ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 51 สูเราะฮฺ อัซซาริยาต  (อ่าน 3437 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัซซาริยาต – الزاريات – ลมที่พัด
เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 60 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัซซาริยาต (R4.)
   ซูเราะฮฺนี้เป็นซุเราะฮฺมักกียะฮฺที่ตั้งอยู่บนการเสริมสร้างหลักการแห่งการอีมานและให้พินิจพิจารณาถึงเดชานุภาพของอัลลอฮฺผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงพิชิตโดยเด็ดขาดอีกทั้งเป็นการเสริมสร้างหลักอะกีดะฮฺที่มั่นคง ที่ตั้งอยู่บนมูลฐานแห่งการยำเกรงและการศรัทธา
   ซูเราะฮฺเริ่มด้วยการกล่าวถึงลมที่พัดฝุ่นให้กระจัดกระจายปลิวว่อน กล่าวถึงเรือเดินสมุทรในท้องทะเลได้เคลื่อนย้ายอย่างสะดวกสบายโดยเดชานุภาพของพระผู้ทรงเอกะ กล่าวถึงเมฆที่อุ้มฝน และกล่าวถึงมะลาอิกะฮฺผู้บริสุทธิ์ผู้ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับมัคลู๊ก สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถูกนำมาสาบานว่า การชุมนุมกันในวันกิยามะฮฺ จะเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และแน่นอนที่สุด การฟื้นคืนชีพ และการตอบแทนก็จะมีขึ้นโดยปราศจากการแคลงใจ
   ซูเราะฮฺได้เปลี่ยนเรื่องมากล่าวถึงพวกกุฟฟารมักกะฮฺ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลกุรอานและวันปรโลก โดยกล่าวชี้แจงถึงสถานภาพของพวกเขาในโลกนี้ และผลที่ตามมาของพวกเขาในโลกอาคิเราะฮฺ โดยที่พวกเขาจะถูกนำไปสู่ไฟนรกญะฮันนัมเพื่อเป็นการลงโทษอย่างสาสม
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงบรรดามุอ์มินผู้ศรัทธา ผู้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺตะอาลาและสิ่งที่อัลลอฮฺได้จัดเตรียมไว้ให้แก่พวกเขา ซึ่งความสุขสำราญและความมีเกียรติในโลกอาคิเราะฮฺ เพราะพวกเขาอยู่ในโลกดุนยาเป็นผู้กระทำความดี ทั้งนี้ตามสำนวนในอัลกุรอานในการชักชวนจูงใจและการขู่ขวัญ การแก้ตัว ขออภัย และการตักเตือน
   ต่อมาซูเราะฮฺได้กล่าวถึงหลักฐานแห่งเดชานุภาพและความเป็นเอกภาพในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลในฟากฟ้าของมัน ในแผ่นดินของมัน ในเทือกเขาของมัน ในที่ราบสูงของมัน และในการสร้างมนุษย์ในรูปแบบที่น่าพิศวงและส่วนประกอบที่ดีเลิศ ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานยืนยันถึงเดชานุภาพของพระเจ้าแห่งสากลโลก
   ซูเราะฮฺได้เปลี่ยนเรื่องมากล่าวถึงประวัติความเป็นมาของบรรดารอซูลผู้มีเกียรติ กล่าวถึงพฤติกรรมของประชาชาติที่ละเมิดฝ่าฝืน แสดงการโอหังต่อบรรดานะบี และสิ่งที่ประสบแก่พวกเขา คือการถูกลงโทษและถูกทำลายอย่างพินาศ ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงเรื่องของบรรดานะบี อิบรอฮีม ลูฏ มูซา และเรื่องของบรรดาผู้ละเมิด ผู้โอหังแห่งกลุ่มชนของอ๊าด ซะมู๊ด และนูหฺ ในการกล่าวถึงเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ และได้มีการกล่าวซ้ำ ๆ ในอัลกุรอานนั้นก็เพื่อเป็นการปลอบใจแก่บรรดานะบีผู้มีเกียรติ และเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์และข้อตักเตือนแก่ผู้มีวิจารณญาณ แก่ผู้มีหัวใจหรือรับฟังโดยที่มีความตั้งใจจริง
   ซุเราะฮฺได้จบลงด้วยการชี้แจงถึงจุดมุ่งหมายแห่งการสร้างมนุษย์และญิน นั่นคือการรู้จักอัลลอฮฺอัซซะวะญัล การเคารพภักดีต่อพระองค์ การให้ความเป็นเอกภาพต่อพระองค์ การให้ความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์องค์เดียว และการผินหน้าสู่พระพักตร์อันทรงเกียรติของพระองค์ด้วยการแสดงความใกล้ชิด และการอิบาดะฮฺต่อพระองค์ในทุกรูปแบบ
   

----------------------------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)


------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

ฟังเสียงอิหม่าม อัลฮุซัยฟียฺ อ่านสูเราะฮฺ อัซซาริยาต ที่ลิงก์นี้

http://www.mp3quran.net/media.php?file=http://server9.mp3quran.net/hthfi/051.mp3

 :salam:

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 1 – 9



คำอ่าน
1. วัซซาริยาติ ซัรฺวา
2. ฟัลหามิลาติวิกรอ
3. ฟัลญาริยาติ ยุสรอ
4. ฟัลมุก็อสสิมาติ อัมรอ
5. อิน..นะมาตูอะดูนะ ละศอดิก
6. วะอิน..นัดดีนะละวากิอฺ
7. วัสสะมา..ซาติลญุบุก
8. อิน..นะกุมละฟีก็อวลิม..มุคตะลิฟ
9. ยุอ์ฟะกุอันฮุ มันอุฟิก

คำแปล R1.
1. By (the winds) that scatter dust.
2. And (the clouds) that bear heavy weight of water;
3. And (the ships) that float with ease and gentleness;
4. And those (angels) who distribute (provisions, rain, and other blessings) by (Allah's) Command;-
5. Verily, that which you are promised (i.e. Resurrection in the Hereafter and receiving the reward or punishment of good or bad deeds, etc.) is surely true.
6. And verily, the Recompense is sure to happen.
7. By the heaven full of paths,
8. Certainly, you have different ideas (about Muhammad and the Qur'an).
9. Turned aside therefrom (i.e. from Muhammad and the Qur'an) is he who is turned aside (by the decree and preordainment of Allah).

คำแปล R2.
1.   ขอยืนยันกับลมที่พัดจนปลิวว่อน (ทั้งฝุ่นและสิ่งอื่น ๆ )
2.   และเมฆที่หอบเอาฝน (ไปโปรยตามสถานที่ต่าง ๆ )
3.   และเรื่อที่วิ่งอย่างสะดวกสบาย
4.   และมวลมลาอิกะฮฺที่จัดสรรการทำงาน (ต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย)
5.   อันที่จริงสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้นั้นย่อมเป็นเรื่องจริงที่สุด (ที่ต้องอุบัติขึ้น คือ วันชาติหน้า)
6.   และแท้จริง การสนองตอบ (การกระทำนั้น) ย่อมต้องอุบัติขึ้นอย่างแน่นอน
7.   ขอยืนยันกับฟากฟ้าที่มีจักราศีต่าง ๆ (ที่ดวงดาวทั้งหลายโคจร)
8.   แท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายมีคำพูด (ทัศนะ) อันแตกต่างกัน (เกี่ยวกับศาสนาที่นบีมุฮัมมัดนำมาประกาศ)
9.   ผู้ที่ถูกผินออก ก็ย่อมถูกผินออกจากสิ่งนั้น (ไม่ยอมรับด้วยประการทั้งปวง)


คำแปล R3.
1.   ขอสาบานด้วยลมที่พัดฝุ่นให้กระจายขึ้น
2.   หลังจากนั้นก็ยกเมฆที่อุ้มน้ำไว้
3.   หลังจากนั้นก็แล่นลอยไปโดยสะดวก
4.   หลังจากนั้นก็แจกจ่ายงานใหญ่ (ฝน)
5.   แท้จริงแล้วสิ่งที่สูเจ้าได้ถูกขู่ไว้เป็นความจริง
6.   และการตอบแทนนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
7.   ขอสาบานด้วยฟากฟ้าแห่งปรากฏการณ์อันหลากหลาย
8.   แท้จริงแล้ว สูเจ้าทั้งหลายกำลังขัดแย้งกัน (เกี่ยวกับเรื่องโลกหน้า)
9.   คนที่หันออกไปจากสัจธรรมเท่านั้นที่หลงผิดออกไป


คำแปล R4.
1. ขอสาบานต่อลมที่พัด (ฝุ่นให้) กระจัดกระจายอย่างปลิวว่อน
2. ขอสาบานต่อเมฆที่พยุง (ฝน) อย่างหนัก
3. ขอสาบานต่อนาวา ที่แล่นไปอย่างสะดวกสบาย
4. ขอสาบานต่อมะลาอิกะฮ. ผู้จัดสรรการงาน
5. แท้จริงสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้นั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน
6. และแท้จริงการตอบแทนจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
7. ขอสาบานต่อฟากฟ้าที่มีวิถีทางโคจรอย่างมากมาย
8. แท้จริงพวกเจ้าอยู่ในคำพูดที่ขัดแย้งกัน
9. ผู้ที่หันเหออกจากสัจธรรมนั้นเขาจะถูกให้หันเหออกจากการศรัทธา


คำแปล R5.
๑. ขอสาบานด้วยพายุที่กระหน่ำอย่างรุนแรง จนฝุ่นและสิ่งอื่น ๆ คลุ้งตลบลอยปลิวว่อน
๒. ต่อมา ขอสาบานด้วยเมฆที่หอบฝนอันหนักอึ้งเพื่อโปรยลงบนพื้นที่ตามพระประสงค์ของอัลเลาะห์
๓. ต่อมาขอสาบานด้วยเรื่อที่วิ่งในท้องทะเลอย่างง่ายดาย
๔. ต่อมาขอสาบานด้วยมวลมลาอิกะห์ที่ทำหน้าที่แบ่งสรรการงานต่าง ๆ แก่มวลมนุษย์เช่น ปัจจัยครองชีพ น้ำฝน และอื่น ๆ
๕. อันที่จริงการที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้นั้นเป็นเรื่องจริงที่จะต้องเป็นไปตามนั้นทุกประการ เป็นต้นว่าการฟื้นจากสุสาน วันปรภพ นรก สวรรค์ เป็นต้น
๖. และแท้จริงการตอบสนองผลความประพฤติของแต่ละคน เป็นสิ่งที่ต้องอุบัติอย่างแน่นอน
๗. ขอสาบานด้วยฟากฟ้าที่มีช่องทางโคจรสำหรับดวงดาวต่าง ๆ
๘. แท้จริงพวกเจ้าชาวมักกะห์ผู้เนรคุณทั้งมวลต่างมีคำพูดอันแตกต่างกันในเรื่องเกี่ยวกับนบีมุฮำมัดและอัลกุรอาน บางทีก็ว่าเป็นกาพย์กลอน บางทีก็ว่าเป็นโหราศาสตร์ บางทีก็ว่าเป็นวิทยากล
๙. ย่อมถูกบิดผันออกจากเขา นบีมุฮำมัดและอัลกุรอาน โดยไม่ยอมศรัทธา บุคคลที่ถูกบิดผันไม่ได้รับการชี้นำทางอันถูกต้องจากอัลเลาะห์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่  10 - 14


คำอ่าน
10. กุติลัลค็อรฺรอศูน
11. อัลละซีนะฮุม ฟีฆ็อมเราะติน..สาฮูน
12. ยัสอะลูนะอัยยานะเยามุดดีน
13. เยามะฮุม อะลัน..นาริ ยุฟตะนูน
14. ซูกูฟิตนะตะกุม ฮาซัลละซี กุน..ตุม..บิฮี ตัสตะอฺญิลูน

คำแปล R1.
10. Cursed be the liars,
11. Who are under a cover of heedlessness (think not about the gravity of the Hereafter),
12. They ask; "When will be the Day of Recompense?"
13. (It will be) a Day when they will be tried (i.e. burnt) over the Fire!
14. "Taste you your trial (burning)! This is what you used to ask to be hastened!"


คำแปล R2.
10.   บรรดาจำพวกที่กุความเท็จถูกสาปแช่ง
11.   พวกเขาเป็นพวกที่ตกอยู่ในความโฉดเขลา อีกทั้งเผอเรอ
12.   พวกเขาถามว่า “เมื่อใดเล่า วันแห่งการตอบแทนจะอุบัติขึ้น?”
13.   (มีคำตอบว่า) เป็นวันซึ่งพวกเขาจะถูกทรมานบนไฟนรก
14.   (พร้อมกับมีผู้พูดว่า) “พวกท่านจงลิ้มรสการลงโทษของพวกท่านเถิด นี้แหละคือสิ่งที่พวกท่านได้เคยเร่งเร้าขอให้มันอุบัติขึ้นเร็ว ๆ “!


คำแปล R3.
10.   ความวิบัติจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ตัดสินโดยการเดา
11.   ผู้ที่หลงอยู่ในความโง่เขลาและไม่ใส่ใจ
12.   พวกเขาถามว่า “วันแห่งการตัดสินตอบแทนจะเกิดขึ้นเมื่อใด?”
13.   ก็วันที่พวกเขาจะถูกลงโทษในไฟนรก
14.   (พวกเขาจะถูกบอกว่า) “ตอนนี้จงลิ้มรสความเสียหายที่สูเจ้าก่อไว้บ้าง นี่คือสิ่งเดียวกับที่สูเจ้าเร่งจะให้มันเกิดขึ้น”


คำแปล R4.
10. ผู้ที่กล่าวเท็จแก่ท่านนะบี จะถูกสาปแช่ง
11. คือบรรดาผู้ที่พวกเขาอยู่ในการสับสนหลงลืม (เรื่องของวันอาคิเราะฮ.)
12. พวกเขาจะถามว่า วันแห่งการตอบแทนจะมีขึ้นเมื่อใด?
13. วันที่พวกเขาจะถูกทดสอบ ด้วยไฟนรก
14. พวกเจ้าจงลิ้มรสการทดสอบของพวกเจ้าเถิด นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าเร่งเร้ามัน


คำแปล R5.
๑๐. บรรดาจอมโกหกทั้งหลายย่อมถูกสาปแช่ง
๑๑. ซึ่งพวกเขาตำยู่ในความมืด ทมึนแห่งความโฉดเขลา อีกทั้งพวกเขาลืมเลือนต่อวันปรภพ
๑๒. พวกเขาจะถามว่าเมื่อใดจะถึงวันแห่งการตอบแทนผลกรรม
๑๓. เป็นวันซึ่งพวกเขาจะถูกทำโทษทรมานบนไฟนรก
๑๔. มีผู้ประกาศแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษของพวกเจ้าเถิด นี้เป็นสิ่งที่พวกเจ้าได้เคยเร่งเร้ามาก่อนเพื่อจะได้ประสบกับมัน ด้วยความคึกคะนอง ความดื้อรั้นและเนรคุณ ซึ่งบัดนี้ก็ได้ประสบจริงตามที่ เร่งไว้แล้ว



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 15 - 19


คำอ่าน
15. อิน..นัลมุตตะกีนะ ฟีญัน..นาติว..วะอุยูน
16. อาคิซีนะ มา..อาตาฮุม ร็อบบุฮุม อิน..นะฮุมกานู ก็อบละซาลิกะ มุหฺสินีน
17. กานู เกาะลีลัม..มินัลลัยลิ มายะฮฺญะอูน
18. วะบิลอัสหาริฮุม ยัสตัฆฟิรูน
19. ฟี..อัมวาลิฮิม หักกุลลิสสา...อิลิ วัลมะหฺรูม


คำแปล R1.
15. Verily, the Muttaqun (pious - see V.2:2) will be in the midst of Gardens and springs (in the Paradise),
16. Taking joy in the things which their Lord has given them. Verily, they were before this Muhsinun (good-doers - see V.2:112).
17. They used to sleep but little by night [invoking their Lord (Allah) and praying, with fear and hope].
18. And in the hours before dawn, they were (found) asking (Allah) for Forgiveness,
19. And in their properties there was the right of the beggar, and the Mahrum (the poor who does not ask the others),


คำแปล R2.
15.   แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงอัลเลาะฮฺย่อมอยู่ในสวรรค์และแหล่งน้ำ (อันร่มเย็น)
16.   พวกเขาได้รับสิ่งที่องค์อภิบาลของพวกเขาได้ประทานให้ (ทุกประการ) แท้จริงพวกเขาเคยเป็นผู้ประพฤติดีมาก่อนหน้านั้น
17.   พวกเขามีเวลาเพียงเล็กน้อยในตอนกลางคืนสำหรับการนอนหลับ
18.   และในตอนดึก (ยามใกล้รุ่ง) พวกเขาก็ขออภัย (ต่ออัลเลาะฮด้วยการทำละหมาด)
19.   และในทรัพย์สินของพวกเขา (พวกเขาได้บริจาคออกไป) เป็นสิทธิของผู้ขอที่ยากจน และคนจนที่สงวนตัว (ไม่ยอมขอผู้ใด)


คำแปล R3.
15.   ส่วนผู้ที่ยำเกรงนั้นจะได้อยู่ในสวนสวรรค์และนำพุมากมาย
16.   พวกเขาปีติยินดีในสิ่งที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาประทานแก่พวกเขาเพราะพวกเขาเป็นผู้ทำความดีมาก่อนหน้านี้
17.   พวกเขานอนแต่เพียงเล็กน้อยในตอนกลางคืน
18.   และวิงวอนขอการอภัยโทษในยามตอนรุ่งอรุณ
19.   และในทรัพย์สินของพวกเขานั้นมีส่วนไว้สำหรับผู้เอ่ยขอและผู้ขัดสน


คำแปล R4.
15. แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงจะได้อยู่ในสวนสวรรค์มากหลาย และตาน้ำพุ
16. พวกเขาปีติยินดีในสิ่งที่พระเจ้าของพวกเขาได้ประทานให้แก่พวกเขา แท้จริงพวกเขาก่อนหน้านั้นเป็นผู้กระทำความดี
17. พวกเขาเคยหลับนอนแต่เพียงส่วนน้อยของเวลากลางคืน
18. และในยามรุ่งสางพวกเขาขออภัยโทษ (ต่อพระองค์)
19. และในทรัพย์สมบัติของพวกเขาจัดไว้เป็นส่วนของผู้เอ่ยขอ และผู้ไม่เอ่ยขอ


คำแปล R5.
๑๕. แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงทั้งหลายย่อมอยู่ในสวรรค์และธารน้ำที่ไหลผ่านอยู่เบื้องใต้
๑๖. พวกเขาได้รับเอาสิ่งที่องค์อภิบาลของพวกเขาประทานแก่พวกเขาด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น ทั้งนี้เป็นเพราะแท้จริงพวกเขาเคยเป็นผู้ประพฤติดีมาก่อนจากนั้นในสากลโลก
๑๗. พวกเขาหลับนอนในเวลากลางคืนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ของกลางคืนเขาใช้ให้หมดไปกับการทำการภักดีและนมัสการต่ออัลเลาะห์
๑๘. และในยามดึกสงัด พวกเขาจะขออภัยต่ออัลเลาะห์เจ้า โดยทำต่อเนื่องกับการละหมาดซุบฮ์
๑๙. และในทรัพย์สินของพวกเขา มีสิทธิ์แห่งการทำทานที่เขาเตรียมไว้แก่ ผู้ขอและผู้ถูกห้ามโดยตัวเองจากการขอผู้ใด เพราะเขาตระหนักในศักดิ์ศรีของตัวเอง




สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 20 - 23


คำอ่าน
20. วะฟิลอัรฺฎิ อายาตุลลิลมูกิน๊น
21. วะฟี..อัน..ฟิสิกุม อะฟะลาตุบศิรูน
22. วะฟิสสะมา...อิริซกุกุม วะมาตูอะดูน
23. ฟะวะร็อบบิสสะมา...อิวัลอัรฺฎิ อิน..นะฮู ละหักกุม..มิษละ มา..อัน..ตุม ตัน..ฏิกูน


คำแปล R1.
20. And on the earth are signs for those who have faith with certainty,
21. And also in your own selves. Will you not then see?
22. And in the heaven is your provision, and that which you are promised.
23. Then, by the Lord of the heaven and the earth, it is the truth (i.e. what has been promised to you), just as it is the truth that you can speak.


คำแปล R2.
20.   และในแผ่นดิน มีสัญลักษณ์ต่าง ๆ สำหรับบรรดาผู้เชื่อมั่นทั้งปวง
21.   และในตัวของพวกเจ้านั้น ไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่พินิจพิจารณา?
22.   และในฟากฟ้ามีปัจจัยยังชีพของพวกเจ้า และสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้ (อย่างพร้อมมูล)
23.   แท้จริงขอสาบานกับเจ้าของฟากฟ้าและแผ่นดินว่า แท้จริงสิ่งที่กล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง (หาใช่เรื่องล้อเล่น) เหมือนที่พวกเจ้าพูดกัน


คำแปล R3.
20.   และในแผ่นดินนั้นมีสัญญาณต่าง ๆ มากมายสำหรับผู้เชื่อมั่นในความศรัทธา
21.   และในตัวของสูเจ้าเองก็เช่นกันแล้วสูเจ้ายังไม่เห็นอีกหรือ?
22.   และในชั้นฟ้านั้นก็มีปัจจัยสำหรับสูเจ้าและสิ่งที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้
23.   ดังนั้น ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดินว่านี่คือความจริงดังที่สูเจ้ากำลังพูดกันอยู่ในขณะนี้


คำแปล R4.
20. และในแผ่นดินนี้มีสัญญาณต่าง ๆ สำหรับผู้ศรัทธาเชื่อมั่น
21. และในตัวของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าไม่เห็นดอกหรือ?
22. และในฟากฟ้ามีปัจจัยยังชีพของพวกเจ้า และสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้
23. ดังนั้น จึงขอสาบานต่อพระเจ้าแห่งชั้นฟ้า และแผ่นดินนี้ว่า แท้จริง (สิ่งที่ถูกสัญญาไว้นั้น) เป็นความจริงอย่างแน่นอน เสมือนกับที่พวกเจ้าสนทนากัน


คำแปล R5.
๒๐. และในแผ่นดินย่อมมีบรรดาสัญลักษณ์เพื่อการพินิจพิเคราะห์สำหรับบรรดาผู้เชื่อมั่นในอานุภาพแห่งอัลเลาะห์ผู้ทรงสร้างสรรค์พสิ่งทั้งหลาย
๒๑. และในตัวของพวกเจ้าทั้งหลาย ไฉนพวกเจ้าจึงไม่พิจารณาในความมหัศจรรย์ที่มีอยู่จากระบบต่าง ๆ ทั้งทางกายภาพและจิตภาพ
๒๒. และในชั้นฟ้า มีปัจจัยยังชีพของพวกเจ้าจากการอาศัยน้ำฝนเป็นสื่อนำ และมีสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้ว่าจะได้รับ เป็นต้นว่า ผลบุญของการทำดี ผลบาปของการทำชั่ว ซึ่งมีบันทึกอยู่ในชั้นฟ้า
๒๓. แท้จริงขอสาบานต่อพระเจ้าแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงสิ่งที่ถูกสัญญาไว้ในอัลกุรอานนั้น เป็นสัจธรรมจากองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยไม่ต้องสงสัย เหมือนเช่นสิ่งที่พวกเจ้าพูดคุย กับปากของพวกเจ้านั้นเอง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 20 - 23


คำอ่าน
20. วะฟิลอัรฺฎิ อายาตุลลิลมูกินีน
21. วะฟี..อัน..ฟิสิกุม อะฟะลาตุบศิรูน
22. วะฟิสสะมา...อิริซกุกุม วะมาตูอะดูน
23. ฟะวะร็อบบิสสะมา...อิวัลอัรฺฎิ อิน..นะฮู ละหักกุม..มิษละ มา..อัน..ตุม ตัน..ฏิกูน


คำแปล R1.
20. And on the earth are signs for those who have faith with certainty,
21. And also in your own selves. Will you not then see?
22. And in the heaven is your provision, and that which you are promised.
23. Then, by the Lord of the heaven and the earth, it is the truth (i.e. what has been promised to you), just as it is the truth that you can speak.


คำแปล R2.
20.   และในแผ่นดิน มีสัญลักษณ์ต่าง ๆ สำหรับบรรดาผู้เชื่อมั่นทั้งปวง
21.   และในตัวของพวกเจ้านั้น ไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่พินิจพิจารณา?
22.   และในฟากฟ้ามีปัจจัยยังชีพของพวกเจ้า และสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้ (อย่างพร้อมมูล)
23.   แท้จริงขอสาบานกับเจ้าของฟากฟ้าและแผ่นดินว่า แท้จริงสิ่งที่กล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง (หาใช่เรื่องล้อเล่น) เหมือนที่พวกเจ้าพูดกัน


คำแปล R3.
20.   และในแผ่นดินนั้นมีสัญญาณต่าง ๆ มากมายสำหรับผู้เชื่อมั่นในความศรัทธา
21.   และในตัวของสูเจ้าเองก็เช่นกันแล้วสูเจ้ายังไม่เห็นอีกหรือ?
22.   และในชั้นฟ้านั้นก็มีปัจจัยสำหรับสูเจ้าและสิ่งที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้
23.   ดังนั้น ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดินว่านี่คือความจริงดังที่สูเจ้ากำลังพูดกันอยู่ในขณะนี้


คำแปล R4.
20. และในแผ่นดินนี้มีสัญญาณต่าง ๆ สำหรับผู้ศรัทธาเชื่อมั่น
21. และในตัวของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าไม่เห็นดอกหรือ?
22. และในฟากฟ้ามีปัจจัยยังชีพของพวกเจ้า และสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้
23. ดังนั้น จึงขอสาบานต่อพระเจ้าแห่งชั้นฟ้า และแผ่นดินนี้ว่า แท้จริง (สิ่งที่ถูกสัญญาไว้นั้น) เป็นความจริงอย่างแน่นอน เสมือนกับที่พวกเจ้าสนทนากัน


คำแปล R5.
๒๐. และในแผ่นดินย่อมมีบรรดาสัญลักษณ์เพื่อการพินิจพิเคราะห์สำหรับบรรดาผู้เชื่อมันในอานุภาพแห่งอัลเลาะห์ผู้ทรงสร้างสรรค์พสิ่งทั้งหลาย
๒๑. และในตัวของพวกเจ้าทั้งหลาย ไฉนพวกเจ้าจึงไม่พิจารณาในความมหัศจรรย์ที่มีอยู่จากระบบต่าง ๆ ทั้งทางกายภาพและจิตภาพ
๒๒. และในชั้นฟ้า มีปัจจัยยังชีพของพวกเจ้าจากการอาศัยน้ำฝนเป็นสื่อนำ และมีสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้ว่าจะได้รับ เป็นต้นว่า ผลบุญของการทำดี ผลบาปของการทำชั่ว ซึ่งมีบันทึกอยู่ในชั้นฟ้า
๒๓. แท้จริงขอสาบานต่อพระเจ้าแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงสิ่งที่ถูกสัญญาไว้ในอัลกุรอานนั้น เป็นสัจธรรมจากองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยไม่ต้องสงสัย เหมือนเช่นสิ่งที่พวกเจ้าพูดคุย กับปากของพวกเจ้านั้นเอง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 24 - 30



คำอ่าน
24. ฮัลอะตากะหะดีษุ ฎ็อยฟิ อิบรอฮีมัลมุกเราะมีน
25. อิซดะเคาะลูอะลัยฮิ ฟะกอลูสะลามา กอละสะลามุน..ก็อวมุม..มุน..กะรูน
26. วะรอเฆาะ อิลาอะฮฺลิฮี ฟะญา...อะ บิอิจญลิน..สะมีน
27. ฟะก็อรฺเราะบะฮู..อิลัยฮิม กอละอะลา ตะอ์กุลูน
28. ฟะเอาญะสะมินฮุม คีฟะฮฺ กอลูลาตะค็อฟ วะบัชชะรูฮุ บิฆุลามิน อะลีม
29. ฟะอักบะละติทเราะอะตุฮู ฟีศ็อรฺเราะติน..ฟะศ็อกกัดวัจญฮะฮา วะกอลัตอะญูซุน อะกีม
30. กอลูกะซาลิกิ กอละร็อบบุกิ อิน..นะฮู อูวัลหะกีมมุลอะลีม


คำแปล R1.
24. Has the story reached you, of the honoured guests [three angels; Jibrael (Gabriel) along with another two] of Ibrahim (Abraham)?
25. When they came in to him, and said, "Salam, (peace be upon you)!" He answered; "Salam, (peace be upon you )," and said: "You are a people unknown to me,"
26. Then He turned to his household, so brought out a roasted calf [as the property of Ibrahim (Abraham) was mainly cows].
27. And placed it before them, (saying): "Will you not eat?"
28. Then he conceived a fear of them (when they ate not). They said: "Fear not." and they gave him glad tidings of an intelligent son, having knowledge (about Allah and his Religion of true Monotheism).
29. Then his wife came forward with a loud voice, she smote her face, and said: "A barren old woman!"
30. They said: "Even so says your Lord. Verily, he is the All-Wise, the All-Knower."


คำแปล R2.
24.   เรื่องราวเกี่ยวกับ (มลาอิกะฮฺผู้เป็น)แขกของอิบรอฮีมซึ่งพวกเขาได้รับการยกย่องนั้น ได้รู้มาถึงเจ้าแล้วหรือ?
25.   เมื่อพวกเขา (แขก) เหล่านั้นได้เข้ามาหาเขา แล้วกล่าวคำประสาทพรแก่เขา เขาก็กล่าวประสาทพรตอบ (พร้อมกับรำพึงกับตนเองว่า“คนกลุ่มนี้) เป็นกลุ่มแปลกหน้า ไม่มีใครรู้จัก”
26.   จากนั้นอิบรอฮีมได้เข้าไปหาครอบครัวของเขา แล้วเขาก็นำลูกวัวอ้วนพี (ที่ย่างสุกแล้วออก) มา
27.   แล้วเขาก็นำมันเข้าไปใกล้พวกนั้น พร้อมกับกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายเชิญรับประทานเถิด”
28.   (แน่นอนพวกเขาไม่รับประทาน เพราะเป็นมลาอิกะฮฺ) อิบรอฮีมจึงรู้สึกหวั่นกลัวพวกเขา พวกเขาจึงกล่าวว่า “ท่านอย่ากลัวไปเลย!” และพวกเขาได้แจ้งข่าวดีแก่อิบรอฮีมว่า จะได้ลูกชายคนหนึ่งที่มีความรู้
29.   ทันใดนั้นเองภรรยาของเขาก็ถลันออกมาพลางหวีดร้องแล้วนางก็ลูบหน้าของนาง (ด้วยความฉงน) และกล่าวว่า “(ฉัน) เป็นคนชราอีกทั้งเป็นหมัน (แล้วจะมีลูกได้อย่างไร)”
30.   พวกเขากล่าวว่า “เช่นนั้น! องค์อภิบาลของเธอได้ดำรัสไว้ แท้จริงพระองค์ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงรอบรู้ยิ่ง”


คำแปล R3.
24.   (โอ้ นบี) เรื่องราวเกี่ยวกับแขกผู้มีเกียรติของอิบรอฮีมมิได้มาถึงเจ้ากระนั้นหรือ?
25.   เมื่อพวกเขาได้มาหาเขา พวกเขาได้กล่าวว่า “ศานติ” เขากล่าวว่า “ศานติจงมีแด่ท่านเช่นกัน – พวกเขาช่างดูแปลกหน้าเสียจริง”
26.   ดังนั้น เขาจึงเดินไปยังครอบครัวของเขาอย่างเงียบ ๆ และนำเอาลูกวัวย่างออกมา
27.   และวางไว้ต่อหน้าแขกผู้มาเยือน เขากล่าวว่า “พวกท่านจะไม่กินหรือ?”
28.   แล้วเขาก็รู้สึกกลัวคนเหล่านั้น พวกเขาจึงกล่าวว่า “จงอย่ากลัวเลย” และพวกเขาก็ได้แจ้งข่าวดีถึงการกำเนิดลูกชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีความรู้
29.   เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภรรยาเขาก็ออกมาร้องตะโกนพร้อมกับตบหน้าตัวเองและกล่าวว่า “หญิงแก่และเป็นหมันอย่างฉันนี่หรือ!”
30.   พวกเขาตอบว่า “นั่นแหละที่พระผู้อภิบาลของเธอได้กล่าวไว้ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้”


คำแปล R4.
24. เรื่องราวของแขกผู้มีเกียรติของอิบรอฮีมได้มาถึงเจ้าบ้างไหม?
25. เมื่อพวกเขาได้เข้ามาหาเขา (อิบรอฮีม) พวกเขากล่าวว่า ศานติ เขากล่าวว่า(ตอบ) ว่าศานติ (พวกท่านเป็น)หมู่ชนผู้แปลกหน้า
26. แล้วเขาก็รีบเข้าไปหาครอบครัวของเขา แล้วได้นำลูกวัวอ้วน (ซึ่งย่างเสร็จแล้ว)ออกมา
27. และได้วางมันไว้ข้างหน้าพวกเขา เขากล่าวว่า พวกท่านไม่กินหรือ?
28. (เมื่อพวกเขาไม่กินอาหาร) ดังนั้น เขารู้สึกกลัวพวกเขา พวกเขากล่าวว่า อย่ากลัวเลยและได้แจ้งข่าวดีแก่เขาเกี่ยวกับลูกคนหนึ่งที่มีความรู้
29. แล้วภริยาของเขาก็ได้ออกมาตะโกนพลางตบหน้าของนาง แล้วกล่าวว่า “หญิงแก่เป็นหมัน”
30. พวกเขากล่าวว่า เช่นนั้นแหละพระเจ้าของเธอได้ตรัสไว้เช่นนั้น แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้เสมอ


คำแปล R5.
๒๔. เรื่องราวของแขกผู้ถูกยกย่องของอิบรอฮีมมิได้มาถึงพวกเจ้าดอกหรือ ซึ่งแขกซึ่งมาเยือนนบีอิบรอฮีมในครั้งกระนั้น คือ มลาอิกะห์จำนวน ๑๒ ท่านโดยมียิบรออีลร่วมมาด้วย
๒๕. เมื่อพวกแขกเหล่านั้นได้เข้ามาหาเขา พวกเขาก็กล่าวคำสันติภาพแก่นบีอิบรอฮีม และนบีอิบรอฮีมเขาก็กล่าวสันติภาพตอบพวกนั้น และได้กล่าวเนื่องคำพูดต่อไปว่า พวกท่านเป็นกลุ่มชนที่ไม่มีใครรู้จัก
๒๖. จากนั้นเขาก็แอบเข้าไปยังครอบครัวของเขา ต่อมาเขาก็นำลูกวัวที่มันเยิ้มเพราะถูกปิ้งอย่างดีออกมา
๒๗. แล้วเขาก็นำมาวางใกล้พวกนั้นพร้อมกล่าวว่า พวกท่านไม่รับประทานหรือ แต่พวกนั้นไม่ตอบคำถาม ทุกคนวางเฉย และไม่ยอมรับประทาน
๒๘. เขาจึงรู้สึกกลัวพวกนั้น เพราะพวกนั้นไม่ยอมรับทานอาหารที่เขายกมาเลี้ยง พวกนั้นกล่าวว่า ท่านอย่ากลัวไปเลย พวกเราทั้งหมดเป็นทูตของอัลเลาะห์ ถูกส่งตัวไปยังประชากรลูฏ เพื่อทำลายล้างพวกนั้น เป็นการลงโทษที่พวกเขากระทำความผิดฉกรรจ์ทางเพศและอื่น ๆ และพวกนั้นได้แจ้งข่าวดีแก่เขาด้วยเด็กชายคนหนึ่งที่มีความรอบรู้ จะมาเกิดเป็นบุตรของเขา นั่นคือ นบีอิสหาก
๒๙. ต่อมาภริยาของเขาชื่อซาเราะห์ได้ยินมลาอิกะห์กล่าวว่าตนเองจะมีลูก ก็ดีใจสุดขีดจึงออกมาในอาการหวีดร้องอย่างตื่นเต้น แล้วนางก็ตบใบหน้าของตัวเองอย่างลืมตัว และนางกล่าวว่า ฉันจะมีลูกได้อย่างไร เมื่อฉันเป็นคนชราอีกทั้งเป็นหมัน
๓๐. พวกมลาอิกะห์เหล่านั้นกล่าวว่า เช่นนั้นแหละ แม้จะเป็นหมันเจ้าก็จะมีลูกอย่างแน่นอน ที่องค์อภิบาลของเธอได้ตรัสไว้ แท้จริงพระองค์ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงรอบรู้ยิ่ง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 02, 2011, 05:37 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 31 - 37



คำอ่าน
31. กอละฟะมาค็อฏบุกุม อัยยุฮัลมุรฺสะลูน
32. กอลู..อิน..นา..อุรฺสิลนา..อิลาก็อวมิม..มุจญริมีน
33. ลินุรฺสิละอะลัยฮิม หิญาเราะตัม..มินฏีน
34. มุเสาวะมะตัน อิน..ดะร็อบบิกัลมุสริฟีน
35. ฟะอัคร็อจญนา มัน..กานะฟีฮา มินัลมุอ์มินีน
36. ฟะมาวะญัดนาฟีฮา ฆ็อยเราะบัยติม..มินัลมุสลิมีน
37. วะตะร็อกนาฟีฮา..อายะตัลลิลละซีนะ ยะคอฟูนัลอะซาบัลอะลีม


คำแปล R1.
31. [Ibrahim (Abraham)] said: "Then for what purpose you have come, O Messengers?"
32. They said: "We have been sent to a people who are Mujrimun (polytheists, sinners, criminals, disbelievers in Allah);
33. To send down upon them stones of baked clay.
34. Marked by your Lord for the Musrifun (polytheists, criminals, sinners those who trespass Allah's set limits in evil-doings by committing great sins).
35. So we brought out from therein the believers.
36. But we found not there any household of the Muslims except one [i.e. Lout (Lot) and his two daughters].
37. And we have left there a sign (i.e. the place of the dead sea, well-known in Palestine) for those who fear the painful torment.


คำแปล R2.
31.   นบีอิบรอฮีมถาม (มลาอิกะฮฺเหล่านั้น) ว่า “แล้วภารกิจของพวกท่านยังมีอะไรอยู่อีก (นอกจากมาแจ้งแก่ฉันว่าจะได้ลูก) โอ้ผู้เป็นทูต (จากอัลเลาะฮฺ)?”
32.   พวกเขาตอบว่า “แท้จริงพวกเราถูกสั่งตัวมายังคนบาปกลุ่มหนึ่ง (เพื่อทำลายล้างลงโทษพวกเขา เพราะไม่ยอมศรัทธาในนบีลู๊ฏ)
33.   “เพื่อเราจะได้จัดการลงโทษพวกเขาด้วยหินจากดิน(เผา)”
34.   “หินเหล่านั้นถูกทำเครื่องหมายไว้ ณ องค์อภิบาลของเจ้าเพื่อ (ลงโทษ) จำพวกที่ละเมิดทั้งมวล”
35.   ครั้นแล้วเราได้คัดบรรดาศรัทธาชนที่อยู่ในเมืองนี้ให้ออกไป (ให้พ้นจากการลงโทษของมลาอิกะฮฺกลุ่มนั้น)
36.   แล้วเราก็ไม่ได้พบในเมืองนั้น นอกจากเพียงบ้านเดียวเท่านั้น ที่มีศรัทธาชนอาศัยอยู่
37.   และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ในเมืองดังกล่าวซึ่งสัญลักษณ์สำหรับบรรดาผู้ที่เกรงกลัวการลงโทษอันทรมาน (สัญลักษณ์ดังกล่าวคือซากปรักหักพังของบ้านเรือนที่ถูกถล่ม)


คำแปล R3.
31.   อิบรอฮีมได้กล่าวว่า “ท่านผู้นำสาส์นของพระเจ้าทั้งหลาย พวกท่านมีจุดมุ่งหมายอะไร”
32.   พวกเขากล่าวว่า “แท้จริงเราได้ถูกส่งมายังหมู่ชนผู้ทำความผิด”
33.   เพื่อที่โปรยก้อนหินที่ทำจากดินเหนียวลงมายังพวกเขา
34.   ซึ่งพระผู้อภิบาลของท่านได้ตราเป็นเครื่องหมายไว้แล้วสำหรับบรรดาผู้ละเมิด
35.   ดังนั้น เราจึงได้นำบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่ในนั้นออกมา
36.   และเราไม่พบว่าในนั้นมีบ้านใดที่เป็นมุสลิมนอกไปจากบ้านเดียว
37.   หลังจากนั้น เราก็ได้ทิ้งสัญญาณหนึ่งไว้ที่นั่นสำหรับบรรดาผู้เกรงกลัวการลงโทษอันเจ็บปวด


คำแปล R4.
31. เขากล่าวว่า ดังนั้นความมุ่งหมายของพวกท่านคืออะไรเล่า โอ้บรรดาทูตเอ๋ย?
32. พวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราถูกส่งมายังหมู่ชน ผู้กระทำผิด
33. เพื่อเราจะได้โยนก้อนหินทำด้วยดินเหนียวแข็งลงบนพวกเขา
34. ถูกตราเป็นเครื่องหมายไว้แล้ว ณ ที่พระเจ้าของเจ้าสำหรับพวกที่ละเมิดขอบเขต
35. ดังนั้น เราได้นำผู้ที่อยู่ในเมืองนั้นจากหมู่ ผู้ศรัทธาออกมาให้พ้น
36. และเราไม่พบผู้ใดในเมืองนั้น นอกจากบ้านหลังหนึ่งของปวงผู้นอบน้อม
37. และเราได้เหลือสัญญาณหนึ่งไว้ สำหรับบรรดาผู้ที่กลัวต่อการลงโทษอันเจ็บปวด


คำแปล R5.
๓๑. นบีอิบรอฮีมกล่าวว่า อะไรหรือคืองานของพวกท่าน โอ้คณะทูตทั้งหลาย
๓๒. พวกเหล่านั้นกล่าวตอบว่า แท้จริงเราได้ถูกส่งตัวไปยังกลุ่มชนที่ทำบาป อันเป็นพวกเนรคุณที่กล่าวหานบีลูฏว่าเป็นผู้พูดเท็จ
๓๓. เพื่อเราจะได้ส่งก้อนหินที่ทำมาจากดินให้ลงมาเหนือพวกเขาเป็นการลงโทษพวกเขาที่ได้กระทำความผิดมาเป็นเวลาอันช้านาน
๓๔. เป็นหินที่ถูกทำเครื่องหมายโดยเขียนชื่อของทุก ๆ คนที่จะถูกลงโทษจากก้อนหินนั้นในหินแต่ละก้อน จากพระผู้ทรงอภิบาลของเจ้า แก่บรรดาจำพวกที่เนรคุณทั้งมวล
๓๕. แล้วเราได้คัดออกแก่ผู้ที่มีอยู่ในเมืองนั้นจากบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย เพื่อต้องการทำลายล้างแต่เฉพาะพวกเนรคุณเท่านั้น
๓๖. จนเราไม่พบในเมืองนั้นนอกจากบ้านหลังเดียวจากบรรดามวลมุสลิมีน บ้านหลังนั้นคือบ้านของนบีลูฏ โดยมีบุตรหญิงของเขาสองคนอยู่ด้วย ซึ่งทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา และประพฤติความดีงาม นักปราชญ์กล่าวว่า ผู้ปลอดภัยจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมีจำนวนทั้งสิ้นสิบสามคน บางคนบอกว่ามีหกแสนคน จากนั้นยิบรีลได้สอดปีกเข้าไปใต้พื้นดินของเมืองนั้นแล้วจัดการพลิกกลับ ได้ยินเสียงสะท้านไปทั่วทั้งโลกา จากนั้นก็ถล่มบ้านเมืองนั้นจนพังพินาศสิ้น
๓๗. และเราได้ทิ้งไว้ในเมืองนั้นซึ่งสัญลักษณ์หนึ่งสำหรับบรรดาผู้เกรงกลัวการลงโทษอันทรมาน จะได้ไตร่ตรองและคนรุ่นหลังจะได้หลาบจำ ไม่กระทำความชั่วร้ายอีกต่อไป




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 38 - 40



คำอ่าน
38. วะฟีมูสา..อิซอัรฺสัลนาฮุอิลา ฟิรฺเอานะ บิสุลฏอนิม..มุบีน
39. ฟะตะวัลลาบิรุกนิฮี วะกอละสาหิรุน เอามัจญนูน
40. ฟะอะค็อซนาฮุ วะญุนูดะฮู  ฟะนะบัซนาฮุม ฟิลยัม..มิ วะฮุวะมุลีม


คำแปล R1.
38. And in Musa (Moses) (too, there is a sign). When we sent him to Fir'aun (Pharaoh) with a manifest authority.
39. But [Fir'aun (Pharaoh)] turned away (from belief in might) along with his hosts, and said: "A sorcerer, or a madman."
40. So we took him and his hosts, and dumped them into the sea, while he was to be blamed.


คำแปล R2.
38.   และใน (ประวัติของนบี) มูซา เมื่อเราได้ส่งตัวเขามายังฟิรเอาน์พร้อมกับมีอภินิหารอันชัดแจ้ง
39.   และฟิรเอาน์กลับหันหลังให้อย่างแข็งกร้าว และเขากล่าวว่า “(มูซานั้น) เป็นมายากร หรือ (มิฉะนั้นก็) เป็นคนวิกลจริต)”
40.   ดังนั้นเราจึงจัดการแก่เขา และไพร่พลของเขาโดยทิ้งเขาไว้ (ให้เสียชีวิต) ในทะเล ขณะที่ตัวเขาเองถูกประณาม


คำแปล R3.
38.   (และมีสัญญาณหนึ่งสำหรับสูเจ้า) ในเรื่องราวของมูซา เมื่อเราได้ส่งเขาไปยังฟิรเอาน์พร้อมกับอำนาจอันชัดเจน
39.   แต่ฟิรเอาน์ได้แสดงความยโสโอหังต่ออำนาจของเขาและได้กล่าวว่า “เขาเป็นนักเล่นกลหรือคนบ้า”
40.   ดังนั้น เราจึงได้ทำลายเขาพร้อมกับไพร่พลของเขาและเราไดโยนพวกเขาลงไปในทะเล และเขาก็ได้กลายเป็นผู้ที่ถูกประณาม


คำแปล R4.
38. และในเรื่องของมูซา เมื่อเราส่งเขาไปยังฟิร เอานฺ พร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง
39. แต่ฟิรเอานฺได้ผินหลังออกไปพร้อมกับบริวารของเขา แล้วกล่าว (ถึงการทำหน้าที่ของมูซา) ว่า นักเล่นกลหรือคนบ้า
40. ดังนั้น เราได้เอาเขามา และไพร่พลของเขา แล้วเราได้โยนพวกเขาลงไปในทะเลและตัวเขาก็ถูกประณาม


คำแปล R5.
๓๘. และในประวัติที่เกี่ยวกับนบีมูซา ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งเมื่อครั้งที่เราได้ส่งเขาเป็นศาสนทูตมายังฟิรเอาน์ พร้อมด้วยหลักฐานปาฏิหาริย์อันแจ้งชัด
๓๙. แต่แล้วเขาได้หันเหจากความเชื่อถือและศรัทธาในคำประกาศของนบีมูซา เพราะความมีอำนาจของเขา และเขากล่าวว่าบุคคผู้นี้เป็นนักเล่นกลหรือเป็นคนวิกลจริต หาใช่ศาสนทูตจากพระเจ้าไม่
๔๐. ต่อมาเราได้จัดการกับเขาและกองทัพของเขา แล้วทิ้งเขาลงไปในท้องทะเลโดยที่เขาประพฤติสิ่งพึงรังเกียจ คือกล่าวหานบีมูซาว่าพูดเท็จ และอ้างตัวเองเป็นพระเจ้า




สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 41 - 46


คำอ่าน
41. วะฟีอาดิน อิซอัรฺสัลนา อะลัยฮิมุรฺรีหัลอะกีม
42. มะตะซะรุมิน..ชัยอิน อะตัดอะลัยฮิ อิลลาญะอะลัตฮุ กัรฺเราะมีม
43. วะฟีสะมูดะอิซกีละละฮุม ตะมัตตะอูหัตตาหีน
44. ฟะอะเตา อันอัมริร็อบบิฮิม ฟะอะเคาะซัต ฮุมุศศิอิเกาะตุ วะฮุม ยัน..ซุรูน
45. ฟะมัสตะฏออู มิน..กิยามิว..วะมากานูมุน..ตะศิรีน
46. วะก็อวมะนูหิม..มิน..ก็อบลุ อิน..นะฮุมกานูก็อวมัน..ฟาสิกีน

 
คำแปล R1.
41. And in 'Ad (there is also a sign) when we sent against them the barren wind;
42. It spared nothing that it reached, but blew it into broken spreads of rotten ruins.
43. And in Thamud (there is also a sign), when they were told: "Enjoy yourselves for a while!"
44. But they insolently defied the command of their Lord, so the Sa'iqah overtook them while they were looking.
45. Then they were unable to rise up, nor could they help themselves.
46. (So were) the people of Nuh (Noah) before them. Verily, they were a people who were Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).


คำแปล R2.
41.   และใน (ประวัติของพวก) อ๊าด เมื่อเราได้ส่งลมหมุนทำลายล้างพวกเขา
42.   ซึ่งลมนั้นจะไม่ทอดทิ้งสิ่งใด ๆ ที่มันพัดมาถึงไว้ นอกจากทำให้สิ่งนั้น (ละลาย) ประดุจดังผุยผง
43.   และใน (ประวัติของพวก) สะมู๊ด เมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านจงเสพสุขไปเถิด ตราบถึงระยะเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่จีรังยั่งยืน)”
44.   แล้วพวกเขาก็หยิ่งผยองต่อคำบัญชาแห่งองค์อภิบาลของพวกเขา ดังนั้นจึงมีอสุนีบาต ได้ฟาดพวกเขาโดยที่พวกเขาเฝ้ามองอยู่
45.   แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะยืนขึ้นได้ และพวกเขามิได้รับการช่วยเหลือ (จากผู้ใดเลย)
46.   และกลุ่มชนของนูห์ เมื่อก่อนหน้า (ก็เช่นเดียวกัน เราได้ทำลายล้างพวกเขา เพราะว่า) แท้จริงพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ทรยศ


คำแปล R3.
41.   และ (สำหรับเจ้ามีสัญญาณหนึ่ง) ในหมู่ชาวอ๊าดเมื่อเราได้ส่งลมพายุมาทำลายล้างพวกเขา
42.   ซึ่งทำให้ทุกสิ่งที่ถูกมันพัดต้องได้รับความพินาศย่อยยับ
43.   และ (สำหรับสูเจ้ามีสัญญาณหนึ่ง) ในหมู่ชนษะมูดเมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงสนุกสนานกันไปชั่วครู่หนึ่งเถอะ”
44.   แต่ถึงจะเตือนแล้วก็ตามพวกเขาก็ยังดื้อดึงต่อคำบัญชาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงได้ถูกทำลายโดยเสียงกัมปนาทเพียงครั้งเดียว ในขณะที่พวกเขาจ้องมองอยู่
45.   หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถยืนหรือช่วยเหลือตัวเองได้
46.   และก่อนหน้าพวกเขา เราก็ได้ทำลายหมู่ชนของนูฮฺมาแล้วเพราะพวกเขาเป็นผู้ทำบาป


คำแปล R4.
41. และในเรื่องของอ๊าด เมื่อเราได้ส่งลมพายุที่ทำลายล้างมายังพวกเขา
42. มันมิได้เหลืออะไรทิ้งไว้เลย เมื่อมันได้พัดกระหน่ำมา นอกจากนี้จะทำให้สิ่งนั้นพินาศย่อยยับ
43. และในเรื่องของษะมูด เมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านจงสนุกร่าเริงไปชั่วขณะหนึ่งเถิด
44. แต่พวกเขาได้ท้าทายโอหังต่อพระบัญชาของพระเจ้าของพวกเขา ดังนั้นเสียงกัมปนาทก็ได้คร่าชีวิตพวกเขาขณะที่พวกเขาจ้องมองดูอยู่
45. แล้วพวกเขาไม่สามารถจะลุกขึ้นยืนได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
46. และหมู่ชนของนูห.ก่อนหน้านี้ แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ฝ่าฝืน


คำแปล R5.
๔๑. และในประวัติที่เกี่ยวกับพวกอาด ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง เมื่อเราได้ส่งมหาวาตภัยที่มีอำนาจทำลายลงมาเหนือพวกเขา
๔๒. มันไม่ทิ้งไว้จากสิ่งใดเลยที่มันพัดผ่านมายังสิ่งนั้นเลย นอกจากมันทำให้สิ่งนั้นพินาศสิ้นเชิงเปรียบดังสิ่งผุกร่อน
๔๓. และในประวัติที่เกี่ยวกับพวกสะมูด ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งสำหรับพิจารณาเมื่อมีผู้มาประกาศแก่พวกเขาภายหลังจากพวกเขาได้ฆ่าอูฐของนบีซอลิห์แล้วว่า พวกเจ้าจงมีความสุขไปเถิดตราบถึงชั่วระยะหนึ่ง
๔๔. แต่แล้วพวกเขาก็ทระนงตนต่อคำบัญชาแห่งองค์อภิบาลของพวกเขา ดังนั้นฟ้าผ่าจึงได้ฟาดลงมาทำลายล้างพวกเขาภายหลังจากสามวันและพวกเขาเฝ้ามองดูในตอนกลางวัน
๔๕. แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะยืนขึ้นได้ขณะเมื่อเกิดวินาศภัยดังกล่าวนั้น และพวกเขามิได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัยจากการทำลายล้างนั้นได้เลย
๔๖. และการทำลายล้างกลุ่มชนของนูห์เมื่อยุคก่อนก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งเหมือนกัน แท้จริงพวกเหล่านั้นล้วนเป็นกลุ่มชนที่ประพฤติชั่ว เพราะการเนรคุณซึ่งถูกทำลายล้างด้วยมหาอุทกภัยล้างโลก




ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 41 - 46


คำอ่าน
41. วะฟีอาดิน อิซอัรฺสัลนา อะลัยฮิมุรฺรีหัลอะกีม
42. มะตะซะรุมิน..ชัยอิน อะตัดอะลัยฮิ อิลลาญะอะลัตฮุ กัรฺเราะมีม
43. วะฟีสะมูดะอิซกีละละฮุม ตะมัตตะอูหัตตาหีน
44. ฟะอะเตา อันอัมริร็อบบิฮิม ฟะอะเคาะซัต ฮุมุศศิอิเกาะตุ วะฮุม ยัน..ซุรูน
45. ฟะมัสตะฏออู มิน..กิยามิว..วะมากานูมุน..ตะศิรีน
46. วะก็อวมะนูหิม..มิน..ก็อบลุ อิน..นะฮุมกานูก็อวมัน..ฟาสิกีน

 
คำแปล R1.
41. And in 'Ad (there is also a sign) when we sent against them the barren wind;
42. It spared nothing that it reached, but blew it into broken spreads of rotten ruins.
43. And in Thamud (there is also a sign), when they were told: "Enjoy yourselves for a while!"
44. But they insolently defied the command of their Lord, so the Sa'iqah overtook them while they were looking.
45. Then they were unable to rise up, nor could they help themselves.
46. (So were) the people of Nuh (Noah) before them. Verily, they were a people who were Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).


คำแปล R2.
41.   และใน (ประวัติของพวก) อ๊าด เมื่อเราได้ส่งลมหมุนทำลายล้างพวกเขา
42.   ซึ่งลมนั้นจะไม่ทอดทิ้งสิ่งใด ๆ ที่มันพัดมาถึงไว้ นอกจากทำให้สิ่งนั้น (ละลาย) ประดุจดังผุยผง
43.   และใน (ประวัติของพวก) สะมู๊ด เมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านจงเสพสุขไปเถิด ตราบถึงระยะเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่จีรังยั่งยืน)”
44.   แล้วพวกเขาก็หยิ่งผยองต่อคำบัญชาแห่งองค์อภิบาลของพวกเขา ดังนั้นจึงมีอสุนีบาต ได้ฟาดพวกเขาโดยที่พวกเขาเฝ้ามองอยู่
45.   แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะยืนขึ้นได้ และพวกเขามิได้รับการช่วยเหลือ (จากผู้ใดเลย)
46.   และกลุ่มชนของนูห์ เมื่อก่อนหน้า (ก็เช่นเดียวกัน เราได้ทำลายล้างพวกเขา เพราะว่า) แท้จริงพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ทรยศ


คำแปล R3.
41.   และ (สำหรับเจ้ามีสัญญาณหนึ่ง) ในหมู่ชาวอ๊าดเมื่อเราได้ส่งลมพายุมาทำลายล้างพวกเขา
42.   ซึ่งทำให้ทุกสิ่งที่ถูกมันพัดต้องได้รับความพินาศย่อยยับ
43.   และ (สำหรับสูเจ้ามีสัญญาณหนึ่ง) ในหมู่ชนษะมูดเมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงสนุกสนานกันไปชั่วครู่หนึ่งเถอะ”
44.   แต่ถึงจะเตือนแล้วก็ตามพวกเขาก็ยังดื้อดึงต่อคำบัญชาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงได้ถูกทำลายโดยเสียงกัมปนาทเพียงครั้งเดียว ในขณะที่พวกเขาจ้องมองอยู่
45.   หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถยืนหรือช่วยเหลือตัวเองได้
46.   และก่อนหน้าพวกเขา เราก็ได้ทำลายหมู่ชนของนูฮฺมาแล้วเพราะพวกเขาเป็นผู้ทำบาป


คำแปล R4.
41. และในเรื่องของอ๊าด เมื่อเราได้ส่งลมพายุที่ทำลายล้างมายังพวกเขา
42. มันมิได้เหลืออะไรทิ้งไว้เลย เมื่อมันได้พัดกระหน่ำมา นอกจากนี้จะทำให้สิ่งนั้นพินาศย่อยยับ
43. และในเรื่องของษะมูด เมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านจงสนุกร่าเริงไปชั่วขณะหนึ่งเถิด
44. แต่พวกเขาได้ท้าทายโอหังต่อพระบัญชาของพระเจ้าของพวกเขา ดังนั้นเสียงกัมปนาทก็ได้คร่าชีวิตพวกเขาขณะที่พวกเขาจ้องมองดูอยู่
45. แล้วพวกเขาไม่สามารถจะลุกขึ้นยืนได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
46. และหมู่ชนของนูห.ก่อนหน้านี้ แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ฝ่าฝืน


คำแปล R5.
๔๑. และในประวัติที่เกี่ยวกับพวกอาด ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง เมื่อเราได้ส่งมหาวาตภัยที่มีอำนาจทำลายลงมาเหนือพวกเขา
๔๒. มันไม่ทิ้งไว้จากสิ่งใด ๆ เลยที่มันพัดผ่านมายังสิ่งนั้นเลย นอกจากมันทำให้สิ่งนั้นพินาศสิ้นเชิงเปรียบดังสิ่งผุกร่อน
๔๓. และในประวัติที่เกี่ยวกับพวกสะมูด ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งสำหรับพิจารณาเมื่อมีผู้มาประกาศแก่พวกเขาภายหลังจากพวกเขาได้ฆ่าอูฐของนบีซอลิห์แล้วว่า พวกเจ้าจงมีความสุขไปเถิดตราบถึงชั่วระยะหนึ่ง
๔๔. แต่แล้วพวกเขาก็ทระนงตนต่อคำบัญชาแห่งองค์อภิบาลของพวกเขา ดังนั้นฟ้าผ่าจึงได้ฟาดลงมาทำลายล้างพวกเขาภายหลังจากสามวันและพวกเขาเฝ้ามองดูในตอนกลางวัน
๔๕. แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะยืนขึ้นได้ขณะเมื่อเกิดวินาศภัยดังกล่าวนั้น และพวกเขามิได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัยจากการทำลายล้างนั้นได้เลย
๔๖. และการทำลายล้างกลุ่มชนของนูห์เมื่อยุคก่อนก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งเหมือนกัน แท้จริงพวกเหล่านั้นล้วนเป็นกลุ่มชนที่ประพฤติชั่ว เพราะการเนรคุณซึ่งถูกทำลายล้างด้วยมหาอุทกภัยล้างโลก



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 47 - 52


คำอ่าน
47. วัสสะมา...อะบะนัยนาฮา บิอัยดิว..วะอิน..นา ละมูสิอูน
48. วัลอัรฺเฎาะฟะร็อชนาฮา ฟะนิอฺมัลมาฮิดูน
49. วะมิน..กุลลิชัยอิน เคาะลักนา เซาญัยนิ อะลัละกุมตะซักกะรูน
50. ฟะฟิรฺรู..อิลัลลอฮฺ อิน..นะละกุม..มินฮุ นะซีรุม..มุบีน
51. วะลาตัจญอะลูมะอัลลอฮิ อิลาอันอาค็อรฺ อิน..นีละกุม..มินฮุนะซีรุม..มุบีน
52. กะซาลิกะมาอะตัลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม..มิรฺเราะสูลิน อิลลากอลู สาหิรุน เอามัจญนูน


คำแปล R1.
47. With power did we construct the heaven. Verily, we are able to extend the vastness of space thereof.
48. And we have spread out the earth, how excellent spreader (thereof) are We!
49. And of everything we have created pairs, that you may remember (the Grace of Allah).
50. So flee to Allah (from his torment to his Mercy Islamic Monotheism), Verily, I (Muhammad) am a plain warner to you from Him.
51. And set not up (or worship) any other ilahan (God) along with Allah [Glorified be He (alone), exalted above all that they associate as partners with Him]. Verily, I (Muhammad) am a plain warner to you from Him.
52. Likewise, no Messenger came to those before them, but they said: "A sorcerer or a madman!"


คำแปล R2.
47.   และเราได้ประดิษฐ์ฟากฟ้าไว้ด้วยอำนาจของเรา และแท้จริงเราเป็นพระเจ้าที่ทรงไพศาลยิ่งนัก (ทั้งอำนาจและคุณลักษณะอื่น ๆ)
48.   และเราได้ปูแผ่นดินไว้ (ให้มีส่วนที่เป็นพื้นราบเพื่อใช้เป็นประโยชน์จากมัน) แท้จริงเราเป็นผู้ที่ปูได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด
49.   และทุกสิ่งทุกอย่างเราได้บันดาลขึ้นมาให้เป็นคู่ ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้สำนึก (ในอำนาจแลเอกานุภาพของเรา)
50.   (จงประกาศแก่พวกเขาว่า) “ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงหนี (จากสิ่งอื่น ๆ กลับเข้า) หาอัลเลาะฮฺเถิด (ด้วยการสารภาพผิดและทำการภักดีต่อพระองค์) แท้จริงฉันเป็น (ศาสดา) ผู้ตักเตือนอันแจ้งชัด จากพระองค์เพื่อพวกท่านทั้งมวล
51.   และเจ้าทั้งหลายอย่าอุปโลกน์พระเจ้าอื่น ๆ ขึ้นมาเทียบเทียมกับอัลเลาะฮฺ แท้จริงฉันเป็นผู้ตักเตือนอันชัดแจ้ง (ซึ่งถูกส่งมา) จากพระองค์เพื่อพวกเจ้า
52.   เช่นนั้น! บรรดาประชาชาติในสมัยก่อนพวกเขา ไม่ว่าจะมีศาสดาคนใดก็ตาม มา (ประกาศสัจธรรม) ยังพวกเขา นอกจากพวกเขาต้องพูดว่า “(เขา) เป็นมายากรหรือเป็นคนวิกลจริต!”


คำแปล R3.
47.   เราได้สร้างชั้นฟ้าด้วยอำนาจของเราเอง และเรามีอำนาจสำหรับมัน
48.   เราได้แผ่ขยายผืนแผ่นดินออกไปและ (ดูซิว่า) เราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยมเช่นไร!
49.   และเราได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาเป็นคู่ ๆ เพื่อที่สูเจ้าจะได้คิด
50.   ดังนั้นจงรีบเร่งไปหาอัลลอฮฺเถิด ฉันเป็นผู้ตักเตือนที่เปิดเผยจากพระองค์ยังพวกท่าน
51.   และจงอย่าตั้งพระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีกับอัลลอฮฺ ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปิดเผยจากพระองค์ยังพวกท่าน
52.   เป็นเช่นนั้นเสมอ เมื่อใดก็ตามที่รอซูลคนหนึ่งได้มายังผู้คนก่อนหน้าพวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า “เขาเป็นนักมายากลหรือคนบ้า”


คำแปล R4.
47. และชั้นฟ้า เราได้สร้างมันด้วยพระหัตถ์ของเรา และแท้จริงเราได้แผ่ให้กว้างไพศาล
48. และแผ่นดินนั้น เราได้แผ่ขยายมันออกไป ดังนั้นเราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม
49. และจากทุก ๆ สิ่งนั้น เราได้สร้าง (มัน) ขึ้นเป็นคู่ ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ
50. ดังนั้นพวกท่านจงเร่งรีบไปหาอัลลอฮ. แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปิดเผยจากพระองค์แก่พวกท่าน
51. และพวกท่านอย่าตั้งพระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีกับอัลลอฮ. แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปิดเผยจากพระองค์แก่พวกท่าน
52. เช่นนั้นแหละ ไม่มีร่อซูลคนใดมายังบรรดา (หมู่ชน) ก่อนหน้าพวกเขา เว้นแต่พวกเขากล่าวว่าเป็นนักเล่นกลหรือคนบ้า


คำแปล R5.
๔๗. และเราได้เนรมิตฟ้าขึ้นมาให้แข็งแกร่งและแท้จริงเราเป็นผู้ขยายมันออกจนกว้างขวาง
๔๘. และเราได้ปูพื้นดินไว้ ให้เป็นพื้นราบเพื่อเป็นที่อยู่และที่ทำกิน ที่จริงผู้ที่ปูได้ดีที่สุดก็คือเราเอง
๔๙. และจากทุก ๆ สิ่งนั้น เราได้บันดาลมันให้เป็นคู่ มีทั้งหญิงและชาย หรือตัวผู้ตัวเมีย เพื่อพวกเจ้าจะได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของเรา
๕๐. ดังนั้นพวกเจ้าจงผละออกจากสิ่งอื่น กลับเข้าสู่อัลเลาะห์เถิด โดยการนมัสการต่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว อย่าตั้งสิ่งใดขึ้นเป็นภาคีกับพระองค์และอย่าทำความชั่วอื่น ๆ แท้จริงฉันเป็นผู้ประกาศเตือนอันชัดเจนให้สำนึกถึงภัยนั้นแก่พวกเจ้า
๕๑. และพวกเจ้าอย่าอุปโลกน์พระเจ้าอื่น ๆ ขึ้นมาเทียมเทียบร่วมกับอัลเลาะห์ แท้จริงฉันเป็นศาสดาผู้ประกาศเตือนอันชัดเจนแก่พวกเจ้าให้รู้ถึงภัยนั้น
๕๒. เช่นนั้นแหละไม่ว่าศาสนทูตใดก็ตามที่ได้มายังประชาชาติในยุคก่อนจากพวกเขาชาวมักกะห์ นอกจากประชาชาตินั้น ๆ ต้องกล่าวว่าศาสนทูตนั้นเป็นนักวิทยากลหรือเป็นคนวิกลจริต ก็เหมือนกับพวกชาวมักกะห์ได้ว่าเจ้าในยุคนี้นั่นเอง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 53 - 55


คำอ่าน
53. อะตะวาศ็อวบิฮี บัลฮุม ก็อวมุน..ฏอฆูน
54. ฟะตะวัลละอันฮุม ฟะมา..อัน..ตะบิมะลูม
55. วะซักกิรฺ ฟะอิน..นัซซิกรอ ตันฟะอุลมุอ์มินีน


คำแปล R1.
53. Have they (the people of the past) transmitted this saying to these (Quraish pagans)? Nay, they are themselves a people transgressing beyond bounds (in disbelief)!
54. So turn away (O Muhammad) from them (Quraish pagans) you are not to be blamed (as you have conveyed Allah's Message).
55. And remind (by preaching the Qur'an, O Muhammad) for verily, the reminding profits the believers.


คำแปล R2.
53.   พวกเขาได้ร่วมกันสั่ง (เพื่อพิสูจน์คำกล่าวหานั้น) บ้างหรือ? (ความจริงพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น) ทว่า! พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มชนที่ละเมิดเท่านั้น (จึงได้กล่าวหาดังกล่าว)
54.   ดังนั้น เจ้าจงหันหลังให้พวกเขาเถิด (มูฮำมัด เอ๋ย) เพราะเจ้านั้น มิใช่ผู้กระทำผิด (เมื่อเจ้าได้เตือนพวกเขาแล้ว)
55.   และเจ้าจงตักเตือนเถิด เพราะแท้จริงการตักเตือน ย่อมอำนวยประโยชน์แก่ศรัทธาชนทั้งมวล


คำแปล R3.
53.   พวกเขาเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้กันหรือเปล่า? เปล่าเลย แต่พวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ละเมิดขอบเขตต่างหาก
54.   ดังนั้น (โอ้ นบี) จงหันห่างออกไปจากพวกเขาเถิด แล้วเจ้าจะไม่ถูกตำหนิเลย
55.   แต่จงตักเตือนต่อไปเถิด เพราะการตักเตือนนั้นเป็นประโยชน์สำหรับบรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R4.
53. พวกเขาได้สั่งเสียในเรื่องนี้แก่กันกระนั้นหรือ? เปล่าเลย! แต่ว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ละเมิดเกินขอบเขต
54. ดังนั้น เจ้าจงผินหลังออกจากพวกเขาเถิด แล้ว เจ้าจะไม่เป็นผู้ถูกตำหนิ
55. และจงตักเตือนเถิด เพราะแท้จริงการตักเตือนนั้นจะให้ประโยชน์แก่บรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๕๓. พวกเขาได้รับการสั่งในเรื่องนั้นกระนั้นหรือ ก็เปล่าทั้งสิ้น ทว่าพวกเขาเป็นกลุ่มผู้ละเมิดนั่นเอง
๕๔. ดังนั้นเจ้าจงปลีกจากพวกเขาเถิด โอ้มุฮำมัด แท้จริงเจ้าจะไม่เป็นผู้ถูกตำหนิแต่ประการใด ๆ เพราะเจ้าได้ทำหน้าที่เผยแพร่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และความน่าตำหนินั้นได้ตกอยู่กับบรรดาจำพวกที่ไม่ยอมรับในคำประกาศของเจ้า
๕๕. และเจ้าจงเตือนเถิด โอ้มุฮำมัด แก่มวลมนุษย์โดยคำสอนจากอัลกุรอาน เพราะแท้จริงการเตือนกันนั้นย่อมอำนวยประโยชน์แก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ทำให้พวกเขาได้ออกจากความโง่เขลามาสู่ความรอบรู้ และผู้ที่มีความรู้อยู่แล้วก็จะได้เพิ่มพูนความรู้ยิ่งขึ้นจากคำตักเตือนนั้น ๆ

------------------------------------------------------------------

สูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺที่ 56 - 60


คำอ่าน
56. วะมาเคาะลักตุลญิน..นะ วัลอิน..สะ อิลลาลิยะอฺบุดูน
57. มา..อุรีดูมินฮุม..มิรฺริซกิว..วะมาอุรีดุ อัย..ยุฏอิมูน
58. อิน..นัลลอฮะ ฮุวัณฺร็อซซากุ ซุลกูวะติลมะตีน
59. ฟะอิน..นะลิลละซีนะเซาะละมู ซะนูบัม..มิษละ ซะนูบิอัศหาบิฮิม ฟะลายัสตะอฺญิลูน
60. ฟะวัยลุลลิลละซีนะกะฟะรู มี..เยามิฮิมุลละซี ยูอะดูน


คำแปล R1.
56. And I (Allah) created not the jinns and humans except they should Worship Me (Alone).
57. I seek not any provision from them (i.e. provision for themselves or for My creatures) nor do I ask that they should feed Me (i.e. feed themselves or My creatures).
58. Verily, Allah is the All-Provider, Owner of power, the Most strong.
59. And verily, for those who do wrong, there is a portion of torment like to the evil portion of torment (which came for) their likes (of old), so let them not ask Me to hasten on!
60. Then, woe to those who disbelieve (in Allah and his Oneness Islamic Monotheism) from (that) their Day which they have been promised (for their punishment).


คำแปล R2.
56.   และข้ามิได้บันดาลญินและมนุษย์ขึ้นมา (เพื่อเหตุผลอื่นใด) นอกจากพวกเขาจะต้องทำการนมัสการต่อข้าเป็นที่สุด
57.   ข้ามิพึงปรารถนาโชคผลใด ๆ จากพวกเขาและข้ามิหวังที่จะให้พวกเขาต้องให้อาหารแก่ข้า (ด้วยการเซ่นสังเวยเป็นต้น)
58.   แท้จริงอัลเลาะฮฺ พระองค์ทรงประทานโชคผล (แก่สิ่งบันดาลของพระองค์) พระองค์ทรงอานุภาพ ทรงมั่นคงที่สุด
59.   อันที่จริงบรรดาจำพวกที่ฉ้อฉล ย่อมมีส่วนรับโทษประดุจเดียวกับส่วนรับของบรรดาเพื่อน ๆ ของเขา ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องเร่งรัดต่อข้า (ให้จัดการลงโทษ) หรอก (เพราะโทษนั้นได้ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้าแล้ว)
60.   แท้จริงความหายนะ ย่อมประสบแก่บรรดาจำพวกไร้ศรัทธาอย่างแน่นอน นับแต่วันที่พวกเขาได้ถูกสัญญาไว้


คำแปล R3.
56.   ฉันมิได้สร้างญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใดนอกไปจากเพื่อที่พวกเขาจะได้เคารพภักดีฉัน
57.   ฉันมิได้ต้องการปัจจัยใด ๆ จากพวกเขา และฉันก็มิได้ต้องการให้พวกเขาให้อาหารฉัน
58.   แท้จริง อัลลอฮฺเองเป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพ เป็นผู้ทรงพลังและผู้ทรงมั่นคง
59.   ดังนั้นบรรดาผู้ทำความผิดนั้นการลงโทษพวกเขาก็ย่อมจะต้องเหมือนกับการลงโทษพวกพ้องของเขาเช่นกัน ดังนั้น จงอย่าได้มาขอให้ฉันเร่งรีบเลย
60.   ดังนั้น ในที่สุดแล้วความวิบัติก็จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธในวันที่พวกเขาได้ถูกขู่ไว้


คำแปล R4.
56. และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า
57. ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขา และข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาให้อาหารแก่ข้า
58. แท้จริงอัลลอฮฺ คือผู้ประทานปัจจัยยังชีพอันมากหลาย ผู้ทรงพลัง ผู้ทรงมั่นคง
59. ดังนั้นแท้จริง สำหรับบรรดาผู้ประพฤติผิดนั้น เขาจะได้รับส่วนของการลงโทษเยี่ยงส่วนการลงโทษพวกเพื่อน ๆ ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาอย่าได้รีบเร่งให้ข้า (ลงโทษ) เลย
60. ดังนั้น ความหายนะจะประสบแด่ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในวันของพวกเขาซึ่ง ได้ถูกสัญญาไว้


คำแปล R5.
๕๖. และข้ามิได้บันดาลญินและมนุษย์เพื่อปรารถนาประโยชน์ใด ๆ จากพวกนั้นไม่ นอกจากว่าผลที่สุดพวกเขาจะได้นมัสการต่อข้า และมีความเชื่อในเอกภาพของข้า ทั้งนี้เพราะทุกคนมีความรู้สึกนึกคิด มีสติปัญญา และมีสื่อสัมผัสภายนอกครบถ้วน เมื่อได้พินิจพิเคราะห์ถึงสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่แวดล้อมตัว อย่างลึกซึ้งก็จะเป็นปัจจัยนำพวกเขาไปสู่ความยอมรับ และศรัทธามั่นในอัลเลาะห์เป็นที่สุด
๕๗. เราไม่ปรารถนาโชคผลใด ๆ จากพวกเขาในการที่เราได้สร้างพวกเขาขึ้นมาและในการที่พวกเขาได้ทำการนมัสการต่อข้า และข้าไม่ปรารถนาที่จะให้พวกเขาให้อาหารแก่ข้า ด้วยการแสวงหาปัจจัยต่าง ๆ เพื่อส่งคืนปัจจัยนั้นแก่ข้า หากแต่หน้าที่ของทุกคนก็คือต้องหมั่นประกอบการภักดี และสำนึกในความมีเอกภาพของข้าเท่านั้น และประพฤติตนอยู่ภายใต้บทบัญญัติต่าง ๆ ทุกประการ
๕๘. แท้จริงอัลเลาะห์นั้นพระองค์เป็นผู้ประทานโชคผลอย่างยิ่ง อีกทั้งทรงอานุภาพอันมั่นคง
๕๙. แท้จริงสำหรับบรรดาจำพวกที่ทุจริตแก่ตัวเองนั้นย่อมมีโทษต่าง ๆ เหมือนเช่นบรรดาโทษของบรรดาสหายของพวกเขา ที่มีสภาพเดียวกันกับพวกเขาซึ่งได้ประสบกับความหายนะมาก่อนพวกเขาในยุคอดีต ดังนั้นพวกเขาอย่าเร่งเร้าต่อข้า ในการรับโทษเหล่านั้นในโลกนี้ แต่โทษของพวกเขาจะถูกประวิงไว้จนถึงโลกหน้า แล้วก็จะถูกนำตัวไปลงโทษโดยทั่วถึงกัน
๖๐. แท้จริงความหายนะ จากการได้รับการลงโทษย่อมประสบแก่บรรดาพวกไร้ศรัทธาในวันที่พวกเขาถูกสัญญาไว้ นั่นคือวันกิยามะห์



ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 51 อัซซาริยาต



 

GoogleTagged