ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 57 สูเราะฮฺ อัลหะดีด  (อ่าน 2579 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัลหะดีด (الحديد) – เหล็ก

เป็นสูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ มี 29 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัลฮะดีด (R4.)

   ซูเราะฮฺนี้เป็นซูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ ซึ่งให้การสนใจต่อการตราพระราชบัญญัติ การอบรม และการชี้แนะ อีกทั้งเสริมสร้างสังคมอิสลามให้ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งหลักการอะกีดะฮฺที่บริสุทธิ์ มรรยาทอันดีงามและการตราบัญญัติที่รัดกุม
   ซูเราะฮฺอัลฮะดีด ได้กล่าวถึงเรื่องสำคัญ ๆ 3 เรื่องคือ
   หนึ่ง : จักรวาลทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺตะอาลา พระองค์เป็นผู้สร้างและผู้ประดิษฐ์มันอีก ทั้งเป็นผู้บริหารตามที่พระองค์ทรงประสงค์
   สอง : จำเป็นต้องเสียสละชีวิตและสิ่งมีค่าเพื่อเชิดชูศาสนาของอัลลอฮฺ และดวงประทีปของอิสลาม
   สาม : วาดภาพข้อเท็จจริงของโลกดุนยาว่า ไม่มีสาระ ปราศจากแก่นสาร และเป็นสิ่งที่ลวงตาเพื่อมิให้มนุษย์หลงระเริงต่อมัน
   ซูเราะฮฺเริ่มด้วยการกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของผู้สร้าง ญัลละวะอะลา ซึ่งทุกสิ่งในจักรวาล เช่น ต้นไม้ ก้อนหิน ดินโคลน มนุษย์ สัตว์ แร่ธาตุต่าง ๆ ย่อมแซ่ซ้องสดุดีต่อพระองค์ ทุกสิ่งจะกล่าวถถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ยีนยันถึงความเป็นเอกภาพของพระองค์
   ต่อจากนั้นได้กล่าวถึงคุณลักษณะอันดีงามของอัลลอฮฺและบรรดาพระนามอันสูงส่งของพระองค์ พระองค์ทรงปฐมโดยไม่มีเริ่มต้น ทรงท้ายสุดโดยไม่มีอวสาน ทรงปรากฏตัวด้วยร่องรอยแห่งสิ่งถูกสร้างมาของพระองค์ ทรงซ่อนเร้นซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ถึงธาตุแท้แห่งข้อเท็จจริงของพระองค์ และพระองค์คือผู้สร้างมนุษย์และผู้กำหนดจัดเตรียมจักรวาล
   อัลอายาตต่อ ๆ มา ได้เรียกร้องเชิญชวนบรรดามุสลิมให้เสียสละ มีใจคอกว้างขวาง และบริจาคในหางของอัลลอฮฺ เพื่อให้บรรลุสู่ความมีเกียรติและความสูงส่งแห่งกิจการอิสลาม ดังนั้นจำเป็นแก่มุอฺมินที่จะต้องต่อสู้เสียสละด้วยชีวิตและทรัพย์สินเพื่อให้ได้มาซึ่งความสันติสุขในโลกดุนยา และผลตอบแทนในโลกอาคิเราะฮฺ
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงผู้ศรัทธาและมุนาฟิก สำหรับบรรดาผู้ศรัทธานั้น แสงสว่างของพวกเขาได้ฉายแสงออกมาข้างหน้าและรอบ ๆ ตัวของพวกเขา ส่วนพวกมุนาฟิกีนนั้นก็คลำหาทางในความมืด เช่นเดียวกับที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในโลกดุนยา คล้ายกับเดียรัจฉานที่อยู่ในความมืดแห่งอวิชา ความผิดพลาดและการหลงทาง
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงของโลกดุนยา และข้อท็จจริงของโลกอาคิเราะฮฺ และได้วาดภาพของโลกทั้งสองไว้อย่างละเอียด โลกดุนยาเป็นโลกที่สูญสลาย ไม่ยั่งยืน ไม่ถาวร เสมือนกับพืชพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งได้งอกเงยอย่างเต็มที่เมื่อได้รับน้ำฝน แล้วมันจะมีสีเหลือง เหี่ยวแห้งร่วงโรย จนกระทั่งกลายเป็นเศษเป็นชิ้นไร้คุณค่า เมื่อลมพัดมามันก็กระจัดกระจายปลิวไปตามสายลม ส่วนโลกอาคิเราะฮฺนั้นเป็นโลกแห่งความจีรัง คงอยู่ตลอดไป ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก ไม่มีความทุกข์ยากและความกังวลใจ
   ซูเราะฮฺจบลงด้วยการกล่าวถึงเป้าหมายของการส่งบรรดารอซูลมา ใช้ให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ อัซซะวะญัล และให้เจริญรอยตามแนวทางที่ถูกต้องของบรรดารอซูล และบรรดานะบีของพระองค์
   ชื่อของซูเราะฮฺ
   ซูเราะฮฺถูกขนานนามว่า “ซูเราะฮฺอัลฮะดีด” เพราะได้กล่าวถึงเหล็กในซูเราะฮฺนี้ ซึ่งมันเป็นพลังของมนุษย์ทั้งในยามสงบและยามสงคราม เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน เหล็กนำไปใช้ในการสร้างสะพานอันใหญ่โตและตึกรามบ้านช่อง เหล็กใช้สำหรับทำโล่ ดาบและหอก และนำไปใช้ในการทำรถถัง เรือดำน้ำ ปืนใหญ่ และอาวุธอื่น ๆ อีกมากมาย


-----------------------------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

-----------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลหะดีด อายะฮฺที่ 1 - 3




คำอ่าน
1.   สับบะหะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม
2.   ละฮูมุลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ ยุหฺยีวะยุมีตุ วะฮุวะอะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรฺ
3.   ฮุวัลเอาวะลุ วัลอาคิรุ วัซซอฮิรุ วัลบาฏินุ วะฮุวะบิกุลลิชัยอินอะลีม

คำแปล R1.
1. Whatsoever is in the heavens and the earth glorifies Allah, and He is the All-Mighty, All-Wise.
2. His is the Kingdom of the heavens and the earth, it is He who gives life and causes death; and He is Able to do all things.
3. He is the first (Nothing is before Him) and the Last (Nothing is after him), the Most High (Nothing is above Him) and the Most near (Nothing is nearer than Him). And He is the All-Knower of Every thing.


คำแปล R2.
1.   สรรพสิ่งที่มีในฟากฟ้าและแผ่นดินล้วนกล่าวสดุดีความบริสุทธิ์แด่อัลเลาะฮฺ และพระองค์ทรงอำนาจที่สุด ทรงปรีชาญาณที่สุด
2.   พระองค์ทรงอำนาจปกครองฟากฟ้าและแผ่นดิน ทรงทำให้เป็นและทรงทำให้ตาย และพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง
3.   พระองค์ทรงเป็นองค์แรก พระองค์ทรงเป็นองค์สุดท้าย พระองค์ทรงเป็นภายนอก พระองค์ทรงเป็นภายใน และพระองค์ทรงรอบรู้ในทุก ๆ สิ่ง


คำแปล R3.
1. สรรพสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดีอัลลอฮฺ และพระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาสามารถ
2. อำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ ผู้ทรงให้ชีวิตและทรงให้ตาย และทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
3. พระองค์ทรงเป็นองค์แรกและเป็นที่สุดท้าย ทรงเปิดเผยให้เห็นและทรงเร้นลับ และพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง


คำแปล R4.
1. สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และในแผ่นดินแซ่ซ้องสดุดีแด่อัลลอฮ. และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
2. อำนาจอันเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ทรงให้เป็นและทรงให้ตาย และพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
3. พระองค์ทรงเป็นองค์แรกและองค์สุดท้าย และทรงเปิดเผยและทรงเร้นลับ และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง


คำแปล R5.

๑. ได้ถวายสดุดีพระบพิตรคุณแก่อัลเลาะห์โดยสรรพสิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดินและพระองค์ทรงอำนาจเป็นที่สุด อีกทั้งทรงปรีชาญาณเป็นที่สุด
๒. พระองค์ทรงอำนาจสิทธิ์ในฟากฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ทรงประทานชีวิตและประทานความตาย แก่สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยดำเนินไปตามระบบและครรลองที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ และพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง
๓. พระองค์ทรงเป็นองค์ปฐมกาล ทรงเป็นองค์นิรันดร์กาล ทรงเป็นผู้เปิดเผย ทรงเป็นองค์ผู้เร้นลับ ไม่มีผู้ใดมองเห็นและรู้แจ้งในพระองค์ได้ และพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งนักในทุก ๆ สิ่ง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 23, 2012, 12:24 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหะดีด อายะฮฺที่ 4 - 6

คำอ่าน
4.   ฮุวัลละซีเคาะละก็อสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะ ฟีสิตตะติอัยยามิน..ษุม..มัสตะวาอะลัลอัรชฺ ยะอฺละมุมายะลิญุ ฟิลอัรฺฎิ วะมายัครุญุมินฮา วะมายัน..ซิลุมินัสสะมา...อิ วะมายะอฺรุญุฟีฮา วะฮุวะมะอะกุม อัยนะมากุน..ตุม วัลลอฮุบิมาตะอฺมะลูนะบะศีรฺ
5.   ละฮูมุลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะอิลัลลอฮิ ตุรฺญะอุลอุมูรฺ
6.   ยูลิญุลลัยละฟิน..นะฮาริ วะยูลิญุน..นะฮาเราะฟิลลัยลฺ วะฮุวะอะลีมุม..บิซาติศศุดูรฺ

คำแปล R1.
4. He it is who created the heavens and the earth in six days and then Istawa (rose over) the Throne (in a manner that suits his Majesty). He knows what goes into the earth and what comes forth from it, what descends from the heaven and what ascends thereto. And He is with you (by his knowledge) wheresoever you may be. And Allah is the All-Seer of what you do.
5. His is the Kingdom of the heavens and the earth. And to Allah return all the matters (for decision).
6. He merges night into day (i.e. the decrease in the hours of the night is added into the hours of the day), and merges day into night (i.e. the decrease in the hours of the day is added into the hours of the night), and He has full knowledge of whatsoever is in the breasts.


คำแปล R2.
4.   พระองค์ทรงบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดินในหกวัน หลังจากนั้นทรงสถิตเหนือบัลลังก์ พระองค์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่เข้าไปในแผ่นดินและสิ่งที่ออกมาจากมัน รวมทั้งสิ่งที่ลงมาจากฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่มัน และพระองค์ทรงพร้อมกับพวกเจ้าไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติเสมอ
5.   พระองค์ทรงอำนาจควบคุมฟากฟ้าและแผ่นดิน และการงานทั้งมวลย่อมถูกนำคืนสู่อัลเลาะฮฺ
6.   พระองค์ทรงบันดาลให้กลางคืนล้ำเข้าไปในกลางวัน และทรงบันดาลให้กลางวันล้ำเจ้าไปในกลางคืน และพระองค์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่มีอยู่ในหัวอก (ของทุก ๆ คน)


คำแปล R3.
4. พระองค์ต่างหากที่เป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในหกวันและหลังจากนั้นได้ทรงขึ้นไปบนบัลลังก์ พระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่เข้าไปในแผ่นดินและสิ่งที่ออกมาจากมัน และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่มัน พระองค์ทรงอยู่กับสูเจ้าไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ที่ไหน และอัลลอฮฺทรงเฝ้ามองสิ่งที่สูเจ้ากระทำอยู่
5. อำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ และกิจการทั้งปวงนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระองค์
6. พระองค์คือผู้ทรงทำให้กลางคืนเข้าไปในกลางวันและกลางวันเข้าไปในกลางคืน และพระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับที่สุดของหัวใจ


คำแปล R4.
4. พระองค์คือ พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินในระยะ 6 วัน แล้วพระองค์ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์ พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เข้าไปในแผ่นดิน และสิ่งที่ออกมาจากแผ่นดิน และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่ฟากฟ้าและพระองค์ทรงอยู่กับ พวกเจ้าไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด และ อัลลอฮ.ทรงเห็นสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
5. อำนาจอันเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของพระองค์ และการงานทั้งหลายถูกให้กลับไปยังอัลลอฮ.เท่านั้น
6. พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก


คำแปล R5.
๔. พระองค์ทรงบันดาลฟากฟ้าทั้งเจ็ด และแผ่นดินในหกวาระ หลังจากนั้นพระองค์ทรงมุ่งปกครองสรรพสิ่งทั้งปวงเหนือบัลลังก์ ทรงรอบรู้สิ่งที่เข้าไปอยู่ในแผ่นดิน เช่น น้ำฝนที่ซึมเข้าไป และคนตายที่ถูกฝังลงไป ตลอดจนทรัพยากรต่าง ๆ และสิ่งที่ออกมาจากมัน เช่น พืชและทรัพยากรที่ขุดขึ้นมา และทรงรอบรู้สิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้า เช่น ฝนและสิ่งที่ขึ้นไปสู่มัน เช่น ไอน้ำที่ก่อตัวเป็นเมฆ และการประพฤติที่ดี ตลอดจนวิญญาณ และพระองค์ทรงพร้อมที่จะให้การสงเคราะห์กับพวกเจ้า ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ ณ หนใดก็ตาม และอัลเลาะห์ทรงมองเห็นสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติทั้งหมด ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม แล้วพระองค์ก็ทรงตอบแทนอย่างสาสมกับความประพฤตินั้น
๕. พระองค์ทรงอำนาจสิทธิ์ในฟากฟ้าและแผ่นดิน และด้วยพระองค์เท่านั้น การงานทั้งหลายถูกนำกลับเพื่อการพิจารณาและพิพากษา
 ๖. พระองค์ทรงล้ำกลางคืนเข้าในกลางวัน และทรงล้ำกลางวันเข้าในกลางคืน จึงทำให้บางฤดูกาลมีกลางวันมากกว่ากลางคืน และพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งนักในสิ่งที่มีอยู่ในหัวอกของคนทุกคน ไม่ว่าจะศรัทธาหรือเนรคุณก็ตาม



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหะดีด อายะฮฺที่ 7 - 10

คำอ่าน
7.   อามินูบิลลาฮฺวะเราะสูลิฮี วะอัน..ฟิกูมิม..มาญะอะละกุม..มุสตัคละฟีนะฟีฮฺ, ฟัลละซีนะอามะนูมิน..กุม วะอัน..ฟะกูละฮุม อัจญรุน..กะบีรฺ
8.   วะมาละกุมลาตุอ์มินูนะบิลลาฮิ วัรฺเราะสูลุยัดอูกุม ลิตุอ์มินู บิร็อบบิกุม วะก็อดอะเคาะซะมีษาเกาะกุม อิน..กุน..ตุม..มุอ์มินีน
9.   ฮุวัลละซี ยุนัซซิลุอะลาอับดิฮี..อายาติม..บัยยินาติล ลิยุคริญะกุม..มินัซซุลุมาติ อิลัน..นูรฺ วะอิน..นัลลอฮะบิกุม ละเราะอูฟุรฺเราะหีม
10.   วะมาละกุมอัลลาตุน..ฟิกู ฟีสะบีลิลลาฮิ วะลิลลาฮิมีรอษุสสะมาวาติวัลอัรฎฺ, ลายัสตะวีมิน..กุม..มันอัน..ฟะเกาะ มิน..ก็อบลิลฟัตหิ วะกอตัล อุลา...อิกะอะอฺเซาะมุดะเราะญะตัม..มินัลละซีนะอัน..ฟะกู มิม..บะอฺดุ วะกอตะลู วะกุลเลา..วะอะดัลลอฮุลหุสนา วัลลอฮุบิมาตะอฺมะลูนะเคาะบีรฺ

คำแปล R1.
7. Believe in Allah and his Messenger (Muhammad), and spend of that whereof He has made you trustees. And such of you as believe and spend (in Allah's way), theirs will be a great reward.
8. And what is the matter with you that you believe not in Allah! While the Messenger (Muhammad) invites you to believe in your Lord (Allah), and He (Allah) has indeed taken your covenant, if you are real believers.
9. It is He who sends down manifest Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) to his slave (Muhammad) that He may bring you out from darkness into light. And verily, Allah is to you full of kindness, Most Merciful.
10. And what is the matter with you that you spend not in the Cause of Allah? And to Allah belongs the heritage of the heavens and the earth. Not equal among you are those who spent and fought before the conquering (of Makkah) (with those among you who did so later). Such are higher in degree than those who spent and fought afterwards. But to all, Allah has promised the best (reward). And Allah is All-Aware of what you do.


คำแปล R2.
7.   เจ้าทั้งหลายจงศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์เถิดและพวกเจ้าจงใช้จ่าย (ทรัพย์สิน) บางสิ่งที่พระองค์ทรงบันดาลพวกเจ้าให้เป็นผู้สืบทอดในสิ่งนั้น แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธาในหมู่พวกเจ้าและได้ใช้จ่าย (ทรัพย์สิน) นั้น พวกเขาย่อมได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ที่สุด
8.   และมีเหตุผลใดหรือที่พวกเจ้าไม่ศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูต? ซึ่งเขาเชิญชวนพวกเจ้าให้มีศรัทธาในองค์อภิบาลของพวกเจ้าและแท้จริงพระองค์ได้เอาสัญญาต่อพวกเจ้า หากพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธา
9.   พระองค์ทรงประทานบรรดาสัญลักษณ์อันชัดแจ้งให้ลงมายัง (นบีมุฮัมมัดผู้เป็น) บ่าวของพระองค์เพื่อเขาจะได้นำพวกเจ้าออกมาจากความมืดสู่ความสว่างและแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงปรานี ทรงเมตตาต่อพวกเจ้าเป็นที่สุด
10.   และมีเหตุผลใดหรือที่พวกเจ้าไม่ใช้จ่าย (ทรัพย์สิน) ไปในทางของอัลเลาะฮฺ? ทั้งที่ (พวกเจ้าก็รู้ดีว่า) อัลเลาะฮฺทรงสิทธิ์ในมรดกแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน ย่อมไม่ทัดเทียมกันในระหว่างพวกเจ้าอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่ได้ใช้จ่าย (ทรัพย์สิน) และออกทำศึกก่อนหน้าชัยชนะ (ของนบีมุฮัมมัดที่มีเหนือมักกะฮฺ) พวกเขามีระดับชั้นที่เหนือกว่าบรรดาจำพวกที่ใช้จ่าย (ทรัพย์สิน) และออกทำศึกภายหลังจากนั้น และทั้งหมดนั้นอัลเลาะฮฺได้สัญญา (การตอบแทน) ที่ดีงามไว้แล้ว และอัลเลาะฮฺทรงตระหนักในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติไว้เสมอ

 
คำแปล R3.
7. จงศรัทธาในอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และจงใช้จ่ายจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอด สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและใช้จ่ายจากทรัพย์สินของพวกเขานั้น จะมีรางวัลตอบแทนอันยิ่งใหญ่
8. แล้วเรื่องอะไรเล่าที่สูเจ้าจะไม่ศรัทธาในอัลลอฮฺในขณะที่รอซูลได้เชิญชวนสูเจ้าให้ศรัทธาในพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และได้ให้สูเจ้าทำสัญญา ถ้าหากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง?
9. พระองค์คือผู้ประทานอายะฮฺทั้งหลายอันชัดแจ้งลงมาแก่บ่าวของพระองค์เพื่อที่เขาจะได้นำสูเจ้าออกมาจากความมืดสู่แสงสว่าง และความจริงแล้วอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาสูเจ้า
10. แล้วเรื่องอะไรเล่าที่สูเจ้าจะไม่ใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺในขณะที่มรดกแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของอัลลอฮฺ? บรรดาผู้ที่ใช้จ่ายและต่อสู้ก่อนที่จะได้รับชัยชนะย่อมไม่อาจที่จะเท่ากับบรรดาผู้ที่จะใช้จ่ายหลังจากได้ชัยชนะอย่างแน่นอน พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าบรรดาผู้ใช้จ่ายและต่อสู้หลังจากนั้น ถึงแม้ว่าอัลลอฮฺได้ทรงสัญญาความดีงามไว้แก่คนทั้งสองพวกนี้ก็ตาม อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าทำ


คำแปล R4.
7. พวกเจ้าจงศรัทธาต่ออัลลอฮ. และร่อซูลของพระองค์ และจงบริจาคในทางของอัลลอฮจากสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้พวกเจ้าเป็นตัวแทนของ มัน ดังนั้นบรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาผู้บริจาคในหมู่พวกเจ้านั้นสำหรับพวกเขาจะได้ รับรางวัลอันใหญ่ยิ่ง
8. และไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ. ทั้ง ๆ ที่ร่อซูลได้เรียกร้องพวกเจ้าให้ศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเจ้า และแน่นอนพระองค์ได้ทรงเอาสัญญากับพวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
9. พระองค์เป็นผู้ทรงประทานบรรดาอัลอายาตอันชัดแจ้งลงมาแก่ (มุฮัมมัด) บ่าวของพระองค์ เพื่อทรงนำพวกเจ้าออกจากความมืดทั้งหลายสู่ความสว่าง และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอต่อพวกเจ้า
10. และไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่บริจาคในทางของอัลลอฮฺ ทั้ง ๆ ที่มรดกแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนี้เป็นของอัลลอฮฺ ในหมู่พวกเจ้านั้นมีผู้บริจาคและได้ต่อสู้ (ในทางของอัลลอฮฺ) ก่อนการพิชิต(นครมักกะฮฺ) ชนเหล่านั้นย่อมมีฐานะสูงส่งกว่าบรรดาผู้บริจาคและต่อสู้(ในทางของอัลลอฮฺ) หลังการพิชิต(นครมักกะฮฺ)  และอัลลอฮฺทรงสัญญาความดีงาม (สวนสวรรค์) แก่ทั้งสองฝ่าย และอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ


คำแปล R5.
๗. พวกเจ้าทั้งหลายจงศรัทธาต่ออัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์เถิด และพวกเจ้าจงใช้จ่ายในทางของอัลเลาะห์ บางอย่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดให้พวกเจ้าเป็นผู้สืบสิทธิ์แทนในสิ่งนั้นจากบรรพบุรุษของพวกเจ้า อันได้แก่ทรัพย์สินต่าง ๆ และจะมีผู้อื่นที่เป็นทายาทของพวกเจ้ามารับสิทธิ์แทนต่อไป จึงไม่สมควรที่จะตระหนี่ในการใช้จ่ายทรัพย์สิน
   โองการข้างต้นนี้ประทาน ณ สงครามตะบูก ใกล้แผ่นดินซามในปีที่เก้า ภายหลังจากกลับจากสงครามตออิฟ และท่านนบีมุฮำมัดอยู่ที่ตะบูกยี่สิบวัน เป็นการสัมมนาสันติภาพ โดยมอบบรรณาการ มิใช่โดยการรบ
แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธาจากพวกเจ้าและทำการใช้จ่ายทรัพย์สินไปโดยไม่ตระหนี่ พวกเขาย่อมได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ตอบแทนจากอัลเลาะห์
๘. และเพราะเหตุใดเล่า พวกเจ้าจึงไม่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ ซึ่งเขาได้เรียกร้องพวกเจ้าเพื่อให้พวกเจ้ามีศรัทธาต่อองค์พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า และพระองค์ได้เอาสัญญาต่อพวกเจ้า ตั้งแต่ในยุคสมัยที่พวกเจ้ายังไม่เกิดมาสู่โลกร่างกาย โดยพวกเจ้ามีสภาพเป็นจิตวิญญาณ พระองค์ตรัสถามพวกเจ้าว่า ข้าเป็นพระเจ้าของเจ้าใช่ไหม พวกเจ้าก็ตอบว่าใช่แล้ว พระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเรา หากพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธา
 ๙. พระองค์ทรงประทานให้ลงมาแก่บ่าวของพระองค์ คือ นบีมุฮำมัด ซึ่งบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ อันชัดแจ้ง ทั้งที่เป็นโองการและที่เป็นปาฏิหาริย์ ทั้งนี้เพื่อพระองค์ทรงนำพวกเจ้าออกมาจากความมืดของความเนรคุณสู่แสงสว่างแห่งความศรัทธา และแท้จริงอัลเลาะห์ทรงปรานี อีกทั้งทรงเมตตายิ่งนักต่อพวกเจ้าทั้งมวล
๑๐. และเพราะเหตุใดเล่าพวกเจ้าจึงไม่ใช้จ่ายทรัพย์สินไปในหนทางของอัลเลาะห์ และอัลเลาะห์ทรงสิทธิหากการสืบทอดฟากฟ้าและแผ่นดิน เป็นอำนาจของพระองค์เพียงผู้เดียว ย่อมไม่ทัดเทียมกันจากพวกเจ้า ผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์สินและทำการรบสนับสนุนแนวทางของอัลเลาะห์ ก่อนหน้าการยึดมักกะห์ได้ พวกเหล่านั้นมีฐานันดรอันยิ่งใหญ่กว่าบรรดาผู้ใช้จ่ายและทำการรบภายหลังจากนั้น และทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะใช้จ่ายก่อนการยึดมักกะห์ได้หรือหลังจากนั้นก็ตาม อัลเลาะห์ได้สัญญาการตอบแทนที่ดีงามไว้แล้วแก่พวกเขา นั่นคือสวรรค์ที่จะมอบให้ ถึงแม้ฐานันดรจะต่างกัน แต่ทั้งหมดก็ได้เข้าสวรรค์เหมือนกัน และอัลเลาะห์ผู้ทรงตระหนักยิ่งนักในสิ่งที่พวกเจ้าปฏิบัติ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฮะดีด อายะฮฺที่ 11 - 15

คำอ่าน
11.   มัน..ซัลละซียุกริฎุลลอฮะ ก็อรฺฎ็อน หะสะนัน..ฟะยุฎออิฟะฮูละฮู วะละฮูอัจญรุน..กะรีม
12.   เยามะตะร็อล มุอ์มินีนะ วัลมุอ์มินาติ ยัสอานูรุฮุม บัยนะอัยดีฮิม วะบิอัยมานิฮิม บุชรอกุมุลเยามะ ญันนาตุน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ คอลิดีนะฟีฮา ซาลิกะฮุวัลเฟาซุลอะซีม
13.   เยามะยะกูลุลมุนาฟิกูนะ วัลมุนาฟิกอตุ ลิลละซีนะอามะนุน..ซุรูนา นักตะบิสมิน..นูริกุม กีลัรฺญิอู วะรอ...อะกุม ฟัลตะมิสูนูรอ ฟะฎุริบะบัยนะฮุม..บิสูริลละฮูบาบ บาฏินุฮูฟีฮิรฺเราะหฺมะตุ วะซอฮิรุฮู มิน..กิบะลิฮิลอะซาบ
14.   ยุนาดูนะฮุม อะลัมนะกุม..มะอะกุม กอลูบะลา วะลากิน..นะกุม ฟะตัน..ตุม อัน..ฟุสะกุม วะตะร็อบบัศตุม วัรฺตับตุม วะฆ็อรฺ ร็อรฺ กุมุลอะมานียุ หัตตาญา..อะ อัมรุลลอฮิ วะฆ็อรฺเราะกุม..บิลลาฮิลเฆาะรูรฺ
15.   ฟัลเยามะลายุอ์ เคาะซุมิน..กุม ฟิดยะตู..วะลามินัลละซีนะกะฟะรู มะอ์วากุมุน..นารฺ ฮิยะเมาลากุม วะบิอ์สัลมะศีรฺ

คำแปล R1.
11. Who is he that will lend to Allah a goodly loan, then (Allah) will increase it manifold to his credit (in repaying), and He will have (besides) a good reward (i.e. Paradise).
12. On the Day you shall see the believing men and the believing women their light running forward before them and by their right hands. Glad tidings for you this Day! Gardens under which rivers flow (Paradise), to dwell therein forever! Truly, this is the great success!
13. On the Day when the hypocrites men and women will say to the believers: "Wait for us! Let us get something from your light!" it will be said: "Go back to your rear! Then seek a light!" so a wall will be put up between them, with a gate therein. Inside it will be mercy, and outside it will be torment."
14. (The hypocrites) will call the believers: "Were we not with you?" the believers will reply: "Yes! but you led yourselves into temptations, you looked forward for our destruction; You doubted (in faith); and you were deceived by false desires, till the command of Allah came to pass. And the chief deceiver (Satan) deceived you in respect of Allah."
15. So this Day no ransom shall be taken from you (hypocrites), nor of those who disbelieved, (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism). Your abode is the Fire, that is the proper place for you, and worst indeed is that destination.


คำแปล R2.
11.   ใครหนอที่จะให้อัลเลาะฮฺเป็นหนี้ที่ดีงามที่สุดเพื่อพระองค์จะได้ทวีหนี้นั้นให้แก่เขา (มากกว่าที่เขาให้อัลเลาะฮฺมากมายนัก)? และเขาย่อมได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ (เป็นสิ่งตอบแทน)
12.   (จงระลึกเถิดถึง) วันซึ่งเจ้ามองเห็นบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งชายและหญิงซึ่งรัศมีของเขาโชติช่วงต่อเบื้องหน้าของพวกเขาและเบื้องขวาของพวกเขา (พร้อมกับมีผู้ให้พรแก่พวกเขาว่า) “พวกท่านได้รับข่าวดีในวันนี้ (พวกท่านจะได้) สวรรค์ที่มีธารน้ำไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกท่านได้เข้าอยู่ในนั้นโดยนิรันดร์ นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุด
13.   (จงระลึกเถิดถึง) วันซึ่งบรรดาพวกสับปลับทั้งหลายทั้งชายและหญิงจะพูดกับบรรดาผู้มีศรัทธาว่า “พวกท่านจงรอคอยพวกเราด้วยเถิด! เพื่อเราจะได้รับรัศมีของพวกท่าน!” มีผู้พูด (กับพวกเขา) ว่า “พวกท่านจงถอยหลังกลับไปเถิด แล้วจงแวงหารัศมี ณ ที่นั้น” และก็มีการจัดสร้างขึ้นระหว่างพวกเขา (ที่มีศรัทธาและที่สับปลับ) ด้วยกำแพงขวางกั้นซึ่งมีประตู โดยภายในนั้นแวดล้อมไปด้วยความเมตตา (ของอัลเลาะฮฺ ประกอบด้วยสวรรค์และความสุขนานาประการ) ส่วนภายนอกของมันจากด้านของมันนั้น คือการลงโทษ (ของไฟนรก)
14.   (พร้อมกันนั้น) พวกที่สับปลับ เรียกพวกที่มีศรัทธาว่า “พวกเราเคยร่วมสังคมพร้อมกับพวกท่าน (ในสากลโลก) มิใช่หรือ?” พวกมีศรัทธาตอบว่า “ถูกแล้ว! แต่ทว่าพวกท่านได้ทำลายตัวของพวกท่านเอง และพวกท่านรอคอย (ความพินาศของฝ่ายมุสลิมด้วยใจอาฆาตแค้น) พร้อมทั้งมีจิตรวนเรอีกทั้งความเพ้อฝัน (ในเรื่องไร้สาระ) ได้หลอกลวงท่าน จนกระทั่งการงานของอัลเลาะฮฺ ได้มาประสบแก่พวกท่าน (คือถึงแก่ความตาย) และมายาการ (แห่งมารร้าย) ได้หลอกลวงท่านด้วยลักษณะที่ดีงาม และความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ
15.   ดังนั้น ในวันนี้จึงไม่มีค่าไถ่ใด ๆ ที่จะถูกรับไว้เพื่อไถ่ตัวของพวกท่านและไถ่ตัวบรรดาพวกไร้ศรัทธา ที่พำนักของพวกท่านคือนรก (สถานเดียว) มันเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพวกท่าน และมันเป็นเป้าหมายสุดท้ายที่เลวที่สุดสำหรับพวกท่าน


คำแปล R3.
11. ใครคือผู้ที่จะให้ยืมแก่อัลลอฮฺด้วยการยืมที่ดี? เพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงคืนมันกลับไปมากกว่านั้น และเขาจะได้รับการตอบแทนที่ดีที่สุด
12. วันที่เจ้าจะได้เห็นชายและหญิงผู้ศรัทธาพร้อมกับรัศมีส่องสว่างอยู่เหนือพวกเขาและทางด้านขวาของพวกเขา (พวกเขาจะถูกกล่าวว่า) “วันนี้มีข่าวดีสำหรับสูเจ้า” จะมีสวนสวรรค์ที่ใต้นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่านและสูเจ้าจะได้พำนักอยู่ในนั้นตลอดไป นี่คือความสำเร็จอันสูงสุด
13. ในวันนั้น พวกตลบตะแลงทั้งชายและหญิงจะกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า “หันมามองเราบ้างสิ เพื่อที่เราจะได้ประโยชน์จากแสงสว่างของพวกท่านบ้าง” และพวกเขาจะถูกกล่าวว่า “ไปให้พ้น ไปหาแสงสว่างของพวกเจ้าในที่อื่น” หลังจากนั้นก็จะมีบ่อน้ำขึ้นมาระหว่างพวกเขาพร้อมกับประตูบานหนึ่งในนั้น ภายในประตูนี้จะมีความเมตตาและภายนอกจะมีการลงโทษ
14. พวกเขาจะร้องเรียกบรรดาผู้ศรัทธาและกล่าวว่า “เราจะไม่ได้อยู่กับพวกท่านกระนั้นหรือ?” บรรดาผู้ศรัทธาจะตอบว่า “ใช่แล้ว แต่พวกเจ้าต่างหากที่ทำตัวเองให้ตกอยู่ในการถูกหลอกลวง คอยเวลา สงสัยอยู่ตลอด และความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ได้ล่อลวงพวกเจ้าจนกระทั่งการตัดสินของอัลลอฮได้มาถึง และผู้หลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ได้หลอกลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮฺจนกระทั่งวาระสุดท้าย
15. ดังนั้น การไถ่โทษจะไม่เป็นที่ยอมรับจากพวกเจ้าในวันนี้และจากบรรดาผู้ปฏิเสธ ที่พำนักของพวกเจ้าคือนรก มันจะเป็นผู้อุปถัมภ์ของพวกเจ้า และนี่คือปลายทางอันชั่วร้าย”


คำแปล R4.
11. ใครคือผู้ที่จะให้อัลลอฮฺยืม (บริจาคในทางของอัลลอฮฺ) ด้วยการยืมที่ดี แล้วพระองค์ก็จะทรงเพิ่มพูนผลบุญแก่เขา และเขาจะได้รับรางวัลอันมีเกียรติ (สวนสวรรค์)
12. วันที่เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง แสงสว่างของพวกเขาจะฉายแสง ณ เบื้องหน้าของพวกเขา และ ทางเบื้องขวาของพวกเขา (จะมีเสียงกล่าวว่า) วันนี้มีข่าวดีแก่พวกเจ้า คือสวนสวรรค์หลากหลายมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างของมัน โดยพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่
13. วันที่พวกมุนาฟิกีนชาย และพวกมุนาฟิกีนหญิงจะกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่าจงมองมายังเราเถิด เพื่อเราจะได้รับแสงสว่างของพวกท่านด้วยจะมีเสียงกล่าวว่า จงหันหลังกลับไปทางข้างหลังของพวกเจ้าเพื่อแสวงหาเอาเอง (ขณะนั้น) ก็จะมีกำแพงที่มีประตูบานหนึ่งมาขวางกั้นระหว่างพวกเขา ด้านในของมันนั้นมีความเมตตา และด้านนอกของมัน (ของพวกมุนาฟิกีน) มีการลงโทษ
14. พวกเขา (พวกมุนาฟิกีน) จะร้องเรียกเขาทั้งหลาย (บรรดามุอฺมินีน) ว่าพวกเรามิได้เคยอยู่ร่วมกับพวกท่านดอกหรือ? เขาทั้งหลายกล่าวว่า แน่นอน แต่พวกท่านได้ทำลายตัวของพวกท่านด้วยการกลับกลอกและพวกท่านคอยสิ่งที่เกิด ขึ้น (แก่บรรดามุอฺมินีน) และพวกท่านสงสัย (ในเรื่องของศาสนา) และความหวังที่เลื่อนลอยได้หลอกลวงพวกท่าน จนกระทั่งพระบัญชาของอัลลอฮฺได้มีมา และมัน (ชัยฎอน) ได้ล่อลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮฺ
15. ดังนั้น วันนี้การไถ่บาปจะไม่ถูกรับจากพวกเจ้า และจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาที่พำนักของพวกเจ้าคือไฟนรกมันเป็นสถานที่อัน เหมาะสมแก่พวกเจ้า และมันเป็นทางกลับที่ชั่วร้ายยิ่ง


คำแปล R5.
๑๑. ผู้ใดที่ให้อัลเลาะห์กู้ยืมอย่างดีเยี่ยม หมายถึงการที่เขาได้บริจาคในทางของอัลเลาะห์อย่างบริสุทธิ์ใจและไม่เสียดาย แน่นอนพระองค์จักทรงทวีผลการบริจาคนั้นแก่เขา และเขาได้รับรางวัลอันทรงเกียรติยิ่ง
๑๒. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงระลึกถึงวันซึ่งเจ้าจะได้เห็นมวลศรัทธาชนทั้งชายหญิงมีรัศมีของเขาพวยพุ่งระหว่างข้างหน้าของพวกเขาและ ณ เบื้องขวาของพวกเขา เป็นแสงที่ส่องทางให้เขาได้เดินทางผ่านสะพานศิรอฏอลมุสตะกีมไปสู่สวรรค์ ข่าวดีของพวกเจ้าในวันนี้คือบรรดาสวรรค์ที่มีธารสายน้ำหลากสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าประจำอยู่ในนั้นเป็นนิรันดร นั้นเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้รับ เนื่องจากมีศรัทธาและประพฤติความดีงาม
๑๓. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงรำลึกถึงวันซึ่งพวกสับปลับทั้งชายและหญิงจะกล่าวกับบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายจงบอกเราด้วย เราขอแบ่งปันรัศมีของพวกท่านบ้าง ในขณะนั้นก็มีผู้กล่าวแก่พวกเหล่านั้นว่า พวกเจ้าจงกลับไปอยู่เบื้องหลังของพวกเจ้าเถิดแล้วพวกเจ้าจงแสวงหารัศมีเอาเองจากที่นั่น จากนั้นก็มีการจัดทำรั้วสกัดกั้นระหว่างพวกเขา ซึ่งมันมีประตูเข้าออกได้ ภายในของมันนั้นมีความเมตตาของอัลเลาะห์และภายนอกของมัน อันเป็นส่วนที่ถูกกันไว้ เป็นที่อยู่ของพวกสับปลับ มีการลงโทษ
๑๔. พวกสับปลับเหล่านั้น ร้องเรียกพวกเขาชาวศรัทธาว่า ก็พวกเราได้อยู่ร่วมกับพวกท่านมิใช่หรือ ในการประกอบการทำอิบาดะห์ในโลกดุนยา พวกเขา ชาวศรัทธา กล่าวตอบว่า ถูกแล้ว พวกท่านเคยทำอิบาดะห์ร่วมกับพวกเราในโลกดุนยา แต่ก็เป็นเพียงการแสดงภายนอกเท่านั้น แต่ทว่าพวกท่านได้บ่อนทำลายตัวของพวกท่านเองด้วยการเป็นคนสับปลับ และพวกท่านรอคอยโอกาสหายนะของฝ่ายมุสลิม และพวกท่านมีความสงสัยในศาสนาอิสลาม และจินตนาการไร้สาระต่าง ๆ ได้ลวงพวกท่าน จนกระทั่งการงานของอัลเลาะห์ได้มาประสบแก่พวกท่าน และมารร้ายผู้ล่อลวงได้ทำการล่อลวงพวกท่านด้วยความเมตตาปรานี ซึ่งกว้างขวางของอัลเลาะห์ที่ทรงประทานแก่พวกท่านจนพวกท่านคิดว่าอัลเลาะห์คงจะไม่ทำโทษ และบาปที่กระทำมาแล้ว พระองค์ทรงอภัยให้
๑๕. ดังนั้น ในวันนี้ ค่าไถ่ตัวใด ๆ จะไม่ถูกรับเอาไปจากพวกเจ้า เพื่อไถ่ความผิดต่าง ๆ และไม่ถูกรับจากบรรดาพวกเนรคุณทั้งหลาย ที่อยู่ของพวกเจ้าคือนรก มันเป็นที่อันเหมาะสมที่สุดของพวกเจ้า และมันเป็นที่กลับคืนอันชั่วช้าที่สุด



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฮะดีด อายะฮฺที่ 16 - 19

คำอ่าน
16. อะลัมยะอ์นิลิลละซีนะอามะนูอัน..ตัคชะอะกุลูบุฮุม ลิซิกริลลาฮิวะมานะซะละมินัลหักกิ วะลายะกูนูกัลละซีนะอูตุลกิตาบะ มิน..ก็อบลุ ฟะฏอละอะลัยฮิมุล อะมะดุ ฟะเกาะสัดกุลูบุฮุม วะกะษีรุม..มินฮุม ฟาสิกูน
17. เอียะอฺละมู อัน..นัลลอฮะ ยัวหฺยิลอัรฺเฎาะ บะอฺดะเมาติฮา ก็อดบัยยัน..นาละกุมุลอายาติ ละอัลละกุมตะอกิลูน
18. อิน..นัลมุศศ็อดดิกีนะ วัลมุศศ็อดดิกอติ  วะอักเราะฎุลลอฮะ ก็อรฺฎ็อนหะสะนัย..ยุฎออิฟุละฮุม วะละฮุมอัจญรุน..กะรีม
19. วัลละซีนะอามะนูบิลลาฮิ วะรุสุลิฮี อุลา...อิกะฮุมุศศิดดีกูน วัชชุฮะดา...อุ อิน..ดะร็อบบิฮิม ละฮุมอัจญรุฮุม วะนูรุฮุม วัลละซีนะกะฟะรู วะกัซซะบูบิอายาตินา อุลา...อิกะอัศหาบุลญะหีม

คำแปล R1.
16. Has not the time come for the hearts of those who believe (in the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) to be affected by Allah's Reminder (this Qur'an), and that which has been revealed of the truth, lest they become as those who received the Scripture [the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel)] before (i.e. Jews and Christians), and the term was prolonged for them and so their hearts were hardened? And many of them were Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).
17. Know that Allah gives life to the earth after its death! Indeed we have made clear the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) to you, if you but understand.
18. Verily, those who give Sadaqat (i.e. Zakat and alms, etc.), men and women, and lend to Allah a goodly loan, it shall be increased manifold (to their credit), and theirs shall be an honourable good reward (i.e. Paradise).
19. And those who believe in (the Oneness of) Allah and his Messengers, they are the Siddiqun (i.e. those followers of the Prophets who were first and foremost to believe in them), and the martyrs with their Lord, they shall have their reward and their light. But those who disbelieve (in the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) and deny our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.), they shall be the dwellers of the blazing Fire.


คำแปล R2.
16.   ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้มีศรัทาที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมเพื่อการระลึกถึงอัลเลาะฮฺ และระลึกถึงสัจธรรม (แห่งอัลกุนอาน) ที่ลงมา (สู่พวกเขา)? และพวกเขาจงอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่เคยถูกประทานคัมภีร์ให้เมื่อยุคก่อน ๆ แต่แล้วเมื่อกาลเวลาได้ผ่านพวกเขาไปอย่างยาวนาน หัวใจของพวกเขาก็แข็งกระด้าง (ทอกทิ้งคัมภีร์ไว้โดยสิ้นเชิง) และส่วนมากของพวกเขาล้วนเป็นผู้ฝ่าฝืน
17.   เจ้าทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงบันดาลความชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดิน ภายหลังที่มันเคยแห้งแล้งมาก่อน แท้จริงเราได้แจ้งสัญลักษณ์ต่าง ๆ แก่พวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจะได้ไตร่ตรอง
18.   แท้จริงบรรดาผู้ทำทานทั้งชายและหญิงและได้ให้อัลเลาะฮฺเป็นหนี้อย่างดีงามนั้น พวกเขาย่อมได้รับการตอบแทนทวี (มากกว่าที่ทำไป) และพวกเขาจักได้รับรางวันอันทรงเกียรติยิ่ง
19.   และบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺ และศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาเหล่านั้น ณ องค์อภิบาลของพวกเขาแล้ว มีฐานะเทียบเท่ากับ “พวกศิดดีกีน-ผู้มีจิตเลื่อมใสแท้” และ “ซุ่ฮาดาอ์-ผู้สละชีพเพื่อศาสนา” พวกเขาจะได้รับรางวัลและรัศมีของพวกนั้นด้วย ส่วนบรรดาจำพวกไร้ศรัทธาและว่าโองการต่าง ๆ ของเรามุสา พวกเหล่านั้นเป็นชาวนรกโดยแท้


คำแปล R3.
16. ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะหวั่นกลัวด้วยการระลึกถึงอัลลอฮฺและยอมจำนนต่อสัจธรรมที่ประธานลงมาโดยพระองค์ และพวกเขาจะต้องไม้เป็นอย่างเช่นบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้าพวกเขา หลังจากเวลาได้ผ่านเลยพวกเขาไปเนินนาน หัวใจของพวกเขาก็แข็งกระด้าง และตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่ได้เป็นผู้ทำความผิด?
17. จงรู้ไว้เถิดว่าอัลลอฮฺทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินหลังจากที่มันตายไป เราได้แสดงสัญญาณต่าง ๆ แก่สูเจ้าอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ใช้สติปัญญา
18. แน่นอน ในบรรดาชายและหญิงผู้ทำทาน และผู้ให้การยืมที่ดีแก่อัลลอฮฺจะได้รับการใช้คืนหลายเท่า และสำหรับพวกเขาคือรางวัลอันมีเกียรติ
19. และสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺและในบรรดารอซูลของพระองค์นั้น พวกเขาเป็นผู้เชื่อถือได้มากที่สุด และเป็นพยานที่แท้จริงในสายตาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา สำหรับพวกเขาคือรางวัลตอบแทนและรัศมีของพวกเขา ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของเรานั้น พวกเขาคือชาวนรก


คำแปล R4.
16. ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมต่อการ รำลึกถึงอัลลอฮฺ และสิ่งซึ่งได้มีลงมาคือความจริง และพวกเขาอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์มาแต่ก่อนนี้ แล้วช่วงเวลาได้เนิ่นนานเกินไปแก่พวกเขา ดังนั้นจิตใจของพวกเขาจึงแข็งกระด้าง และส่วนมากของพวกเขาจึงเป็นผู้ฝ่าฝืน
17. พึงทราบเถิดว่า แท้จริงอัลลอฮนั้นทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาหลังจากการแห้งแล้งของมัน แน่นอนเราได้ทำให้สัญญาณทั้งหลายแจ่มแจ้งแก่พวกเจ้าแล้ว เพื่อพวกเจ้าจะได้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ
18. แท้จริงบรรดาผู้บริจาคชายและบรรดาผู้บริจาคหญิง และพวกเขาได้ให้อัลลอฮยืม (บริจาคในหนทางของอัลลอฮ) ด้วยการยืมที่ดี จะมีเพิ่ม (ผลบุญ) แก่พวกเขาและสำหรับพวกเขาจะได้รับรางวัลอันมีเกียรติ
19. และบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ. และบรรดาร่อซูลของพระองค์ ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้สัตย์จริง และเป็นผู้เสียสละชีวิต ณ ที่พระเจ้าของพวกเขา สำหรับพวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขา และแสงสว่างของพวกเขา ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของเรา ชนเหล่านั้นเป็นชาวนรก


คำแปล R5.
๑๖. ใกล้เข้ามาแล้วมิใช่หรือสำหรับบรรดาพวกศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะสำรวมเพื่อการรำลึกถึงอัลเลาะห์และสัจธรรมแห่งอัลกุรอานที่ลงมาและพวกเขามิได้เป็นเช่นบรรดาจำพวกที่ได้รับคัมภีร์มาเมื่อก่อน ได้แก่พวกยะฮูดีและนัศรอนี แต่เพราะกาลเวลาได้ผ่านพ้นพวกเขาไปอย่างยาวนาน หัวใจของพวกเขาจึงแข็งกระด้างขึ้น ไม่อ่อนและสำรวมพร้อม เพื่อทำการรำลึกถึงอัลเลาะห์มิได้ และส่วนมากพวกนั้นล้วนเป็นผู้ฝ่าฝืนไม่ยอมประพฤติตามบัญชาของอัลเลาะห์
๑๗. พวกเจ้าพึงทราบเถิด โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย ว่าแท้จริงอัลเลาะห์ทรงประทานชีวิตแก่แผ่นดิน ให้มีความชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ ภายหลังจากมันเคยตายแห้งแล้งมาก่อน เช่นเดียวกับหัวใจที่ตายด้านของพวกเจ้าจะกลับฟื้นเป็นหัวใจที่อ่อนนุ่มขึ้น ด้วยการรำลึกถึงอัลเลาะห์และคัมภีร์ของพระองค์ แท้จริงเราได้แจ้งแก่พวกเจ้าซึ่งบรรดาโองการทั้งหลาย เพื่อพวกเจ้าจงได้ใช้ปัญญาไตร่ตรอง
๑๘. แท้จริงบรรดาผู้ทำทานทั้งชายและหญิง และในพวกเขาให้อัลเลาะห์กู้ยืมอย่างดีงาม แน่นอนพวกเขาจะได้รับการทวีผลตอบแทนอย่างมากมาย และพวกเขาจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติยิ่ง
๑๙. และแก่บรรดาผู้มีศรัทธาต่ออัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ พวกเหล่านั้นย่อมเป็นผู้มีจิตศรัทธาอันเที่ยงแท้ และเป็นสักขีพยาน ณ พระผู้อภิบาลของพวกเขา เพื่อเอาผิดแก่บรรดาจำพวกที่ชอบกล่าวเท็จทั้งหลาย พวกเขาย่อมได้รับรางวัลของพวกเขาและรัศมีของพวกเขาในวันอาคิเราะห์ และบรรดาจำพวกไร้ศรัทธาและได้ว่าบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเราเป็นความเท็จ พวกเหล่านั้นเป็นชาวนรกอย่างแน่นอน



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหะดีด อายะฮฺที่ 20 - 21

คำอ่าน
20. เอียะอฺละมู..อัน..นะมัลหะยาตุดดุนยา ละอิบู..วะละฮฺวู..วะซีนะตู..วะตะฟาหุรุม..บัยนะกุม วะตากาษุรุน..ฟิลอัมวาลิวัลเอาลาด, กะมะษะลิ ฆ็อยษิน อะอฺญะบัลกุฟฟาเราะ นะบาตุฮู ษุม..มะญะฮีญุ ฟะตะรอฮุมุศฟัรฺร็อน..ษุม..มะยะกูนุหุฏอมา, วะฟิลอาคิเราะตุอะซาบุน..ชะดีดู..วะมัฆฟิเราะตุ..มินัลลอฮิวะริฎวาน, วะมัลหะยาตุดดุนยา อิลลามะตาอุลฆุรูรฺ
21. สาบิกู..อิลามัฆฟิเราะติม..มิรฺร็อบบิกุม วะญัน..นะตุนอัรฺฎุฮา กะอัรฎิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ อุอิดดัตลิลละซีนะอามะนูบิลลาฮิ วะรุสุลิฮฺ, ซาลิกะฟัฎลุลลอฮิยุอ์ตีฮิมัย..ยะชา...อ์ วัลลอฮุซุลฟัฎลิลอะซีม

คำแปล R1.
20. Know that the life of this world is only play and amusement, pomp and mutual boasting among you, and rivalry in respect of wealth and children, as the likeness of vegetation after rain, thereof the growth is pleasing to the tiller; afterwards it dries up and you see it turning yellow; Then it becomes straw. But in the Hereafter (there is) a severe torment (for the disbelievers, evil-doers), and (there is) Forgiveness from Allah and (His) good pleasure (for the believers, good-doers), whereas the life of this world is only a deceiving enjoyment.
21. Race one with another in hastening towards Forgiveness from your Lord (Allah), and towards Paradise, the width whereof is as the width of heaven and earth, prepared for those who believe in Allah and his Messengers. That is the Grace of Allah which He bestows on whom He pleases. And Allah is the Owner of great Bounty.


คำแปล R2.
20.   พวกเจ้าจงทราบไว้เถิดว่า ที่จริงแล้วชีวิตทางโลกนี้เป็นเพียงความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน การประดับประดา การถือยศกันเองระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันในเรื่องทรัพย์สินและบุตร (ทั้งหมดนั้นปรากฏขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น) เปรียบได้ดั่งน้ำฝนที่ทำให้ชาวสวนมีความชื่นชมในพืชผลอันอุดมสมบูรณ์ แต่หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนแปลงสภาพ (อันอุดมสมบูรณ์นั้นเป็นความเหี่ยวเฉา) แล้วเจ้าก็มองเห็นมันมีสีเหลือง หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นเศษพืชแห้ง และในโลกหน้ามีการลงโทษอันสาหัสที่สุด และมีการให้อภัย และความโปรดปรานจากอัลเลาะฮฺ และชีวิตทางโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นความสุขลวงเท่านั้น
21.   พวกเจ้าจงรีบแข่งขันกันไปสู่การอภัยจากองค์อภิบาลของพวกเจ้าและสู่สวรรค์ ซึ่งความกว้างของมันประดุจดังความกว้างของฟ้าและแผ่นดิน ท(รวมกัน) มันถูกเตรียมไว้แก่บรรดาผู้มีศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺ และต่อศาสนทูตของพระองค์ นั้นเป็นความโปรดปรานของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงประทนนแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานอันใหญ่ยิ่งที่สุด

 
คำแปล R3.
20. จงรู้ไว้เถิดว่าชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อะไรนอกไปจากการละเล่นและการสนุกสนานและการอวดเครื่องประดับและการโอ้อวดกันในหมู่สูเจ้าและการแข่งขันกันในความมั่งคั่งและลูกหลาน อุปมาของมันก็เหมือนกับพืชพันธุ์ที่งอกงามขึ้นมาหลังจากได้รับน้ำฝนสร้างความดีใจให้แก่ชาวนาชาวไร่ หลังจากนั้นมันก็จะเหี่ยวเฉา แล้วสูเจ้าจะเห็นมันกลายเป็นสีเหลือง หลังจากนั้นมันก็จะกลายเป็นซากแห้ง แต่ในปรโลกนั้นมีการลงโทษอันแสนสาหัสและมีการอภัยโทษจากอัลลอฮฺและความโปรดปรานของพระองค์ และชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อะไรนอกไปจากการหลอกลวง
21. จงแข่งขันกันไปสู่การอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและสวนสวรรค์ที่ความกว้างใหญ่ไพศาลของมันเหมือนกับความกว้างใหญ่ไพศาลของชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ซึ่งถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺและในบรรดารอซูลของพระองค์ นี่คือความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่พระองค์ประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่


คำแปล R4.
20. พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริงและเครื่องประดับและความโอ้อวด ระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันสะสมในทรัพย์สินและลูกหลานเปรียบเสมือนเช่น น้ำฝนที่การงอกเงยพืชผลยังความพอใจให้แก่กสิกรแล้วมันก็เหี่ยวแห้งเจ้าจะ เห็นมันเป็นสีเหลือง แล้วมันก็กลายเป็นเศษเป็นชิ้นแห้งส่วนในวันปรโลกนั้นมีการลงโทษอย่างสาหัส และมีการอภัยโทษและความโปรดปรานจากอัลลอฮ และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มิใช่อื่นใดนอกจากการแสวงหาผลประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น
21. จงเร่งรีบไปสู่การขออภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้า และสวนสวรรค์ซึ่งความกว้างของมันประหนึ่งความกว้างของชั้นฟ้าและแผ่นดิน (ซึ่งสวรรค์นั้น) ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและบรรดาร่อซูลของพระองค์นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้โปรดปรานอันใหญ่หลวง


คำแปล R5.
๒๐. พวกเจ้าจงรู้ไว้เถิด โอ้ชาวศรัทธาทั้งหลาย อันที่จริงชีวิตทางโลกนี้เป็นเพียงความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน สิ่งประดับ การอวดอำนาจบารมีระหว่างพวกเจ้ากันเองและการแข่งขันกันในทรัพย์สินและบุตรบริวาร ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งสมมติชั่วคราวหาความจีรังยั่งยืนใด ๆ ไม่ได้เลยผิดกับการประกอบกิจการเพื่อวันอาคิเราะห์ซึ่งมีความจีรังยั่งยืน อันชีวิตทางดุนยาตามลักษณะที่กล่าวมานั้นเปรียบประดุจดังฝน ซึ่งพืชผลล้วนงอกเงยเพราะมันนั้นได้ยังความชื่นชมแก่พวกไร้ศรัทธา ซึ่งทำการเพาะปลูก แต่หลังจากนั้นมันก็แห้งแล้ง เมื่อถึงที่สุดของมัน แล้วเจ้าก็เห็นมันเหี่ยวแห้งเป็นสีเหลืองหลังจากเคยเขียวชอุ่มมาก่อน ต่อมามันก็มีสภาพเป็นเศษไม้อันไร้ค่าและปลิวว่อนไปตามกระแสลม และในวันอาคิเราะห์มีการลงโทษอันรุนแรงยิ่งนักสำหรับผู้เห็นความสำคัญของชีวิตทางดุนยา และมีการให้อภัยและความโปรดปรานจากอัลเลาะห์ แก่ผู้ไม่ถือความสำคัญของมันเหนือกว่าชีวิตทางอาคิเราะห์ และชีวิตทางโลกนี้มิใช่อื่นใดเลย นอกจากเป็นความสุขแห่งการหลอกลวง อันนำไปสู่การลืมอาคิเราะห์
๒๑. พวกเจ้าจงแข่งขันกันไปสู่การให้อภัยจากพระผู้ทรงอภิบาลของพวกเจ้าและสู่สวรรค์ซึ่งความกว้างของมันนั้นประดุจดังความกว้างของแผ่นฟ้าและแผ่นดิน ซึ่งถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาในอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์นั้นเป็นความโปรดปรานของอัลเลาะห์ที่พระองค์ทรงประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และอัลเลาะห์ทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่
[/b]


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลหะดีด อายะฮฺที่ 22 - 24

คำอ่าน
22. มา..อะศอบะมิม..มุศีบะติน..ฟิลอัรฺฎิ วะลาฟี..อัน..ฟุสิกุม อิลลาฟีกิตาบิม..มิน..ก็อบลิ อัน..ตับเราะอะฮา, อิน..นะซาลิกะอะลัลลอฮิยะสีรฺ
23. ลิกัยลาตะอ์เสาอะลามาฟาตะกุม วะลาตักเราะหูอะลามาอาตากุม วัลลอฮุลายุหิบบุกุลลุมุคตาลิน..ฟะคูรฺ
24 อัลละซีนะ ยับเคาะลูนะ วะยะอ์มุรูนัน..นาสะ บิลบุคลฺ, วะมัย..ยะตะวัลละ ฟะอิน..นัลลอฮะ ฮุวัลเฆาะนียุลหะมีด

คำแปล R1.
22. No calamity befalls on the earth or in yourselves but is inscribed in the Book of decrees (Al-Lauh Al-Mahfuz), before we bring it into existence. Verily, that is easy for Allah.
23. In order that you may not be sad over matters that you fail to get, nor rejoice because of that which has been given to you. And Allah likes not prideful boasters.
24. Those who are misers and enjoin upon people miserliness (Allah is not in need of their charity). And whosoever turns away (from faith Allah's Monotheism), then Allah is rich (Free of all wants), worthy of all praise.


คำแปล R2.
22.   ไม่ว่าเหตุร้ายใด ๆ ก็ตามที่อุบัติขึ้นในแผ่นดินและในตัวของพวกเจ้า นอกจาก (มีกำหนดไว้แล้ว) ในคัมภีร์บันทึก (แห่งความรอบรู้ของเรา) ก่อนหน้าที่เราจะบันดาลให้เป็นไป แท้จริงสิ่งนั้นเป็นเรื่องง่ายดายที่สุดสำหรับอัลเลาะฮฺ
23.   (พวกเจ้าถูกเตือนให้รู้ไว้) เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ท้อแท้ในสิ่งที่หลุดพ้นไปจากพวกเจ้า และจะได้ไม่ลำพองในสิ่งที่มาประสบแก่พวกเจ้า และอัลเลาะฮฺไม่รักผู้ทระนงตน ผู้ถือยศ (ว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ๆ )
24.   บรรดาผู้ตระหนี่ และใช้ให้ผู้อื่นตระหนี่ (ย่อมได้รับผลตอบแทนอันสาหัสอย่างแน่นอน) และผู้ใดที่หันเห (จากสัจธรรมแห่งอัลเลาะฮฺ) แน่นอนอัลเลาะฮฺนั้นพระองค์ทรงไว้ซึ่งความรวยยิ่ง อีกทั้งได้รับการสรรเสริญเป็นที่สุด (การหันเหของพวกเขาจึงไม่มีระคายต่อพระบรมเดชานุภาพของพระองค์เลย)


คำแปล R3.
22. ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดที่เกิดขึ้นในโลกนี้หรือในตัวสูเจ้าเองโดยที่เราไม่ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ง่ายสำหรับอัลลอฮฺ
23. (ที่ทำไปเช่นนั้นก็เพื่อที่) สูเจ้าไม่ได้ท้อแท้ใจในสิ่งที่เจ้าสูญเสียไปและไม่รู้สึกดีใจในสิ่งที่อัลลอฮฺประทานแก่สูเจ้า อัลลอฮฺไม่ทรงรักบรรดาผู้โอหังและผู้คุยโตโอ้อวด
24. ผู้ที่ขี้เหนียวและยังชักชวนคนอื่นให้ขี้เหนียวด้วย ตอนนี้ใครก็ตามที่หันหลังให้ (ก็จงรู้ไว้เถิดว่า) อัลลอฮฺนั้นทรงพอเพียงและทรงควรค่าแก่การได้รับการสรรเสริญ


คำแปล R4.
22. ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ และไม่มีแม้แต่ในตัวของพวกเจ้าเอง เว้นแต่ได้มีไว้ในบันทึกก่อนที่เราจะบังเกิดมันขึ้นมา แท้จริงนั่นมันเป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮ
23. เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ต้องเสียใจต่อสิ่งที่ได้สูญเสียไปจากพวกเจ้า และไม่ดีใจต่อสิ่งที่พระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้า และอัลลอฮมิทรงชอบทุกผู้หยิ่งจองหอง และผู้คุยโวโอ้อวด
24. คือบรรดาผู้ที่ตระหนี่ และสั่งสอนคนอื่นให้ตระหนี่ และผู้ที่ผินหลังให้ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นพระองค์ทรงพอเพียง และทรงได้รับการสรรเสริญอย่างแน่นอน


คำแปล R5.
๒๒. ไม่มีเหตุร้ายใด ๆ ที่อุบัติขึ้นในแผ่นดิน และไม่มีเหตุร้ายใด ๆ ที่อุบัติขึ้นในตัวของพวกเจ้าเอง นอกจากที่อุบัติขึ้นนั้นแล้ว ล้วนมีปรากฏอยู่แล้วในคัมภีร์บันทึกของเลาฮุลมะห์ฟูซ ก่อนหน้าที่เราจะดลบันดาลให้มันเป็นไป แท้จริงสิ่งนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกินสำหรับอัลเลาะห์
๒๓. เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่รันทดต่อสิ่งที่หลุดพ้นไปจากพวกเจ้า เช่น ความสุขต่าง ๆ และเพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ลำพองใจกับสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเจ้า คือ ความสุข ดังกล่าวทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และอัลเลาะห์ไม่ทรงโปรดแก่ทุกคนที่มีความลำพองอีกทั้งทระนงตน
๒๔. บรรดาผู้ตระหนี่และใช้ให้ผู้อื่นตระหนี่ พวกนี้ก็ต้องได้รับโทษในวันอาคิเราะฮฺเช่นเดียวกัน และผู้ใดที่หันเหออกจากคำบัญชาของอัลเลาะห์ แน่นอนการหันเหนั้นไม่ได้ระคายต่อเดชานุภาพของพระองค์เลย เพราะแท้จริงพระองค์ทรงร่ำรวยยิ่งนัก อีกทั้งทรงได้รับการสรรเสริญจากทุกสิ่งอยู่ตลอดเวลา




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 
สูเราะฮฺ อัลฮะดีด อายะฮฺที่ 25 - 26

คำอ่าน
25. ละก็อดอัรฺสัลนารุสุละนา บิลบัยยินาติ วะอัน..ซัลนามะอะฮุมุลกิตาบะ วัลมีซานะ ลิยะกูมัน..นาสุ บิลกิซฏฺ วะอัน..ซัลนัลหะดีดะ ฟีฮิบะอ์สุน..ชะดีดู..วะมะนาฟิอุลิน..นาสิ วะลิยะอฺละมัลลอฮุ วะมัย..ยัน..ศุรุฮู วะรุสุละฮูบิลฆ็อยบฺ อิน..นัลลอฮะเกาะวียุนอะซีซ
26.  วะละก็อดอัรฺสัลนานูเหา..วะอิบรอฮีมะ วะญะอัลนาฟีซุรฺรียะติฮิมัน..นุบูวะตะวัลกิตาบ, ฟะมินฮุม..มุฮฺตะดิวะกะษีรุม..มินฮุมฟาสิกูน

คำแปล R1.
25. Indeed we have sent our Messengers with clear proofs, and revealed with them the Scripture and the balance (justice) that mankind may keep up justice. and we brought forth iron wherein is mighty power (in matters of war), as well as many benefits for mankind, that Allah may test who it is that will help Him (his Religion), and his Messengers in the unseen. Verily, Allah is All-Strong, All-Mighty.
26. And indeed, we sent Nuh (Noah) and Ibrahim (Abraham), and placed in their offspring Prophethood and Scripture, and among them there is he who is guided, but many of them are Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).


คำแปล R2.
25.   ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้แต่งตั้งบรรดาศาสนทูตของเราให้นำมาซึ่งสัญลักษณ์ต่าง ๆ อันชัดแจ้ง และเราได้ส่งคัมภีร์ลงมาพร้อมกับพวกเขา และ (บทบัญญัติอันเป็น) ตราชู (แห่งความยุติธรรมสำหรับใช้ปกครองสังคมมนุษย์) เพื่อมนุษย์จะได้ดำรงอยู่ด้วยความยุติธรรม และเราได้บันดาลเหล็กขึ้นมา ในนั้นมีพลังอันแข็งแกร่งและมีประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับมวลมนุษย์ และเพื่ออัลเลาะฮฺจะได้จำแนกได้ว่า ผู้ใดได้มุ่งช่วย (สนับสนุนศาสนาของ) พระองค์ และ (ช่วยเหลือ) ศาสนทูตของพระองค์ ทั้ง ๆ ที่ (การได้รับผลตอบแทน) เป็นสิ่งเร้นลับ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงพลานุภาพ ทรงอกนาจเป็นที่สุด
26.   ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้แต่งตั้งนูห์และอิบรอฮีมให้เป็นศาสนทูต และได้มอบตำแหน่งศาสดาและคัมภีร์ให้ ในผู้สืบตระกูลของเขาทั้งสอง แต่บางคนของพวกเขาเหล่านั้น เป็นพวกที่ฝ่าฝืน


คำแปล R3.
25. เราได้ส่งบรรดารอซูลของเรามาพร้อมกับสัญญาณและคำสั่งต่าง ๆ อันชัดแจ้งและได้ส่งคัมภีร์และความเที่ยงธรรมลงมากับพวกเขา เพื่อที่มนุษย์จะได้ยืนอยู่โดยความยุติธรรม และเราได้ส่งเหล็กซึ่งมีความแข็งแกร่งและคุณประโยชน์อื่น ๆ มากมายลงมาเพื่อมนุษย์ (ที่ทำเช่นนั้น) ก็เพื่อที่มนุษย์จะได้รู้ว่าใครช่วยเหลือพระองค์และบรรดารอซูล ของพระองค์โดยที่ไม่เห็น แน่นอนอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ
26. เราได้ส่งนูฮฺและอิบรอฮีมและเราได้ให้มีนบีและคัมภีร์ขึ้นในบรรดาลูกหลานของทั้งสอง ดังนั้นลูกหลานของพวกเขาจึงมีผู้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง แต่ส่วนมากของพวกเขาได้กลายเป็นผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R4.
25. โดยแน่นอนเราได้ส่งบรรดารอซูลของเราพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้งและ เราได้ประทานคัมภีร์และความยุติธรรมลงมาพร้อมกับพวกเขาเพื่อมนุษย์จะได้ดำรง อยู่บนความเที่ยงธรรมและเราได้ให้มีเหล็กขึ้นมา เพราะในนั้นมีความแข็งแกร่งมาก และมีประโยชน์มากหลายสำหรับมนุษย์ และเพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงรู้ถึงผู้ที่ช่วยเหลือพระองค์ และบรรดารอซูลของพระองค์ (มีความเชื่อมั่น) โดยทางลับ (ต่อพระองค์) แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ
26. (ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ) โดยแน่นอนเราได้ส่งนูหฺและอิบรอฮีม และเราได้ทำให้ลูกหลานของเขาทั้งสองเป็นนะบี และเราได้ประทานคัมภีร์ (อัตเตารอฮฺ อัซซะบูร อัลอินญีล และอัลกุรอาน) ดังนั้นบางคนในหมู่พวกเขาก็เป็นผู้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง และส่วนมากในหมู่พวกเขาก็เป็นผู้ฝ่าฝืนหลงทาง


คำแปล R5.
๒๕. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ส่งบรรดาศาสนทูตของเราพร้อมด้วยบรรดาหลักฐานอันแจ้งชัดและเราไดให้ลงมาพร้อมพวกเขาซึ่งคัมภีร์และตราชูแห่งความยุติธรรม เพื่อมนุษยชาติจะได้ดำรงตนอยู่ด้วยความเที่ยงธรรม และเราได้บันดาลเหล็กขึ้นมาซึ่งมันมีพลังมหาศาลและเป็นประโยชน์ต่าง ๆ ต่อมวลมนุษย์ และเพื่ออัลเลาะห์จะทรงจำแนกให้มนุษย์ได้รู้ว่า ผู้ใดที่จะช่วยเหลือแนวทางของพระองค์ แก่ศาสนทูตของพระองค์โดยเร้นลับ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงพลานุภาพ ทรงอำนาจยิ่ง
๒๖. และขอยืนยันว่า เราได้ส่งนบีนุห์และนบีอิบรอฮีมให้มาประกาศอิสรภาพสู่มวลมนุษย์ชาติในยุคของตน และเราได้แต่งตั้งตำแหน่งศาสดาและมอบคัมภีร์ทั้งสี่ คือ เตารอต อินยีล ซะบูร และกุรอาน ในผู้สื่อตระกูลของทั้งสอง เพราะบรรดาศาสดาที่นำคัมภีร์ทั้งสี่มาประกาศนั้นทุกคนสืบตระกูลไปถึงนบีอิบรอฮีมและนบีนูห์ทั้งสิ้น แต่แล้วบางส่วนของพวกนั้นก็มีผู้ได้รับทางชี้นำ และส่วนมากจากพวกนั้นเป็นผู้ฝ่าฝืน ไม่ยอมรับคำประกาศของนบีองค์ใด




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฮะดีด อายะฮฺที่ 27 - 29

คำอ่าน
27. ษุม..มะก็อฟฟัยนาอะลา..อาษาริฮิม..บิรุสุลินา วะก็อฟฟัยนาบิอีสับนิมัรฺยะมะ วะอาตัยนาฮุลอิน..ญีละ วะญะอัลนาฟีกุลูบิลละซีนัตตะบะอูฮุ เราะอ์ฟะเตา..วะเราะมะฮฺ วะเราะฮบานียะฮฺ อิบตะดะอูฮา มากะตับนาฮาอะลัยฮิม อิลลับติฆอ..อะ ริดวานิลลาฮิ ฟะมาเราะเอาฮา หักเกาะริอายะติฮา ฟะอาตัยนัลละซีนะอามะนู มินฮุมอัจญเราะฮุม วะกะษีรุม..มินฮุมฟาสิกูน
28. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนุตตะกุลลอฮะ วะอามินูบิเราะสูลิฮี ยุอ์ติกุมกิฟลัยนิ มิรฺเราะหฺมะติฮี วะยัจญอัลละกุม นูร็อน..ตัมชูนะบิฮี วะยัฆฟิรฺละกุม วัลลอฮุเฆาะฟูรุรฺเราะหีม
29. ลิอัลลายะอฺละมะ อะฮฺลุลกิตาบิ อัลลายักดิรูนะ อะลาชัยอิม..มิน..ฟัฎลิลลาฮิ วะอัน..นัลฟัฎละ บิยะดิลลาฮิ ยุอ์ตีฮิมัย..ยะชา...อ์ วัลลอฮุซุลฟัฎลิลอะซีม

คำแปล R1.
27. Then, we sent after them, Our Messengers, and we sent 'Iesa (Jesus) - son of Maryam (Mary), and gave him the Injeel (Gospel). And we ordained in the hearts of those who followed him, compassion and Mercy. But the Monasticism which they invented for themselves, we did not prescribe for them, but (They sought it) only to please Allah therewith, but that they did not observe it with the right observance. so we gave those among them who believed, their (due) reward, but many of them are Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).
28. O you who believe [in Musa (Moses) (i.e. Jews) and 'Iesa (Jesus) (i.e. Christians)]! Fear Allah, and believe too in his Messenger (Muhammad), He will give you a double portion of his Mercy, and He will give you a light by which you shall walk (straight), and He will forgive you. And Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful.
29. So that the people of the Scripture (Jews and Christians) may know that they have no power whatsoever over the Grace of Allโh, and that (His) Grace is (entirely) in his Hand to bestow it on whomsoever He wills. And Allah is the Owner of great Bounty.

คำแปล R2.
27.   หลังจากนั้นเราได้บันดาลให้มีบรรดาศาสนทูตของเราสืบเนื่องต่อจากพวกเขา และให้มีอีซาบุตรของมัรยัม มาสืบเนื่องและเราได้มอบคัมภีร์อินญีลแก่เขา และเราได้บันดาลให้สถิตอยู่ในหัวใจของบรรดาผู้ประพฤติตามเขา ความอาลัย, ความเมตตา, และความเป็นนักบวช ซึ่งพวกเขาได้ริเริ่มสิ่งนั้นขึ้น โดยที่เรามิได้บัญญัติสิ่งนั้นให้เป็นข้อบังคับแก่พวกเขาเลย (พวกเขากระทำเช่นนั้น มิใช่มุ่งหวังสิ่งใด) นอกจากเพื่อแสวงหาความโปรดการุนย์ของอัลเลาะฮฺเท่านั้น แต่แล้วพวกเขาก็มิได้รักษาสิ่งนั้นไว้อย่างจริงจัง ดังนั้นเราจึงมอบซึ่งรางวัลของพวกเขา แก่พวกเขาบางคนที่ศรัทธา (ในนบีมุฮัมมัด) และส่วนมากของพวกเขา เป็นพวกทรยศ
28.   โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย! จงยำเกรงอัลเลาะฮฺ และจงศรัทธาต่อศาสนทูตของพระองค์เถิด แน่นอนที่สุด พระองค์จักประทานความเมตตาของพระองค์แก่พวกเจ้าเป็นสองเท่า และจะทรงบันดาลแก่พวกเจ้าให้มีรัศมีซึ่งพวกเจ้าเดินไปกับรัศมีนั้น และทรงอภัยให้พวกเจ้า และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
29.   (ที่พระองค์ทรงประทานสิ่งนั้น) เพื่อชาวคัมภีร์ (ที่ต่อต้านอิสลาม) จะได้รู้ว่า ที่จริงแล้วพวกเขาไม่มีความสามารถต่อสิ่งใด ๆ เลย (ที่จะได้รับหรือจะผลักใส) จากความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ และแท้จริงความโปรดปรานเป็นสิ่งที่อยู่ในอำนาจของเลเลาะฮฺ ซึ่งพระองค์ทรงประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานอันใหญ่ยิ่งที่สุด


คำแปล R3.
27. หลังจากพวกเขา เราก็ส่งบรรดารอซูลของเราคนแล้วคนเล่าและตามมาด้วยอีซาบุตรของมัรฺยัมและเราได้ประทานคัมภีร์อินญีลแก่เขา และเราได้ทำให้ความสงสารและความเมตตา เกิดขึ้นในหัวใจของบรรดาผู้ปฏิบัติตามเขา แต่เรื่องการครองตัวเป็นนักบวชถือสันโดษนั้น พวกเขาคิดกันขึ้นมาเอง เราไม่ได้กำหนดไว้สำหรับพวกเขา พวกเขาอุตริคิดกันขึ้นมาเอง เพื่อที่จะแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ปฏิบัติตามมันอย่างที่มันควรจะได้รับการปฏิบัติตาม ดังนั้นเราจึงได้ประทานรางวัลแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเขา แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน
28. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาจงเกรงกลัวอัลลอฮฺและจงศรัทธาในรอซูลของพระองค์ อัลลอฮฺจะประทานความเมตตาเป็นสองเท่าแก่สูเจ้า และจะประทานแสงสว่างแก่เจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้เดินไปในแสงสว่างนั้น และจะทรงอภัยโทษความผิดให้แก่สูเจ้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ
29. (สูเจ้าควรปฏิบัติตามนี้) เพื่อที่ชาวคัมภีร์จะได้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวเหนือความโปรดปรานของอัลลอฮฺ และความโปรดปรานของอัลลอฮฺอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ซึ่งพระองค์จะประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอันหาที่สิ้นสุดมิได้


คำแปล R4.
27. แล้วเราก็ได้ส่งบรรดารอซูลของเราติดตามร่องรอยของพวกเขา และเราได้ส่งอีซาอิบนฺ มัรยัม ตามมา และเราได้ประทานอินญีลให้แก่เขา และเราได้บันดาลความสงสารและความเมตตาให้เกิดขึ้นในจิตใจของบรรดาผู้ที่ เชื่อฟังปฏิบัติตามเขา ส่วนการถือสันโดษนั้น เรามิได้บัญญัติมันขึ้นมาแก่พวกเขา (เว้นแต่) พวกเขาประดิษฐ์มันขึ้นมา เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ แต่พวกเขามิได้เอาใจใส่เท่าที่ควรจะกระทำมัน กระนั้นก็ดีเราก็ได้ประทานรางวัลของพวกเขาแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเขา แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน
28. โอ้บรรดผู้ศรัทธาเอ๋ย จงยำเกรงต่ออัลลอฮ และจงศรัทธาต่อร่อซูลของพระองค์เถิด พระองค์จะทรงประทานความเมตตาของพระองค์ให้แก่พวกเจ้าสองเท่าและจะทรงให้มี แสงสว่างแก่พวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจะได้ดำเนินชีวิตด้วยมัน และจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าและอัลลอฮนั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
29. ทั้งนี้เพื่อให้อะฮลุลกิตาบจะได้รู้ว่าพวกเขาไม่มีอำนาจเหนือสิ่งใดในความ โปรดปรานของอัลลอฮ และแท้จริงความโปรดปรานของอัลลอฮ และแท้จริงความโปรดปรานนั้นอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของอัลลอฮซึ่งพระองค์จะทรง ประทานความโปรดปรานนั้นแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮเป็นผู้ทรงโปรดปรานอันใหญ่หลวง


คำแปล R5.
๒๗. หลังจากนั้นเราได้ต่อเนื่องตามรอยของพวกเขา ด้วยกับบรรดาศาสนทูตของเราอีกเป็นจำนวนมากในระหว่างแต่ละศาสนทูตที่ได้กล่าวนามมาแล้ว และเราสืบเนื่องด้วยกับนบีอีซาผู้เป็นบุตรของมัรยัม และเราได้ให้คัมภีร์อินยีลแก่เขาเพื่อนำมาประกาศแก่ประชาชนในยุคของฟิรเอาน์ และเราได้บันดาลไว้ในหัวใจของบรรดาผู้ที่ถือตามเขาให้มีความปรานี ความเมตตา และความเป็นนักบุญ ซึ่งพวกเขาได้ประดิษฐ์มันขึ้นมาเองโดยที่เรามิได้บัญญัติมันไว้แก่พวกเขาเลย ที่ให้พวกเขาทำตัวเป็นนักบุญและนักบวชที่มุ่งทำแต่อิบาดะห์ (ประกอบกรรมดีเพื่อพระผู้เป็นเจ้า) ไม่ยอมมีลูกมีเมีย นอกจากพวกเขากระทำการอันเลยเถิดขึ้นก็เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลเลาะห์ แต่ครั้นแล้วพวกเขาก็หาได้รักษาสภาพนั้นไว้ได้อย่างจริงจัง เพราะส่วนมากก็ปรารถนาประพฤติตนเป็นนักบวชได้ตลอดไป ดังนั้นเราจึงมอบแก่บรรดาผู้ศรัทธาของพวกเขา ตั้งผลรางวัลแก่พวกเขา และส่วนมากจากพวกเขาเป็นพวกที่ฝ่าฝืน
๒๘. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลเลาะห์และจงศรัทธาในศาสดาทุกพระองค์เถิด พระองค์จะทรงประทานแก่พวกเจ้าเป็นรางวัลถึงสองเท่า จากความเมตตาของพระองค์ และพระองค์ทรงบันดาลรัศมีแก่พวกเจ้า ซึ่งพวกเจ้าจะใช้รัศมีนั้นส่องทางเดินไปบนสะพานศิรอฏอลมุสตะกีม และพระองค์จักทรงให้อภัยแก่พวกเจ้า และอัลเลาะห์ทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
๒๙. เพื่อชาวคัมภีร์จักได้รู้ว่าที่จริงนั้นพวกเขาเองไม่มีความสามารถที่จะได้รับสักสิ่งหนึ่งจากความโปรดปรานของอัลเลาะห์ และแท้จริงความโปรดปรานนั้นอยู่ในอำนาจของอัลเลาะห์ซึ่งพระองค์จะทรงประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะห์ทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่


ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 57 อัลหะดีด

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

ฟังเสียงอ่านสูเราะฮฺอัลหะดีดของอิมาม อะลียฺ ญาบิรฺได้ที่ลิงก์นี้

http://server6.mp3quran.net/a_jbr/057.mp3

 :salam:

 

GoogleTagged