ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามที่ศาสนิกอื่นมักจะถามมุสลิม  (อ่าน 1601 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

อยากตั้งกระทู้ชื่อนี้ในบอร์ดมุอัลลัฟและความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลาม
เพราะเชื่อว่าหลายๆคนคงเจอคำถามจากศาสนิกอื่นอยู่เป็นประจำ

แล้วเราจะมีวิธีการตอบคำถามนั้นอย่างไร

ข้าน้อยขอประเดิมคำถามแรก ที่เชื่อว่า หลายคนจะต้องโดนถาม
อย่างแน่นอน...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: คำถามที่ศาสนิกอื่นมักจะถามมุสลิม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เม.ย. 27, 2013, 08:18 AM »
0
1.ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม(มุสลิม)ต้องแต่งงานกับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม(มุสลิม)ด้วยกันเท่านั้นหรือ...แล้วถ้าเกิดไปพอใจหรือรักใคร่
กับศาสนิกอื่นเล่า จะทำอย่างไร...

คำถามนี้...เราที่เป็นมุสลิม จะตอบคนถามว่าอย่างไรดีคะ...
อยากได้ความคิดเห็นจากพี่น้องมุสลิมที่ผ่านมาอ่านบ้างน่ะค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ BasemDeen

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 260
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
Re: คำถามที่ศาสนิกอื่นมักจะถามมุสลิม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เม.ย. 27, 2013, 11:12 PM »
0
เคยโดนถามว่าทำไมไม่กินหมู
ผมตอบกลับไปว่า ทำไมนายไม่กินหมา
งง สิ ครับ ท่าน
พอเค้าทำท่าจะพูดต่อ ทันทีนั่นเค้าก็เว้นช่วงอยู่แปปนึง แล้วเค้าก็ตอบมาว่า ช่างเถอะไม่อยากรู้แล้ว
อันที่จิงตอนนั้นผมก็ไม่เคยรู้เหตุผล รู้แค่เพียงว่าเป็นคำสั่งห้ามจากอัลลอห์

ออฟไลน์ Carrothz

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 120
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
Re: คำถามที่ศาสนิกอื่นมักจะถามมุสลิม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เม.ย. 28, 2013, 07:13 AM »
0
ถ้าพอใจคนที่ไม่ใช่มุสลิม ก็ต้องให้เขารับอิสลามก่อนน่ะแหละครับ แต่ถ้าไม่ยอมรับก็คงได้แต่เก็บความรู้สึกดีดีไว้ แล้วก็ดุอาให้เขาไป

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: คำถามที่ศาสนิกอื่นมักจะถามมุสลิม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เม.ย. 28, 2013, 12:01 PM »
+1
 :salam:
ถ้าผู้มีศรัทธาต่ออัลลอฮฺถามคำถามนี้ (การรัก/ชอบพอ/แต่งงานกับคนต่างศาสนิก) คงตอบได้ง่าย เพราะเมื่อเราศรัทธาในอัลลอฮฺ อันใดที่พระองค์ทรงห้ามไว้ ก็ต้องยับยั้ง อันใดที่พระองค์ทรงสั่งไว้ ก็ต้องปฏิบัติตาม ในเรื่องของการแต่งงานกับผู้ที่มีศรัทธาแตกต่างกันนั้น พระองค์ตรัสไว้ว่า


“และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับบรรดาหญิงมุชริกจนกว่านางจะศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นมุชริกและแม้ว่านางได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงาน(หญิงในปกครอง)กับบรรดาชายมุริกจนกว่าพวกเขาจะศรัทธา และทาสที่ศรัทธานั้นดีกว่าชายมุชริก และแม้ว่าเขาได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม ชนเหล่านี้แหละจะชักชวนไปสู่ไฟนรก และอัลลอฮนั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์และไปสู่การอภัยโทษด้วยอนุมัติของพระองค์ และพระองค์จะทรงแจกแจงโองการของพระองค์แก่มนุษย์เพื่อว่าพวกเขาจะระลึกกันได้”    อัลบะเกาะเราะฮฺ 2 อายะฮฺที่ 221

จึงชัดเจนว่า มุสลิม-ชาย ไม่แต่งกับหญิงที่นับถือสิ่งอื่นเทียบเท่าอัลลอฮฺ ในขณะที่ผู้ปกครองฝ่ายหญิงต้องไม่แต่งงานหญิงในปกครองของตนให้แก่ชายที่นับถือสิ่งอื่นนอกเหนือหรือเทียบเท่าอัลลอฮฺ จนกว่าเขาจะปรับปรุงศรัทธาของเขามาสู่การนับถืออัลลอฮฺองค์เดียว


ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: คำถามที่ศาสนิกอื่นมักจะถามมุสลิม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เม.ย. 28, 2013, 12:03 PM »
+1

 แต่ถ้าผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมถาม คำตอบคงต้องแตกต่างออกไป เพราะไปตอบว่า ถ้าแต่งงานกับพวกเธอ เดี๋ยวพวกเธอจะพาฉันเข้านรก ปฏิกิริยาต่อต้านจะเกิดขึ้น
ลองอ่านคำตอบของอาจารย์ดะฮฺรี บินอะหฺมัด (ผู้ล่วงลับ) ได้ตอบไว้ดังนี้


“เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้มีเพื่อนครูกาฟิรคนหนึ่งกล่าวแก่เราว่าศาสนาอิสลามนั้นรู้สึกว่าจะสอนมุสลิมให้เอาเปรียบผู้ที่นับถือศาสนาอื่นเกี่ยวกับคู่ครองที่จะมาแต่งงานด้วย กล่าวคือถ้ามุสลิมชายจะแต่งงานกับหญิงที่ไม่ใช่มุสลิมก็จะต้องให้หญิงที่มิใช่มุสลิมรับนับถืออิสลาม ในทำนองเดียวกันถ้าหญิงมุสลิมจะแต่งงานกับชายที่ไม่ใช่มุสลิมก็จะต้องให้ชายนั้นรับนับถืออิสลามเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการเอาเปรียบอย่างเห็นได้ชัด  ซึ่งแตกต่างกับผู้ที่นับถือศาสนา... กล่าวคือพ่อแม่ที่นับถือศาสนา... ไม่เคยกีดกันลูกที่จะไปนับถือศาสนาใด และจะไปแต่งงานกับผู้ที่นับถือศาสนาใดก็ได้  เราจึงกล่าวตอบไปว่า ดีแล้วที่พูดสิ่งนี้ขึ้น เพื่อเราจะได้มีโอกาสชี้แจงให้กระจ่างแจ้งเสียที เราได้เริ่มกล่าวขึ้นว่า ตามธรรมดานั้นพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูก ๆ เป็นคนดี มีความประพฤติเรียบร้อยและได้รับการศึกษาดี ด้วยเหตุนี้เมื่อลูก ๆ เข้าสู่วัยการศึกษาจึงได้กระวีกระวาดหาโรงเรียนที่ดีเพื่อให้ลูกเข้าศึกษา แม้จะเสียเงินค่าเก้าอี้หรือที่เขาเรียกว่าค่า “แป๊ะเจี๊ยะ” และค่าเทอมในอัตราสูงก็ยอม ทั้งนี้เพื่อให้การศึกษาที่ดีแก่ลูก เมื่อลูกสำเร็จการศึกษาแล้วก็จะได้รับเกียรติมีหน้ามีตา หางานทำก็ง่ายเพราะเป็นผู้มีความสามารถ พ่อแม่ดังกล่าวนี้ถ้ามีใครชักชวนให้นำลูกของตนออกไปเข้าโรงเรียนที่ขาดระเบียบวินัยและวิชาความรู้อ่อน แม้ว่าจะไม่เสียค่าเก้าอี้และเสียเฉพาะค่าเทอมเพียงเล็กน้อยก็ตาม แน่นอน พ่อแม่ดังกล่าวย่อมไม่ยอมเอาลูกออกไปเสี่ยงกับโรงเรียนดังกล่าวแน่ ทั้งนี้เพราะเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนแล้วว่าอนาคตของลูก ๆ จะเป็นอย่างไร ดังกล่าวนี้ก็สำหรับผู้ที่มีฐานะจะทำได้ ส่วนพ่อแม่ที่ยากจนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความปรารถนานั้นย่อมไม่แตกต่างกันอย่างแน่นอน
   สำหรับพ่อแม่ที่เป็นมุสลิม เกี่ยวกับการนับถือศาสนานั้นได้รับคำสอนจากพระผู้เป็นเจ้าว่า ศาสนาอิสลามเท่านั้นที่เป็นศาสนาที่มีหลักการศรัทธาที่ถูกต้องและหลักการปฏิบัติอันดีเลิศที่จะให้ความสงบสุขและความราบรื่นแก่มนุษย์ในโลกนี้ได้เป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งพระองค์เองเป็นผู้ประทานให้มาและได้ทรงสั่งไว้ว่า อย่าได้หันเหออกจากอิสลามไปเป็นอันขาด มิเช่นนั้นแล้วจะได้รับความเสียใจ ด้วยความเชื่อมั่นตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กำชับไว้นี้เอง พ่อแม่มุสลิมทุกคนจึงเป็นห่วงเป็นใยแก่บุตรหลานของตน คอยระแวดระวังมิให้ไปแต่งงานกับผู้ที่มิใช่มุสลิม แต่ถ้าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ก็จะต้องให้ฝ่ายที่มิใช่เป็นมุสลิมศรัทธาตามหลักการของอิสลามเสียก่อนด้วยความจริงใจเพื่อจะได้ยึดถือและปฏิบัติตนตามวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้าร่วมกัน แล้วพิธีแต่งงานจึงจะเกิดขึ้นได้ ถ้ามิเช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีทางที่พ่อแม่จะยอมให้แต่งงานเป็นอันขาด เพราะเป็นการกระทำที่ผิดต่อบัญญัติของพระเจ้าอย่างร้ายแรง ดังกล่าวมานี้จะเห็นอย่างชัดเจนว่ามิใช่อิสลามสอนให้มุสลิมเอาเปรียบ หากแต่สอนให้มุสลิมยึดมั่นในสิ่งที่ถูกและบำเพ็ญตนให้อยู่ในบทบัญญัติของศาสนาอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันก็ให้ระมัดระวังลูก ๆ ให้อยู่ในบทบัญญัติศาสนาด้วย เพราะเขาจะได้รับความสุขทั้งในโลกนี้และในปรโลก”


อ้างอิง:คำอธิบาย อัล-กุรอานุลกะรีม (ญุซที่ 2) โดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 กุมภาพันธ์ 2526 กรุงเทพฯ หน้า 292 - 297

วัสสลาม

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: คำถามที่ศาสนิกอื่นมักจะถามมุสลิม
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เม.ย. 28, 2013, 08:47 PM »
0
คำถามดังกล่าว ข้าน้อยถูกถามมาหลายต่อหลายครั้ง
และต่างศาสนิกก็คิดว่าอิสลามสอนให้เอาเปรียบคนอื่น...
ไม่เป็นธรรมชาติ...เพราะคนเรารักกันได้ ไม่ว่าจะศาสนาไหน
หรือศรัทธาแตกต่างกันก็ตาม...

ตอนได้ยินก็นิ่งคิดไปชั่วครู่ค่ะว่าควรจะตอบเขาไปอย่างไรดี
เกี่ยวกับเรื่องนี้...

ก็เลยบอกเขาไปว่า...

อย่างแรกคือ...อิสลามนั้นแก่นของศาสนาอยู่ที่พระเจ้าองค์เดียว
เราศรัทธาต่อพระเจ้า และสิ่งใดที่พระเจ้าสั่งห้ามเราจะหลีกห่าง
และสิ่งที่พระเจ้าสั่งใช้ เราจะพยายามปฏิบัติตามอย่างเต็มกำลังความสามารถ...เพราะเหนือทุกเหตุผลใดก็คือ
ศรัทธาที่มีต่ออัลลอฮฺ...พระเจ้าองค์เดียวที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมหรือเทียบเท่า...

และต่อมาก็คือ...การหันเหออกจากอิสลาม ก็เท่ากับเรากำลัง
ทำร้ายตัวเราเอง ไม่ใช่การทำร้ายหรือการลดอำนาจของอัลลอฮฺแต่อย่างใด...โลกนี้ไม่ใช่โลกที่นิรันดร์ เรามีโลกหน้า
ที่เราฝันหาและอยากจะประสบควาสำเร็จ ได้อยู่ในสวนสวรรค์
อันนิรันดร์ของอัลลอฮฺ ผู้เป็นเจ้าของสวรรค์...

และเราไม่อาจทำพิธีกรรมกับคนต่างศาสนิกได้...
เพราะการแต่งงานนั้น เราแต่งในนามของพระเจ้า...

อิสลามมีบทบัญญัติทุกขั้นตอนของการดำเนินชีวิต
เป็นธรรมนูญสูงสุดในการใช้ชีวิต...เราจึงยึดอิสลาม
เป็นกฎหมายในการดำเนินชีวิต...และผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิต
มาร่วมใช้ชีวิตของเรา เขาก็ต้องเข้าใจธรรมนูญในการใช้ชีวิต
ของเราด้วย...เพราะหากไม่แล้ว เราก็ย่อมเดินกันคนละทาง
อยู่กันคนละฝั่ง ต่อให้รักกันแค่ไหน ก็ไปด้วยกันไม่ได้ในที่สุด
ในเมื่อเราฝันกันคนละอย่าง เดินกันคนละทาง
แล้วจะเป็นคู่ชีวิตได้อย่างไร เพราะการแต่งงานมิใช่แค่เพื่อ
สนองอารมณ์รักเท่านั้น...แต่อิสลามมีกระบวนการ
มีหลักในการครองเรือนซึ่งนั่นคือหนทางที่พระเจ้าส่งมาให้...

ความรักอย่างเดียวไม่อาจทำให้คนสองคนเป็นคู่ชีวิตกัน
เดินทางไปด้วยกันได้แน่...มันต้องเป็นได้มากกว่ารัก
ถึงจะเป็นคู่ชีวิตกันได้...

เพราะกับบางคนเป็นได้แค่คู่รัก แต่ก็ไม่อาจเป็นคู่ชีวิตได้...

ดังนั้น...สำหรับข้าน้อยแล้ว...ความรักที่มีต่อพระเจ้านั้น
ยิ่งใหญ่กว่าความรักใด...เราเคยถูกสอนมาเช่นนั้น
ถูกสอนให้รักพระเจ้ามากกว่าอื่นใด...และมันไม่ใช่แค่เราถูกสอน เมื่อวันนึงเราได้สัมผัสกับความรักของพระองค์
เราจึงได้รู้ว่า ความรักจากพระองค์ยิ่งใหญ่กว่ารักใด...
การเดินหันหลังหรือผินหลังให้พระองค์ ก็เท่ากับเรากำลัง
ทำร้ายตัวเรา...และนั่นย่อมนำมาซึ่งความเสียใจ
เราจะต้องเสียใจอย่างหนัก...และอาจจะตกอยู่ในความเสียหาย
ด้วย...

ข้าน้อยจึงตอบคนถามแบบสรุปส่งท้ายว่า...

สำหรับตัวข้าน้อย ไม่เคยปิดโอกาสคนที่จะเข้ามาสู่อิสลาม
แต่ที่สุดของที่สุดก็คือ...

ข้าน้อยไม่ได้ต้องการคนที่รักอัลลอฮฺเพื่อข้าน้อย
แต่ต้องการคนที่รักข้าน้อยเพื่ออัลลอฮฺ...

เมื่อเขารักอัลลอฮฺจากใจจริง...เขาก็จะรักเราเพื่ออัลลอฮฺ...
เขาจะทำทุกอย่างเพื่ออัลลอฮฺ...และแน่นอนว่าคนที่ทำเพื่ออัลลอฮฺ ย่อมเป็นคนดี เป็นคนมีอีหม่าน...

มิใช่ว่าเขายอมสูญเสียทุกอย่างในชีวิต ยอมเข้ารับอิสลาม
ก็เพื่อผู้หญิงคนนึงแค่นั้น...โดยให้เหตุผลว่ารักผู้หญิงคนนั้น
ด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ และทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
ต่อให้ต้องเปลี่ยนศาสนาเพื่อเธอก็ยอม...
เพราะนั่นมันหมายความว่า เขายอมศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
ยอมศรัทธาต่ออิสลามก็เพื่อผู้หญิงคนนึง
และถ้าวันนึง...ผู้หญิงคนนั้นได้จากเขาไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
เขาจะยังมั่นคงอยู่กับอัลลอฮฺ มั่นคงอยู่กับอิสลามต่อไปหรือเปล่า...

นั่นคือ... คำถามที่ข้าน้อยมักถามตัวเองเสมอเวลามีคน
มาถามข้าน้อยด้วยคำถามดังกล่าว...

และก็มักจะได้คำตอบเสมอว่า...อัลลอฮุอักบัรฺ...
อัลลอฮฺใหญ่สุด อัลลอฮฺมหาใหญ่...

แน่นอนว่าชีวิตนี้โดนทดสอบด้วยกับคำถามดังกล่าว
มาหลายยกแล้ว...แม้จะเหนื่อย แต่ไม่ท้อ
ก็ต้องทนต่อไป...เชื่อว่าสักวัน...เมื่ออัลลอฮฺพอใจ
กับผลการทดสอบแล้ว...พระองค์จะส่งของขวัญมาให้...
อินชาอัลลอฮฺ...

เพราะพ่อบอกว่า...ขวากหนามไม่ใช่อะไรเลย
นอกจากว่ามันจะทำให้เรามีความรู้ มีความศรัทธาเพิ่มขึ้น
ตราบใดที่อัลลอฮฺยังคงทดสอบเราอย่างหนัก
จงรู้ไว้ว่าพระองค์ยังรักและเอ็นดูเรา เป็นห่วงเรา...
ยังเมตตาเรา...หนทางที่จะรอดพ้น คือ ต้องอดทน
อยู่บนหนทางของพระองค์ให้ได้...อย่่าหันหลังให้...

และเมื่อไม่นานมานี้...แม่ก็ได้ให้คำพูดนึงมาว่า...
แม่ไม่ได้ภูมิใจหรือดีใจหรอกนะหากว่าลูกของแม่ได้คนรวย
คนหน้าตาดี ชาติตระกูลดี มีหน้ามีตาในสังคม มีหน้าที่การงาน
ที่มีเกียรติ มีสมองอันชาญฉลาด...เพราะทั้งหมดที่ว่านั้น
มันช่วยลูกของแม่ให้พ้นจากไฟนรกไม่ได้...
นอกเสียจากว่า...เขาคนนั้นจะเป็นคนที่มีอัลลอฮฺ...ศรัทธา
ต่ออัลลอฮฺ...

วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: คำถามที่ศาสนิกอื่นมักจะถามมุสลิม
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พ.ค. 05, 2013, 08:55 PM »
0
วันก่อนถูกถามว่า...

"อิสลามสอนให้คนที่ยึดถือปฏิบัติเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า
ในเมื่อคนเราไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ทุกศาสนาก็ย่อมสอนให้
คนเป็นคนดี...แต่อิสลามกลับบอกว่าคนที่ได้เข้าสวรรค์
คือ มุสลิมผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น...
แสดงว่า คนที่ไม่ใช่มุสลิม ต่อให้เขาทำความดีจวบจนชีวิต
จะหาไม่ ก็ต้องตกนรกด้วยหรือ...ทำไมอิสลามถึงได้สอนกัน
อย่างนั้น..."

"แล้วก็ได้ให้ข้าน้อยลองอ่านปรัชญาของศาสนาอื่นๆดูบ้าง
บอกว่าอยากให้เปิดใจให้กว้าง รับสิ่งอื่นเข้ามาในใจดูบ้าง
แล้วทัศนคติของข้าน้อยจะได้กว้างขึ้นกว่านี้ เข้ากับคนอื่น
ได้มากกว่านี้...จะได้ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดียิ่งขึ้นด้วย"

ปล.คนถามเองตอนถามก็ถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจนะคะ
แต่ข้าน้อยได้แต่ยิ้มไป แล้วบอกว่า...

บางครั้ง...คนต่างศาสนิกก็ไม่เข้าใจในหลักการอิสลาม
อย่างถ่องแท้ เลยไม่แปลกถ้าจะคิดเช่นนี้ค่ะ...
วันนั้นเลยอธิบายท่านผู้นั้นไปเสียนานเลยค่ะ...
ก่อนจะตบท้ายว่า...ที่ผ่านมาหนูอ่านและศึกษาศาสนาอื่น
มาไม่น้อยเลยค่ะ ถ้าให้แจกแจงหรือพูดคุยกันเรื่องศาสนาต่างๆ
หนูก็พร้อม...แต่เพราะสำหรับหนูแล้ว...หนูหยุดใจไว้ที่อิสลาม
หยุดชีวิตเอาไว้ที่อิสลาม....และอยากจะใช้ชีวิตบนหนทาง
ของอิสลาม...เพราะหนูได้เลือกศาสนา เลือกทางเดิน
ของตัวเองแล้ว จะเกิดอะไรจากนี้ หนูก็จะไม่เสียใจเลย...
เพราะหนูเลือกแล้วที่จะเป็นมุสลิม...ไม่ได้เลือกเพราะพ่อแม่
บังคับให้เลือก ไม่มีใครบังคับหนูให้เลือกอะไรได้อีกแล้ว...
และหนูก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เลือก มันคือความเต็มใจ
ที่จะอยู่กับอิสลาม และอยากตายในสภาพมุสลิมด้วย...
ต่อให้ทางที่เดินไปจะคับแคบแค่ไหน หนูก็เต็มใจ
และมีความสุขกับการอยู่บนหนทางแห่งอิสลาม...
อิสลาม...คือทางเลือกของหนู...และหนูเชื่อว่านี่คือทางรอดเดียว
ที่หนูหาจนเจอหลังจากที่พลัดเดินหลงทางมานาน...

เลยอยากจะมาถามพี่น้องในนี้ว่า หากท่านถูกถามเช่นนี้
ท่านจะตอบว่าอย่างไรคะ...

แล้วข้าน้อยจะกลับมาพิมพ์ในสิ่งที่ได้ตอบไปในวันนั้นค่ะ
อินชาอัลลอฮฺ...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged