เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
การเกิดน้ำท่วมนั้นเหตุการณ์อย่างนี้เคยได้เกิดขึ้นมาแล้วในสมัยของท่านศาสดาซากิรีน หรือที่เรารู้จักกันในนามว่าท่านนบีนูฮ์ ท่านเป็นบุตรของมาลิก บุตรของมะนูซิกะห์ บุตรของอิดรีส (สาเหตุที่ท่านมีนามว่านูฮ์ก็เพราะว่าท่านมีความเศร้าโศรกเสียใจอย่างมากที่กลุ่มชนของท่านกราบไหว้ สักการะรูปปั้น อีกทั้งท่านได้รับความเจ็บปวด ท่านถูกทุบตี ท่านถูกหัวเราะเยาะถากถางต่างๆนาๆจากกลุ่มชนของท่าน เมื่อท่านมีอายุครบ40ปีพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นศาสดา เรียกร้องให้ผู้คนกลับมาศรัทธายึดมั่นหันมาเคารพภักดี อิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวโดยไม่นำสิ่งอื่นมาภาคีกับพระองค์ ในระยะเวลาที่ท่านได้ประกาศศาสนาอย่างยาวนานตามคำสั่งใช้ของพระผู้เป็นเจ้า มีผู้ชายเข้ามารับถือศาสนาอิสลามเพียง50คน มีผู้หญิงเข้ามารับถือศาสนาอิสลามเพียง50คนเท่านั้นเอง
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูฮ์ไปยังหมู่ชนของเขา และเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งพันปีเว้นห้าสิบปี (คือ950 ปี) ดังนั้นอุทกภัยได้คร่าพวกเขาขณะที่พวกเขาเป็นผู้อธรรม ซูเราะห์อังกะบูต อายะห์ที่14(สังเกตุในกุรอ่านใช้คำว่าอัลฟะซะนะติน ต่อมาพระผู้เป็นเจ้าใช้คำว่าอิลลาคอมซีนะอามัน ไม่ใช้คำว่าอิลลาคอมซีนะซะนะตันตรงนี้หลักบาลาเฆาะห์เรียกว่าอัตตะฟันนุน ฟิตตะบีร คำว่าซะนะตินแปลว่าปีคำว่าอามันก็แปลว่าปีเหมือนกัน คือจะไม่นำคำเดียวกันมาไว้ในประโยคเดียวกัน นอกจากว่าประโยคนั้นแสดงถึงการให้เกียตรแสดงถึงการบอกให้สะพึงกลัว จึงจะใช้คำว่าเดียวกันในประโยคเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า อัลกอริอะฮ์ อัลกอริอะฮ์นั้นคืออะไร?(ตรงนี้ใช้คำว่าอัลกอรีอะฮ์เหมือนๆกัน) และอะไรที่ทำให้เจ้าได้รู้ว่าอัลกอรีอะฮ์นั้นคืออะไร? วันที่มนุษย์จะเป็นเช่นแมลงเม่าที่กระจายว่อน ซูเราะห์อัลกอริอะห์ อายะห์ที่1-4
ดังนั้นเราได้ช่วยเขาและพวกพ้องในเรือ ให้รอดพ้น และเราได้ทำให้มันเป็นสัญญาณหนึ่งแก่ประชาชาติ ซูเราะห์อังกะบูต อายะห์ที่15
ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่มีข่าวน้ำท่วมหลายๆสถานที่ การใช้ชีวิตอยู่ในช่วงน้ำท่วมนั้นค่อนข้างจะลำบากมาก จะกินก็ลำบาก จะนอนก็ต้องคอยระวังน้ำ จะเข้าห้องน้ำห้องท่าก็ลำบาก สิ่งที่ผู้ที่อยู่ในช่วงน้ำท่วมต้องการมากที่สุดก็คืออยากจะให้น้ำลดเร็วๆ เราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่าไม่ว่าเราจะทุกข์หรือเราจะสุข เราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมพระผู้เป็นเจ้า ต้องไม่ลืมที่จะทำความดีตามคำสั่งใช้ของพระองค์ สุขก็ซุโกร ทุกข์ก็อดทน ผมเชื่ออยู่อย่างนึงว่าถ้าเรามีศรัทธาอะไรๆก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในสมัยของท่านนบีนูฮ์ท่านเริ่มขึ้นเรือวันที่9เดือนร่อยับ ซะบาน ร่อมะดอน ซุ้ลเกาะดะห์ ซุ้ลฮิจยะห์อาศัยอยู่บนเรือกระทั่งถึงวันที่10เดือนมุฮัรรอม
ในช่วงที่อยู่บนเรือนะยิสบนเรือเต็มไปหมดทั้งของคนและของสัตว์ท่านนบีนูฮ์จึงขอดุอาต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยชำระขจัดนะยิสสิ่งปฏิกูลเหล่านั้นด้วย พระผู้เป็นเจ้าจึงมีคำสั่งใช้ให้ท่านยิบรีลลงมาหาท่านนบีนูฮ์สอนให้ท่านลูบที่หน้าผากของช้าง ทันใดนั้นปรากฏว่าหมูค่อยๆออกมาจากงวงช้าง เก็บกินสิ่งโสโครกสิ่งปฏิกูลที่อยู่บนเรือจนสะอาด(สังเกตุที่หมูตามธรรมชาติก้มอยู่ตลอดเวลาเพราะถูกให้มาเก็บกินสิ่งโสโครกที่อยู่บนพื้นเรือที่อยู่ต่ำ)เมื่อผู้ศรัทธาที่อยู่บนเรือเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็ฉงน ทึ่งในเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าอย่างมาก ต่อมาอิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)ก็ลูบหลังหมู ทันใดนั้นหนูก็ค่อยๆออกมาจากจมูกหมูกัดกระดานเรือ กัดข้าวของที่อยู่บนเรือให้เกิดความเสียหาย ท่านนบีนูฮ์ตกใจแปลกใจจึงกล่าวขึ้นมาว่า หนูมาจากใหนกันนี่กัดข้าวของเสียหายหมด ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้เรือคงจะทะลุและแตกในที่สุด ท่านยิบรีลจึงลงมาบอกท่านนบีนูฮ์ว่าเจ้าของหนูก็คืออิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์) อิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)ได้ลูบหลังหมูหนูจึงออกมา ท่านยิบรีลสอนให้ท่านนบีนูฮ์ลูบหลังเสือ ลูบเสร็จแมวจึงออกมาจับกินหนู จากวันนั้นถึงวันนี้แมวกับหนูจึงไม่ถูกกัน ท่านนบีนูฮ์กล่าวกับอิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)ว่าลูบหลังหมูทำไม พระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ลูบหรืออย่างไร อิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)กล่าวว่าเปล่าหรอกฉันเห็นท่านลูบหน้าผากช้างหมูออกมา ฉันก็ลองลูบหลังหมูดูบ้างหนูจึงออกมา ท่านนบีนูฮ์กล่าวกับอิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)ว่าใครใช้ให้ท่านขึ้นมาบนเรือพระผู้เป็นเจ้าใช้ให้ขึ้นมาหรือไง อิบลีส(ละอฺนะตุ้ลลอฮ์)กล่าวว่าเปล่าหรอกฉันขึ้นมาเอง งานของฉันสำเร็จไปบางส่วนแล้วฉันทำให้คนปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้ามากมาย จนในที่สุดพวกเขาเหล่านั้นก็จมน้ำตายอย่างมากมายรวมทั้งภรรยาของท่านและกันอานลูกของท่านด้วย ฉันจึงต้องการขึ้นมาบนเรือเพื่อทำลายผู้ที่มีศรัทธาที่อยู่บนเรืออีก แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
น้ำท่วมโลกครั้งนี้ได้พาเรือไปเวียนบริเวณบัยตุ้ลลอฮ์(บริเวณที่นบีอิบรอฮีมจะสร้างบัยตุ้ลลอฮ์ต่อไปข้างหน้า)เวียน7รอบ ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่สั่งให้ฝนหยุดตกไม่สั่งให้แผ่นดินดูดน้ำลงไป คงจะมีน้ำล้นถึงฟากฟ้าเป็นแน่ ท้ายที่สุดแล้วเรือก็มาหยุดที่ภูเขายูดี
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และเรือแล่นพาพวกเขาไปท่ามกลางคลื่นลูกเท่าภูเขา และนุห์ได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว “โอ้ลูกของฉันเอ๋ย ! จงมาโดยสารเรือกับเราเถิด และเจ้าอย่าอยู่ร่วมกับผู้ปฏิเสธศรัทธาเลย” เขา(ลูกชายของนบีนูฮ์) กล่าวว่า “ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง มันจะคุ้มครองฉันจากน้ำนี้ได้” เขา(นุห์) กล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดคุ้มครองในวันนี้จากพระบัญชาของอัลลอฮ์ เว้นแต่ผู้ทีพระองค์ทรงเมตตา” และคลื่นได้ซัดเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง และเขา(ลูกชาย) ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำ และได้มีเสียงกล่าวว่า “แผ่นดินเอ๋ย! จงกลืนน้ำของเจ้า และฟ้าเอ๋ย ! จงหยุด” และน้ำได้ลดลงและกิจการได้ถูกตัดสิน และมันได้จอดเทียบอยู่ที่ภูเขาญดีย์ และได้มีเสียงกล่าวว่า “ความหมายนะจงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรมเถิด”ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่42-44
จากเหตุการณ์ทั่งหมดที่ได้กล่าวมานี้สิ่งที่เราสำผัสได้ก็คือความยิ่งใหญ่เดชานุภาพแหละความสามารถของพระผู้เป็นเจ้านั้นไม่มีผู้ใดที่จะทำได้แหละไม่มีผู้ใดที่จะต้านทานไว้ได้ ความศรัทธาแหละการทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงห้ามเอาไว้เท่านั้น จึงจะทำให้อะไรๆก็ตามทั้งในตอนปัจจุบันแหละในอนาคตข้างหน้าดีขึ้นมาเอง
หลักของการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามนั้นมิใช่จะนำมาแทนที่การดูจันทร์เสี้ยวที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้ระบุไว้ หากแต่ว่าการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามได้มาทำให้การพิจราณาการเห็นจันทร์เสี้ยวของบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่ง เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ที่ตรงกับหลักความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา ให้ตรงกับคำสั่งใช้ของร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) ยิ่งกว่านั้นยังสามารถทำให้รู้ทันการโกหกหรือความเข้าใจผิดของบุคคลหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้อีกด้วย การโคจรของดวงอาทิตย์และการโคจรของดวงจันทร์และการโคจรของโลกเรา มีเวลาที่แน่นอนที่สามารถคำนวนล่วงหน้าได้ ไม่มีวันใดเลยที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกของเราจะหยุดโคจรหรือหลุดออกจากวงโคจร เพราะนี่คืองานของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้าง ดังนั้นถ้าเราท่านทั้งหลายสังเกตดีๆได้มีการคำนวนเวลาขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ในแต่ละวัน มีการคำนวนเวลาขึ้น-ตกของดวงจันทร์ในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ มีการคำนวนเวลาการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคาล่วงหน้าได้แหละแม่นยำด้วย เพราะดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลกไม่เคยหยุดโคจรเลยแม้แต่วินาทีเดียว นี่ก็แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ความสามารถ ความเกรียงไกรของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้น ที่ไม่มีใครสามารถทำได้แหละไม่มีทางที่ใครจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่าพระองค์ทรงทำให้ดวงอาทิตย์มีแสงจ้และดวงจันทร์มีแสงนวล และทรงกำหนดให้มันมีทางโคจร(คือมีจักรราศี) เพื่อพวกท่านทั้งหลายจะได้รู้จำนวนปีและการคำนวณ(ตรงนี้เองทำให้สามารถรู้ได้ว่า ขึ้นวันใหม่แล้วหรือยังด้วยดวงอาทิตย์ แหละก็ทำให้สามารถคำนวนเวลาละหมาดได้ ก็ด้วยการขึ้น-การตกของดวงอาทิตย์อีกเช่นกัน แหละตรงนี้เองก็ทำให้สามารถรู้ได้ว่า ขึ้นเดือนใหม่แล้วหรือยัง ขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติแล้วหรือยัง ด้วยการขึ้น-ตกของดวงจันทร์ ดังนั้นถ้าเราไม่ได้ศึกษาหลักดาราศาสตร์อิสลาม เราก็ยังไม่สามารถรู้แหละเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้อย่างแน่นอน) พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงสร้างสิ่งต่างๆเหล่านั้น เว้นแต่ด้วยความจริง พระองค์ทรงจำแนกสัญญาณต่าง ๆ(โองการต่างๆของพระองค์ให้แจ่มแจ้ง) สำหรับหมู่ชนที่มีความรู้ ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่5
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และอย่าติดตาม(อย่าพูด)สิ่งที่ท่านไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น(คืออย่าพูดว่าเห็นในสิ่งที่ตาไม่เห็น ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อย่าพูดว่าได้ยินในสิ่งที่หูไม่ได้ยิน ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อย่าพูดว่ารู้ในสิ่งที่ไม่มีความรู้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม) แท้จริงหู และตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน(จากพระผู้เป็นเจ้าในโลกหน้าอาคิเราะห์อย่างแน่นอน) ซูเราะห์อัลอิสรออ์ อายะห์ที่36
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ไม่มีคำพูดคำใดที่เขากล่าวออกมา(ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดีหรือคำพูดที่ไม่ดี) เว้นแต่ใกล้ๆเขานั้นมี(มะลาอิกะห์) ผู้เฝ้าติดตามผู้เตรียมพร้อม (ที่จะบันทึก) ซูเราะห์ก๊อฟ อายะห์ที่18
เล่าจากอิบนุอุมัร(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่าคนที่โป้ปดที่สุดคือคนที่ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแลเห็น ในสิ่งที่ตาทั้งสองข้างไม่ได้เห็น รายงานโดยบุคอรี
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
صُوْمُوْا لِرُهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِؤْيَتِرُؤْيَتِهِفَإ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا ،إ
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา ดังนั้นการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่ วันที่1ของเดือนอิสลามต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(นิวมูน จันทร์ดับ) ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่จะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน ละหมาดอัสริพร้อมกัน ฯลฯ) แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลามเหมือนๆกัน(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น วันที่1เดือนอิสลามของประเทศใครประเทศมัน ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน) จงยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง ที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่ อย่าคิดเอาเอง อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอีดอีดิ้ลอัฎฮาที่กำลังจะมาถึงข้างหน้านี้
การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
วิเคราะห์ตามหลัดาราศาสตร์อิสลาม วันพฤหัสบดีที่27ตุลาคมพ.ศ.2554ตรงกับวันที29ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1432 (สำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันพฤหัสบดีที่29กันยายนพ.ศ. 2554เป็นวันที่1ซุ้ลเกาะดะห์ฮ.ศ.1432 ประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่27ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา02.55.48วินาที) ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันพฤหัสบดีที่27ตุลาคม พ.ศ. 2554 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ซุ้ลฮิจยะห์ ฮ.ศ.1432 วันพฤหัสบดี27ตุลาคมพ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก17.53.23วินาที ดวงจันทร์ตก18.15.12วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว21นาที49วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก17.52.04วินาที ดวงจันทร์ตก18.14.15วินาที มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว22นาที11วินาที24วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก17.56.50วินาที ดวงจันทร์ตก18.22.15วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที24วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก17.58.18วินาที ดวงจันทร์ตก18.23.48วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที31วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก17.57.32วินาที ดวงจันทร์ตก18.23.05วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที33วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก17.56.30วินาที ดวงจันทร์ตก18.21.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที24วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก17.58.08วินาที ดวงจันทร์ตก18.23.52วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที43วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก17.57.15วินาที ดวงจันทร์ตก18.22.41วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที25วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก17.56.18วินาที ดวงจันทร์ตก18.21.40วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที22วินาที ต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 17.59.27วินาที ดวงจันทร์ตก18.24.43วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที16วินาทีต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก17.56.22วินาที ดวงจันทร์ตก18.18.11วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว21นาที49วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก17.57.10วินาที ดวงจันทร์ตก18.22.26วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว25นาที16วินาทีต้องใช้กล้องดูเท่านั้นอาจจะเห็นจันทร์เสี้ยวได้ อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก17.33.54วินาที ดวงจันทร์ตก 17.54.15วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว20นาที21วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
การคำนวนดาราศาสตร์อิสลาม วันพฤหัสบดีที่27ตุลาคม พ.ศ. 2554 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ถ้ามีผู้เห็นจันทร์เสี้ยว วันที่1ซุ้ลฮิจยะห์ฮ.ศ.1432 ตรงกับศุกร์ที่28ตุลาคมพ.ศ.2554 สรุปว่าวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮาฮ.ศ.1432 ตรงกับวันอาทิตย์ที่6พฤศจิกายนพ.ศ.2554 แต่ถ้าวันพฤหัสบดีที่27ตุลาคมพ.ศ. 2554 ไม่มีผู้เห็นจันทร์เสี้ยววันที่1ซุ้ลฮิจยะห์ฮ.ศ.1432 ตรงกับเสาร์ที่29ตุลาคมพ.ศ. 2554 สรุปว่าวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮาฮ.ศ.1432 ตรงกับวันจันทร์ที่7พฤศจิกายนพ.ศ.2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้วันอังคารที่11ตุลาคม พ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.49.41 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.08.54วินาที ดุฮ์ริเวลา12.05.35 วินาที อัสริเวลา15.26.42วินาที มักริบเวลา 18.02.05วินาที อีซาเวลา19.13.02วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา04.52.15วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.12.09วินาที ดุฮ์ริเวลา12.07.33วินาที อัสริเวลา15.29.11วินาที มักริบเวลา18.02.39วินาที อีซาเวลา19.13.55 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.52.53วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.13.28วินาที ดุฮ์ริเวลา12.08.24วินาที อัสริเวลา15.29.25วินาที มักริบเวลา18.03.00วินาที อีซาเวลา19.14.44วินาที พี่น้องครับอย่าละเลยการละหมาดเป็นอันขาดเพราะคือเสาหลักของศาสนา แหละซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”ซูเราะห์อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
เมื่อน้ำเริ่มแห้งลงนับว่าเป็นความดีใจอย่างมากสำหรับคนที่ประสบกับภัยน้ำท่วม เป็นสิ่งที่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมต้องการมากที่สุด เพราะเมื่อน้ำได้แห้งลงความสดวกสบายก็กลับคืนมา การใช้ชีวิตการดำเนินชีวิตก็เป็นไปอย่างปกติสุข แต่อย่างไรก็ดีเมื่อน้ำแห้งลงมาตรการเยียวยาในทุกๆเรื่องก็จะถูกผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เฉกเช่นเดียวกันในสมัยอดีตกาล เมื่อท่านนบีนูฮ์อยู่บนเรือเป็นเวลานานน้ำใกล้จะแห้งแล้ว ท่านจึงสั่งใช้ให้เป็ดบินออกไปดูว่าน้ำแห้งหรือยัง ด้วยความดีใจเป็ดก็บินเล่นไปมาลืมคำสั่งของท่านนบีนูฮ์ ท่านนบีนูฮ์ก็รอแล้วรออีก รอนานเท่าไหร่เป็ดก็ยังไม่กลับมาบอกซะที ท่านนบีนูฮ์จึงหันไปใช้ให้นกบินออกไปดูว่าน้ำแห้งหรือยัง นกก็ได้ทำตามคำสั่งของท่านนบีนูฮ์ด้วยการที่นกพูดสื่อสารกับนบีนูฮ์ไม่ได้ นกจึงนำเท้าของมันลงไปบนพื้นดินแล้วนกก็กลับมาหาท่านนบีนูฮ์ ดินสีแดงก็ติดเท้านกมาด้วย เมื่อท่านนบีนูฮ์เห็นดังกล่าวท่านนบีนูฮ์ดีใจและรู้ได้ทันทีว่าน้ำลดแล้ว ท่านจึงขอดุอาต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าต่อไปภายภาคหน้าขอให้นกเชื่องและฟังคำสั่งของผู้คนต่างๆ แหละในขณะเดียวกันก็ให้ผู้คนทั้งหลายรักและสงสารเอ็นดูนกด้วย(ถ้าจะย้อนกลับไปดูตั้งแต่สมัยอดีตในยุคที่ยังไม่เจริญก็มีแต่นกนั่นแหละที่ส่งข่าวสารต่างๆให้ผู้คนในสมัยก่อนได้รับรู้)หลังจากนั้นไม่นานเป็ดก็บินกลับมาหาท่านนบีนูฮ์ ท่านนบีนูฮ์เห็นเป็ดท่านก็พูดขึ้นว่าขอให้ปีกของเจ้าอ่อนกำลังลง แหละให้การหากินของเจ้ายากลำบากต่อไปในภายภาคหน้า ด้วยการขอดุอาของนบีนูฮ์ทุกวันนี้เป็ดจึงบินสูงไม่ได้ บินนานๆไม่ได้ ลองสังเกตุเป็ดตามธรรมชาติหาอาหารกินตามร่องน้ำ ตามน้ำจาน้ำเลนที่สกปรก หลังจากน้ำลดแล้วนบีนูฮ์จึงรวบรวมเมล็ดพันพืชที่ได้เก็บรักษาเอาไว้ เพื่อจะนำมาปลูกเยียวยาให้กับพื้นแผ่นดิน เป็นอาหารแก่ผู้คนในภายภาคหน้า หลังจากนั้นไม่นานท่านก็พบว่าเมล็ดองุ่นได้หายไปหาเท่าไหร่ก็ไม่พบไม่เจอเลย ท่านยิบรีลบอกให้ท่านนบีนูฮ์ได้รู้ว่าซัยตอนมารร้ายได้ขโมยเมล็ดองุ่นไป หลังจากที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทำลายล้างความชั่วร้ายต่างๆบนพื้นแผ่นดินให้หมดไปแล้วด้วยการให้น้ำท่วมทั้งโลก ซัยตอนมารร้ายก็เริ่มสร้างแผนการสร้างความชั่วร้ายให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้อีกครั้งด้วยการขโมยเมล็ดองุ่นไป ท่านนบีนูฮ์จึงได้ถามซัยตอนมารร้ายถึงเรื่องดังกล่าวแต่ก็ได้รับการปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่ได้ขโมยไป ท่านนบีนูฮ์จึงบอกกับซัยตอนมารร้ายว่าพระผู้เป็นเจ้าบอกให้ได้รู้ว่าเจ้าได้ขโมยเมล็ดองุ่นไป พระผู้เป็นเจ้าไม่โกหกแต่เจ้านั่นแหละได้โกหก เมื่อซัยตอนมารร้ายได้ยินดังกล่าวจึงยอมรับว่าได้ขโมยเมล็ดองุ่นไปจริง ท่านนบีนูฮ์จึงบอกว่าเอาเมล็ดองุ่นคืนมา ซัยตอนมารร้ายไม่ยอมให้ จะอย่างไรก็ไม่ยอมให้อย่างเดียว จะให้เมล็ดองุ่นก็ได้แต่ต้องมีข้อแม้อะไรบางอย่าง ต้องมีคำขออะไรบางอย่างด้วยจึงจะให้ มันได้ขอรดน้ำต้นองุ่นนั้นด้วยท่านนบีนูฮ์จึงรับคำขอของซัยตอนมารร้าย ทุกๆวันท่านนบีนูฮ์ได้รดน้ำต้นองุ่นวันละ2ครั้ง และในทุกๆเย็นซัยตอนมารร้ายจะมาเยี่ยวรดต้นองุ่นนั้นด้วย ดังนั้นน้ำและผลองุ่นมีวิตตามินเอ บี1บี2 ธาตเหล็กแคลเซี่ยมทีก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายต่อร่างกายของคนเรานั้นก็สืบเนื่องจากการรดน้ำของท่านนบีนูฮ์ แต่ในทางกลับกันถ้าได้เก็บหมักไว้นานๆกระทั่งมีกลิ่นและรสชาติที่ไม่เหมือนเดิมจนกลายเป็นน้ำเมา น้ำเมาที่ใครได้กินแล้วเกิดผลเสียมากมายตามมา เป็นผลเสียต่อร่างกาย เป็นผลเสียต่อสมอง เป็นจุดเริ่มต้นของความชั่วร้ายต่างๆอย่างมากมาย อาทิเช่นการทะเลาะเบาะแว้ง การผิดประเวณี การทำความชั่วร้ายต่างๆที่นอกเหนือจากนี้ก็สืบเนื่องมาจากการดื่มน้ำเมา สืบเนื่องมาจากการเยี่ยวรดของซัยตอนมารร้ายนั้น เพราะเมื่อสมองขาดสติก็เป็นเรื่องง่ายที่ซัยตอนมารร้ายจะชักจูงไปทำในสิ่งที่ไม่ดีต่างๆได้อย่างง่ายดาย
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่าโอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย แท้ที่จริงสุราและการพนันและแท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายัญ และการเสี่ยงติ้วนั้นเป็นสิ่งโสมมอันเกิดจากการกระทำของซัยตอน ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงห่างไกลจากสิ่งดังกล่าวมาเพื่อว่าพวกท่านทั้งหลายจะได้รับความสำเร็จ ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะที่90
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ที่จริงซัยตอนนั้นเพียงต้องการที่จะให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันระหว่างพวกท่านในสุราและการพนันเท่านั้น และมันจะหันเหพวกเจ้าออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮ์ และการละหมาด(การทำคุณความดีต่างๆ)แล้วพวกเจ้าจะยุติ(การกระทำผิดดังกล่าว)ใหม? ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่91
ดังนั้นทุกๆสิ่งที่ทำให้เกิดการมึนเมาถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามตามศาสนาอิสลามทั้งสิ้น เป็นผลเสียต่อร่างกายเป็นผลร้ายต่อสังคม
เล่าจากตอริกอัลยัวะฟี(ร.ด.)ว่าเขาได้สอบถามท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ถึงสุราท่านได้ห้ามเขาหรือท่านรังเกียจที่จะให้เขาทำสุรา ต่อมาเขาได้กล่าวว่าแท้จริงฉันทำมันขึ้นเพื่อใช้เป็นยา ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าแท้จริงมันไม่ใช่เป็นยาแต่มันเป็นโรค รายงานโดยมุสลิม อะบูดาวูด และติรมีซี
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإ
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080
ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน ตามกันไม่ได้ แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา
ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันศุกร์ที่25พฤศจิกายน พ.ศ.2554ตรงกับวันที่29ซุ้ลฮิจยะห์ ฮ.ศ.1432 (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันศุกร์ที่28ตุลาคมพ.ศ.2554เป็นวันที่1ซุ้ลฮิจยะห์ฮ.ศ.1432 เพราะประกาศวันอาทิตย์ที่6พฤศจิกายนพ.ศ.2554เป็นวันอีดอีดิ้ลอัฏฮา)สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันศุกร์ที่25พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา13.09.42วินาที) ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันศุกร์ที่25พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1มุฮัรรอม ฮ.ศ.1433 ถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่อิสลามประจำฮิจเราะห์ศักราชที่1433 วันศุกร์ที่25พฤศจิกายนพ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก17.47.55วินาที ดวงจันทร์ตก17.52.52วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว04นาที57วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก17.47.10วินาที ดวงจันทร์ตก17.52.12วินาที มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว05นาที02วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก17.56.03วินาที ดวงจันทร์ตก18.02.18วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที15วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก17.57.34วินาที ดวงจันทร์ตก18.03.54วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที20วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก17.56.54วินาที ดวงจันทร์ตก18.03.13วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก17.55.44วินาที ดวงจันทร์ตก18.01.58วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที14วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอนยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก17.58.43วินาที ดวงจันทร์ตก18.04.06วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที24วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก17.56.28วินาที ดวงจันทร์ตก18.02.44วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที16วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก17.55.29วินาที ดวงจันทร์ตก18.01.42วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที13วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 17.58.20วินาที ดวงจันทร์ตก18.04.37วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที17วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก17.50.46วินาที ดวงจันทร์ตก17.55.48วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว05นาที02วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก17.56.10วินาที ดวงจันทร์ตก18.02.23วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว06นาที13วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก17.27.29วินาที ดวงจันทร์ตก 17.31.22วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว03นาที53วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
***ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันศุกร์ที่25พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ดังนั้นวันที่1มุฮัรรอมฮ.ศ.1433 วันขึ้นปีใหม่ปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 1433 ตรงกับวันอาทิตย์ที่27พฤศจิกายนพ.ศ. 2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
วันนี้วันศุกร์ที่25พฤศจิกายนพ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.59.26 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.22.56วินาที ดุฮ์ริเวลา12.05.29วินาที อัสริเวลา15.22.13 วินาที มักริบเวลา17.47.55วินาที อีซาเวลา19.02.50สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา05.10.47วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.34.45วินาที ดุฮ์ริเวลา12.07.32วินาที อัสริเวลา15.15.37วินาที มักริบเวลา17.40.39วินาที อีซาเวลา18.55.14 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา05.15.26วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.39.45 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.08.23วินาที อัสริเวลา15.12.4906วินาที มักริบเวลา17.36.52 วินาที อีซาเวลา18.52.26วินาที
พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
คนรู้น้อย:
ความรู้แน่นดี มู้นี้ขอมาเก็บน้อยหลังนะครับ ^^
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
อีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ หลายๆคนที่มีความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าก็ใช้โอกาสนี้กลับไปเยี่ยมบ้านเยี่ยมอาเยาะห์เยี่ยมป๋าเยี่ยมมะห์เยี่ยมญาติพี่น้อง สิ่งต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นความดีงามที่มาพร้อมกับวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ เพราะว่าในโลกนี้นอกจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่มีใครหรอกที่จะรักเราเท่ากับอาเยาะห์ป๋ามะห์ของเรา นี่คือวิถีดำเนินชีวิตของผู้ศรัทธาแหละนี่ก็เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำชับไว้ ได้ทรงสั่งใช้ไว้อีกเช่นกัน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และพระเจ้าของท่านบัญชาว่า พวกท่านอย่าเคารพภักดี(สักการะ)ผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงทำดีต่อบิดามารดา เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับท่าน ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ (พูดด้วยความไม่พอใจ)! และอย่าขู่เข็ญ(อย่าตะคอก)ท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา และจงกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย ”พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกท่าน หากพวกท่านเป็นคนดี ดังนั้นพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยแก่บรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวอย่างแน่นอน ซูเราะห์อัลอิสรออ์ อายะห์ที่23-25
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า และท่านทั้งหลายจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด(อย่านำสิ่งหนึ่งสิ่งใด)เป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อบิดามารดา(ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง)และต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนบ้านที่ห่างไกล และเพื่อนสนิท และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง(ทาส) แท้จริงอัลลอฮฺ ไม่ทรงชอบผู้ยะโส ผู้โอ้อวด ซูเราะห์อันนิซา อายะห์ที่36
เล่าจากอะบีอับดิรเราะห์มานอับดิลลาห์บุตรมัสอูด(ร.ด.)ว่า ฉันได้ถามร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ว่าอะมั้ลใด การกระทำใดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงรักทรงโปรดปรานที่สุด ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าการทำดีการปรนนิบัตรดีต่อบิดามารดา ฉันก็ได้ถามต่อว่าถัดจากนั้นคือสิ่งใด ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าการต่อสู้ในวิธีทางของพระองค์อัลเลาะห์รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์จากท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่าต้อยต่ำเหลือเกิน ต้อยต่ำเหลือเกิน ต้อยต่ำเหลือเกิน สำหรับบุคคลที่คนหนึ่งคนใดจากบิดามารดาของเขาหรือทั้งสองคนเข้าสู่วัยชรา เขาไม่ได้เข้าสวรรค์ รายงานโดยมุสลิม
ครั้งหนึ่งมีผู้ที่ไร้อีหม่านถามท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ว่าพระเจ้าของท่านทำมาจากอะไร ทำมาจากเงิน ทำมาจากทองคำ ทำมาจากทองแดงหรือทำมาจากสะสารชนิดใด กินอะไรดื่มอะไรแหละโลกนี้จักวาลโลกนี้ ความสวยงามทรัพยากรที่มีค่าทุกสิ่งทุกๆอย่างพระเจ้าของท่านรับมรดกมาจากใครแหละผู้ใดจะได้รับมรดกโลกนี้ต่อไปในภายภาคหน้า ความเข้าใจของผู้ที่ไม่มีความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า เขาเข้าใจกันว่าพระผู้เป็นเจ้าก็คงมีลักษณะคล้ายๆกับสิ่งที่พวกเขาสักการะอยู่ ดังนั้นซูเราะห์อัลอิคลาสหรือที่เราท่านทั้งหลายรู้กันว่าซูเราะห์กุ้ลฮุวั้ลลอฮ์ก็จึงถูกประทานลงมา จงกล่าว(ประกาศ)เถิด โอ้มุฮัมมัด พระองค์คืออัลลอฮฺผู้ทรงเอกะซูเราะห์อัลอิคลาสอายะห์ที่1(คำว่าจงกล่าว จงประกาศเถิด ภาษาอะหรับใช้คำว่ากุ้ลเป็นฟิอิ้ลอะมัรตรงนี้จึงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สิ่งที่มีอยู่ในอัลกุรอ่านทั้งหมดนั้นไม่ได้มาจากความคิดแหละไม่ได้มาจากการที่ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ปั้นแต่งขึ้นมาเอง หากแต่ว่าเป็นคำสั่งใช้จากพระผู้เป็นเจ้าที่ได้สั่งใช้ลงมาผ่านมะลาอิกะห์ที่มีนามว่ายิบรออีลสู่ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) ด้วยคำที่ว่าจงกล่าวจงประกาศเถิดโอ้มุฮัมมัด) ต่อมาพระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวว่าฮู่วะตรงนี้นักอธิบายอัลกุรอ่านบอกว่าความหมายก็คือจงกล่าวจงประกาศเถิดโอ้มุฮัมมัดพระผู้เป็นเจ้าที่ท่านได้ถูกถามเป็นคำถามข้างต้นทั้งหมดนั้นนั้นพระองค์คือพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.) บางกลุ่มจากนักอธิบายอัลกุรอ่านก็บอกว่าด่อเมรนี้เรียกว่าด่อมีรุชชะ แต่จุดประสงค์ของอายะห์นี้จริงๆอยู่ตรงคำว่าที่ว่าอะฮัดแปลว่าพระองค์ทรงเอกะ ทรงหนึ่งเดียว ตรงนี้เองจึงเป็นบทสรุปในทุกๆคำถามของผู้ไร้ศรัทธาที่ได้กล่าวมา ดังนั้นเมื่อพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงเอกะมีหนึ่งเดียว หนึ่งเดียวเท่านั้น จึงไม่ใช่ทองคำแน่นอน เพราะทองคำมีเยอะมากมาย ไม่ใช่เงินแน่นอน ไม่ใช่ทองแดงแน่นอน ไม่ใช่สะสารชนิดใดแน่นอน ไม่กินไม่ดื่มอย่างแน่นอน ไม่ได้รับมรดกทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระเจ้าใดแน่นอนแหละจะไม่มีผู้ใดมาแทนที่การเป็นพระเจ้าของพระองค์ได้อย่างแน่นอน บางส่วนจากเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าแค่บางส่วนเท่านั้น กรณีศึกษาอย่างจันทรุปราคา10ธันวาคมที่ผ่านมาดวงจันทร์จริงๆไม่มีแสงในตัวเอง แต่พระผู้เป็นเจ้าก็ทำให้ค่อยๆมีแสงขาวนวลทีละน้อยๆได้ พอมีแสงนวลเต็มที่พระผู้เป็นเจ้าก็ลดแสงนวลทีละน้อยๆจนมืดมิดอีกครั้งที่เรารู้จักกันว่าวันจันทร์ดับ วันดีคืนดีพระผู้เป็นเจ้าก็ทำให้ดวงจันทร์มีแสงนวลสีส้มคล้ายๆสีของดวงอาทิตย์ได้อีกเช่นกัน ที่เรารู้จักกันว่าคืนจันทรุปราคา มีข้อต่างอยู่ตรงที่ว่าดวงอาทิตย์ส่องแสงแดงแต่มองด้วยตาเปล่าไม่ได้ ดวงจันทร์ในคืนจันทรุปราคามีแสงนวลสีส้มที่มองด้วยตาเปล่าได้ สิ่งต่างๆเหล่านี้ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทำ ใครจะทำได้ ดังนั้นระยะเวลาเกือบจะหนึ่งปีที่ผ่านมาเราท่านทั้งหลายทำคุณความดีต่อพระผู้เป็นเจ้ามากน้อยเพียงใด ดีเท่าใดไม่ดีเท่าใด เริ่มตั้งแต่เดี่ยวนี้วันนี้เราจะทำคุณความดีเพื่อพระองค์ เราจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีต่างๆที่พระองค์ได้ทรงห้ามเอาไว้ แล้วโลกหน้าอาคิเราะห์สิ่งที่ดีๆความสุขสบายจากพระผู้เป็นเจ้าจะมาสู่เราท่านทั้งหลายอย่างแน่นอน
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้ การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ก่อให้เกิดความแตกต่างกันทางเวลา เนื่องด้วยมนุษย์ได้อาศัยอยู่ทุกทิศทุกทางในโลกใบนี้ ทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ดังนั้นการปฏิบัติศาสนกิจละหมาด5เวลาต้องขึ้นอยู่กับเวลาของดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น เรียกว่าใช้ระบบสุริยะ
และการเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่ วันที่1ของเดือนอิสลามต้องขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ของจันทร์ดวงใหม่(นิวมูน จันทร์ดับ) เรียกว่าใช้ระบบจันทรคติ ดังนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นทางประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันออกก่อนประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกหนึ่งชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่าตามระยะทางที่แตกต่างกันไป(เพราะโลกของเราโคจรทวนเข็มนาฬิกา ถ้าวันศุกร์ใดที่โลกของเราโคจรตามเข็มนาฬิกาวันนั้นแหละคือวันกิยามะห์) ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ เวลาทุกเวลาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน ละหมาดอัสริพร้อมกัน ฯลฯ) ดังนั้นการที่จะกล่าวอ้างว่าเพื่อความเป็นเอกภาพของอุมมะห์มุสลิมมุสลิมะห์ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ควรจะทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่ง เวลาเดียวกันและวันเดียวกัน การกล่าวอ้างแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา เรียกว่าคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองเท่านั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราท่านทั้งหลายจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ขณะที่มุสลิมที่อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียละหมาดซุบฮิ มุสลิมที่อยู่ในอเมริกาเหนืออาจยังทำละหมาดอิซาของวันก่อนไม่เสร็จเลย ดังนั้นถ้าพระผู้เป็นเจ้ามีความต้องการให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลกทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่งเวลาเดียวกันและวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพอย่างที่ใครบางคนกล่าวอ้างแล้ว เอกภาพดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะความแตกต่างทางด้านเวลาที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่ ผมอยากจะให้เราท่านทั้งหลายสังเกตุดูสักนิดนึงว่า ถ้าจะให้เราละหมาด5เวลาตลอด24ช.ม.เราท่านทั้งหลายคงจะไม่มีใครทำได้ แต่ด้วยความแตกต่างทางด้านเวลานี้แหละทำให้มีผู้ละหมาด มีผู้ทำอิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้าตลอด24ช.ม.เรียกว่าตลอดทั้งวันทั้งคืน แหละด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเริ่มต้นวันที่หนึ่งของเดือนอิสลาม(แต่ละประเทศต้องคำนึงถึงตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ของตัวเองเท่านั้น วันที่1เดือนอิสลามของประเทศใครประเทศมัน ไม่ต้องไปผูกพันกับประเทศอื่นที่มีตำแหน่งกำเนิดของดวงจันทร์ต่างกัน) ชี้ชัดให้เห็นเลยว่าเราท่านทั้งหลายควรจะยืนหยัดอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง ดวงอาทิตย์ประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา ดวงจันทร์เสี้ยวประเทศเราก็มีดู ก็ดูของประเทศเรา อย่าไปรอฟังข่าวจากการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นเลย พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา) อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์ พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน) ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน ตามกันไม่ได้ แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา
ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.)
ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ.2554ตรงกับวันที่29 มุฮัรรอม ฮ.ศ.1433 สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา01.06.24วินาที อายุดวงจันทร์สำหรับ กทม.16ชม.51นาที32วินาที/ชลบุรี16ชม.50นาที59วินาที/ยะลา17ชม.02นาที53วินาที) ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ. 2554 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ซอฟัร ฮ.ศ.1433 (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)
วันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ.2554 กทม.ดวงอาทิตย์ตก17.57.56วินาที ดวงจันทร์ตก18.37.42วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว39นาที46วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก17.57.23วินาที ดวงจันทร์ตก18.36.54วินาที มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว39นาที31วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.07.44วินาที ดวงจันทร์ตก18.46.00วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที16วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.09.17วินาที ดวงจันทร์ตก18.47.35วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที18วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.08.39วินาที ดวงจันทร์ตก18.46.53วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที14วินาที ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.07.26วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.40วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที15วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.09.32วินาที ดวงจันทร์ตก18.47.43วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที11วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.08.09วินาที ดวงจันทร์ตก18.46.26วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที17วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก18.07.10วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.25วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที15วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.09.54วินาที ดวงจันทร์ตก18.48.23วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที29วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.00.43วินาที ดวงจันทร์ตก18.40.40วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว39นาที56วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.07.47วินาที ดวงจันทร์ตก18.46.09วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว38นาที21วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก18.37.09วินาที ดวงจันทร์ตก 18.16.25วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว39นาที16วินาที สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง
ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันอาทิตย์ที่25 ธันวาคม พ.ศ. 2554 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว ถ้าฝนไม่มา ฟ้าไม่มืด เมฆไม่บัง ทั่วทั้งประเทศไทยสามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ดังนั้นวันที่1ซอฟัรฮ.ศ.1433 ตรงกับวันจันทร์ที่26ธันวาคมพ.ศ. 2554 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
วันนี้วันศุกร์ที่23ธันวาคมพ.ศ.2554 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง) สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 05.12.54 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.38.00วินาที ดุฮ์ริเวลา12.17.27วินาที อัสริเวลา15.32.12 วินาที มักริบเวลา17.56.54วินาที อีซาเวลา19.13.13สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา05.26.47วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.51.37วินาที ดุฮ์ริเวลา12.19.27วินาที อัสริเวลา15.23.43วินาที มักริบเวลา17.47.18 วินาที อีซาเวลา19.03.49 วินาที เวลาปฏิบัติศาสนกิจ สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา05.31.13วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.57.29 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.20.24วินาที อัสริเวลา15.19.31วินาที มักริบเวลา17.43.20 วินาที อีซาเวลา19.00.21วินาที
พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
การที่เราท่านทั้งหลายได้ศรัทธาอยู่ในศาสนาอัลอิสลามนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เป็นความโปรดปรานอย่างมากที่สุดจากพระผู้เป็นเจ้า ขอเราท่านทั้งหลายจงมีความซูกุรขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าให้มากๆเพราะเราท่านทั้งหลายต้องอย่าลืมอย่างนึงว่าเงินทองไม่สามารถซื้อหาสรวงสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้ แต่เงินทองความดีงามที่สะสมเอาไว้ การมีอีหม่านศรัทธาจะสามารถนำพาเราท่านทั้งหลายไปสู่สรวงสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้ ตอนนี้วันนี้บางคนอาจจะยังไม่เห็นความสำคัญในการได้อยู่ในศาสนาอัลอิสลาม (แต่โลกหน้าอาคิเราะห์ผู้ไร้ศรัทธาคิดได้พยายามอ้อนวอนให้ได้กลับมามีศรัทธา มาเริ่มต้นสร้างคุณความดีใหม่อีกครั้ง แต่ก็หมดโอกาสเสียแล้ว)อาจจะสืบเนื่องจากมุ่งอยู่ในโลกดุนยามากไปสักนิด หรืออาจสืบเนื่องมาจากการขาดความใส่ใจในหลักความจริงที่ได้เห็นกันอยู่ ถ้าหากว่าเราท่านทั้งหลายได้มองสิ่งรอบข้างที่อยู่ใกล้ๆตัวและเอะใจสักนิด เราท่านทั้งหลายก็จะพบว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่จะมีขึ้นมาได้โดยปราศจากผู้สร้าง รถก็ต้องมีผู้ผลิต บ้านก็ต้องมีคนสร้าง หนังสือก็ต้องมีคนเขียนเรียบเรียงขึ้นมา พืชผลทางการเกษตรก็ต้องมีคนปลูก ดังนั้นจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ความลี้ลับในมหาสมุทร แร่ธาตุแหละทรัพยากรอันมีค่าที่มีอยู่ในพื้นแผ่นดิน มนุษย์ สิงสาราสัตว์ ภูเขาต้นหมากรากไม้แหละทุกๆสรรพสิ่ง จะมีขึ้นมาได้อย่างไรถ้าไม่มีพระผู้ทรงสร้าง แหละพระผู้ทรงสร้างที่จะสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้นั้นต้องมีความสามารถ ต้องมีเดชานุภาพ ต้องมีความยิ่งใหญ่ฯลฯ จึงจะสามามารถสร้างสิ่งต่างๆที่มหัศจรรย์เหล่านี้ได้ สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจจะทำไม่ได้เลยสำหรับเราๆท่านๆ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่มีสิ่งใดเลยที่เกินไปกว่าความสามารถของพระองค์ เป็นสิ่งเล็กน้อยมากสำหรับพระองค์
มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆจะทำอะไรสักอย่างก็ต้องอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือ ต้องอาศัยการรวมน้ำใจ ต้องมีการประชุม ต้องแบ่งหน้าที่ตามความสามารถกันทำ ต้องหาปัจจัยมาสนับสนุนในด้านต่างๆการจัดงานหรือโครงการอะไรสักอย่างจึงจะเกิดผลสำเร็จขึ้นมาได้ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้าแล้วเป็นอะไรที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นสิ่งที่ง่ายดายมากสำหรับพระองค์ เพียงแค่พระองค์ตรัสคำสั้นๆว่า กุน(2อักษรเท่านั้น)สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นมาทันที ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะธรรมดาหรือมหัศจรรย์เพียงใด จะต้องเกิดขึ้นมาในทันที
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่สิ่งนั้นว่า “จงเป็น” แล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นขึ้นมา ซูเราะห์ยาซีน อายะห์ที่82
ในความเป็นจริงความสามารถของพระผู้เป็นเจ้านั้นพระองค์ทรงทำได้ในทุกสิ่งทุกอย่าง(ซึ่งต่างกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆทำได้แต่ไม่ได้ทุกอย่าง)ขึ้นอยู่ที่ว่าพระองค์จะให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นหรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าพระองค์ประสงค์จะให้เกิด พระองค์แค่ตรัสเพียง2อักษรสั้นๆว่า กุน สิ่งนั้นก็จะต้องเกิดขึ้นมาทันที
อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่แสดงถึงความสามารถแหละเดชานุภาพของพระองค์ วันที่6 เดือน6 ปี6+6(6+6=12ปี2012)มีเวลาสังเกต 6ชม.ปรากฏการณ์นั้นก็คือดาวศุกร์โคจรผ่านดวงอาทิตย์(ดาวศุกร์อยู่ใกล้โลกเราที่สุดแสงสุกใสมาก ถ้าเห็นตอนค่ำเรียกว่าดาวประจำเมือง ตอนรุ่งอรุณเรียกว่าดาวรุ่งหรือดาวประกายพรึก อุณหภูมิ 480C บรรยากาศมีคาร์บอนมอนน๊อกไซด์มากที่สุด ความสว่าง-4.4แมกนิจูด) ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เป็นปรากฏการณ์ที่ดาวศุกร์มาอยู่ในแนวระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ คนบนโลกมีโอกาสเห็นดาวศุกร์เป็นดวงกลมดำขนาดเล็กเคลื่อนผ่านดวงอาทิตย์(ถ้าจะดูห้ามมองด้วยตาเปล่าเด็ดขาดแหละกล้องที่จะดูต้องมีแผ่นกรองแสงโดยเฉพาะเท่านั้นแหละต้องเป็นกล้องที่มีอัตราขยายสูงๆอีกด้วยจึงจะสามารถเห็นได้) วันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555 ประเทศไทยสามารถสังเกตดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้น(ดูปฏิทินอิสลามวันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555 ตรงช่องซูรุกนั่นแหละคือเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นของจังหวัดท่าน) จนกระทั่งสิ้นสุดปรากฏการณ์ในเวลาประมาณ 11:50 น. โดยดาวศุกร์เริ่มผ่านหน้าดวงอาทิตย์ตั้งแต่ประมาณ 20 นาที ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นที่ประเทศไทย วันนั้นดาวศุกร์เล็กกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 33 เท่า (อนึ่งดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เกิดเป็นคู่ ห่างกัน 8 ปี แต่ละคู่ห่างกัน 105 หรือ 120 ปี ระยะห่างแต่ละครั้งจะมีรูปแบบที่แน่นอน คือ 8, 121.5, 8 และ 105.5 ปี และวนซ้ำกันเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ) ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 ซึ่งเห็นได้ในประเทศไทย หลังจากครั้งนั้นทำให้มีสถานที่สำคัญในการศึกษาทางดาราศาสตร์ในประเทศไทยเกิดขึ้นทางภาคเหนือ หลังจากศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์วันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555ครั้งนี้ ดาวศุกร์จะผ่านหน้าดวงอาทิตย์ขึ้นอีกในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2660 (ค.ศ. 2117) และวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2668 (ค.ศ. 2125)เราท่านทั้งหลายคงจะไม่มีโอกาสเห็นได้อีก อีกร้อยกว่าปี มีการโคจรที่แน่นอนไม่คลาดเคลื่อนเลยแม้แต่น้อย ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทำใครจะทำได้
ในซูเราะห์ที่เริ่มต้นด้วยกุ้ล อันได้แก่กุ้ลยาอัยยู่ฮั้ลกาฟิรูน,กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด,กุ้ลอะอูรุบิร๊อบบิลฟ่าลัก,กุ้ลอะอูรุบิร๊อบบินนาส มีอยู่เพียงซูเราะห์เดียวเท่านั้นที่มีการกล่าวนามพระผู้เป็นเจ้า เป็นการกล่าวถึง2ครั้งอีกเช่นกัน ซูเราะห์นั้นก็คือซูเราะห์กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าที่เที่ยงแท้จริงๆนั้น มีอยู่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นก็คือพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.) แหละพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งให้ทุกๆสรรพสิ่ง และทุกๆสรรพสิ่งที่ดำเนินอยู่อย่างปกติได้ก็ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาพระองค์ทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่พึ่งพาพระองค์เฉพาะวันนี้พรุ่งนี้เท่านั้น แต่ทุกๆสรรพสิ่งต้องพึ่งพาพระองค์ตลอดกาลและตลอดไป
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นที่พึ่ง ซูเราะห์อัลอิคลาส(กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ฮุอะฮัด) อายะห์ที่2
ซัยตอนมารร้ายนั้นพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้มนุษย์ แหละยินตั้งภาคีกับพระองค์ พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้มนุษย์แหละยินออกห่างจากแนวทางที่ถูกต้อง แนวทางที่ซัยตอนมารร้ายได้วางเอาไว้คือทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ใช้ ไม่ทำไม่ใส่ใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าได้มีคำสั่งใช้เอาไว้
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้)
ดังนั้นไม่ว่าวิชาการแหละเทคโนโลยีจะล้ำยุค ทันสมัยสักแค่ใหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหลักศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดมาได้ การเคลื่อนที่ของเทหะวัตถุบนท้องฟ้าโดยเฉพาะดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإ
رواه البخاري (1810) ومسلم (1080)
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี (1810) และมุสลิม (1080)
ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน ตามกันไม่ได้ แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555ตรงกับวันที่29ซอฟัร ฮ.ศ.1433 (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันจันทร์ที่26ธันวาคม พ.ศ.2554 เป็นวันที่1ซอฟัร ฮ.ศ.1433 ดังนั้นวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555จึงเป็นวันที่29ซอฟัร ฮ.ศ.1433 )
-สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 เวลา14.39.18วินาที ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433 (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์)
วันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.14.03วินาที ดวงจันทร์ตก18.18.22วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว04นาที19วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.13.13วินาที ดวงจันทร์ตก18.17.11วินาที มี เวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว03นาที59วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.21.27วินาที ดวงจันทร์ตก18.23.30วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.22.58วินาที ดวงจันทร์ตก18.25.02วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที04วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.22.17วินาที ดวงจันทร์ตก18.24.16วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว01นาที59วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.21.08วินาที ดวงจันทร์ตก18.29.09วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที01วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.23.03วินาที ดวงจันทร์ตก18.24.58วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว01นาที54วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.21.52วินาที ดวงจันทร์ตก18.23.56วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก18.20.53วินาที ดวงจันทร์ตก18.22.56วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที02วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.23.47วินาที ดวงจันทร์ตก18.26.06วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.16.55วินาที ดวงจันทร์ตก18.21.25วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว04นาที30วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.21.37วินาที ดวงจันทร์ตก18.23.46วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว02นาที10วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก17.53.45วินาที ดวงจันทร์ตก 17.57.48วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว04นาที02วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
***ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันจันทร์ที่23มกราคม พ.ศ.2555 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ดังนั้นวันที่1ร่อบีอุ้ลเอาวั้ล ฮ.ศ.1433 ตรงกับวันพุธที่25มกราคม พ.ศ. 2555
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
วันนี้วันศุกร์ที่20มกราคมพ.ศ.2555 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง)
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 05.23.13 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.46.33วินาที ดุฮ์ริเวลา12.29.27วินาที อัสริเวลา15.46.38 วินาที มักริบเวลา18.12.29วินาที อีซาเวลา19.27.09
-สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา05.34.12วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.57.57วินาที ดุฮ์ริเวลา12.31.26วินาที อัสริเวลา15.40.22วินาที มักริบเวลา18.05.05 วินาที อีซาเวลา19.19.55 วินาที
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา05.38.30วินาที ตะวันขึ้นเวลา07.02.53 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.32.22วินาที อัสริเวลา15.37.07วินาที มักริบเวลา18.02.03 วินาที อีซาเวลา19.17.22วินาที
พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า”ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version