สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 65 - 66คำอ่าน65. ฟะอิซาเราะกิบูฟิลฟุลกิ ดะอะวุลลอฮะ มุคลิศีนะละฮุดดีน ฟะลัม..มานัจญาฮุมอิลัลบัรฺริ อิซาฮุมยุชริกูน
66. ลิยักฟุรูบิมาอาตัยนาฮุม วะลิยะตะมัตตะอู ฟะเสาฟะยะอฺละมูนคำแปล R1.65. And when they embark on a ship, they invoke Allah, making their faith pure for Him only, but when He brings them safely to land, behold, they give a share of their worship to others.
66. So that they become ingrate for that which we have given them, and that they take their enjoyment (as a warning and a threat), but they will come to know.คำแปล R2.65. แท้จริงเมื่อพวกเขาโดยสารในเรือพวกเขาก็จะวอนขอต่ออัลเลาะฮฺ ด้วยจิตใจนอบน้อมอันบริสุทธิ์ แต่ครั้นเมื่อพระองค์บันดาลความปลอดภัยแก่พวกเขาไปสู่ภาคพื้นดิน พลันพวกเขาก็ตั้งภาคี (ต่อไปดังเดิม)
66. เพื่อพวกเขาปฏิเสธในสิ่งที่เราได้มอบให้แก่เขา และเพื่อพวกเขาจะได้เสพสุข และพวกเขาก็จะได้รู้ (ในโอกาสต่อไปว่า จะได้รับการตอบแทนอย่างไรบ้าง) คำแปล R3.65. เมื่อพวกเขาขึ้นเรือพวกเขาได้วิงวอนต่ออัลลอฮฺสร้างความศรัทธาของพวกเขาให้บริสุทธิ์สำหรับพระองค์ แต่หลังจากนั้น เมื่อเรานำพวกเขามาสู่แผ่นดินอย่างปลอดภัย พวกเขาก็ตั้งภาคี
66. เพื่อที่จะเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา และเพื่อที่พวกเขาจะได้รื่นเริง(ชีวิตแห่งโลกนี้) แล้วไม่ช้าพวกเขาจะได้รู้คำแปล R4.65. ดังนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นขี่เรือ พวกเขาวิงวอนต่ออัลลอฮฺเป็นผู้บริสุทธิ์ใจในการขอพรต่อพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้ขึ้นบก แล้วพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระองค์
66. เพื่อพวกเขาจะเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา และเพื่อพวกเขาจะได้หลงประทานแก่พวกเขา และเพื่อพวกเขาจะได้หลงระเริงแล้วพวกเขาก็จะได้รู้คำแปล R5.๖๕. แท้จริงเมื่อพวกเขาโดยสารในเรือ ซึ่งต้องผจญและฝ่าฟันคลื่นลมในท้องทะเลทำให้เกิดความหวาดกลัวอันตรายอันอาจอุบัติขึ้นได้ พวกเขาก็วอนขออัลเลาะห์โดยบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ในการขอนั้น แต่แล้วเมื่อพระองค์ยังความปลอดภัยแก่พวกเขาให้พวกเขาฝ่าฟันคลื่นลมอันวังเวงและน่ากลัวของท้องทะเลจนสามารถขึ้นสู่พื้นบกแห่งแผ่นดินได้ พลันพวกเขาก็ตั้งภาคีแห่งพระองค์ต่อไปดังเดิม
๖๖. เพื่อพวกเขาจะเนรคุณต่อความโปรดปรานอันเป็นสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา และได้ให้พ้นจากภัยของท้องทะเล และเพื่อพวกเขาจะได้ภิรมย์อยู่กับการชุมนุมกันกราบไหว้เทวรูปต่าง ๆ ที่จริงต่อไปพวกเขาจะได้รู้ว่าผลสุดท้ายพวกเขาจะประสบผลแห่งความประพฤติของพวกเขาอย่างไร สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 67 - 69คำอ่าน67. อะวะลัมยะร็อวอัน..นา ญะอัลนาหะเราะมันอามิเนา..วะยุตะค็อฏเฏาะฟุน..นาสุ มินเหาลิฮิม อะฟะบิลบาฏิลิ ยุอ์มินูนะ วะบินิอฺมะติลลาฮิ ยักฟุรูน
68. วะมันอัซละมุมิม..มะนิฟตะรอ อะลัลลอฮิกะซิบัน เอากัซซะบะบิลหักกิ ลัม..มาญา...อะฮฺ อะลัยสะฟีญะฮัน..นะมะ มัษวัลลิลกาฟิรีน
69. วัลละซีนะญาฮะดู ฟีนาละนะฮฺดิยัน..นะฮุมสุบุละนา วะอิน..นัลลอฮะ ละมะอัลมุหฺสินีนคำแปล R1.67. Have they not seen that we have made (Makkah) a sanctuary secure, and that men are being snatched away from all around them? Then do they believe in Batil (falsehood - polytheism, idols and All deities other than Allah), and deny (become ingrate for) the graces of Allah?
68. and who does more wrong than He who invents a lie against Allah or denies the Truth (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam and his doctrine of Islโmic Monotheism and This Qur'an), when it comes to him? is there not a dwelling In Hell for disbelievers (in the Oneness of Allโh and In his Messenger Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam)?
69. As for those who strive hard in us (our Cause), we will surely guide them to our paths (i.e. Allah's Religion - Islamic Monotheism). and Verily, Allah is with the Muhsinun (good doers)."คำแปล R2.67. และพวกเขาไม่รู้หรือว่า เราได้บันดาลแผ่นดินมักกะฮฺอันหวงห้ามนั้นเป็นที่อันปลอดภัย ในขณะที่มวลมนุษย์จากรอบ ๆ พวกเขาถูกโฉบเฉี่ยว(จากพวกประทุษร้ายอยู่เนือง ๆ) แล้วพวกเขายังจะศรัทธาต่อสิ่งโมฆะและอกตัญญูต่อความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺอีกกระนั้นหรือ
68. และใครเล่าจะฉ้อฉลยิ่งไปกว่า ผู้ที่เสกสรรความเท็จแก่อัลเลาะฮฺ หรือผู้ที่กล่าวหาสัจจะว่าเป็นเท็จ เมื่อสัจจะนั้นได้มาสู่เขาแล้ว ในนรกยะฮันนัมมิใช่ที่อยู่ของพวกอกตัญญูดอกหรือ
69. และบรรดาผู้ต่อสู้ใน(วิถีทางของ)เรา แน่นอนเราจะชี้นำพวกเขาสู่แนวทางของเรา และแท้จริงอัลเลาะฮฺย่อมอยู่พร้อมกับมวลผู้ประพฤติดีเสมอคำแปล R3.67. พวกเขาไม่เห็นหรือว่า เราได้ทำให้เขตหวงห้ามเป็นที่ปลอดภัยในขณะที่ผู้คนรอบ ๆ พวกเขาได้ถูกขับไล่ออกไป? กระนั้นแล้วพวกเขายังศรัทธาในความเท็จและปฏิเสธความโปรดปรานของอัลลอฮฺอีกกระนั้นหรือ
68. และผู้ใดเล่าที่ชั่วร้ายยิ่งไปกว่าคนที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺหรือปฏิเสธสัจธรรมเมื่อมันได้มาถึงเขาแล้ว? นรกมิใช่หรือที่เป็นสถานที่พักอันเหมาะสมสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ?
69. ส่วนบรรดาผู้ต่อสู้ในหนทางของเรา เราจะนำทางพวกเขาไปยังทางของเรา และแท้จริงอัลลอฮฺทรงอยู่กับผู้ทำความดีทั้งหลาย คำแปล R4.67. พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่า เราได้ทำเขตหวงห้ามให้เป็นที่ปลอดภัย ขณะที่ประชาชนรอบ ๆ พวกเขาถูกฆ่า ถูกลักพาตัวไป แล้วพวกเขายังจะศรัทธาต่อความเท็จ และพวกเขายังจะเนรคุณต่อความโปราดปรานของอัลลอฮฺอีกหรือ ?
68. และใครเล่าจะอธรรมยิ่งกว่าผู้กุความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ หรือปฏิเสธสัจธรรมเมื่อมันได้มายังเขาที่พำนักในนรกญะฮันนัมมิใช่สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาดอกหรือ ?
69. และบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรนในทางของเราแน่นอนเราจะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาสู่ทางของเรา และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงอยู่ร่วมกับผู้กระทำความดีทั้งหลายคำแปล R5.๖๗. พวกเขาไม่รู้หรือว่า แท้จริงเราได้บันดาลเมืองมักกะห์อันเป็นมาตุภูมิของพวกเขาเองเป็นที่หวงห้าม อีกทั้งเป็นที่ปลอดภัยสำหรับผู้คนทั้งหลาย ทั้ง ๆ ที่มนุษย์จากรอบ ๆ พวกเขานั้นถูกโฉบเฉี่ยวด้วยการถูกประทุษร้ายอยู่เป็นเนือง ๆแล้วพวกเขาจะยังศรัทธาในสิ่งโมฆะอันได้แก่เจว็ด เทวรูปต่าง ๆ และเนรคุณต่อความโปรดปรานของอัลเลาะห์อีกกระนั้นหรือ
๖๘. และใครเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าบุคคลที่เสกสรรความเท็จแก่อัลเลาะห์ แน่นอนไม่มีใครอีกแล้วที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าเขา หรือใครเล่าที่ว่าสัจธรรมเป็นความเท็จเมื่อมันได้มาสู่เขาแล้ว ในขุมนรก ยะฮันนัม มิใช่ที่อยู่ของเหล่าผู้เนรคุณดอกหรือ
๖๙. และบรรดาผู้ต่อสู้ในสิทธิของเรา แน่นอนเราจักชี้นำแก่พวกเขา ซึ่งแนวทางของเราและแท้จริงอัลเลาะห์ก็ย่อมพร้อมกับบรรดาผู้ประพฤติดีทั้งมวลด้วยการสงเคราะห์และประทานชัยชนะแก่พวกเขา---------------------------------------------------------------------
(صدق الله العظيم) ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ
จบตอนที่ 29 สูเราะฮฺ อัลอันกะบูต
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته