เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์
al-firdaus~*:
:salam:
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ
download ในรูปแบบ pdf และ word
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
ตอบ คุณ al Fatoni ตัวผมเองขอขอบคุณ ในความคิดเห็นดีๆครับ แต่ผมยังงงนิดนึง ที่บอกว่า ผิดถูกก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าบ่อยแล้วกัน ที่บอกว่าถูกนั้นผมไม่เป็นห่วง แต่ที่ผมเป็นห่วงก็คือที่บอกว่าผิด ช่วยบอกให้ชัดเจนหน่อยครับ ว่าผิดแบบใหนอย่างไร เพื่อจะได้ร่วมกัน สร้างสังคมให้ดีงามต่อไป แต่ถ้าหมายถึงด้านใต้บทความของผมทุกบทความ ที่จะมีคำว่าแก้ไขครั้งสุดท้าย ผมยืนยันว่า ผมได้เข้าไปแก้ไข เฉพาะตัวอักษรภาษาไทย บางทีพิมพ์เกิน บางทีพิมพ์ขาดฯลฯเท่านั้น ต้องขอมะอัฟด้วย แต่สำหรับในเรื่องของอัลกุรอ่าน อัลฮาดิษ การคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม และเรื่องราวต่างๆที่ผมได้นำเสนอ ผมยืนยันได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาที่ไป มาจากอำนาจ มาจากความยิ่งใหญ่ และมาจากเดชานุภาพ ความสามาถของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า การสรรเสริญทั้งมวลนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งโลกทั้งหลาย ซูเราะห์ อัลฟาติฮะห์ อายะห์ที่ 2 คำว่าโลกทั้งหลายนั้นก็คือ ไม่ใช่ว่า พระผู้เป็นเจ้า เป็นพระเจ้าเฉพาะโลกมนุษย์ โลกของมาลาอิกะห์ โลกของยิน โลกของไซตอนมารร้าย โลกของทุกๆสรรพสิ่งที่อยู่ในห้วงอวกาศ ทุกๆสรรพสิ่งที่อยู่ในฟากฟ้า ที่มนุษย์สามารถสำผัสได้ และที่มนุษย์ ยังไม่สามารถเข้าไปถึง โลกของทุกๆสรรพสิ่งที่อยู่บนพื้นแผ่นดิน และอยู่ลึกลงไปใต้พื้นแผ่นดิน ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ล้วนแล้วแต่ อยู่ใต้อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลมาสู่ท่าน และสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้ามคือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
Al Fatoni:
จริงๆ ผมไม่มีความรู้เรื่องดาราศาสตร์เลย ฉะนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ผมจะรู้ได้ชัดเจนว่า สิ่งที่คุณ aubdulaudli นำเสนอนั้นถูกหมด หรือผิดหมด หรือชี้จุดได้ว่าตรงไหนผิดถูก แต่ผมก็เชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นย่อมมีผิดและถูกคละเคล้ากันไป ผมพูดในเชิงกว้างมากกว่า ไม่มีอะไรหรอกครับ สบายใจได้ - วัลลอฮุอะอ์ลัม
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
การศึกษาหาความรู้นั้น สำหรับผู้ศรัทธาแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ว่าผู้ศรัทธานั้นจะเป็นชาย หรือหญิงก็ตาม แหละความรู้นี้เอง จะเป็นสิ่งนำพาเราไปสู่ สิ่งที่ถูกต้อง นำพาเราไปสู่ การปฏิบัติที่ถูกตอบรับ นำพาเราไปสู่ ความพึงพอพระทัยจากพระผู้เป็นเจ้า นำพาเราไปสู่ สิ่งที่ดีงามทั้งดุลยา และโลกหน้าอาคิเราะห์ พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า “จงประกาศเถิด โอ้มุฮัมมัด บรรดาผู้รู้ กับผู้ไม่รู้นั้น จะเท่าเทียมกันหรือ?ซูเราะห์อัซซุมัรฺ อายะห์ที่ 9 ตามวิชาการ อิสติฟฮามตรงนี้ เรียกว่าอิสติฟฮามอิงการี บิมะนันนัฟยิ ดังนั้นจึงมีความหมายว่า บรรดาผู้รู้ กับผู้ที่ยังไม่รู้นั้น ย่อมไม่เท่าเทียมกัน ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน บรรดาคนที่ทำความดี กับคนที่ทำสิ่งที่ไม่ดี ย่อมไม่เท่าเทียมกัน ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน บรรดาผู้ที่ศรัทธา กับผู้ที่ไม่มีความศรัทธา ย่อมไม่เท่าเทียมกัน ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน มุ่งสู่ 1รอมาฎอน ฮ.ศ.1432
วันที่1ญุมาดุ้ลซานี ฮ.ศ.1432. จากการติดตามดูผลการดูจันทร์เสี้ยวของผู้เชี่ยวชาญ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ค. 2554 การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้) (( صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإِنْ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا ))
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080) ตามฮาดีษดังกล่าว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน ซึ่งเป็นวันที่ต้องดูดวงจันทร์นั้น ถึงแม้มีดวงจันทร์อยู่แต่มีเมฆบังทำให้ไม่สามารถจะเห็นดวงจันทร์ได้ ท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ใช้ให้นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเสียก่อน จึงจะไปเริ่มวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์ให้ถือตามประเทศนั้น นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์ ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม** ทั้งนี้ การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่หนึ่งของเดือนอื่นๆ ก็ใช้หลักการเช่นเดียวกันนี้ ** วันนี้วันศุกร์ที่ 6 พ.ค. 2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับ กทม. ซุบฮิ เวลา04.31.12 วินาที ตะวันขึ้นเวลา 05.55.15 วินาที ดุฮ์ริเวลา 12.15.22 วินาที อัสริ เวลา15.27.20 วินาที มักริบเวลา 18.35.38 วินาที อีซาเวลา 19.50.52 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับ มัสยิดฮารอม ซุบฮิ เวลา04.17.44 วินาที ตะวันขึ้นเวลา 05.44.13 วินาที ดุฮ์ริเวลา 12.17.16 วินาที อัสริ เวลา15.37.27 วินาที มักริบเวลา 18.50.36 วินาที อีซาเวลา 20.07.37 วินาที สำหรับปี พ.ศ. 2554 มีจันทรุปราคา 2 ครั้ง และเป็นจันทรุปราคาแบบเต็มดวงทั้ง 2 ครั้งเลย ครั้งแรกเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 2554 (รอดูตั้งแต่คืนวันพุธที่15 มิ.ย. 2554)พื้นที่บนโลก ที่เห็นปรากฏการณ์ครั้งนี้คือ ประเทศไทย ทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และด้านตะวันตกของมหามุทรแปซิฟิก (สำหรับประเทศไทยต้องติดตามดู เพราะอยู่ในช่วงหน้าฝน ท้องฟ้าจะอำนวยหรือไม่) ดวงจันทร์เข้าสู่เงามัวของโลกเวลา 00.24.34 วินาที เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วน(ดวงจันทร์เริ่มแหว่ง) เวลา 01.22.55 วินาที เริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงเวลา 02.22.29 วินาที(ดวงจันทร์จะไม่มืดสนิท เห็นเป็นสีส้ม เพราะแสงหักเหผ่านบรรยากาศโลกไปที่ดวงจันทร์) จุดกึ่งกลางของปรากฏการณ์ครั้งนี้ อยู่ที่เวลา 03.12.36 วินาที สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง เวลา 04.02.42 วินาที สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วนเวลา 05.02.15 วินาที ดวงจันทร์พ้นเงามัวของโลกเวลา 06.00.44 วินาที จันทรุปราคาแบบเต็มดวงปีนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ในวันเสาร์ที่ 10 ธ.ค. 2554 (จะเห็นได้ง่ายหน่อย เพราะอยู่ในช่วงฤดูหนาว)พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงาม จะหลั่งไหลสู่ตัวท่าน และสังคม ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
:salam:
การศึกษาหาความรู้นั้น สำหรับผู้ศรัทธาแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ว่าผู้ศรัทธานั้นจะเป็นชาย หรือหญิงก็ตาม แหละความรู้นี้เอง จะเป็นสิ่งนำพาเราไปสู่ สิ่งที่ถูกต้อง นำพาเราไปสู่ การปฏิบัติที่ถูกตอบรับ นำพาเราไปสู่ ความพึงพอพระทัยจากพระผู้เป็นเจ้า นำพาเราไปสู่ สิ่งที่ดีงามทั้งดุลยา และโลกหน้าอาคิเราะห์ พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า “จงประกาศเถิด โอ้มุฮัมมัด บรรดาผู้รู้ กับผู้ไม่รู้นั้น จะเท่าเทียมกันหรือ?ซูเราะห์อัซซุมัรฺ อายะห์ที่ 9 ตามวิชาการ อิสติฟฮามตรงนี้ เรียกว่าอิสติฟฮามอิงการี บิมะนันนัฟยิ ดังนั้นจึงมีความหมายว่า บรรดาผู้รู้ กับผู้ที่ยังไม่รู้นั้น ย่อมไม่เท่าเทียมกัน ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน บรรดาคนที่ทำความดี กับคนที่ทำสิ่งที่ไม่ดี ย่อมไม่เท่าเทียมกัน ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน บรรดาผู้ที่ศรัทธา กับผู้ที่ไม่มีความศรัทธา ย่อมไม่เท่าเทียมกัน ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ข้อคิดดีๆ ก็คือ ส่งเสริม แหละก็เป็นกำลังใจให้ บรรดาผู้ที่ยังไม่รู้ ได้เดินหน้าศึกษาหาความรู้กันต่อไป ส่วนหน้าที่หลักของผู้รู้ทุกๆคน นั้นก็คือ ต้องบอก และต้องเผยแพร่ ให้ผู้ที่ยังไม่รู้ ทราบถึงข้อเท็จจริง ในวิชาการ ของศาสนาแขนงต่างๆ เพราะสิ่งนี้ ถือว่าเป็นความรับผิดชอบ ที่ได้รับมาจากพระผู้เป็นเจ้า (ไม่ว่า ท่านจะศึกษาวิชาอะไร หรือท่านกำลังทำอะไร ที่ศาสนาอนุมัติ ขอให้ท่าน สนใจๆๆๆ แหละใส่ใจๆๆๆ อินซาอัลลอฮฺ ความสำเร็จกำลังรอคอยท่านอยู่ อย่างแน่นอน) ประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตร้อน ซึ่งหมายถึง พื้นที่ระหว่างเส้นสำคัญทางภูมิศาสตร์ 2 เส้น ได้แก่ เส้นที่ 1 คือ เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ (Tropic of Cancer) กับเส้นที่ 2 คือ เส้นทรอปิกออฟแคปริคอร์น (Tropic of Capricorn) ในแต่ละปี ประเทศที่อยู่ในเขตร้อน จะมีวันที่ดวงอาทิตย์ผ่านใกล้จุด เหนือศีรษะมากที่สุด 2 วัน กรุงเทพฯ อยู่ในราววันที่ 27 เมษายน และ 16 สิงหาคม เดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม กรุงเทพฯ จึงมักมีอากาศร้อนที่สุด ส่วนในเดือนสิงหาคม แม้ว่าดวงอาทิตย์ จะผ่านจุดเหนือศีรษะอีกเช่นกัน แต่กลับจะไม่ค่อยร้อนมากนัก เพราะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ และร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่าน ดังนั้นหหลายคนอาจเข้าใจว่า ประเทศไทยมีอากาศร้อนมากที่สุด ในช่วงเดือนเมษายน เพราะดวงอาทิตย์ใกล้โลกที่สุด นั่นนับว่าเป็นความเข้าใจ ที่ผิดถนัดเลยครับ ส่วนในช่วงเดือนเมษายน ประเทศไทยมีอากาศร้อนมากที่สุด สาเหตุเกิดมาจาก การที่ดวงอาทิตย์ เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะในเวลาเที่ยงวัน โดยทำมุมตั้งฉากกับพื้นดิน จึงได้รับรังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์อย่างเต็มที่
วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 15 พ.ค. 2554 ดวงอาทิตย์จะผ่านใกล้จุด เหนือศีรษะ(ตามวิชาการเรียกว่า 90 องศา) ที่อ.เมืองเชียงใหม่ เวลา 12.20 นาที ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเวลานั้น ผู้คนหรือสิ่งก่อสร้าง เสา ต้นไม้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งฉากกับพื้นดิน จะไม่ปรากฏเงาให้เห็นเลย สำหรับที่อ.เมืองเชียงใหม่ ดวงอาทิตย์จะผ่านใกล้จุด เหนือศีรษะ(ตามวิชาการเรียกว่า 90 องศา) อีกครั้ง ในวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2554 เวลา 12.31 นาที
มุ่งสู่ 1รอมาฎอน ฮ.ศ.1432
การวิเคราะห์ แหละการคำนวน ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม วันที่ 29 ญุมาดุ้ลซานี ฮ.ศ.1432. ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 2 มิ.ย. 2554 ดังนั้นหลังจากเข้าเวลามัฆริบของวันดังกล่าว จึงต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว เพื่อกำหนดวันที่ 1 เดือนร่อยับ ฮ.ศ. 1432 การคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม ได้ข้อมูลดังต่อไปนี้ วันพฤหัสบดีที่ 2 มิ.ย. 2554 กทม. เข้าเวลามัฆริบ 18.43.20 วินาที ในวันเวลาดังกล่าว ดวงจันทร์ตกเวลา 19.12.21 วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว 29 นาที 01 วินาที อายุดวงจันทร์ 14 ชม. 53 นาที 37 วินาที ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลก 390309.10 กิโลเมตร ผลที่ได้คือ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด จะต้องใช้กล้องดูเท่านั้น จึงอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ แต่ถ้าจะดูด้วยตาเปล่าแล้ว บอกได้เลยว่า จะไม่เห็น จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า ท้องฟ้าจะเปิดก็ตาม(ฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด) ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก เข้าเวลามัฆริบ 18.39.40 วินาที ในวันเวลาดังกล่าว ดวงจันทร์ตกเวลา 19.08.29 วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว 28 นาที 48 วินาที อายุดวงจันทร์ 14 ชม. 49 นาที 50 วินาที ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลก 390318.42 กิโลเมตร ผลที่ได้คือ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด จะต้องใช้กล้องดูเท่านั้น จึงอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ แต่ถ้าจะดูด้วยตาเปล่าแล้ว บอกได้เลยว่า จะไม่เห็น จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า ท้องฟ้าจะเปิดก็ตาม(ฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด) จังหวัดยะลา เข้าเวลามัฆริบ 18.28.31 วินาที ในวันเวลาดังกล่าว ดวงจันทร์ตกเวลา 18.56.17 วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว 27 นาที 46 วินาที อายุดวงจันทร์ 14 ชม. 38 นาที 14 วินาที ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลก 390347.09 กิโลเมตร ผลที่ได้คือ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด จะต้องใช้กล้องดูเท่านั้น จึงอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ แต่ถ้าจะดูด้วยตาเปล่าแล้ว บอกได้เลยว่าจะไม่เห็น จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า ท้องฟ้าจะเปิดก็ตาม(ฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด) จังหวัดเชียงใหม่ เข้าเวลามัฆริบ 18.57.43 วินาที ในวันเวลาดังกล่าว ดวงจันทร์ตกเวลา 19.27.42 วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว 29 นาที 59 วินาที อายุดวงจันทร์ 15 ชม. 08 นาที 25 วินาที ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลก 390272.51 กิโลเมตร ผลที่ได้คือ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด จะต้องใช้กล้องดูเท่านั้น จึงอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ แต่ถ้าจะดูด้วยตาเปล่าแล้ว บอกได้เลยว่า จะไม่เห็น จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า ท้องฟ้าจะเปิดก็ตาม(ฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด) จังหวัดเชียงราย เข้าเวลามัฆริบ 18.56.25 วินาที ในวันเวลาดังกล่าว ดวงจันทร์ตกเวลา 19.26.27 วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว 30 นาที 02 วินาที อายุดวงจันทร์ 15 ชม. 07 นาที 08 วินาที ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลก 390275.67 กิโลเมตร ผลที่ได้คือ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด จะต้องใช้กล้องดูเท่านั้น จึงอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ แต่ถ้าจะดูด้วยตาเปล่า บอกได้เลยว่า จะไม่เห็น จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า ท้องฟ้าจะเปิดก็ตาม(ฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด) ดังนั้นจึง สรุปได้ว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 2 มิ.ย. 2554 ถ้าไม่มีผู้ใดเห็นจันทร์เสี้ยว วันที่ 1 เดือนร่อยับ ฮ.ศ. 1432 ตรงกับวันเสาร์ที่ 4 มิ.ย. 2554 แต่ถ้าหากว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 2 มิ.ย. 2554 มีผู้เห็นจันทร์เสี้ยว วันที่ 1 เดือนร่อยับ ฮ.ศ. 1432 ตรงกับวันศุกร์ที่ 3 มิ.ย. 2554 การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้) (( صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإِنْ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا ))
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080) ตามฮาดีษดังกล่าว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน ซึ่งเป็นวันที่ต้องดูดวงจันทร์นั้น ถึงแม้มีดวงจันทร์อยู่แต่มีเมฆบังทำให้ไม่สามารถจะเห็นดวงจันทร์ได้ ท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ใช้ให้นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเสียก่อน จึงจะไปเริ่มวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์ให้ถือตามประเทศนั้น นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์ ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม** ทั้งนี้ การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่หนึ่งของเดือนอื่นๆ ก็ใช้หลักการเช่นเดียวกันนี้ ** วันนี้วันอาทิตย์ที่ 15 พ.ค. 2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับ กทม. ซุบฮิ เวลา 04.26.46 วินาที ตะวันขึ้นเวลา 05.52.18 วินาที ดุฮ์ริเวลา 12.15.02 วินาที อัสริ เวลา15.32.07 วินาที มักริบเวลา 18.37.55 วินาที อีซาเวลา 19.54.26 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับ มัสยิดฮารอม ซุบฮิ เวลา 04.11.20 วินาที ตะวันขึ้นเวลา 05.39.42 วินาที ดุฮ์ริเวลา 12.16.58 วินาที อัสริ เวลา15.34.41 วินาที มักริบเวลา 18.54.29 วินาที อีซาเวลา 20.13.05 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับ มัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิ เวลา 04.04.06 วินาที ตะวันขึ้นเวลา 05.34.21 วินาที ดุฮ์ริเวลา 12.17.54 วินาที อัสริ เวลา15.42.58 วินาที มักริบเวลา 19.01.45 วินาที อีซาเวลา 20.21.49 วินาที พี่น้องครับ ซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของ การทำบุญ ให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุล และเป็นความดีงาม ที่ยิ่งใหญ่มาก ณ ฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงาม จะหลั่งไหลสู่ตัวท่าน และสังคม สืบต่อไป ทำตามใช้ ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version