ผู้เขียน หัวข้อ: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?  (อ่าน 29743 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อายะฮ์

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« เมื่อ: ต.ค. 24, 2006, 03:42 AM »
0

อัสลามุอะลัยกุ้ม

ผมได้ทำการค้นหาการสนทนาของคุณ อัล-อัซฮะรีย์  กับชีอะฮ์อิมาม 12 ในกระทู้เก่า ๆ ในอิสลามิคโฮมเพจ  ซึ่งผมเห็นว่ามีสิ่งอันน่าสนใจที่ผมอยากจะนำเสนอ  

ต่อไปนี้  คือ สิ่งที่คุณ อัล-อัซฮะรีย์  ได้เคยนำเสนอ

หากชาวซุนนะฮฺทำการศึกษาจุดยืนของอุละมาอฺซุนนะฮฺที่มีต่อชีอะฮ ฺ อัรรอฟิเฏาะฮฺ อิษนาอะชะรียะฮฺนั้น เราจะพบว่า เหล่านักปราชน์ระดับอวุโสของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ฮุกุ่มว่าชีอะฮ์เป็น กาเฟร คำวินิจฉัยดังกล่าวนี้ได้ให้ทัศนะโดยบรรดานักปราชน์อาวุโสของอะฮ ์ลิสซุนนะฮ์ เช่น ท่านอิหม่ามมาลิก ท่านอิหม่ามอะฮ์หมัด ท่านอิหม่ามบุคคอรีย์ ท่านอิหม่ามอิบนุหัซฺมิน และท่านอื่น ๆ ต่อไปนี้ข้าพเจ้าใคร่จะนำเสนอคำวินิจฉัยข้อชี้ขาด(ฟัตวา)ของบรรดาอุลามะอฺอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ที่มีต่อชีอะฮ์ อัร-รอฟิเฏาะห์ ที่เรียกตัวพวกเขาเองว่า ชีอะฮ์อิษนาอิชะรียะฮ์ หรือ อัล-ญะฟะรียะฮ์ จากคำกล่าวของอุลามะอฺซุนนะฮ์นั้นเป็นที่รู้กันดีและได้ยืนยันเ อาไว้ในตำราสำคัญ ๆ ของพวกเขาด้วย  ดังนั้นข้าพเจ้าขอนำเสนอคำชี้ขาดของท่านอิหม่าม มาลิก จากนั้น จะเป็นของท่านอิหม่ามอะฮ์มัด อิหม่ามบุคคอรีย์และของอุลามะอฺท่านอื่นๆตามลำดับแต่ละสมัย และข้าพเจ้าจะเลือกคำวินิจฉัยของอุลามะอฺระดับอวุโสและอุลามะอฺ ผู้ใช้ชีวิตในหมู่ชีอะฮ์ในเมืองเดียวที่ทำการประพันธ์และศึกษาเ กี่ยวกับลัทธิของพวกเขา

1.อิหม่าม มาลิก(ร.ฏ.) ท่านอัล-ค๊อลลาล ได้รายงานจาก อะบีบักร อัล-มะรูซี ท่านกล่าวว่า : ฉันได้ยิน อะบา อับดิลลาห์ กล่าวว่า: ท่านอิหม่ามมาลิก(ร.ฏ.)กล่าวว่า:"บุคคลที่ทำการด่าบรรดาอัครสาว กท่านศาสนทูตมุฮัมมัด(ซ.ล.)นั้น เขาย่อมไม่มีส่วนใดเลย(ที่มีพันธะ)ต่อศาสนาอิสลาม"(หนังสือ อัส ซุนนะฮ์ ของท่าน อบูบักร มุฮัมมัด บิน มุฮัมมัด อัล-ค๊อลลาล เล่ม2 หน้า557) ท่านอิบนุ กาษีร กล่าวว่า อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงตรัสว่า"มุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์และบรรด าผู้อยู่ร่วม(อุดมเดียวกัน)กับเขา ล้วนเป็นผู้ที่มีพลังเข้มแข็งเหนือพวกไร้ศรัทธา อีกทั้งมีความเมตตาในระหว่างพวกเขากันเอง เจ้าเห็นพวกเขาทำการก้มและกราบ(ในนมัสการ)โดยแสวงหาความโปรดปรา นและความพอพระทัยจากอัลลอฮ์(ด้วยความบริสุทธิ์ใจ) อันเครื่องสังเกตุของพวกเขามีปรากฏอยู่ในใบหน้าของพวกเขาจากร่อ งรอยของการกราบ(คือบรรดาซอฮาบะฮ์ของร่อซูลลอฮ์)นั้นคือลักษณะขอ งพวกเขาที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์เตารอฮฺและลักษณะของพวกเขาที่ปราก ฏอยู่ในคัมภีย์อินญีล ซึ่งระบุว่าเสมือนกับพืชที่ผลิหน่อของมันออกมา แล้วหน่อนั้นก็ทำให้พืชเจริญงอกงามขึ้น จนมันแข็งเกร่ง แล้วยืนอยู่บนลำต้นของมันได้ สร้างความชื่นชมแก่ผู้ปลูกเป็นอย่างยิ่ง เพื่อทำให้พวกไร้ศรัทธา(กาเฟร)รู้สึกโกรธแค้นต่อพวกเขา.....(อั ล-ฟัตฮฺ อายะฮ์ที่ 29) ท่านอิบนุ กาษีร กล่าวว่า :"จากอายะฮ์ดังกล่าวนี้ ท่านอิหม่ามมาลิก(ร.ฏ.)ได้ถอดการวินิฉัยออกมา(จากอายะฮ์ดังกล่า ว)ไว้ในรายงานหนึ่งจากท่านว่า ชีอะฮ์อัร-ฟิเฏาะห์นั้น ถือว่าเป็นกาเฟรเนื่องจากพวกเขาได้โกรธเคืองต่อบรรดาซอฮะบะฮ์(ร .ฏ.) ท่านกล่าวอีกว่า:เป็นเพราะพวกเขา(ชีอะฮ์ อัร-รอฟิเฏาะห์)ได้มีความโกรธแค้นต่อบรรดาซอฮาบะฮ์ และผู้ใดที่โกรธแค้นบรรดาซอฮะบะฮ์(ร.ฏ.) เขาย่อมเป็นกาเฟร ด้วยเหตุของอายะฮ์นี้ และได้มีนักปราชน์กลุ่มหนึ่งได้มีความเห็นสอดคล้องกับท่านอิหม่ ามมาลิกต่อคำสิ่งดังกล่าวเช่นกัน"(ตัฟซีร อิบนุ กาษีร เล่ม4หน้า219 / ตัฟซีร รูฮุล มะอานีย์ ของท่าน อะลูซีย์ เล่ม26 หน้า116) ท่านอิหม่าม อัล-กุรตูบีย์กล่าวว่า:"ท่านอิหม่ามมาลิกได้กล่าวเอาไว้อย่างสว ยงามและตีความได้ถูกต้อง ดังนั้นผู้ใดที่ตำหนิคนหนึ่งคนใดจากบรรดาซอฮาบะฮ์ หรือตำหนิในสายรายงานของพวกเขา แท้จริงแล้วเขาย่อมทำการโต้ตอบคัดค้านต่ออัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสาก ลโลกและเขาได้ทำลายหลักชาริอะฮ์ต่างๆของชนมุสลิมีน"(ตัฟซีร อัล-กุรตูบีย์ เล่ม16 หน้า297)

2.ท่านอิหม่าม อะฮฺมัด อิบนุ ฮัมบัล(ร.ฏ.) มีสายรายงานมากมายที่รายงานจากท่านในเรื่องการกล่าวว่าชีอะฮ์อั รรอฟิเฏะห์นั้นเป็นกาเฟร มีรายงายจาก อัล-ค๊อลลาล จาก อบี บักร อัล-มะรูซี ท่านกล่าวว่า:ฉันได้ถาม อบา อับดิลลาห์(อิหม่ามอะฮ์หมัด)เกี่ยวกับ ผู้ที่ทำการด่าท่าน อบูบักร ท่านอุมัรและท่านหญิงอาอิชะฮ์? ท่านอิหม่ามอะฮ์หมัดกล่าวตอบว่า:"ฉันไม่เห็นว่าเขา(ที่ทำการด่า ต่อพวกเขา)อยู่บนศาสนาอิสลามเลย"(หนังสือ อัส ซุนนะฮ์ ของท่าน อัลค๊อลลาล เล่ม2 หน้า557)

 ได้มีระบุไว้จาก"กิตาบ อัส ซุนนะฮ์"ของท่านอิหม่ามะฮ์มัด(ร.ฏ.)ในขณะที่ท่านกล่าวถึงพวกชีอ ะฮ์ อัร รอฟิเฏาะห์ ว่า:พวกเขา(ชีอะฮ์)เหล่านั้นได้ประกาศพ้นพันธะไม่เกี่ยวข้องใดๆ ต่อบรรดาอัครสาวกของท่านร่อซูลลอฮ์(ซ.ล.) พวกเขาได้ทำการด่าทอ ตำหนิให้เสียหายและกล่าวว่าบรรดาซอฮะบะฮ์ตกมัรตัดเป็นกาเฟร นอกจากสี่ท่านคือท่านอลี ท่านอัมมาร ท่านอัลมิคดารและท่านซัลมาน ดังนั้นพวกชีอะฮ์ อัรรอฟิเฏาะห์จีงไม่มี(ส่วนเกี่ยวข้องใดๆ)กับอิสลามสักสิ่งเดีย วเลย"(อัส ซุนนะฮ์ ของท่านอิหม่ามอะฮ์มัด หน้าที่82)

 อิบนุ อับดุลกอวีย์ กล่าวว่า: ท่านอิหม่ามอะฮ์มัดได้กล่าวกาเฟรต่อผู้ที่พ้นพันธะไม่เกี่ยวข้อ งกับบรรดาซอฮะบะฮ์และผู้ที่ด่าทอมารดาแห่งศรัทธาชนท่านหญิงอาอิ ชะฮ์และทำการกล่าวหาว่าพระนางทำซีนาโดยที่อัลลอฮ์ได้ทรงยืนยันค วามบริสุทธิ์ของนางไว้แล้ว และท่านอะฮ์มัดได้อ่านโองการที่ว่า:"อัลลอฮ์ได้ทรงตักเตือนพวกเ จ้า มิให้พวกเจ้าหวนกลับไปทำสิ่งที่เสมือนกับเรื่องนั้นอีกตลอดไป หากพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธา"(อัน-นูร 17)(จากหนังสือ มา ซฺาฮะบะ อิลัยฮิ อัลอิหม่าม อะฮ์มัด ของท่านอัลดุลกอวีย์ อัตตะมีมีย์ เสียชีวิต ปี ฮ.ศ.480 หน้าที่21)

3.ท่านอิหม่าม บุคคอรีย์(ร.ฮ.) ท่านกล่าวว่า"ฉันไม่คิดที่จะละหมาดตามหลังพวกญะฮ์มียะฮ์(ญับรีย ะฮ์)และพวกชีอะฮ์(อิมามียะฮ์)อัรรอฟิเฏาะห์หรือทำการละหมาดตามห ลังพวกยิวและคริสต์ และย่อมไม่มีการให้สลามกับพวกเขา ไม่การเยี่ยมคนป่วยของพวกเขา ไม่มีการนิกะฮ์กับพวกเขา ไม่นำพวกเขามาเป็นพะยาน ไม่กินสัตว์ที่พวกเขาเชือด" (อัล-อิหม่ามบุคคอรีย์ หนังสือ ค๊อลกุลอัฟอาล อัลอิบาด หน้า125

4.ท่านอับดุลลอฮ์ บิน อิดรีส ท่านกล่าวว่า"มุสลิมนั้นย่อมไม่มีหุ้นส่วนใด ๆ กับพวกชีอะฮ์อัรรอ ฟิเฏาะห์"(หนังสือ อัส-ซอริม อัล-มัสลูล หน้า570)

5.ท่านอับดุรเราะห์มาน บิน มะฮ์ดีย์ ท่านอิหม่านบุคคอรีย์กล่าวว่า: ท่านอับดุรเราะห์มาน บิน มะฮ์ดีย์ กล่าวว่า "ทั้งสองคืออีกสองศาสนา ก็คือศาสนาอัล-ญะฮ์มียะฮ์และศาสนาชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะห์"(มัจญะมั วะ ฟาตาวา เล่ม35 หน้า415)

6.ท่านอัล-ฟิรยาบีย์ รายงานโดย อัล-ค๊อลลาล,เขากล่าวว่า:ฮัรบฺ บิน อิสมาอีล อัล-กิรมานีย์เล่าให้ฉันฟังว่า,มูซา บิน ฮารูณ บิน ซิยาด กล่าวว่า :ฉันได้ยินอัลฟิรยาบีย์และผู้ชายคนหนึ่งถามท่านเกี่ยวกับผู้ที่ ทำการด่าทออบูบักร ท่านฟิรยาบีย์กล่าวตอบว่า"เขา(ผู้ด่าทออบูบักร)คือกาเฟร" ชายผู้นั้นกล่าวถามอีกว่า "แล้วเราจะละหมาดญะนาซะฮ์ของเขาอย่างไร?"ท่านกล่าวว่า"ไม่ต้องล ะหมาดให้เขา" ดังนั้นฉัน(มูซา บิน ฮารูณ)จึงถามท่านฟิรยาบีย์ว่า ท่านจะทำอย่างไรในเมื่อเขาก็กล่าว ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ ? ท่านกล่าวตอบว่า"พวกท่านอย่าสัมผัสเขาด้วยมือของพวกท่าน พวกท่านจงยกเขาไว้บนแผ่นกระดานแล้วทำการฝังเขาแบบลับจากสายตาคน "(อัส-ซอริม อัล-มัสลูล หน้า570)

7.ท่านอะฮ์หมัด บิน ยูนุส ท่านกล่าวว่า"ถ้าหากยิวคนหนึ่งได้เชือดแพะและชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะ ห์ได้เชือดแพะด้วย แน่นอนว่าฉันจะรับประทานแพะยิวเชือดและฉันไม่รับประทานสัตว์ที่ ชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะห์เชื่อดเด็ดขาดเป็นเพราะว่าเขานั้นสิ้นสภาพจ ากการเป็นมุสลิม(ตกมุรตัด)(อัส-ซอริม อัล-มัสลูล หน้า570)

8.ท่าน อบู ซัรอะฮ์ อัร-รอซีย์ ท่านกล่าวว่า"เมื่อฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ทำการตำหนิผู้หนึ่งผ ู้ใดจากบรรดาซอฮาบะฮ์ท่านร่อซูลลุลอฮ์(ซ.บ.) ดังนั้นท่านพึงทราบเถิดว่า แท้จริงเขาผู้นั้นคือผู้นอกศาสนา เพราะคำพูดของเขานั้นนำพาไปสู่การทำลายอัล-กุรอ่านและซุนนะฮ์"( หนังสืออัลกิฟายะฮ์ หน้า49)

9.ท่าน อิบนุ กุตัยบะฮ์ ท่านกล่าวว่า"แท้จริงพวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะห์ที่ทำการรักท่านอลี จนกระทั้งถือว่าท่านประเสริฐกว่าผู้ที่ท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวก่อนถ ึงความประเสริฐและพวกเขาอ้างว่าท่านอาลีมีส่วนร่วมในการเป็นนบี กับร่อซูลลุลลอฮ์(ซ.ล.)และพวกเขากล่าวบรรดาอิหม่ามรอบรู้สิ่งเร ้นลับ คำกล่าวและประการแปลกๆเหล่านั้นย่อมผนวกไว้ซึ่งความโกหกมุสาและ กุฟรที่โง่เขลาเบาปัญญาเป็นอย่างยิ่ง"(อัล-อิคติลาฟ ฟิดริดดิ อะลัลญะฮ์มิวัลมุชับบิฮะฮ์ หน้า47)

10.ท่านอัลดุลกอฮิร อัล-บุฆดาดีย์ ท่านกล่าวว่า"สำหรับพวกที่ชอบให้อารมณ์จากพวกญารูดียะฮ์ พวกฮิชามียะฮ์ พวกญะฮ์มียะฮ์และพวกชีอะฮ์อิหม่ามมียะฮ์ ที่ทำการกล่าวกาเฟรกับบรรดาซอฮาบะฮ์ที่มีเกียตรินั้น แท้จริงเราขอกล่าวว่าพวกเขาเป็นกาเฟร และไม่อนุญาติให้ทำการละหมาดญะนาซะฮ์ต่อพวกเขาและละหมาดตามหลัง พวกเขา"(หนังสือ อัล-ฟัรกฺ บัยน่า อัล-ฟิร๊อก หน้า357)

11.ท่าน อัล-กอฏี อบู ยะอฺลา ท่านกล่าวว่า"สำหรับพวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะห์นั้น ฮุกุ่มชี้ขาดในพวกเขาแล้ว คือการพวกเขากล่าวว่าบรรดาซอฮะบะฮ์เป็นคนกาเฟรและคนชั่วนั้น คำกล่าวนั้นย่อมนำเข้าสู่นรกและเขา(ที่กล่าวเช่นนั้น)ย่อมเป็นก าเฟร"(หนังสือ อัล-มั๊วะตะมัต หน้า267) และพวกชีอะฮ์อิมามียะฮ์นั้น ภายหลังจากที่พวกเขาได้เผยแพร่หลักการของพวกเขาแล้ว พวกเขาต่างกล่าวว่าส่วนมากจากบรรดาซอฮะบะฮ์นั้นเป็นกาเฟร

12.ท่าน อิบนุ ฮัซมิน ท่านกล่าวว่า"สำหรับคำกล่าวของพวกเขา(พวกคริสต์)ในการอ้างว่าอั ล-กุรอ่านถูกบิดเบือน ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าบรรดชีอะฮ์อิมามียะฮ์อัรรอฟิเฏาะห์ไม่ ใช่มุสลิมีน,แท้จริงพวกเขาชนกลุ่มหนึ่งที่พึ่งเกิดขึ้นหลังจากท ี่ท่านร่อซูลลุลอฮ์เสียชีวิตได้25ปี พวกเขาคือกลุ่มชนที่เจริญตามแนวทางของพวกยิวและคริสต์ในเรื่องค วามโกหกมุสาและกุฟุร"(หนังสือ อัล-ฟิซ๊อล เล่ม2 หน้า213) ท่านกล่าวอีกว่า"ส่วนหนึ่งจากคำกล่าวของพวกชีอะฮ์ทั้งรุ่นก่อนแ ละรุ่นปัจจุบันนั้น คืออัล-กุรอ่านถูกเปลี่ยนแปลง" จากนั้นท่านกล่าวอีกว่า"คำกล่าวที่ว่าสองข้างปกอัลกุรอ่านนั้นถ ูกเปลี่ยนแปลง ย่อมถือว่าเป็นกุฟรอย่างชัดเจนและเป็นการโกหกมุสาต่อท่านร่อซูล ลุลลอฮ์(ซ.ล.)"(หนังสือ อัล-ฟิซ็อล เล่ม5 หน้า40) ท่านกล่าวอีกว่า"พวกท่านพึ่งทราบเถิดว่า แท้จริงร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.)นั้นไม่ได้ซ่อนเร้นคำหนึ่งคำใดจากชาร ิอะฮ์เลย และท่านไม่เคยบอกให้รู้เป็นพิเศษจากคนหนึ่งคนใดจากบุตรสาวของท่ าน ลูกพี่ลูกน้องของท่าน ภรรยาของท่าน สาวกของท่านจากหลักชาริอะฮ์ใดๆที่เป็นการซ้อนเร้นจากคนผิวแดง คนผิวดำ จากคนเลี้ยงแกะเลย และไม่มี ณ ที่ท่าน ในความลับ สัญลักษ์ สิ่งเร้นลับภายใน ที่บรรดามนุษย์มีความต้องการที่จะรับรู้ ดังนั้นถ้าหากว่าท่านเก็บซ่อนสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว ท่านก็ย่อมไม่ไช่ผู้ทำการเผยแพร่ดังที่ท่านถูกบรรชาใช้ และผู้ใดที่กล่าวแบบนี้ เขาย่อมเป็นกาเฟร..."(หนังสือ อัล-ฟิซ๊อล เล่ม2 หน้า274-275)

13.ท่าน อัล-อิสฟิรอยีนีย์ ได้ถ่ายทอดจากส่วนหนึ่งของหลักการยึดมั่นของพวกเขา(ชีอะฮ์อิมาม ียะฮ์) เช่น การกล่าวว่าส่วนมากของบรรดาซอฮะบะฮ์เป็นกาเฟร และคำกล่าวของพวกเขาที่ว่า"อัลกุรอ่านได้ถูกบิดเบือนจากที่เคยเ ป็น เกิดการบิดเบือนเปลี่ยนแปลงในอัลกุรอ่าน และพวกเขาได้รอคอยอิหม่ามมะฮ์ดีย์ของพวกเขาเพื่อเขาได้ออกมาและ ทำการสอนหลักชาริอะฮ์ต่อพวกเขา และท่านอัล-อิสฟิรอยีนีย์จึงกล่าวว่า"แท้จริงกลุ่มชีอะฮ์อิหมาม ียะฮ์ทั้งหมดได้มีมติเห็นพร้องกันในการนี้" จากนั้นได้ทำการฮุกุ่มพวกเขาว่า"พวกเขา(ชีอะฮ์อิหมามิยะฮ์)ไม่ม ีสภาพการณ์ใดๆที่มีจากศาสนาอิสลามเลย มันไม่ไช่อื่นใดนอกจากเป็นการกุฟุรเท่านั้น เนื่องจากว่าไม่มีสิ่งใดๆเหลือไว้ในศาสนาเลย"(หนังสือ อัต ตัฟซีร ฟิดดีน หน้า24-25)

14.ท่านอิหม่าม ฮุจญะตุลอิสลาม อบู ฮามิด อัล-ฆอซฺาลีย์(ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า"เพราะความบกพร่องในความเข้าใจของพวกชีอะฮ์อัรรอฟิ เฏาะห์ที่ทำการกล่าวในเรื่อง บะดาอฺ(เพิ่งนึกออก เพิ่งเข้าใจ ถูก เพิ่งนึกขึ้นได้ หลังจากที่เคยคลุมเคลือหรือเข้าใจผิดมาก่อน เช่น พระองค์ ได้เข้าใจว่า ทีแรกว่าศอฮาบะห์เป็นคนดี จึงลงอัล-กุรฺอานมาชมเชย แล้วมารู้ใน ภายหลังว่าเป็นคนไม่ดี ) พวกชีอะฮ์อิหม่ามียะฮ์ได้รายงานจากท่านอลี(ร.ฏ.)ว่า ท่านจะไม่รายงานถึงเรื่องเร้นลับ เพราะกลัวอัลลอฮ์จะนึกขึ้นได้แล้วพระองค์ก็ทำการเปลี่ยนมัน(สาย รายนี้ได้ระบุเอาไว้เอาไว้ในหนังสือ อัล-บิฮาร ของมัจญฺลิซีย์ เล่ม4หน้า97 และมีอีกสายงานรายหนึ่งในทำนองเดียวกันนี้จากท่านอะลีย์บินอัล- ฮุเซ็น ดูในตัฟซีร อัล-อัยยาชีย์ เล่ม2หน้า215, บิฮารุลอันวาร เล่ม4หน้า118, อัล-บุรฮาน เล่ม2หน้า299,ตัฟซีร อัส-ซอฟีย์ เล่ม3 หน้า75) พวกเขาได้เล่าจาก ท่านญะอฺฟัร บิน มุฮัมมัด ท่านกล่าวว่า"ไม่มีสิ่งใดที่พึ่งประจักษ์ต่ออัลลอฮ์เสมือนกับกา รพึ่งประจักษ์ต่อประองค์ในเรื่องการบรรชาให้เชือดนบีอิสมาอีล"( สายรายงานนี้อยู่ในหนังสือ กิตาบบุตเตาฮีด หน้า336 ของท่าน อิบนุ บาบะวัยฮฺ) และนี่ย่อมเป็นกุฟุรที่ชัดเจนยิ่ง เป็นการพาดพิงถึงพระองค์ในเรื่องการไม่รู้(มาก่อน)และการ(พึ่ง) มาเปลี่ยนแปลง และมันย่อมเป็นไปไม่ได้เพราะพระองค์ทรงรอบรู้อย่างครอบคลุมในทุ กๆสิ่ง"(หนังสือ อัล-มุสตัศฟา เล่ม1หน้า110) ท่านอิหม่ามฆอซาลีย์กว่าวอีกว่า"ถ้าหากว่ามีผู้หนึ่งมาชี้แจงว่ า ท่านอบูบักร อุมัร(ร.ฏ.)กุฟุร แน่นอนว่าเขาย่อมขัดและแวกแนวจากอิจญฺมะอฺ เป็นเพราะเขาได้ทำการค้านสิ่งที่ได้รายงานมาในเรื่องสิทธิ์ของพ วกเขาในการถูกสัญญาว่าจะได้เข้าสวรรค์และการที่พวกเขาได้รับการ สัญเสริญ ได้รับการชี้ขาดว่าศาสนาของพวกเขานั้นถูกต้อง การยึดมั่นของพวกนั้นมั่นคง และพวกเขาคือผู้ดีเลิศก่อนคนอื่นๆทั่วไปหลังจากนบี(ซ.ล.)ด้วยฮา ดิษต่างๆที่มายืนยันมากมาย....จากนั้นท่านกล่าวอีกว่า ผู้ที่กล่าวอย่างเช่นดังกล่าวนั้น(กล่าวว่าอบูบักร อุมัรเป็นกาเฟร)ทั้งๆที่ฮาดิษต่างๆได้ถึงพวกเขาแล้วและเขายึดมั ่นว่าพวกเขา(อบูบักร อุมัร)นั้นเป็นกาเฟร แน่แท้แล้วว่าเขา(ผู้กล่าวนั้น)ย่อมเป็นกาเฟร! เนื่องด้วยสาเหตุของการโกหกมุสาต่อร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.) ดังนั้นผู้ใดที่กล่าวโกหกต่อท่านร่อซุลลอฮ์(ซ.ล.)สักคำกล่าวเดี ยว เขาย่อมเป็นกาเฟร"(หนังสือ ฟาฏออิฮุลบาฏินียะฮ์ หน้า139)

15.อัล-กอฏี อิยาฏ ท่านกล่าวว่า"เราขอตัดสินอย่างเด็ดขาดว่า พวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะห์ที่เลยเถิดนั้นเป็นกาเฟร เพราะพวกเขากล่าวว่า บรรดาอิหม่ามนั้นย่อมประเสริฐกว่าบรรดานบี"(คำจริงแล้วคำกล่าวน ี้มันเป็นความจำเป็นอันหนึ่งของลัทธิชีอะฮ์อิหมามียะฮ์ และผู้ใดที่ปฏิเสธความจำเป็นในมัซฮับชีอะฮ์แล้วย่อมเป็นกาเฟร เชคฺของพวกเขา คือ อัล-มะมะกอนีย์ กล่าวว่า :ส่วนหนึ่งจากความจำเป็นต่างๆของมัซฮับของเรา ก็คือ แท้จริงบรรดาอิหม่าม(อ.)ประเสริฐกว่าบรรดานบีของบนีอิสรออีล ซึ่งเสมือนกับที่ตัวบทที่มุตะวาติรได้ระบุเอาไว้...จีงไม่เป็นท ี่สงสัยต่อผู้ที่ร่ำเรียนฮาดิษต่างๆของอะฮ์ลิลบัยตฺ(อ.)(คือบรร ดาอิหม่าม12) ว่ามีอภินิหารที่แวกแนวจากธรรมดาทั่วไปที่ออกมาจากพวกเขาที่เสม ือนกับบรรดานบี ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะมากกว่าเสียอีก และแท้จริงบรรดานบีและชนรุ่นก่อนๆนั้นจะมีหนึ่งประตูหรือสองประ ตูจากวิชาความรู้ที่ถูกเปิดให้กับพวกเขา แต่บรรดาอิหม่าม(อ.)นั้นจะถูกเปิดด้วยสาเหตุของการทำอิบาดะฮ์แล ะการภักดีจนทำให้บ่าวนั้นเฉกเช่นความเป็นพระเจ้าเมื่อเขาได้กล่ าวสิ่งหนึ่งว่าจงเป็น มันก็จะเป็นขึ้นมาจากทั้งหมดของทุกๆประตู, ตันเกี๊ยะห์ อัล-มะกอล เล่ม3หน้า232 ท่านลองพิจารณาดูให้ดีน่ะครับว่า ความประเสริฐของบรรดาอิหม่ามแรกๆแล้วประเสริฐกว่าบรรดานบี แต่สิ้นสุดด้วยกับว่าพวกเขานั้นเฉกเช่นอัลลอฮ์ นี่ย่อมเป็นคำกล่าวของพวกนอกศาสนาโดยแท้!!!) และท่านกล่าวอีกว่า"เราขอกล่าวกาเฟรกับผู้ที่ทำการปฏิเสธอัลกุร อ่าน หรือว่าปฏิเสธสักอักษรเดียว หรือว่าทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งจากอัลกุรอ่านหรือว่าทำการเพิ ่มอย่างเช่นการกระทำของพวกบาฏินียะฮ์และอิสมาอีลียะฮ์"(ข้อสังเ กตุที่สำคัญ ก็คือมีส่วนหนึ่งจากบรรดาอุลามะอฺได้พาดพึงคำกล่าวในเรื่องการบ ิดเบือนอัลกุรอ่านนั้นไปยังชีอะฮ์อิสมาอีลียะฮ์ แต่ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วคำกล่าวเหล่านั้นมันเป็นคำกล่าวของพ วกชีอะฮ์อิมามียะฮ์อิษนาอะชาริยะฮ์ไม่ไช่อิสมาอีลียะฮ์)

16.ท่านอัส-ซัมอานีย์ (เสียชีวิต ปีที่562ฮ.ศ.) ท่านกล่าวว่า"อุมมะฮ์อิสลามได้มติเห็นพร้องกันบนการกล่าวว่าพวก ชีอะฮ์อิมามียะฮ์เป็นกาเฟร เป็นเพราะพวกเขาเชื่อว่าบรรดาซอฮาบะฮ์นั้นเป็นผู้ที่ลุ่มหลงและ พวกเขาได้ปฏิเสธมติของบรรดาซอฮะบะฮ์และกล่าวหาพาดพิงสิ่งอันไม่ ควรต่อไปพวกเขา"(หนังสืออัล-อังซาบ เล่ม6หน้า341)

17.อิหม่าม ฟัครุดดีน อัร-รอซีย์(ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า"บรรดาอุลามะอฺอะชาอิเราะห์ได้ทำการกล่าวกาเฟรกับพวกชีอะฮ์จากสามหนทางด้วยกัน

(1)พวกเขาได้กล่าวกุฟุรกับบรรดามุสลิมมีนระดับชั้นอวุโสคนสำคัญ ดังนั้นผู้ใดที่ทำการกล่าวกาเฟรกับมุสลิมคนหนึ่ง เขาก็ย่อมเป็นกาเฟรด้วย ท่านศาสนทูต(ซ.ล.)กล่าวว่า"ผู้ใดที่กล่าวกับพี่น้องของเขาว่า "โอ้ กาเฟร แน่นอนว่าคำกล่าวนั้นจำกลับไปสู่คนใดคนหนึ่งจากนั้นสอง" ดังนั้นจีงวายิบ(จำเป็น)ที่จำต้องกล่าวว่าพวกชีอะฮ์เป็นกาเฟร

(2) พวกชีอะฮ์ได้ทำการกล่าวกาเฟรกับชนกลุ่มหนึ่งที่ท่านร่อซุลลุลลอ ฮ์ได้กล่าวสรรญเสริญพวกเขาและให้เกียตริในสถานภาพของพวกเขา ดังนั้นการที่ชีอะฮ์ได้กล่าวกาเฟรกับพวกเขานั้น ย่อมเป็นการกล่าวโกหกมุสาต่อท่านร่อซูลลุลลอฮ์(ซ.ล.)

(3) ประชาชาติอิสลามได้มติเป็นเอกฉันท์บนการกล่าวกาเฟรกับผู้ที่ทำก ารกล่าวกุฟุรกับบรรดาซอฮะบะฮ์ระดับอวุโส"(หนังสือ นิฮายะฮฺ อัล-อุกูล หน้า212 ของท่าน อิหม่าม อัรรอซีย์)


19 . ท่านอลี บิน ซุลฏอล บิน มุฮัมมัด อัลกอรีย์ ( เสียชีวิต ฮ.ศ. 1014 ) ท่านกล่าวว่า " สำหรับผู้ที่ด่าทอคนหนึ่งจากซอฮาบะฮฺ เขาย่อมเป็นคนชั่วและผู้ที่ทำบิดอะฮฺ ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ นอกจากเขาเชื่อว่า มันเป็นสิ่งที่อนุมัติ เสมือนกับส่วนหนึ่งของชีอะฮฺได้กระทำอย่างนั้น หรือเขาเชื่อว่า(การด่าทอซอฮาบะฮฺ)ได้ผลบุญ ซึ่งเสมือนกับอุปนิสัยของพวกเขา หรือเขาเชื่อว่าซอฮาบะฮฺและอะฮฺลิสซุนนะฮฺนั้นเป็นกาเฟร ดังนั้นเขา(ที่เชื่อเช่นนั้น)ย่อมเป็นกาเฟรโดยมติเอกฉันท์" ดู ชัมมุลอะวาริฏ ฟี ซัมมิรร่อวาฟิฏ หน้า 6 ท่านอัลกอรีย์กล่าวอีกว่า " ส่วนหนึ่งจากทำสิ่งทำให้ชีอะฮฺเป็นกาเฟรนั้น คือสิ่งที่พวกเขาอ้างว่า อัลกุรอานมีการบิดเบือนและตัดทอน " ชัมมุลอะวาริฏ ฟี ซัมมิรร่อวาฟิฏ หน้า 259
สานุศิษย์

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ต.ค. 27, 2006, 07:07 AM »
0
ในขณะเดียวกันนั้น  พวกชีอะฮ์อิมาม 12 มีความเชื่อเกี่ยวกับชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อย่างไร?

เนื่องจาก ผู้รู้อันเป็นที่นับถือของชีอะฮ์ คือ ท่าน อัลมัจญฺลิซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ บิหาร อัลอันวาร ว่า

اتفقت الإمامية على أن من أنكر أمامة أحد من الأئمة وجحد ما أوجبه الله له من فرض الطاعة فهو كافر ضال مستحق للخلود فى النار

"ชีอะฮ์อิมามียะฮ์มีมติสอดคล้องว่า ผู้ใดที่ปฏิเสธการเป็นอิมามบุคคลใดจากบรรดาอิมามทั้งหลาย และปฏิเสะสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติแก่เขาจากสิ่งที่จำเป็นต้องภักดี เขาย่อมเป็นกาเฟร ที่ลุ่มหลง สมควรอยู่ในนรกตลอดกาล" ดู ยุซฺที่ 23 หน้า 270

จากคำกล่าวนี้ เราพอสรุปได้ว่า ผู้ใดที่ปฏิเสธการเป็นอิมามบุคคลใดจากอิมาม 12 ย่อมเป็นกาเฟร ตกนรกตลอดกาลตามทัศนะของชีอะฮ์ อันนี้ ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์โดนเต็มๆ

ท่าน อัล-มัจญฺลิซีย์ ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า

وقد وردت أخبار متواترة أنه لا يقبل عمل من الأعمال ألا بالولاية

"ได้มีบรรดาหะดิษมุตะวาติร(ตามทัศนะของชีอะฮ์) รายงานว่า อะมัล(ความดี)หนึ่ง จากบรรดาอะมัลทั้งหลาย จะไม่ถูกตอบรับ นอกจาก (ศรัทธา) ด้วยกับวิลายะฮ์(การเป็นอิมาม 12) " แหล่งอ้างอิงเดียวกัน ยุซฺที่ 7 หน้า 369

ดังนั้น อะฮ์ลิสซุนนะอ์วัลญะมาอะฮ์ทำความดีอะไร ย่อมไร้ค่าเหมือนพวกกาเฟรตามทัศนะของชีอะฮ์ โดยที่คุณงามความดีที่กระทำจะไม่ถูกตอบรับแต่อย่างใด นอกจากต้องศรัทธากับอิมาม 12

รุกุนอิสลาม หมายถึง องค์ประกอบในการเป็นมุสลิมนั้น มีอยู่ 5 ประการตามทัศนะของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์

ท่านอิมามมุสลิม ได้รายงานถึงท่านญิบรีล(อะลัยอิสลาม)มาสอนเรื่องของศาสนาว่า

قال يا محمد أخبرنى عن الإسلام ، فقال رسول الله صلى الله عليه وسلم الإسلام : أن تشهد أن لا اله إلا الله وأن محمداَ رسول الله وتقيم الصلاة وتؤتى الزكاة وتصوم رمضان وتحج البيت ، إن إستطعت إليه سبيلا

"ท่านญิบรีลกล่าวว่า โอ้ มุฮัมมัด ท่านจงบอกข้าพเจ้า เกี่ยวกับอิสลาม ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า อัลอิสลาม คือ การกล่าวปฏิญานว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์และแท้จริงมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะฮ์ และท่านจงดำรงละหมาด จ่ายทานซะกาต ถือศีลอดรอมะฏอน และทำหัจญฺที่บัยตุลเลาะฮ์ หากท่านมีความสามารถกับการเดินทาง" รายงาน โดยมุสลิม

และตามสายรายงานของท่านอัลกุลัยนีย์ที่ซอฮิหฺ ได้รายงานรุกุ่นอิสลามตามทัศนะของชีอะฮ์ มี 5 ประการเช่นเดียวกัน ท่านอัลกุลัยนีย์ ได้รายงานถึง ซุรอเราะฮ์ จากท่านอบีญะฟัร(อัลบากิร อิมาม คนที่ 5) ท่านกล่าวว่า

بنى الإسلام على خمسة أشياء ، على الصلاة والزكاة والحج والصوم والولاية ، قال زرارة وأي شيئ من ذلك أفضل ؟ فقال : الولاية أفضل

"อิสลามนั้น ถูกสร้างอยู่บน 5 ประการ คือ การละหมาด ซะกาต ฮัจญ์ ศีลอด และวิลายะฮ์(อำนาจปกครองอิมามทั้ง 12) ซุรอเราะฮ์กล่าวว่า จากสิ่งดังกล่าวนั้น อันใหนที่ดีเลิศที่สุด(ของรุ่กุนอิสลาม) ท่านอบูญะฟัร กล่าวว่า อัลวิลายะฮ์ดีเลิศที่สุด" ดู หนังสือ อุซูล อัลกาฟีย์ บทว่าด้วยเรื่อง อิมามและกุฟร เล่ม 2 หน้า 17

จากหะดิษตามทัศนะของชีอะฮ์นี้ ชี้ให้เห็นว่า หากผู้ใดไม่ศรัทธาเรื่องอิมาม 12 เขาย่อมไม่ใช่มุสลิม แต่เมื่อผมได้อ่านหนังสือนะญุลบะลาเฆาะฮ์ ที่รวบรวม บรรดาคำกล่าว คำสุทรพจน์ และถ้อยคำวิทยปัญญาต่างๆ ของท่าน อิมามอะลี ซึ่งเป็นอิมามท่านที่ 1 ตามทัศนะของชีอะฮ์ ผมได้พบคำพูดของท่านอิมามอะลีที่กล่าวเกี่ยวกับรุกุ่นอิสลามที่ไม่ตรงกับแนวทางของชีอะฮ์ แต่กลับตรงกับแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์

ท่านอิมามอะลี ได้กล่าวไว้ใน สุนทรพจน์ ที่ 109 ว่า

إن أفضل ما توسل به المتوسلون إلى الله سبحانه وتعالى : الإيمان به وبرسوله والجهاد فى سبيله فإنه ذروة الإسلام وكلمة الإخلاص فإنها الفطرة وإقام الصلاة فإنها الملة وإيتاء الزكاة فإنها فريضة واجبة وصوم شهر رمضان فإنه جنة من العقاب وحج البيت وإعتماره فإنهما بنفيان الفقر وترحضان الذنب

"แท้จริง สิ่งที่ผู้ทำให้เป็นสื่อ ได้ทำเป็นสื่อ(ภักดี)ไปยังอัลเลาะฮ์ ที่ประเสริฐสุด คือ การศรัทธาในอัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์ และการญิฮาดในวิถีทางของพระองค์ เพราะมันเป็นสุดยอดของอิสลาม และถ้อยคำอันบริสุทธิ์(สองกะลิเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์) เพราะมันเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ และการดำรงละหมาด เพราะมันเป็นศาสนา และการจ่ายทานซะกาต เพราะมันเป็นสิ่งฟัรดูจำเป็น และการถือศีลอดในเดือนรอมะฏอน เพราะมันเป็นโล่ห์ป้องกันการลงโทษ และการทำฮัจญ์ที่บัยตุลเลาะฮ์และทำอุมเราะฮ์ เพราะทั้งสองจะไม่ทำให้ยากจนและลบล้างบาป.." ดู ชัรห์ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ของ ท่าน อิบนุ อะบี อัลหะดีด เล่ม 2 หน้า 734

จากคำสุนทรพจน์ของท่านอิมามอะลี ได้ชี้ให้เห็นว่า ท่านได้กล่าวถึง ถ้อยคำอันบริสุทธิ์ คือ สองกะลิเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์ ที่ใช้ให้ยอมรับในการศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์ กล่าวถึงเรื่องการละหมาด จ่ายซะกาต ถือศีลอดในเดือนรอมะฏอน และการทำฮัจญ์ โดยไม่ได้กล่าวถึงเรื่อง วิลายะฮ์หรืออิมามัตเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่มันสำคัญกว่าตามทัศนะของชีอะฮ์

อิมามัตตามทัศนะของชีอะฮ์นั้น เป็นหลักอุซูล(หลักพื้นฐาน)หนึ่ง จากหลักอุซูล(หลักพื้นฐานต่างๆ)ของศาสนา เพราะฉะนั้น เขาจะยังไม่เป็นผู้ศรัทธานอกจากต้องยึดมั่นการเป็นอิมามัต ยิ่งไปกล่าวนั้น การปฏิเสธเรื่องอิมามัตตามทัศนะของชีอะฮ์นั้น มีความเลวร้ายมากกว่าการเป็นปฏิเสธการเป็นนบี!!

ผู้รู้ของชีอะฮ์ คือ ท่านอัลฮิลลีย์ ได้กล่าวทัศนะของชีอะฮ์ไว้ว่า

الإمامة لطف عام ، والنبوة لطف خاص لإمكان خلو الزمان من نبي حي بخلاف الإمام ... وإن إنكار اللطف العام شر من إنكار اللطف الخاص

"อิมามะฮ์นั้น เป็นความเมตตาที่ครอบคลุม , และการเป็นนบีนั้น เป็นความเมตตาที่เฉพาะ เนื่องจากเป็นไปได้ที่ช่วงเวลาหนึ่งปราศจากนบีที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งแตกต่างจากอิมาม...และแท้จริงการปฏิเสธความเมตตาที่ครอบคลุม(อิมามัต) ย่อมชั่วร้ายกว่าการปฏิเสธความเมตตาที่เฉพาะ(การเป็นนบี)" ดู หนังสือ อัลอัลฟัยน์ ฟี อิมามะฮ์ อะมีรุลมุอฺมินีน เล่ม 1 หน้า 3

ข้อความดังกล่าวอ้างอิงจาก น้อง al-azhary

หลังจากที่ชีอะฮ์เชื่อว่า  ผู้ที่ไม่เชื่อความเป็นอิมามคนใดจาก 12 ตามทัศนะของพวกเขา  แน่นอนว่า ย่อมเป็นกาเฟร ตกนรกตลอดกาล อะมัลความดีจะไม่ถูกตอบรับ  เพราะการปฏิเสธบรรดาอิมามของพวกเขานั้น ชั่วร้ายกว่าการปฏิเสธนบี  และนั่นก็คือความเชื่อของชีอะฮ์ที่มีต่ออะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์

แล้วคำกล่าวของท่าน อิมามฟัครุดดีน อัรรอซีย์ นั้น  ถือว่าผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือไม่ ?  ซึ่งท่านได้กล่าวว่า

17.อิหม่าม ฟัครุดดีน อัร-รอซีย์(ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า"บรรดาอุลามะอฺอะชาอิเราะห์ได้ทำการกล่าวกาเฟรกับพวกชีอะฮ์จากสามหนทางด้วยกัน

(1) พวกเขาได้กล่าวกุฟุรกับบรรดามุสลิมมีนระดับชั้นอวุโสคนสำคัญ ดังนั้นผู้ใดที่ทำการกล่าวกาเฟรกับมุสลิมคนหนึ่ง เขาก็ย่อมเป็นกาเฟรด้วย ท่านศาสนทูต(ซ.ล.)กล่าวว่า"ผู้ใดที่กล่าวกับพี่น้องของเขาว่า "โอ้ กาเฟร แน่นอนว่าคำกล่าวนั้นจำกลับไปสู่คนใดคนหนึ่งจากนั้นสอง" ดังนั้นจีงวายิบ(จำเป็น)ที่จำต้องกล่าวว่าพวกชีอะฮ์เป็นกาเฟร

(2) พวกชีอะฮ์ได้ทำการกล่าวกาเฟรกับชนกลุ่มหนึ่งที่ท่านร่อซุลลุลลอ ฮ์ได้กล่าวสรรญเสริญพวกเขาและให้เกียตริในสถานภาพของพวกเขา ดังนั้นการที่ชีอะฮ์ได้กล่าวกาเฟรกับพวกเขานั้น ย่อมเป็นการกล่าวโกหกมุสาต่อท่านร่อซูลลุลลอฮ์(ซ.ล.)

(3) ประชาชาติอิสลามได้มติเป็นเอกฉันท์บนการกล่าวกาเฟรกับผู้ที่ทำก ารกล่าวกุฟุรกับบรรดาซอฮะบะฮ์ระดับอวุโส"(หนังสือ นิฮายะฮฺ อัล-อุกูล หน้า212 ของท่าน อิหม่าม อัรรอซีย์)

แล้วชีอะฮ์เป็นกาเฟรหรือมุสลิมกันแน่??

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พ.ย. 02, 2006, 08:06 AM »
0
เมื่อหลักการความเชื่อของชีอะฮ์  ระบุว่า  ผู้ใดที่ไม่ตามหลักการของพวกเขาข้างต้น ย่อมเป็นกาเฟร ตกนรกตลอดกาล อย่างนี้  เราจะสังคมร่วมระหว่างอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับชีอะฮ์ จึงไม่สนิทใจ  ซึ่งการสวมหน้ากากเข้าหากัน จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น  
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Sunnah so

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มี.ค. 31, 2007, 03:33 AM »
0
ละหมาดตามหลังชีอะห์หรือวะฮาบีย์ใช้ได้มั้ย ให้คุณอัชฮารีย์ตอบละกันดูเป็นวิชาการดี :D
จงเข้มข้นกับความฝัน และเข้มแข็งกับผลลัพท์ (แอบเอามาจากรถเมล์)

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มี.ค. 31, 2007, 05:47 AM »
0
ละหมาดตามหลังชีอะห์หรือวะฮาบีย์ใช้ได้มั้ย ให้คุณอัชฮารีย์ตอบละกันดูเป็นวิชาการดี :D

بسم الله الرحمن الرحيم

การละหมาดตามวะฮาบีย์นั้น  เชาะห์  ใช้ได้แน่นอนครับ  แต่การละหมาดตามชีอะฮ์อิมาม 12 นั้น  ถ้าหากพวกเขามีหลักการที่บิดอะฮ์ไม่ถึงขั้นกุฟุร ก็ถือละหมาดตามใข้ได้  แต่หากเขามีหลักการที่บิดอะฮ์ระดับกุฟุร  ก็ไม่สามารถละหมาดตามได้ครับ

วัลลอฮุอะลัม

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มี.ค. 31, 2007, 03:57 PM »
0
kalimah shahadah of  shiah 

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มี.ค. 31, 2007, 04:11 PM »
0
คำปฏิญาณตนของชีอะฮฺ เป็นอย่างนี้แล้วเรายังรับได้อยู่อีกหรือ

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เม.ย. 03, 2007, 04:55 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุม ทุกท่าน

มาดูชีอะฮฺที่หลงไหลในผู้นำจะนำผู้นำลัทธิของตัวมาแทนที่
ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ้อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม

http://www.kr-hcy.com/shia/

ออฟไลน์ muhib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เม.ย. 03, 2007, 05:12 PM »
0
คุมัยนีได้พูดไว้ว่าถ้าหากอิหร่านเข้ายึดครองมักกะฮ มาดินะฮฺได้
อันดับแรกเขาจะให้ชีอะฮฺขุดหลุมกุบูร  ของท่านอบูบักรและท่านอุมัร (เราะฎีญัลลอฮฺอันฮุม)
เอาขึ้นมาเผา แต่ผมว่าตอนนี้คุมัยนีเองกำลังโดนลงโทษอยู่มากกว่า
และพวก โรงพิมพ์ผับ 14 และศูนย์วิจัยทำลายอิสลามที่บางรัก
และพวกที่ตั้งมัสญิดดิรอรจะโดนลงโทษด้วย

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เม.ย. 06, 2007, 02:22 PM »
0
เห็นด้วยกับบัง muhib ครับ

ออฟไลน์ TruthSeeker

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 46
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ต.ค. 06, 2007, 09:06 PM »
0
[6.159]  แท้จริงบรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาของพวกเขา และพวกเขาได้กลายเป็นนิกายต่าง ๆ นั้นเจ้า (มุฮัมมัด) หาใช่อยู่ในพวกเขาแต่อย่างใดไม่แท้จริงเรื่องราวของพวกเขานั้น ย่อมไปสู่อัลลอฮ์แล้วพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกเขาในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน

ไม่ว่าจะนิกายใหนก็คงไม่ถูกละมั้งครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 06, 2007, 09:08 PM โดย TruthSeeker »
พระเจ้าเท่านั้นที่ฉันสักการะ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ต.ค. 06, 2007, 10:24 PM »
0
[6.159]  แท้จริงบรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาของพวกเขา และพวกเขาได้กลายเป็นนิกายต่าง ๆ นั้นเจ้า (มุฮัมมัด) หาใช่อยู่ในพวกเขาแต่อย่างใดไม่แท้จริงเรื่องราวของพวกเขานั้น ย่อมไปสู่อัลลอฮ์แล้วพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกเขาในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน

ไม่ว่าจะนิกายใหนก็คงไม่ถูกละมั้งครับ

หากทางด้านฟิกห์ไม่มีปัญหาครับ  แต่หากทางด้านอะกีดะฮ์ล่ะก็  เราต้องเสวนากันโดยอย่าแอบอ้าง  oh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 07, 2007, 04:10 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ TruthSeeker

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 46
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ต.ค. 07, 2007, 04:58 AM »
0
จริงครับ ต้องเสวนาหาความจริง เพื่อความสามัคคี ในบรรดาคนที่เชื่อในพระเจ้าและต้องการทำดีเพื่อสักการะพระองค์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 07, 2007, 04:59 AM โดย TruthSeeker »
พระเจ้าเท่านั้นที่ฉันสักการะ

ออฟไลน์ คนขายขวด

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 6
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ม.ค. 10, 2008, 03:20 AM »
0

ถ้าหากเราหุก่มว่า  ชีอะฮฺ เปนกาเฟร  แล้วทำไมประเทศ ซาอุฯ  ถึงอนุญาตให้พวกชีอะฮฺ  เข้าเขตแผ่นดินหะรอมละ ??

ทำไมถึงให้ชีอะฮฺเข้าไปทำฮัจญ์ ได้ละ???

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ใครบอกว่าชีอะฮ์เป็นกาเฟร?
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ม.ค. 10, 2008, 03:43 AM »
0
สลาม
พี่น้อง อะลิซซุนนะห์ที่เคารพ ทำไมต้องมาทะเลาะกันด้วยละคับ ชีอะห์เขาอยู่เฉยๆๆๆ คุณไปว่าเขาอย่างนั้นได้อย่างไร   พระเจ้าทรงรู้อยู่แล้วว่าใครถูกใครผิด ตรวจสอบตัวเองให้ดีก่อนเถอะคับ  ตอบตัวเองให้ได้ก่อนเถอะคับว่า  ใครคือหัวหน้าของชาวสวรรค์                     
                                                  วัสลาม ฟีอะมานิลลา ชีอะห์อิมามอะลี(อ.)

 

GoogleTagged