ผู้เขียน หัวข้อ: ซีฟัต สำหรับ อัลเลาะห์(ซบ) ที่วายิบต้องรู้  (อ่าน 22428 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
+2
                                                  السلام عليكم ورحمةالله وبركاة
 
                                     ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))


    حياةซีฟัต ฮายาต แปลว่า การมีชีวิตของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)

                                                        الله لا اله الا هو الحي القيوم                                          
            ความว่า  ไม่มีผู้ที่ถูกสักการะใดๆที่แท้จริง นอกจากพระองค์อัลเลาะห์เท่านั้น แลพระองค์ทรงมีชีวิต ที่ถาวร ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย


10 حياة  หมายความว่า  พระองค์ทรง มีชีวิต ชั่วนิจนิรันดร์  ถาวร ตลอดกาล  การมีชีวิตของพระองค์นั้น ไม่เหมือนกับสิ่งถูกสร้างทั้งหมด
เพราะการมีชีวิตของพระองค์นั้น ไม่ต้องการอากาศ สำหรับหายใจ ไม่ต้องใช้ลมหายใจในการมีชีวิต ไม่ใช่ ธาตุทั้ง 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) และไม่ใช้มีชีวิตด้วยกับการ กิน ดื่ม อื่นๆ เหมือนกับสิ่งถูกสร้าง  และการมีชีวิตนี้ ไม่ได้มีด้วยกับวิญญาณ แม้จะกล่าวว่า วิญญาณนั้น ดังเดิมก็ตาม เพราะสิ่งดังกล่าวนั้น จะไปปฎิเสธความเป็น เอกะ  วะดาตุ้ลซ็าต ของพระองค์  (ถ้ามีวิญญาณ ก็เท่า กับมี 2 ซ๊าต ตัวตน 1 ซ๊าต ซ๊าตวิญญาณ 1 ซ๊าต รวมเป็น 2 ซ๊าต ) ซึ่งมุสตาเฮล(ฮากีกี) สติปัญญาไม่ยอมรับว่ามี  และสิ่งดังกล่าวจะไปยืนยันการเป็น ยีเซม (เรือนร่าง) และก็เป็น มุสตาเฮล ในสิ่งดังกล่าว  
    และก็ไม่เหมือนกับ  สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวิญญาณ เช่น ต้นไม้ ที่ได้กล่าวสลามแก่ ท่าน ร่อซูล(ซล)


ซีฟัตحياة  ฮายาตฺ นี้ไม่ได้เกี่ยวพันتعلقกัน ซีฟัต อื่นๆ  เพราะซีฟัต ฮายาต นี้ ไม่ได้เป็น  ซีฟัต     ที่ไม่ได้ทำให้สิ่งต่างๆชัดเจนانكشف(เช่น ซีฟัต บาซ๊อร อิลมู ซาเมียะ ) และไม่ได้เป็นซีฟัตที่แสดงผล (เช่น ซีฟัต กุดรัต อิรอดัต ) และไม่ใช่ซีฟัต ที่บ่งบอกทุกสรรพสิ่ง(เช่น ซีฟัต กาลาม) และเป็นซีฟัตที่เดิมมากับ ซ็าต


                                           ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

10.     موت เม้าต์  แปลว่า  ตาย         หากพระองค์ ไม่ทรงเป็นแล้ว จะไม่มีการบังเกิดทุกสรรพสิ่ง เพราะทุกสรรพสิ่งทั้งมวลบังเกิดได้ด้วยกับพระองค์เท่านั้น  ซึ่งถ้าใช้สติปัญญาแล้ว สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่สติปัญญาไม่ยอมรับนั้นเอง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 20, 2011, 01:38 AM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                 السلام عليكم ورحمةالله وبركاة
 
                                     ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))

11.    سمع             ซะมะอ์  แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงได้ยินทุกสรรพสิ่ง

                                                                    وَهُوَالسََّمِيْعُ البَصِيْرُ                   
                                                                  ซูเราะห์ อัซซูรอ อายาะห์ที่ 11
                                                         และพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงได้ยินและทรงเห็น

    سمع         หมายความว่า การได้ยินของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้น ได้ยินด้วยกับ ซ๊าต ของพระองค์ ไม่ใช่ได้ยินด้วยกับ หู (เครืองมือในการได้ยินของสิ่งถูกสร้าง) และเป็นการได้ยินทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือ อื่นๆ และไม่มีระยะทางสำหรับพระองค์ในการได้ยิน พระองค์ทรงได้ยินทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะใกล้แค่ตาขาวกับตาดำหรือไกลออกไปเป็นล้านๆกิโลเมตร ทั้งหมดไม่พ้นการได้ยิน ของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) และพระองค์นั้นทรงได้ยินทั้ง สิ่งที่ กอดีม (ดังเดิม เช่น ซีฟัตของพระองค์) หรือ สิ่งถูกสร้างขึ้น (เช่น ทั้งหมดที่ถูกสร้าง)
                                                             
    ซีฟัต   سمع  ซะมะห์ เป็นซีฟัต   อินกะซัฟ (ที่เปิดเผยทุกอย่างให้ชัดเจนทุกลักษณะ) เช่นเดียวกับ ซีฟัต อิลมู และ บาช็อร และเป็น ซีฟัต คงเดิม มากับซ๊าตของพระองค์ และเกี่ยวพันتعلقทุกๆสิ่ง ที่ถูกสร้างขึ้น ครอบคลุมเหมือนกับซีฟัตอิลมู  และเป็นการเกี่ยวพันتعلق กับ

1.   صلوحي قديم   ซูลูฮีกอดีม  เพียงพอที่จะได้ยินในสิ่งจะถูกสร้างขึ้นทุกสรรพสิ่ง(มุมกิน) ตัังแต่ อะซัลลี อดีตกาล ก่อนการสร้างสิ่งใดๆทั้งหมด

2.  تنجيزي قديم    ตันยีซี กอดีม พระองค์ทรงได้ยินในสิ่งที่จะถูกสร้างขึ้น(มุมกิน)ในอนาคต

3.  تنجيزي حادث   ตันยีซี  ฮาดิษ พระองค์ทรงได้ยินในสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว

                                         
                                         
                                                                 
                                                             ซูเราะห์ อัซซุครุฟ อายะห์ที่  80
            ความว่า   หรือพวกเขาคิดว่า เรา(อัลเลาะห์ ซบ)ไม่ได้ยินความลับของพวกเขา และการประชุมลับของพวกเขาแน่นอน เรา(อัลเลาะห์ ซบ)ได้ยินและทูตของเราอยู่กับพวกเขา               


                                                       ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

11.       صَمَمُ    ซ่อมัม แปลว่า ไม่ได้ยิน   สติปัญญาไม่ยอมรับว่า พระองค์อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา นั้น ไม่ได้ยิน


                                                                 والله اعلم






ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                 السلام عليكم ورحمةالله وبركاة
 
                                   ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))

12.    بصر    บาซ๊อร  แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงเห็นทุกสรรพสิ่ง

                                                                       وَهُوَالسََّمِيْعُ البَصِيْرُ                  
                                                                  ซูเราะห์ อัซซูรอ อายาะห์ที่ 11
                                                         และพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงได้ยินและทรงเห็น

          بصر      หมายความว่า การมองเห็นของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้น เป็นการมองเห็นคลอบคลุมทุกสรรพสิ่งที่ถูกสร้าง และ พระองค์เอง
 การมองเห็นของพระองค์ นั้น ไม่ใช่ด้วยกับตา ทั้ง 2หรือมากกว่าหรือน้อยกว่า เพราะลักษณะการมองเห็นด้วยตานั้นเป็นการมองเห็น สิ่งถูกสร้างไม่ใช่ผู้สร้าง
แต่การมองเห็นของพระองค์นั้นด้วยกับซ็าตของพระองค์ และเป็นการมองเห็นที่เดิม(ไม่มีจุดเริ่มต้น)และไม่จุดจบของการมองเห็น คือ มองเห็นตลอดกาล
และ ไม่มีระยะทางสำหรับ พระองค์ในการมองเห็น ไม่ว่าจะใกล้แค่ ตาขาวกับตาดำ หรือ ไกล โพ้นอยู่นอกจักวาลก็ตาม ทั้งหมดอยู่ในการมองเห็นของพระองค์ทั้งสิ้น

    การมองเห็นของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้น สามารถ รู้ได้ถึง การเดินของมดสีดำ บนหินสีดำ ในค่ำคืนที่มืดสนิท และ  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้นยังมองเห็นถึง อิริยาบทของแบคทีเรียที่ติดอยู่กับขาของจุลินทรีย์ขนาดเล็กที่สุด(ต้องใช้ กล้อง จุลทรรศ์ ที่ขยายเป็นล้านเท่าในการดู)  มองเห็นทั้งใน เวลาในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมไปถึง สิ่งที่ไม่สิ้นสุดด้วย เช่น เนี้ยะมัต สวรรค์ (สำหรับมุมิน)  อะซาบ นรก(สำหรับกาเฟร) ที่คงอยู่ตลอดกาล(ตามพระประสงค์ของ  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ) และไม่มีการปิดกั้นใดๆ สำหรับการมองเห็นของพระองค์ เช่น ถ้าเราอยู่ในห้องที่มิดชิด ปิดไฟมืดสนิท หรือ เข้าไปอยู่ในตู้เชฟขนาดใหญ่มีผนังและเพดานปิดกั้นเป็นร้อยๆเมตร ทั้งหมดก็ไม่พ้นไปจากการมองเห็นของพระองค์อัลเลาะห์(ซุบฮานะฮูว่าตาอาลา) ไปได้ และเป็นการมองเห็นตั้งแต่อะซัลลีตลอดไปจนชั่วกาล(ไม่มีอวสาน) ไม่มีการหยุดพักเหมือนกับ สิ่งถูกสร้าง ซึ่งต้องการ การหยุดพักในการมองเห็น(นอนหลับ)

    ซีฟัต   บาซ๊อร การมองเห็นนั้น เป็นซีฟัตคงเดิมที่มากับ ซ๊าต ของพระองค์ และเกี่ยวพันتعلق กับทุกๆสิ่งที่ถูกสร้างคลอบคลุมเหมือนๆกับซีฟัต อิลมู และ ซะมะห์ (ซีฟัตที่เปิดเผยทุกสรรพสิ่งให้ชัดแจ้ง) และ เกี่ยวพัน تعلقกับ
 
1.   صلوحي قديم   ซูลูฮีกอดีม  เพียงพอที่จะเห็นในสิ่งจะถูกสร้างขึ้นทุกสรรพสิ่ง(มุมกิน) ตัังแต่ อะซัลลี อดีตกาล ก่อนการสร้างสิ่งใดๆทั้งหมด

2.  تنجيزي قديم    ตันยีซี กอดีม พระองค์ทรงเห็นในสิ่งที่จะถูกสร้างขึ้น(มุมกิน)ในอนาคต

3.  تنجيزي حادث   ตันยีซี  ฮาดิษ พระองค์ทรงเห็นในสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว

                                                        

 ความว่า  เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า  อัลเลาะห์ ซุบฮานะฮูว่าตาอาลา ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน การซุบซิบกันในสามคนจะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่พระองค์จะทรงเป็นที่สี่ของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นในห้าคน เว้นแต่พระองค์ทรงเป็นที่หกของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นน้อยกว่านั้น และจะไม่เกิดขึ้นมากกว่านั้น เว้นแต่พระองค์จะทรงอยู่ร่วมกับพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในแห่งหนใด แล้วพระองค์ก็จะทรงแจ้งพวกเขาให้ทราบในวันกิยามะห์ ถึงสิ่งที่พวกเขาปฎิบัติไว้ (ในโลกดุนยา) แท้จริงอัลเลาะห์ เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

                                                       ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

11.     عمى      อ้ามาย์ แปลว่า มองไม่เห็น   สติปัญญาไม่ยอมรับว่า พระองค์อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา นั้น มองไม่เห็น


                                                                 والله اعلم


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 21, 2011, 10:50 PM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                 السلام عليكم ورحمةالله وبركاة
 
                                   ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))

13.    كلام  แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงพูด

                                                          
                                                     ซูเราะห์ อัน นิซาอฺ อายะห์ที่ 164
ความว่า และมีบรรดาร่อซูล ซึ่งเรา(อัลเลาะห์ ซบ)ได้เล่าถึงพวกเขาแก่เจ้า(นบีมูฮำหมัด ซล)มาก่อนแล้ว และมีบรรดารอซูลซึ่งเรา(อัลเลาะห์)มิได้เล่าแก่เจ้า(นบีมูฮำหมัด ซล)เกี่ยวกับพวกเขา และอัลเลาะห์ได้ตรัสแกมูซาจริงๆ

   كلام      หมายความว่า  การพูดของพระองค์อัลเลาะห์ (ซบ) นั้น ปราศจากเสียง ปราศจากตัวอักษร ปราศจากอวัยวะทั้งหมด(ปาก ลิ้น ฟัน) การพูดของพระองค์นั้น เป็นการพูดด้วยกับซ็าต ที่คงเดิม   และเป็นซีฟัตที่เกี่ยวพันทั้งหมด เหมือนกับซีฟัตอิลมู  ถ้าการเกี่ยวพัน กับ สิ่งที่เป็นวายิบก็ หมายความว่า เป็นการบอกถึงสิ่งวายิบ  ถ้าเกี่ยวพัน กับ สิ่งมุสตาเฮล ก็เป็นการบอกถึงสิ่งมุสตาเฮล  ถ้าเกี่ยวพัน กับ สิ่งที่ เป็นไปได้หรือไม่ได้ ก็เป็นการบอกถึงสิ่งนั้น   ถ้าเกี่ยวพัน กับ คำสั่งใช้  ก็เป็น คำสั่งใช้ เช่น ใช้ให้ละหมาด5เวลา  ถ้าเกี่ยวพัน กับ คำสั่งห้าม  ก็เป็นคำสั่งห้าม เช่น ห้ามเข้าใกล้ซีนา  ถ้าเกี่ยวพัน กับ คำสัญญา ก็ เป็นคำสัญญาเช่น ผู้ใดตออัตด้วยการปฎิบัติตาม ก็ ตอบแทนด้วยสวรรค์    เป็นต้น  


ซีฟัต กาลาม นั้น เป็นซีฟัต คงเดิมมากับซ๊าต และ คงอยู่ ตลอดกาลด้วยกับ ซ๊าตของพระองค์ และเป็น กาลามนัซซี (พูดด้วยพระองค์เอง) ซีฟัต กาลาม นั้น เป็นซีฟัต ที่เป็นลักษณะ การบ่งชี้ หรือบ่งบอก สิ่งต่างๆ  ซึ่งเกี่ยวพัน กับ

  
1.   صلوحي قديم   ซูลูฮีกอดีม  เพียงพอที่บ่งบอกในสิ่งจะถูกสร้างขึ้นทุกสรรพสิ่ง(มุมกิน) ตัังแต่ อะซัลลี อดีตกาล ก่อนการสร้างสิ่งใดๆทั้งหมด

2.  تنجيزي قديم    ตันยีซี กอดีม พระองค์ทรงบ่งบอกในสิ่งที่จะถูกสร้างขึ้น(มุมกิน)ในอนาคต

3.  تنجيزي حادث   ตันยีซี  ฮาดิษ พระองค์บ่งบอกในสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว

ส่วน อัลกุรอ่าน นั้น เป็นกาลามุ้ลเลาะห์ ที่ กอดีม (ดั้งเดิม) ไม่ใช่สิ่งถูกสร้าง และไม่อนุญาติให้กล่าวเช่นนั้นได้(ว่าอัลกุรอ่านคือสิ่งถูกสร้าง) เพราะอัลกุรอ่านเป็นเงาของกาลาม ของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่เดิมมากับ ซ๊าตของพระองค์ และเงานั้นย่อมบ่งบอกถึงเจ้าของเงา ก็คือพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นเอง  เช่น

การที่ ผม บันทึกตรงนี้(เวป)ไว้ว่า  ซัยดุน ได้กล่าว ว่า จะมาในวันพรุ่งนี้   ฉะนั้น คำว่า จะมาในวันพรุ่งนี้ คือ กาลาม (คำพูดของซัยดุน) ซึ่งตัวซัยดุน(ซ๊าตซัยดุน)ไม่ได้มาอยู่ในนี้ด้วย(เวป)  และคำว่า จะมาในวันพรุ่งนี้ นั้น เป็นคำพูดที่ออกมาจาก ตัวตนซัยดุน ที่พูดด้วยตัวซัยดุนเอง ส่วนคำพูดที่อยู่ในเว็ปนั้น เป็นคำพูดที่ เป็นเพียงเงาของคำพูดของซัยดุน  ที่ชี้ให้เห็นถึงการพูดของซ๊าตซัยดุน

และคงไม่มีใครกล่าวว่า นี้ไง(คำว่า จะมาในวันพรุ่งนี้ที่บันทึกในเว็ป) เงา คำพูดของซัยดุนเมื่อวาน ผมบันทึกไว้  

แต่จะพูดว่า นี้ไง(คำว่า จะมาในวันพรุ่งนี้ที่บันทึกในเว็ป)ที่ซัยดุนพูดไว้เมื่อวาน ผม บันทึกไว้  

นี้เป็นเพียงการอธิบายเพื่อง่ายต่อความเข้าใจเท่านั้น  ซึ่งความเป็นจริงอัลกุรอ่าน นั้น เป็นกาลามุ้ลเลาะห์ เป็นคำพูดที่เดิมมากับซ๊าต และลักษณะการพูดของพระองค์ไม่เหมือนสิ่งถูกสร้างทั้งมวล พระองค์ไม่ได้พูดด้วยกับลิ้น หรือ ปาก หรืออื่นๆทั้งมวล(ที่ถูกสร้าง) เพราะการพูดด้วยลิ้น และปากหรืออื่นๆนั้น เป็น การพูดของสิ่งถูกสร้างไม่ใช่ผู้สร้าง  สรุป การพูดของสิ่งถูกสร้างทั้งมวลนั้น ไม่เหมือนการพูดของพระองค์(พระองค์เท่านั้นที่รู้ ฮากีกัตของซีฟัตนี้)  


            ฉะนั้น อัลกุรอ่านที่ถูกบันทึก ในกระดาษ นั้น ก็คือ กาลามลัฟซี สะท้อนไปยัง กาลามุ้ลเลาะห์ ที่กอดีม มากับ ซ๊าต  ส่วนกระดาษและ หมึกนั้น เป็นเพียงอุปกรณ์การบันทึกของ กาลามุ้ลเลาะห์ เหมือนๆ กับ ที่อ่านอัลกุรอ่าน และท่องจำอัลกุรอ่าน สิ่งเหล่านั้น ก็เป็นเพียง อุปกรณ์ที่อ่านและบันทึก กาลามุ้ลเลาะห์เอาไว้ ไม่ใช่ กาลามุ้ลเลาะห์นั้นไปอยู่ในปากและลิ้นของผู้ที่อ่านอัลกุรอ่าน หรือ ไปอยู่ในหัวสมองของผู้ท่องจำกุรอ่าน เพราะอัลกุรอ่านที่อ่านหรือท่องจำนั้น เป็นเงาของกาลามุ้ลเลาะห์ ที่กอดีม เป็นเครื่องบ่งชี้ไปถึงเจ้าของเงา คือ อัลเลาะห์ (ซบ) นั้นเอง   เงาและเจ้าของเงาก็คือ อันเดียวกัน  ถ้ามีเงา ก็วายิบมีเจ้าของเงา  

           กาลามุ้ลเลาะห์ เป็นการพูดที่ กอดีม (ดั้งเดิม)มากับซ๊าตของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ไม่ใช่เสียงและไม่ตัวอักษร
ส่วนที่ลงมาให้กับท่าน นบีมูฮำหมัด(ซล) คือ คัมภีร์อัลกุรอ่านภาษา  عرب
ให้กับท่านนบีมูซา (อล)   คัมภีร์เตารอตภาษา عبراني                
ให้กับท่าน นบี ดาวุด(อล) คัมภีร์ซะบูรภาษา  قبطي            
ให้กับท่านนบี อิซา (อล)  คัมภีร์อินญีลภาษา سرياني    
 ซึ่งทั้งหมดนั้น เป็นกาลามุ้ลเลาะห์ที่มีฮากีกัตเดียวกันคือกาลามุ้ลเลาะห์ที่เดิมมากับซ๊าต ที่ต่างภาษานั้นเป็นเพียง การอธิบายหรือเป็นสำนวน ให้กับประชาชาติของท่านร่อซูลนั้นๆ ได้เข้าใจและอีหม่านยึดมั่นนั้นเอง (ภาษาก็คือสิ่งถูกสร้างเหมือนกัน)  


                                                    ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)

13.      بَكم     บ้ากัม แปลว่า พูดไม่ได้   สติปัญญาไม่ยอมรับว่า พระองค์อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา นั้น พูดไม่ได้


                                                                 والله اعلم
      




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 23, 2011, 04:27 PM โดย amadkrd254 »

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                          السلام عليكم ورحمةالله وبركاة
 
                                   ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))


14.  كونه قادرا    เกานุฮูกอดิร้อน  แปลว่า  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ผู้ทรงพลานุภาพ(ในสถานภาพ)  อำนาจทั้งมวล

                                                             وكان الله على كل شيء قدير

                                                             ซูเราะห์   อัลอะหฺซาบ อายะห์ 27
                                              ความว่า  และ อัลเลาะห์(ซบ) เป็นผู้ทรงอนุภาพเหนือทุกสิ่ง

كونه قادرا   เกานุฮูกอดิร้อน หมายความว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) มีสภานภาพความพร้อมในการที่จะใช้ พลานุภาพตลอดเวลา เป็นการยืนยันถึง (กุดรัตقدرة) พลานุภาพของพระองค์  คือ
 การมีพลานุภาพ(กุดรัตقدرة) ของพระองค์ นั้น เป็น การยืนยันในสภานภาพการมี พลานุภาพของพระองค์ (เกานุฮูกอดิร้อนكونه قادرا )
 และการมีสภานภาพกุดรัต(เกานุฮูกอดิร้อนكونه قادرا )ก็เป็นการยืนยันถึง กุดรัต ของพระองค์เหมือนกัน   
 ทั้ง 2 ซีฟัตนี้ อยู่ระหว่าง การไม่มี ถึง การมี ของ มุมกิน   และการไม่มี ถึง การมี เช่น

 การที่พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้น จะสร้างท่านนบี อาดำ (อล) ก่อนที่จะมีท่านนบีอาดำ(อล) นั้น เป็นซีฟัต เกานุฮูกอดิร้อนكونه قادرا  คือ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีสถานภาพของกุดรัตที่จะสร้างท่านนบีอาดำ(อล)  เมื่อสร้างท่านนบีอาดำ(อล)แล้ว ก็เป็น ซีฟัต กุดรัต คือ  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นแสดงกุดรัตقدرةให้ปรากฎก็คือการสร้างท่านนบีอาดำ(อล)นั้นเอง   ทั้ง 2 ซีฟัต เป็นการยืนยันซึ่งกันและกัน 

   เกานุฮูกอดิร้อนكونه قادرا  และ กุดรัตقدرة นั้นใช้ หลักฐานเดียวกัน ก็คือ หลักฐานตามกุดรัตนั้นเอง




15.     كونه مريدا  แปลว่า     อัลเลาะห์(ซบ)นัั้นเป็นผู้ทรงเจตนา 


                                                                         

    ความว่า พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ตราบเท่าชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินยืนยง เว้นแต่พระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้าประสงค์ แท้จริงพระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้าเป็นผู้กระทำโดยเด็ดขาด ตามที่พระองค์ทรงประสงค์
 
كونه مريدا เกานุฮูมูรีดัน หมายความว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) มีสภานภาพการที่จะเจตนา เป็นการยืนยันถึง (อิรอดัตارادة) เจตนาของพระองค์
 คือ  การมีเจตนา(อิรอดัตارادة) ของพระองค์ นั้น เป็น การยืนยันในสภานภาพการที่จะเจตนาของพระองค์ (เกานุฮูมูรัดันكونه مريدا )
 และการมีสภานภาพการที่จะเจตนา(เกานุฮูมูรีดันكونه مريدا )ก็เป็นการยืนยันถึง อิรอดัต ของพระองค์เหมือนกัน   
 ทั้ง 2 ซีฟัตนี้ อยู่ระหว่าง การไม่มี ถึง การมี  และการไม่มี  ถึง การมี    ของ มุมกิน เช่น

 การที่พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้น จะสร้างท่านนบี อาดำ (อล) ก่อนที่จะมีท่านนบีอาดำ(อล) นั้น เป็นซีฟัต เกานุฮูมูรีดันكونه مريدا  คือ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นมีสถานภาพการที่จะเจตนาที่จะสร้างท่านนบีอาดำ(อล)  เมื่อสร้างท่านนบีอาดำ(อล)แล้ว ก็เป็น ซีฟัต อิรอดัตارادة คือ  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นแสดงถึงเจตนาให้ปรากฎก็คือการสร้างท่านนบีอาดำ(อล)นั้นเอง   ทั้ง 2 ซีฟัต เป็นการยืนยันซึ่งกันและกัน 

   เกานุฮูมูรีดันكونه مريدا  และ อิรอดัต นั้นใช้ หลักฐานเดียวกัน ก็คือ หลักฐานตามอิรอดัตนั้นเอง





                                               ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)


14.    كونه عاجزا    เกานุฮูอาญี่ซัน  แปลว่า อยู่ในสภานภาพที่อ่อนแอ     สติปัญญาไม่ยอมรับว่า พระผู้เป็นเจ้านั้น อยู่ในสภาพที่อ่อนแอ

15.     كونه مكرها   เกานุฮูมุกร่อฮัน แปลว่า  อยู่ในสภานภาพที่ถูกบังคับ   สติปัญญาไม่ยอมรับว่า พระผู้เป็นเจ้านั้น อยู่ในสภาพที่ถูกบังคับ




                                                                 والله اعلم
     
       



 

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                          السلام عليكم ورحمةالله وبركاة
 
                                  ซีฟัต วายิบ (สิ่งที่สติปัญญายอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า(ไม่ปฎิเสธ))


16.  كونه حيا   เกานุฮูฮัยยัน แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ผู้ทรงมีชีวิต

                                                        الله لا اله الا هو الحي القيوم                                          
                                                            ซูเราะห์ บากอเราะห์ อายะห์ ที่ 255
            ความว่า  ไม่มีผู้ที่ถูกสักการะใดๆที่แท้จริง นอกจากพระองค์อัลเลาะห์เท่านั้น แลพระองค์ทรงมีชีวิต ที่ถาวร ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย




17.   كونه سميعا  เกานุฮูซามีอัน     แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ผู้ทรงได้ยินทุกสรรพสิ่ง

                                                                    وَهُوَالسََّمِيْعُ البَصِيْرُ                  
                                                                  ซูเราะห์ อัซซูรอ อายาะห์ที่ 11
                                                         และพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงได้ยินและทรงเห็น






18. كونه بصيرا    เกานุฮูบาซีร๊อน  แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ผู้ทรงเห็นทุกสรรพสิ่ง

                                                                       وَهُوَالسََّمِيْعُ البَصِيْرُ                
                                                                  ซูเราะห์ อัซซูรอ อายาะห์ที่ 11
                                                         และพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงได้ยินและทรงเห็น







19.   كونه عالم  เกานุฮูอาลิมัน แปลว่า  พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งมวล

                                                               وهو بكل شيء عليم

                                                 ซูเราะห์ บากอเราะห์ อายะห์ที่ 29
                                       ความว่า  และพระองค์อัลเลาะห์ (ซบ) นั้น ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง







20.    كونه متكلما เกานุฮูมุตากัลลี่มัน แปลว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ผู้ทรงพูด

                                                      
                                                    ซูเราะห์ อัน นิซาอฺ อายะห์ที่ 164
ความ ว่า และมีบรรดาร่อซูล ซึ่งเรา(อัลเลาะห์ ซบ)ได้เล่าถึงพวกเขาแก่เจ้า(นบีมูฮำหมัด ซล)มาก่อนแล้ว และมีบรรดารอซูลซึ่งเรา(อัลเลาะห์)มิได้เล่าแก่เจ้า(นบีมูฮำหมัด ซล)เกี่ยวกับพวกเขา และอัลเลาะห์ได้ตรัสแกมูซาจริงๆ


                    






                                            ซีฟัต มุสตาเฮล (สิ่งสติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีแก่พระผู้เป็นเจ้า)



16.      كونه ميتا     เกานุฮูมัยยี่ตัน แปลว่า  ทรงเป็นลักษณะเป็นผู้จะต้องดับสูญ   สติปัญญาไม่ยอมรับ ว่าพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) เป็นผู้ดับสูญ

17.      كونه اصم   เกานุฮูอ้าซ๊อมม่า แปลว่า  ทรงเป็นลักษณะเป็นผู้ไม่ได้ยิน   สติปัญญาไม่ยอมรับ ว่าพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) เป็นผู้ไม่ได้ยิน

18.      كونه اعماء   เกานุฮูอะอ์มา แปลว่า  ทรงเป็นลักษณะเป็นผู้มองไม่เห็น   สติปัญญาไม่ยอมรับ ว่าพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) เป็นผู้มองไม่เห็น

19      كونه جاهلا    เกานุฮูญาฮี่ลัน แปลว่า  ทรงเป็นลักษณะเป็นผู้โง่เขลา   สติปัญญาไม่ยอมรับ ว่าพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) เป็นผู้โง่เขลา

20       كونه ابكم   เกานุฮูอั๊บกะม่า แปลว่า  ทรงเป็นลักษณะเป็นผู้พูดไม่ได้   สติปัญญาไม่ยอมรับ ว่าพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) เป็นผู้พูดไม่ได้


         ผมจะขอแยกระหว่าง ซีฟัต มะอานี และ มะนาวียะห์ ในวันต่อไปครับ อินซาอัลเลาะห์ ตาอาลา  วัสลาม

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                السلام عليكم ورحمةالله وبركاة

    ซีฟัตวายิบสำหรับ   พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่จำเป็นต้องรู้  20 ประการนั้น แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
    1. นัซซียะห์     จะมี     1. วูยูด 

    2. ซัลบียะห์     จะมี     1. กิดำ     2. บะกอ   3. มูคอลาฟาตูฮู ตะอาลา ลิ้ลฮาวาดิษ     4. กียามูฮู บิน นัซซี        5. วะห์ดานียะห์ 

    3. มะอานี       จะมี     1. กุดรอตุ  2. อิรอดาตุ 3.อิลมุ  4.ฮายาตุ   5.กาลามุ  6.ซามีอุ   7. บะซีรุ
 
    4. มะนาวียะห์   จะมี     1. เกานูฮูกอดิรอน  2.เกานูฮูมูรีดัน  3.เกานูฮูอาลีมัน    4.เกานูฮูฮัยยัน  5.เกานูฮูมูตะกัลลีมัน  6.เกานูฮูบะซีรอน  7.เกานูฮูซามีอัน

  ที่กล่าวมานั้น 1- 6  ซีฟัต 
   
  1.  วูยูด                                       แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงมี   
 
  2.  กิดำ                                       แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงเดิม   ไร้จุดเริ่มต้น
 
  3.  บะกอ                                     แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงถาวร  ไร้จุดสิ้นสุด

  4.  มุคอลาฟาตูฮู ตาอาลา ลิ้ลฮาวาดิษ     แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงแตกต่างกับของใหม่

  5.  กียามูฮู บิน นัซซี                         แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงดำรงด้วยพระองค์เอง
 
  6. วะห์ดานียะห์                               แปลว่า    พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ทรงเอกะ   หนึ่งเดียว


  ในที่นี้ จะขอ กล่าวถึง ส่วนที่ 1 และ 2
           
               ส่วนที่ 1 คือ นัซซียะห์  คือ ซีฟัต วูยูด  การมีของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้นเป็น เป็นการยืนยันการมี ที่มีตัวตนจริงๆ เป็นการยืนยันในการมีที่แท้จริง  ซึ่งจะแตกต่างจากส่วนที่เหลือยกเว้นซัลบียะห์ เพราะส่วนที่เหลือยกเว้นซัลบียะห์(อีก14ซีฟัต) เป็นการมีที่พาดพิดไปสู่ ตัวตน(ซ็าต) แต่เป็นการมีที่ไม่มีตัวตนของตนเอง เช่น ซีฟัต กุดรัต นั้น มี แต่กุดรัต นั้นไม่มีตัวตนของตนเองแต่เป็นการมี ที่พาดพิง สู่ ซ็าต คือบอกคุณลักษณะของ ซ็าตนั้นเอง 
   
              ถ้าการ มี กุดรัต มีตัวตนของตนเอง ก็ เป็น การมี ซ็าตกุดรัต 1 ซ็าต  ซ็าต อัลเลาะห์(ซบ) 1 ซ็าต รวมเป็น 2  ซึ่งตรงนี้เป็นมุสตาเฮร สติปัญญาไม่ยอมรับ  ฉะนั้น การมี กุดรัต เป็นการมีที่ มีจริงๆแต่มีใน ลักษณะที่มีให้กับ ซ็าต อัลเลาะห์(ซบ) นั้นเอง

             สรุป นัซซียะห์ คือ อีน  หรือ ซ็าต ตัวตนจริงๆ ไม่มีการพาดพึงไปสู่สิ่งใดๆทั้งมวล  ซ็าต หรือ ตัวตน มีพระนาม ว่าอัลเลาะห์(ซบ)และอีก 98 พระนาม

                             ท่านร่อซูล(ซล)ได้กล่าวว่า  تفكروافى نعمة الله ولا تفكروافى ذات الله        
           ความว่า  พวกท่านจงคิดพิจารณาถึง เนี้ยะมัต ของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) พวกท่านอย่าคิดพิจารณาถึง ซ็าต พระผู้เป็นเจ้า 

                     ท่านร่อซูล(ซล)ได้กล่าวว่า  تفكروافى الخلق  ولا تفكروافى الخالق فانه لا تحيط به الفكرة       
                 
      ความว่า   พวกท่านจงคิดพิจารณาถึงสิ่งถูกสร้าง พวกท่านอย่าคิดพิจารณาถึง ผู้ที่สร้าง แท้จริงนั้น พวกท่าน ไม่สามารถจะคิดพิจารณาครอบคลุมถึงผู้สร้างได้


ถ้าเกิดคำถาม ในใจท่านว่า
                  ใครเป็นคนสร้างท่าน (ท่านตอบว่า อัลเลาะห์(ซบ) ) ใครเป็นคนสร้างโลกนี้ (ท่านตอบว่า อัลเลาะห์(ซบ) )
               
                  แล้วใครเป็นคนสร้าง อัลเลาะห์  ท่านจงขอความคุ้มครองต่อ อัลเลาะห์(ซบ) ให้พ้น จากไซตอน มารร้าย เถิด เพราะแน่แท้แล้วว่า
               
                          ท่านนั้นโดยซัยตอน ล่อลวงให้เกิด การสงสัย เคลือบแคลง 
                 
                   นะอูซูบิก้ามินั้ลซาลิก(ข้าพเจ้าและพี่น้องทั้งหลายขอความคุ้มครองต่อพระองค์ อัลเลาะห์ (ซบ)ผู้ทรงยิ่งใหญ่ เกรียงไกร
                    ให้พ้นจากการล่อลวงในจิตใจข้าพเจ้าและพี่น้องทั้งหลายของซัยตอนมารร้าย ผู้ถูกสาปแช่งด้วยเถิด อามีน)


   ส่วนที่ 2  ซัลบียะห์  คือ  กิดำ   บะกอ   มูคอลาฟาตูฮู ตาอาลา ลิ้ลฮาวาดิษ   กียามูฮู ตาอาลา บินนัซซี    วะห์ดานียะห์

       ซัลบียะห์ เป็น ซีฟัต ที่ไม่มีตัวตน และไม่ได้พาดพิงไม่ยัง ซ็าต อัลเลาะห์(ซบ) แต่เป็น ซีฟัต ที่ปฎิเสธกับคุณลักษณะที่ไม่เหมาะสมที่มีให้กับ อัลเลาะห์(ซบ)
   
                                                         صفة دالة على نفى مالا يليق بالله عزوجل

         เช่น ถ้ามีคนกล่าวว่า อัลเลาะห์(ซบ) มีจุดเริ่มต้น แต่เริ่มต้นก่อน โลกใบนี้(ซีฟัตที่ไม่เหมาะ)  เราก็จะปฎิเสธไป เพราะ ว่า อัลเลาะห์(ซบ) กิดำ คงเดิมไม่มีจุดเริ่มต้น นั้นเอง

        เช่น ถ้ามีคนกล่าวว่า  อัลเลาะห์(ซบ) นั้น สถิตอยู่บนบัลลังค์   เราก็จะปฎิเสธไป  เพราะว่า อัลเลาะห์(ซบ) แตกต่างกับสิ่งใหม่   และ อัลเลาะห์(ซบ)นั้น ดำรงด้วยพระองค์เอง (ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งใหม่ที่ถูกสร้าง)

        เช่น ถ้ามีคนกล่าวว่า  อัลเลาะห์(ซบ) นั้น มี 2      เราก็ปฎิเสธไป    เพราะว่า อัลเลาะห์(ซบ)นั้น เอกะ   1 เดียวเท่านั้น

 สรุป ซัลบียะห์ เป็น การปฎิเสธสิ่งที่ไม่เหมาะให้ดำรงกับ พระผู้เป็นเจ้า นั้นเอง ซีฟัตทั้ง 5 นี้ด้านฮากีกี(สิ่งที่แท้จริง)นั้นมีให้เฉพาะพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น วัลลอฮุอะลัม 

   

 
 

                                                               السلام عليكم ورحمةالله وبركاة


ส่วนที่ 3 معاني มะอานี  คือ 1. กุดรอตุ  2. อิรอดาตุ 3.อิลมุ  4.ฮายาตุ   5.กาลามุ  6.ซามีอุ   7. บะซีรุ


ซีฟัตمعاني มะอานี นั้น เป็นซีฟัตที่มีอยู่จริง คงเดิมและถาวร ด้วยกับ ซ๊าตของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) แสดงถึงสภาพการต่าง ๆ   ที่สถิตย์อยู่ที่ซ๊าตของอัลเลาะห์ (ซ.บ.)
                                                               لا هى لا هو غيره
 ซึ่ง ซีฟัต معانيมะอานี คือ ซีฟัตที่ไม่แยกและไม่รวม กับซ๊าต
ที่กล่าวว่า
             ไม่แยกนั้นคือ  ซีฟัต معانيมะอานี นั้น ถ้าแยกออกจากซ๊าต ก็จะเป็น สิ่งใหม่ หรือ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ถ้าจะกล่าวว่า ซีฟัตมะอานี กอดีม คงเดิม ก็ไม่ได้เพราะไม่มี ซ๊าตเป็นของตัวเอง ถ้ามีซ๊าตเป็นของตัวเองก็มุสตาเฮล สติปัญญาไม่ยอมรับ เพราะสิ่งนี้(การมีซ๊าตเป็นของตัวเอง) จะยืนยันถึงการมีหลายซ๊าต ก็คือหลาย พระองค์ ซึ่งมุสตาเฮล
   
             ส่วนว่าไม่รวมนั้น คือ ซีฟัต معانيมะอานี ถ้า ซีฟัต معانيมะอานี รวมกับซ๊าตแล้ว ซีฟัตมะอานี จะกลายเป็นหรือ มีซ๊าตเป็นของตัวเอง ซึ่งสามารถแบ่งซีฟัตมะอานี ได้เป็น 7 ซีฟัต ก็แบ่งเป็น 7 ซ๊าต เพราะซีฟัต มะอานี ทั้ง 7 ไม่ใช่ซีฟัตเดียวกัน  ก็มุสตาเฮลอีก สติปัญญาไม่ยอมรับว่ามีสิ่งดังกล่าว

        ซีฟัต มะอานีแบ่งออกการتعلقเกี่ยวพันได้ดังนี้   
        1.  تعلقเกี่ยวพันที่ทำให้เกิดผล หรือ ร่องรอย             تاءثير    คือ  ซีฟัต อิรอดัต และ กุดรัต
        2.  تعلقเกี่ยวพันที่ทำให้เปิดเผยชัดแจ้ง                انكشاف    คือ  ซีฟัต อิลมู บาซ๊อร ซาเมียะ 
        3. تعلق เกี่ยวพันที่เป็นการบ่งบอก หรือ ทำให้เข้าใจ       دلالة    คือ  ซีฟัต กาลาม

ส่วนซีฟัต حياة ฮายาต นั้น เป็นซีฟัตที่ไม่ได้ تعلقเกี่ยวพันใดๆทั้งสิ่น แต่เป็น ซีฟัต ที่เป็นกฎเกณร์ในการที่จะได้เป็นผล หรือ เกิดผล หรือได้รับผลของซีฟัตอื่นๆของซีฟัตมะอานี الادراك
คือเป็น شراط กฎเกณร์ให้ แก่  ซีฟัต กุดรัต อิรอดัต อิลมู ซาเมียะ บาซ๊อร กาลาม คือ ถ้าไม่มี ซีฟัต ฮายาต ก็ไม่มี ซีฟัตดังกล่าว(ซีฟัตมะอานี)เกิดขึ้นนั้นเอง

 
ส่วนที่ 4 معنوية มะนาวียะห์   จะมี     1. เกานูฮูกอดิรอน  2.เกานูฮูมูรีดัน  3.เกานูฮูอาลีมัน    4.เกานูฮูฮัยยัน  5.เกานูฮูมูตะกัลลีมัน  6.เกานูฮูบะซีรอน  7.เกานูฮูซามีอัน


   มะนาวียะห์معنوية  จะใช้ หลักฐาน เดียวกัน กับ มะอานี แต่ จะต่างกัน ตรงที่ มะนาวียะห์นั้น เป็น สถานภาพ ส่วน มะอานีไม่ใช่สภานภาพ 
 แต่ทั้ง 2 มะอานีและ معنويةมะนาวียะห์นั้น ยืนยันซึ่งกันและกัน คือ ถ้า กุดรัต ก็ต้องมี สภานภาพของกุดรัต  มะอานีนั้นจะเป็น เครืองมือ ของ มะนาวียะห์นั้นเอง

อธิบายเพื่อความเข้าใจ คือ  ถ้าดูรถคันหนึ่งป้ายแดง(สภาพพร้อมใช้ 100 เปอร์เซ็น) ตอนที่จอดอยู่ ถามว่า รถคันนั้น พร้อม วิ่งใหม(มีกอดิร๊อนในการที่จะเกิดกุดรัตใหม) ก็ต้องตอบว่า พร้อมวิ่ง (ตรงนี้เรียกว่า สภานภาพหรือ ซีฟัตมะนาวียะห์ คือ มีสถานภาพในการที่จะวิ่ง) แต่ถ้าเมื่อไหร่ รถนั้นวิ่ง นั้นก็คือกุดรัต (มีความสามารถในการวิ่ง)   กลับกัน ถ้าเห็น รถนั้นวิ่งอยู่ ก็แสดงให้เห็น ถึง สภานภาพในการที่จะวิ่ง คือ เห็นกุดรัต ก็แสดงให้เห็นถึง กอดิร๊อน เพราะทั้ง2 นั้นยืนยันกันและกันนั้นเอง


ตรงนี้อธิบายเพื่อ ความเข้าใจระหว่าง ซีฟัต معاني มะอานี และซีฟัตمعنويةมะนาวียะห์เท่านั้น ไม่ใช่การเปรียบเทียบใดๆกับ ซีฟัต ของพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างใด เพราะสิ่งดังกล่าว(ที่อธิบาย)นั้นเป็นสิ่ง ที่มุสตาเฮล กับ พระผู้เป็นเจ้า สติปัญญาไม่ยอมรับว่า ซีฟัตพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับซีฟัต สิ่งถูกสร้างทั้งมวล 
 
                                                                    والله اعلم

ออฟไลน์ amad 254

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 176
  • Respect: +48
    • ดูรายละเอียด
0
                                                   السلام عليكم ورحمةالله وبركاة

                              ซีฟัต ยาอีส(ฮาโรส) สิ่งที่พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)สามารถทำให้มี หรือ ไม่มี(มุมกิน) ก็ได้

 คือ สิ่งที่ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) นั้น ประสงค์จะให้มี หรือ ไม่ให้มี หรือ ทำให้ไม่มีหลังจากมีแล้ว หรือ ทำให้มีถาวร หลังจากไม่มี หรือ ทำให้ไม่มีถาวร หลังจากมีแล้วหรือ ทำให้ ไม่มีถาวร ในสิ่งที่ยังไม่บังเกิด เพราะทั้งหมดนั้น เป็น( قبضة)กรรมสิทธิ์ของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ผู้เดียวเท่านั้น

 สิ่งที่เป็น มุมกิน (มีหรือไม่มีก็ได้) แบ่งออกเป็น 4 อย่างดังนี้
1. มุมกิน ที่ มีหลังจากไม่มี เช่น สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะแต่ก่อนนั้น ไม่มีสิ่งใดๆเลย ยกเว้น พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)

2. มุมกิน ที่ ไม่มีหลังจากมี เช่น เวลาที่ผ่านไป

3. มุมกิน ที่ จะบังเกิดในอนาคตข้างหน้า เช่น วัน กิยามะห์

4. มุมกิน ที่ ความรู้ของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) จะไม่มีบังเกิดขึ้น ممكن علم الله لم يوجد  เช่น อีหม่าม อบูยาฮัล และ อีหม่าม ฟีรอูน

 
   ในวิชา เตาฮีด หรือ อากีดะห์ หรือ อูซูลุดดีน นั้น จะแบ่ง มัซฮับออกเป็น 3  มัซฮับหลักๆ ดังนี้

1. มัซฮับ มัวะตะซิละห์   ซึ่ง ตามอิตติกอตของมัซฮับนี้คือ อัลเลาะห์(ซบ)นั้นทรงแบ่ง กุดรัต (ความสามารถ)ให้กับบ่าว โดยแยกออกมาจากพระผู้เป็นเจ้า คือ เรานั้นทำสิ่งใดนั้น ก็ด้วยตัวความสามารถของบ่าวเองไม่เกี่ยวกับ ความสามารถของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) การกระทำดีและชั่ว ก็ขึ้นกับตัวเองพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)ไม่สามารถรุ้ถึงการกระทำ(ล่วงหน้า)ของบ่าวได้ จะรู้ก็ต่อเมื่อบ่าวได้กระทำไปแล้ว และยังปฎิเสธซีฟัตต่างๆ เพราะเขาอิตติกอตว่า พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)มีความสามารถด้วย ซ๊าตของพระองค์ ไม่มีซีฟัต แต่อย่างใด

2. มัซฮับ ยับรียะห์  คือ อิตติกอตของ กลุ่มนี้ ทั้งหมดทุกการกระทำทุกอิริยาบททุกความนึกคิด เป็นของ พระองค์อัลเลาะห์(ซบ) บ่าวไม่มีความสามารถใดๆที่จะกระทำสิ่งต่างๆ เปรียบเสมือน บ่าวนั้นเป็น ขนนกลอยอยู่ในอากาศ ขึ้นอยู่กับลม ว่าจะพาไปในทิศทางใดๆ (ลมนั้นก็คือ กุดรัตของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) )
 การกระทำทั้งหมดพาดพิงไปยัง พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมดไม่ว่าดีหรือไม่ดี โดยที่บ่าวนั้นไม่มีสิทธิใดๆในการเลือกเฟ้น  ไม่มี ความพยายามหรือความตั้งใจใดๆทั้งสิ่น

3. มัซฮับ อะห์ลิซซุนนะห์วัลยามาอะห์  กลุ่มนี้ จะอิตติกอตว่า บ่าวนั้นสามารถเลือกเฟ้น หรือ พยายามได้(กอซ๊อด) คือ เหนียตที่จะกระทำใดๆ โดยผลสำเร็จนั้น เป็นความสามารถของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)เท่านั้น  เช่น การขยับมือ การตั้งใจที่จะขยับเป็นของบ่าว ส่วนการที่ขยับได้นั้นเป็น กุดรัตของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)
กลุ่มนี้ อยู่ระหว่างกลางระหว่าง มัวะตะซิละห์และยับรียะห์  คืออยู่ระหว่างกลางระหว่าง เลือดและอุจจาระ นั้นก็คือ น้ำนมบริสุทธิ์ที่สามารถดื่มได้ 
 ก่อนเป็นน้ำนมนั้นเป็นเลือดก่อน และจากน้ำนมแล้ว ก็เป็น อุจจาระ    ซึ่งสิ่งที่ใช้ได้นั้นก็คือ น้ำนม เท่านั้น   ฉะนั้น มัซฮับ ที่ ใช้ใด้ในการอิตติกอต ก็คือ
 อะลิซซุนนะห์ วัลยามาอะห์ เท่านั้น 


จริงๆในวิชา เตาฮีด นั้นมีข้อแตกต่างและข้อถกเถียง มากมาย (เรื่องรายละเอียดของซีฟัตวายิบ)กระผมไม่ได้นำมาบอกกล่าว ณ ที่นี้ และยังมีอีกมากที่กระผมเองยังไม่รู้ในเรื่องวิชาเตาฮีด และจำเป็นต้องศึกษาต่อๆไป ในซีฟัต วายิบที่กระผมได้ กล่าวไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งจาก สิ่งดังกล่าวที่มีบันทึกในกีตาบเตาฮีดต่างๆ ถ้าผู้ใดนั้นสนใจหรืออยากรู้เพิ่มเติม ก็สมควรศึกษาในที่ ที่มีการเรียนการสอนของวิชาเตาฮีด เพราะจะทำให้ผู้ที่สนใจในวิชานี้มีความกระจ่างชัดเจนมากขึ้น

หนังสือ อ้างอิง บางส่วน คือ ฟารีดะห์ อากีดะตุ้ลนายีน มิสเบาะห์ฮุลมุนีด บากูเราะห์อามานี มะตันเยาฮัรร่อตุ้ลเตาฮีด และอื่นๆอีกนิดหน่อย

สุดท้ายนี้ ก็ขอความเมตตาต่อ พระผู้เป็นเจ้า อัลเลาะห์ ซุบฮานะฮูว่าตาอาลา ได้โปรดทรงชี้แนวทางที่เที่ยงตรงแก่บรรดามุสลีมีนและมุสลิมะห์และมุอฺมีนีนและมุอฺมินะห์ทั้งหลายให้อยู่ในแนวทางที่พระองค์ทรงพอพระทัย และ ได้โปรดทรงปกป้องจากแนวทางที่หลงผิด และแนวทางที่พระองค์ทรง โกรธกริ้ว ด้วยเถิดอามีน ยาร็อบบั้ลอาละมีน                                                                                                                                                                                                                                بسم الله الرحمن الرحيم
               الحمد الله رب العلمين الرحمن الرحيم ملك يو م الدين اياك نعبد واياك نستعين اهدنا الصراط المستقيم اهدنا الصراط المستقيم
       اهدنا الصراط المستقيم صراط الذين انعمت عليهم غير المغضوب عليهم ولا الضالين   امين

   الحمدالله رب العلمين والصلاةوالسلام على اشرف الانبياءوالمرسلين وعالى اله وصحبه اجمعين اللهم تقبل منا انك انت السميع العليم وتب علينا انك انت التواب الرحيم اللهم افتح علينا فتوح العارفين بحكمتك وانشر علينا رحمتك يا ارحم الراحمين ونسءلك اللهم علم الخائفين وانابة المخبتين واخلاص الموقنين وشكر الصابرين وتوبة الصديقين ونسائلك اللهم بنور وجهك الذي ملاء اركان عرشك ان تزرع في قلوبنا معرفتك حتى نعرفتك حق معرفتك كماينبغي ان  التعرف به ربنا اتنا في الدنيا حسنة وفي الاخرة حسنة وقنا عذاب النار وصلى الله على سيدنا محمد وعلى اله وصحبه وسلم            امين  يا رب العلمين


                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                         

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
0
จซากัลลอฮุฅ็อยร็อน ครับ บัง amadkrd254 ที่ทำให้สิ่งที่ผมเรียกร้องมานานเป็นจริงจนได้ อินชาอัลลอฮฺ ผมจะพยายามรวบรวมให้อีกทีครับ แล้วอาจจมีการขัดเกลาภาษาและปรับปรุงรูปแบบอีกที เมื่อเสร็จ ก็จะให้บัง amadkrd254 ตรวจทานดูอีกที หากบังพอใจและผ่าน ก็จะได้นำไปทำเป็น "พีดีเอฟ" และเผยแพร่ในลำดับต่อไปครับ เอาเป็นว่า ตอนนี้ ผมก็ตรวจทานเองก่อนละกันนะ เมื่อมั่นใจแล้ว ก็ช่วยส่งอีเมลล์ส่วนตัวมาให้ผมละกัน ผมจะได้เริ่มรวบรวมให้และดำเนินการตามที่บอกไปข้างต้น - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
0
ซีฟัตของอัลลอฮฺก็น่าจะวายิบหมดนะ หรือไม่งั้นก็ไม่วายิบหมด?!? ทำไมต้องแบ่งอันนี้วายิบ แล้วอันอื่นไม่วายิบเหรอครับ ?!?
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
+1
ซีฟัตของอัลลอฮฺก็น่าจะวายิบหมดนะ หรือไม่งั้นก็ไม่วายิบหมด?!? ทำไมต้องแบ่งอันนี้วายิบ แล้วอันอื่นไม่วายิบเหรอครับ ?!?

วายิบตรงนี้คือ วายิบในด้านการรู้จักและเรียนรู้เป็นพื้นฐานนะครับ   เพราะซีฟัตของอัลเลาะฮ์ตะอาลานั้น  ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมดทั้งปวง  เพราะซีฟัตสำหรับอัลเลาะฮ์นั้นมีมากมายซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ได้นอกจากพระองค์  ดังนั้นเราจะให้มุสลิมอาชีพขายไก่ทอดหรือมีอาชีพเป็นกรรมกรต้องมาเรียนบรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่ระบุไว้ในอัลกุรอานและฮะดีษซอฮิห์ทั้งหมดคงมีความยากลำบากแก่พวกเขาเหล่านั้นน่ะครับ  

น้องลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่กระทู้นี้นะครับ  คำถามร้อนๆ เกี่ยวกับศีฟัต 20

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Beechern

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1228
  • เพศ: ชาย
  • What is the Perfect method to save our Akhirah?
  • Respect: +28
    • ดูรายละเอียด
+1
jazakallahukoiran ครับบัง ^^" กลายเป็นประเด็นร้อนเหรอเนี่ย  ;D ;D ;D

ผมมุมมองแคบไปหน่อยครับ ไม่เคยมองมุมนั้นเลย...  myGreat:
ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตัวผมเองยังเข้าใจแม้แต่ 20 ประการนี้ได้หมดเลยครับผม แหะๆๆ
hidayah seeker . . .

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
0
ซีฟัตของอัลลอฮฺก็น่าจะวายิบหมดนะ หรือไม่งั้นก็ไม่วายิบหมด?!? ทำไมต้องแบ่งอันนี้วายิบ แล้วอันอื่นไม่วายิบเหรอครับ ?!?

            ขอเสริมอีกนิด, คำว่า "วาจิบ" ในทีนี้ ไม่ได้มุ่งไปที่ศิฟาตของอัลลอฮฺว่าวาจิบ หรือจำเป็นแค่ ๒๐ ศิฟาตเท่านั้น และความเชื่อเช่นนี้ถือว่าขัดกับกิตาบุลลอฮฺและอัสสุนนะฮ์อย่างชัดเจน เพราะในทั้งสองนั้นได้มีการกล่าวถึงพระนาม (อัสมาอฺ) และคุณลักษณะ (ศิฟาต) ไว้มากกว่า ๒๐ ศิฟาตข้างต้นด้วยซ้ำ

             แต่วาจิบในที่นี้หมายถึง จะมุ่งไปที่บ่าวมากกว่า กล่าวคือ วาจิบที่ต้องเรียนรู้อย่างละเอียดลึกซึ้ง พร้อมทั้งต้องสามารถอ้างหลักฐานเพื่อยืนยันถึงศิฟาตเหล่านั้นให้ได้ด้วย และ ๒๐ ศิฟาตข้างต้นก็เป็นเพียงการสรุปของอุละมาอ์ที่เกิดจากการวิเคราะห์ตัวบทหลักฐานว่า ศิฟาตแม่ หรือศิฟาตหลักๆ ของอัลลอฮฺนั้น ก็คือทั้ง ๒๐ ศิฟาตข้างต้น และคุณลักษณะอื่นๆ ก็จะอยู่ในภายใต้กรอบของพวกมันอีกที

             พูดง่ายๆ ก็คือ เรียนศิฟาต ๒๐ ก็เพื่อให้รู้จักตัวหลักก่อน แล้วก็ไปตัวย่อยของมันอีกที ซึ่งจะเป็นการง่ายและสะดวกกว่าหากเราจะไปเรียนพระนามทั้ง ๙๙ ทีเดียวเลย แต่อย่างไรก็ตาม การเรียนเตาหี้ดแบบทฤษฎีศิฟาต ๒๐ ก็เป็นเพียงแค่วิธีการหนึ่งเท่านั้นเอง ส่วนใครคิดว่ามีวิธีการอื่นที่ดีกว่า ก็ย่อมไม่มีปัญหาอะไรที่เขาจะเรียนวิธีการนั้น แล้วละทิ้งวิธีการแบบศิฟาต ๒๐ ไปเสีย แต่ที่สำคัญคือ เนื้อหาแห่งอกีดะฮ์จะต้องไม่ขัดกับอัลกุรฺอานและอัลหะดีษ - วัลลอฮุอะอ์ลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged