คำเตือน: ทุกประโยคอาจส่งผลต่อต่อมอิจฉาของคุณ โปรดอ่านอย่างมีวิจารณญาณและใจเย็นๆ
คงไม่ต้องพูดกันอีกแล้วถึงความสำคัญ ของวัยหนุ่มสาว เพราะมันถูกจาระไนไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านหนังสือนับพันหมื่นหน้า บทกวีนับพันหมื่นบท และคำเพรียกขานจากต่างที่ต่างวาระ อีกนับจำนวนไม่หมดตลอดช่วงเวลาอัน ยาวนานของประวัติศาสตร์ ในความยาวนานนั้นมีหลายยุคสมัยที่คนหนุ่มสาวบางกลุ่มได้ปรากฏตัวขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์สีหม่นคล้ายจันทร์เต็มดวงที่ปรากฏตัวกลางค่ำคืนมืดมิด พวกเขาแต่งเติมหน้ากระดาษของประชาชาตินี้ด้วยสีสันแห่งชีวิตชีวาอัน เปี่ยมศรัทธาของช่วงวัย เรามองไปยังพวกเขาด้วยสายตาชื่นชมเปี่ยมรัก ทว่าหลายครั้งความห่างไกลระหว่างยุค สมัยของพวกเขากับยุคสมัยของเรา ก็เปิดช่องว่างให้ข้ออ้างสารพัดของผู้ไม่ประสงค์ดี
คล้ายกับว่ามันยากเกินไปแล้วและหาไม่ได้อีกต่อไปที่ใครจะยืนหยัดเพื่ออิสลามได้ขนาดนั้นในยุคสมัยที่ซับซ้อนขึ้นทุกทีของโลกเราวันนี้ทว่าในความเป็นจริง ในยุคสมัยของเรานี่แหละ ที่คนหนุ่มเหล่านั้นยังคงปรากฏตัว บ้างในหุบเขาสูงชันที่การญิฮาดดำเนินไป บ้างในทะเลทรายแห่งการศึกษาหาความรู้ และอีกหลายแห่งหลากหนที่ถ้าหัวใจเยาวชนได้ผ่อนเพลาลงบ้างจากเรื่องราวจอมปลอมของเหล่านักร้องนักกีฬาแล้ว ก็อาจจะพอมีพื้นที่เหลือสำหรับรับรู้ เรื่องราวการยืนหยัดอย่างน่าตื่น ตาตื่นใจของพวกเขาเหล่านั้น เรื่องราวที่อาจทำให้เราอัศจรรย์ใจ นักหนาว่าในยุคสมัยเดียวกับเรา นี้ มีคนที่ใช้ชีวิตใกล้เคียงเหล่าบรรพ ชนอิสลามได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ เรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้อาจเป็น ตัวอย่างที่ดีสำหรับการส่งม อบความอัศจรรย์ดังกล่าวให้แก่หัวใจ ของเรา อินชาอัลลอฮฺ
ในการบรรยายครั้งหนึ่ง
ชัยค์มุหัมมัด บุกนะฮฺ อัชชะฮฺรอนีย์ อุละมาอฺร่วมสมัยชาวซาอุดีอารเบียได้เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ท่านได้พบเห็นด้วยตัวของท่านเองให้พวกเราฟัง ด้วยคำกล่าวย้ำตลอดการบรรยายว่า
“ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันไม่ได้เล่าเรื่องของเขาอย่างเกินจริงแต่อย่างใดเลย” โดยชัยค์อัชชะฮฺรอนีย์ได้เล่าถึงเขา ว่า
“เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนในประเทศของเรา ในยุคสมัยของเรา ฉันรู้จักเขา เขาเป็นคนที่ร้องไห้อย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะเมื่ออ่านอัลกุรอาน เป็นคนสมถะ และอ่อนน้อมถ่อมตัวอย่างที่สุด เขาท่องจำอัลกุรอานได้ทั้งเล่มตั้งแต่อายุเพียง 12 ขวบ ท่องจำหะดีษศอเฮียฮฺมุสลิมทั้งหมด ภายในเวลาสองสัปดาห์ และด้วยเวลาเท่ากันนี้เขาก็สามารถท่องจำหะดีษศอเฮียฮฺของบุคอรียฺได้ สิ่งที่ฉันเล่านี้ฉันเป็นพยานมันด้วยตัวและตาของฉันเอง เพราะเขาท่องศอเฮี๊ยฮฺมุสลิมกับฉัน และท่องศอเฮี๊ยฮฺบุคอรีย์กับเพื่อน ของฉัน โดยในตอนนั้น ฉันไม่รู้เลยว่าเขาท่องศอเฮี๊ยฮฺบุคอรีย์กับเพื่อนฉัน และเพื่อนฉันก็ไม่รู้ว่าเขาท่องศอ เฮียฮฺมุสลิมกับฉัน เขารักความบริสุทธิ์ใจเป็นที่สุด"เวลานอนของเขาคือช่วงที่เลิกคาบเรียนเช้าจนถึงละหมาดซุฮฺริ หลังละหมาดอัศริเขาจะเข้าร่วมฮะละ เกาะฮฺของผู้ศึกษาหาความรู้ ในขณะที่หลังมัฆริบจะเป็นเวลาสำหรับเข้าร่วมฮะละเกาะฮฺของผู้รู้และครูบาอาจารย์ ส่วนหลังอิชาอฺไปจนถึงราวห้าทุ่มเขา จะทบทวนบทเรียน แล้วหลังจากห้าทุ่มเขาก็จะยืนขึ้นละหมาดจนกระทั่งถึงรุ่งอรุณ เป็นเช่นนี้ทุกคืน ฉันเคยฟังเรื่องราวของบรรดาสลัฟที่อ่านอัลกุรอานแล้วร้องไห้จนหมดสติหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยได้พบเหตุการณ์เช่นนั้น ด้วยตาของตัวเอง กระทั่งได้พบกับเด็กหนุ่มคนนี้
เราเคยไปละ หมาดญุมอะฮฺด้วยกัน ครั้นเมื่ออิมามอ่านถึงอายะฮฺที่ว่า
((وَنَادَى أَصْحَابُ النَّارِ أَصْحَابَ الْجَنَّةِ أَنْ أَفِيضُوا عَلَيْنَا مِنَ الْمَاءِ))
“และชาวนรกได้ร้องเรียกชาวสวรรค์ว่า จงเทน้ำมาให้เราบ้างเถิด”
[อัลอะอฺรอฟ 7:50]
..มาชาอัลลอฮฺ!
เขาก็ทรุดฮวบลง ไปจนพวกเราคิดว่าเขาตาย ไปเสียแล้ว หลังจากนั้นมีคืนหนึ่งที่เขามาละหมาดกลางคืนที่บ้านของฉัน ฉันแกล้งทำเป็นนอนหลับเพื่อจะดูว่า เขาทำอะไรบ้าง เมื่อเข้าใจว่าฉันหลับแล้ว เขาได้เดินเข้ามา เอามือปัดใกล้ๆดวงตาฉันเพื่อให้แน่ ใจว่าจะไม่มีใครเห็นเขาละหมาด จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นละหมาดในเวลาประ มาณห้าทุ่ม ฉันหลับแล้วก็ตื่นเป็นช่วงๆ แต่เขาก็ยังไม่ก้มลงจากร็อกอัตแรกของเขาเสียที จนเมื่อเขาก้มลงสุญูด ฉันก็ไม่เห็นเขาเงยขึ้นมาเสียทีอีก เช่นกัน
ในอีกคืนหนึ่งเขาได้อ่านอัลกุรอานมาจนถึงอายะฮฺที่อัลลอฮฺตรัสว่า
((كَلاَّ إِنَّهَا لَظَى نَزَّاعَةً لِلشَّوَى ))
“ไม่เลย แท้จริงมันเป็นไฟนรกที่ลุกโชน หนังศีรษะจะถูกลอกออก(เพราะความร้อน ของไฟนรก)”
[อัลมะอาริจญ์ 70:15-16]
แล้วเขาได้ร้องไห้จนกระ ทั่งหมดสติ ฉันจึงไปปลุกให้เขาฟื้น เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็อาบน้ำละหมาดแล้วทำการละหมาดใหม่ แต่เมื่ออ่านมาถึงอายะฮฺเดิม เขาก็ร้องไห้จนหมดสติอีก ฉันจึงไปปลุกเขาอีก เขาเริ่มละหมาดใหม่แล้วก็จบลงที่การ หมดสติเช่นเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ฟื้นขึ้นมาอีกจนกระทั่งถึงเวลาละหมาดศุบฮิ์ คืนนั้นเขาจึงไม่ได้ละหมาดวิตรฺ
ทุก ๆ สามคืนเขาจะอ่านอัลกุรอานจบเล่มใน ช่วงละหมาดกลางคืน และทุก ๆ 7 วัน เขาจะอ่านอัลกุรอานจบเล่มในช่วงกลางวัน ขอสาบานต่ออัลลอฮฺฉันเคยนั่งอยู่ข้างเขาแล้วนับการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺที่พ้นจากริมฝีปากของเขาในวันหนึ่ง ฉันสามารถนับมันได้ถึง 12,000 ครั้ง ฉันถามเขาว่า
“ทำไมถึงได้รำลึกถึงอัลลอฮฺมากมายขนาดนี้” เขาตอบว่า
“ผมไม่อาจยอมให้อบูฮุรอยเราะฮฺแซงหน้า ผมในเรื่องนี้” ใช่แล้ว ในเรื่องการทำอิบาดะฮฺ เขาเป็นคนที่ขี้อิจฉาเป็นอย่างยิ่ง และเขาอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น เมื่อบรรลุถึงคุณสมบัติเช่นที่กล่าวมานี้!
ฉันไม่รู้จะเล่าถึงเขา อย่างไรดี เมื่อมีเนื้อหาหะดีษบทหนึ่งที่ฉันอยาก ให้เขาท่องจำ ฉันจะกล่าวกับเขาว่า
“ฉันขอท้าเธอให้ท่องจำมัน” เขาจะตอบว่า
“อย่าท้าผมเลยครับ” แล้ววันต่อมาเขาก็จะมาท่องจำหะดีษบทนั้นกับฉัน และหากมีข้อผิดพลาดเพียงสักสามตำแหน่ง เขาก็จะไม่นับว่าตัวเองท่องจำหะดีษบทนั้นได้ เขาเป็นคนที่อัลลอฮฺตอบรับดุอาอฺอย่างที่สุด หากมีวัยรุ่นคนใดที่พวกเราหมดหวังใน ตัวของเขาแล้วอันเนื่องจากความ ผิดที่เขาทำ เราจะส่งเด็กหนุ่มคนนี้ไปดะอฺวะฮฺเขา และโปรดเชื่อเถอะว่าภายในสองวันเท่านั้น เด็กหนุ่มที่เราเคยหมดหวังในตัวเขาคนนั้นก็กลับเปลี่ยนแปลงตัวเองและหันกลับมาสู่ทางนำ มีพยานร่วมรู้เห็นเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่า 17 คน นี่คือความเมตตาที่อัลลอฮฺให้กับเขา
วันหนึ่ง เด็กหนุ่มซอและฮฺคนนี้ได้นำละหมาดด้วย การละหมาดที่ยาวนานซึ่งเป็นการ ปฏิบัติตามผู้รู้คนหนึ่งในย่าน ที่ผู้คนต่างรู้ทั่วอยู่แล้วว่า อิมามจะนำละหมาดยาว เมื่อเขานำละหมาด ชายคนหนึ่งได้เข้ามาตีหลังเขาขณะที่เขาสุญูดอยู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตรงหน้าฉันเอง เมื่อเด็กหนุ่มนำละหมาดเสร็จก็หันไปถามชายคนนั้นว่า
“ท่านตีฉันทำไม” ชายคนนั้นตอบว่า
“ท่านนำละหมาดยาวนานเกินไป” เด็กหนุ่มตอบว่า
“แต่ท่านยังมีสุขภาพดี” ชายคนนั้นตอบกลับว่า
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าฉันมีสุขภาพดี” เมื่อได้ฟังดังนั้นเด็กหนุ่มจึงยกมือขึ้นขอดุอาอฺเดี๋ยวนั้นว่า
“โอ้อัลลอฮฺ โปรดนำสุขภาพที่ดีไปจากชายผู้นี้ เพื่อที่เขาจะได้เห็นคุณค่าของมัน และทำละหมาดต่อพระองค์อย่างสวยงาม” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาอัศริ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ชายผู้นี้ไม่ได้มาร่วมละหมาดกับเราในเวลามัฆริบ เพราะเขานอนป่วยอยู่บนเตียงที่บ้าน!
จนเวลาผ่านไปหลายวัน ฉันจึงไปหาเด็กหนุ่มคนดังกล่าว เพื่อบอกเขาว่า
“จงยำเกรงอัลลอฮฺเถิดพ่อหนุ่ม ชายคนนั้นต้องนอนป่วยอยู่กับเตียง ฉันขอร้องเธอนะน้องชาย โปรดวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้เขากลับมา สุขภาพดีอีกครั้ง” เด็กหนุ่มก็รับคำ แล้วหลังจากนั้น ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ชายคนดังกล่าวก็มาร่วมละหมาดกับเรา ในวักตูต่อมา
ครั้งหนึ่งขณะที่พวกเราอยู่ในมัสญิดฮะรอม เด็กหนุ่มคนนี้สวมแว่นที่คงจะก่อความ รำคาญให้เขาอยู่ เขากล่าวว่า
“มันคงเป็นเรื่องยาก ที่ผมจะเดินทางไปญิฮาดในปาเลสไตน์ โดยต้องสวมแว่นนี้ไปด้วย” เขาจึงเดินไปที่น้ำซัมซัมท่ามกลางผู้คนที่เป็นพยานหลายคน เขายกแก้วน้ำซัมซัมขึ้นตรงหน้าแล้วขอดุอาอฺว่า
“โอ้อัลลอฮฺ โปรดให้น้ำนี้ทำให้สายตาของฉันได้มองเห็นอย่างชัดแจ้งด้วยเถิด” แล้วเขาก็ดื่มมัน พร้อมกล่าวตักบีรแล้วถอดแว่นสายตา ออก พวกเราทดสอบเขาโดยการถามถึงเวลาบน หน้าปัดนาฬิกาที่อยู่ไกลออกไป เขาสามารถตอบได้อย่างถูกต้อง ณ ที่นั้นเอง
ยังมีเรื่องราว เกี่ยวกับเขาอีกมากมาย แต่เวลาของเราไม่อำนวย ท้ายสุดเด็กหนุ่มคนนี้ตายในวัย 20 ปี อันเนื่องจากมีคนกำลังทดลองเล่นอาวุธ ปืนแล้วทำกระสุนลั่น กระสุนนั้นพุ่งตรงเข้าร่างของเด็กหนุ่มและเอาชีวิตเขาไปในสภาพของเด็กหนุ่มผู้เปี่ยมศรัทธา อินชาอัลลอฮฺ เขาตายแล้ว แต่เรื่องราวของเขาไม่ตาย และถ้าเขาไม่กำชับฉันไว้ว่าไม่ให้ระบุชื่อของเขาต่อหน้าใครๆแล้วล่ะก็ ฉันจะต้องเอ่ยชื่อของเขาให้พวกท่านได้ทราบอย่างแน่นอน”
ฟังบรรยายฉบับ เต็มของชัยค์ มุหัมมัด บุกนะฮฺ อัชชะฮฺรอนีย์ ได้ที่
http://www.youtube.com/watch?v=wO-vmfZKMPs[คอลัมน์พบโลกที่ปลายปากกา/ทีมงานสารมุสลิมะฮฺ/วารสารร่มเงาอิสลาม ฉบับเดือนพฤษภาคม2554]