
หลักความเชื่อ(อกีดะฮฺ) อย่างนี้น่ะหรือ คืออกีดะฮฺของท่านรอซูลและซฮฮาบะฮฺ
๑) อัลลอฮฺมีพระหัตถ์
๒) อัลลอฮฺมีแขน
๓) อัลลอฮฺมีศอก
๔) อัลลอฮฺมีนิ้วและเล็บ
๕) อัลลอฮฺลงมาโลกนี้ตลอกเวลา ตราบใดยังมืดค่ำ (ลงมาจนไม่มีเวลาพักผ่อน เออ แล้วเมื่อไม่มีเวลา แล้วจะเอาเวลาว่างที่ไหนไปประทับเหนือบัลลังก์ เพราะมัวไปลงประเทศนั้นทีประเทศนี้ที)
ทั้ง ๕ ข้อ ตบท้ายด้วยสำนวนว่า มีจริงแต่ไม่เหมือนมัคโลค
๖) อัลลอฮฺสถิตบนบัลลังก์ (เมื่อไรหนอ จะนำหลักฐานจากชาวสลัฟ ซึ่งหมายถึงนบีและซอฮาบะฮฺเท่านั้น นี่อะไรก็ไม่รู้อ้างหลักฐาน คนที่ไม่ใช่นบีและซอฮาบะฮฺอยู่ได้ ตั้งมาตราฐานไว้แล้วว่าต้องเปนนบีและซอฮาบะฮฺแต่ทำไม่ได้)
๗) ไม่มีอุลามาอฺคนใด ให้ความหมาย อิสตาวา ว่า อิสเตาลา (แต่พอเราบอกชื่อไป ๔ ชื่อ กลับ บอกว่าอุลามาอฺเหล่านั้นสังกัดสายอัชชาอิเราะฮฺ เพราะให้ความว่า อิสเตาลา เราเลยสรุปว่า คำว่า อิสตาวา นั้นอุลามาอฺกลุ่มหนึ่งบอกว่า การแปลว่า อิสเตาลานั้น ไม่ได้ อีกกลุ่มบอกว่า ได้ อุสตาซ สวนขึ้นมาทันทีว่า อุลามาอฺที่ แปลว่า อิสเตาลา นั้น เชื่อไหมทั้งๆที่ก่อนเราอ้างชื่อ อุลามาทั้ง ๑/๔ ว่า ท่านเหล่านั้นคิดอย่างไรกับคำว่า อิสตาวา อุซตาซได้ยินอุลามาอฺแล้วบอกว่าอุลามาอฺเหล่านั้นช่ำชองอาหรับ แต่พอเราบอกไป กลับบอกว่าเปนอัชชาอิเราะฮฺ ) เพราะฉะนั้นทุกคนที่อยู่ในห้องต้องให้ความเป็นธรรมแก่อุลามาอฺทั้ง ๒ ฝ่าย พวกคุนไม่เชื่อผม ผมไม่ว่า และไม่เชื่ออุซตาซ ผมก็ไม่ว่า และคิดว่าอุซตาซก็ไม่ว่าด้วย จงไปดูว่าอุลามาอฺทั้ง ๒ ฝ่าย ฝ่ายใดที่ได้รับการยอมรับมากกว่ากัน