ผู้เขียน หัวข้อ: เราจะละหมาดให้มีความสุข (คู่ชั๊วะ) ได้อย่างไร ?  (อ่าน 2927 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู

เราจะละหมาดให้มีความสุข (คู่ชั๊วะ) ได้อย่างไร ?
 
อาจาย์อับดุลการีม วันแอเลาะ

นะฮ์เฎาะฮ์ แหล่งสร้างเสริมและซ่อมแซมต้นทุนชีวิต
ทุกเส้นทางสง่างามด้วยความเป็นนะฮ์เฎาะฮ์

ชีวิตที่มีค่า คือชีวิตที่ทำให้ตัวเองมีค่า
และช่วยทำให้คนอื่นมีค่า
         
“คู่ชั๊วะ” คือความสงบที่ก่อเกิดจากความเคารพ สงบทั้งกิริยา วาจา และจิตใจ เป็นการ วิปัสสนาด้วยหัวใจ ในสภาพที่กิริยาเคลื่อนย้าย เพื่อแสดงความเคารพ สักการะ ต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา เป็นการฝึกฝนการมีสมาธิในสภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเกิด ประโยชน์จริงในสภาพของความเป็นจริง ถือเป็นสมาธิที่ล้ำลึกมากกว่าการมีสมาธิ ที่ฝึกฝนหรือกำหนดขึ้นในสภาพนั่ง นอนหรือยืนอย่างหนึ่งอย่างใด แต่เพียง ประการเดียว เพราะอิสลามต้องการให้เอาสมาธิไปใช้ในชีวิตจริง ไม่เพียงแต่มานั่งขัดสมาธิเท่านั้น นื่องจากได้พิจารณาเห็นว่า การนั่งสมาธิอย่างเดียวจะทำให้อิริยาบถอื่นๆ ไม่มีสมาธิ
          “คู่ชั๊วะ” เป็น งานของหัวใจ หัวใจเป็นนายหรือเป็นผู้บริหาร ผู้นำของอวัยวะทั้งหมดภายในร่าง กาย คือหัวใจที่กำกับหัวใจดวงที่เป็นก้อนเนื้อนี้ มิใช่หัวใจที่คือก้อนเนื้อ ก้อนนี้
          ท่านรอซูล ศ้อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เห็นคนๆ หนึ่งละหมาดด้วยท่าทีที่ไม่สงบ ท่านกล่าวว่า หากหัวใจของเราสงบ ร่างกายก็จะสงบด้วย   อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา  ได้กล่าวไว้ในกุรอานว่า
 
قَدْ أَفْلَحَ الْمُؤْمِنُوْنَ   اَلَّذِيْنَ هُمْ فِيْ صَلاَتِهِمْ خَاشِعُوْنَ            المؤمنون 1-2
 
ความว่า “บรรดาศรัทธาชน ย่อมได้รับชัยชนะ ศรัทธาชนนั้นคือผู้ที่การละหมาดของพวกเขามีคู่ชั๊วะ (สงบ)”
 
          อนึ่งในเรื่องผลตอบแทนของการละหมาดนี้ บางโองการกล่าวว่า
 
فَوَيْلٌ لِلْمُصَلِّيْنَ اَلَّذِيْنَ هُمْ عَنْ صَلاَتِهِمْ سَاهُوْنَ        الماعون 4-5
 
ความว่า “เหวในขุมนรกจะประสพแก่บรรดาผู้ละหมาด ที่การละหมาดของพวกเขา พวกเขาเลินเล่อ”
 
          จึงสรุปได้ว่า บางคนละหมาดแล้ว แต่ยังไม่เรียกว่าเขาละหมาด การละหมาดจึง ต้องกระทำด้วยสมอง และหัวใจ มิใช่ด้วยเรือนร่าง หรือการแสดงออกด้วยพฤติกรรม แต่เพียงอย่างเดียว
          ละหมาดคือ ความสุข ความสุขที่ไม่มีความสุขใดๆ เทียบเท่า ท่านนะบี ศ้อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   กล่าวแก่บิล้าลว่า
 
يَابِلاَلُ أَرِحْنَا بِالصَّلاَةِ
 
ความว่า “โอ้บิล้าล จงทำให้เรามีความสุข ด้วยการละหมาด”
          กับความสุขของการละหมาด ชาวสะลัฟยืนละหมาดจนนกกาเข้าใจว่า ตอไม้ สำหรับท่านอิหม่ามชาฟีอี ท่านละหมาดสุนัตหลังละหมาดอีชาสองรอกาอัตทุก คืน ด้วยการอ่านกุรอานหนึ่งจบ นั่นก็เพราะความสุขที่ได้รับจากการละหมาด ซึ่งท่านนะบี ศ้อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
 
حُبِّبَ اِلَىَّ دُنْيَاكُمْ ثَلاَثٌ اَلطِّيْبُ وَالنِّسَاءُ وَقُرَّةُ عَيْنِيْ فِى الصَّلاَةِ
 
ความว่า “ดุนยาของท่าน ทั้งหลาย ฉันรักมันอยู่ 3 อย่างคือ กลิ่นหอม สตรี และความสุขที่ได้รับจากการละหมาด (ชี้ให้เห็นว่า ละหมาดเป็นเรื่องดุนยา)”
          เราจึงควรแสวงหาความสุขที่ได้รับจากการละหมาด เป็นความสุขที่สุขที่สุด อมตะ ที่สุด หาได้ตรงนี้ ตรงที่ ที่มีเรา หาได้โดยไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง หาได้ด้วยตัวเรา เอง ที่ตัวเราเอง มันอยู่ที่ตรงนี้ อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา พระองค์ผู้ที่ด้วยสมองของเราคิด เราจักต้องรักมากกว่า สิ่งใดๆ พระองค์ให้โอกาสแก่เรา เพื่อให้เราได้อยู่กับพระองค์ ได้เข้าเฝ้าพระองค์ทุก วัน วันละ 5 ครั้ง รักเราพร้อมมอบความสุขให้แก่เรา แม้เราจะเป็นผู้ทรยศ ฟากฟ้าและแผ่น ดินต่างตัสเบียะฮ์ แสดงความรักต่อพระองค์กันอยู่ตลอดเวลา มันต่างเจ็บใจที่ มนุษย์บางคนเกลียดพระองค์ ไม่ปฏิบัติตามที่พระองค์สอนสั่ง ทรยศต่อ พระองค์ มันเคยอาสาพระองค์ที่จะประชาทัณฑ์ผู้ทรยศต่อพระองค์ ทั้งนี้ก็ด้วย ความรักของมันที่มีต่อพระองค์ พระองค์กลับไม่ยินดี ด้วยการบอกกับพวกมันว่า
 
لَوْ خَلَقْتُمُوْهُ لَرَحِمْتُمُوْهُ
 
ความว่า “หากพวกท่านให้บังเกิด (สร้าง) มัน แน่นอนพวกท่านต้องรักมัน”
 
          กี่วัน กี่เดือน กี่ปีมาแล้วที่อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ให้เวลาเพื่อการแก้ตัว บางคนมีอายุอยู่จนแก่ชรา แต่ก็ยัง แก้ตัวไม่ได้ สงสารลูกหลานที่มีผู้เฒ่าอย่างนั้นจังเลย มีฮะดีษกุดซีย์กล่าว ว่า
 
لاَإِلهَ اِلاَّ أَنَا اِذَا رَضِيْتُ بَارَكْتُ وَبَرَكَتِيْ لَيْسَتْ لَهَا نِهَايَةٌ   وَاِذَا غَضِبْتُ لَعَنْتُ وَلَعْنَتِيْ تَبْلُغُ السَّابِعَ مِنَ الْوَلَدِ
 
ความว่า “ไม่มีพระเจ้า อื่นใดนอกจากฉัน เมื่อฉันยินดี  ฉันก็จะเพิ่มพูน มอบบารอกัตให้ ซึ่งบารอกัตของฉันนั้นไม่มีจุดจบสิ้น และเมื่อฉันโกรธ ฉันก็กริ้ว ซึ่งความกริ้วของฉัน จะทอดไปถึงเจ็ดชั่วโคตร”
 เป็นฮะดีษที่สะเทือนขวัญมาก เพราะ เมื่อเราเลว ลูกหลานจะเลวไปถึงเจ็ดชั่วโคตรด้วยนั่นเอง ในทางกลับกัน หากเรา เป็นคนดี ลูกหลานของเราก็จะดีตลอดกาล ไม่ว่าจะกี่ชั่วโคตรก็ตาม
          ดุนยานี้แหละที่ทำลายคู่ชั๊วะ โดยเฉพาะอย่าลุ่มหลง อย่ารักมันด้วย หัวใจ เพราะสิ่งใดที่เรารักด้วยใจ เราจะกลายเป็นทาสของสิ่งนั้น ดังนั้นจง รักดุนยาด้วยอวัยวะส่วนใดก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ด้วยหัวใจ เพราะหัวใจมีไว้รัก อัลลอฮ์ เป็นที่สถิตของอัลลอฮ์ ดังพระองค์ได้กล่าวไว้ในฮะดีษกุดซีย์ว่า
 
أَفْرِغْ قَلْبَكَ لاَنَّ قَلْبَكَ بَيْتِيْ أَسْكُنُ فِيْهِ
 
ความว่า “จงทำให้หัวใจของท่านว่าง เพราะหัวใจของท่านคือบ้านของฉัน ฉันพำนักอยู่ในนั้น”

 
   
บนเครื่องไทยแอร์ เอเชีย เที่ยวบินที่ 3025
ขณะเดินทางจากสุวรรณภูมิ-ภูเก็ต
เมื่อ 14 ธ.ค. 51

อ้างอิงจาก  rabity.ac.th
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 salam

ขอบคุณหลาย ๆ เด๊อ ชอบใจทั้งบทความ แต่ชอบตรงนี้มาก มันสะกิดใจอย่างไรไม่รู้

[quoteกี่วัน กี่เดือน กี่ปีมาแล้วที่อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ให้เวลาเพื่อการแก้ตัว บางคนมีอายุอยู่จนแก่ชรา แต่ก็ยัง แก้ตัวไม่ได้][/quote]

อัซตัฆฟิรุลลอฮัลอะซีม อัลละซี ลาอิลาฮะอิลลาฮุวัลหัยยุลก็อยยูม วะอะตูบุอิลัยฮฺ
อัซตัฆฟิรุลลอฮัลอะซีม อัลละซี ลาอิลาฮะอิลลาฮุวัลหัยยุลก็อยยูม วะอะตูบุอิลัยฮฺ
อัซตัฆฟิรุลลอฮัลอะซีม อัลละซี ลาอิลาฮะอิลลาฮุวัลหัยยุลก็อยยูม วะอะตูบุอิลัยฮฺ

วัสสลาม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
จะละหมาดให้มีสมาธิยากมากๆ บางทีลืมของอะไรไว้ หาไม่เจอสักที พอเข้าละหมาด มันมาเลยหละ แต่พอเสร้จละหมาด ก็ลืมอีกซะงั้น - วัลลอฮุอะอ์ลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
เหตุใดจึงไม่พบความเอร็ดอร่อยในการทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา  ทั้งที่พยายามทำจิตใจให้มีความสุขในการทำอิบาดะฮ์ด้วยความนอบน้อม  พยายามทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ ที่อยู่ในจิตใจมุ่งสู่อัลเลาะฮ์ตะอาลา  แต่ทว่าไม่ได้รับการลิ้มรสในการทำอะมัลอิบาดะฮ์นักที  ซ้ำร้ายยังชอบนึกคิดเรื่องต่าง ๆ นานาขึ้นในจิตใจขณะทำอิบาดะฮ์

 :  สาเหตุดังกล่าวนั้น  อันเนื่องมาจากมีสิ่งที่มาขวางกั้นระหว่างเขากับอัลเลาะฮ์ตะอาลา  และสิ่งที่มากั้นขวางนั้นก็คือสิ่งอำนวยสุขต่าง ๆ (เนี๊ยะมัต) ที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงมอบให้แก่ท่าน  ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังที่แข็งแรง , มีความร่ำรวย , มีกิจการงานที่ดี , มีริสกีอย่างสมบูรณ์ ,  มีความวิชารู้มากมาย , ที่อัลเลาะฮ์ทรงให้ประทานเกียรติและให้เสวยสุขกัน  ด้วยเหตุดังกล่าวนี้แหละ  ทำให้ท่านหลงลืมความต่ำต้อยของตัวเอง  หลงลืมว่าตัวตนอันที่แท้ของท่านนั้นอ่อนแอ  , ลืมว่าท่านนั้นเป็นเพียงมัคโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา , และลืมว่าเป็นสิ่งที่ถูกครอบครองของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ดังนั้นเมื่อท่านได้ทำการยืนละหมาด  ก็อาจจะถูกปิดกั้นจากอัลเลาะฮ์ด้วยเหตุของปัจจัยอำนวยสุขต่าง ๆ เหล่านี้  ทำให้จิตใจของท่านลืมความต้องการไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ลืมความต่ำต้อยและความต้องการพึงพาอย่างยิ่งยวดในพระองค์   เมื่อทำอิบาดะฮ์ปัจจัยอำนวยสุขทั้งหลาย เช่น ธุระกิจการค้า , ลูกหลาน , อาหารอร่อยที่ถูกเตรียมไว้ , ประเด็นปัญหาศาสนาต่าง ๆ   มันได้เกิดขึ้นและวนเวียนอยู่ในความคิดอยู่เสมอ  แล้วอะไรคือสาเหตุ?  อะไรคือสิ่งที่จะมาเยียวยา?  การเยียวยานั้นก็คือท่านต้องรู้สึกว่าตนเองนั้นผู้ที่อ่อนแอต่ำต้อย  ศักยภาพต่าง ๆ ในตัวของท่านนั้นมีความต้องการพึ่งพายังอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ปัจจัยอำนวยสุขต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ประทานให้นั้น  มันคือสิ่งที่อุบัติขึ้นมาในวันนี้และพรุ้งนี้มันก็ไป  มันเป็นสิ่งมีอยู่ชั่วคราวไม่ยั่งยืน   

ดังนั้นเมื่อมนุษย์ตระหนักถึงข้อเท็จจริงอันนี้และรู้ว่าตัวของเขานั้นไม่ว่าจะเป็นคนร่ำรวย , เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วย , และเป็นคนที่มีความรู้มากมายก็ตาม  แน่นอนว่าการตระหนักถึงแก่นแท้ของตัวตนจิรง ๆ ของเขานั้น  ก็จะสามารถดึงเขาให้มีความนอบน้อมในการทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา  ฉะนั้นจากความหมายนี้  ท่านลองพิจารณาถึงศักยภาพของท่านที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงตรัสไว้ว่า

يُرِيدُ اللّهُ أَن يُخَفِّفَ عَنكُمْ وَخُلِقَ الإِنسَانُ ضَعِيفاً

"อัลเลาะฮ์ทรงต้องการจะทรงผ่อนผัน(การลงโทษ)แก่พวเจ้าและมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาในสภาพที่อ่อนแอ"" อันนิซาอฺ 28

หมายถึงมนุษย์ทั้งหมดนั้นแก่นแท้แล้วถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับความอ่อนแอ  ดังนั้นศักยาภาพของมนุษย์จึงอยู่ในวิสัยของความอ่อนแอเสมอ  ซึ่งอัลเลาะฮ์ต้องการที่จะที่บอกให้เราตระหนักว่า  บรรดาเนี๊ยะมัตปัจจัยอำนวยสุขนั้น  ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง  ความรู้  ความสุขสบาย  และความร่ำรวยนั้น  ไม่บังควรเลยที่สิ่งเหล่านั้นทำให้เราต้องลืมตัวตนอันแท้จริงที่ถูกสร้างให้แก่เรา  เพราะความจริงแล้วปัจจัยอำนวยสุขทั้งหลายนั้น  เป็นสิ่งที่อุบัติขึ้นมาเท่านั้นเอง  วันนี้มันได้มา  แต่พรุ้งนี้มันอาจจะไม่อยู่กับเราก็ได้  ด้วยเหตุนี้  อัลเลาะฮ์ตะอาลาจึงความเมตตาปราณีแก่เรา  ด้วยการให้มนุษย์ถูกทดสอบในบางช่วงบางเวลา  เช่น  ทำให้เขาป่วย , ทำให้เขามีความยากจนหลังจากร่ำรวย , ทำให้เขามีความอ่อนแอหลังจากมีพลานามัยสมบูรณ์ , ทำให้มีความสั่นคลอนหลังจากมีความสงบสุข

เพราะพระองค์ทรงตรัสยืนยันไว้ว่า

وَنَبْلُوكُم بِالشَّرِّ وَالْخَيْرِ فِتْنَةً وَإِلَيْنَا تُرْجَعُونَ

"และเราจะทดสอบพวกเจ้าอย่างจริงจังด้วยความยากแค้น  และความสุขสบาย (ที่สลับหมุนเวียนกันไป)และพวกเจ้าจะถูกนำตัวกลับมายังเรา(เพื่อรอรับการพิพากษาต่อไป)" อัลอัมบะยาอฺ 21/35

พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

وَلَنَبْلُوَنَّكُمْ بِشَيْءٍ مِّنَ الْخَوفْ وَالْجُوعِ وَنَقْصٍ مِّنَ الأَمَوَالِ وَالأنفُسِ وَالثَّمَرَاتِ وَبَشِّرِ الصَّابِرِينَ

"ขอยืนยัน  เราจะทดสอบพวกเจ้าอย่างแน่นอนด้วยบางสิ่ง(เพียงเล็กน้อย)จากความหวาดกลัว , ความหิวโหย , ความขาดแคลนทรัพย์ , ความคาดแคลนชีวิต (ของผู้คนและสัตว์ต่างๆ)และความขาดแคลนผลไม้และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทนเถิด" 2/155

เหตุใดต้องเป็นเช่นนั้น  แล้วใหนล่ะความเมตตาของอัลเลาะฮ์ในการทดสอบเหล่านี้?  ความเมตตาของอัลเลาะฮ์  นั้นก็คือพระองค์ทรงโปรดให้เราไม่ลุ่มหลงมัวเมาต่อปัจจัยอำนวยสุขทั้งหลายที่ได้รับ  และไม่ทำให้เราหลงลืมต่อตัวตนอันแท้จริงที่ว่า  เราคือมัคโลคสิ่งที่ถูกสร้างมาจากความอ่อนแอและต่ำต้อย  ต่อไปก็จะเกิดความอ่อนแอโรยรา  มีขึ้นมีลง  ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนั้น?  ก็เพราะว่าถ้าหากปัจจัยอำนวยสุขคงมีอยู่ตลอดเวลา  แน่นอน  มันก็จะเป็นสิ่งมากั้นขวางระหว่างเรากับอัลเลาะฮ์  เนี๊ยะมัตต่าง ๆ ก็จะทำให้เราลืมตัวตนและความอ่อนแอของเรา   

อนึ่ง การทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา  เช่น  การละหมาด  ต้องอยู่พร้อมกับความรู้สึกทางจิตใจที่มีความต่ำต้อย  รู้สึกว่าตนเองอ่อนแอ  รู้สึกว่าเราต้องการพึงพาไปยังพระองค์  ดังนั้นความรู้สึกเช่นนี้  จะทำเรานึกถึงตัวตนที่แท้จริงไม่ไปนึกคิดเนี๊ยะมัตต่าง ๆ ที่ไม่จีรังในขณะทำอิบาดะฮ์  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  คำว่า "อิบาดะฮ์"  มาจากภาษาอาหรับที่หมายถึง  การแสดงความเป็นทาส  แสดงความต่ำต้อย  ดังนั้นรสชาดของการทำอิบาดะฮ์  ต้องถูกปรุงแต่งด้วยความรู้สึกที่ต่ำต้อยและนอบน้อมซึ่งเป็นคุณลักษณะและเป็นตัวตนอันแท้จริงของเราที่จะต้องมีอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

وَاللهُ سُبْحَانَه وَتَعَالى أَعْلَي وَأَعْلَمُ   
 

 
ทำอย่างไรให้มีรสชาดในการทำอิบาดะฮ์และลดความแข็งกระด้างของจิตใจ 

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
ชอบน้ำเสียงของอาจารย์
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ AUZULODEEN

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 625
  • เพศ: ชาย
  • ทุกๆชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam
ผมจะต้องพยายามอีกเยอะ
แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนไปสู่พระองค์

ออฟไลน์ binti

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 261
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ความพยายามอยู่ที่เรา  แต่ความสำเร็จอยู่อัลลอฮ์

(โหมดเตือนตัวเองให้พยายามเหมือนกัน)
อัสตัฆฟิรุลลอฮัลอะซีม

 

GoogleTagged