ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 48 สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ  (อ่าน 3769 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ – ( الفتح) – ชัยชนะ

เป็นสูเราะฮฺ มะดะนียะฮฺ มี 29 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัลฟัตฮฺ (R4.)
   ซูเราะฮฺนี้เป็นซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺที่ให้ความสนใจทางด้านการตราพระราชบัญญัติ เช่นเดียวกับซูเราะฮฺมะดะนียะฮฺอื่น ๆ ที่เยียวยาปัญหาที่เกี่ยวกับการตราพระราชบัญญัติในด้านการปฏิบัติต่อกัน การอิบาดะฮฺ การจริยธรรม และการแนะนำ
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงการทำสัญญาปรองดองที่ฮุดัยบียะฮฺ ที่กระทำขึ้นระหว่างท่าน รอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กับพวกมุชริกีนในปีที่ 6 แห่งฮิจญเราะฮฺศักราช ซึ่งเป็นการเริ่มแห่งการพิชิตครั้งยิ่งใหญ่ การพิชิตนครมักกะฮฺ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้บรรดามุอฺมินได้มีอำนาจ ได้มีชัยชนะ มีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น มหาชนพากันเข้าศาสนาของอัลลอฮฺเป็นกลุ่ม ๆ “แท้จริงเราได้ให้ชัยชนะแก่เจ้า ซึ่งเป็นชัยชนะอย่างชัดแจ้ง”
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงการญิฮาดของบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธา และทำสัตยาบรรณอัลริฎวาน ซึ่งบรรดาสาวก ริฎวานุลลอฮิอะลัยฮิม ได้ให้สัตยาบรรณกับท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่จะทำญิฮาดในทางของอัลลอฮฺ จนกระทั่งชีวิตจะหาไม่ และนับได้ว่าเป็นการทำสัตยาบันครั้งสำคัญยิ่ง ด้วยเหตุนี้อัลลอฮฺจึงประทานความสิริมงคลให้ และทรงโปรดปรานแก่บรรดาสาวกเหล่านั้น พระองค์ทรงจารึกไว้ในคัมภีร์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ความว่า “โดยแน่นอน อัลลอฮฺทรงโปรดปรานต่อบรรดาผู้ศรัทธา ขณะที่พวกให้สัตยาบรรณแก่เจ้าใต้ต้นไม้ (ที่ฮุดัยบียะฮฺ)”
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงชาวอาหรับชนบทซึ่งในหัวใจของพวกเขามีโรคและพวกมุนาฟิกีนที่เหลืออยู่ในเมือง ไม่ออกไปร่วมสงครามกับท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พวกเหล่านั้นได้คิดร้ายกับท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และกับบรรดามุอฺมิน อัลอายาตได้เปิดโปงความลับของพวกเขาว่า “ชาวอาหรับที่เหลืออยู่ในเมืองจะกล่าวแก่เจ้าว่า ทรัพย์สินของเราและครอบครัวของเรามีธุระยุ่งอยู่ ดังนั้นได้โปรดขออภัยให้แก่เราด้วย”
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงความฝันซึ่งท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ฝันเห็นในขณะนอนที่นครอัลมะดีนะฮฺ และท่านได้เล่าความฝันนั้นให้แก่บรรดาสาวกได้รับฟัง พวกเขาได้ดีใจและแสดงความยินดีกัน ความฝันนั้นก็คือ การเข้าสู่นครมักกะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดามุสลิมีนด้วยความปลอดภัยและความอบอุ่น และความฝันนั้นก็ได้เป็นจริงเพราะท่านรอซูลและบรรดามุอฺมินได้เข้านครมักกะฮฺในสภาพผู้ทำอุมเราะฮฺด้วยความปลอดภัยและความสงบ
   “โดยแน่นอน อัลลอฮฺได้ทรงทำให้ความฝันนั้นสมจริง แก่รอซูลของพระองค์ด้วยความจริง แน่นอนพวกเจ้าจะได้เข้าสู่มัสยิดหะรอมอย่างปลอดภัยหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ (อินชาอัลลอฮฺ) โดย (บางคน) โกนผมของพวกเจ้า และ (อีกบางคน) ตัดผม”
   ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการสรรเสริญท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาสาวกผู้บริสุทธิ์ “มุฮัมมัดเป็นรอซุลของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาเป็นผู้เข้มแข็งกล้าหาญต่อพวกปฏิเสธศรัทธา เป็นผู้เมตตาสงสารระหว่างพวกเขาเอง”
   ชื่อของซูเราะฮฺ
   ซูเราะฮฺอัลฟัตฮฺถูกขนานนามเช่นนี้เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลาทรงแจ้งข่าวดีแก่บรรดามุอฺมินด้วยชัยชนะอย่างชัดแจ้ง “แท้จริง เราได้ให้ชัยชนะแก่เจ้า ซึ่งเป็นชัยชนะอย่างชัดแจ้ง”


---------------------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

 

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 1 - 3




คำอ่าน
1. อิน..นาฟะตะหฺนาละกะฟัตหัม..มุบีนา
2. ลิยัฆฟิเราะละกัลลอฮุมาตะก็อดดะมะ มิน..ซัม..บิกะ วะมาตะอัคค็อรฺ วะยุติม..มะเนียะอฺมะตะฮูอะลัยกะ วะยะฮฺดิยะกะศิรอฏ็อม..มุสตะกีมา
3. วะยัน..ศุเราะกัลลอฮุ นัศร็อนอะซีซา


คำแปล R1.
1. Verily, we have given you (O Muhammad) a manifest victory.
2. That Allah may forgive you your sins of the past and the future, and complete His favour on you, and guide you on the Straight path;
3. And that Allah may help you with strong help.


คำแปล R2.
1.   แท้จริงเราได้เปิดทางแห่งชัยชนะอย่างชัดแจ้งแก่เจ้าแล้ว (หมายถึงการเจรจาสงบศึก “หุดัยบียะฮฺ” ในปีที่ 6 จากอิจเราะฮฺ)
2.   เพื่ออัลเลาะฮฺทรงอภัยแก่เจ้าในความผิดของเจ้าที่ได้กระทำไว้ก่อน (การประกาศศาสนา) และความผิดที่กระทำหลัง (จากการประกาศศาสนา) และพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานของพระองค์อย่างครบสมบูรณ์แก่เจ้า และทรงชี้นำเจ้าสู่ทางอันเที่ยงตรง
3.   และอัลเลาะฮฺทรงช่วยเหลือเจ้าอย่างเข้มแข็ง


คำแปล  R3.
1.   (โอ้ นบี) แท้จริงแล้วเราได้ประทานชัยชนะอันชัดแจ้งแก่เจ้าแล้ว
2.   เพื่อที่อัลลอฮฺจะได้ทรงอภัยโทษความผิดก่อนหน้านี้และความผิดหลังจากนี้แก่เจ้า และจะได้ทำให้ความโปรดปรานของพระองค์แก่เจ้าเป็นที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และชี้ทางอันเที่ยงตรงให้แก่เจ้า
3.   และประทานความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่เจ้า


คำแปล R4.
1. แท้จริงเราได้ให้ชัยชนะแก่เจ้าซึ่งเป็นชัยชนะอย่างชัดแจ้ง
2. เพื่ออัลลอฮจะได้ทรงอภัยโทษความผิดของเจ้าที่ได้ล่วงไปแล้วและที่จะเกิดขึ้น ภายหลังและจะทรงให้ความโปรดปรานของพระองค์ครบสมบูรณ์แก่เจ้าและทรงชี้แนะทาง แก่เจ้าคือทางอันเที่ยงตรง
3. และอัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือเจ้าด้วยการช่วยเหลืออย่างเข้มแข็ง


คำแปล R5.
๑. แท้จริงเราได้เปิดเผยอย่างชัดแจ้งแก่เจ้าแล้วว่าเจ้าจะได้รับชัยชนะเหนือเมืองต่าง ๆ เช่น มักกะห์และอื่น ๆ
๒. เพื่ออัลเลาะห์จะทรงให้อภัยแก่เจ้า ซึ่งบาปของเจ้าที่ได้ล่วงหน้าไปแล้ว และบาปที่เกิดขึ้นทีหลัง ด้วยเหตุแห่งการรบ เพื่อที่จะได้นำไปปลุกเร้าให้ทุกคนมีหัวใจกล้าหาญในการทำศึกตลอดไป และเพื่อพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานของพระองค์ให้แก่เจ้าอย่างครบถ้วนและชี้นำเจ้าสู่หนทางอันเที่ยงตรง
๓. และเพื่ออัลเลาะห์ทรงช่วยเจ้าอย่างมีเกียรติด้วยการมีชัยชนะ การที่ยึดมักกะห์ได้ นับเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ของท่านนบีมุฮำมัด ซ.ล. โดยได้รับการตอบแทนจากอัลเลาะห์ครบถ้วน ๔ ประการคือ ๑. เป็นผู้ถูกปกป้องจากบาปทั้งมวล(มะอ์ซูม) ๒. ได้รับความโปรดปรานจากอัลเลาะห์ให้เป็นศาสนทูตทั้งหมู่มนุษย์และยิน ๓. ได้รับการชี้นำสู่ทางอันเที่ยงตรง ๔. ได้รับการช่วยเหลือครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์อิสลาม การตีเมืองต่าง ๆ ได้หลังจากมักกะห์ แม้จะโดยชนชั้นซอฮาบะห์ที่สามารถตีเมืองกอยซอรและกิซรอได้ ก็ยังไม่เทียมทาน




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 4 - 5


คำอ่าน
4. ฮุวัลละซี..อัน..ซะลัสสะกีนะตะฟีกุลูบิลมุอ์มินีนะ ลิยัซดาดู..อีมานัม..มะอะอีมานิฮิม วะลิลลาฮิญุนูดุสสะมาวาติวัลอัรฺฎฺ วะกานัลลอฮุอะลีมันหะกีมา
5. ลิยุดคิลัลมุอ์มินีนะ วัลมุอ์มินาติ ญัน..นาติน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ คอลิดีนะฟีฮา วะยุกัฟฟิเราะอันฮุม สัยยิอาติฮิม วะกานะซาลิกะอิน..ดัลลอฮิ เฟาซันอะซีมา


คำแปล R1.
4. It is He who sent down tranquility into the hearts of the believers, that they may add Faith to their faith;- for to Allah belong the forces of the heavens and the earth; and Allah is full of knowledge and Wisdom;-
5. That He may admit the men and women who believe, to Gardens beneath which rivers flow, to dwell therein for Aye, and remove their ills from them;- and that is, in the sight of Allah, the highest achievement (for man),-


คำแปล R2.
4.   พระองค์ทรงหลั่งความสงบมั่นในจิตใจของศรัทธาชนทั้งมวลเพื่อพวกเขาจะได้เพิ่มพูนศรัทธา พร้อมกับศรัทธาของพวกเขา (ที่มีอยู่แล้วให้มากขึ้น) และอัลเลาะฮฺทรงมีกองทัพ (มลาอิกะฮฺจาก)ฟากฟ้าและแผ่นดิน และอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความรอบรู้ยิ่ง ทรงไว้ซึ่งความปรีชาญาณยิ่ง
5.   เพื่อพระองค์จะให้บรรดาศรัทธาชนทั้งชายและหญิงได้เข้าสวรรค์ซึ่งมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาได้เข้าประจำอยู่ในนั้นโดยนิรันดร และพระองค์ไถ่ถอนความผิดต่าง ๆ ออกไปจากพวกเขา และการกระทำนั้น ณ อัลเลาะฮฺแล้ว เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ (ที่เตรียมไว้สำหรับพวกเขา)


คำแปล  R3.
4.   พระองค์คือผู้ประทานความสงบลงไปในหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธาเพื่อที่พวกเขาจะได้มีความศรัทธาเพิ่มพูนเข้าไปในความศรัทธาของพวกเขาอีก ของอัลลอฮฺนั้นคือไพร่พลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
5.   (พระองค์ทรงทำเช่นนั้น) เพื่อพระองค์จะได้รับชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาเข้าสู้สวนสวรรค์ซึ่งใต้นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะพำนักอยู่ที่นั่นตลอดไปและพระองค์จะทรงลบล้างความชั่วต่าง ๆ ของพวกเขาให้หมดไป แท้จริงแล้ว นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดในทัศนะของอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
4. พระองค์คือผู้ทรงประทานความเงียบสงบลงมาในจิตใจของบรรดาผู้ศรัทธา เพื่อพวกเขาจะได้เพิ่มพูนการศรัทธาให้กับการศรัทธาของพวกเขา และเป็นของอัลลอฮฺคือไพร่พลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
5. เพื่อพระองค์จะทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิงได้เข้าสวน สวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์มีธารน้ำหลายสายไหลผ่านพวกเขาเป็นผู้ พำนักอยู่ตลอดกาลในนั้นและพระองค์จะทรงลบล้างความชั่วของพวกเขาออกจากพวกเขา และนั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง ณ ที่อัลลอฮ.


คำแปล R5.
๔. พระองค์ทรงประทานความสงบมั่นในหัวใจของศรัทธาชนทั้งมวลเพื่อพวกเขาจะได้เพิ่มพูนศรัทธาพร้อมกับศรัทธาของพวกเขาที่มีอยู่เดิมให้มากยิ่งขึ้น บรรดามุสลิมที่ถูกระบุในโองการนี้มีจำนวน ๑,๔๐๐ คน ถูกกักตัวอยู่ที่หุดัยบียะห์โดยพวกอาหรับมุชริกีน ไม่ยอมให้เข้ามักกะห์ในปีนั้น ทั้งที่กองกำลังมุสลิมเตรียมมาเพื่อจะเข้าไปตอวาฟบัยตุลเลาะห์ ซึ่งถูกขัดขวางดังกล่าวและอัลเลาะห์มีกองทัพมลาอิกะห์จากชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นจำนวนมหาศาลที่พร้อมจะสนับสนุนกองทัพของมุสลิมีนยามออกทำศึกกับฝ่ายอริราชศัตรู และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่งอีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
๕. เพื่อพระองค์ทรงให้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งชายและหญิงเข้าสวรรค์ซึ่งมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าอยู่ในนั้นเป็นนิรันดร และพระองค์ทรงนิรโทษแก่พวกเขา ซึ่งบรรดาความเลวร้ายต่าง ๆ ของพวกเขาที่ได้กระทำไว้ และการได้เข้าสวรรค์และได้รับนิรโทษกรรมนั้น เป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่จากอัลเลาะห์ที่จะทรงประทานแก่พวกเขา ไม่มีสิ่งใดเทียมทานได้




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 6 - 7


คำอ่าน
6. วะยุอัซซิบัลมุนาฟิกีนะ วัลมุนาฟิกอติ วัลมุชริกีนะ วัลมุชริกาติซซอ...นนีนะบิลลาฮิ ซอน..นัสเสาอ์ อะลัยฮิมดา...อิเราะตุสเสาอ์ วะเฆาะฎิบัลลอฮุอะลัยฮิม วะละอะนะฮุม วะอะอัดดะละฮุมญะฮัน..นะมะ วะสา...อัตมะศีรอ
7. วะลิลลาฮิญุนูดุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะกานัลลอฮุอะซีซันหะกีมา


คำแปล R1.
6. And that He may punish the Munafiqun (hypocrites), men and women, and also the Mushrikun men and women, who think evil thoughts about Allah, for them is a disgraceful torment, and the Anger of Allah is upon them, and He has cursed them and prepared Hell for them, and worst indeed is that destination.
7. And to Allฟh belong the hosts of the heavens and the earth. And Allah is ever All-Knower, All-Wise.


คำแปล R2.
6.   และเพื่อการลงโทษบรรดาพวกสับปลับทั้งชายและหญิง และพวกตั้งภาคีทั้งชายและหญิง ซึ่งเป็นพวกที่มีทัศนคติที่เลวร้ายต่ออัลเลาะฮฺ พวกเขาจะต้องประสบกับกาลเวลาแห่งความเลวร้ายที่หมุนมาหา (นั่นคือการลงโทษและทำลายล้าง) และอัลเลาะฮฺทรงพิโรธพวกเขา ทรงสาปแช่งพวกเขา และทรงเตรียมนรกยะฮันนัมไว้ให้พวกเขา และมันเป็นที่กลับคืนอันเลวร้ายยิ่งนัก
7.   และอัลเลาะฮฺทรงมีกองทัพจากฟากฟ้าและแผ่นดิน และอัลเลาะฮฺทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล  R3.
6.   และเพื่อที่พระองค์จะทรงลงโทษชายและหญิงผู้ตลบตะแลงและชายและหญิงผู้บูชาเทวรูปที่คิดชั่วร้ายกับอัลลอฮฺ พวกเขาเองนั่นแหละที่ถูกความชั่วล้อมรอบอยู่ พวกเขาตกอยู่ภายใต้ความกริ้วของอัลลอฮฺ และพระองค์ทรงสาปแช่งพวกเขา และได้ทรงเตรียมนรกซึ่งเป็นที่พำนักอันชั่วร้ายไว้สำหรับพวกเขาแล้ว
7.   และของอัลลอฮฺคือไพร่พลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R4.
6. และเพื่อพระองค์จะทรงลงโทษแก่พวกมุนาฟิกีนชายและพวกมุนาฟิกีนหญิงและบรรดา ผู้ตั้งภาคีชาย (มุชริกีน)และบรรดาผู้ตั้งภาคีหญิง(มุชริก๊าต)โดยพวกเขาคิด เกี่ยวกับอัลลอฮฺด้วยความคิดร้ายเหตุร้ายเหล่านั้นจงประสบแก่พวกเขาเถิดและ อัลลอฮฺทรงโกรธกริ้วแก่พวกเขาและทรงสาปแช่งพวกเขาอีกทั้งทรงเตรียมนรกญะฮัน นัมไว้สำหรับพวกเขาอีกด้วยและมันเป็นทางกลับที่ชั่วร้ายยิ่ง
7. และเป็นของอัลลอฮฺคือไพร่พลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R5.
๖. และเพื่อพระองค์ทรงลงโทษแก่บรรดาผู้สับปลับทั้งชายและหญิงและบรรดาผู้ตั้งภาคีทั้งชายและหญิง ซึ่งพวกเขามีความเข้าใจอันเลวร้ายต่ออัลเลาะห์โดยพวกนี้กล่าวว่า ฝ่ายมุสลิมจะถูกฝ่ายกุร๊อยซ์มักกะห์พิชิต และสิ้นชื่อที่หุดัยบียะห์นี้แหละ พวกเหล่านั้นต้องประสบกับวัฏจักรแห่งความเลวร้ายอย่างแน่นอน หาใช่ฝ่ายมุสลิมไม่ ที่จะประสบกับสิ่งดังกล่าวตามที่พวกนั้นได้พูดไว้ และอัลเลาะห์ทรงกริ้วแก่พวกเขาทรงสาปแช่งพวกเขาและทรงเตรียมนรกไว้ให้พวกเขา และมันเป็นที่กลับอันเลวร้ายยิ่ง
๗. และอัลเลาะห์ทรงมีไพร่พลแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นจำนวนมหาศาลและอัลเลาะห์ทรงอำนาจยิ่งทรงปรีชาญาณยิ่ง


-------------------------------------------------------------------------

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 8 - 10


คำอ่าน
8. อิน..นา..อัรฺสัลนากะชาฮิเดา..วะมุบัชชิร็อว..วะนะซีรอ
9. ลิยุอ์มินูบิลลาฮิวะเราะสูลิฮี วะยุอัซซิรูฮุ วะตุซักกิรูฮฺ วะยุสับบิหูฮุบุกเราะเตา..วะอะศีลา
10. อิน..นัลละซีนะ ยุบายุอูนะกะ อิน..นะมายุบายิอูนัลลอฮฺ ยะดุลลอฮิเฟาเกาะอัยดีฮิม ฟะมัน..นะกะษะ ฟะอิน..นะมายัน..กุษุอะลานัฟสิฮฺ วะมันเอาฟา บิมาอาฮะดะอะลัยฮุลลอฮะ ฟะสะยุอ์ติฮิอัจญร็อนอะซีมา


คำแปล R1.
8. Verily, we have sent you (O Muhammad) as a witness, as a bearer of glad tidings, and as a warner.
9. In order that you (O mankind) may believe in Allah and His Messenger, and that you assist and honour him, and (that you) glorify (Allah's) praises morning and afternoon.
10. Verily, those who give Bai'ah (pledge) to you (O Muhammad) they are giving Bai'ah (pledge) to Allah. The Hand of Allah is over their hands. Then whosoever breaks his pledge, breaks only to his own harm, and whosoever fulfills what he has covenanted with Allah, he will bestow on him a great reward.


คำแปล R2.
8.   แท้จริงเราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นศาสนทูตเพื่อเป็นสักขีพยาน เพื่อเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และเป็นผู้ตักเตือน (ให้มนุษย์ได้สำนึกตน)
9.   เพื่อพวกเจ้าจะได้มีศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้เสริมอำนาจ (แห่งศาสนาของ) พระองค์ และยกย่องพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้ (ทำนมัสการ) ถวายความบริสุทธิ์ต่อพระองค์ทั้งยามเช้าละยามเย็น
10.   แท้จริงบรรดาผู้ร่วมทำสัญญา (ร่วมรบ) กับเจ้านั้น อันที่จริงพวกเขาได้ทำสัญญากับอัลเลาะฮฺโดยตรง อันอำนาจแห่งอัลเลาะฮฺย่อมอยู่เหนือมือของพวกเขา (ที่ยื่นออกมาสัมผัสกันในสัญญาดังกล่าว) ดังนั้นผู้ใดที่ละเลยสัญญา ที่จริงนั่นเท่ากับเขาละเลยแก่ตัวของเขาเอง และผู้ใดทำตามสัญญาอย่างครบสมบูรณ์ พระองค์จะทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เขา


คำแปล  R3.
8.   (โอ้ นบี) เราได้ส่งเจ้ามาในฐานะพยานคนหนึ่งและในฐานะผู้แจ้งข่าวดีและผู้เตือนคนหนึ่ง
9.   เพื่อที่สูเจ้าทั้งหลาย (มนุษย์เอ๋ย) จะได้ศรัทธาในอัลลอฮิและรอซูลของพระองค์ และจะได้ช่วยเขา (นั้นคือรอซูล) และให้เกียรติเขาและสดุดีอัลลอฮฺทั้งในยามเช้าและยามเย็น
10.   (โอ้ นบี) บรรดาผู้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเจ้านั้น แท้จริงแล้วก็เหมือนกับการให้คำสาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออัลลอฮฺ พระหัตถ์ของพระองค์นั้นเหนือกว่ามือของพวกเขา ตอนนี้ใครก็ตามที่ทำลายคำสาบานนี้ก็เท่ากับเขาได้ทำลายตัวเอง และใครที่ทำตามสัญญาที่เขาทำไว้กับอัลลอฮฺ อัลลอฮฺก็จะประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่สำหรับเขา


คำแปล R4.
8. แท้จริงเราได้ส่งเจ้า(มุฮัมมัด)มาเพื่อเป็นพยานและผู้แจ้งข่าวดีและผู้แจ้งข่าวร้าย
9. เพื่อให้พวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ และให้ความช่วยเหลือเขา (รอซูล) และแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ทั้งในยามเช้าและยามเย็น
10. แท้จริงบรรดาผู้ที่ให้สัตยาบันกับเจ้านั้นเสมือนกับว่าพวกเขาได้ให้สัตยาบัน กับอัลลอฮฺพระหัตถ์ของอัลลอฮฺทรงอยู่เหนือมือของพวกเขาฉะนั้นผู้ใด ทำลาย (สัตยาบัน) เสมือนกับว่าเขาทำลายตัวของเขาเองส่วนผู้ใดปฏิบัติตามสัญญา ที่เขาได้มีไว้กับอัลลอฮฺโดยครบถ้วนพระองค์ก็จะทรงตอบแทนรางวัลอันใหญ่หลวง แก่เขา


คำแปล R5.
๘. แท้จริงเราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นศาสนทูตที่ทำหน้าที่สักขีพยานแก่ประชาชาติของเจ้าทั้งมวล และเป็นผู้แจ้งข่าวประเสริฐให้พวกเขาได้ทราบถึงรางวัลอันยิ่งใหญ่ที่จะได้รับจากการยอมศรัทธาและภักดีด้วยสวรรค์ และเป็นผู้ตักเตือนให้พวกเขาได้ตระหนักถึงโทษอันจะอุบัติขึ้นจากการเนรคุณซึ่งต้องเข้านรกชั่วกาลนาน
๙. เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้ศรัทธาในอัลเลาะห์และทูตของพระองค์และเพื่อพวกเจ้าจะได้ให้เกียรติและยกย่องพระองค์ด้วยการร่วมทำศึกเพื่อเทิดทูนอุดมการณ์ของพระองค์และพวกเจ้ากล่าวสรรเสริญในความบริสุทธิคุณแห่งพระองค์ทั้งในเวลาเช้าและเวลาเย็น
๑๐. แท้จริงบรรดาผู้ที่ร่วมทำสัญญากับเจ้าในการทำศึกที่หุดัยบียะห์ ซึ่งข้อสัญญาที่สำคัญคือ การออกรบโดยไม่ถอยและยอมตายในสนามรบจนกว่าจะได้ชัยชนะมา ซึ่งเปิดทำสัญญาและการรบดังกล่าวขึ้นเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลเลาะห์แต่เพียงประการเดียว การทำสัญญาดังกล่าวกระทำโดยการวางมือบนมือของอีกฝ่ายหนึ่ง อันพระหัตถ์แห่งอัลเลาะห์หมายถึงความช่วยเหลือ พลานุภาพและความโปรดปรานของพระองค์ ย่อมอยู่เหนือมือของพวกเขาในขณะที่เขาวางมันเพื่อทำสัญญาดังกล่าวนั้น ดังนั้นผู้ใดเพิกเฉยสัญญาแน่นอนเขาเพิกเฉยแก่ตัวเขาเอง ที่จะได้รับรางวัลตอบแทนจากอัลเลาะห์ และผู้ใดทำตามสัญญาที่เขามีต่ออัลเลาะห์อย่างครบถ้วน แน่นอนพระองค์จะทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เขา



1. โปรดสังเกตวลีที่ขีดเส้นใต้ เป็นการให้ความหมายของวลี يدالله فوق ايديهم
2. ใน R5. ดูเหมือนจะไม่ได้แปลวลีที่ว่า  انمايبايعون الله (แท้จริงเสมือนเขาได้ให้สัตยาบรรณต่ออัลลอฮฺ)


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 11 - 14


คำอ่าน
11. สะยะกูลุ ละกัลมุค็อลละฟูนะ มินัลอะอฺรอบิ ชะเฆาะลัตนา..อัมวาลุนา วะอะฮฺลูนา ฟัสตัฆฟิรฺละนา ยะกูลูนะบิอัลสินะติฮิม..มาลัยสะฟีกุลูบิฮิม  กุลฟะมัย..ยัมลิกุละกุม..มินัลลอฮิชัยอัน อินอะรอดะบิกุม ฎ็อรฺร็อน เอาอะรอดะบิกุมนัฟอา, บัลกานัลลอฮุบิมาตัฟอะลูนะเคาะบีรอ
12. บัลเซาะนันตุม อัลลัย..ยัน..เกาะลิบัรฺเราะสูลุ วัลมุอ์มินูนะอิลา..อะฮฺลีฮิมอะบะดา, วะซุยยินะซาลิกะฟีกุลูบิกุม วะเซาะนัน..ตุม ซ็อน..นัสเสาอฺ วะกุน..ตุมก็อวมัม..บูรอ
13. วะมัลลัมยุอ์มิม..บิลลาฮิ วะเราะสูลิฮี ฟะอิน..นา..อะอฺตัดนาลิลกาฟิรีนะสะอีรอ
14. วะลิลลาฮิมุลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ, ยัฆฟิรุลิมัย..ยะชา...อุ วะยุอัซซิบุมัย..ยะชา...อ์ วะกานัลลอฮุเฆาะฟูร็อร์เราะหีมา


คำแปล R1.
11. Those of the bedouins who lagged behind will Say to you: "Our possessions and our families occupied us, so ask forgiveness for us." They say with their tongues what is not in their hearts. Say: "Who then has any power at all (to intervene) on your behalf with Allah, if He intends you hurt or intends you benefit? Nay, but Allah is ever Well-Acquainted with what you do .
12. "Nay, but you thought that the Messenger and the believers would never return to their families, and that was made fair-seeming in their hearts, and you did think an evil thought and you became a useless people going for destruction."
13. And whosoever does not believe in Allah and his Messenger (Muhammad), then verily, We have prepared for the disbelievers a blazing Fire .
14. And to Allah belongs the sovereignty of the heavens and the earth, He forgives whom He wills, and punishes whom He wills. And Allah is ever Oft-Forgiving, Most Merciful.


คำแปล R2.
11.   บรรดาชาวอาหรับชนบทที่ไม่ได้ออกสงครามจะพูดกับเจ้า (เพื่อแก้ตัว) ว่า “(ที่เราไม่ได้ออกรบนั้นเป็นเพราะ) ทรัพย์สินของเราและครอบครัวของเราทำให้เราไม่ว่าง (เพราะต้องดูแล) ดังนั้นขอท่านจงขออภัยโทษ (ต่ออัลเลาะฮฺให้) แก่พวกเราด้วยเถิด! ความจริงพวกเขาพูดด้วยลิ้น(อันปลิ้นปล้อน)ของพวกเขา ในสิ่งที่ไม่มีอยู่ในหัวใจของพวกเขาเลย จงประกาศเถิด! แล้วจะมีใครเล่าที่ครอบครองอำนาจ (พอที่จะยับยั้ง) จากอัลเลาะฮฺให้แก่พวกเจ้าได้สักเพียงเล็กน้อยก็ตาม หากพระองค์ทรงประสงค์จะให้บังเกิดเภทภัยแก่พวกเจ้า หรือทรงประสงค์จะยังคุณประโยชน์แก่พวกเจ้าก็ตาม ทว่า! อัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
12.   ทว่า! พวกเจ้าเข้าใจเอาเองว่าศาสนทูตและมวลผู้ศรัทธาทั้งหลาย (ที่ออกศึก) จะไม่มีโอกาสได้ (รอดชีวิต) กลับมาสู่ครอบครัวได้อีกตลอดไป และความเข้าใจเช่นนั้นได้ถูกนำมาประดับไว้ในหัวใจของพวกเขา และพวกเจ้ามีทัศนคติอันเลวร้าย และพวกเจ้าเป็นกลุ่มชนที่ประสบความหายนะอย่างแน่นอน
13.   และผู้ใดไม่ศรัทธากับอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ แน่นอนที่สุดเราได้เตรียมนรกอันลุกโชนไว้แล้วเพื่อบรรดาพวกไร้ศรัทธาทั้งมวล
14.   และอัลเลาะฮฺทรงมีอำนาจบริหารฟากฟ้าและแผ่นดิน ทรงอภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง


คำแปล  R3.
11.   (โอ้ นบี) พวกอาหรับทะเลทรายที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังจะมาพูดกับเจ้าอย่างแน่นอนว่า “ทรัพย์สินของเราและครอบครัวของเราทำให้เรายุ่งวุ่นวาย ดังนั้น โปรดขออภัยให้แก่เราด้วย” พวกเขากล่าวด้วยลิ้นซึ่งไม่มีอยู่ในหัวใจของพวกเขา จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ใครเล่าที่มีอำนาจจะยับยั้งอัลลอฮฺแทนพวกท่านหากพระองค์ทรงประสงค์ที่จะทำให้พวกท่านได้รับความทุกข์ หรือทรงอำนวยประโยชน์แก่พวกท่าน? อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำอยู่ทุกอย่าง
12.   (แต่ความจริงมิใช่สิ่งที่พวกท่านกล่าว) เปล่าเลย พวกท่านคิดว่ารอซูลและบรรดาผู้ศรัทธาจะไม่กลับมายังครอบครัวของพวกเขาอีก และความคิดเพ้อฝันที่ได้ทำให้หัวใจของพวกท่านเบิกบาน พวกท่านคิดชั่วร้ายและพวกท่านเป็นคนชั่วที่สุด
13.   ใครก็ตามที่ไม่ศรัทธาในอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น เราได้เตรียมไฟนรกที่โชติช่วงไว้สำหรับพวกเขาแล้ว
14.   อำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงอภัยโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
11. ชาวอาหรับชนบทที่เหลืออยู่ในเมืองจะกล่าวแก่เจ้าว่าทรัพย์สินของเราและครอบ ครัวของเราทำให้เรามีธุระยุ่งอยู่ ดังนั้นได้โปรดขออภัยให้แก่เราด้วย พวกเขากล่าวด้วยลิ้นของพวกเขาโดยไม่มีอะไรในหัวใจของพวกเขา จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดใครเล่าจะมีอำนาจอันใดที่จะป้องกันพวกเจ้าจากอัลลอฮฺหาก พระองค์ทรงประสงค์ให้ความทุกข์แก่พวกเจ้า หรือพระองค์ทรงประสงค์จะให้ประโยชน์แก่พวกเจ้า แต่ว่าอัลลอฮฺทรงตระหนักยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
12. หามิได้พวกเจ้าคิดว่าอัลรอซูลและบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธาจะไม่กลับไปยังครอบ ครัวของพวกเขาเป็นอันขาดและนั่นได้ถูกทำให้เป็นที่เพริศแพร้วในจิตใจของพวก เจ้าและพวกเจ้าได้คิดร้ายและพวกเจ้าเป็นหมู่ชนที่วิบัติ
13. และถ้าผู้ใดมิได้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แท้จริงเราได้เตรียมไฟที่ลุกโชติช่วงไว้สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธา
14. และอำนาจเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงอภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๑๑. โอ้มุฮำมัด บรรดาผู้ไม่ยอมออกศึกจากบรรดาอาหรับชนบทของมดีนะห์ ได้แก่อาหรับตระกูล บะนีฆอฟฟาร, มุซัยนะห์, ยุฮัยนะห์ และอัชยะอ์ ซึ่งนบีได้เรียกร้องพวกเขาให้ออกรบในสมรภูมิหุดัยบียะห์ แต่พวกนั้นปฏิเสธ จะพูดกับเจ้าว่าสาเหตุที่เราไม่ได้ออกไปทำศึกนั้นก็เพราะทรัพย์สินและครอบครัวของเราได้ทำให้เราไม่ว่างที่จะออกได้ ดังนั้นขอท่านได้โปรดขออภัยต่ออัลเลาะห์ให้แก่พวกเราด้วยเถิด พวกเขาพูดขึ้นมาด้วยลิ้นของพวกเขา ในสิ่งที่ไม่มีอยู่ในหัวใจของพวกเขาแต่ประการใด ๆ พวกนั้นกล่าวเท็จทั้งสิ้น โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดว่าแล้วใครเล่าที่มีอำนาจป้องกันแก่พวกเจ้าให้พ้นจากอัลเลาะห์สักกรณีเดียว หากพระองค์ทรงประสงค์ให้พวกเจ้าประสบอันตรายหรือทรงประสงค์ให้พวกเจ้าประสบผลประโยชน์ก็ตาม ก็ไม่มีใครขัดขวางได้อย่างแน่นอน หากทว่าอัลเลาะห์นั้นพระองค์ทรงรับรู้ในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติไว้ทั้งสิ้น ไม่ว่าความดีหรือความชั่วก็ตาม
๑๒. แต่ว่าพวกเจ้าคาดการเอาเองว่า ศาสนทูตและบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายคงจะไม่ได้คืนกลับสู่ครอบครัวของพวกเขา ณ นครมดีนะห์ตลอดไป เพราะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่หุดัยบียะห์ และสิ่งที่พวกเจ้าได้คาดการไว้นั้นถูกประดับในหัวใจของพวกเจ้า โดยพวกเจ้าคาดว่าฝ่ายมุสลิมต้องถูกฆ่าตายหมดไม่เหลือเลยดังกล่าวแล้ว และพวกเจ้าคิดที่ชั่วร้ายยิ่ง และพวกเจ้าเป็นกลุ่มชนที่พินาศแล้ว ด้วยความเข้าใจเช่นนั้น
๑๓. และผู้ใดไม่ศรัทธาในอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ แน่นอนเราได้เตรียมเปลวเพลิงนรกไว้สำหรับบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย
๑๔. และอัลเลาะห์ทรงมีอำนาจปกครองชั้นฟ้าและแผ่นดินทั้งเจ็ด ทรงให้อภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงลงโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะห์ทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 15 - 17


คำอ่าน
15. สะยะกูลุลมุค็อลละฟูนะ อิซัน..เฏาะลักตุม อิลามะฆอนิมะ ลิตะอ์คุซูฮา ซะรูนานัตตะเบียะอฺกุม ยุรีดูนะอัย..ยุบัดดิลูกะลามัลลอฮฺ กุลลัน..นัตตะบิอูนา กะซาลิกุมกอลัลลอฮุมิน..ก็อบลฺ ฟะสะยะกูลูนะบัลตะหฺสุดูนะนา บัลกานูลายัฟเกาะฮูนะ อิลลาเกาะลีลา
16. กุลลิลมุค็อลละฟีนะ มินัลอะอฺรอบิ สะดุดเอานะ อิลาก็อวมิน อุลีบะอ์สิน..ชะดีดิน..ตุกอติลูนะฮุม เอาตุสลิมูน, ฟะอิน..ตุฏีอู ยุอ์ติกุมุลลอฮุอัจญร็อนหะสะนา, วะอิน..ตะวัลเลา กะมาตะวัลลัยตุม มิน..ก็อบลุ ยุอัซซิบกุม อะซาบันอะลีมา
17. ลัยสะอะลัลอะอฺมาหะเราะญู..วะลาอะลัลอัรฺฎิหะเราะญู..วะลาอะลัลมะรีฎิหะร็อจญฺ วะมัย..ยุฏิอิลลาฮะ วะเราะสูละฮู ยุดคิลฮุญัน..นาติน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารฺ, วะมัย..ยะตะวัลละยุอัซซิบฮุ อะซาบันอะลีมา


คำแปล R1.
15. Those who lagged behind will say, when you set forth to take the spoils, "Allow us to follow you," they want to change Allah's words. Say: "You shall not follow us; thus Allah has said beforehand." Then they will say: "Nay, you envy us." Nay, but they understand not except a little.
16. Say (O Muhammad) to the bedouins who lagged behind: "You shall be called to fight against a people given to great warfare, then you shall fight them, or they shall surrender. Then if you obey, Allah will give you a fair reward, but if you turn away as you did turn away before, He will punish you with a painful torment."
17. No blame or sin is there upon the blind, nor is there blame or sin upon the lame, nor is there blame or sin upon the sick (that they go not forth to war). And whosoever obeys Allah and his Messenger (Muhammad ), He will admit him to Gardens beneath which rivers flow (Paradise); and whosoever turns back, He will punish Him with a painful torment.


คำแปล R2.
15.   บรรดาจำพวกสับปลับที่ไม่ได้ออกสงครามจะพูดขึ้นขณะที่พวกเจ้าได้ออกไปยังทรัพย์เชลยศึกเพื่อพวกเจ้าจะได้รับมันมา (เป็นของเจ้า) ว่า “พวกท่านจงปล่อยให้พวกเราติดตามพวกท่าน (ออกไปด้วย)เถิด!” พวกเขามีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงพระโองการแห่งอัลเลาะฮฺ (ที่ได้ให้สัญญาไว้ว่า ผู้ที่ออกไปสู่สงครามหุดัยบียะฮฺ จึงจะได้ส่วนแบ่งของทรัพย์เชลยศึก)” จงประกาศเถิด! “พวกท่านจะไม่ได้ออกติดตามเราเป็นอันขาด เช่นนั้น! อัลเลาะฮฺได้ทรงดำรัสไว้เมื่อก่อน!” ต่อมาพวกนั้นก็จะพูดอีกว่า “(ที่ว่านั้นมิใช่อัลเลาะฮฺห้ามหรอก) ทว่า พวกท่านอิจฉาพวกเราต่างหาก” ทว่า พวกเขาไม่เข้าใจ นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!”
16.   จงประกาศเถิด! แก่บรรดาชาวอาหรับชนบทที่ไม่ออกสงครามว่า “พวกท่านจะถูกเรียกร้องให้ไปยังกลุ่มชนที่มีพิษสงอันร้ายกาจ ซึ่งพวกท่านจะทำการรบกับพวกเขา (จนชนะ) หรือมิฉะนั้นพวกเขาได้ยอมตน(อยู่ภายใต้กฎหมายอิสลาม) ดังนั้นหากพวกท่านยอมภักดี อัลเลาะฮฺก็จะทรงให้รางวัลอันงดงามแก่พวกท่านอย่างแน่นอน แต่ถ้าพวกท่านหันเหเหมือนที่พวกท่านเคยหันเหมาแล้วเมื่อก่อน แน่นอนพระองค์จะทรงลงโทษพวกท่านอย่างสาหัสที่สุด
17.   ย่อมไม่เป็นความผิดแก่คนตาบอด ไม่เป็นความผิดแก่คนขาพิการ และไม่เป็นความผิดแก่คนป่วย (ที่จะงดเว้นการออกสงครามในยามที่มีเหตุขัดข้องดังกล่าวนั้น) และผู้ใดภักดีต่ออัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ แน่นอนพระองค์จะให้เขาเข้าสวรรค์ ซึ่งมีธารน้ำหลายสายไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน และผู้ใดหันเห แน่นอนพระองค์ก็จะทรงลงโทษเขาอย่างสาหัสที่สุด


คำแปล  R3.
15.   เมื่อสูเจ้าออกไปยังทรัพย์เชลย บรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลังจะกล่าวแก่สูเจ้าว่า “ขอให้เราไปกับพวกท่านด้วย” พวกเขาต้องการจะเปลี่ยนแปลงประกาศิตของอัลลอฮฺ จงบอกพวกเขาว่า “พวกท่านจะมากับเราไม่ได้ อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวสิ่งนี้ไว้ก่อนแล้ว” พวกเขาจะกล่าวว่า “เปล่าเลย พวกท่านอิจฉาเราต่างหาก” (ทั้งที่มิได้เป็นเรื่องการอิจฉา) แต่พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยนอกจากเพียงเล็กน้อย
16.   จงบอกพวกอาหรับทะเลทรายที่อยู่ข้างหลัง “ไม่ช้า พวกท่านจะถูกเรียกไปต่อสู้หมู่ชนที่เข้มแข็งกว่า พวกท่านจะต้องต่อสู้พวกเขา หรือพวกท่านจะต้องยอมจำนน ดังนั้น ถ้าหากพวกท่านทำตามคำบัญชา (แห่งการญิฮาด) อัลลอฮฺก็จะทรงตอบแทนรางวัลที่ดีแก่พวกท่าน และถ้าหากพวกท่านหันหลังให้ดังที่พวกท่านได้ทำมาก่อนหน้านี้ อัลลอฮฺก็จะทรงลงโทษพวกท่านด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด”
17.   อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่เสียหายแต่ประการใด ถ้าหากคนตาบอด คนพิการ และคนป่วยจะไม่ออกไปญิฮาด ใครก็ตามที่เชื่อฟังอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ อัลลอฮฺก็จะทรงรับเขาเข้าสู่สวรรค์ซึ่งใต้นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนผู้ใดหันหลังพระองค์ก็จะทรงลงโทษเขาด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด


คำแปล R4.
15. บรรดาผู้ที่เหลืออยู่ในเมืองจะกล่าวว่า เมื่อพวกท่านออกเดินทางไปยังกองทรัพย์เชลย (ที่ค็อยบัร) เพื่อไปยึดเอามา ก็จงปล่อยให้พวกเราออกติดตามพวกท่านไปด้วย พวกเขาประสงค์ที่จะเปลี่ยนคำกล่าวของอัลลอฮฺ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจะติดตามพวกเราไปไม่ได้เป็นอันขาด เพราะอัลลอฮฺได้ตรัสไว้ก่อนแล้ว พวกเขาก็จะกล่าวอีกว่า หามิได้พวกท่านอิจฉาพวกเรา เปล่าเลยพวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยนอกจากเพียงเล็กน้อย
16. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่ชาวอาหรับชนบทที่เหลืออยู่ในเมืองว่าพวกท่านจะถูก เรียกให้ไปร่วมต่อสู้พวกเขาหรือให้พวกเขายอมจำนนดังนั้นเมื่อพวกท่านเชื่อ ฟังปฏิบัติตามอัลลอฮก็จะทรงประทานรางวัลอันดีงามแก่พวกท่านแต่ถ้าพวกท่านผิน หลังออกมาก่อนแล้วพระองค์จะทรงลงโทษพวกท่านด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด
17. ไม่เป็นการลำบากอันใดแก่คนตาบอดและไม่เป็นการลำบากใจอันใดแก่คนพิการและไม่ เป็นการลำบากใจอันใดแก่คนป่วยแต่ถ้าผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮและรอ ซูล ของพระองค์พระองค์จะทรงให้เขาเข้าสู่สวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างมีธาร น้ำหลายสายไหลผ่านส่วนผู้ใดผินหลังออกพระองค์จะทรงลงโทษเขาด้วยการลงโทษอัน เจ็บปวด


คำแปล R5.
๑๕. บรรดาผู้ไม่ออกทำการรบจะพูดว่าเมื่อพวกท่านทั้งหลายได้เดินทางไปยังทรัพย์เชลยศึก ณ สมรภูมิคอยบัร เพื่อยึดมันมา พวกท่านก็จงปล่อยเราเถิดเราจะได้ติดตามพวกท่านไปเพื่อร่วมรับในทรัพย์ดังกล่าวด้วย พวกเขามุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงพระคำของอัลเลาะห์ที่ได้ห้ามพวกนั้นไม่ให้ออกร่วมกับท่านนบีในการทำศึกที่ “คอยบัร” ซึ่งเป็นศึกที่กระทำขึ้นในเดือน “ซุลฮิจยะห์” ปีที่ ๖ จากฮิจเราะห์ กองทหารมุสลิมคือทหารที่เคยไปที่หุดัยบียะห์ทุกคน เพราะสมรภูมิหุดัยบียะห์ไม่มีการรบ แต่ยุติการรบด้วยการทำสัญญาสงบศึกของทั้งสองฝ่าย ต่อมาในการออกรบที่คอยบัร ปรากฏว่าฝ่ายมุสลิมได้รับชัยชนะและริบทรัพย์เชลยศึกได้อย่างมากมาย ซึ่งทรัพย์นี้ท่านนบีสั่งให้แบ่งปันแก่ทุกคนที่ไปในสมรภูมิหุดัยบียะห์ ซึ่งมาทำศึกในครั้งนี้หรือไม่ได้มาเพราะมีเหตุขัดข้องก็ตาม แต่พวกอาหรับที่ไม่ออกไปร่วมในหุดัยบียะห์ก็ต้องการจะร่วมในทรัพย์ดังกล่าวด้วย ฌอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิด พวกเจ้าจะไม่ได้ติดตามพวกเราไปด้วยอย่างแน่นอน เช่นนั้นแหละที่อัลเลาะห์ได้ทรงตรัสไว้ก่อนที่พวกเราจะเดินทางกลับด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาก็จะกล่าวว่า มิใช่เช่นนั้นหรอก แต่ความเป็นจริงพวกท่านอิจฉาริษยาเราโดยตรง กลัวว่าเราจะได้ทรัพย์นั้นด้วย ทั้ง ๆ ที่ความจริงอัลเลาะห์หาได้ห้ามไม่ แต่ทว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย นอกจากเพียงเล็กน้อยของพวกเขาเท่านั้น ที่พอจะมีความเข้าใจอยู่บ้าง
๑๖. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิดกับบรรดาผู้ที่ไม่ออกทำศึกในสมรภูมิหุดัยบียะห์จากพวกอาหรับชนบทว่าพวกท่านจะถูกเรียกร้องให้ออกไปสู่กลุ่มชนหนึ่งที่มีพิษสงอันร้ายกาจยิ่ง กลุ่มชนนี้ได้แก่ “บะนูหะนีฟะฮ์” ซึ่งเป็นอาหรับตระกูลของ “มุซัยละมะฮ์ อัลกัซซาบ” ณ เมือง “ยะมามะห์” พวกเจ้าจะสู้รบกับพวกนั้นหรือจะให้พวกนั้นเข้าอิสลาม โดยไม่ต้องทำการรบให้เหนื่อยยาก ดังนั้นหากพวกเจ้ายอมภักดี ด้วยการออกไปทำการรบ แน่นอนอัลเลาะห์จักทรงประทานรางวัลอันงดงามแก่พวกเจ้า แต่ถ้าพวกเจ้าหันเหไม่ออกรบ เหมือนที่พวกเจ้าได้เคยหันเหมาแล้วเมื่อก่อนในสมรภูมิหุดัยบียะห์ แน่นอนพระองค์จักทรงลงโทษพวกเจ้าอย่างทรมานยิ่ง
๑๗. ย่อมไม่เป็นบาปแก่คนตาบอด ย่อมไม่เป็นบาปแก่คนขาพิการ และไม่เป็นบาปแก่คนป่วยไข้ที่พวกนั้นจะไม่ออกทำการรบด้วย และผู้ใดภักดีต่ออัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ พระองค์ก็จะให้เขาเข้าสวรรค์ซึ่งมีธารน้ำไหลผ่าน ณ เบื้องใต้ของมัน และผู้ใดหันเหออกจากการภักดี พระองค์จะทรงลงโทษเขาอย่างทรมานยิ่งในวันปรภพ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 18 - 20


คำอ่าน
18. ละก็อดเราะฎิยัลลอฮุอะนิลมุอ์มินีนะ อิซยุบายุอูนะกะตะหฺตัชชะญะเราะติ ฟะอะลิมะมาฟีกุลูบิฮิม ฟะอัน..ซะลัสสะกีนะตะอะลัยฮิม วะอะษาบะฮุม ฟัตหัน..เกาะรีบา
19. วะมะฆอนิมะ กะษีเราะตัย..ยะอ์คุซูนะฮา วะกานัลลอฮุอะซีซันหะกีมา
20. วะอะดะกุมุลลอฮุ มะฆอนิมะกะษีเราะตัน..ตะอ์คุซูนะฮา ฟะอัจญะละละกุม ฮาซิฮี วะกัฟฟะอัยดิยัน..สิอัน..กุม วะลิตะกูนะอายะตัลลิลมุอ์มินีนะ  วะยะฮฺดิยะกุม ศิรอฏ็อม..มุสตะกีมา


คำแปล R1.
18. Indeed, Allah was pleased with the believers when they gave their Bai'ah (pledge) to you (O Muhammad) under the tree: He knew what was in their hearts, and He sent down As-Sakinah (calmness and tranquility) upon them, and He rewarded them with a near victory,
19. And abundant spoils that they will capture. And Allah is ever All-Mighty, All-Wise.
20. Allah has promised you abundant spoils that you will capture, and He has hastened for you this, and He has restrained the hands of men from you, that it may be a sign for the believers, and that He may guide you to a Straight Path.


คำแปล R2.
18.   แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงพอพระทัยต่อบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายในยามที่พวกเขาได้ทำสัญญากับเจ้าใต้ต้นไม้ (ที่หุดัยบียะฮฺ) แล้วพระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่ปรากฏอยู่ในหัวใจของพวกเขา แล้วพระองค์ทรงหลั่งความสงบมั่นลงเหนือพวกเขา และทรงตอบแทนพวกเขาให้มีชัยชนะซึ่งใกล้เข้ามาแล้ว (นั่นคือชัยชนะที่ “คอยบัร”ในปีที่7 )
19.   และสู่ทรัพย์เชลยศึกอันมากมายซึ่งพวกเขาจะได้รับมันมา และอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งอำนาจยิ่ง ทรงไว้ซึ่งความปรีชาญาณยิ่ง
20.   อัลเลาะฮฺได้สัญญาแก่พวกเจ้า (ให้พวกเจ้า) ได้ทรัพย์เชลยศึกอันมากมายที่พวกเจ้าพึงรับมันมา แล้วพระองค์ก็ทรงรีบด่วนประทานสิ่งนี้ให้แก่พวกเจ้า และทรงยัยยั้งมือของผู้คนทั้งหลาย (ที่เป็นข้าศึก) มิให้ขัดขวางพวกเจ้าได้ และเพื่อเป็นสัญลักษณ์หนึ่งสำหรับมวลศรัทธาชน และทรงชี้นำพวกเจ้าสู่ทางอันเที่ยงตรง


คำแปล  R3.
18.   อัลลอฮฺทรงโปรดปรานบรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพวกเขาให้สัตย์ปฏิญาณแก่เจ้าใต้ต้นไม้ พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา ดังนั้น พระองค์ได้ประทานความสงบลงมายังพวกเขา และทรงตอบแทนพวกเขาด้วยชัยชนะอันใกล้นี้
19.   และทรัพย์เชลยที่พวกเขาจะได้รับในไม่ช้า อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ
20.   อัลลอฮฺได้ทรงสัญญากับสูเจ้าถึงทรัพย์เชลยอันมากมายที่สูเจ้าจะได้รับ ในตอนนี้ พระองค์ได้ประทานชัยชนะแก่สูเจ้าและพระองค์ได้ทรงยับยั้งมือของผู้คนจากสูเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้เป็นสัญญาณหนึ่งแก่บรรดาผู้ศรัทธา และอัลลอฮฺจะได้ทรงนำทางสูเจ้าไปสู่หนทางอันเที่ยงตรง


คำแปล R4.
18. โดยแน่นอนอัลลอฮฺทรงโปรดปรานต่อบรรดาผู้ศรัทธาขณะที่พวกเขาให้สัตยาบันแก่ เจ้าใต้ต้นไม้ (ที่ฮุดัยบิยะฮฺ) เพราะพระองค์ทรงรอบรู้ดีถึงสิ่งที่มีอยู่ในจิตใจของพวกเขา พระองค์จึงได้ทรงประทานความสงบใจลงมาบนพวกเขา และได้ทรงตอบแทนให้แก่พวกเขาซึ่งชัยชนะอันใกล้นี้
19. และทรัพย์เชลยอันมากมายที่พวกเขาจะได้รับมันและอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ
20. อัลลอฮฺได้ทรงสัญญาแก่พวกเจ้าซึ่งทรัพย์เชลยอันมากมายที่พวกเจ้าจะได้รับมัน โดยพระองค์ทรงเร่ง(ทรัพย์เชลยที่ค็อยบัร)อันนี้แก่พวกเจ้าและพระองค์ทรง ยับยั้งมือของผู้คน(พวกยะฮูด)จาก(การทำร้าย)พวกเจ้าและเพื่อมัน(การยับยั้ง จากการทำร้าย)จะได้เป็นสัญญาณหนึ่งแก่บรรดาผู้ศรัทธาและเพื่อพระองค์จะได้ ทรงชี้แนะทางแก่พวกเจ้าสู่ทางอันเที่ยงตรง พระองค์จะได้ทรงชี้แนะทางแก่ พวกเจ้าสู่ทางอันเที่ยงตรง


คำแปล R5.
๑๘. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงพอพระทัยต่อบรรดาผู้ศรัทธาทั้งมวลเมื่อพวกเขาทำสัญญากับเจ้าใต้ต้นไม้ ซึ่งพวกเขามีจำนวนหนึ่งพันสี่ร้อยคน เพื่อทำการรบกับพวกกุร็อยซ์ โดยสัญญากันว่าจะไม่ถอยหนีอย่างเด็ดขาด ที่จริงพระองค์ทรงทราบถึงสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของพวกเขา ดังนั้นพระองค์จึงทรงประทานความสงบมั่นแก่พวกเขา และทรงตอบแทนแก่พวกเขาจากการที่ไม่ได้ทำการรบในสมรภูมิหุดัยบียะห์ด้วยให้มีการเปิดอันใกล้เคียงกับสมรภูมินั้น นั่นคือมีชัยชนะต่อคอยบัรจนสามารถเปิดเมืองนั้นได้
๑๙. และให้มีทรัพย์เชลยศึกอย่างมากมายซึ่งพวกเขาได้ริบมันมาจากพวกศัตรูในสมรภูมิคอยบัรดังกล่าว และอัลเลาะห์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
๒๐. อัลเลาะห์ได้ให้สัญญาแก่พวกเขาว่าพวกเขาจะได้ทรัพย์เชลยศึกอันมากมายซึ่งพวกเขาจะริบมันมาจากฝ่ายศัตรูไม่ว่าจะในสมรภูมิใดก็ตาม และแล้วพระองค์ก็ทรงจัดการอย่างรีบด่วนแก่พวกเจ้า ซึ่งทรัพย์เชลยศึกที่ได้จากสมรภูมิคอยบัรนี้ และทรงยับยั้งมือของมนุษย์จากพวกเจ้า มิให้ทำอันตรายใด ๆ ได้ แม้พวกยะฮูดีคิดจะจับตัวลูก ๆ ของมุสลิมที่ออกสงครามหุดัยบียะฮฺมาทำเชลยก็ไม่สามารถจะทำได้ และเพื่อสิ่งนั้นจะได้เป็นเครื่องหมายสำหรับผู้ศรัทธาทั้งหลาย ได้ตระหนักถึงสัจธรรมของนบีมุฮำมัด ซ.ล. และเพื่อชี้นำพวกเจ้าสู่แนวทางอันเที่ยงตรง





ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 21 - 23


คำอ่าน
21. วะอุครอลัมตักดิรูอะลัยฮา ก็อดอะหาฏ็อลลอฮุบิฮา วะกานัลลอฮุอะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรอ
22. วะเลากอตะละกุมุลละซีนะกะฟะรู ละวัละวุลอัดบาเราะ ษุม..มะลายะยิดูนะวะลีเยา วะลานะศีรอ
23. สุน..นะตัลลอฮิลละตีก็อดเคาะลัตมิน..ก็อบลฺ, วะลัน..ตะญิดะลิสุน..นะติลลาฮิ ตับดีลา


คำแปล R1.
21. And other (victories and much booty there are, He promises you) which are not yet within your power, indeed Allah compasses them, and Allah is ever able to do all things.
22. And if those who disbelieve fight against you, they certainly would have turned their backs, then they would have found neither a Wali (protector) nor a helper.
23. That has been the Way of Allah already with those who passed away before. And you will not find any change in the Way of Allah.


คำแปล R2.
21.   และยังมีทรัพย์เชลยศึกอื่นอีกที่พวกเจ้ามิได้ครอบครองมัน ซึ่งอัลเลาะฮฺได้ทรงพิทักษ์มันไว้แล้ว (เพื่อให้พวกเจ้าได้ครอบครองมันในโอกาสต่อไป) และอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง
22.   และหากแม้นบรรดาพวกไร้ศรัทธาทั้งหลายได้ทำศึกกับพวกเจ้า แน่นอนพวกเขาย่อมหันหลังหนี (เพราะความพ่ายแพ้) หลังจากนั้นพวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครองคนใดและไม่พบผู้ช่วยเหลือคนใดเลย
23.   (ความพ่ายแพ้ของพวกต่อต้านศาสนทูตนั้น) เป็นแบบฉบับแห่งอัลเลาะฮฺ (ที่ทรงบันดาลให้เกิดขึ้นในประชาชาติต่าง ๆ) ที่ได้ล่วงพ้นมาในยุคก่อน ๆ และเจ้าจะไม่พบสำหรับแบบฉบับแห่งอัลเลาะฮฺ ว่าจะถูกเปลี่ยนแปลงเลย


คำแปล  R3.
21.   นอกจากนี้แล้ว พระองค์ทรงสัญญาศูเจ้าในเรื่องทรัพย์เชลยอย่างอื่นซึ่งสูเจ้ายังไม่สามารถเอามาได้ในตอนนี้อีกด้วย แต่อัลลอฮฺได้ทรงล้อมมันไว้หมดแล้ว และอัลลอฮฺทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
22.   ถ้าหากบรรดาผู้ปฏิเสธได้ต่อสู้สูเจ้า แน่นอนพวกเขาจะหันหลังกลับและพวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ
23.   นี่คือแนวทางของอัลลอฮฺที่ได้รับการปฏิบัติตามมาแล้วในอดีต และสูเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในแนวทางของอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
21. และทรัพย์เชลยอันอื่นอีกที่พวกเจ้าไม่มีกำลังที่จะเอาชนะมันได้แต่อัลลอฮฺทรง ล้อมพวกมันไว้แล้ว (คืออาณาจักรเปอร์เซียและโรมันตะวันออก) และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง
22. และถ้าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ต่อสู้กับพวกเจ้า พวกเขาก็จะผินหลังกลับอย่างแน่นอน แล้วพวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ
23. นั่นคือแนวทางของอัลลอฮฺแก่บรรดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้วแต่กาลก่อน และเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในแนวทางของอัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๒๑. และยังมีทรัพย์เชลยศึกอื่น ๆ อีกที่พวกเจ้าไม่มีความสามารถบนการยึดมันมาซึ่งอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ในสิ่งนั้นว่า จะเป็นของพวกเจ้าในอนาคตกาล นั่นคือการยึดเมืองเปอร์เซียและโรม ซึ่งประสบผลสำเร็จในยุคของอุมัร บินคอฏฏอบ และอัลเลาะห์ทรงอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง
๒๒. และหากบรรดาผู้เนรคุณได้ทำศึกกับพวกเจ้าในสมรภูมิหุดัยบียะฮฺ แน่นอนพวกเขาก็จะต้องหันหลังหนีพวกเจ้า แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่พบผู้คุ้มครองและช่วยเหลือพวกเขาเลย
๒๓. นี้เป็นแบบฉบับแห่งอัลเลาะห์ที่ได้ล่วงพ้นไปแล้วเมื่อก่อนหน้าที่ฝ่ายมุสลิมจะได้รับชัยชนะ และเจ้าจะไม่พบสำหรับแบบฉบับแห่งอัลเลาะห์ว่าจะถูกเปลี่ยนแปลงไปจากที่พระองค์ทรงกำหนดไว้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 24 - 26


คำอ่าน
24. วะฮุวัลละซีกัฟฟะอัยดิยะฮุมอัน..กุมม วะอัยดิยะกุมอันฮุม บิบัฏนิมักกะติ มิม..บะอฺดิ อันอัซฟะเราะกุมอะลัยฮิม วะกานัลลอฮุบิมาตะฮมะลูนะบะศีรอ
25. ฮุมุลละซีนะกะฟะรู วะศ็อดดูกุม อะนิลมัสญิดิลหะรอมิ วันฮัดยะมะอฺกูฟัน อัย..ยับลุเฆาะมะหิลละฮฺ วะเลาลาริญาลุม..มุอ์มินูนะ วะนิสา...อุม..มุอ์มินาตุลลัมตะอฺละมูฮุม อัน..ตะเฏาะอูฮุม ฟะตุศีบะกุม..มินฮุม..มะอัรฺเราะตุม..บิฆ็อยริอิลมฺ ลิยุดคิลัลลอฮุฟีเราะหฺมะติฮีมัย..ยะชา...อุ์ เลาตะซัยยะลู ละอัซซับนัลละซีนะกะฟะรูมินฮุม อะซาบันอะลีมา
26. อิซญะอะลัลละซีนะกะฟะรู ฟีกุลูบิฮิมุล หะมียะตะหะมียะตัลญาฮิลียะฮฺ ฟะอัน..ซะลัลลอฮุสะกีนะตะฮู อะลาเราะสูลิฮี วะอะลัลมุอ์มินีน ฟะอัลซะมะฮุมกะลิมะตัตตักวา วะกานู..อะหักเกาะบิฮาวะอะฮฺละฮา วะกานัลลอฮุบิกุลลิชัยอินอะลีมา


คำแปล R1.
24. And He it is Who has withheld their hands from you and your hands from them in the midst of Makkah, after He had made you victors over them. And Allah is ever the All-Seer of what you do.
25. They are the ones who disbelieved (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism), and hindered you from Al-Masjid-al-Haram (the sacred mosque of Makkah) and the sacrificial animals, detained from reaching their place of sacrifice. had there not been believing men and believing women whom you did not know, that you may kill them, and on whose account a sin would have been committed by you without (your) knowledge, that Allah might bring into his Mercy whom He will, if they (the believers and the disbelievers) should have been apart, we verily had punished those of them who disbelieved, with painful torment.
26. When those who disbelieve had put in their hearts pride and haughtiness the pride and haughtiness of the time of ignorance, then Allah sent down his Sakinah (calmness and tranquility) upon his Messenger
and upon the believers, and made them stick to the word of piety (i.e. none has the right to be worshiped but Allah), and they were well entitled to it and worthy of it. And Allah is the All-Knower of everything.


คำแปล R2.
1.   และพระองค์ทรงยับยั้งมือของพวกเขา (เหล่าศัตรู) มิให้รังควาญพวกเจ้า และยับยั้งมือของพวกเจ้ามิให้รังควาญพวกเขา ณ (หุดัยบียะฮฺ) ซึ่งอยู่ในท้องที่มักกะฮฺ ภายหลังจากพระองค์ทรงประทานโชคชัยแก่พวกเจ้าเหนือพวกเขา และอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
2.   พวกเขาเป็นพวกที่ไร้ศรัทธาและขัดขวางพวกเจ้ามิให้เข้ามัสยิดอัลหะรอม (คือมักกะฮฺ) และ (ขัดขวาง) สัตว์พลีทานให้ถูกกักตัวไว้มิให้ถึงยังที่เชือดของมัน และมาดแม้นไม่มีกลุ่มบุรุษผู้มีศรัทธาและกลุ่มสตรีที่มีศรัทธา ซึ่งพวกเจ้าไม่รู้จักพวกเขา (ว่าเป็นผู้มีศรัทธาหรือไม่ เพราะปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ไร้ศรัทธา) การที่พวกเจ้าจะทำลายล้างพวกเขา (พร้อมกับกลุ่มผู้ไร้ศรัทธา) ย่อมจะทำให้พวกเจ้าประสบกับความยุ่งยากโดยไม่รู้ตัว (แน่นอนอัลเลาะฮฺก็จะอนุญาตให้โจมตีพวกไร้ศรัทธา แต่พระองค์ก็ไม่ทรงอนุญาต) เพื่ออัลเลาะฮฺจะบันดาลให้ผู้ที่พระองค์ประสงค์ได้เข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์ ถ้าแม้นพวกเขาสามารถแยกตัว (ออกจากพวกไร้ศรัทธาได้) แน่นอนเราก็จักลงโทษแก่บรรดาจำพวกไร้ศรัทธาจากพวกนั้นอย่างสาหัสที่สุด
3.   ในยามที่พวกไร้ศรัทธาได้ก่อความเคียดแค้นขึ้นในหัวใจของตน (ต่อสัจธรรมของอิสลามและไม่ยอมรับฐานะศาสดาของนบีมุฮัมมัด) แบบความเคียดแค้นของพวกอนารยธรรม แล้วอัลเลาะฮฺก็ทรงหลั่งความสงบมั่นจากพระองค์แก่ศาสนทูตของพระองค์และแก่มวลศรัทธาชน (จนสามารถทำสัญญาสงบศึกหุดัยบียะฮฺได้) และพระองค์ได้ดลให้พวกเขาถือมั่นในถ้อยคำแห่งความยำเกรง (คือประโยคปฏิญาณ) ในขณะที่พวกเขาเป็นผู้ทรงสิทธิ์แห่งถ้อยคำดังกล่าว และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ในทุก ๆ สิ่ง


คำแปล  R3.
1.   พระองค์ต่างหากที่ทรงยับยั้งมือของพวกเขาจากสูเจ้า และมือของสูเจ้าจากพวกเขาในหุบเขาแห่งมักกะฮฺหลังจากที่พระองค์ได้ประทานชัยชนะแก่สูเจ้าเหนือพวกเขา และอัลลอฮฺทรงรู้ทุกอย่างที่สูเจ้ากระทำ
2.   พวกเขาคือผู้ปฏิเสธศรัทธาและขัดขวางสูเจ้าจากมัสญิดอัล-ฮะรอมและกักันสัตว์ที่จะถูกเชือดพลีมิให้ไปถึงสถานที่ที่มันจะถูกเชือดพลี หากไม่มีชายและหญิงผู้ศรัทธาบางคน (ในมักกะฮฺ) ที่สูเจ้าไม่รู้จักและกลัวว่าสูเจ้าจะเหยียบย่ำพวกเขาโดยไม่รู้และจะทำให้เป็นที่ถูกตำหนิแล้ว (การต่อสู้ก็คงจะไม่ถูกหยุดยั้งไว้) ทั้งนี้เพื่อที่อัลลอฮฺจะได้ทรงรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไว้ในความเมตตาของพระองค์ หากบรรดาผู้ศรัทธาออกมา (จากผู้คนชาวมักกะฮฺ) เราก็จะลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธในหมู่พวกเขาอย่างเจ็บปวด
3.   (นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม) เมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธได้ให้ความยโสโอหังอันโง่เขลาเกิดขึ้นในหัวใจของพวกเขา อัลลอฮฺก็ได้ประทานความสงบลงมายังรอซูลของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา และทรงให้พวกเขายึดมั่นในถ้อยคำแห่งความยำเกรง เพราะพวกเขาคู่ควรและเหมาะสมที่สุดในสิ่งนี้ และอัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสิ่ง


คำแปล R4.
24. และพระองค์คือผู้ทรงยับยั้งมือของพวกเขาจากพวกเจ้า และมือของพวกเจ้าจากพวกเขา (มิให้มีการสู้รบกัน) ที่หุบเขานครมักกฮฺ (ที่ฮุดัยบียะฮฺ) หลังจากที่พระองค์ได้ทรงให้พวกเจ้ามีชัยชนะเหนือพวกเขา และอัลลอฮฺทรงรู้เห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
25. พวกเขาคือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปิดกั้นพวกเจ้าให้หันห่างจากมัสยิดอัลฮะ รอม และการเชือดสัตว์พลีที่ถูกกักกันไว้มิให้บรรลุสู่ที่เชือดของมัน และหากมิใช่เพราะมีบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิงซึ่งพวกเจ้าไม่ รู้จักพวกเขา พวกเจ้าก็จะฆ่าพวกเขา แล้วก็จะก่อให้เกิดโทษแก่พวกเจ้าเพราะพวกเขาโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้เพื่ออัลลอฮฺจะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าอยู่ในความเมตตาของ พระองค์ หากพวกเขาแยกออกจากกัน แน่นอนเราก็จะลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกเขาซึ่งการลงโทษอันเจ็บปวด
26. ขณะที่พวกปฏิเสธศรัทธาได้ทำให้ความหยิ่งยโสมีขึ้นในจิตใจของพวกเขา ซึ่งเป็นความหยิ่งยโสในสมัยแห่งความงมงาย อัลลอฮฺจึงประทานความเงียบสงบของพระองค์ให้แก่รอซูลของพระองค์และแก่บรรดา ผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๒๔. และพระองค์ทรงยึดมือของพวกเขาไว้จากพวกเจ้าและมือของพวกเจ้าจากพวกเขา ไม่ให้ทั้งสองฝ่ายทำการรบราฆ่าฟันกัน ตำบลใกล้เคียงมักกะห์ นั่นคือตำบลหุดัยบียะห์ ซึ่งมีการยุติสงคราม ได้สัญญาปรองดองดังได้กล่าวไว้แล้ว ภายหลังจากพระองค์ได้ทรงให้พวกเจ้าชนะพวกเขา ด้วยการจับตัวทหาร ๘๐ คนของพวกนั้นที่ซุ่มคอยที่จะบุกเข้าโจมตีฝ่ายมุสลิม ทหารดังกล่าวนำโดย “คอลิด บินวะลีด” ซึ่งยังไม่ได้เป็นมุสลิม เมื่อจับตัวได้ก็นำมามอบให้ท่านนบีมุฮำมัด ซ.ล. แล้วท่านก็ให้อภัยและปล่อยตัวพวกนั้นเป็นอิสระ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดสัญญาสงบศึกขึ้นตามได้กล่าวแล้ว และอัลเลาะห์ทรงมองเห็นสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
๒๕. พวกเขาผู้เนรคุณและขัดขวางพวกเจ้าจากมัสยิดอัลหะรอม และขัดขวางอูฐพลีทานซึ่งมันถูกกักไว้มิให้มาถึงที่ของมัน นั่นคือแผ่นดินต้องห้ามซึ่งต้องมาทำการเชือดในนั้นเป็นธรรมเนียม และหากแม้นไม่มีเหล่าบุรุษที่มีศรัทธาและเหล่าสตรีที่มีศรัทธาซึ่งปะปนอยู่กับพวกกาฟิรในมักกะห์ ซึ่งพวกเจ้าไม่รู้จักพวกเขาว่าพวกเขาเป็นผู้ศรัทธา พวกเจ้าอาจจะฆ่าพวกเขาเสียก็ได้ หากได้รับอนุญาตให้ทำการรบในมักกะห์ ซึ่งพวกศรัทธาดังกล่าวที่มีปะปนอยู่กับพวกกาฟิรก็ไม่สามารถจะแยกตัวออกได้ แล้วก็จะประสบแก่พวกเจ้าจากพวกเขาซึ่งบาปมหันต์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นั่นคือมุสลิมต้องมาฆ่ามุสลิมด้วยกันเอง ดังนั้นการรบในนครมักกะห์จึงมิถูกบัญญัติขึ้นเพราะเกรงจะเกิดฆ่าฟันกันเองดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้เพื่ออัลเลาะห์ทรงบันดาลให้บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ได้เข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์ หากแม้นพวกเขาชาวศรัทธาในมักกะห์สามารถแยกตัวเองได้จากกลุ่มกาฟิร แน่นอนเราต้องลงโทษบรรดาผู้เนรคุณจากพวกชาวมักกะห์เหล่านั้นอย่างทรมานที่สุดโดยอนุญาตให้ทำการยึดมักกะห์เสียโดยวิธีทำสงครามกับพวกนั้น
๒๖. เพราะบรรดาผู้เนรคุณได้จุติความหยิ่งผยองไว้ในหัวใจของพวกเขาเหมือนกับความหยิ่งผยองของผู้โง่เขลาในยุคก่อน ๆ นั่นคือที่พวกนั้นกีดขวางฝ่ายมุสลิมมิให้เข้าสู่มัสยิดอัลหะรอม ดังนั้นอัลเลาะห์จึงประทานความสงบมั่นของพระองค์แก่ศาสนทูตของพระองค์และแก่มวลผู้ศรัทธา และได้ทำสัญญาสงบศึกกับชาวมักกะห์โดยมีเงื่อนไขว่า ปีหน้าฝ่ายมุสลิมจะเข้ามามักกะห์อยู่ได้สามวันโดยไม่พกอาวุธและให้กำหนดระยะเวลาปลอดสงครามเป็นจำนวนสิบปี และพระองค์ทรงดลพวกเขาชาวศรัทธาได้ตั้งมั่นกับถ้อยคำแห่งความยำเกรง นั่นคือ “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ มุฮำมะดุรรอซูลุลเลาะห์” และพวกเขาคู่ควรยิ่งกับถ้อยคำนั้น และพวกเขาเป็นชาวคณะแห่งถ้อยคำดังกล่าวโดยแท้จริง และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่งในทุก ๆ สิ่ง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 27 - 28


คำอ่าน
27. ละก็อดเศาะดะก็อลลอฮุ เราะสูละฮุรฺรุอ์ยาบิลหักกฺ ละตัดคุลุน..นัลมัสญิดัลหะรอมะ อิน..ชาอัลลอฮูอามินีนะ มุหัลลิกีนะรุอูสะกุม วะมุก็อศศิรีนะลาตะคอฟูน ฟะอะลิมะมาลัมตะอฺละมู ฟะญะอะละมิน..ดูนิซาลิกะ ฟัตหัน..เกาะรีบา
28. ฮุวัลละซี..อัรฺสะละเราะสูละฮูบิลฮุดาวะดีนิลหักกฺ ลิยุซฮิเราะฮุ อะลัดดีนิกุลลิฮี วะกะฟาบิลลาฮิ ชะฮีดา

 
คำแปล R1.
27. Indeed Allฟh shall fulfill the true vision which He showed to his Messenger [i.e. the Prophet Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam saw a dream that he has entered Makkah along with his companions, having their (head) hair shaved and cut short] in very truth. Certainly, you shall enter Al-Masjid-al-Haram; if Allah wills, secure, (some) having your heads shaved, and (some) having your head hair cut short, having no fear. He knew what you knew not, and He granted besides that a near victory.
28. He it is who has sent his Messenger (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) with guidance and the Religion of Truth (Islam), that He may make it (Islam) superior over all religions. And All-Sufficient is Allah as a witness.


คำแปล R2.
27.   แท้จริงอัลเลาะฮฺได้ทรงแจ้งความจริงแก่ศาสนทูตของพระองค์ในความฝันโดยสัจจะ นั้นคือ แท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายจะได้เข้าสู่มัสยิดอัลฮะรอม (มักกะฮฺ) ถ้าอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ โดยความปลอดภัย (ในการเข้าไปประกอบพิธีอุมเราะฮฺ) ซึ่งพวกเจ้าทำการโกนศีรษะและขลิบเส้นผมโดยพวกเจ้าไม่ต้องกลัว (ฝ่ายศัตรูจะมาทำร้าย) ที่จริงพระองค์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้ แล้วพระองค์ทรงเตรียมชัยชนะซึ่งอยู่ในระยะเวลาอันใกล้ นอกเหนือไปจากนั้น (นั่นคือชัยชนะที่คอยบัร)
28.   พระองค์ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์ให้นำสิ่งชี้นำทางและศาสนาแห่งสัจธรรม(มาประกาศ) เพื่อพระองค์เชิดชูศาสนานั้นให้เหนือกว่าทุก ๆ ศาสนา และย่อมพอเพียงแล้วโดยอัลเลาะฮฺ (เพียงพระองค์เดียว) ที่ทรงเป็นสักขีพยาน (ในสัจธรรมที่ศาสนทูตนำมาประกาศ)


คำแปล  R3.
27.   แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงทำให้สิ่งที่รอซูลของพระองค์เห็นในความฝันเป็นความจริงด้วยความจริง “แน่นอน สูเจ้าจะได้เข้ามัสญิดอัล-ฮะรอมถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ ด้วยความปลอดภัย โดยสูเจ้าจะโกนศีรษะและตัดผม และสูเจ้าจะไม่หวาดกลัว และพระองค์ทรงรู้ในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้ ดังนั้นพระองค์จึงได้ประทานชัยชนะอันใกล้นี้แก่สูเจ้าก่อนที่สิ่งที่เห็นจะเป็นความจริง
28.   อัลลอฮฺคือผู้ทรงส่งรอซูลของพระองค์มาพร้อมกับทางนำและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อที่พระองค์จะได้ทำให้มันสูงเด่นเหนือกว่าศาสนาทั้งหมด และอัลลอฮฺนั้นทรงเพียงพอแล้วที่จะเป็นพยานในเรื่องนี้


คำแปล R4.
27. โดยแน่นอนอัลลอฮฺได้ทรงทำให้ความฝันนั้นสมจริงแก่รอซูลของพระองค์ด้วยความ จริง แน่นอนพวกเจ้าจะได้เข้าสู่มัสยิดอัลฮะรอมอย่างปลอดภัยหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ (อินชาอัลลอฮฺ) โดย (บางคน) โกนผมของพวกเจ้าและ (อีกบางคน) ตัดผม พวกเจ้าอย่าได้หวาดกลัว เพราะอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้ ดังนั้นพระองค์จึงได้ทรงกำหนดชัยชนะอื่นจากนั้น ซึ่งชัยชนะอันใกล้นี้
28. พระองค์คือผู้ทรงส่งรอซูลของพระองค์พร้อมด้วยแนวทางที่ถูกต้องและศาสนาแห่ง สัจธรรมเพื่อพระองค์จะทรงให้ศาสนา (ของพระองค์) นั้นประจักษ์แจ้งเหนือศาสนาอื่นทั้งมวล และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺทรงเป็นพยาน


คำแปล R5.
๒๗. โดยแท้จริงอัลเลาะห์ทรงดลบันดาลให้ความฝันโดยสัจจะของศาสนทูตเป็นจริงทุกประการ โดยในปีที่เกิดเหตุการณ์ที่หุดัยบียะห์ ท่านนบีได้ฝันว่าท่านและมุสลิมได้เข้าสู่นครมักกะห์โดยสวัสดิภาพ ขอสาบาน พวกเจ้าทั้งหลายจะได้เข้าสู่มัสยิดอัลหะรอมหากอัลเลาะห์ทรงประสงค์ โดยสวัสดิภาพ อีกทั้งพวกเจ้าได้โกนหรือขลิบเส้นผมบนศีรษะของพวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่หวาดกลัวภยันตรายใด ๆ จากพวกศัตรูหลังจากทำสัญญาสงบศึกแล้ว แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้ายังไม่รู้ นั่นคือการทำสัญญาสงบศึกที่หุดัยบียะห์ดังกล่าวนั้น เป็นผลดีแก่ฝ่ายมุสลิมเอง เพราะทำให้พ้นกรณีที่จะทำให้มุสลิมต่อมุสลิมต้องฆ่ากันเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วพระองค์ทรงดลให้ประสบชัยชนะอันใกล้เคียงนอกเหนือจากนั้น นั่นคือชัยชนะที่คอยบัร ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั่นเอง
๒๘. พระองค์ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์ให้นำมาซึ่งสิ่งชี้นำและศาสนาอันเป็นสัจจะเพื่อพระองค์ทรงเทิดมันให้สูงเด่นเหนือทุกศาสนา และเพียงอัลเลาะห์ก็เป็นการเพียงพอแล้วที่ทรงเป็นสักขีพยานว่าเจ้านั้นเป็นศาสนทูตที่เที่ยงแท้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลฟัตหฺ อายะฮฺที่ 29


คำอ่าน
29. มุหัม..มะดุรฺเราะสูลุลลอฮฺ วัลละซีนะมะอะฮู..อะชิดดา...อุอะลัลกุฟฟาริ รุหะมาอุบัยนะฮุม ตะรอฮุมรุกกะอัน..สุจญะดัย..ยับตะฆูนะฟัฎลัม..มินัลลอฮฺวะริฎวานา สีมาฮุม ฟีวุญูฮิฮิม..มินอะษะริสสุญูด ซาลิกะมะษะลุฮุมฟิตเตารอติ วะมะษะลุฮุมฟิลอินญีลิ กะซัรฺอิน อัคเราะญะชัดอะฮู ฟะอาซะเราะฮู ฟัสตัฆละเซาะฟัสตะวา อะลาสูกิฮี ยัวะอฺญิบุซซุรฺรออะ ลิยะฆีเซาะบิฮิมุลกุฟฟารฺ วะอะดัลลอฮุลละซีนีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติมินฮุมมัฆฟิเราะเตา..วะอัจญร็อนอะซีมา

คำแปล R1.
29. Muhammad (Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) is the Messenger of Allah, and those who are with him are severe against disbelievers and merciful among themselves. You see them bowing and falling down prostrate (in prayer), seeking Bounty from Allah and (His) Good Pleasure. The mark of them (i.e. of their Faith) is on their faces (foreheads) from the traces of (their) prostration (during prayers). This is their description in the Taurat (Torah). But their description in the Injeel (Gospel) is like a (sown) seed which sends forth its shoot, then makes it strong, it then becomes thick, and it stands straight on its stem, delighting the sowers that He may enrage the disbelievers with them. Allah has promised those among them who believe (i.e. all those who follow Islamic Monotheism, the religion of Prophet Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam till the Day of Resurrection) and do righteous good deeds, forgiveness and a mighty reward (i.e. Paradise).

คำแปล R2.
29. มุฮัมมัดผู้เป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะฮฺและบรรดาผู้ร่วม (อุดมการณ์เดียวกัน)กับเขา ล้วนเป็นผู้มีพลังเข้มแข็งเหนือพวกไร้ศรัทธา อีกทั้งเป็นผู้มีเมตตาในระหว่างพวกเขากันเอง เจ้าเห็นพวกเขาทำการก้มและกราบ(ในการนมัสการ) โดยแสวงหาความโปรดปราน และความพอพระทัยจากอัลเลาะฮฺ(โดยบริสุทธิ์ใจ) อันเครื่องสังเกตของพวกเขามีปรากฏอยู่ในใบหน้าของพวกเขาจากร่องรอยของการกราบ นั้นเป็นลักษณะของพวกเขาที่ปรากฏในคัมภีร์เตารอฮฺ และลักษณะของพวกเขาที่มีปรากฏในคัมภีร์อินญีล ซึ่งระบุว่าเหมือนกับพืชที่ผลิหน่อของมันออกมา แล้วหน่อนั้นก็ทำให้พืชเจริญงอกงามขึ้นจนมันแข็งแกร่ง แล้วยืนอยู่บนลำต้นของมันได้ สร้างความชื่นชมแก่ผู้ปลูกเป็นอย่างยิ่ง (เช่นเดียวกับกลุ่มมุสลิม บรรดาสหายและผู้เจริญรอยตาม ล้วนร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งแก่อิสลามทั้งสิ้น) เพื่อทรงทำให้พวกไร้ศรัทธารู้สึกโกรธแค้นต่อพวกเขา อัลเลาะฮฺได้สัญญาไว้แก่บรรดาผู้มีศรัทธา และประพฤติแต่ความดีงามจากพวกเขา ว่าทรงนิรโทษและประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่ (แก่พวกเขา)

คำแปล  R3.
29. มุฮัมมัดเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่อยู่กับเขานั้นแข็งแกร่งต่อบรรดาผู้ปฏิเสธและเมตตาปรานีในหมู่พวกเขากันเอง เมื่อสูเจ้าเห็นพวกเขา สูเจ้าจะพบว่าพวกเขาโค้งและก้มกราบและแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺและความพึงใจจากพระองค์ บนใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยแห่งการกราบซึ่งทำให้พวกเขาแตกต่างไปจากผู้อื่น นั่นเป็นสิ่งที่อธิบายถึงพวกเขาในเตารอตและในอินญีล พวกเขาได้ถูกเปรียบว่าเหมือนกับพืชที่แทงต้นอ่อนของมันออกมา หลังจากนั้นก็ทำให้มันแข็งแรงและเติบโตและยืนอยู่ได้บนลำต้นของมันเองซึ่งทำให้ผู้หว่านเกิดความยินดีและทำให้บรรดาผู้ปฏิเสธเกิดความริษยาพวกเขา อัลลอฮฺได้ทรงสัญญาบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีว่าพวกเขาจะได้รับการให้อภัยและรางวัลตอบแทนอันยิ่งใหญ่

คำแปล R4.
29. มุฮัมมัดเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา เป็นผู้เข้มแข็งกล้าหาญต่อพวกปฏิเสธศรัทธา เป็นผู้เมตตาสงสารระหว่างพวกเขาเอง เจ้าจะเห็นพวกเขาเป็นผู้รูกั๊วะ ผู้สุญูด โดยแสวงหาคุณความดีจากอัลลอฮฺและความโปรดปราน (ของพระองค์) เครื่องหมายของพวกเขาอยู่บนใบหน้าของพวกเขาเนื่องจากร่องรอยแห่งการสุญูด นั่นคืออุปมาของพวกเขาที่มีอยู่ในอัตเตารอต และอุปมาของพวกเขาที่มีอยู่ในอัลอินญีล ประหนึ่งเมล็ดพืชที่งอกหน่อหรือกิ่งก้านของมันออกมาแล้วทำให้มันงอกงาม แล้วมันก็เติบโตแข็งแรงและทรงตัวอยู่ได้บนลำต้นของมัน นำความปลื้มปีติมาให้แก่ผู้หว่าน เพื่อที่พระองค์จะก่อความโกรธแค้นแก่พวกปฏิเสธศรัทธา เพราะพวกเขา (มุสลิมีน) และอัลลอฮฺทรงสัญญาบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายในหมู่พวกเขาว่าจะ ได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันใหญ่หลวง

คำแปล R5.
๒๙. มุฮำมัดเป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์และบรรดาผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกับเขาต่างแสดงความเข้มแข็งเหนือพวกเนรคุณ อีกทั้งแสดงความปรานีระหว่างพวกเขากันเอง เจ้าเห็นพวกเขาก้มกราบทำละหมาดเป็นอาจิณ พวกเขาแสวงหาความโปรดปรานและความพึงพระทัยจากอัลเลาะห์ เครื่องหมายของพวกเขาจะปรากฏอยู่ในใบหน้าของพวกเขา อันเนื่องมาจากรอบของการกราบ นั่นเป็นคุณลักษณะของพวกเขาที่มีปรากฏในคัมภีร์เตารอต และคุณลักษณะของวกเขาที่ปรากฏในคัมภีร์อินญีล ประดุจดังพืชที่ผลิหน่อของมัน แล้วหน่อนั้นก็ช่วยเสริมมันแล้วมันก็แข็งแรงขึ้นด้วยหน่อที่งอกงามสูงเท่าเทียมกัน แล้วมันก็ยืนอยู่บนลำต้นของมันเหมือนกับต้นแม่ ไม่ล้มเพราะลมพัดและน้ำพา มันสร้างความปลาบปลื้มแก่ชาวสวนผู้ปลูกยิ่งนัก ข้อเปรียบเทียบเช่นนี้หมายถึงขบวนการมุสลิมที่จะแตกหน่อมีสมาชิกที่เข้มแข็งเพิ่มขึ้นอย่างมากมายเพื่อทำให้พวกเนรคุณต้องโกรธแค้นเพราะพวกเขาชาวมุสลิมเหล่านั้น เมื่อพวกเขาได้ทราบถึงความเข้มแข็งและความยิ่งใหญ่ของมุสลิม อัลเลาะห์ได้ให้สัญญาแก่บรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติความดีงาม จากพวกเขาซึ่งการให้อภัยและกุศลอันยิ่งใหญ่ ที่จะทรงประทานแก่พวกเขา



(صدق الله العظيم) ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ
จบสูเราะฮฺที่ 45 อัลฟัตหฺ


 

GoogleTagged