ผู้เขียน หัวข้อ: ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์  (อ่าน 17791 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
ใครออกอีดในเดือนร่อมะดอน  ใครถือศิลอดในวันอีด
การกำหนดวันอีดตามหลักการของอิสลามนั้นมีอยู่2วิธี
   1.กำหนดวันอีดตามการเห็นจันทร์เสี้ยว   
   2.กำหนดวันอีดตามการนับให้เดือนนั้นครบ30วัน
    การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้ صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
     “ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)     
ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม  ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้
     การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา  เนื่องด้วยมนุษย์ได้อาศัยอยู่ทุกทิศทุกทางในโลกใบนี้  ทางทิศตะวันออก  ทิศตะวันตก  ทิศเหนือ  ทิศใต้  ดังนั้นการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น  เรียกว่าใช้ระบบสุริยะ 
     และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่  วันที่1ของเดือนอิสลามต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(นิวมูน จันทร์ดับ)  เรียกว่าใช้ระบบจันทรคติ ดังนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นทางประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันออกก่อนประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกหนึ่งชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่าตามระยะทางที่แตกต่างกันไป(เพราะโลกของเราโคจรทวนเข็มนาฬิกา  ถ้าวันศุกร์ใดที่โลกของเราโคจรตามเข็มนาฬิกาวันนั้นแหละคือวันกิยามะห์)  ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก  อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ  เวลาทุกเวลาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป  สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า  ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน  ละหมาดอัสริพร้อมกัน  ฯลฯ)  แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลาม(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น  วันอีดของประเทศใครประเทศมัน  ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน)  ชี้ชัดให้เห็นเลยว่าเราท่านทั้งหลายควรจะยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง  ดวงอาทิตย์ประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา  ดวงจันทร์เสี้ยวประเทศเราก็มีดู  ก็ดูของประเทศเรา  อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา)  อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์  พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง  เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน)  ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า  การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา  เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด  แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน  ไม่ตรงกัน  ตามกันไม่ได้  แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว  การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง  ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว  ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าบวชหรือต้องออกอีดเหมือนกันด้วย  จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง  ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา
     การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน  ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่  ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์  เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช  เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา
     ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้  แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า  ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก  มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.)
ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์เสี้ยวในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
     วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554ตรงกับวันที่29ร่อมาดอน ฮ.ศ.1432  (สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันจันทร์ที่29สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา10.04.06วินาที)   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.  2554  จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1เซาวั้ล ฮ.ศ.1432   วันที่เราท่านทั้งหลายรู้กันในนามว่าวันอีดอีดิ้ลฟิตรี่ (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย  ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว  แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล  แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)     
     วันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.32.30วินาที  ดวงจันทร์ตก18.32.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน     ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  แหละมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามอย่างมากๆๆๆ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.29.45วินาที ดวงจันทร์ตก18.30.31วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว46วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน     ยะลา ดวงอาทิตย์ตก18.25.15วินาที  ดวงจันทร์ตก18.29.10วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว3นาที54วินาที   จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน     หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.27.26วินาที  ดวงจันทร์ตก18.31.06วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที40วินาที  จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน     กาญจนบุรี  ดวงอาทิตย์ตก18.35.50วินาที  ดวงจันทร์ตก18.36.14วินาที  มีเวลาสงเกตจันทร์เสี้ยว0นาที24วินาที   ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน     ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.23.54วินาที  ดวงจันทร์ตก18.27.35วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที42วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน     อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก18.15.24วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.14.30วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที54วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
      ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม  วันจันทร์ที่29สิงหาคม พ.ศ.  2554  หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย  จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวบอกได้เลยว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
     สรุปว่าผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม  เท่ากับว่าเดือนร่อมะดอนปีนี้มี30วัน  แหละวันที่1เซาวั้ล ฮ.ศ.1432(วันอีดอีดิ้ลฟิตรี่)  จะตรงกับวันพุธที่31สิงหาคมพ.ศ.2554  ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
     เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์  รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
     วันนี้ช่วงนี้อยู่ในเดือนร่อมะดอน  เราทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง 
     เล่าจากท่านซะฮ์ลิน(ร.ด.) ว่าท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ในสวนสวรรค์มีประตูหนึ่งชื่อว่าอัรรอยยาน  ในวันกิยามัตผู้ถือศิลอดเท่านั้นจะได้เข้าไป  คนอื่นไม่มีสิทธิ(คนที่ไม่ถือศิลอด)  ซึ่งประตูดังกล่าวจะกล่าวว่า  คนใหนถือศิลอดยืนขึ้น  คนอื่นไม่เกี่ยว  ดังนั้นเมื่อผู้ที่ถือศิลอดเข้าไปแล้วประตูนี้ก็จะถูกปิดลง  คนอื่นจะเข้าไปไม่ได้เลย รายงานโดยบุคอรี
     วันนี้วันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)  สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.45.54 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.06.54วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.19.48 วินาที  อัสริเวลา15.31.35วินาที  มักริบเวลา 18.32.30วินาที  อีซาเวลา19.44.51วินาที  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ  สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา04.37.45วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.00.21วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.21.40วินาที  อัสริเวลา15.46.07วินาที  มักริบเวลา18.42.41วินาที  อีซาเวลา19.56.03 วินาที  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ  สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา04.33.49วินาที  ตะวันขึ้นเวลา05.57.36วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.22.36วินาที  อัสริเวลา15.51.05วินาที  มักริบเวลา18.47.16วินาที  อีซาเวลา20.01.30วินาที    พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน  พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:40 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ tholeeb

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 51
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
วะอะลัยกุมุสสะลามวะเราะฮ์มาตุ้ลลอฮีวาบารอกาตุฮ์
จบอย่างสวยงาม เช่นเดิม  myGreat:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
  อินชาอัลลอฮ์ party:

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ชอบกระทู้นี้ครับ ท่านบ่าวของผู้ทรงยุติธรรม party:

ผมดูจากเว็บ http://astro.ukho.gov.uk/moonwatch/lastnewmoon.html มาครับ
ที่จังหวัดยะลาเหลือเชื่อนะครับที่จะสามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าหากว่ามีคนเห็นจันทร์เสี้ยวจริง ก็เป็นความประสงค์ของอัลลอฮ์ที่ให้มีคนได้เห็นจันทร์เสี้ยวในวันที่ 29 สิงหาคม 2011

จันทร์เสี้ยวที่ยะลา 29 รอมฎอน 1432 ---> คลิ๊กลิงค์




วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 10, 2011, 07:36 AM โดย vrallbrothers »


เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio

3-4 นาทีก็เห็นด้าายยนะเธอว์

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
     ความสำคัญของวิชาดาราศาสตร์อิสลาม 
     การคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามของวันที่หนึ่งเดือนอิสลาม
     หลักการของการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามนั้นมิใช่จะนำมาแทนที่การดูจันทร์เสี้ยวที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้ระบุไว้ หากแต่ว่าการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามได้มาทำให้การพิจราณาการเห็นจันทร์เสี้ยวของบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่ง เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ที่ตรงกับหลักความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา ให้ตรงกับคำสั่งใช้ของร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) ยิ่งกว่านั้นยังสามารถทำให้รู้ทันการโกหกหรือความเข้าใจผิดของบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้อีกด้วย(ยกอย่างเช่นถ้าหากว่ามีคนๆหนึ่งบอกเราหรือโทรมาบอกเราว่า900+100=1300 ถ้าเราเคยเรียนมาเราก็จะบอกได้เลยว่าผิดแน่นอน หรือโกหกแน่นอน ถ้ามีคนๆหนึ่งบอกเราหรือโทรมาบอกเราว่าวันนี้เกิดสุริยุปราคาในประเทศไทยเราก็บอกได้เลยว่าผิดแน่นอน หรือโกหกแน่นอน เช่นเดียวกันก่อนอื่นเราท่านทั้งหลายต้องทำความเข้าใจก่อนว่าดวงอาทิตย์มีอยู่หนึ่งดวง  แหละดวงจันทร์บริวารของโลกเรามีอยู่หนึ่งดวงเท่านั้น(วันที่10ต.ค.2502 ยานอวกาศลูนา3 เห็นด้านไกลของดวงจันทร์เป็นครั้งแรก เช้าวันที่21 ก.ค.2512 ยานอวกาศอะพอลโล11นีล อาร์มสตอง มนุษย์คนแรกลงสำผัสผิวดวงจันทร์)     
     การโคจรของดวงอาทิตย์และการโคจรของดวงจันทร์และการโคจรของโลกเรา มีเวลาที่แน่นอนที่สามารถคำนวนล่วงหน้าได้ ไม่มีวันใดเลยที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกของเราจะหยุดโคจรหรือหลุดออกจากวงโคจร เพราะนี่คืองานของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้าง ดังนั้นถ้าเราท่านทั้งหลายสังเกตดีๆได้มีการคำนวนเวลาขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ในแต่ละวัน มีการคำนวนเวลาขึ้น-ตกของดวงจันทร์ในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ มีการคำนวนเวลาการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคาล่วงหน้าได้แหละแม่นยำด้วย สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ใช่ว่านักดาราศาสตร์คำนวนได้เก่ง หากแต่ว่ามีการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกของเราตามกำหนดเวลาที่แน่นอน นักดาราศาสตร์จึงสามารถคำนวนล่วงหน้าได้ นี่ก็แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ความสามารถ ความเกรียงไกรของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น ที่ไม่มีใครสามารถทำได้แหละไม่มีทางที่ใครจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
     พระองค์ทรงทำให้ดวงอาทิตย์มีแสงจ้าและดวงจันทร์มีแสงนวล และทรงกำหนดให้มันมีทางโคจร(คือมีจักรราศี) เพื่อพวกท่านทั้งหลายจะได้รู้จำนวนปีและการคำนวณ(ตรงนี้เองทำให้สามารถรู้ได้ว่า ขึ้นวันใหม่แล้วหรือยังด้วยดวงอาทิตย์ แหละก็ทำให้สามารถคำนวนเวลาละหมาดได้ ก็ด้วยการขึ้น-การตกของดวงอาทิตย์อีกเช่นกัน  แหละตรงนี้เองก็ทำให้สามารถรู้ได้ว่า ขึ้นเดือนใหม่แล้วหรือยัง ขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติแล้วหรือยัง ด้วยการขึ้น-ตกของดวงจันทร์ ดังนั้นถ้าเราไม่ได้ศึกษาหลักดาราศาสตร์อิสลาม ไม่ได้เห็นความสำคัญของวิชาดาราศาสตร์อิสลาม เราก็ยังไม่สามารถรู้แหละเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้อย่างแน่นอน) พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงสร้างสิ่งต่างๆเหล่านั้น เว้นแต่ด้วยความจริง(ความจริงที่ว่าก็คือถ้าได้ศึกษาเรื่องราวของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์เราท่านทั้งหลายจะได้พบกับความรู้ ได้พบกับปรัชญาอันยิ่งใหญ่ ได้พบกับคุณประโยชน์อย่างมากมายที่มีคุณค่ายิ่ง)พระองค์ทรงจำแนกสัญญาณต่าง ๆ(โองการต่างๆของพระองค์ให้แจ่มแจ้ง) สำหรับหมู่ชนที่มีความรู้  ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่5
     มีสิ่งที่หน้าคิดอยู่ประการหนึ่งก็คือ เมื่อนักดาราศาสตร์อิสลามได้มีการคำนวนว่าในวันที่เท่านี้(วันที่29ของเดือนอิสลาม)ในการดูจันทร์เสี้ยวจะไม่มีผู้ใดสามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย (ซึ่งได้คำนวนตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงตามวงโคจรที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ตามหลักดาราศาสตร์สากล เพราะไม่ว่าจะหลักดาราศาสตร์อิสลามหรือหลักดาราศาสตร์สากล ก็มีการคำนวนอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน คือการคำนวนตามพื้นฐานการโคจรที่แน่นอนที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมาเท่านั้น)แต่ได้มีผู้หนึ่งโทรมารายงานอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดบางประการ หรือเกิดจากการโกหก เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เราในฐานะเป็นผู้ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าและมีหน้าที่รับผิดชอบตรงนี้ จะพิจราณาเหตุการณ์นี้อย่างไร ไปในทิศทางใดดังนั้นบทสรุปก็คือแม้ว่าเขาที่อ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว จะได้มีการกล่าวซะฮาดะห์อย่างไรหรือเขาจะสาบานอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะเชื่อถือได้ เพราะไม่ได้พูดตามสิ่งเกิดขึ้นจริง ไม่ได้พูดตามโลกแห่งความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างมา
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
     และอย่าติดตาม(อย่าพูด)สิ่งที่ท่านไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น(คืออย่าพูดว่าเห็นในสิ่งที่ตาไม่เห็น ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อย่าพูดว่าได้ยินในสิ่งที่หูไม่ได้ยิน ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อย่าพูดว่ารู้ในสิ่งที่ไม่มีความรู้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม) แท้จริงหู และตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน(จากพระผู้เป็นเจ้าในโลกหน้าอาคิเราะห์อย่างแน่นอน)  ซูเราะห์อัลอิสรออ์ อายะห์ที่36
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า   
     ไม่มีคำพูดคำใดที่เขากล่าวออกมา(ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดีหรือคำพูดที่ไม่ดี) เว้นแต่ใกล้ๆเขานั้นมี(มะลาอิกะห์) ผู้เฝ้าติดตามผู้เตรียมพร้อม (ที่จะบันทึก) ซูเราะห์ก๊อฟ อายะห์ที่18
     เล่าจากอิบนุอุมัร(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่าคนที่โป้ปดที่สุดคือคนที่ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแลเห็น ในสิ่งที่ตาทั้งสองข้างไม่ได้เห็น รายงานโดยบุคอรี
     แรงดึงดูดของดวงจันทร์เป็นแรงสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำขึ้น น้ำลงวันละ2ครั้งวันที่ดวงจันทร์ขึ้น8ค่ำหรือแรม8ค่ำจะมีน้ำขึ้น น้ำลงน้อยที่สุดเพราะว่าดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ทำมุมตั้งฉากกัน วันที่ดวงจันทร์ขึ้น15ค่ำหรือแรม15ค่ำจะมีน้ำขึ้น-น้ำลงมากที่สุดเพราะว่าดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์อยู่ในแนวเดียวกัน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า 
     จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจงบอกฉัน(พิจราณา)ซิว่า หากแหล่งน้ำของพวกท่านเหือดแห้งลง(ขอดลง) ดังนั้นผู้ใดเล่าจะนำน้ำที่หลั่งล้น(เต็มขึ้นมา)มาให้พวกท่าน ซูเราะห์อัลมุลก์ อายะห์ที่30
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا ،
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้ การเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา เนื่องด้วยมนุษย์ได้อาศัยอยู่ทุกทิศทุกทางในโลกใบนี้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ดังนั้นการละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น เรียกว่าใช้ระบบสุริยะ และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่วันที่1ของเดือนอิสลาต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(จันทร์ดับ) เรียกว่าใช้ระบบจันทรคติ  ดังนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นทางประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันออกก่อนประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกหนึ่งชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่าตามระยะทางที่แตกต่างกันไป(เพราะโลกของเราโคจรทวนเข็มนาฬิกา ถ้าวันศุกร์ใดที่โลกของเราโคจรตามเข็มนาฬิกาวันนั้นแหละคือวันกิยามะห์) ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่จะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน ละหมาดอัสริพร้อมกันฯลฯ)
     ดังนั้นการที่จะกล่าวอ้างว่าเพื่อความเป็นเอกภาพของอุมมะห์มุสลิมที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ควรจะทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่ง เวลาเดียวกันและวันเดียวกัน การกล่าวอ้างแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา เรียกว่าคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองเท่านั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราท่านทั้งหลายจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ขณะที่มุสลิมที่อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียละหมาดซุบฮิ มุสลิมที่อยู่ในอเมริกาเหนืออาจยังทำละหมาดอิซาของวันก่อนไม่เสร็จเลย ดังนั้นถ้าพระผู้เป็นเจ้ามีความต้องการให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลกทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่งเวลาเดียวกันและวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพอย่างที่ใครบางคนกล่าวอ้างแล้ว เอกภาพดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะความแตกต่างทางด้านเวลาที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่ ผมอยากจะให้เราท่านทั้งหลายสังเกตุดูสักนิดนึงว่า ถ้าจะให้เราละหมาด5เวลาตลอด24ช.ม.เราท่านทั้งหลายคงจะไม่มีใครทำได้  แต่ด้วยความแตกต่างทางด้านเวลานี้แหละทำให้มีผู้ละหมาด มีผู้ทำอิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้าตลอด24ช.ม.เรียกว่าตลอดทั้งวันทั้งคืน
     แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลาม(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น วันที่1เดือนอิสลามของประเทศใครประเทศมัน ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน) ชี้ชัดให้เห็นเลยว่าเราท่านทั้งหลายควรจะยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง ดวงอาทิตย์ประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา ดวงจันทร์เสี้ยวประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
     พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา)  อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์ พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน) ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน ตามกันไม่ได้ แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา
     การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลก)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา
     ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
     มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.)ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
     วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันอังคารที่27กันยายนพ.ศ.2554ตรงกับวันที่29เซาวั้ล ฮ.ศ.1432 (สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันอังคารที่27กันยายน พ.ศ.2554 เวลา18.08.42วินาที) ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันอังคารที่27กันยายนพ.ศ.2554 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1432 (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยวโดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)     
     วันอังคารที่27กันยายนพ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.11.39วินาที ดวงจันทร์ตก17.55.01วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์16นาที38วินาที จึงไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.09.36วินาที ดวงจันทร์ตก17.53.12วินาที  ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์16นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน  ยะลา ดวงอาทิตย์ตก18.10.25วินาที ดวงจันทร์ตก17.56.18วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์14นาที07วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก18.12.05วินาที ดวงจันทร์ตก17.57.49วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์14นาที16วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.14.48วินาที ดวงจันทร์ตก17.58.13วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์16นาที36นาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.09.38วินาที  ดวงจันทร์ตก17.55.21วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์14นาที17วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก17.53.22วินาที ดวงจันทร์ตก 17.35.37วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์17นาที46วินาที ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
     ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันอังคารที่27กันยายน พ.ศ.  2554หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวบอกได้เลยว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน สรุปว่าผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม เท่ากับว่าเดือนเซาวั้ลปีนี้มี30วัน แหละวันที่1ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1432 จะตรงกับวันพฤหัสบดีที่29กันยายนพ.ศ.2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
     คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า 
     ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
     เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
ในเดือนเซาวั้ลนี้มีสุนัตให้ถือศิลอดหกวัน จะถือศิลอดติดต่อกันหรือถือศิลอดในวันใดก็ได้โดยให้อยู่ในเดือนเซาวั้ลนี้เท่านั้น
     เล่าจากอะบีอัยยูบ(ร.ด.)ว่าท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่าผู้ใดถือศิลอดในเดือนร่อมะดอน แล้วถือศิลอดอีกหกวันในเดือนเซาวั้ลตามไป เขาจะได้รับภาคผลบุลเท่ากับถือศิลอดตลอดทั้งปี รายงานโดยมุสลิม
     วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
     วันนี้วันเสาร์ที่10กันยายนพ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับกทม.ซุบฮิเวลา04.47.39 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.07.26วินาที ดุฮ์ริเวลา12.15.52วินาที อัสริเวลา15.32.04วินาที มักริบเวลา 18.24.07วินาที อีซาเวลา19.35.27วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา04.42.32วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.03.33วินาที ดุฮ์ริเวลา12.17.44วินาที อัสริเวลา15.43.01วินาที  มักริบเวลา18.31.37วินาที อีซาเวลา19.43.41วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.39.57วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.01.57วินาที ดุฮ์ริเวลา12.18.41วินาที อัสริเวลา15.46.39วินาที มักริบเวลา18.35.03วินาที อีซาเวลา19.47.49วินาที  พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:41 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
                   
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
      
     การเกิดน้ำท่วมนั้นเหตุการณ์อย่างนี้เคยได้เกิดขึ้นมาแล้วในสมัยของท่านศาสดาซากิรีน หรือที่เรารู้จักกันในนามว่าท่านนบีนูฮ์ ท่านเป็นบุตรของมาลิก บุตรของมะนูซิกะห์ บุตรของอิดรีส (สาเหตุที่ท่านมีนามว่านูฮ์ก็เพราะว่าท่านมีความเศร้าโศรกเสียใจอย่างมากที่กลุ่มชนของท่านกราบไหว้ สักการะรูปปั้น อีกทั้งท่านได้รับความเจ็บปวด ท่านถูกทุบตี ท่านถูกหัวเราะเยาะถากถางต่างๆนาๆจากกลุ่มชนของท่าน เมื่อท่านมีอายุครบ40ปีพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นศาสดา เรียกร้องให้ผู้คนกลับมาศรัทธายึดมั่นหันมาเคารพภักดี อิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวโดยไม่นำสิ่งอื่นมาภาคีกับพระองค์ ในระยะเวลาที่ท่านได้ประกาศศาสนาอย่างยาวนานตามคำสั่งใช้ของพระผู้เป็นเจ้า มีผู้ชายเข้ามารับถือศาสนาอิสลามเพียง50คน มีผู้หญิงเข้ามารับถือศาสนาอิสลามเพียง50คนเท่านั้นเอง
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูฮ์ไปยังหมู่ชนของเขา และเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งพันปีเว้นห้าสิบปี (คือ950 ปี)  ดังนั้นอุทกภัยได้คร่าพวกเขาขณะที่พวกเขาเป็นผู้อธรรม  ซูเราะห์อังกะบูต อายะห์ที่14(สังเกตุในกุรอ่านใช้คำว่าอัลฟะซะนะติน ต่อมาพระผู้เป็นเจ้าใช้คำว่าอิลลาคอมซีนะอามัน ไม่ใช้คำว่าอิลลาคอมซีนะซะนะตันตรงนี้หลักบาลาเฆาะห์เรียกว่าอัตตะฟันนุน ฟิตตะบีร คำว่าซะนะตินแปลว่าปีคำว่าอามันก็แปลว่าปีเหมือนกัน คือจะไม่นำคำเดียวกันมาไว้ในประโยคเดียวกัน  นอกจากว่าประโยคนั้นแสดงถึงการให้เกียตรแสดงถึงการบอกให้สะพึงกลัว จึงจะใช้คำว่าเดียวกันในประโยคเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  อัลกอริอะฮ์  อัลกอริอะฮ์นั้นคืออะไร?(ตรงนี้ใช้คำว่าอัลกอรีอะฮ์เหมือนๆกัน) และอะไรที่ทำให้เจ้าได้รู้ว่าอัลกอรีอะฮ์นั้นคืออะไร? วันที่มนุษย์จะเป็นเช่นแมลงเม่าที่กระจายว่อน ซูเราะห์อัลกอริอะห์ อายะห์ที่1-4
     ดังนั้นเราได้ช่วยเขาและพวกพ้องในเรือ ให้รอดพ้น และเราได้ทำให้มันเป็นสัญญาณหนึ่งแก่ประชาชาติ  ซูเราะห์อังกะบูต อายะห์ที่15
ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่มีข่าวน้ำท่วมหลายๆสถานที่ การใช้ชีวิตอยู่ในช่วงน้ำท่วมนั้นค่อนข้างจะลำบากมาก จะกินก็ลำบาก จะนอนก็ต้องคอยระวังน้ำ จะเข้าห้องน้ำห้องท่าก็ลำบาก  สิ่งที่ผู้ที่อยู่ในช่วงน้ำท่วมต้องการมากที่สุดก็คืออยากจะให้น้ำลดเร็วๆ เราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่าไม่ว่าเราจะทุกข์หรือเราจะสุข เราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมพระผู้เป็นเจ้า ต้องไม่ลืมที่จะทำความดีตามคำสั่งใช้ของพระองค์ สุขก็ซุโกร ทุกข์ก็อดทน ผมเชื่ออยู่อย่างนึงว่าถ้าเรามีศรัทธาอะไรๆก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในสมัยของท่านนบีนูฮ์ท่านเริ่มขึ้นเรือวันที่9เดือนร่อยับ ซะบาน ร่อมะดอน ซุ้ลเกาะดะห์ ซุ้ลฮิจยะห์อาศัยอยู่บนเรือกระทั่งถึงวันที่10เดือนมุฮัรรอม 
     ในช่วงที่อยู่บนเรือนะยิสบนเรือเต็มไปหมดทั้งของคนและของสัตว์ท่านนบีนูฮ์จึงขอดุอาต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยชำระขจัดนะยิสสิ่งปฏิกูลเหล่านั้นด้วย พระผู้เป็นเจ้าจึงมีคำสั่งใช้ให้ท่านยิบรีลลงมาหาท่านนบีนูฮ์สอนให้ท่านลูบที่หน้าผากของช้าง ทันใดนั้นปรากฏว่าหมูค่อยๆออกมาจากงวงช้าง เก็บกินสิ่งโสโครกสิ่งปฏิกูลที่อยู่บนเรือจนสะอาด(สังเกตุที่หมูตามธรรมชาติก้มอยู่ตลอดเวลาเพราะถูกให้มาเก็บกินสิ่งโสโครกที่อยู่บนพื้นเรือที่อยู่ต่ำ)เมื่อผู้ศรัทธาที่อยู่บนเรือเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็ฉงน ทึ่งในเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าอย่างมาก ต่อมาอิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)ก็ลูบหลังหมู ทันใดนั้นหนูก็ค่อยๆออกมาจากจมูกหมูกัดกระดานเรือ กัดข้าวของที่อยู่บนเรือให้เกิดความเสียหาย  ท่านนบีนูฮ์ตกใจแปลกใจจึงกล่าวขึ้นมาว่า หนูมาจากใหนกันนี่กัดข้าวของเสียหายหมด ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้เรือคงจะทะลุและแตกในที่สุด ท่านยิบรีลจึงลงมาบอกท่านนบีนูฮ์ว่าเจ้าของหนูก็คืออิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์) อิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)ได้ลูบหลังหมูหนูจึงออกมา ท่านยิบรีลสอนให้ท่านนบีนูฮ์ลูบหลังเสือ ลูบเสร็จแมวจึงออกมาจับกินหนู จากวันนั้นถึงวันนี้แมวกับหนูจึงไม่ถูกกัน ท่านนบีนูฮ์กล่าวกับอิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)ว่าลูบหลังหมูทำไม พระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ลูบหรืออย่างไร อิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)กล่าวว่าเปล่าหรอกฉันเห็นท่านลูบหน้าผากช้างหมูออกมา ฉันก็ลองลูบหลังหมูดูบ้างหนูจึงออกมา ท่านนบีนูฮ์กล่าวกับอิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)ว่าใครใช้ให้ท่านขึ้นมาบนเรือพระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ขึ้นมาหรือไง อิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)กล่าวว่าเปล่าหรอกฉันขึ้นมาเอง งานของฉันสำเร็จไปบางส่วนแล้วฉันทำให้คนปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้ามากมาย จนในที่สุดพวกเขาเหล่านั้นก็จมน้ำตายอย่างมากมายรวมทั้งภรรยาของท่านและกันอานลูกของท่านด้วย ฉันจึงต้องการขึ้นมาบนเรือเพื่อทำลายผู้ที่มีศรัทธาที่อยู่บนเรืออีก แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
     น้ำท่วมโลกครั้งนี้ได้พาเรือไปเวียนบริเวณบัยตุ้ลลอฮ์(บริเวณที่นบีอิบรอฮีมจะสร้างบัยตุ้ลลอฮ์ต่อไปข้างหน้า)เวียน7รอบ  ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่สั่งให้ฝนหยุดตกไม่สั่งให้แผ่นดินดูดน้ำลงไป คงจะมีน้ำล้นถึงฟากฟ้าเป็นแน่ ท้ายที่สุดแล้วเรือก็มาหยุดที่ภูเขายูดี
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  และเรือแล่นพาพวกเขาไปท่ามกลางคลื่นลูกเท่าภูเขา และนุห์ได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว “โอ้ลูกของฉันเอ๋ย ! จงมาโดยสารเรือกับเราเถิด และเจ้าอย่าอยู่ร่วมกับผู้ปฏิเสธศรัทธาเลย” เขา(ลูกชายของนบีนูฮ์) กล่าวว่า “ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง มันจะคุ้มครองฉันจากน้ำนี้ได้” เขา(นุห์) กล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดคุ้มครองในวันนี้จากพระบัญชาของอัลลอฮ์ เว้นแต่ผู้ทีพระองค์ทรงเมตตา” และคลื่นได้ซัดเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง และเขา(ลูกชาย) ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำ  และได้มีเสียงกล่าวว่า “แผ่นดินเอ๋ย! จงกลืนน้ำของเจ้า และฟ้าเอ๋ย ! จงหยุด” และน้ำได้ลดลงและกิจการได้ถูกตัดสิน และมันได้จอดเทียบอยู่ที่ภูเขาญดีย์ และได้มีเสียงกล่าวว่า “ความหมายนะจงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรมเถิด”ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่42-44
     จากเหตุการณ์ทั่งหมดที่ได้กล่าวมานี้สิ่งที่เราสำผัสได้ก็คือความยิ่งใหญ่เดชานุภาพแหละความสามารถของพระผู้เป็นเจ้านั้นไม่มีผู้ใดที่จะทำได้แหละไม่มีผู้ใดที่จะต้านทานไว้ได้ ความศรัทธาแหละการทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงห้ามเอาไว้เท่านั้น จึงจะทำให้อะไรๆก็ตามทั้งในตอนปัจจุบันแหละในอนาคตข้างหน้าดีขึ้นมาเอง
     หลักของการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามนั้นมิใช่จะนำมาแทนที่การดูจันทร์เสี้ยวที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้ระบุไว้  หากแต่ว่าการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามได้มาทำให้การพิจราณาการเห็นจันทร์เสี้ยวของบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่ง  เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง  ที่ตรงกับหลักความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา  ให้ตรงกับคำสั่งใช้ของร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)  ยิ่งกว่านั้นยังสามารถทำให้รู้ทันการโกหกหรือความเข้าใจผิดของบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้อีกด้วย  การโคจรของดวงอาทิตย์และการโคจรของดวงจันทร์และการโคจรของโลกเรา  มีเวลาที่แน่นอนที่สามารถคำนวนล่วงหน้าได้  ไม่มีวันใดเลยที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกของเราจะหยุดโคจรหรือหลุดออกจากวงโคจร  เพราะนี่คืองานของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้าง  ดังนั้นถ้าเราท่านทั้งหลายสังเกตดีๆได้มีการคำนวนเวลาขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ในแต่ละวัน มีการคำนวนเวลาขึ้น-ตกของดวงจันทร์ในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ มีการคำนวนเวลาการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคาล่วงหน้าได้แหละแม่นยำด้วย  เพราะดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลกไม่เคยหยุดโคจรเลยแม้แต่วินาทีเดียว นี่ก็แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ความสามารถ ความเกรียงไกรของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น  ที่ไม่มีใครสามารถทำได้แหละไม่มีทางที่ใครจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่าพระองค์ทรงทำให้ดวงอาทิตย์มีแสงจ้และดวงจันทร์มีแสงนวล และทรงกำหนดให้มันมีทางโคจร(คือมีจักรราศี) เพื่อพวกท่านทั้งหลายจะได้รู้จำนวนปีและการคำนวณ(ตรงนี้เองทำให้สามารถรู้ได้ว่า ขึ้นวันใหม่แล้วหรือยังด้วยดวงอาทิตย์ แหละก็ทำให้สามารถคำนวนเวลาละหมาดได้ ก็ด้วยการขึ้น-การตกของดวงอาทิตย์อีกเช่นกัน  แหละตรงนี้เองก็ทำให้สามารถรู้ได้ว่า ขึ้นเดือนใหม่แล้วหรือยัง ขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติแล้วหรือยัง ด้วยการขึ้น-ตกของดวงจันทร์ ดังนั้นถ้าเราไม่ได้ศึกษาหลักดาราศาสตร์อิสลาม เราก็ยังไม่สามารถรู้แหละเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้อย่างแน่นอน) พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงสร้างสิ่งต่างๆเหล่านั้น เว้นแต่ด้วยความจริง พระองค์ทรงจำแนกสัญญาณต่าง ๆ(โองการต่างๆของพระองค์ให้แจ่มแจ้ง) สำหรับหมู่ชนที่มีความรู้  ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่5
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และอย่าติดตาม(อย่าพูด)สิ่งที่ท่านไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น(คืออย่าพูดว่าเห็นในสิ่งที่ตาไม่เห็น ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อย่าพูดว่าได้ยินในสิ่งที่หูไม่ได้ยิน ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อย่าพูดว่ารู้ในสิ่งที่ไม่มีความรู้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม) แท้จริงหู และตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน(จากพระผู้เป็นเจ้าในโลกหน้าอาคิเราะห์อย่างแน่นอน)  ซูเราะห์อัลอิสรออ์ อายะห์ที่36
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ไม่มีคำพูดคำใดที่เขากล่าวออกมา(ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดีหรือคำพูดที่ไม่ดี) เว้นแต่ใกล้ๆเขานั้นมี(มะลาอิกะห์) ผู้เฝ้าติดตามผู้เตรียมพร้อม (ที่จะบันทึก) ซูเราะห์ก๊อฟ อายะห์ที่18
เล่าจากอิบนุอุมัร(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่าคนที่โป้ปดที่สุดคือคนที่ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแลเห็น ในสิ่งที่ตาทั้งสองข้างไม่ได้เห็น รายงานโดยบุคอรี
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
صُوْمُوْا لِرُهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِؤْيَتِرُؤْيَتِهِفَإ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا ،إ
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา  ดังนั้นการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น  และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่  วันที่1ของเดือนอิสลามต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(นิวมูน จันทร์ดับ)  ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่จะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน  ละหมาดอัสริพร้อมกัน  ฯลฯ) แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลามเหมือนๆกัน(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น  วันที่1เดือนอิสลามของประเทศใครประเทศมัน  ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน) จงยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง ที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่  อย่าคิดเอาเอง  อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอีดอีดิ้ลอัฎฮาที่กำลังจะมาถึงข้างหน้านี้
     การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า  ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
     มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
     วิเคราะห์ตามหลัดาราศาสตร์อิสลาม   วันพฤหัสบดีที่27ตุลาคมพ.ศ.2554ตรงกับวันที29ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1432  (สำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันพฤหัสบดีที่29กันยายนพ.ศ. 2554เป็นวันที่1ซุ้ลเกาะดะห์ฮ.ศ.1432 ประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันพฤหัสบดีที่27ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา02.55.48วินาที)  ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันพฤหัสบดีที่27ตุลาคม พ.ศ.  2554  จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ซุ้ลฮิจยะห์ ฮ.ศ.1432   วันพฤหัสบดี27ตุลาคมพ.ศ.2554  กทม.ดวงอาทิตย์ตก17.53.23วินาที  ดวงจันทร์ตก18.15.12วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว21นาที49วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน  ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก17.52.04วินาที ดวงจันทร์ตก18.14.15วินาที  มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว22นาที11วินาที24วินาที  ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก17.56.50วินาที  ดวงจันทร์ตก18.22.15วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที24วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก17.58.18วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.48วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที31วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก17.57.32วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.05วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที33วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก17.56.30วินาที  ดวงจันทร์ตก18.21.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที24วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก17.58.08วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.52วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที43วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก17.57.15วินาที  ดวงจันทร์ตก18.22.41วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที25วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก17.56.18วินาที  ดวงจันทร์ตก18.21.40วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที22วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้  หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 17.59.27วินาที  ดวงจันทร์ตก18.24.43วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที16วินาทีต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก17.56.22วินาที  ดวงจันทร์ตก18.18.11วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว21นาที49วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน  ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก17.57.10วินาที  ดวงจันทร์ตก18.22.26วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที16วินาทีต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก17.33.54วินาที  ดวงจันทร์ตก 17.54.15วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว20นาที21วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
     การคำนวนดาราศาสตร์อิสลาม  วันพฤหัสบดีที่27ตุลาคม พ.ศ. 2554 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ถ้ามีผู้เห็นจันทร์เสี้ยว วันที่1ซุ้ลฮิจยะห์ฮ.ศ.1432 ตรงกับศุกร์ที่28ตุลาคมพ.ศ.2554 สรุปว่าวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮาฮ.ศ.1432 ตรงกับวันอาทิตย์ที่6พฤศจิกายนพ.ศ.2554 แต่ถ้าวันพฤหัสบดีที่27ตุลาคมพ.ศ. 2554 ไม่มีผู้เห็นจันทร์เสี้ยววันที่1ซุ้ลฮิจยะห์ฮ.ศ.1432 ตรงกับเสาร์ที่29ตุลาคมพ.ศ.  2554 สรุปว่าวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮาฮ.ศ.1432 ตรงกับวันจันทร์ที่7พฤศจิกายนพ.ศ.2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
     คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
     วันนี้วันอังคารที่11ตุลาคม พ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)  สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.49.41 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.08.54วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.05.35 วินาที  อัสริเวลา15.26.42วินาที  มักริบเวลา 18.02.05วินาที  อีซาเวลา19.13.02วินาที  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา04.52.15วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.12.09วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.07.33วินาที  อัสริเวลา15.29.11วินาที  มักริบเวลา18.02.39วินาที  อีซาเวลา19.13.55 วินาที  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา04.52.53วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.13.28วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.08.24วินาที  อัสริเวลา15.29.25วินาที  มักริบเวลา18.03.00วินาที  อีซาเวลา19.14.44วินาที  พี่น้องครับอย่าละเลยการละหมาดเป็นอันขาดเพราะคือเสาหลักของศาสนา แหละซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”ซูเราะห์อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:43 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته     
     เมื่อน้ำเริ่มแห้งลงนับว่าเป็นความดีใจอย่างมากสำหรับคนที่ประสบกับภัยน้ำท่วม เป็นสิ่งที่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมต้องการมากที่สุด เพราะเมื่อน้ำได้แห้งลงความสดวกสบายก็กลับคืนมา การใช้ชีวิตการดำเนินชีวิตก็เป็นไปอย่างปกติสุข แต่อย่างไรก็ดีเมื่อน้ำแห้งลงมาตรการเยียวยาในทุกๆเรื่องก็จะถูกผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เฉกเช่นเดียวกันในสมัยอดีตกาล เมื่อท่านนบีนูฮ์อยู่บนเรือเป็นเวลานานน้ำใกล้จะแห้งแล้ว ท่านจึงสั่งใช้ให้เป็ดบินออกไปดูว่าน้ำแห้งหรือยัง ด้วยความดีใจเป็ดก็บินเล่นไปมาลืมคำสั่งของท่านนบีนูฮ์ ท่านนบีนูฮ์ก็รอแล้วรออีก รอนานเท่าไหร่เป็ดก็ยังไม่กลับมาบอกซะที ท่านนบีนูฮ์จึงหันไปใช้ให้นกบินออกไปดูว่าน้ำแห้งหรือยัง นกก็ได้ทำตามคำสั่งของท่านนบีนูฮ์ด้วยการที่นกพูดสื่อสารกับนบีนูฮ์ไม่ได้ นกจึงนำเท้าของมันลงไปบนพื้นดินแล้วนกก็กลับมาหาท่านนบีนูฮ์ ดินสีแดงก็ติดเท้านกมาด้วย เมื่อท่านนบีนูฮ์เห็นดังกล่าวท่านนบีนูฮ์ดีใจและรู้ได้ทันทีว่าน้ำลดแล้ว ท่านจึงขอดุอาต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าต่อไปภายภาคหน้าขอให้นกเชื่องและฟังคำสั่งของผู้คนต่างๆ แหละในขณะเดียวกันก็ให้ผู้คนทั้งหลายรักและสงสารเอ็นดูนกด้วย(ถ้าจะย้อนกลับไปดูตั้งแต่สมัยอดีตในยุคที่ยังไม่เจริญก็มีแต่นกนั่นแหละที่ส่งข่าวสารต่างๆให้ผู้คนในสมัยก่อนได้รับรู้)หลังจากนั้นไม่นานเป็ดก็บินกลับมาหาท่านนบีนูฮ์ ท่านนบีนูฮ์เห็นเป็ดท่านก็พูดขึ้นว่าขอให้ปีกของเจ้าอ่อนกำลังลง แหละให้การหากินของเจ้ายากลำบากต่อไปในภายภาคหน้า ด้วยการขอดุอาของนบีนูฮ์ทุกวันนี้เป็ดจึงบินสูงไม่ได้ บินนานๆไม่ได้ ลองสังเกตุเป็ดตามธรรมชาติหาอาหารกินตามร่องน้ำ ตามน้ำจาน้ำเลนที่สกปรก หลังจากน้ำลดแล้วนบีนูฮ์จึงรวบรวมเมล็ดพันพืชที่ได้เก็บรักษาเอาไว้ เพื่อจะนำมาปลูกเยียวยาให้กับพื้นแผ่นดิน เป็นอาหารแก่ผู้คนในภายภาคหน้า  หลังจากนั้นไม่นานท่านก็พบว่าเมล็ดองุ่นได้หายไปหาเท่าไหร่ก็ไม่พบไม่เจอเลย ท่านยิบรีลบอกให้ท่านนบีนูฮ์ได้รู้ว่าซัยตอนมารร้ายได้ขโมยเมล็ดองุ่นไป หลังจากที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทำลายล้างความชั่วร้ายต่างๆบนพื้นแผ่นดินให้หมดไปแล้วด้วยการให้น้ำท่วมทั้งโลก ซัยตอนมารร้ายก็เริ่มสร้างแผนการสร้างความชั่วร้ายให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้อีกครั้งด้วยการขโมยเมล็ดองุ่นไป ท่านนบีนูฮ์จึงได้ถามซัยตอนมารร้ายถึงเรื่องดังกล่าวแต่ก็ได้รับการปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่ได้ขโมยไป ท่านนบีนูฮ์จึงบอกกับซัยตอนมารร้ายว่าพระผู้เป็นเจ้าบอกให้ได้รู้ว่าเจ้าได้ขโมยเมล็ดองุ่นไป พระผู้เป็นเจ้าไม่โกหกแต่เจ้านั่นแหละได้โกหก เมื่อซัยตอนมารร้ายได้ยินดังกล่าวจึงยอมรับว่าได้ขโมยเมล็ดองุ่นไปจริง ท่านนบีนูฮ์จึงบอกว่าเอาเมล็ดองุ่นคืนมา ซัยตอนมารร้ายไม่ยอมให้ จะอย่างไรก็ไม่ยอมให้อย่างเดียว จะให้เมล็ดองุ่นก็ได้แต่ต้องมีข้อแม้อะไรบางอย่าง ต้องมีคำขออะไรบางอย่างด้วยจึงจะให้ มันได้ขอรดน้ำต้นองุ่นนั้นด้วยท่านนบีนูฮ์จึงรับคำขอของซัยตอนมารร้าย ทุกๆวันท่านนบีนูฮ์ได้รดน้ำต้นองุ่นวันละ2ครั้ง และในทุกๆเย็นซัยตอนมารร้ายจะมาเยี่ยวรดต้นองุ่นนั้นด้วย ดังนั้นน้ำและผลองุ่นมีวิตตามินเอ บี1บี2 ธาตเหล็กแคลเซี่ยมทีก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายต่อร่างกายของคนเรานั้นก็สืบเนื่องจากการรดน้ำของท่านนบีนูฮ์ แต่ในทางกลับกันถ้าได้เก็บหมักไว้นานๆกระทั่งมีกลิ่นและรสชาติที่ไม่เหมือนเดิมจนกลายเป็นน้ำเมา น้ำเมาที่ใครได้กินแล้วเกิดผลเสียมากมายตามมา เป็นผลเสียต่อร่างกาย เป็นผลเสียต่อสมอง เป็นจุดเริ่มต้นของความชั่วร้ายต่างๆอย่างมากมาย อาทิเช่นการทะเลาะเบาะแว้ง การผิดประเวณี การทำความชั่วร้ายต่างๆที่นอกเหนือจากนี้ก็สืบเนื่องมาจากการดื่มน้ำเมา สืบเนื่องมาจากการเยี่ยวรดของซัยตอนมารร้ายนั้น เพราะเมื่อสมองขาดสติก็เป็นเรื่องง่ายที่ซัยตอนมารร้ายจะชักจูงไปทำในสิ่งที่ไม่ดีต่างๆได้อย่างง่ายดาย
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่าโอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย แท้ที่จริงสุราและการพนันและแท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายัญ และการเสี่ยงติ้วนั้นเป็นสิ่งโสมมอันเกิดจากการกระทำของซัยตอน ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงห่างไกลจากสิ่งดังกล่าวมาเพื่อว่าพวกท่านทั้งหลายจะได้รับความสำเร็จ ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะที่90
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ที่จริงซัยตอนนั้นเพียงต้องการที่จะให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันระหว่างพวกท่านในสุราและการพนันเท่านั้น และมันจะหันเหพวกเจ้าออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮ์ และการละหมาด(การทำคุณความดีต่างๆ)แล้วพวกเจ้าจะยุติ(การกระทำผิดดังกล่าว)ใหม?  ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่91
ดังนั้นทุกๆสิ่งที่ทำให้เกิดการมึนเมาถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามตามศาสนาอิสลามทั้งสิ้น เป็นผลเสียต่อร่างกายเป็นผลร้ายต่อสังคม
เล่าจากตอริกอัลยัวะฟี(ร.ด.)ว่าเขาได้สอบถามท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ถึงสุราท่านได้ห้ามเขาหรือท่านรังเกียจที่จะให้เขาทำสุรา ต่อมาเขาได้กล่าวว่าแท้จริงฉันทำมันขึ้นเพื่อใช้เป็นยา ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าแท้จริงมันไม่ใช่เป็นยาแต่มันเป็นโรค รายงานโดยมุสลิม อะบูดาวูด และติรมีซี
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า  การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา  เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด  แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน  ไม่ตรงกัน  ตามกันไม่ได้  แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว  การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง  ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว  ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย  จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง  ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน  ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่  ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์  เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช  เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา
ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้  แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า  ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
     มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันศุกร์ที่25พฤศจิกายน พ.ศ.2554ตรงกับวันที่29ซุ้ลฮิจยะห์ ฮ.ศ.1432  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันศุกร์ที่28ตุลาคมพ.ศ.2554เป็นวันที่1ซุ้ลฮิจยะห์ฮ.ศ.1432 เพราะประกาศวันอาทิตย์ที่6พฤศจิกายนพ.ศ.2554เป็นวันอีดอีดิ้ลอัฏฮา)สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันศุกร์ที่25พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา13.09.42วินาที)   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันศุกร์ที่25พฤศจิกายน พ.ศ.  2554  จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1มุฮัรรอม ฮ.ศ.1433  ถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่อิสลามประจำฮิจเราะห์ศักราชที่1433 วันศุกร์ที่25พฤศจิกายนพ.ศ.2554  กทม.ดวงอาทิตย์ตก17.47.55วินาที  ดวงจันทร์ตก17.52.52วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว04นาที57วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน  ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก17.47.10วินาที ดวงจันทร์ตก17.52.12วินาที  มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว05นาที02วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน  ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก17.56.03วินาที  ดวงจันทร์ตก18.02.18วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที15วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน  ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก17.57.34วินาที  ดวงจันทร์ตก18.03.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที20วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก17.56.54วินาที  ดวงจันทร์ตก18.03.13วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก17.55.44วินาที  ดวงจันทร์ตก18.01.58วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที14วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอนยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก17.58.43วินาที  ดวงจันทร์ตก18.04.06วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที24วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก17.56.28วินาที  ดวงจันทร์ตก18.02.44วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที16วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก17.55.29วินาที  ดวงจันทร์ตก18.01.42วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที13วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 17.58.20วินาที  ดวงจันทร์ตก18.04.37วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที17วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก17.50.46วินาที  ดวงจันทร์ตก17.55.48วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว05นาที02วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน    ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก17.56.10วินาที  ดวงจันทร์ตก18.02.23วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที13วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก17.27.29วินาที  ดวงจันทร์ตก 17.31.22วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว03นาที53วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
***ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม  วันศุกร์ที่25พฤศจิกายน พ.ศ.  2554  หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ดังนั้นวันที่1มุฮัรรอมฮ.ศ.1433  วันขึ้นปีใหม่ปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 1433 ตรงกับวันอาทิตย์ที่27พฤศจิกายนพ.ศ.  2554  ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์  รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
    วันนี้วันศุกร์ที่25พฤศจิกายนพ.ศ.2554  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)  สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.59.26 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.22.56วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.05.29วินาที  อัสริเวลา15.22.13 วินาที  มักริบเวลา17.47.55วินาที  อีซาเวลา19.02.50สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา05.10.47วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.34.45วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.07.32วินาที  อัสริเวลา15.15.37วินาที  มักริบเวลา17.40.39วินาที  อีซาเวลา18.55.14 วินาที  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ  สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา05.15.26วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.39.45 วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.08.23วินาที  อัสริเวลา15.12.4906วินาที  มักริบเวลา17.36.52  วินาที  อีซาเวลา18.52.26วินาที 
     พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน  พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:45 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ คนรู้น้อย

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
ความรู้แน่นดี มู้นี้ขอมาเก็บน้อยหลังนะครับ ^^

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
วันหยุดยาวช่วงปีใหม่
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ธ.ค. 23, 2011, 08:53 PM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته         
   อีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ หลายๆคนที่มีความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าก็ใช้โอกาสนี้กลับไปเยี่ยมบ้านเยี่ยมอาเยาะห์เยี่ยมป๋าเยี่ยมมะห์เยี่ยมญาติพี่น้อง สิ่งต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นความดีงามที่มาพร้อมกับวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ เพราะว่าในโลกนี้นอกจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่มีใครหรอกที่จะรักเราเท่ากับอาเยาะห์ป๋ามะห์ของเรา นี่คือวิถีดำเนินชีวิตของผู้ศรัทธาแหละนี่ก็เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำชับไว้ ได้ทรงสั่งใช้ไว้อีกเช่นกัน
   พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และพระเจ้าของท่านบัญชาว่า พวกท่านอย่าเคารพภักดี(สักการะ)ผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงทำดีต่อบิดามารดา เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับท่าน ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ (พูดด้วยความไม่พอใจ)! และอย่าขู่เข็ญ(อย่าตะคอก)ท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน  และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา และจงกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย ”พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกท่าน หากพวกท่านเป็นคนดี ดังนั้นพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยแก่บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวอย่างแน่นอน ซูเราะห์อัลอิสรออ์ อายะห์ที่23-25
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และท่านทั้งหลายจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด(อย่านำสิ่งหนึ่งสิ่งใด)เป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อบิดามารดา(ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง)และต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนบ้านที่ห่างไกล และเพื่อนสนิท และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง(ทาส) แท้จริงอัลลอฮฺ ไม่ทรงชอบผู้ยะโส ผู้โอ้อวด ซูเราะห์อันนิซา อายะห์ที่36
เล่าจากอะบีอับดิรเราะห์มานอับดิลลาห์บุตรมัสอูด(ร.ด.)ว่า ฉันได้ถามร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ว่าอะมั้ลใด การกระทำใดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงรักทรงโปรดปรานที่สุด ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าการทำดีการปรนนิบัตรดีต่อบิดามารดา ฉันก็ได้ถามต่อว่าถัดจากนั้นคือสิ่งใด ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าการต่อสู้ในวิธีทางของพระองค์อัลเลาะห์รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์จากท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่าต้อยต่ำเหลือเกิน ต้อยต่ำเหลือเกิน ต้อยต่ำเหลือเกิน สำหรับบุคคลที่คนหนึ่งคนใดจากบิดามารดาของเขาหรือทั้งสองคนเข้าสู่วัยชรา เขาไม่ได้เข้าสวรรค์ รายงานโดยมุสลิม
   ครั้งหนึ่งมีผู้ที่ไร้อีหม่านถามท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ว่าพระเจ้าของท่านทำมาจากอะไร ทำมาจากเงิน ทำมาจากทองคำ ทำมาจากทองแดงหรือทำมาจากสะสารชนิดใด กินอะไรดื่มอะไรแหละโลกนี้จักวาลโลกนี้ ความสวยงามทรัพยากรที่มีค่าทุกสิ่งทุกๆอย่างพระเจ้าของท่านรับมรดกมาจากใครแหละผู้ใดจะได้รับมรดกโลกนี้ต่อไปในภายภาคหน้า ความเข้าใจของผู้ที่ไม่มีความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า เขาเข้าใจกันว่าพระผู้เป็นเจ้าก็คงมีลักษณะคล้ายๆกับสิ่งที่พวกเขาสักการะอยู่ ดังนั้นซูเราะห์อัลอิคลาสหรือที่เราท่านทั้งหลายรู้กันว่าซูเราะห์กุ้ลฮุวั้ลลอฮ์ก็จึงถูกประทานลงมา จงกล่าว(ประกาศ)เถิด โอ้มุฮัมมัด พระองค์คืออัลลอฮฺผู้ทรงเอกะซูเราะห์อัลอิคลาสอายะห์ที่1(คำว่าจงกล่าว จงประกาศเถิด ภาษาอะหรับใช้คำว่ากุ้ลเป็นฟิอิ้ลอะมัรตรงนี้จึงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สิ่งที่มีอยู่ในอัลกุรอ่านทั้งหมดนั้นไม่ได้มาจากความคิดแหละไม่ได้มาจากการที่ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ปั้นแต่งขึ้นมาเอง หากแต่ว่าเป็นคำสั่งใช้จากพระผู้เป็นเจ้าที่ได้สั่งใช้ลงมาผ่านมะลาอิกะห์ที่มีนามว่ายิบรออีลสู่ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) ด้วยคำที่ว่าจงกล่าวจงประกาศเถิดโอ้มุฮัมมัด)  ต่อมาพระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวว่าฮู่วะตรงนี้นักอธิบายอัลกุรอ่านบอกว่าความหมายก็คือจงกล่าวจงประกาศเถิดโอ้มุฮัมมัดพระผู้เป็นเจ้าที่ท่านได้ถูกถามเป็นคำถามข้างต้นทั้งหมดนั้นนั้นพระองค์คือพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)  บางกลุ่มจากนักอธิบายอัลกุรอ่านก็บอกว่าด่อเมรนี้เรียกว่าด่อมีรุชชะ  แต่จุดประสงค์ของอายะห์นี้จริงๆอยู่ตรงคำว่าที่ว่าอะฮัดแปลว่าพระองค์ทรงเอกะ ทรงหนึ่งเดียว ตรงนี้เองจึงเป็นบทสรุปในทุกๆคำถามของผู้ไร้ศรัทธาที่ได้กล่าวมา ดังนั้นเมื่อพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงเอกะมีหนึ่งเดียว หนึ่งเดียวเท่านั้น จึงไม่ใช่ทองคำแน่นอน เพราะทองคำมีเยอะมากมาย ไม่ใช่เงินแน่นอน  ไม่ใช่ทองแดงแน่นอน ไม่ใช่สะสารชนิดใดแน่นอน  ไม่กินไม่ดื่มอย่างแน่นอน ไม่ได้รับมรดกทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระเจ้าใดแน่นอนแหละจะไม่มีผู้ใดมาแทนที่การเป็นพระเจ้าของพระองค์ได้อย่างแน่นอน   บางส่วนจากเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าแค่บางส่วนเท่านั้น กรณีศึกษาอย่างจันทรุปราคา10ธันวาคมที่ผ่านมาดวงจันทร์จริงๆไม่มีแสงในตัวเอง  แต่พระผู้เป็นเจ้าก็ทำให้ค่อยๆมีแสงขาวนวลทีละน้อยๆได้  พอมีแสงนวลเต็มที่พระผู้เป็นเจ้าก็ลดแสงนวลทีละน้อยๆจนมืดมิดอีกครั้งที่เรารู้จักกันว่าวันจันทร์ดับ วันดีคืนดีพระผู้เป็นเจ้าก็ทำให้ดวงจันทร์มีแสงนวลสีส้มคล้ายๆสีของดวงอาทิตย์ได้อีกเช่นกัน ที่เรารู้จักกันว่าคืนจันทรุปราคา มีข้อต่างอยู่ตรงที่ว่าดวงอาทิตย์ส่องแสงแดงแต่มองด้วยตาเปล่าไม่ได้  ดวงจันทร์ในคืนจันทรุปราคามีแสงนวลสีส้มที่มองด้วยตาเปล่าได้ สิ่งต่างๆเหล่านี้ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทำ ใครจะทำได้ ดังนั้นระยะเวลาเกือบจะหนึ่งปีที่ผ่านมาเราท่านทั้งหลายทำคุณความดีต่อพระผู้เป็นเจ้ามากน้อยเพียงใด ดีเท่าใดไม่ดีเท่าใด เริ่มตั้งแต่เดี่ยวนี้วันนี้เราจะทำคุณความดีเพื่อพระองค์ เราจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีต่างๆที่พระองค์ได้ทรงห้ามเอาไว้ แล้วโลกหน้าอาคิเราะห์สิ่งที่ดีๆความสุขสบายจากพระผู้เป็นเจ้าจะมาสู่เราท่านทั้งหลายอย่างแน่นอน
   การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม  ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้ การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา  เนื่องด้วยมนุษย์ได้อาศัยอยู่ทุกทิศทุกทางในโลกใบนี้ ทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ดังนั้นการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น เรียกว่าใช้ระบบสุริยะ
และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่ วันที่1ของเดือนอิสลามต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(นิวมูน จันทร์ดับ)  เรียกว่าใช้ระบบจันทรคติ ดังนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นทางประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันออกก่อนประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกหนึ่งชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่าตามระยะทางที่แตกต่างกันไป(เพราะโลกของเราโคจรทวนเข็มนาฬิกา  ถ้าวันศุกร์ใดที่โลกของเราโคจรตามเข็มนาฬิกาวันนั้นแหละคือวันกิยามะห์)  ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก  อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ  เวลาทุกเวลาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป  สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า  ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน  ละหมาดอัสริพร้อมกัน  ฯลฯ) ดังนั้นการที่จะกล่าวอ้างว่าเพื่อความเป็นเอกภาพของอุมมะห์มุสลิมมุสลิมะห์ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ควรจะทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่ง เวลาเดียวกันและวันเดียวกัน  การกล่าวอ้างแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา  เรียกว่าคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองเท่านั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราท่านทั้งหลายจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ขณะที่มุสลิมที่อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียละหมาดซุบฮิ  มุสลิมที่อยู่ในอเมริกาเหนืออาจยังทำละหมาดอิซาของวันก่อนไม่เสร็จเลย ดังนั้นถ้าพระผู้เป็นเจ้ามีความต้องการให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลกทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่งเวลาเดียวกันและวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพอย่างที่ใครบางคนกล่าวอ้างแล้ว เอกภาพดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะความแตกต่างทางด้านเวลาที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่ ผมอยากจะให้เราท่านทั้งหลายสังเกตุดูสักนิดนึงว่า ถ้าจะให้เราละหมาด5เวลาตลอด24ช.ม.เราท่านทั้งหลายคงจะไม่มีใครทำได้  แต่ด้วยความแตกต่างทางด้านเวลานี้แหละทำให้มีผู้ละหมาด มีผู้ทำอิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้าตลอด24ช.ม.เรียกว่าตลอดทั้งวันทั้งคืน แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลาม(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น  วันที่1เดือนอิสลามของประเทศใครประเทศมัน  ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน)  ชี้ชัดให้เห็นเลยว่าเราท่านทั้งหลายควรจะยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง  ดวงอาทิตย์ประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา  ดวงจันทร์เสี้ยวประเทศเราก็มีดู  ก็ดูของประเทศเรา  อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา)  อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์  พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง  เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน)  ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
   ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า  การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา  เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด  แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน  ไม่ตรงกัน  ตามกันไม่ได้  แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว  การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง  ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว  ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย  จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง  ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน  ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่  ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์  เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช  เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา
ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้  แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า  ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.)
ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
   วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ.2554ตรงกับวันที่29 มุฮัรรอม ฮ.ศ.1433  สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา01.06.24วินาที อายุดวงจันทร์สำหรับ กทม.16ชม.51นาที32วินาที/ชลบุรี16ชม.50นาที59วินาที/ยะลา17ชม.02นาที53วินาที)   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ.  2554  จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ซอฟัร ฮ.ศ.1433  (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย  ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว  แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)     
   วันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ.2554  กทม.ดวงอาทิตย์ตก17.57.56วินาที  ดวงจันทร์ตก18.37.42วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว39นาที46วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง  ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก17.57.23วินาที ดวงจันทร์ตก18.36.54วินาที  มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว39นาที31วินาที  สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง  ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.07.44วินาที  ดวงจันทร์ตก18.46.00วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที16วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.09.17วินาที  ดวงจันทร์ตก18.47.35วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที18วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.08.39วินาที  ดวงจันทร์ตก18.46.53วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที14วินาที ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.07.26วินาที  ดวงจันทร์ตก18.45.40วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที15วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.09.32วินาที  ดวงจันทร์ตก18.47.43วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที11วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.08.09วินาที  ดวงจันทร์ตก18.46.26วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที17วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.07.10วินาที  ดวงจันทร์ตก18.45.25วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที15วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.09.54วินาที  ดวงจันทร์ตก18.48.23วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที29วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.00.43วินาที  ดวงจันทร์ตก18.40.40วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว39นาที56วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง   ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.07.47วินาที  ดวงจันทร์ตก18.46.09วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที21วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก18.37.09วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.16.25วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว39นาที16วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง   
   ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม  วันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ.  2554  หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ทั่วทั้งประเทศไทยสามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้  ดังนั้นวันที่1ซอฟัรฮ.ศ.1433  ตรงกับวันจันทร์ที่26ธันวาคมพ.ศ.  2554  ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
   พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์  รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
   วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
วันนี้วันศุกร์ที่23ธันวาคมพ.ศ.2554  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)  สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 05.12.54 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.38.00วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.17.27วินาที  อัสริเวลา15.32.12 วินาที  มักริบเวลา17.56.54วินาที  อีซาเวลา19.13.13สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา05.26.47วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.51.37วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.19.27วินาที  อัสริเวลา15.23.43วินาที  มักริบเวลา17.47.18 วินาที  อีซาเวลา19.03.49 วินาที  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ  สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา05.31.13วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.57.29 วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.20.24วินาที  อัสริเวลา15.19.31วินาที  มักริบเวลา17.43.20  วินาที  อีซาเวลา19.00.21วินาที 
   พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน  พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:47 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: วันที่6 เดือน6 ปี6+6
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ม.ค. 20, 2012, 03:36 PM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
     การที่เราท่านทั้งหลายได้ศรัทธาอยู่ในศาสนาอัลอิสลามนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เป็นความโปรดปรานอย่างมากที่สุดจากพระผู้เป็นเจ้า ขอเราท่านทั้งหลายจงมีความซูกุรขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าให้มากๆเพราะเราท่านทั้งหลายต้องอย่าลืมอย่างนึงว่าเงินทองไม่สามารถซื้อหาสรวงสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้ แต่เงินทองความดีงามที่สะสมเอาไว้ การมีอีหม่านศรัทธาจะสามารถนำพาเราท่านทั้งหลายไปสู่สรวงสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้  ตอนนี้วันนี้บางคนอาจจะยังไม่เห็นความสำคัญในการได้อยู่ในศาสนาอัลอิสลาม (แต่โลกหน้าอาคิเราะห์ผู้ไร้ศรัทธาคิดได้พยายามอ้อนวอนให้ได้กลับมามีศรัทธา มาเริ่มต้นสร้างคุณความดีใหม่อีกครั้ง แต่ก็หมดโอกาสเสียแล้ว)อาจจะสืบเนื่องจากมุ่งอยู่ในโลกดุนยามากไปสักนิด หรืออาจสืบเนื่องมาจากการขาดความใส่ใจในหลักความจริงที่ได้เห็นกันอยู่ ถ้าหากว่าเราท่านทั้งหลายได้มองสิ่งรอบข้างที่อยู่ใกล้ๆตัวและเอะใจสักนิด เราท่านทั้งหลายก็จะพบว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่จะมีขึ้นมาได้โดยปราศจากผู้สร้าง รถก็ต้องมีผู้ผลิต บ้านก็ต้องมีคนสร้าง หนังสือก็ต้องมีคนเขียนเรียบเรียงขึ้นมา พืชผลทางการเกษตรก็ต้องมีคนปลูก ดังนั้นจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ความลี้ลับในมหาสมุทร แร่ธาตุแหละทรัพยากรอันมีค่าที่มีอยู่ในพื้นแผ่นดิน มนุษย์ สิงสาราสัตว์ ภูเขาต้นหมากรากไม้แหละทุกๆสรรพสิ่ง จะมีขึ้นมาได้อย่างไรถ้าไม่มีพระผู้ทรงสร้าง แหละพระผู้ทรงสร้างที่จะสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้นั้นต้องมีความสามารถ ต้องมีเดชานุภาพ ต้องมีความยิ่งใหญ่ฯลฯ จึงจะสามามารถสร้างสิ่งต่างๆที่มหัศจรรย์เหล่านี้ได้   สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจจะทำไม่ได้เลยสำหรับเราๆท่านๆ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่มีสิ่งใดเลยที่เกินไปกว่าความสามารถของพระองค์ เป็นสิ่งเล็กน้อยมากสำหรับพระองค์
      มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆจะทำอะไรสักอย่างก็ต้องอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือ ต้องอาศัยการรวมน้ำใจ ต้องมีการประชุม ต้องแบ่งหน้าที่ตามความสามารถกันทำ ต้องหาปัจจัยมาสนับสนุนในด้านต่างๆการจัดงานหรือโครงการอะไรสักอย่างจึงจะเกิดผลสำเร็จขึ้นมาได้ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้าแล้วเป็นอะไรที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นสิ่งที่ง่ายดายมากสำหรับพระองค์ เพียงแค่พระองค์ตรัสคำสั้นๆว่า กุน(2อักษรเท่านั้น)สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นมาทันที ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะธรรมดาหรือมหัศจรรย์เพียงใด จะต้องเกิดขึ้นมาในทันที
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่สิ่งนั้นว่า “จงเป็น” แล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นขึ้นมา ซูเราะห์ยาซีน อายะห์ที่82
ในความเป็นจริงความสามารถของพระผู้เป็นเจ้านั้นพระองค์ทรงทำได้ในทุกสิ่งทุกอย่าง(ซึ่งต่างกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆทำได้แต่ไม่ได้ทุกอย่าง)ขึ้นอยู่ที่ว่าพระองค์จะให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นหรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าพระองค์ประสงค์จะให้เกิด พระองค์แค่ตรัสเพียง2อักษรสั้นๆว่า กุน สิ่งนั้นก็จะต้องเกิดขึ้นมาทันที 
     อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่แสดงถึงความสามารถแหละเดชานุภาพของพระองค์ วันที่6 เดือน6 ปี6+6(6+6=12ปี2012)มีเวลาสังเกต 6ชม.ปรากฏการณ์นั้นก็คือดาวศุกร์โคจรผ่านดวงอาทิตย์(ดาวศุกร์อยู่ใกล้โลกเราที่สุดแสงสุกใสมาก ถ้าเห็นตอนค่ำเรียกว่าดาวประจำเมือง ตอนรุ่งอรุณเรียกว่าดาวรุ่งหรือดาวประกายพรึก อุณหภูมิ 480C บรรยากาศมีคาร์บอนมอนน๊อกไซด์มากที่สุด ความสว่าง-4.4แมกนิจูด)   ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เป็นปรากฏการณ์ที่ดาวศุกร์มาอยู่ในแนวระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ คนบนโลกมีโอกาสเห็นดาวศุกร์เป็นดวงกลมดำขนาดเล็กเคลื่อนผ่านดวงอาทิตย์(ถ้าจะดูห้ามมองด้วยตาเปล่าเด็ดขาดแหละกล้องที่จะดูต้องมีแผ่นกรองแสงโดยเฉพาะเท่านั้นแหละต้องเป็นกล้องที่มีอัตราขยายสูงๆอีกด้วยจึงจะสามารถเห็นได้) วันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555 ประเทศไทยสามารถสังเกตดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น(ดูปฏิทินอิสลามวันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555 ตรงช่องซูรุกนั่นแหละคือเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นของจังหวัดท่าน) จนกระทั่งสิ้นสุดปรากฏการณ์ในเวลาประมาณ 11:50 น. โดยดาวศุกร์เริ่มผ่านหน้าดวงอาทิตย์ตั้งแต่ประมาณ 20 นาที ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นที่ประเทศไทย วันนั้นดาวศุกร์เล็กกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 33 เท่า (อนึ่งดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เกิดเป็นคู่ ห่างกัน 8 ปี แต่ละคู่ห่างกัน 105 หรือ 120 ปี ระยะห่างแต่ละครั้งจะมีรูปแบบที่แน่นอน คือ 8, 121.5, 8 และ 105.5 ปี และวนซ้ำกันเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ) ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 ซึ่งเห็นได้ในประเทศไทย หลังจากครั้งนั้นทำให้มีสถานที่สำคัญในการศึกษาทางดาราศาสตร์ในประเทศไทยเกิดขึ้นทางภาคเหนือ หลังจากศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์วันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555ครั้งนี้  ดาวศุกร์จะผ่านหน้าดวงอาทิตย์ขึ้นอีกในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2660 (ค.ศ. 2117) และวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2668 (ค.ศ. 2125)เราท่านทั้งหลายคงจะไม่มีโอกาสเห็นได้อีก อีกร้อยกว่าปี มีการโคจรที่แน่นอนไม่คลาดเคลื่อนเลยแม้แต่น้อย ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทำใครจะทำได้
     ในซูเราะห์ที่เริ่มต้นด้วยกุ้ล อันได้แก่กุ้ลยาอัยยู่ฮั้ลกาฟิรูน,กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด,กุ้ลอะอูรุบิร๊อบบิลฟ่าลัก,กุ้ลอะอูรุบิร๊อบบินนาส มีอยู่เพียงซูเราะห์เดียวเท่านั้นที่มีการกล่าวนามพระผู้เป็นเจ้า เป็นการกล่าวถึง2ครั้งอีกเช่นกัน ซูเราะห์นั้นก็คือซูเราะห์กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าที่เที่ยงแท้จริงๆนั้น  มีอยู่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นก็คือพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.) แหละพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งให้ทุกๆสรรพสิ่ง และทุกๆสรรพสิ่งที่ดำเนินอยู่อย่างปกติได้ก็ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาพระองค์ทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่พึ่งพาพระองค์เฉพาะวันนี้พรุ่งนี้เท่านั้น แต่ทุกๆสรรพสิ่งต้องพึ่งพาพระองค์ตลอดกาลและตลอดไป
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นที่พึ่ง ซูเราะห์อัลอิคลาส(กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด) อายะห์ที่2
ซัยตอนมารร้ายนั้นพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้มนุษย์ แหละยินตั้งภาคีกับพระองค์ พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้มนุษย์แหละยินออกห่างจากแนวทางที่ถูกต้อง แนวทางที่ซัยตอนมารร้ายได้วางเอาไว้คือทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ใช้  ไม่ทำไม่ใส่ใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าได้มีคำสั่งใช้เอาไว้
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้)
ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม  ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้ การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า  การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา  เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด  แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน  ไม่ตรงกัน  ตามกันไม่ได้  แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว  การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง  ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว  ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย  จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง  ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน  ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่  ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์  เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช  เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้  แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า  ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555ตรงกับวันที่29ซอฟัร ฮ.ศ.1433  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันจันทร์ที่26ธันวาคม พ.ศ.2554 เป็นวันที่1ซอฟัร  ฮ.ศ.1433 ดังนั้นวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555จึงเป็นวันที่29ซอฟัร ฮ.ศ.1433 )
-สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 เวลา14.39.18วินาที   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433  (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)   
     วันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.14.03วินาที  ดวงจันทร์ตก18.18.22วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว04นาที19วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.13.13วินาที ดวงจันทร์ตก18.17.11วินาที  มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว03นาที59วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน  3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.21.27วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.30วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
 -ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.22.58วินาที  ดวงจันทร์ตก18.25.02วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที04วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.22.17วินาที  ดวงจันทร์ตก18.24.16วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว01นาที59วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.21.08วินาที  ดวงจันทร์ตก18.29.09วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที01วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.23.03วินาที  ดวงจันทร์ตก18.24.58วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว01นาที54วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.21.52วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.56วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.20.53วินาที  ดวงจันทร์ตก18.22.56วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที02วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.23.47วินาที  ดวงจันทร์ตก18.26.06วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.16.55วินาที  ดวงจันทร์ตก18.21.25วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว04นาที30วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.21.37วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.46วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที10วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก17.53.45วินาที  ดวงจันทร์ตก 17.57.48วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว04นาที02วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
***ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ดังนั้นวันที่1ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433  ตรงกับวันพุธที่25มกราคม พ.ศ.  2555
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์  รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
     วันนี้วันศุกร์ที่20มกราคมพ.ศ.2555  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง) 
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 05.23.13 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.46.33วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.29.27วินาที  อัสริเวลา15.46.38 วินาที  มักริบเวลา18.12.29วินาที  อีซาเวลา19.27.09
-สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา05.34.12วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.57.57วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.31.26วินาที  อัสริเวลา15.40.22วินาที  มักริบเวลา18.05.05 วินาที  อีซาเวลา19.19.55 วินาที 
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา05.38.30วินาที  ตะวันขึ้นเวลา07.02.53 วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.32.22วินาที  อัสริเวลา15.37.07วินาที  มักริบเวลา18.02.03  วินาที  อีซาเวลา19.17.22วินาที 
     พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน  พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:48 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
     การที่เราท่านทั้งหลายได้ศรัทธาอยู่ในศาสนาอัลอิสลามนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เป็นความโปรดปรานอย่างมากที่สุดจากพระผู้เป็นเจ้า ขอเราท่านทั้งหลายจงมีความซูกุรขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าให้มากๆเพราะเราท่านทั้งหลายต้องอย่าลืมอย่างนึงว่าเงินทองไม่สามารถซื้อหาสรวงสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้ แต่เงินทองความดีงามที่สะสมเอาไว้ การมีอีหม่านศรัทธาจะสามารถนำพาเราท่านทั้งหลายไปสู่สรวงสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้  ตอนนี้วันนี้บางคนอาจจะยังไม่เห็นความสำคัญในการได้อยู่ในศาสนาอัลอิสลาม (แต่โลกหน้าอาคิเราะห์ผู้ไร้ศรัทธาคิดได้พยายามอ้อนวอนให้ได้กลับมามีศรัทธา มาเริ่มต้นสร้างคุณความดีใหม่อีกครั้ง แต่ก็หมดโอกาสเสียแล้ว)อาจจะสืบเนื่องจากมุ่งอยู่ในโลกดุนยามากไปสักนิด หรืออาจสืบเนื่องมาจากการขาดความใส่ใจในหลักความจริงที่ได้เห็นกันอยู่ ถ้าหากว่าเราท่านทั้งหลายได้มองสิ่งรอบข้างที่อยู่ใกล้ๆตัวและเอะใจสักนิด เราท่านทั้งหลายก็จะพบว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่จะมีขึ้นมาได้โดยปราศจากผู้สร้าง รถก็ต้องมีผู้ผลิต บ้านก็ต้องมีคนสร้าง หนังสือก็ต้องมีคนเขียนเรียบเรียงขึ้นมา พืชผลทางการเกษตรก็ต้องมีคนปลูก ดังนั้นจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ความลี้ลับในมหาสมุทร แร่ธาตุแหละทรัพยากรอันมีค่าที่มีอยู่ในพื้นแผ่นดิน มนุษย์ สิงสาราสัตว์ ภูเขาต้นหมากรากไม้แหละทุกๆสรรพสิ่ง จะมีขึ้นมาได้อย่างไรถ้าไม่มีพระผู้ทรงสร้าง แหละพระผู้ทรงสร้างที่จะสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้นั้นต้องมีความสามารถ ต้องมีเดชานุภาพ ต้องมีความยิ่งใหญ่ฯลฯ จึงจะสามามารถสร้างสิ่งต่างๆที่มหัศจรรย์เหล่านี้ได้   สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจจะทำไม่ได้เลยสำหรับเราๆท่านๆ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่มีสิ่งใดเลยที่เกินไปกว่าความสามารถของพระองค์ เป็นสิ่งเล็กน้อยมากสำหรับพระองค์
      มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆจะทำอะไรสักอย่างก็ต้องอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือ ต้องอาศัยการรวมน้ำใจ ต้องมีการประชุม ต้องแบ่งหน้าที่ตามความสามารถกันทำ ต้องหาปัจจัยมาสนับสนุนในด้านต่างๆการจัดงานหรือโครงการอะไรสักอย่างจึงจะเกิดผลสำเร็จขึ้นมาได้ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้าแล้วเป็นอะไรที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นสิ่งที่ง่ายดายมากสำหรับพระองค์ เพียงแค่พระองค์ตรัสคำสั้นๆว่า กุน(2อักษรเท่านั้น)สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นมาทันที ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะธรรมดาหรือมหัศจรรย์เพียงใด จะต้องเกิดขึ้นมาในทันที
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่สิ่งนั้นว่า “จงเป็น” แล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นขึ้นมา ซูเราะห์ยาซีน อายะห์ที่82
ในความเป็นจริงความสามารถของพระผู้เป็นเจ้านั้นพระองค์ทรงทำได้ในทุกสิ่งทุกอย่าง(ซึ่งต่างกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆทำได้แต่ไม่ได้ทุกอย่าง)ขึ้นอยู่ที่ว่าพระองค์จะให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นหรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าพระองค์ประสงค์จะให้เกิด พระองค์แค่ตรัสเพียง2อักษรสั้นๆว่า กุน สิ่งนั้นก็จะต้องเกิดขึ้นมาทันที 
     อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่แสดงถึงความสามารถแหละเดชานุภาพของพระองค์ วันที่6 เดือน6 ปี6+6(6+6=12ปี2012)มีเวลาสังเกต 6ชม.ปรากฏการณ์นั้นก็คือดาวศุกร์โคจรผ่านดวงอาทิตย์(ดาวศุกร์อยู่ใกล้โลกเราที่สุดแสงสุกใสมาก ถ้าเห็นตอนค่ำเรียกว่าดาวประจำเมือง ตอนรุ่งอรุณเรียกว่าดาวรุ่งหรือดาวประกายพรึก อุณหภูมิ 480C บรรยากาศมีคาร์บอนมอนน๊อกไซด์มากที่สุด ความสว่าง-4.4แมกนิจูด)   ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เป็นปรากฏการณ์ที่ดาวศุกร์มาอยู่ในแนวระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ คนบนโลกมีโอกาสเห็นดาวศุกร์เป็นดวงกลมดำขนาดเล็กเคลื่อนผ่านดวงอาทิตย์(ถ้าจะดูห้ามมองด้วยตาเปล่าเด็ดขาดแหละกล้องที่จะดูต้องมีแผ่นกรองแสงโดยเฉพาะเท่านั้นแหละต้องเป็นกล้องที่มีอัตราขยายสูงๆอีกด้วยจึงจะสามารถเห็นได้) วันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555 ประเทศไทยสามารถสังเกตดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น(ดูปฏิทินอิสลามวันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555 ตรงช่องซูรุกนั่นแหละคือเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นของจังหวัดท่าน) จนกระทั่งสิ้นสุดปรากฏการณ์ในเวลาประมาณ 11:50 น. โดยดาวศุกร์เริ่มผ่านหน้าดวงอาทิตย์ตั้งแต่ประมาณ 20 นาที ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นที่ประเทศไทย วันนั้นดาวศุกร์เล็กกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 33 เท่า (อนึ่งดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เกิดเป็นคู่ ห่างกัน 8 ปี แต่ละคู่ห่างกัน 105 หรือ 120 ปี ระยะห่างแต่ละครั้งจะมีรูปแบบที่แน่นอน คือ 8, 121.5, 8 และ 105.5 ปี และวนซ้ำกันเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ) ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 ซึ่งเห็นได้ในประเทศไทย หลังจากครั้งนั้นทำให้มีสถานที่สำคัญในการศึกษาทางดาราศาสตร์ในประเทศไทยเกิดขึ้นทางภาคเหนือ หลังจากศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์วันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555ครั้งนี้  ดาวศุกร์จะผ่านหน้าดวงอาทิตย์ขึ้นอีกในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2660 (ค.ศ. 2117) และวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2668 (ค.ศ. 2125)เราท่านทั้งหลายคงจะไม่มีโอกาสเห็นได้อีก อีกร้อยกว่าปี มีการโคจรที่แน่นอนไม่คลาดเคลื่อนเลยแม้แต่น้อย ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทำใครจะทำได้
     ในซูเราะห์ที่เริ่มต้นด้วยกุ้ล อันได้แก่กุ้ลยาอัยยู่ฮั้ลกาฟิรูน,กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด,กุ้ลอะอูรุบิร๊อบบิลฟ่าลัก,กุ้ลอะอูรุบิร๊อบบินนาส มีอยู่เพียงซูเราะห์เดียวเท่านั้นที่มีการกล่าวนามพระผู้เป็นเจ้า เป็นการกล่าวถึง2ครั้งอีกเช่นกัน ซูเราะห์นั้นก็คือซูเราะห์กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าที่เที่ยงแท้จริงๆนั้น  มีอยู่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นก็คือพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.) แหละพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งให้ทุกๆสรรพสิ่ง และทุกๆสรรพสิ่งที่ดำเนินอยู่อย่างปกติได้ก็ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาพระองค์ทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่พึ่งพาพระองค์เฉพาะวันนี้พรุ่งนี้เท่านั้น แต่ทุกๆสรรพสิ่งต้องพึ่งพาพระองค์ตลอดกาลและตลอดไป
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นที่พึ่ง ซูเราะห์อัลอิคลาส(กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด) อายะห์ที่2
ซัยตอนมารร้ายนั้นพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้มนุษย์ แหละยินตั้งภาคีกับพระองค์ พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้มนุษย์แหละยินออกห่างจากแนวทางที่ถูกต้อง แนวทางที่ซัยตอนมารร้ายได้วางเอาไว้คือทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ใช้  ไม่ทำไม่ใส่ใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าได้มีคำสั่งใช้เอาไว้
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้)
ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม  ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้ การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า  การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา  เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด  แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน  ไม่ตรงกัน  ตามกันไม่ได้  แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว  การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง  ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว  ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย  จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง  ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน  ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่  ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์  เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช  เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้  แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า  ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555ตรงกับวันที่29ซอฟัร ฮ.ศ.1433  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันจันทร์ที่26ธันวาคม พ.ศ.2554 เป็นวันที่1ซอฟัร  ฮ.ศ.1433 ดังนั้นวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555จึงเป็นวันที่29ซอฟัร ฮ.ศ.1433 )
-สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 เวลา14.39.18วินาที   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433  (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)   
     วันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.14.03วินาที  ดวงจันทร์ตก18.18.22วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว04นาที19วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.13.13วินาที ดวงจันทร์ตก18.17.11วินาที  มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว03นาที59วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน  3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.21.27วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.30วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
 -ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.22.58วินาที  ดวงจันทร์ตก18.25.02วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที04วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.22.17วินาที  ดวงจันทร์ตก18.24.16วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว01นาที59วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.21.08วินาที  ดวงจันทร์ตก18.29.09วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที01วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.23.03วินาที  ดวงจันทร์ตก18.24.58วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว01นาที54วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.21.52วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.56วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.20.53วินาที  ดวงจันทร์ตก18.22.56วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที02วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.23.47วินาที  ดวงจันทร์ตก18.26.06วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.16.55วินาที  ดวงจันทร์ตก18.21.25วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว04นาที30วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.21.37วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.46วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที10วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก17.53.45วินาที  ดวงจันทร์ตก 17.57.48วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว04นาที02วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
***ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ดังนั้นวันที่1ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433  ตรงกับวันพุธที่25มกราคม พ.ศ.  2554
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์  รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
     วันนี้วันศุกร์ที่20มกราคมพ.ศ.2555  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง) 
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 05.23.13 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.46.33วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.29.27วินาที  อัสริเวลา15.46.38 วินาที  มักริบเวลา18.12.29วินาที  อีซาเวลา19.27.09
-สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา05.34.12วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.57.57วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.31.26วินาที  อัสริเวลา15.40.22วินาที  มักริบเวลา18.05.05 วินาที  อีซาเวลา19.19.55 วินาที 
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา05.38.30วินาที  ตะวันขึ้นเวลา07.02.53 วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.32.22วินาที  อัสริเวลา15.37.07วินาที  มักริบเวลา18.02.03  วินาที  อีซาเวลา19.17.22วินาที 
     พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน  พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:49 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
0
   السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
     เราในฐานะผู้เป็นลูก ที่สำคัญเราท่านทั้งหลายได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีศรัทธา มีอีหม่านต่อพระผู้เป็นเจ้า เราท่านทั้งหลายต้องนึกถึงพระคุณของผู้เป็นบิดามารดาให้มากๆ  ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้น เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความรักที่ไม่หวังจะได้อะไรตอบแทนเลย   พ่อแม่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้เป็นคนดี  พ่อแม่ทุ่มเททุกอย่างเพื่ออยากจะเห็นว่า ลูกนั้นเป็นคนดีของพระผู้เป็นเจ้า  หวังลึกๆว่าโลกหน้าอาคิเราะห์ลูกของเราต้องสุขสบายอย่างแน่นอน เมื่อลูกเป็นคนดีได้แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรพ่อแม่ก็จะสบายใจ ปลาบปลื้มใจอีกด้วย
     ความรักความห่วงใยของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น ไม่มีระยะเวลาไม่มีอายุ ไม่มีกำแพงอะไรมากีดขวางได้เพราะพ่อแม่ของเราทุกๆคน คิดอยู่เสมอว่าลูกคือแก้วตาแหละดวงใจ ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าลูกจะเป็นเด็กแบเบาะก็ห่วงคอยทะนุทนอม แม้ยุงสักตัวก็ไม่ยอมให้มีในที่นอนของลูก คอยปกป้องลูกคอยให้โอกาส ช่วยเหลือสนับสนุนลูก พร้อมเสมอที่จะให้อภัยต่อลูกอยู่ตลอดเวลา ในบางครั้งที่ลูกทำผิดทำพลาดไป คนที่เป็นพ่อเป็นแม่พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ แม้ลูกจะแต่งงานออกเย่าออกเรือนไปแล้ว ความรักความห่วงใยที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้น ก็ยังเหมือนเดิมไม่ลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่ประการใด   ดังนั้นพระคุณของพ่อแม่มีมากมายเหลือเกิน ถ้าจะพูดถึงการทดแทนพระคุณของพ่อแม่แล้ว ทดแทนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอย่างแน่นอน แต่เราในฐานะผู้เป็นลูกถึงอย่างไรก็ตาม ก็จะต้องทดแทนพระคุณของพ่อแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และเราได้สั่งแก่มนุษย์เกี่ยวกับบิดา มารดาของเขา โดยที่มารดาของเขาได้อุ้มครรภ์เขาอ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า(ในช่วงตั้งครรภ์) และการหย่านมของเขาในระยะเวลาสองปี ท่านจงขอบคุณ(นึกถึงพระคุณ)ข้า และบิดามารดาของท่าน ยังเรานั้น คือการกลับไป ซูเราะห์ลุกมาน 31อายะห์ที่14
เล่าจากอับดิ้ลลาห์ บุตรอัมร์ บุตรอัลอาส(ร.ด.) จากท่านนบี(ซ.ล.)ว่า บาปใหญ่นั้นได้แก่ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์(ซ.บ.) การเนรคุณบิดามารดา การฆ่าคน และการสาบานโดยเจตนาเป็นเท็จ รายงานโดยบุคอรี
เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า บุตรไม่มีโอกาสที่จะตอบแทน(พระคุณ)บิดามารดาได้ นอกจากเขาจะพบว่าบิดามารดาเป็นทาส และเขาได้ซื้อมาปลดปล่อยให้เป็นอิสระ  รายงานโดยมุสลิม ดังนั้นเดือนนี้เป็นเดือนร่อบีอุลเอาวั้ล เป็นเดือนที่ร่อซูลุ้ลลออ์(ซ.ล.)ได้ประสูติขึ้นมา ท่านก็เคยเป็นลูก ท่านก็มีพ่อมีแม่เหมือนเราท่านทั้งหลายนี้แหละ สิ่งที่ได้ยินอยู่เป็นประจำก็คือ การขัดแย้งในวงกว้างเกี่ยวกับเรื่องการจัดเมาลิดนบี แต่กลับมีน้อยมากที่จะพูดถึงความสำคัญ พระคุณของพ่อแม่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว การทำดีต่อพ่อแม่นั้นนับว่าเป็นภาคผลบุลที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ต้องอะไรมากหรอกครับ แค่เป็นคนดี ช่วยเหลือห่วงใยเอาใจใส่ท่านทั้งสอง แค่นี้ท่านทั้งสองก็สุขใจมากแล้ว
     สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกประการหนึ่งที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยก็คือ การนึกถึงพระคุณของพระผู้เป็นเจ้านั้น นับว่าหายากมากๆ จะมีก็จำกัดอยู่ที่ผู้คน หมู่ยินกลุ่มน้อยเท่านั้น การตั้งภาคีการนำสิ่งอื่นมาเทียบเทียมเทียบเท่ากับพระผู้เป็นเจ้านั้น กลับมีทุกยุคทุกสมัย ซึ่งมีอยู่อย่างมากมายอีกด้วย ดังนั้นเราท่านทั้งหลายต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ซัยตอนมารร้ายเฝ้ารอโอกาสรอคอยอยู่ตลอดเวลา ที่จะคอยชักจูงชี้นำให้มนุษย์แหละยิน หลงทางตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า ลืมที่จะนึกถึงพระคุณแห่งพระผู้เป็นเจ้า เพลิดเพลินอยู่กับสิ่งที่ไร้สาระ กระทั่งทิ้งการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าในที่สุด
     ในสมัยที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ยังมีชีวิตอยู่ พระผู้เป็นเจ้าเคยแจ้งถึงข่าวใหญ่ ให้ท่านได้รับทราบ ((เป็นฮะดิษกุดซีย์ จากท่านมุอาซ เนื้อความของฮะดิษมีอยู่ว่า แท้จริงข้า(พระองค์อ.ล.ซ.บ.)  ยินแหละมนุษย์ ตกเป็นข่าวใหญ่มาก คือข้า(พระองค์อ.ล.ซ.บ.)เอง สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมา แต่ผู้อื่นกลับได้รับการกราบไหว้ แหละข้า(พระองค์อ.ล.ซ.บ.)เอง โปรยปรายริสกีโชคผลต่างๆมาให้(อย่างมากมาย) แต่ผู้อื่นกลับได้รับการขอบพระคุณ รายงานโดยบัยฮะกี ฮากิม))
จากฮะดิษกุดซีย์บทนี้ ทำให้เราท่านทั้งหลายมีข้อคิดสะกิดใจได้ว่า การดำเนินชีวิตของเราท่านทั้งหลายในอดีตที่ผ่านมาแหละในตอนปัจจุบันนี้ เป็นเหมือนดั่งฮะดิษกุดซีย์ ข้างต้นหรือเปล่า ถ้าไม่เหมือนก็อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ แต่ถ้าการดำเนินชีวิตของเราท่านทั้งหลาย ในอดีตที่ผ่านมาและในตอนปัจจุบันนี้ เป็นเหมือนดั่งฮะดิษกุดซีย์ ข้างต้นแล้ว เราท่านทั้งหลายต้องรีบเปลี่ยนแปลงแก้ไข ให้ไปในทางที่ถูกต้อง เพื่อความผาสุกจะได้เกิดขึ้นกับเราท่านทั้งหลายเอง ทั้งในโลกดุนยาแหละโลกหน้าอาคิเราะห์ (ในโลกหน้าอาคิเราะห์นั้นถ้าทุกข์ก็ทุกข์ตลอดไป ถ้าสุขก็ยิ่งสุขตลอดไป เป็นรางวัลแด่ผู้ศรัทธา)
     ความรักที่พระผู้เป็นเจ้ามอบให้แก่บ่าวของพระองค์นั้น แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว พระองค์จะไม่ใช่บิดาของใคร(เพราะพระองค์ทรงอะระลียุน ก่อดีมุน) แต่ความรักความหวังดี การให้อภัยที่พระองค์ทรงมีให้แก่บ่าวนั้น นับว่าความรักของคนที่เป็นพ่อ ของคนที่เป็นแม่ที่มีต่อลูก ไม่สามารถเทียบเทียมได้เลย
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า พระองค์ไม่ประสูติ(ไม่ใช่บิดาใคร) และไม่ทรงถูกประสูติ(ไม่ใช่ลูกใคร) ซูเราะห์อัลอิคลาส112 อายะห์ที่3 ถ้าเราท่านทั้งหลายสังเกตดู ก็จะพบว่าคนที่เป็นพ่อ เวลาเข้าสู่วัยชราหรือไม่ก็ เวลาที่ทำอะไรไม่ไหว ก็ต้องพึ่งพาอาศัยลูกเป็นธรรมดา กรณีของลูกก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีพ่อคงจะเกิดมาไม่ได้อย่างแน่นอน (ยกเว้นท่านนบีอีซา)ดังนั้นทุกๆสิ่งทุกๆอย่างต้องการที่พึ่งเสมอ ต่างกับคุณลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าอย่างสิ้นเชิง เพราะพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งให้ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง ดังนั้นอายะห์ที่3นี้จึงเป็นการเน้นย้ำให้เราท่านทั้งหลายรับรู้ได้ว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่พึ่งให้ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างจริงๆ(เป็นหลักฐานเน้นย้ำให้อายะห์ที่2ของซูเราะห์เดียวกัน) แหละอายะห์ที่3นี้ก็เป็นการปฏิเสธคำพูดของชาวยะฮูดี ชาวนัชรอนี ชาวมุชริกอะหรับ เป็นคำพูดที่ไม่ตรงกับหลักความเป็นจริง
-ชาวยะฮูดีอ้างว่า อุ่รัยเป็นบุตรพระเจ้า(เสียชีวิตเป็นร้อยปี พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ฟื้นกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เป็นคนเดียวในสมัยนั้นที่จำคำภีย์เตารอตได้ทั้งหมด)
-ชาวนัชรอนีอ้างว่า อีซาเป็นบุตรพระเจ้า
-ชาวมุชริกอะหรับอ้างว่า มะลาอีกะห์เป็นบุตรสาวพระเจ้า   ทำดีต่อพระผู้เป็นเจ้า ทำดีต่อบิดามารดา แล้วชีวิตเราท่านทั้งหลาย จะได้พบกับความผาสุกทั้งในโลกดุนยาแหละโลกหน้าอาคิเราะห์อย่างแน่นอน
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
ชี้ชัดให้เห็นเลยว่าเราท่านทั้งหลายควรจะยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา)  อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์  พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง  เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน)  ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า  การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา  เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด  แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน  ไม่ตรงกัน  ตามกันไม่ได้  แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว  การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง  ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว  ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย  จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง  ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน   
     ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้  แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
     มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันพุธที่22กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555ตรงกับวันที่29 ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันพุธที่25มกราคมพ.ศ.2554 เป็นวันที่1ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433 ดังนั้นวันพุธที่22กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555จึงเป็นวันที่29ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433 ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ร่อบีอุซซานี)
-สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันพุธที่22กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 เวลา05.34.36วินาที   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันพุธที่22กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ร่อบีอุซซานี ฮ.ศ.1433  (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)   
     วันพุธที่22กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.25.29วินาที  ดวงจันทร์ตก18.45.15วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว19นาที46วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.24.00วินาที ดวงจันทร์ตก18.43.15วินาที  มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที15วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.21.27วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.30วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
-ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.27.35วินาที  ดวงจันทร์ตก18.43.35วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว16นาที00วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.29.01วินาที  ดวงจันทร์ตก18.45.01วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว15นาที59วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.28.14วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.07วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว15นาที53วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.27.14วินาที  ดวงจันทร์ตก18.43.13วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว15นาที58วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.28.47วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.31วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว15นาที44วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.28.00วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.00วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว16นาที00วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.27.03วินาที  ดวงจันทร์ตก18.43.03วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว16นาที00วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.30.18วินาที  ดวงจันทร์ตก18.46.39วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว16นาที22วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.28.30วินาที  ดวงจันทร์ตก18.48.29วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที59วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.27.58วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.09วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว16นาที11วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก18.06.15วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.26.07วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที52วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี  ดวงอาทิตย์ตก18.25.38วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.45.29วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที50วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
**ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันพุธที่22กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ดังนั้นวันที่1ร่อบีอุซซานี ฮ.ศ.1433  ตรงกับวันศุกร์ที่24กุมภาพันธ์ พ.ศ.  2554
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
     คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์  รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
     วันนี้วันอาทิตย์ที่19กุมภาพันธ์พ.ศ.2555  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง) 
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 05.20.34 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.40.36วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.32.34วินาที  อัสริเวลา15.53.32 วินาที  มักริบเวลา18.24.43วินาที  อีซาเวลา19.36.25
-สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา05.25.53วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.46.27วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.34.28วินาที  อัสริเวลา15.53.04วินาที  มักริบเวลา18.22.47 วินาที  อีซาเวลา19.34.44 วินาที 
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา05.27.51วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.49.02 วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.35.25วินาที  อัสริเวลา15.52.13วินาที  มักริบเวลา18.22.07  วินาที  อีซาเวลา19.34.31วินาที 
     พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน  พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:51 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
     السلام عليكم ورحمة الله وبركاته                             
     การที่เราท่านทั้งหลายได้เกิดมาอยู่ในศาสนาอิสลามนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เพราะเท่ากับว่าเป็นก้าวแรก ที่จะทำให้เราท่านทั้งหลายได้พบกับสิ่งที่ถูกต้อง ได้พบกับความดีงาม ได้พบกับความสุขอันยิ่งใหญ่ทั้งโลกดุนยานี้ แหละโลกหน้าอาคิเราะห์ หลังจากนี้หน้าที่สำคัญของเราท่านทั้งหลาย ต้องคิดพิจารณาว่า จะทำอย่างไรให้เราท่านทั้งหลาย ได้อยู่ในศาสนาอันถูกต้องนี้ตลอดไป กระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
      พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และพวกเขามิได้ถูกบัญชาให้กระทำอื่นใด นอกจากเพื่อเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) เป็นผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ในการภักดีต่อพระองค์(ทั้งนี้ในคำภีย์เตารอต อินยีล ต่างก็ใช้ให้เคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้นเช่นกัน) เป็นผู้อยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรง(หันหนีจากศาสนาทั้งหลายมุ่งสู่ศาสนาอิสลามเท่านั้น เป็นศาสนาของท่านนบีอิบรอฮีม เป็นศาสนาที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้นำมามาเผยแพร่กระทั่งถึงทุกวันนี้)และดำรงการละหมาด และจ่ายซะกาต และนั่นแหละคือศาสนาอันเที่ยงธรรม(เที่ยงแท้) ((การภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า การที่มีความบริสุทธิ์ใจ การดำรงละหมาด การจ่ายซะกาตนั่นแหละคือศาสนาอันเที่ยงแท้ คือศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่ถูกตอบรับจากพระผู้เป็นเจ้า ในโลกหน้าอาคิเราะห์))ซูเราะห์อัลบัยยินะห์98 อายะห์ที่5 
     เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งที่จะนำพาเราท่านทั้งหลาย ไปพบกับความดีงามในอะหลั่ม(ในโลก)หลังความตาย แหละโลกหน้าอาคิเราะห์นั้น ไม่ใช่เงินไม่ใช่ทอง ไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน ไม่ใช่สมัครพรรคพวก  หากแต่ว่าสิ่งนั้นก็คือ การมีอีหม่านศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงจังและจริงใจเท่านั้น ผมเชื่อว่ายังมีพี่น้องเราหลายๆท่าน พยายามแสวงหา ความมั่นคงให้กับชีวิต  พยายามแสวงหา ความมั่นคงให้กับหน้าที่การงาน คิดแหละใส่ใจเฉพาะเรื่องของโลกดุนยาเท่านั้น โดยลืมที่จะสนใจ ลืมที่จะนึกถึง ความมั่นคงในโลกหน้าอาคิเราะห์ เพราะนั่นคือความมั่นคงที่แท้จริง เป็นความมั่นคงที่จะอยู่คู่กับเราตลอดไปและตลอดกาลๆๆๆ 
     ดังนั้นขอเราท่านทั้งหลาย จงมีอีหม่านศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า จงพากเพียรทำคุณความดีแขนงต่างๆให้มีคุณภาพ ให้มากๆ ออกให้ห่าง หนีให้ไกลจากคำสั่งห้ามของพระผู้เป็นเจ้าทุกชนิด สิ่งต่างๆเหล่านี้เท่านั้น จะสามารถนำพาเราท่านทั้งหลาย ให้พบกับความสุข ความสบาย ให้พบกับชัยชนะที่แท้จริง ให้มีโอกาสได้พบกับพระผู้เป็นเจ้า พระผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหน้าอาคิเราะห์ได้อย่างแน่นอน สุขใดเล่าจะเท่ากับความสุข ที่ได้รับเมื่อพบกับพระผู้เป็นเจ้าในโลกหน้าอาคิเราะห์ ซึ่งโอกาสดีๆเหล่านี้ จะหาไม่ได้เลยสำหรับผู้ไร้ศรัทธา พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีอยู่หนึ่งเดียวเท่านั้น หนึ่งเดียวเท่านั้น พระองค์ไม่เหมือนสิ่งใดเลยทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าใครยึดถือว่าพระองค์อัลเลาะฮ์(ซ.บ.)มีลักษณะเหมือนสิ่งนั้น เหมือนสิ่งนี้ เหมือนคนนั้น เหมือนคนนี้ ถือว่าไม่ใช่ผู้ศรัทธา ตรงนี้จะต้องระวังเป็นพิเศษ
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ ซูเราะห์อัลอิคลาส112 อายะห์ที่4
เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.) จากท่านนบี(ซ.ล.) ได้กล่าวว่า พระองค์อัลเลาะฮ์(ซ.บ.)ได้กล่าวว่า ลูกหลานอาดัม ได้กล่าวหาว่าเราโกหก โดยเขาไม่มีสิทธิเช่นนั้นเลย และเขาได้ด่าเรา โดยเขาไม่มีสิทธิเช่นนั้นเลย ที่เขากล่าวหาว่าเราโกหกคือ การที่เขากล่าวว่า เราไม่สามารถฟื้นคืนเขาขึ้นมาใหม่ได้อีก เหมือนที่เราสร้างเขาในตอนต้น ส่วนที่เขาด่าเราก็คือ การที่เขากล่าวว่า อัลเลาะฮ์มีบุตร  ทั้งๆที่เราเป็นที่พึ่ง ซึ่งไม่ให้กำเนิดบุตร และไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมเรา รายงานโดยบุคอรี
     การมีอีหม่าน การมีศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่สิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แหละสิ่งนี้เอง จะเป็นสิ่งที่นำเราท่านทั้งหลาย ในฐานะบ่าวของพระผู้เป็นเจ้า นำไปรับกับความผาสุก นำไปรับสรวงสวรรค์ นำพาเราท่านทั้งหลายสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ในโลกหน้าอาคิเราะห์ได้อย่างแน่นอน
     ดังนั้นที่สำคัญขอให้จิตใจของเราท่านทั้งหลาย มีอีหม่านที่บริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างเดียวก็พอ ถ้าจิตใจดีทุกอย่างก็จะดีตามไปด้วย ถ้ามีเงินใจก็จะใช้ให้ จ่ายไปในทางของพระผู้เป็นเจ้า พอมีลูกมีหลานใจก็จะใช้ให้ ดูแลตักเตือนพร่ำสอนให้ทำดี ให้เป็นคนดีของพระผู้เป็นเจ้า พอพบเจอกับสมัครพรรคพวก ใจก็จะใช้ให้ แนะนำกัน ชักชวนกัน ช่วยเหลือกันในการทำดีแขนงต่างๆ  ช่วยเหลือกันในงานศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า การอ่านซูเราะห์กุ้ลยาอัยยุฮั้ลกาฟิรูนอยู่เป็นประจำ นอกจากจะได้ภาคผลบุลอย่างมากมาย ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว นักวิชาการ(อุหล่ามาอฺ)ยังกล่าวอีกว่า สามารถทำให้เราท่านทั้งหลาย รอดพ้นจากการเสียชีวิตโดยไม่มีอีหม่านได้อีกด้วย (วั้ลลอฮู้ อะละมู่บิซซอวาบ)
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْالِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย คำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศ จึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน   
     ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลก)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัด แต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลาม และหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ ก็ต่อเมื่อเข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ จะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
     มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، عَلَيْهِ هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى
ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันพฤหัสบดีที่ 22มีนาคม พ.ศ.2555ตรงกับวันที่ 29ร่อบีอุซซานี ฮ.ศ.1433  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันพฤหัสบดีที่ 23กุมภาพันธ์พ.ศ.2554 เป็นวันที่ 1ร่อบีอุซซานี ฮ.ศ.1433 ดังนั้นวันพฤหัสบดีที่22 มีนาคมพ.ศ.2555จึงเป็นวันที่ 29ร่อบีอุซซานี ฮ.ศ.1433 หลังมัฆริบต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว เพื่อกำหนดวันที่1ญุมาดุ้ลอูลา ฮ.ศ.1433)
-สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันพฤหัสบดีที่22 มีนาคม พ.ศ.2555 เวลา21.37.07วินาที ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันพฤหัสบดีที่22 มีนาคม พ.ศ.2555 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1 ญุมาดุ้ลอูลา ฮ.ศ.1433  (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     ดังนั้นทุกๆเดือนในอิสลาม ในวันที่29ของเดือนอิสลามหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ของเดือนถัดไป แต่ที่ฮะดิษนี้ระบุเฉพาะถึงเดือนร่อมะดอน(เพราะมีการถือศิลอด)เท่านั้น เพราะเดือนร่อมะดอนเป็นเดือนที่ประเสริฐที่สุด ถึงแม้ในการคำนวนของนักดาราศาสตร์อิสลาม คำนวนว่าสามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ แต่พอไปสังเกตจริงๆฝนมาฟ้ามืด หรือมีเมฆมาก ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ก็จะเริ่มขึ้นวันที่1ของเดือนใหม่ไม่ได้โดยเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นถ้านักดาราศาสตร์อิสลามคำนวนว่า ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลยในวันนั้น ด้วยสาเหตุหลายๆอย่างตามลักษณะการโคจรของดวงจันทร์ คำนวนอยู่บนพื้นฐานของวิชาดาราศาสอิสลาม ดังนั้นถ้าเกิดว่ามีผู้รายงานว่า เห็นจันทร์เสี้ยวโดยเจตนา ทั่งๆที่รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยว ถือว่าเกิดโทษอย่างมากมาย ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า)
     การสังเกตจันทร์เสี้ยวนั้น ต้องมีวิชาดาราศาสอิสลามมากำกับอยู่เสมอ จึงจะถูกต้องแหละแม่นยำ บางทีที่เห็นว่าเป็นจันทร์เสี้ยวนั้น อาจเป็นดาวพระศุกร์ก็อาจจะเป็นได้ บางทีที่เห็นว่าเป็นจันทร์เสี้ยวนั้น อาจเป็นขนคิ้วที่หงอก ร่วงลงมาปิดที่ตา(หรือร่วงลงมาปิดที่แว่นตา)ก็อาจจะเป็นได้ บางทีที่เห็นว่าเป็นจันทร์เสี้ยวนั้น อาจเป็นด้ายขาวเล็กๆที่อยู่ที่เลนส์หน้ากล้องก็อาจจะเป็นได้ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้นั้นแก้ไขได้โดย ต้องศึกษาหาความรู้เท่านั้น คนเราเหนื่อยนักก็หยุดก่อน ยานพาหนะแล่นนานนักก็ต้องหยุดพัก แต่ดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ซึ่งเป็นบริวารของโลกเรา)นั้นโคจรอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่มนุษยชาติฉงนแหละพากันทึ่งอย่างมากมาย (ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทำ ใครจะทำได้) ถ้าโคจรบ้าง หยุดบ้าง โคจรเร็วบ้างช้าบ้าง นักดาราศาสตร์อิสลาม จะคำนวนไม่ได้โดยเด็ดขาด
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์นั้น โคจรตามวิถีที่แน่นอน ซูเราะห์อัรเราะห์มาน55 อายะห์ที่5     
     วันพฤหัสบดีที่ 22มีนาคม พ.ศ.2555   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.29.45วินาที  ดวงจันทร์ตก18.16.22 วินาที ไม่มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยวเลย เพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 13นาที22วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.27.32วินาที ดวงจันทร์ตก18.13.50วินาที  ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลย เพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 13นาที41วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.25.48วินาที  ดวงจันทร์ตก18.10.23วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 15นาที25วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.27.09วินาที  ดวงจันทร์ตก18.11.45วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 15นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.26.15วินาที  ดวงจันทร์ตก18.10.47วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 15นาที28วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.25.26วินาที  ดวงจันทร์ตก18.10.00วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 15นาที26วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.26.32วินาที  ดวงจันทร์ตก18.10.59วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลย15เพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 15นาที33วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.26.13วินาที  ดวงจันทร์ตก18.10.48วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 15นาที25วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก18.25.18วินาที  ดวงจันทร์ตก18.09.52วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 15นาที26วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.28.57วินาที  ดวงจันทร์ตก18.13.46วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลย เพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์15นาที11วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.32.57วินาที  ดวงจันทร์ตก18.19.43วินาที  ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 13นาที13วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.26.28วินาที  ดวงจันทร์ตก18.11.09วินาที  ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 15นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก18.11.43วินาที  ดวงจันทร์ตก 17.58.07วินาที  ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 13นาที36วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี  ดวงอาทิตย์ตก18.30.01วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.16.40วินาที  ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเลยเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 13นาที21วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
     ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันพฤหัสบดีที่ 22มีนาคม พ.ศ.2555 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย เพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ดังนั้นวันที่1ญุมาดุ้ลอูลา ฮ.ศ.1433  ตรงกับวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ.  2554    
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
     คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
     วันนี้เราท่านทั้งหลาย ทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
     วันนี้วันอังคารที่20 มีนาคม พ.ศ.2555  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)
-สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 05.01.56 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.20.58วินาที ดุฮ์ริเวลา12.24.14วินาที อัสริเวลา15.43.56 วินาที มักริบเวลา18.27.43วินาที อีซาเวลา19.38.32
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 05.03.50 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.22.50วินาที ดุฮ์ริเวลา12.26.06วินาที อัสริเวลา15.45.41 วินาที มักริบเวลา18.29.34วินาที อีซาเวลา19.40.22
-สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา05.02.54วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.21.52วินาที ดุฮ์ริเวลา12.27.59วินาที อัสริเวลา15.52.59วินาที มักริบเวลา18.34.24 วินาที อีซาเวลา19.45.4 วินาที
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา05.00.50วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.21.34 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.28.55วินาที อัสริเวลา15.55.14วินาที มักริบเวลา18.36.38 วินาที อีซาเวลา19.48.35วินาที 
     พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้น นั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา คนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 24, 2014, 10:56 PM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
     السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
     ไม่มีการภักดีใด ที่จะยิ่งใหญ่ กว่าการภักดี ต่อพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นท่านทั้งหลายจงทำละหมาดให้ครบ5เวลา ฯลฯ แหละเวลาเข้าไปอยู่ในมัสยิด ควรที่จะเหนียตว่าหยุดพักในมัสยิด(เอี๊ยะตี่กาฟมัสยิด)ด้วย
     ไม่มีการติดต่อใด ที่จะยิ่งใหญ่ กว่าการติดต่อ กับพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นเวลาเข้ามัสยิดควรจะปิดโทรศัพท์ เลิกพูดคุยในสิ่งที่ไร้สาระ ซิกีร อ่านกุรอ่านให้ไพเราะที่สุด เท่าที่จะทำได้
     เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)ไม่รับฟังสิ่งใด เหมือนกับที่พระองค์รับฟังนบีที่มีเสียงดี ที่ท่านจะอ่านกุรอ่านเป็นท่วงทำนอง โดยส่งเสียงดัง รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
     ผมเองได้ยินข่าวว่า ปอเนาะดาลอ ว่ากำลังหาทุนสร้างปอเนาะ อีก 40หลัง เพื่อใช้เป็นที่พักสำหรับนักศึกษา(เด็กปอเนาะ) ศิษย์เก่าที่มีจิตศรัทธา หรือท่านทั้งหลายที่มีจิตศรัทธา ที่แวะเวียนผ่านไปที่จ. ปัตตานี เชิญลองเข้าไปสำผัสกับบรรยากาศ ของปอเนาะดาลอได้ครับ ถ้าเหลือเวลาว่าง ทุกวันเสาร์ที่มัสยิดกลางปัตตานี มีการสอนกิตาบ ตัฟซีรนูรุ้ลเอี๊ยะห์ซาน มีผู้คนร่วมศึกษา-ร่วมรับฟังเยอะมาก ด้านฝั่งตรงข้ามมีการออกร้าน ขายสินค้ามากมาย( 9.00น.ถึง12.00น.)
     สำหรับนักศึกษาที่อยากได้รับ วิชาการทางด้านศาสนา แบบละเอียด ทั้งวิชาตัฟซีรกุรอ่าน ฮาฟิรกุรอ่าน ท่องจำกุรอ่าน นะฮู ซอรอฟ ฟิกฮ์ ฯลฯ  เรียกว่าเจาะลึกในกิตาบนั้นๆเลย เชิญเข้าศึกษาได้ที่ปอเนาะดาลอ ติดกับแม่น้ำตันหยง อยู่ที่อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม  ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้ การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา  เนื่องด้วยมนุษย์ได้อาศัยอยู่ทุกทิศทุกทางในโลกใบนี้ ทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ดังนั้นการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น เรียกว่าใช้ระบบสุริยะ และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่ วันที่1ของเดือนอิสลามต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(นิวมูน จันทร์ดับ)  เรียกว่าใช้ระบบจันทรคติ ดังนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นทางประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันออกก่อนประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกหนึ่งชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่าตามระยะทางที่แตกต่างกันไป(เพราะโลกของเราโคจรทวนเข็มนาฬิกา  ถ้าวันศุกร์ใดที่โลกของเราโคจรตามเข็มนาฬิกาวันนั้นแหละคือวันกิยามะห์)     
     ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก  อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ  เวลาทุกเวลาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป  สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า  ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน  ละหมาดอัสริพร้อมกัน  ฯลฯ)ดังนั้นการที่จะกล่าวอ้างว่าเพื่อความเป็นเอกภาพของอุมมะห์มุสลิมมุสลิมะห์ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ควรจะทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่ง เวลาเดียวกันและวันเดียวกัน  การกล่าวอ้างแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา  เรียกว่าคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองเท่านั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราท่านทั้งหลายจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ขณะที่มุสลิมที่อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียละหมาดซุบฮิ  มุสลิมที่อยู่ในอเมริกาเหนืออาจยังทำละหมาดอิซาของวันก่อนไม่เสร็จเลย ดังนั้นถ้าพระผู้เป็นเจ้ามีความต้องการให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลกทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่งเวลาเดียวกันและวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพอย่างที่ใครบางคนกล่าวอ้างแล้ว เอกภาพดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะความแตกต่างทางด้านเวลาที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่
     ผมอยากจะให้เราท่านทั้งหลายสังเกตุดูสักนิดนึงว่า ถ้าจะให้เราละหมาด5เวลาตลอด24ช.ม.เราท่านทั้งหลายคงจะไม่มีใครทำได้  แต่ด้วยความแตกต่างทางด้านเวลานี้แหละทำให้มีผู้ละหมาด มีผู้ทำอิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้าตลอด24ช.ม.เรียกว่าตลอดทั้งวันทั้งคืน แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลาม(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น  วันที่1เดือนอิสลามของประเทศใครประเทศมัน  ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน)  ชี้ชัดให้เห็นเลยว่าเราท่านทั้งหลายควรจะยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง  ดวงอาทิตย์ประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา  ดวงจันทร์เสี้ยวประเทศเราก็มีดู  ก็ดูของประเทศเรา  อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา)  อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์  พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง  เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน)  ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า  การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา  เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด  แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน  ไม่ตรงกัน  ตามกันไม่ได้  แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว  การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง  ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว  ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย  จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง  ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน   
     ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน  ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่  ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์  เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช  เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้  แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
     มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันเสาร์ที่ 21เมษายน พ.ศ.2555ตรงกับวันที่29 ญุมาดุ้ลอูลา ฮ.ศ.1433  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันเสาร์ที่24 มีนาคมพ.ศ.2555 เป็นวันที่1 ญุมาดุ้ลอูลา ฮ.ศ.1433 ดังนั้นวันเสาร์ที่ 21เมษายน พ.ศ.2555จึงเป็นวันที่29 ญุมาดุ้ลอูลา ฮ.ศ.1433 ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ญุมาดุ้ลอุครอ(ญุมาดุ้ลอะคีร)
ดูข่าวสารได้ที่ http://HTTP://WWW.SKTHAI.ORG/NEWS/310636/ประกาศจุฬาราชมนตรี-เรื่อง-ดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่-๑-ของเดือนยะมาดิ้ลอาเคร-ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช-๑๔๓๓.HTML
-สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันเสาร์ที่ 21เมษายน พ.ศ.2555 พ.ศ.2555 เวลา14.18.25วินาที   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันเสาร์ที่ 21เมษายน พ.ศ.2555 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ วันที่1 ญุมาดุ้ลอุครอ ฮ.ศ.1433  (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     วันเสาร์ที่ 21เมษายน พ.ศ.2555   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.32.53วินาที  ดวงจันทร์ตก18.36.01วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว3นาที8วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.29.55วินาที ดวงจันทร์ตก18.32.44วินาที  มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว2นาที49วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.21.27วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.30วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
-ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.22.50วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.51วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว1นาที1วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.24.07วินาที  ดวงจันทร์ตก18.25.08วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว1นาที2วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.23.05วินาที  ดวงจันทร์ตก18.24.03วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที57วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.22.27วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.26วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที59วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.23.06วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.58วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที53วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.23.15วินาที  ดวงจันทร์ตก18.24.16วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว1นาที1วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.22.22วินาที  ดวงจันทร์ตก18.23.23วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว1นาที00วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.26.25วินาที  ดวงจันทร์ตก18.27.40วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว1นาที15วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.36.15วินาที  ดวงจันทร์ตก18.39.33วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที18วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.23.46วินาที  ดวงจันทร์ตก18.24.53วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว1นาที7วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก18.16.04วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.18.59วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว2นาที55วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี  ดวงอาทิตย์ตก18.33.14วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.36.25วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที10วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
***ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันพุธที่22กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ดังนั้นวันที่1ญุมาดุ้ลอุครอ ฮ.ศ.1433  ตรงกับวันจันทร์ที่23เมษายน พ.ศ.  2555
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
     คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า  ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์  รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
     วันนี้วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ.2555  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)
 -สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.38.52 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.00.37วินาที ดุฮ์ริเวลา12.15.42วินาที อัสริเวลา15.24.59 วินาที มักริบเวลา18.30.58วินาที อีซาเวลา19.44.11
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.40.53 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.02.35วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.17.33วินาที  อัสริเวลา15.26.35 วินาที  มักริบเวลา18.32.44วินาที  อีซาเวลา19.45.53
-สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา04.31.06วินาที  ตะวันขึ้นเวลา05.54.36วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.19.27วินาที  อัสริเวลา15.43.04วินาที  มักริบเวลา18.44.36 วินาที  อีซาเวลา19.59.03 วินาที 
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา04.26.29วินาที  ตะวันขึ้นเวลา05.51.17 วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.20.23วินาที  อัสริเวลา15.48.49วินาที  มักริบเวลา18.49.51  วินาที  อีซาเวลา20.05.17วินาที 
     พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน  พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 25, 2014, 07:25 AM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

ออฟไลน์ บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 95
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: อัยนุ้ลกะบะห์ กิบลัต ดวงอาทิตย์ฯลฯ
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: พ.ค. 17, 2012, 05:37 PM »
0
     السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
     กิบลัตนั้นก็คือ(ขอย้ำครับว่า  สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นแนวคิด  เป็นแนวปฏิบัติของท่านอิหม่ามซาฟิอี  ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์  และเป็นแนวปฏิบัติของทุกๆคนที่ยึดอยู่ในสังกัดอิหม่ามซาฟิอี  ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์  ทุกๆมัสยิดที่ยึดอยู่ในสังกัดอิหม่ามซาฟิอี  ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์  )  จุดๆหนึ่งหรือสถานที่แห่งหนึ่ง  ที่ผู้คนทั่วทุกมุมโลก  จำเป็นต้องผินเข้าหา  ในขณะปฏิบัติศาสนกิจในขณะละหมาด  เพราะว่าการผินเข้าหากิบลัตนั้น  ถือว่าเป็นซารัตเป็นกฏเกณฑ์  เป็นกฏระเบียบข้อหนึ่งที่จำเป็นจะต้องปฏิบัติ  เพื่อให้การละหมาดของเราท่านทั้งหลายมีผลใช้ได้  เป็นการละหมาดที่ไม่สูญเปล่า  แหละเป็นการละหมาด  ที่ถูกตอบรับจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง  ที่เรียกว่ากิบลัตก็เพราะว่าทุกๆคนทั่วทุกมุมโลก  ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้จะต้องผินเข้าหาในขณะเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า  โดยมาในรูปแบบของการทำละหมาด  ที่เรียกว่ากะบะห์  ก็เพราะว่ารูปทรงเป็นจุดเด่น สูงขึ้นมาจากพื้นดิน เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม แต่ไม่ใช่สี่เหลี่ยมจตุรัส สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ที่เรียกว่าบัยตุ้ลลอฮ์ ก็เพราะว่าทุกๆปีจะมีผู้คนแวะเวียนไปที่บัยตุ้ลลอฮ์อยู่ตลอดเวลา
     นักวิชาการระดับมัซฮับ จึงมีความคิดที่แตกต่างกัน เกี่ยวกับการผินหน้าอกไปทางกิบลัตในขณะละหมาด
ดังนั้นมัซฮับซาฟิอี ซึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ยึดตามมัซฮับนี้ ถือว่าจะต้องผินไปทางวิหารกะบะห์เลย (เรียกว่าอัยนุ้ลกะบะห์ ไม่ใช่ยิฮะตุ้ลกะบะห์)เท่าที่มีความสามารถที่สุด พูดง่ายๆก็คือถ้ารู้แน่ชัดว่ายังหันไม่ตรงกะบะห์ ที่ผ่านมาการละหมาดถือว่าใช้ได้เพราะทำสุดความสามารถแล้ว แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ถูกต้อง การละหมาดถือว่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว หลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถหาดูได้ที่หนังสืออั้ลอุม(ของท่านอิหม่ามซาฟิอีเล่มที่1หน้า114) และหนังสือฟิกห์4มัซฮับเล่มที่1หน้า178)
         พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
  และแน่นอน ถ้าหากท่านได้นำหลักฐานทุกอย่างมาแสดงแก่บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์พวกเขาก็ไม่ตามกิบลัตของท่าน และท่านก็มิใช่จะเป็นผู้ตามกิบลัตของพวกเขา และบางกลุ่มในพวกเขาเอง ก็มิใช่จะเป็นผู้ตามกิบลัตของอีกบางกลุ่ม และถ้าหากท่านไปปฏิบัติตามความใคร่ของพวกเขา หลังจากที่มีความรู้มายังท่านแล้ว แน่นอนทันใดนั้น ท่านก็อยู่ในหมู่ผู้อธรรม ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่145
     วันพุธที่ 30 พฤษภาคม 2555 ดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือ  บัยตุ้ลลอฮ์  กะบะห์พอดี(90องศา)  ตรงกับเวลาในประเทศไทย  16.19 น. (ตรงกับเวลากรีนิช  เวลามาตรฐานโลก  9.18 น.) ทุกๆมัสยิดที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย(ที่ยึดปฏิบัติตามมัสฮัอิหม่ามซาฟิอี ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์)  ก็สามารถหาทิศกิบลัตให้ตรง  และถูกต้องได้โดยง่ายดาย  (ถ้าท้องฟ้าเปิด  ฝนไม่มาฟ้าไม่มืด)
วันที่สามารถดูดวงอาทิตย์เพื่อกำหนดทิศกิบลัตได้อีก(อย่าดูด้วยตาเปล่าโดยเด็ดขาด)
•   วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม 2555 ตรงกับเวลาในประเทศไทย  16.18 น.
•   วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม 2555 ตรงกับเวลาในประเทศไทย  16.18 น.
•   วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม 2555 ตรงกับเวลาในประเทศไทย  16.18 น.
•   วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม 2555 ตรงกับเวลาในประเทศไทย  16.19 น.
     ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ปัจจุบันสามารถหาทิศกิบลัตทางภาพถ่ายดาวเทียมได้ ถ้าไม่ตรงก็เปลี่ยนซอฟ(แถว)ให้ตรง เท่านั้นเอง แต่ในการปฏิบัติจริงๆ ที่เปลี่ยนยากที่สุดคือจิตใจคน ทั้งๆที่นำหลักฐานทุกอย่างชี้แจงชัดๆแล้ว ก็ยังเฉไฉออกจากทางที่ถูกต้องอีก เพราะอีหม่านยังไม่แข็งพอ
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
และในทำนองเดียวกัน เราได้ให้พวกท่านเป็นประชาชาติที่เป็นกลาง เพื่อพวกท่านจะได้เป็นสักขีพยานแก่มนุษย์ทั้งหลาย และร่อซูล ก็จะเป็นสักขีพยานแด่พวกท่าน และเรามิได้ให้มีขึ้นซึ่งกิบลัตที่ท่านเคยผินไป นอกจากเพื่อเราจะได้รู้ว่าใครบ้างที่จะปฏิบัติตามร่อซูล จากผู้ที่กำลังหันสันเท้าทั้งสองของเขากลับ และแท้จริงการเปลี่ยนแปลงกิบลัตนั้น เป็นเรื่องใหญ่(อ้างโน่นอ้างนี่ ไม่ยอมเปลี่ยน) นอกจากแก่บรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงแนะนำเท่านั้น และใช่ว่าอัลลอฮ์นั้นจะทำให้การศรัทธาของพวกเจ้าสูญไปก็หาไม่ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาแก่มนุษย์เสมอ ซูเราะห์อัลบากอเราะห์2 อายะห์ที่143
     เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.) ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) กล่าวว่า มี2ถ้อยคำที่เบาลิ้นแต่หนักตาชั่ง เป็นที่รักของพระผู้ทรงเมตตา นั่นคือคำว่า ซุบฮานั้ลลอฮ์วะบิฮัมดิฮี ซุบฮานั้ลลอฮิ้ลอะซีม รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
     การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ،  فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810)  ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก  อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ  เวลาทุกเวลาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป  สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า  ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน  ละหมาดอัสริพร้อมกัน  ฯลฯ)ดังนั้นการที่จะกล่าวอ้างว่าเพื่อความเป็นเอกภาพของอุมมะห์มุสลิมมุสลิมะห์ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ควรจะทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่ง เวลาเดียวกันและวันเดียวกัน  การกล่าวอ้างแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา  เรียกว่าคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองเท่านั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราท่านทั้งหลายจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ขณะที่มุสลิมที่อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียละหมาดซุบฮิ  มุสลิมที่อยู่ในอเมริกาเหนืออาจยังทำละหมาดอิซาของวันก่อนไม่เสร็จเลย ดังนั้นถ้าพระผู้เป็นเจ้ามีความต้องการให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลกทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่งเวลาเดียวกันและวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพอย่างที่ใครบางคนกล่าวอ้างแล้ว เอกภาพดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะความแตกต่างทางด้านเวลาที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา)  อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์  พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง  เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน)  ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
     ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า  การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา  เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด  แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน  ไม่ตรงกัน  ตามกันไม่ได้  แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว  การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง  ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว  ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย  จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง  ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า  แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ  แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน   
     ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น  แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน  มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน  มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์)  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน  ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่  ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์  เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช  เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์  ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร  เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้  แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด  เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน  ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด  เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด  อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว  ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต  ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์  ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง  หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย  อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน  เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
     มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้  ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   ดังนั้นวันจันทร์ที่ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555ตรงกับวันที่29 ญุมาดุ้ลอุครอ(ญุมาดุ้ลอะคีร)  ฮ.ศ.1433  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ.2555 เป็นวันที่1 ญุมาดุ้ลอุครอ(ญุมาดุ้ลอะคีร)  ฮ.ศ.1433 ดังนั้นวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2555จึงเป็นวันที่29 ญุมาดุ้ลอุครอ(ญุมาดุ้ลอะคีร)  ฮ.ศ.1433 ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ร่อยับ ฮ.ศ.1433
-สำหรับประเทศไทย  จันทร์ดับ  ตรงกับวันจันทร์ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555 เวลา06.47.02วินาที   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ วันที่1 ร่อยับ ฮ.ศ.1433  (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
     วันจันทร์ที่ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.39.51วินาที  ดวงจันทร์ตก19.00.12วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว20นาที21วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.36.17วินาที ดวงจันทร์ตก18.56.28วินาที  มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว20นาที10วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.24.59วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.21วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที22วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.26.12วินาที  ดวงจันทร์ตก18.45.35วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.25.05วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.25วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที21วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.24.35วินาที  ดวงจันทร์ตก18.43.55วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที21วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.24.52วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.11วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที19วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.25.23วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.46วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที23วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.24.33วินาที  ดวงจันทร์ตก18.43.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที21วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.28.54วินาที  ดวงจันทร์ตก18.48.26วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที32วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.43.22วินาที  ดวงจันทร์ตก19.03.51วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว20นาที29วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.26.07วินาที  ดวงจันทร์ตก18.45.33วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที25วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก18.24.00วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.43.53วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว19นาที53วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี  ดวงอาทิตย์ตก18.40.17วินาที  ดวงจันทร์ตก 19.00.39วินาที  มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว20นาที22วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
***ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันจันทร์ที่ 21พฤษภาคม พ.ศ.2555 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ดังนั้นวันที่1ร่อยับ ฮ.ศ.1433  ตรงกับวันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.  2555
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
     คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
 

ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์  รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
     วันนี้วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2555  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)
 -สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.23.31 วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.49.34วินาที ดุฮ์ริเวลา12.13.12วินาที อัสริเวลา15.31.28 วินาที มักริบเวลา18.36.59วินาที อีซาเวลา19.53.56
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.25.38 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา05.51.37วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.15.04วินาที  อัสริเวลา15.33.27 วินาที  มักริบเวลา18.38.40วินาที  อีซาเวลา19.55.34
-สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา04.09.39วินาที  ตะวันขึ้นเวลา05.38.34วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.17.00วินาที  อัสริเวลา15.33.57วินาที  มักริบเวลา18.55.40 วินาที  อีซาเวลา20.14.44 วินาที 
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา04.02.09วินาที  ตะวันขึ้นเวลา05.33.01 วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.17.56วินาที  อัสริเวลา15.42.30วินาที  มักริบเวลา19.03.08  วินาที  อีซาเวลา20.23.43วินาที 
     พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน 
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8  รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 25, 2014, 07:26 AM โดย บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม »
ไม่ว่าจะอะไรๆก็ตาม ก็หนีไม่พ้นการอ่าน ขอบะร่อกัตริสกี ความเมตตาปราณีจากพระผู้เป็นเจ้าประสบแด่ท่านผู้อ่านถ้วนหน้ากัน

 

GoogleTagged