بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
เราจำเป็นต้องศึกษาวิชาเตาฮีด , ฟิกห์ , และตะเซาวุฟ , ไปพร้อม ๆ กัน โดยจะขาดประการใดประหนึ่งไม่ได้ หรือเราจะพูดอีกสำนวนหนึ่งว่า เราต้องมี อิหม่าน , อิสลาม , และเอี๊ยะหฺซาน ซึ่งทั้ง 3 ประการนี้ทำให้ศาสนาของเราสมบูรณ์
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า
وَاعْتَصِمُواْ بِحَبْلِ اللّهِ جَمِيعاً وَلاَ تَفَرَّقُواْ
"พวกท่านจงยึดสายเชือกของอัลเลาะฮ์โดยทั้งหมดเถิด และพวกท่านอย่าได้แตกแยกกัน" อาละอิมรอน 103
คำว่า ."สายเชือกของอัลเลาะฮ์" นั้น นักปราชญ์บางท่านอธิบายว่า มันคือ "ศาสนาอิสลาม" ซึ่งศาสนาอิสลามจะสมบูรณ์ได้ ต้องประกอบด้วย 3 ประการที่ท่านญิบรีลนำมาสอนแก่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและบรรดาซออาบะฮ์ของท่าน นั่นก็คือ หลักอิหม่าน , หลักอิสลาม , หลักอิห์ซาน , ซึ่งทั้งสองประการ 3 นี้ ประหนึ่งองค์ประกอบที่นำมาเป็นเชือกที่ร้อยทักยึดเกื้อหนุนกันและกันจนมีความแข็งแรง
ส่วนการจัดความหนักเบาของเนื้อหาวิชาเหล่านี้นั้น ก็คือให้เรียงลำดับตามที่หะดิษได้ระบุไว้ คือวิชาเตาฮีด หลักการอีหม่านศรัทธาก่อน เพราะเริ่มแรกของศาสนาคือการรู้จักและเชื่อมั่นในอัลเลาะฮ์ตาอาลา หลักจากนั้นก็เรียนวิชาฟิกห์ที่ว่าด้วยเรื่องภาคปฏิบัติ และหลังจากนั้นก็มุ่งเรียนวิชาตะเซาวุฟที่ว่าด้วยหลักอัลอิห์ซาน ดังนั้น หลักอิสลามและอิห์ซานจะไม่เกิดขึ้นนอกจากต้องมีหลักอิหม่าน(หลักศรัทธา)เสียก่อน
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้แหละ ที่ท่านอิมาม มาลิก (ร.ฏ.) กล่าวว่า
من تصوف ولم يتفقه فقد تزندق ، ومن تفقه ولم يتصوف فقد تفسق ، ومن جمع بينهما فقد تحقق
"ผู้ใดที่มีตะเซาวุฟแต่ไม่มีฟิกห์ แน่นอน เขาย่อมเป็นผู้นอกศาสนา , และผู้ใดที่มีฟิกห์แต่ไม่มีตะเซาวุฟ แน่นอน เขาย่อมเป็นคนชั่ว , และผู้ใดที่รวมระหว่างทั้งสอง แน่นอน เขาย่อมบรรลุสัจจะธรรม"
ดังนั้น เรามักจะได้ยินอาจารย์กล่าวกันว่า ให้ทำการเน้นศึกษาวิชาฟิกห์ก่อนวิชาตะเซาวุฟ คือเขาเกรงว่า หากมุ่งเน้นตะเซาวุฟจนเกินไปโดยไม่ให้ความสำคัญกับฟิกห์นั้น เขาอาจจะกลายเป็นคนนอกศาสนา หมายถึงเขาพยายามเดินทางไปสู่อัลเลาะฮ์โดยไม่ใช้การปฏิบัติอะมัลเพื่อเป็นบันใดยกระดับขึ้นไป เขาก็จะเพ้อเคว้งคว้างหาที่ไปไม่ได้ เพราะจิตใจมุ่งคิดแต่อัลเลาะฮ์ตาอาลาว่า พระองค์ทรงให้มันเป็นไป ฉันไม่ทำละหมาดก็เพราะพระองค์ทรงให้เป็น ทำความชั่วก็อ้างว่าอัลเลาะฮ์คือผู้ทรงให้เป็นไป โดยไม่ยึดหลักการของฟิกห์ที่เกี่ยวกับข้อบัญญัติใช้และข้อบัญญัติห้าม ซึ่งดังกล่าวนี้แหละที่จะทำให้เขาเป็นคน "นอกลู่และนอกศาสนาไปในที่สุด"
กล่าวคือ บรรดาอะมัล(ฟิกห์)ประหนึ่งรูปร่างที่ดำรงอยู่ วิญญานของมันคือการมี(ตะเซาวุฟ)ความบริสุทธิ์ใจที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน ดังนั้นบรรดาอะมัลจึงเปรียบเสมือนการเรือนร่าง ซึ่งไม่สามารถดำรงอยู่ได้นอกจากด้วยวิญญาน ฉันท์ใดฉันท์นั้น บรรดาอะมัลของบ่าวคนหนึ่งไม่ว่าจะเป็นการอะมัลในการปฏิบัติด้วยร่างกายหรืออิบาดะฮ์ทางจิตใจ ก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ นอกจากต้องมีความบริสุทธิ์ใจซ้อนเร้นอยู่ ดังนั้น การปฏิบัติอะมัลก็จะมีชีวิตขึ้นมา แต่หากบรรดาอะมัลไม่มีความบริสุทธิ์ใจแล้ว แน่นอนว่า บรรดาอะมัลนั้นย่อมตาย ไร้ค่า อย่างแน่นอน
สรุปคือ เราต้องเรียนทั้ง 3 หมวดวิชาแบบพื้นฐานไปพร้อม ๆ กัน ส่วนหลังจากนั้น หากผู้ใดจะเน้นหนักวิชาอะไร ก็แล้วแต่เวลาและความเหมาะสมสำหรับตน เอาจะเด็กไปเน้นหนักเรียนตะเซาวุฟ ไปเรียนหนังสือฮิกัม ก็คงจะไม่ได้นะครับ
والله تعالى أعلى وأعلم