไว้โดยไม่บอกที่มา ไม่บอกว่าใครเขียน ไม่เขียนเอง แล้วจะให้คนที่ผ่านเข้ามาอ่านคิดว่าใครเขียนละ
ผู้ดูแล?
สมาชิกคนโพส?

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
คนที่ผ่านเข้ามาอ่านนั่นแหละผิด 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
ลองถาม อ.อาลี เสือสมิง ดิ ผมเคยอ่านที่แกนำเสนอในหนังสือ "ประวัติศาสตร์ขุนนางมุสลิมไทย" แกว่า แม่ทัพเจิงเห้อนั้น ชาวไทยจะรู้จักท่านในชื่อ "เจ้าพ่อซำป่อกง" ด้วย เห็นว่ามีการสร้างรูปปั้นเป็นรูปท่านไว้กรายสักการะด้วย ลองถามข้อเท็จจริงจาก อ.อาลี ดู โทรไปเลยเพื่อน อิอิ

ขอมูลจาก http://www.chinesemuslimthailand.com/zheng_he/content.php?page=content&category=&subcategory=50&id=145

ระบุว่า
อ้างถึง
เจิ้งเหอและประเทศไทย

ในประเทศไทย เจิ้งเหอเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เจ้าพ่อซำปอกง (ซานเป่ากง) วัดซำปอกง หรือชื่อทางการ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สาเหตุที่ชาวจีนมาเซ่นไหว้วิญญาณซำปอกงที่วัดกัลยาณมิตรเป็นเพราะความเข้าใจ ผิด กล่าวคือ ชาวจีนผู้นับถือพุทธศาสนากลุ่มหนึ่งได้นมัสการหลวงพ่อโตที่วัดกัลยาณมิตร แล้วเกิดความเลื่อมใส จึงได้เขียนหนังสือจีนไว้ที่หน้าวิหารว่า ซำปอฮุดกง ซึ่งแปลว่าพระเจ้า 3 พระองค์ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ชาวจีนกลุ่มที่นับถือซำปอกง อ่านเห็นเป็น ซำปอกง  จึงคิดว่าเป็นสถานที่เซ่นไหว้วิญญาณของซำปอกง และได้มาเซ่นไหว้ซำปอกงเรื่อยมา  ด้วยเหตุนี้มีนักเขียนไทยบางคนคิดว่า เจิ้งเหอได้เปลี่ยนศาสนามาถือพุทธ

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
ทายาทเจิ้งเหอในเชียงใหม่ยังมีอยู่
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ท่านบี้เฉินนี่เอง ทายาทของนักรบผู้กล้าแห่งแผ่นดินใหญ่
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
ท่านบี้เฉินนี่เอง ทายาทของนักรบผู้กล้าแห่งแผ่นดินใหญ่

ไม่ช่าย ^^" รู้สึกจะเป็นตระกูลเ้ศรษฐีที่มาทำการค้าจากเมืองจีน มีชื่อในประวัติศาสตร์ว่า "ท่านขุนชวงเลียงฤาเกียรติ"
ต้นตระกูลวงศ์ลือเกียรติ เคยมีที่ติดสุเหล่าบ้านฮ่อเชียงใหม่ (ตอนนี้ทางเบียร์ช้างซื้อไปแล้ว)
ตอนนั้นต้นตระกูลนี้ได้ทำการค้าและำร่ำรวยมาก ได้บริจาคที่ดินแล้วสร้างสุเหล่าบ้านฮ่อ (จุดเริ่มต้นของสุเหล่าบ้านฮ่อ)
หลังจากนั้นก็ได้บริจาคที่ดินให้กับทางรัฐ ช่วยทางรัฐหลายอย่าง จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "ขุน"
ลองดูในนี้ได้ :::
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=297223
http://www.chinesemuslimthailand.com/printable.php?id=246

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 26, 2011, 09:13 AM โดย Hidayah Seeker »
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ tatcha_jah ~♪

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 341
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
เขาถูกเจื๋อนค่ะ


T_T

ในสารคดีเจ้งเหอดิ้นพล่านเลย

ส่วนคนถือมีดนี้หน้าเหมือนไม่ใช่มนุษย์อ่า

 sad:อนาถใจ

ลิ้งให้หน่อย

จำไม่ได้เน้อ

นานมากแล้วเน้อ

จำได้ว่าเขาฉายตั้งแต่สมัยยังเป็นช่องitvอ่าจ้าววว

>_<
ผู้ศรัทธาต่ออัลลอห์...ท้ายสุดจะได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในวันอาคิเราะห์

 

GoogleTagged