ผู้เขียน หัวข้อ: -มองโลกแบบวินทร์-  (อ่าน 1902 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
-มองโลกแบบวินทร์-
« เมื่อ: ก.พ. 17, 2011, 10:44 PM »
+2


  วินทร์ เลียววาริณ เกิดที่หาดใหญ่ สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2499 เข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1 เมื่ออายุเจ็ดขวบ ที่โรงเรียนวิริยเธียรวิทยา หาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมเล็กๆ ครั้นแปดขวบก็ยังเรียนซ้ำชั้น ป. 1 ด้วยครูประจำชั้นเห็นว่าจะทำให้ภูมิแน่นขึ้น!

 เรียนต่อชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนแสงทองวิทยา หาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนคาทอลิก จึงมีโอกาสเรียนทั้งศาสนาพุทธและคริสต์ เป็นช่วงเวลาที่อ่านหนังสือนิยายจนหมดห้องสมุด ชอบวิชาวาดเขียนเป็นพิเศษ

  เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้ไปต่อม.ศ. 4 ที่กรุงเทพฯ ณ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รุ่นที่ 3 และเป็นรุ่นแรกที่เรียน ณ ที่ตั้งของโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ปัจจุบัน

สนใจงานศิลปะตั้งแต่เล็ก จึงเลือกเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ จบปริญญาตรี สถ.บ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วเดินทางไปทำงานที่สิงคโปร์ทันที ทำงานเป็นสถาปนิกที่สิงคโปร์ร่วมสี่ปีก็เดินทางไปทำงานและเรียนต่อที่นิวยอร์ก อเมริกา เรียนหลายมหาวิทยาลัยโดยไม่เอาปริญญา จบแล้วกลับเมืองไทยมาทำงานในวงการโฆษณา และต่อมาเรียนต่อจนได้รับปริญญาโทด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

    เริ่มชีวิตคนโฆษณาด้วยตำแหน่งผู้กำกับศิลป์ และเปิดฉากการเขียนหนังสือควบคู่ไปด้วย
เรื่องสั้นเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์คือ ไฟ

ผ่านสนามวรรณกรรมมาจนได้รับหลายรางวัล เช่น โลกีย-นิพพาน (2535) การหนีของราษโลกสามใบของราษฎร์ เอกเทศ (2538) และ ตุ๊กตา (2541) ได้รับรางวัลช่อการะเกดยอดนิยม ประจำปี 2535, 2538 และ 2541 ตามลำดับ เช็งเม้ง (2541) ได้รับรางวัลเรื่องสั้นดีเด่นจากสมาคมภาษาและหนังสือ ปี 2541 รางวัลซีไรต์สองสมัย (2540/2542) รางวัลศิลปาธร (2549)

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: -มองโลกแบบวินทร์-
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.พ. 17, 2011, 10:49 PM »
+1

เปลือกของสุภาพชน

ครั้งหนึ่งเอกอัครราชทูตเยอรมันมาขอพบไอน์สไตน์ที่บ้าน ภรรยาของไอน์สไตน์บอกสามีว่า "ทำไมคุณไม่ไปเปลี่ยนชุดที่มันเรียบร้อยกว่านี้เล่า?"

ไอน์สไตน์ตอบว่า "ถ้าเขาอยากพบตัวฉัน ฉันก็อยู่นี่แล้วไง แต่ถ้าอยากดูเสื้อผ้าของฉัน ก็พาเขาไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูซี"

ผมชอบไอน์สไตน์มิใช่เพราะเขาฉลาดปราดเปรื่องเกินมนุษย์ทั่วไป คิดสมการพิสดารออกมาได้ หากเพราะเขาเป็นคนขวานผ่าซาก ผ่าตรงเป้า คิดง่าย ๆ เสมอ

หลายปีมาแล้ว ผมลองไปเรียนเรื่องมารยาทสังคมจากสถาบันสอนบุคลิกภาพแห่งหนึ่ง ได้ความรู้ติดหัวมาว่า "การแต่งกายดีนั้นก็เพื่อให้เกียรติสถานที่ที่เราไป"

มาครุ่นคิดนานหลายปีว่าจริงหรือ? และถ้าจริง จำเป็นหรือ?

เวลาเราไปงานแต่งงานของใครสักคู่ เราสวมสูทและชุดราตรี เหตุผล? เพราะเป็นมารยาทสังคม เพราะเป็นการให้เกียรติคู่บ่าวสาวในงานสำคัญของพวกเขา เพราะเป็นการให้เกียรติสถานที่หรูหรา และเพราะสุภาพชนพึงทำเช่นนั้น

อดคิดต่อไม่ได้ว่า อะไรคือความสุภาพ? อะไรคือมาตรวัดความสุภาพ? การพูดคำว่า "ครับ /ค่ะ" ตลอดเวลา หรือว่าการแต่งกายเหมาะสม? หรือทั้งสองอย่าง? ถ้าใช่ อะไรเป็นมาตรวัดความเหมาะสมของการแต่งกาย?

โรงแรมระดับห้าดาวส่วนใหญ่ไล่แขกที่สวมรองเท้าแตะออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้น (มักใช้คำว่า "เชิญ") ทั้งที่รองเท้าแตะก็ปกป้องตีนได้ดีไม่แพ้เกือกบู๊ทหรือรองเท้าหุ้มส้น และคนสวมรองเท้าแตะก็สามารถเอ่ยคำว่า "ครับ /ค่ะ" ได้เช่นกัน

ดูเหมือนค่านิยมของสังคมจะเดินไปในทิศทางที่ว่า "ความสุภาพ" ของการแต่งกายวัดกันที่ "แบบ" ของเสื้อผ้า เช่น รองเท้าแตะไม่เรียบร้อย รองเท้าฟองน้ำไม่สุภาพ การไม่เสียบชายเสื้อเข้าในกางเกงน่าดูแคลน

ผมเคยทดลองสวมเสื้อยืดกับรองเท้าแตะ เข้าไปในร้านหรู ไม่มีพนักงานคนใดเดินมาต้อนรับเลย ซึ่งตรงกันข้ามกับเมื่อสวมเสื้อผ้าแบบ "สุภาพชน" เสื้อเชิร์ตแขนยาว รองเท้าหนังมันเงา เข้าไปในร้านเดียวกัน พนักงานเข้ามาพูดจาอย่างสุภาพ เพราะปรัชญาการทำธุรกิจของหลายองค์กรไม่ต้อนรับ ผ้าขี้ริ้วห่อทอง หรืออย่างน้อยก็ไม่เชื่อว่า ภายในผ้าขี้ริ้วมีทอง

ไอน์สไตน์กล่าวว่า "คนจำนวนมากรู้สึกละอายที่สวมเสื้อผ้าเก่า และใช้เครื่องเรือนคร่ำคร่า เราน่าจะละอายในความคิดเก่าคร่ำคร่ากับปรัชญาไร้ค่ามากกว่า น่าเศร้านะถ้ากระดาษที่ห่อหุ้มดีกว่าเนื้อภายใน"

คนถ่อยสวมสูทตัวละแสนบาท ก็ยังเป็นคนถ่อยอยู่เช่นเดิม

ความจริงคือ มารยาทย่อมไม่มีกฎเกณฑ์ การสวมชุด "สุภาพชน" มิได้เป็นการให้เกียรติต่อทั้งสถานที่และบุคคลเสมอไป

การเปลือยกายในสังคมหนึ่งอาจเป็นเรื่องน่าละอาย ขณะที่เป็นค่านิยมปกติในอีกสังคมหนึ่ง

ความจริงการเปลี่ยนแปลงกติกาของการแต่งกายเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อโลกแคบลง และความเป็นสากลสูงขึ้น ปัญหามักเกิดจากความพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมที่(เราคิดว่า)เหนือกว่าเราอย่างไม่มีราก อย่างหลับหูหลับตา และตีค่าของคนที่เปลือกนอกมากกว่าภายใน

ดังนี้สวมชุด "สุภาพชน" ก็ไม่ผิด ไม่สวมชุด "สุภาพชน"ก็ไม่ผิด การสวมชุดสีแดงไปงานศพ หรือชุดสีดำไปงานมงคลก็ไม่ผิด แต่สุภาพชนที่แท้ย่อมมองไกลกว่าเครื่องแต่งกาย

สุภาพชนที่แท้ย่อมเป็นอิสระจากการเดินตามกฎและการไม่เดินตามกฎ อิสรภาพหมายถึงการไม่ยึดติดกับค่านิยมของสังคม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องต่อต้านเพียงเพื่อแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า ตนเองไม่ยึดติดกับค่านิยมของสังคม

8-11-2004

ที่มา



ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ BaE HoK

  • บ้านของผู้ชายอยู่ในมัสยิด มัสยิดของผู้หญิงนั้นคือบ้าน
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: -มองโลกแบบวินทร์-
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.พ. 20, 2011, 07:58 AM »
0
"สุภาพชนที่แท้..ย่อมเป็นอิสระจากการเดินตามกฎและการไม่เดินตามกฎ
อิสรภาพ..หมายถึงการไม่ยึดติดกับค่านิยมของสังคม
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องต่อต้านเพียงเพื่อแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า
ตนเองไม่ยึดติดกับค่านิยมของสังคม .."

ปรัชญานิยมของ....ปัญญาชนกาเฟร (ที่ยังไม่เคยลิ้มรสหวานของน้ำผึ้งอย่างอิสลาม)



มนุษย์มีเสรีภาพได้ โดยไม่ต้องยิ่งใหญ่

แต่ มนุษย์ไม่อาจยิ่งใหญ่ได้..

...โดยไม่มีเสรีภาพ

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: -มองโลกแบบวินทร์-
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.ย. 02, 2014, 10:40 PM »
0
ครั้งหนึ่งเอกอัครราชทูตเยอรมันมาขอพบไอน์สไตน์ที่บ้าน
ภรรยาของไอน์สไตน์บอกสามีว่า

"ทำไมคุณไม่ไปเปลี่ยนชุดที่มันเรียบร้อยกว่านี้เล่า?"

ไอน์สไตน์ตอบว่า
"ถ้าเขาอยากพบตัวฉัน ฉันก็อยู่นี่แล้วไง
แต่ถ้าอยากดูเสื้อผ้าของฉัน ก็พาเขาไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูซี"





ไอน์สไตน์กล่าวว่า

"คนจำนวนมากรู้สึกละอายที่สวมเสื้อผ้าเก่า และใช้เครื่องเรือนคร่ำคร่า
เราน่าจะละอายในความคิดเก่าคร่ำคร่ากับปรัชญาไร้ค่ามากกว่า
น่าเศร้านะถ้ากระดาษที่ห่อหุ้มดีกว่าเนื้อภายใน"


สองประโยคนี้ของไอสไตน์โดนใจข้าน้อยมาก...
ที่โดนใจไม่ใช่เพราะสิ่งใดเลย...เนื่องจาก...

ไอสไตน์กำลังจะบอกว่า...การแต่งกายของเรา บ่งบอกความเป็นเรา
ถ้าเขาอยากมาทำความรู้จักกับเราจริงๆ...เราก็ต้องแสดงความเป็นเราที่เป็นอยู่ให้เขาเห็น


ความคิดนี้ตรงกับหลักการของอิสลามค่ะ...ที่ตรงก็คือ...

อิสลามเรา มีเครื่องแต่งกายให้ และมันคือ อาภรณ์ของเราที่ไม่เหมือนใคร
เพราะนี่คืออาภรณ์ของมุสลิม ใครเห็นก็รู้ได้ทันทีว่านี่แหล่ะมุสลิมล่ะ

แต่มุสลิมหลายคนยังคงอายที่ต้องไปไหนด้วยเครื่องแต่งกายแบบอิสลาม...
กลัวว่าจะไม่เหมาะสมกับสถานที่นั้นที่นี่บ้าง...ห่วงว่าจะแตกต่างจากคนทั่วๆไป
ขาดความมั่นอกมั่นใจ...ทั้งๆที่น่ันมันคือตัวเรา...เราจะปฏิเสธความเป็นเราเพราะอะไร?

ทำไมเราจะต้องถอดผ้าคลุมเมื่อผู้ที่สัมภาษณ์งานบอกเราว่าห้ามใส่
ทำไมเราต้องถอดอาภรณ์ของเราเพียงเพราะเขาบอกว่าที่เราสวมอยู่นั้นมันคร่ำครึ
และแสนจะเชย ล้าสมัย ไม่ทันโลก...ในเมื่อนั่นคือตัวตนของเรามิใช่หรือ...

หากเราเองยังไม่อาจยอมรับตัวเราได้ แล้วใครที่ไหนจะมายอมรับในตัวเรา...

ไอสไตน์กลายเป็นคนที่ถูกยอมรับ ทั้งๆที่เขาก็ยังคงเป็นเขาอยู่...

แล้วเรา...ประชาชาติอิสลามนั้น สูงส่งนัก...
ใยจะต้องอายที่จะฉายความเป็นตัวตนของตัวเองให้ชาวโลกรู้...

เราไม่ได้หลงยุค ไม่มีใครหลงยุค เพราะโลกมันกลมและมันก็หมุน...
กลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้...

ดังนั้น...เมื่ออิสลามคือ จุดยืน...
เราก็จะใช้มันเป็นจุดยืนที่มั่นคงแม้โลกจะหมุนพาเราไปทิศใดก็ตาม...


และเคยมีนะคะที่เคยคิดว่า...ทำไมท่านนบีของเราจึงสวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆ...
ทั้งๆที่ท่านสามารถยกมือขึ้นวอนขอสิ่งใดจากอัลลอฮฺได้...

พอวันนึงที่ได้เรียนรู้โลกใบนี้ เข้าใจถึงความเป็นดุนยา...
จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นได้บ้างนิดๆแล้วว่า...

ของใหม่ในวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่าแล้ว...
ส่วนของเก่าที่ใส่ในวันนี้ พรุ่งนี้ก็ยังเก่าไม่เปลี่ยน...


ดังนั้น...ค่าของสิ่งของไม่ได้ขึ้นอยู่กับใหม่หรือเก่าอีกต่อไป...

หากเราพอเพียง...มันก็เพียงพอสำหรับเรา...

พอได้ของใหม่ เราก็อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...
พอสวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆที่เคยสวมมาแล้วหลายปี เราก็อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...

ไม่อายเลยนะคะหากต้องใส่ชุดเดิมๆไปงานแต่งเพื่อน...
ไม่ใช่เพราะงก ก็ถ้าชุดมันยังใส่ได้อยู่ ก็คงต้องใส่ล่ะค่ะ
จะเก็บไว้ในตู้ด้วยให้เหตุผลเพียงเพราะเราเคยใส่มันแล้ว
แล้วให้แมลงสาบแทะต่อก็กะไรอยู่...

เพราะนั่นคือหนึ่งใน เนี๊ยะมัต จากอัลลอฮฺ...
เรามีเราก็ต้องรู้คุณ...ใช้ให้คุ้มไปเลยค่ะ...อย่าได้อาย...
เมื่อมันหมดสภาพเมื่อไหร่ ค่อยว่ากัน...^^

วัสลามค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 02, 2014, 10:44 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged