เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاتهใครออกอีดในเดือนร่อมะดอน ใครถือศิลอดในวันอีด
การกำหนดวันอีดตามหลักการของอิสลามนั้นมีอยู่2วิธี
1.กำหนดวันอีดตามการเห็นจันทร์เสี้ยว
2.กำหนดวันอีดตามการนับให้เดือนนั้นครบ30วัน
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้ صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้
การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา เนื่องด้วยมนุษย์ได้อาศัยอยู่ทุกทิศทุกทางในโลกใบนี้ ทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ดังนั้นการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น เรียกว่าใช้ระบบสุริยะ
และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่ วันที่1ของเดือนอิสลามต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(นิวมูน จันทร์ดับ) เรียกว่าใช้ระบบจันทรคติ ดังนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นทางประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันออกก่อนประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกหนึ่งชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่าตามระยะทางที่แตกต่างกันไป(เพราะโลกของเราโคจรทวนเข็มนาฬิกา ถ้าวันศุกร์ใดที่โลกของเราโคจรตามเข็มนาฬิกาวันนั้นแหละคือวันกิยามะห์) ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ เวลาทุกเวลาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน ละหมาดอัสริพร้อมกัน ฯลฯ) แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลาม(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น วันอีดของประเทศใครประเทศมัน ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน) ชี้ชัดให้เห็นเลยว่าเราท่านทั้งหลายควรจะยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง ดวงอาทิตย์ประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา ดวงจันทร์เสี้ยวประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา) อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์ พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน) ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน ตามกันไม่ได้ แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าบวชหรือต้องออกอีดเหมือนกันด้วย จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา
การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา
ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.)
ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์เสี้ยวในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554ตรงกับวันที่29ร่อมาดอน ฮ.ศ.1432 (สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันจันทร์ที่29สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา10.04.06วินาที) ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ. 2554 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1เซาวั้ล ฮ.ศ.1432 วันที่เราท่านทั้งหลายรู้กันในนามว่าวันอีดอีดิ้ลฟิตรี่ (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)
วันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.32.30วินาที ดวงจันทร์ตก18.32.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ แหละมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามอย่างมากๆๆๆ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.29.45วินาที ดวงจันทร์ตก18.30.31วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว46วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลา ดวงอาทิตย์ตก18.25.15วินาที ดวงจันทร์ตก18.29.10วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว3นาที54วินาที จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.27.26วินาที ดวงจันทร์ตก18.31.06วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที40วินาที จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.35.50วินาที ดวงจันทร์ตก18.36.14วินาที มีเวลาสงเกตจันทร์เสี้ยว0นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.23.54วินาที ดวงจันทร์ตก18.27.35วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว3นาที42วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก18.15.24วินาที ดวงจันทร์ตก 18.14.30วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว0นาที54วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันจันทร์ที่29สิงหาคม พ.ศ. 2554 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวบอกได้เลยว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
สรุปว่าผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม เท่ากับว่าเดือนร่อมะดอนปีนี้มี30วัน แหละวันที่1เซาวั้ล ฮ.ศ.1432(วันอีดอีดิ้ลฟิตรี่) จะตรงกับวันพุธที่31สิงหาคมพ.ศ.2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้ช่วงนี้อยู่ในเดือนร่อมะดอน เราทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
เล่าจากท่านซะฮ์ลิน(ร.ด.) ว่าท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ในสวนสวรรค์มีประตูหนึ่งชื่อว่าอัรรอยยาน ในวันกิยามัตผู้ถือศิลอดเท่านั้นจะได้เข้าไป คนอื่นไม่มีสิทธิ(คนที่ไม่ถือศิลอด) ซึ่งประตูดังกล่าวจะกล่าวว่า คนใหนถือศิลอดยืนขึ้น คนอื่นไม่เกี่ยว ดังนั้นเมื่อผู้ที่ถือศิลอดเข้าไปแล้วประตูนี้ก็จะถูกปิดลง คนอื่นจะเข้าไปไม่ได้เลย รายงานโดยบุคอรี
วันนี้วันจันทร์ที่29สิงหาคมพ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.45.54 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.06.54วินาที ดุฮ์ริเวลา12.19.48 วินาที อัสริเวลา15.31.35วินาที มักริบเวลา 18.32.30วินาที อีซาเวลา19.44.51วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา04.37.45วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.00.21วินาที ดุฮ์ริเวลา12.21.40วินาที อัสริเวลา15.46.07วินาที มักริบเวลา18.42.41วินาที อีซาเวลา19.56.03 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.33.49วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.57.36วินาที ดุฮ์ริเวลา12.22.36วินาที อัสริเวลา15.51.05วินาที มักริบเวลา18.47.16วินาที อีซาเวลา20.01.30วินาที พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
tholeeb:
วะอะลัยกุมุสสะลามวะเราะฮ์มาตุ้ลลอฮีวาบารอกาตุฮ์
จบอย่างสวยงาม เช่นเดิม myGreat:
--- อ้างจาก: บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม ที่ ส.ค. 29, 2011, 08:32 AM ---السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
--- End quote ---
อินชาอัลลอฮ์ party:
vrallbrothers:
:salam:
ชอบกระทู้นี้ครับ ท่านบ่าวของผู้ทรงยุติธรรม party:
ผมดูจากเว็บ http://astro.ukho.gov.uk/moonwatch/lastnewmoon.html มาครับ
ที่จังหวัดยะลาเหลือเชื่อนะครับที่จะสามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าหากว่ามีคนเห็นจันทร์เสี้ยวจริง ก็เป็นความประสงค์ของอัลลอฮ์ที่ให้มีคนได้เห็นจันทร์เสี้ยวในวันที่ 29 สิงหาคม 2011
จันทร์เสี้ยวที่ยะลา 29 รอมฎอน 1432 ---> คลิ๊กลิงค์
วัลลอฮุอะลัม
hiddenmin:
3-4 นาทีก็เห็นด้าายยนะเธอว์
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته ความสำคัญของวิชาดาราศาสตร์อิสลาม
การคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามของวันที่หนึ่งเดือนอิสลาม
หลักการของการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามนั้นมิใช่จะนำมาแทนที่การดูจันทร์เสี้ยวที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้ระบุไว้ หากแต่ว่าการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามได้มาทำให้การพิจราณาการเห็นจันทร์เสี้ยวของบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่ง เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ที่ตรงกับหลักความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา ให้ตรงกับคำสั่งใช้ของร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) ยิ่งกว่านั้นยังสามารถทำให้รู้ทันการโกหกหรือความเข้าใจผิดของบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้อีกด้วย(ยกอย่างเช่นถ้าหากว่ามีคนๆหนึ่งบอกเราหรือโทรมาบอกเราว่า900+100=1300 ถ้าเราเคยเรียนมาเราก็จะบอกได้เลยว่าผิดแน่นอน หรือโกหกแน่นอน ถ้ามีคนๆหนึ่งบอกเราหรือโทรมาบอกเราว่าวันนี้เกิดสุริยุปราคาในประเทศไทยเราก็บอกได้เลยว่าผิดแน่นอน หรือโกหกแน่นอน เช่นเดียวกันก่อนอื่นเราท่านทั้งหลายต้องทำความเข้าใจก่อนว่าดวงอาทิตย์มีอยู่หนึ่งดวง แหละดวงจันทร์บริวารของโลกเรามีอยู่หนึ่งดวงเท่านั้น(วันที่10ต.ค.2502 ยานอวกาศลูนา3 เห็นด้านไกลของดวงจันทร์เป็นครั้งแรก เช้าวันที่21 ก.ค.2512 ยานอวกาศอะพอลโล11นีล อาร์มสตอง มนุษย์คนแรกลงสำผัสผิวดวงจันทร์)
การโคจรของดวงอาทิตย์และการโคจรของดวงจันทร์และการโคจรของโลกเรา มีเวลาที่แน่นอนที่สามารถคำนวนล่วงหน้าได้ ไม่มีวันใดเลยที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกของเราจะหยุดโคจรหรือหลุดออกจากวงโคจร เพราะนี่คืองานของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้าง ดังนั้นถ้าเราท่านทั้งหลายสังเกตดีๆได้มีการคำนวนเวลาขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ในแต่ละวัน มีการคำนวนเวลาขึ้น-ตกของดวงจันทร์ในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ มีการคำนวนเวลาการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคาล่วงหน้าได้แหละแม่นยำด้วย สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ใช่ว่านักดาราศาสตร์คำนวนได้เก่ง หากแต่ว่ามีการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกของเราตามกำหนดเวลาที่แน่นอน นักดาราศาสตร์จึงสามารถคำนวนล่วงหน้าได้ นี่ก็แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ความสามารถ ความเกรียงไกรของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น ที่ไม่มีใครสามารถทำได้แหละไม่มีทางที่ใครจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
พระองค์ทรงทำให้ดวงอาทิตย์มีแสงจ้าและดวงจันทร์มีแสงนวล และทรงกำหนดให้มันมีทางโคจร(คือมีจักรราศี) เพื่อพวกท่านทั้งหลายจะได้รู้จำนวนปีและการคำนวณ(ตรงนี้เองทำให้สามารถรู้ได้ว่า ขึ้นวันใหม่แล้วหรือยังด้วยดวงอาทิตย์ แหละก็ทำให้สามารถคำนวนเวลาละหมาดได้ ก็ด้วยการขึ้น-การตกของดวงอาทิตย์อีกเช่นกัน แหละตรงนี้เองก็ทำให้สามารถรู้ได้ว่า ขึ้นเดือนใหม่แล้วหรือยัง ขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติแล้วหรือยัง ด้วยการขึ้น-ตกของดวงจันทร์ ดังนั้นถ้าเราไม่ได้ศึกษาหลักดาราศาสตร์อิสลาม ไม่ได้เห็นความสำคัญของวิชาดาราศาสตร์อิสลาม เราก็ยังไม่สามารถรู้แหละเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้อย่างแน่นอน) พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงสร้างสิ่งต่างๆเหล่านั้น เว้นแต่ด้วยความจริง(ความจริงที่ว่าก็คือถ้าได้ศึกษาเรื่องราวของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์เราท่านทั้งหลายจะได้พบกับความรู้ ได้พบกับปรัชญาอันยิ่งใหญ่ ได้พบกับคุณประโยชน์อย่างมากมายที่มีคุณค่ายิ่ง)พระองค์ทรงจำแนกสัญญาณต่าง ๆ(โองการต่างๆของพระองค์ให้แจ่มแจ้ง) สำหรับหมู่ชนที่มีความรู้ ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่5
มีสิ่งที่หน้าคิดอยู่ประการหนึ่งก็คือ เมื่อนักดาราศาสตร์อิสลามได้มีการคำนวนว่าในวันที่เท่านี้(วันที่29ของเดือนอิสลาม)ในการดูจันทร์เสี้ยวจะไม่มีผู้ใดสามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย (ซึ่งได้คำนวนตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงตามวงโคจรที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างมา สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ตามหลักดาราศาสตร์สากล เพราะไม่ว่าจะหลักดาราศาสตร์อิสลามหรือหลักดาราศาสตร์สากล ก็มีการคำนวนอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน คือการคำนวนตามพื้นฐานการโคจรที่แน่นอนที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมาเท่านั้น)แต่ได้มีผู้หนึ่งโทรมารายงานอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดบางประการ หรือเกิดจากการโกหก เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เราในฐานะเป็นผู้ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าและมีหน้าที่รับผิดชอบตรงนี้ จะพิจราณาเหตุการณ์นี้อย่างไร ไปในทิศทางใดดังนั้นบทสรุปก็คือแม้ว่าเขาที่อ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว จะได้มีการกล่าวซะฮาดะห์อย่างไรหรือเขาจะสาบานอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะเชื่อถือได้ เพราะไม่ได้พูดตามสิ่งเกิดขึ้นจริง ไม่ได้พูดตามโลกแห่งความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างมา
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
และอย่าติดตาม(อย่าพูด)สิ่งที่ท่านไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น(คืออย่าพูดว่าเห็นในสิ่งที่ตาไม่เห็น ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อย่าพูดว่าได้ยินในสิ่งที่หูไม่ได้ยิน ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อย่าพูดว่ารู้ในสิ่งที่ไม่มีความรู้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม) แท้จริงหู และตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน(จากพระผู้เป็นเจ้าในโลกหน้าอาคิเราะห์อย่างแน่นอน) ซูเราะห์อัลอิสรออ์ อายะห์ที่36
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
ไม่มีคำพูดคำใดที่เขากล่าวออกมา(ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดีหรือคำพูดที่ไม่ดี) เว้นแต่ใกล้ๆเขานั้นมี(มะลาอิกะห์) ผู้เฝ้าติดตามผู้เตรียมพร้อม (ที่จะบันทึก) ซูเราะห์ก๊อฟ อายะห์ที่18
เล่าจากอิบนุอุมัร(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่าคนที่โป้ปดที่สุดคือคนที่ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแลเห็น ในสิ่งที่ตาทั้งสองข้างไม่ได้เห็น รายงานโดยบุคอรี
แรงดึงดูดของดวงจันทร์เป็นแรงสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำขึ้น น้ำลงวันละ2ครั้งวันที่ดวงจันทร์ขึ้น8ค่ำหรือแรม8ค่ำจะมีน้ำขึ้น น้ำลงน้อยที่สุดเพราะว่าดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ทำมุมตั้งฉากกัน วันที่ดวงจันทร์ขึ้น15ค่ำหรือแรม15ค่ำจะมีน้ำขึ้น-น้ำลงมากที่สุดเพราะว่าดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์อยู่ในแนวเดียวกัน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจงบอกฉัน(พิจราณา)ซิว่า หากแหล่งน้ำของพวกท่านเหือดแห้งลง(ขอดลง) ดังนั้นผู้ใดเล่าจะนำน้ำที่หลั่งล้น(เต็มขึ้นมา)มาให้พวกท่าน ซูเราะห์อัลมุลก์ อายะห์ที่30
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا ،
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้ การเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา เนื่องด้วยมนุษย์ได้อาศัยอยู่ทุกทิศทุกทางในโลกใบนี้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ดังนั้นการละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น เรียกว่าใช้ระบบสุริยะ และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่วันที่1ของเดือนอิสลาต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(จันทร์ดับ) เรียกว่าใช้ระบบจันทรคติ ดังนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นทางประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันออกก่อนประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกหนึ่งชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่าตามระยะทางที่แตกต่างกันไป(เพราะโลกของเราโคจรทวนเข็มนาฬิกา ถ้าวันศุกร์ใดที่โลกของเราโคจรตามเข็มนาฬิกาวันนั้นแหละคือวันกิยามะห์) ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่จะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน ละหมาดอัสริพร้อมกันฯลฯ)
ดังนั้นการที่จะกล่าวอ้างว่าเพื่อความเป็นเอกภาพของอุมมะห์มุสลิมที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ควรจะทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่ง เวลาเดียวกันและวันเดียวกัน การกล่าวอ้างแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา เรียกว่าคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองเท่านั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราท่านทั้งหลายจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ขณะที่มุสลิมที่อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียละหมาดซุบฮิ มุสลิมที่อยู่ในอเมริกาเหนืออาจยังทำละหมาดอิซาของวันก่อนไม่เสร็จเลย ดังนั้นถ้าพระผู้เป็นเจ้ามีความต้องการให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลกทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่งเวลาเดียวกันและวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพอย่างที่ใครบางคนกล่าวอ้างแล้ว เอกภาพดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะความแตกต่างทางด้านเวลาที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่ ผมอยากจะให้เราท่านทั้งหลายสังเกตุดูสักนิดนึงว่า ถ้าจะให้เราละหมาด5เวลาตลอด24ช.ม.เราท่านทั้งหลายคงจะไม่มีใครทำได้ แต่ด้วยความแตกต่างทางด้านเวลานี้แหละทำให้มีผู้ละหมาด มีผู้ทำอิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้าตลอด24ช.ม.เรียกว่าตลอดทั้งวันทั้งคืน
แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลาม(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น วันที่1เดือนอิสลามของประเทศใครประเทศมัน ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน) ชี้ชัดให้เห็นเลยว่าเราท่านทั้งหลายควรจะยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง ดวงอาทิตย์ประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา ดวงจันทร์เสี้ยวประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา) อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์ พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน) ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน ตามกันไม่ได้ แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา
การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลก)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา
ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.)ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันอังคารที่27กันยายนพ.ศ.2554ตรงกับวันที่29เซาวั้ล ฮ.ศ.1432 (สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันอังคารที่27กันยายน พ.ศ.2554 เวลา18.08.42วินาที) ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันอังคารที่27กันยายนพ.ศ.2554 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1432 (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยวโดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)
วันอังคารที่27กันยายนพ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.11.39วินาที ดวงจันทร์ตก17.55.01วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์16นาที38วินาที จึงไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.09.36วินาที ดวงจันทร์ตก17.53.12วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์16นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลา ดวงอาทิตย์ตก18.10.25วินาที ดวงจันทร์ตก17.56.18วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์14นาที07วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก18.12.05วินาที ดวงจันทร์ตก17.57.49วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์14นาที16วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.14.48วินาที ดวงจันทร์ตก17.58.13วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์16นาที36นาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.09.38วินาที ดวงจันทร์ตก17.55.21วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์14นาที17วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก17.53.22วินาที ดวงจันทร์ตก 17.35.37วินาที ไม่มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยวเพราะดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์17นาที46วินาที ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันอังคารที่27กันยายน พ.ศ. 2554หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย จะไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวบอกได้เลยว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน สรุปว่าผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม เท่ากับว่าเดือนเซาวั้ลปีนี้มี30วัน แหละวันที่1ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1432 จะตรงกับวันพฤหัสบดีที่29กันยายนพ.ศ.2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
ในเดือนเซาวั้ลนี้มีสุนัตให้ถือศิลอดหกวัน จะถือศิลอดติดต่อกันหรือถือศิลอดในวันใดก็ได้โดยให้อยู่ในเดือนเซาวั้ลนี้เท่านั้น
เล่าจากอะบีอัยยูบ(ร.ด.)ว่าท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่าผู้ใดถือศิลอดในเดือนร่อมะดอน แล้วถือศิลอดอีกหกวันในเดือนเซาวั้ลตามไป เขาจะได้รับภาคผลบุลเท่ากับถือศิลอดตลอดทั้งปี รายงานโดยมุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
วันนี้วันเสาร์ที่10กันยายนพ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับกทม.ซุบฮิเวลา04.47.39 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.07.26วินาที ดุฮ์ริเวลา12.15.52วินาที อัสริเวลา15.32.04วินาที มักริบเวลา 18.24.07วินาที อีซาเวลา19.35.27วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา04.42.32วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.03.33วินาที ดุฮ์ริเวลา12.17.44วินาที อัสริเวลา15.43.01วินาที มักริบเวลา18.31.37วินาที อีซาเวลา19.43.41วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.39.57วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.01.57วินาที ดุฮ์ริเวลา12.18.41วินาที อัสริเวลา15.46.39วินาที มักริบเวลา18.35.03วินาที อีซาเวลา19.47.49วินาที พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version