السلام عليكم ورحمة الله وبركاته กิบลัตนั้นก็คือ(ขอย้ำครับว่า สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นแนวคิด เป็นแนวปฏิบัติของท่านอิหม่ามซาฟิอี ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ และเป็นแนวปฏิบัติของทุกๆคนที่ยึดอยู่ในสังกัดอิหม่ามซาฟิอี ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ ทุกๆมัสยิดที่ยึดอยู่ในสังกัดอิหม่ามซาฟิอี ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ ) จุดๆหนึ่งหรือสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ผู้คนทั่วทุกมุมโลก จำเป็นต้องผินเข้าหา ในขณะปฏิบัติศาสนกิจในขณะละหมาด เพราะว่าการผินเข้าหากิบลัตนั้น ถือว่าเป็นซารัตเป็นกฏเกณฑ์ เป็นกฏระเบียบข้อหนึ่งที่จำเป็นจะต้องปฏิบัติ เพื่อให้การละหมาดของเราท่านทั้งหลายมีผลใช้ได้ เป็นการละหมาดที่ไม่สูญเปล่า แหละเป็นการละหมาด ที่ถูกตอบรับจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง ที่เรียกว่ากิบลัตก็เพราะว่าทุกๆคนทั่วทุกมุมโลก ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้จะต้องผินเข้าหาในขณะเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า โดยมาในรูปแบบของการทำละหมาด ที่เรียกว่ากะบะห์ ก็เพราะว่ารูปทรงเป็นจุดเด่น สูงขึ้นมาจากพื้นดิน เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม แต่ไม่ใช่สี่เหลี่ยมจตุรัส สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ที่เรียกว่าบัยตุ้ลลอฮ์ ก็เพราะว่าทุกๆปีจะมีผู้คนแวะเวียนไปที่บัยตุ้ลลอฮ์อยู่ตลอดเวลา
นักวิชาการระดับมัซฮับ จึงมีความคิดที่แตกต่างกัน เกี่ยวกับการผินหน้าอกไปทางกิบลัตในขณะละหมาด
ดังนั้นมัซฮับซาฟิอี ซึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ยึดตามมัซฮับนี้ ถือว่าจะต้องผินไปทางวิหารกะบะห์เลย (เรียกว่าอัยนุ้ลกะบะห์ ไม่ใช่ยิฮะตุ้ลกะบะห์)เท่าที่มีความสามารถที่สุด พูดง่ายๆก็คือถ้ารู้แน่ชัดว่ายังหันไม่ตรงกะบะห์ ที่ผ่านมาการละหมาดถือว่าใช้ได้เพราะทำสุดความสามารถแล้ว แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ถูกต้อง การละหมาดถือว่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว หลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถหาดูได้ที่หนังสืออั้ลอุม(ของท่านอิหม่ามซาฟิอีเล่มที่1หน้า114) และหนังสือฟิกห์4มัซฮับเล่มที่1หน้า178)
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
และแน่นอน ถ้าหากท่านได้นำหลักฐานทุกอย่างมาแสดงแก่บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์พวกเขาก็ไม่ตามกิบลัตของท่าน และท่านก็มิใช่จะเป็นผู้ตามกิบลัตของพวกเขา และบางกลุ่มในพวกเขาเอง ก็มิใช่จะเป็นผู้ตามกิบลัตของอีกบางกลุ่ม และถ้าหากท่านไปปฏิบัติตามความใคร่ของพวกเขา หลังจากที่มีความรู้มายังท่านแล้ว แน่นอนทันใดนั้น ท่านก็อยู่ในหมู่ผู้อธรรม ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่145
วันพุธที่ 30 พฤษภาคม 2555 ดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือ บัยตุ้ลลอฮ์ กะบะห์พอดี(90องศา) ตรงกับเวลาในประเทศไทย 16.19 น. (ตรงกับเวลากรีนิช เวลามาตรฐานโลก 9.18 น.) ทุกๆมัสยิดที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย(ที่ยึดปฏิบัติตามมัสฮัอิหม่ามซาฟิอี ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์) ก็สามารถหาทิศกิบลัตให้ตรง และถูกต้องได้โดยง่ายดาย (ถ้าท้องฟ้าเปิด ฝนไม่มาฟ้าไม่มืด)
วันที่สามารถดูดวงอาทิตย์เพื่อกำหนดทิศกิบลัตได้อีก(อย่าดูด้วยตาเปล่าโดยเด็ดขาด)
• วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม 2555 ตรงกับเวลาในประเทศไทย 16.18 น.
• วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม 2555 ตรงกับเวลาในประเทศไทย 16.18 น.
• วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม 2555 ตรงกับเวลาในประเทศไทย 16.18 น.
• วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม 2555 ตรงกับเวลาในประเทศไทย 16.19 น.
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ปัจจุบันสามารถหาทิศกิบลัตทางภาพถ่ายดาวเทียมได้ ถ้าไม่ตรงก็เปลี่ยนซอฟ(แถว)ให้ตรง เท่านั้นเอง แต่ในการปฏิบัติจริงๆ ที่เปลี่ยนยากที่สุดคือจิตใจคน ทั้งๆที่นำหลักฐานทุกอย่างชี้แจงชัดๆแล้ว ก็ยังเฉไฉออกจากทางที่ถูกต้องอีก เพราะอีหม่านยังไม่แข็งพอ
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
และในทำนองเดียวกัน เราได้ให้พวกท่านเป็นประชาชาติที่เป็นกลาง เพื่อพวกท่านจะได้เป็นสักขีพยานแก่มนุษย์ทั้งหลาย และร่อซูล ก็จะเป็นสักขีพยานแด่พวกท่าน และเรามิได้ให้มีขึ้นซึ่งกิบลัตที่ท่านเคยผินไป นอกจากเพื่อเราจะได้รู้ว่าใครบ้างที่จะปฏิบัติตามร่อซูล จากผู้ที่กำลังหันสันเท้าทั้งสองของเขากลับ และแท้จริงการเปลี่ยนแปลงกิบลัตนั้น เป็นเรื่องใหญ่(อ้างโน่นอ้างนี่ ไม่ยอมเปลี่ยน) นอกจากแก่บรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงแนะนำเท่านั้น และใช่ว่าอัลลอฮ์นั้นจะทำให้การศรัทธาของพวกเจ้าสูญไปก็หาไม่ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาแก่มนุษย์เสมอ ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่143
เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.) ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) กล่าวว่า มี2ถ้อยคำที่เบาลิ้นแต่หนักตาชั่ง เป็นที่รักของพระผู้ทรงเมตตา นั่นคือคำว่า ซุบฮานั้ลลอฮ์วะบิฮัมดิฮี ซุบฮานั้ลลอฮิ้ลอะซีม รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ เวลาทุกเวลาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน ละหมาดอัสริพร้อมกัน ฯลฯ)ดังนั้นการที่จะกล่าวอ้างว่าเพื่อความเป็นเอกภาพของอุมมะห์มุสลิมมุสลิมะห์ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ควรจะทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่ง เวลาเดียวกันและวันเดียวกัน การกล่าวอ้างแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา เรียกว่าคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองเท่านั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราท่านทั้งหลายจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ขณะที่มุสลิมที่อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียละหมาดซุบฮิ มุสลิมที่อยู่ในอเมริกาเหนืออาจยังทำละหมาดอิซาของวันก่อนไม่เสร็จเลย ดังนั้นถ้าพระผู้เป็นเจ้ามีความต้องการให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลกทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่งเวลาเดียวกันและวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพอย่างที่ใครบางคนกล่าวอ้างแล้ว เอกภาพดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะความแตกต่างทางด้านเวลาที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา) อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์ พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน) ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน ตามกันไม่ได้ แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน
ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันจันทร์ที่ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555ตรงกับวันที่29 ญุมาดุ้ลอุครอ(ญุมาดุ้ลอะคีร) ฮ.ศ.1433 (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ.2555 เป็นวันที่1 ญุมาดุ้ลอุครอ(ญุมาดุ้ลอะคีร) ฮ.ศ.1433 ดังนั้นวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2555จึงเป็นวันที่29 ญุมาดุ้ลอุครอ(ญุมาดุ้ลอะคีร) ฮ.ศ.1433 ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ร่อยับ ฮ.ศ.1433
-สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันจันทร์ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555 เวลา06.47.02วินาที ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ วันที่1 ร่อยับ ฮ.ศ.1433 (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
วันจันทร์ที่ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.39.51วินาที ดวงจันทร์ตก19.00.12วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว20นาที21วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.36.17วินาที ดวงจันทร์ตก18.56.28วินาที มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว20นาที10วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.24.59วินาที ดวงจันทร์ตก18.44.21วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที22วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.26.12วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.35วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.25.05วินาที ดวงจันทร์ตก18.44.25วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที21วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.24.35วินาที ดวงจันทร์ตก18.43.55วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที21วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.24.52วินาที ดวงจันทร์ตก18.44.11วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที19วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.25.23วินาที ดวงจันทร์ตก18.44.46วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที23วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก18.24.33วินาที ดวงจันทร์ตก18.43.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที21วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.28.54วินาที ดวงจันทร์ตก18.48.26วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที32วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.43.22วินาที ดวงจันทร์ตก19.03.51วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว20นาที29วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.26.07วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.33วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที25วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก18.24.00วินาที ดวงจันทร์ตก 18.43.53วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที53วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.40.17วินาที ดวงจันทร์ตก 19.00.39วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว20นาที22วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
***ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันจันทร์ที่ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ดังนั้นวันที่1ร่อยับ ฮ.ศ.1433 ตรงกับวันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
วันนี้วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2555 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง)
-สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.23.31 วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.49.34วินาที ดุฮ์ริเวลา12.13.12วินาที อัสริเวลา15.31.28 วินาที มักริบเวลา18.36.59วินาที อีซาเวลา19.53.56
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.25.38 วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.51.37วินาที ดุฮ์ริเวลา12.15.04วินาที อัสริเวลา15.33.27 วินาที มักริบเวลา18.38.40วินาที อีซาเวลา19.55.34
-สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา04.09.39วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.38.34วินาที ดุฮ์ริเวลา12.17.00วินาที อัสริเวลา15.33.57วินาที มักริบเวลา18.55.40 วินาที อีซาเวลา20.14.44 วินาที
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.02.09วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.33.01 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.17.56วินาที อัสริเวลา15.42.30วินาที มักริบเวลา19.03.08 วินาที อีซาเวลา20.23.43วินาที
พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป
ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา