เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
การคำนวนเวลาละหมาดอีซามัสยิดฮะรอม ที่ท่านบอกว่า1ชั่วโมง30นาทีหลังจากเข้ามัฆริบจะเป็นเวลาอีซาที่มัสยิดฮะรอมเมื่อ5ปีที่ผ่านมา เรียกว่าคำนวนที่22.5องศา ในส่วนของการปฏิบัติศาสนกิจจริงๆ พอหมดแสงแดดที่ขอบฟ้าก็เข้าเวลาอีซาแล้ว ยาวนานกระทั่งถึงเข้าเวลาซุบฮิก็หมดเวลาอีซา
จากอับดิลลาหิบนิ่อัมริน(ร.ด.)ได้กล่าวว่า มีผู้ถามร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ถึงเวลาละหมาด ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าเวลาของการละหมาดฟัร(ซุบฮิ)ตราบเมื่อส่วนแรกของดวงตะวันยังไม่ขึ้น และเวลาของการละหมาดดุฮ์ริเมื่อตะวันคล้อยจากท้องฟ้าตราบเมื่อยังไม่ถึงเวลาอัสริ และเวลาของการละหมาดอัสริตราบเมื่อตะวันยังไม่เป็นสีเหลืองและส่วนแรกของตะวันตกดิน(คือหมดเวลาอัสริ) และเวลาของการละหมาดมัฆริบเมื่อตะวันตกตราบเมื่อแสงสีแดงที่ขอบฟ้ายังมีอยู่ และเวลาละหมาดอีซาจะคงอยู่จนถึงเที่ยงคืน(เป็นเวลาที่ให้เลือกทำ แต่อนุญาติให้กระทำถึงแสงอรุณจริงขึ้น) รายงานโดยมุสลิม อะบูดาวูด ติรมีรี นะซาอี
ในฮะดิษระบุชัดเจนเลยว่า เวลาของการละหมาดมัฆริบเมื่อตะวันตกตราบเมื่อแสงสีแดงที่ขอบฟ้ายังมีอยู่ ดังนั้นเมื่อแสงสีแดงที่ขอบฟ้าหมดไปจึงเริ่มเข้าเวลาละหมาดอีซา คำว่าแสงสีแดงที่ขอบฟ้า ตามหลักดาราศาสตร์อิสลามเรียกว่าแสงสนธยาดาราศาสตร์ แสงสนธยาดาราศาสตร์คือระยะเวลาที่ท้องฟ้ามืดสนิทบริเวณชายทะเล ขอบฟ้ามองไม่เห็น มองเห็นดาวชัดเจนมีค่าเท่ากับ18องศานับตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ในการคำนวนเวลาเริ่มเข้าละหมาดอีซา ผมคำนวนที่18องศาโดยยึดตามหลักฐานที่ได้กล่าวมา พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ท่านจงดำรงการละหมาดไว้ตั้งแต่ตะวันคล้อยจนพลบค่ำ และการอ่านยามรุ่งอรุณ แท้จริงการอ่านยามรุ่งอรุณนั้นเป็นพยานยืนยันเสมอ
และจากบางส่วนของกลางคืน ท่านจงตื่นขึ้นมาละหมาดในเวลาของมัน เป็นการสมัครใจสำหรับท่าน หวังว่าพระผู้เป็นเจ้าของท่าน จะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ(การชะฟาอะห์ในโลกหน้าอาคิเราะห์)
และท่านจงกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ได้ทรงโปรดนำข้าพระองค์เข้าตามทางเข้าที่ชอบธรรม และได้ทรงโปรดนำข้าพระองค์ออกตามทางออกที่ชอบธรรม และทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีอำนาจที่เข้มแข็ง ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์”
และท่านจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง”ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” ซูเราะห์อัลอิสรออ์ อายะห์ที่78-81
ชี้ให้เห็นว่าในโลกแห่งความจริงก็คือถ้าสมมุติว่าในโลกใบนี้ มีผู้ที่ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าน้อยมากๆ อำนาจ เดชานุภาพ ความสามารถ แหละความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ได้ลดน้อยลงตามไปด้วยแต่ประการใด เพราะพระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้าง พระองค์มิใช่ผู้ถูกสร้าง
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
การประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรีให้วันจันทร์ที่1สิงหาคมพ.ศ.2554เป็นวันที่1ร่อมะดอนฮ.ศ.1432 วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554ตรงกับวันที่29ร่อมาดอนฮ.ศ.1432 (สำหรับประเทศไทยจันทร์ดับ ตรงกับวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554เวลา10.04.06วินาที) ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ. 2554 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1เซาวั้ล ฮ.ศ.1432 วันที่เราท่านทั้งหลายรู้กันในนามว่าวันอีดอีดิ้ลฟิตรี่ (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยวโดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์) วันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.32.30วินาที ดวงจันทร์ตก18.32.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ แหละมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามอย่างมากๆๆๆ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.29.45วินาที ดวงจันทร์ตก18.30.31วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว46วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลา ดวงอาทิตย์ตก18.25.15วินาที ดวงจันทร์ตก18.29.10วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว3นาที54วินาที จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.27.26วินาที ดวงจันทร์ตก18.31.06วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที40วินาที จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.35.50วินาที ดวงจันทร์ตก18.36.14วินาที มีเวลาสงเกตจันทร์เสี้ยว0นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.23.54วินาที ดวงจันทร์ตก18.27.35วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที42วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก18.15.24วินาที ดวงจันทร์ตก 18.14.30วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที54วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลาม ให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับ ของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไป ถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษ ของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้) (( صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإِنْ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا ))
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอด เมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบาน ให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080) ตามฮาดีษดังกล่าว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน ซึ่งเป็นวันที่ต้องดูดวงจันทร์นั้น ถึงแม้มีดวงจันทร์อยู่แต่มีเมฆบัง ทำให้ไม่สามารถจะเห็นดวงจันทร์ได้ ท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ใช้ให้นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเสียก่อน จึงจะไปเริ่มวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ท่านไม่ได้บอกว่า ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกล เห็นดวงจันทร์ให้ถือตามประเทศนั้น นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชาม และได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์ ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม** ทั้งนี้ การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่หนึ่งของเดือนอื่นๆ ก็ใช้หลักการเช่นเดียวกันนี้
ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันจันทร์ที่29สิงหาคม พ.ศ. 2554 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวบอกได้เลยว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
สรุปว่าผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม เท่ากับว่าเดือนร่อมะดอนปีนี้มี30วัน แหละวันที่1เซาวั้ล ฮ.ศ.1432(วันอีดอีดิ้ลฟิตรี่) จะตรงกับวันพุธที่31สิงหาคมพ.ศ.2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรี วันนี้ช่วงนี้อยู่ในเดือนร่อมะดอน เราทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
** เล่าจากท่านซะฮ์ลิน(ร.ด.) ว่าท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ในสวนสวรรค์มีประตูหนึ่งชื่อว่าอัรรอยยาน ในวันกิยามัตผู้ถือศิลอดเท่านั้นจะได้เข้าไป คนอื่นไม่มีสิทธิ(คนที่ไม่ถือศิลอด) ซึ่งประตูดังกล่าวจะกล่าวว่า คนใหนถือศิลอดยืนขึ้น คนอื่นไม่เกี่ยว ดังนั้นเมื่อผู้ที่ถือศิลอดเข้าไปแล้วประตูนี้ก็จะถูกปิดลง คนอื่นจะเข้าไปไม่ได้เลย รายงานโดยบุคอรี
วันนี้วันศุกร์ที่5สิงหาคมพ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.39.16 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.03.50วินาที ดุฮ์ริเวลา12.24.45 วินาที อัสริเวลา15.38.07วินาที มักริบเวลา 18.45.32วินาที อีซาเวลา20.00.58วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา04.25.21วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.52.26วินาที ดุฮ์ริเวลา12.26.40วินาที อัสริเวลา15.46.14วินาที มักริบเวลา19.00.39วินาที อีซาเวลา20.17.50 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.18.46วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.47.34วินาที ดุฮ์ริเวลา12.27.36วินาที อัสริเวลา15.53.48วินาที มักริบเวลา19.07.20วินาที อีซาเวลา20.25.49วินาที ซุบฮิเวลา04.37.49วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.02.22วินาที ดุฮ์ริเวลา12.23.15วินาที อัสริ เวลา15.36.39วินาที มักริบ อีซาเวลา19.59.24วินาที พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
iqwan:
อัสสะลามุอะไลกุ้มว่าเร๊าะห์มะตุ้ลลอฮิว่าบะร่อกาตุ๊ห์, อั้ลฮำดุลิ้ลลาฮฺ อั้ลฮำดุลิ้ลลาฮิร๊อบบิ้ลอาละมีน
ย่ะซากั้ลลอฮุคอยรอน, ขอขอบคุณ คุณ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม มากครับ [size=18pt]ขอผู้ทรงยุติธรรม ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงกรุณาปราณี[/size][/size][/size][/size]
ผู้ทรงมหายิ่งใหญ่ ผู้ทรงมหาอำนาจ ผู้ทรงให้เป็น ผู้ทรงให้ตาย รับคำวิงวอนขอของคุณและหมู่มวลมุสลิมที่ยึดมั่นในอั้ลเล๊าะฮ์(ซ.บ.)และอิสลาม ตามแนวทางของท่านนบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) อามีน.
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
:salam:
การขอดุอาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการทำอิบาดะห์ทุกชนิด แสดงถึงว่าอย่างไรก็ตามเราท่านทั้งหลายที่อยู่ในฐานะบ่าว อย่างไรก็ต้องพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างทุกๆวันไป ทีสำคัญการขอดุอาถือว่าเป็นมันสมองของอิบาดะห์ คนเราถ้าสมมุติว่าไม่มีการพิจราณาคุณค่าคงจะลดลง เฉกเช่นกันการทำอิบาดะห์ทุกชนิด ถ้าไม่มีการขอดุอาต่อพระผู้เป็นเจ้า อิบาดะห์ชนิดนั้นก็จะด้อยค่าณฝ่ายพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
พวกท่านจงวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านในสภาพถ่อมตนและปกปิด แท้จริงพระองค์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้ที่ละเมิด(ตรงคำว่าบรรดาผู้ที่ละเมิด นักตัฟซีรกุรอ่านให้คำอธิบายว่า แท้จริงพระองค์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้ที่ละเมิดในการขอดุอา ด้วยการขอโดยใช้เสียงดัง บางทีอาจจะบ่งบอกถึงความโอ้อวดได้ฯลฯ)ซูเราะห์อัลอะอ์รอฟ อายะห์ที่55 วันนี้เป็นวันศุกร์มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้า ตอบรับการขอดุอาที่สำคัญอยู่ในเดือนร่อมะดอนอีกด้วย
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته ค่ำคืนในร่อมะดอนนั้นถือว่ามีภาคผลบุญ ที่กำลังรอคอยเราท่านทั้งหลายอยู่อย่างมากมายตลอดทั้งเดือน แต่ในบรรดาค่ำคืนเหล่านั้นมีอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่มีภาคผลบุญมหาศาล ณฝ่ายพระผู้เป็นเจ้า หวังใจว่าเราท่านทั้งหลายคงจะพบค่ำคืนนั้นถ้วนหน้ากัน ขอให้เราท่านทั้งหลายหมั่นทำอะม้านอิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้ากันอย่างมากๆ โลกนี้วันนี้เราท่านทั้งหลายยังไม่เห็นนั่นคือเรื่องธรรมดา แต่โลกหน้าอาคิเราะห์คุณความดีเหล่านั้นที่เราท่านทั้งหลายสะสมกันเอาไว้ พระผู้เป็นเจ้าจะนำมาให้เห็นแหละตอบแทนในทางที่ดีอย่างแน่นอน
เล่าจากท่านหญิงอาอิซะห์(ร.ด.)ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)จะเอียะติกาฟในสิบคืนสุดท้ายของเดือนร่อมะดอน และท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่าท่านทั้งหลายจงเฝ้าคอยคืนแห่งเกียรติยศ(ลัยละตุ้ลกอดร)ในสิบคืนสุดท้ายของเดือนร่อมะดอน รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
เล่าจากท่านหญิงอาอิซะห์(ร.ด.)ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่าท่านทั้งหลายจงเฝ้าคอยคืนแห่งเกียรติยศ(ลัยละตุ้ลกอดร)ในคืนที่เป็นเลขคี่ของสิบคืนสุดท้ายของเดือนร่อมะดอน รายงานโดยบุคอรี
เนื่องจากศาสนาอิสลามเรานับกลางคืนก่อนกลางวัน ดังนั้นวันเสาร์ที่20ส.ค.นี้ค่ำลงเป็นคืนที่21ร่อมะดอน วันจันทร์ที่22ส.ค.นี้ค่ำลงเป็นคืนที่23ร่อมะดอน วันพุธที่24ส.ค.นี้ค่ำลงเป็นคืนที่25ร่อมะดอน วันศุกร์ที่26ส.ค.นี้ค่ำลงเป็นคืนที่27ร่อมะดอน วันอาทิตย์ที่28ส.ค.นี้ค่ำลงเป็นคืนที่29ร่อมะดอน
วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554ตรงกับวันที่29ร่อมาดอน ฮ.ศ.1432 (สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันจันทร์ที่29สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา10.04.06วินาที) ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ. 2554 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1เซาวั้ล ฮ.ศ.1432 วันที่เราท่านทั้งหลายรู้กันในนามว่าวันอีดอีดิ้ลฟิตรี่ (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว
โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์) วันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.32.30วินาที ดวงจันทร์ตก18.32.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ แหละมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามอย่างมากๆๆๆ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.29.45วินาที ดวงจันทร์ตก18.30.31วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว46วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลา ดวงอาทิตย์ตก18.25.15วินาที ดวงจันทร์ตก18.29.10วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว3นาที54วินาที จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.27.26วินาที ดวงจันทร์ตก18.31.06วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที40วินาที จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.35.50วินาที ดวงจันทร์ตก18.36.14วินาที มีเวลาสงเกตจันทร์เสี้ยว0นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.23.54วินาที ดวงจันทร์ตก18.27.35วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที42วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก18.15.24วินาที ดวงจันทร์ตก 18.14.30วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที54วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลาม ให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับ ของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไป ถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษ ของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้) (( صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإِنْ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا ))
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอด เมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบาน ให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080) ตามฮาดีษดังกล่าว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน ซึ่งเป็นวันที่ต้องดูดวงจันทร์นั้น ถึงแม้มีดวงจันทร์อยู่แต่มีเมฆบัง ทำให้ไม่สามารถจะเห็นดวงจันทร์ได้ ท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ใช้ให้นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเสียก่อน จึงจะไปเริ่มวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ท่านไม่ได้บอกว่า ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกล เห็นดวงจันทร์ให้ถือตามประเทศนั้น นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชาม และได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์ ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม** ทั้งนี้ การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่หนึ่งของเดือนอื่นๆ ก็ใช้หลักการเช่นเดียวกันนี้
ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันจันทร์ที่29สิงหาคม พ.ศ. 2554 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวบอกได้เลยว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
สรุปว่าผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม เท่ากับว่าเดือนร่อมะดอนปีนี้มี30วัน แหละวันที่1เซาวั้ล ฮ.ศ.1432(วันอีดอีดิ้ลฟิตรี่) จะตรงกับวันพุธที่31สิงหาคมพ.ศ.2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรี วันนี้ช่วงนี้อยู่ในเดือนร่อมะดอน เราทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
** เล่าจากท่านซะฮ์ลิน(ร.ด.) ว่าท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ในสวนสวรรค์มีประตูหนึ่งชื่อว่าอัรรอยยาน ในวันกิยามัตผู้ถือศิลอดเท่านั้นจะได้เข้าไป คนอื่นไม่มีสิทธิ(คนที่ไม่ถือศิลอด) ซึ่งประตูดังกล่าวจะกล่าวว่า คนใหนถือศิลอดยืนขึ้น คนอื่นไม่เกี่ยว ดังนั้นเมื่อผู้ที่ถือศิลอดเข้าไปแล้วประตูนี้ก็จะถูกปิดลง คนอื่นจะเข้าไปไม่ได้เลย รายงานโดยบุคอรี
วันนี้วันศุกร์ที่19สิงหาคมพ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.43.39 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.06.01วินาที ดุฮ์ริเวลา12.22.26 วินาที อัสริเวลา15.29.35วินาที มักริบเวลา 18.38.42วินาที อีซาเวลา19.52.12วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา04.33.02วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.57.20วินาที ดุฮ์ริเวลา12.24.19วินาที อัสริเวลา15.47.10วินาที มักริบเวลา18.51.02วินาที อีซาเวลา20.05.51 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.27.58วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.53.39วินาที ดุฮ์ริเวลา12.25.16วินาที อัสริเวลา15.53.15วินาที มักริบเวลา18.56.32วินาที อีซาเวลา20.12.22วินาที พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version