السلام عليكم ورحمة الله
การที่เราท่านทั้งหลายมีความรักอันบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้านั้น นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก เป็นสิ่งที่อยู่ด้านใน สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่มีใครสามารถที่จะล่วงรู้ได้ นอกจากตัวของเราท่านทั้งหลายเองแหละพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
ดังนั้นไม่ว่าเราท่านทั้งหลายจะทำอะมั้ลอิบาดะห์ชนิดใดๆก็ตาม ก็ขอให้เราท่านทั้งหลายทำไปเพื่อพระองค์อ.ล.(ซ.บ.)เท่านั้น (มิใช่ทำไปเพื่อคนนั้นคนนี้ มิใช่ทำไปเพื่อสิ่งนั้นสิ่งนี้ มิใช่ทำไปเพื่ออยากได้สรวงสวรรค์ของพระองค์ เพราะนั่นก็เท่ากับว่าขาดความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์)
เสื้อผ้าที่นำมาสวมใส่ละหมาด5เวลาแหละเวลาละหมาดอื่นๆ ก็ดีนั้น สมควรอย่างยิ่ง ที่ต้องให้เป็นของที่ดีที่เราท่านทั้งหลายสามารถจะหามาได้ เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า เราท่านทั้งหลายกำลังเข้าเฝ้าพระองค์อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงมองเราท่านทั้งหลายอยู่
จริงอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้มองที่ภายนอก แต่เราท่านทั้งหลายต้องยอมรับอย่างนึงว่า บางคนออกไปข้างนอกแต่งเนื้อแต่งตัวดูดี เพราะอายผู้คนที่จะมองเห็น แต่เวลาละหมาด5เวลาหรือเวลาละหมาดอื่นๆกลับใส่อะไรก็ได้ เก่าบ้างขาดบ้าง ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ทั้งๆเสื้อผ้าที่ดีๆก็ยังมีอยู่อีกมากมาย
เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า พวกท่านจะยังไม่ได้เข้าสวรรค์ จนกว่าพวกท่านจะมีศรัทธา และพวกท่านจะยังไม่มีศรัทธา จนกว่าพวกท่านจะรักกัน ฉันจะไม่ชี้พวกท่านไปสู่สิ่งหนึ่ง หรือ? ถ้าพวกท่านปฏิบัติสิ่งนี้แล้ว พวกท่านก็จะรักกัน พวกท่านจงแพร่กล่าวสลามในหมู่พวกท่านเถิด รายงานโดย มุสลิม
เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.) ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) กล่าวว่า มี2ถ้อยคำที่เบาลิ้นแต่หนักตาชั่ง เป็นที่รักของพระผู้ทรงเมตตา นั่นคือคำว่า ซุบฮานั้ลลอฮ์วะบิฮัมดิฮี ซุบฮานั้ลลอฮิ้ลอะซีม รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
เล่าจากอะบีอับดิรเราะห์มานอับดิลลาห์บุตรมัสอูด(ร.ด.)ว่า ฉันได้ถามร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ว่าอะมั้ลใด การกระทำใดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงรักทรงโปรดปรานที่สุด ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าการทำดีการปรนนิบัตรดีต่อบิดามารดา ฉันก็ได้ถามต่อว่าถัดจากนั้นคือสิ่งใด ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ตอบว่าการต่อสู้ในวิธีทางของพระองค์อัลเลาะห์รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์จากท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่าต้อยต่ำเหลือเกิน ต้อยต่ำเหลือเกิน ต้อยต่ำเหลือเกิน สำหรับบุคคลที่คนหนึ่งคนใดจากบิดามารดาของเขาหรือทั้งสองคนเข้าสู่วัยชรา เขาไม่ได้เข้าสวรรค์ รายงานโดยมุสลิม
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้
صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري ومسلم
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี และมุสลิม
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
اَوَلَمْ يََتََفَكَّرُوْافِىْ اَنْفُسَهُمْ مَا خَلَقَ اللهُ السَّمَوَاتِ وَالاَرْضِِِ وَمَابَيْنَهُمَااِلاَّ بِالْحَقِِّ وَاَجَلٍ مُسَمَّى وَاِنْ كَثِيْرًا مِنَ النَّاسِ بِلِقَآىءِرَبِّهِمْ لَكَا فِرُوْنَ
พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา) อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์ พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน) ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้
بَابُ بَيَانِ أَنَّ لِكُلِّ بَلَدٍ رُؤْيَتَهُمْ وَأَنَّهُمْ إِذَا رَأَوُا الْهِلَالَ بِبَلَدٍ لَا يَثْبُتُ حُكْمُهُ لِمَا بَعُدَ عَنْهُمْ
عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى.
ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
***วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม
ดังนั้นวันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ.2556 ตรงกับวันที่ 1 ญุมาดุ้ลอุครอ(อาเคร) ฮ.ศ.1434 (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ.2556 ตรงกับวันที่ 1 ญุมาดุ้ลอุครอ(อาเคร) ฮ.ศ.1434 ดังนั้นวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2556 ทางสำนักจุฬาราชมนตรีได้ประกาศให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว เพื่อกำหนดวันที่ 1 เดือนร่อยับ ฮ.ศ.1434
-สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2556 เวลา 07.28.22 วินาที (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี และมุสลิม
วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2556 (ดวงจันทร์อยู่ที่กลุ่มดาววัว (Taurus)มุมเงยประมาณ 3 องศา ทางด้านบนของดวงจันทร์จะมีดาวศุกร์VENUSอยู่ มุมเงยประมาณ 10 องศา ตรงนี้อาจจะมีคนเข้าใจผิดว่าเป็นดวงจันทร์ ในส่วนของดาวอังคาร แหละดาวพุธ ได้ตกลงไปก่อนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลกประมาณ 393078.29 กิโลเมตรคำนวณจากมหานครมักกะห์ ถ้ากรุงเทพฯเราก็จะอยู่ประมาณ 402126.96 กิโลเมตร
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก 18.37.06 วินาที ดวงจันทร์ตก18.56.09 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 19 นาที 03 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก 18.33.20 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.52.13วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 53 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก 18.23.23 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.41.43 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 19 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก 18.24.37 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.42.59 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 22 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
-ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก 18.23.32 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.41.51 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 19 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก 18.22.59 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.41.18 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 18วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก 18.23.24 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.41.42 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 18 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.23.48 วินาที ดวงจันทร์ตก18.42.08 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 20 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
- ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก 18.22.57 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.41.15 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 19 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
4.หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.27.12 วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.40 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 28 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก 18.40.10 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.59.19 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 19 นาที 10 วินาที
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก 18.24.28 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.42.50 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 22 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
7.อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก18.20.32 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.39.03
วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 18 นาที 31 วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
8.นนทบุรี ดวงอาทิตย์ตก 18.37.06 วินาที ดวงจันทร์ตก 18.56.09 วินาที มีเวลาสังเกตจันทร์เสี้ยว 19 นาที 03วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้
**ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2556 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว เพื่อกำหนดวันที่1 เดือน ร่อยับ ฮ.ศ.1434 แหละทั่วทั้งประเทศไทย ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ดังนั้นวันที่ 1 ร่อยับ ฮ.ศ.1434 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคมพ.ศ.2556
ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง(อย่าโกหกว่าเห็นจันทร์เสี้ยว ทั้งๆที่ไม่ได้เห็นจันทร์เสี้ยวจริง เพราะต้องแบกรับ ผลบาปของคนอื่นทั้งหมด การโกหกอย่างนี้ ถือว่าไม่ใช่สิ่งที่ศาสนาอนุญาตให้ทำ เพราะมีหลักการศาสนา บอกไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า จะเริ่มขึ้นต้นเดือนใหม่ได้นั้น ต้องสืบเนื่องมาจากการเห็นจันทร์เสี้ยวจริงเท่านั้น หรือถ้าไม่เห็นจริงก็เลื่อนไปอีกหนึ่งวัน ดังฮะดิษที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ดังนั้นนอกจากกรณีดังกล่าวจะไม่สามารถเริ่มขึ้นต้นเดือนใหม่ได้เลย จะโกหกว่าเห็นจันทร์เสี้ยวทั้งๆที่ ไม่ได้เห็นจันทร์เสี้ยวจริง เพียงเพื่อให้ได้จุดประสงค์อะไรบางอย่าง ถือว่าเกิดโทษอย่างมากมาย แหละต้องแบกรับผลบาปของผู้อื่นทั้งหมด ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย โลกนี้วันนี้ อาจไม่สามารถเห็นได้ แต่โลกหน้าอาคิเราะห์ จะต้องได้เห็นผลบาปอย่างแน่นอน)
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ خَيْرًايَرَهُ
وَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ شَرًّايَرَهُ
ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลี เขาก็จะได้เห็นมัน(ภาคผลบุญของความดี) ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน(ผลตอบแทนของความชั่ว)”ซูเราะห์อัลซิลซาล99 อายะห์ที่7-8
ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَاسْتَقِمْ كَمَا اُمِرْتَ وَمَنْ تَابَ مَعَكَ وَلاَ تَطْغَوْا اِنَّهُ بِمَا تَعْمَلُوْنَ بَصِيْرٌ
ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
ในปัจจุบันนี้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การตรวจสอบดวงจันทร์เสี้ยว ก่อนการดูจันทร์เสี้ยวจริงนั้น สามารถทำได้ด้วยการดูลักษณะการตกของดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ไม่ว่าจะอยู่ในบริเวณใหนในประเทศไทย ก็ทำได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งดูทางโทรศัพท์มือถือก็ยังสามารถทำได้เลย ในเรื่องของความถูกต้องนั้นเราท่านไม่ต้องกังวลเลย เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่าการเคลื่อนที่ของดวงดาวต่างๆในจักวาลนี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงกำกับและดูแลอยู่ จะไม่คลาดเคลื่อนเลยแม้สักวินาทีเดียว ดังนั้นเราท่านทั้งหลายจึงพบว่าไม่ว่าจะเป็นดาราศาสตร์ของ ประเทศไหน ชนชาติใดจะเหมือนกันหมด
ดั่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
اَلشَّمْسُ وَالْقَمَرُ بِحُسْبَانٍ
ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์โคจรตามวิถีที่แน่นอน ซูเราะห์อัรเราะห์มาน 55 อายะห์ที่ 5
(ตรงนี้بที่เป็นحرف الجرต้องมีที่تعلوقนักวิชาการจึงได้มีการสมมุติคำขึ้นมาว่า
الشمسُ والقمرُ مُستقِرٌّيَجْرِياَنِ بِِحسبان)
วันนี้วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2556 (อย่าลืมส่งให้ลูกเราเรียนศาสนาด้วย เพราะนั่นคือสิ่งป้องกันลูกของเราท่านทั้งหลายให้พ้นจากความชั่วร้ายต่างๆนานา ที่มาจากซัยตอนมารร้าย)เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง)
-สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.26.43 วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.51.35 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.13.12 วินาที อัสริเวลา15.27.45 วินาที มักริบเวลา18.35.00 วินาที อีซาเวลา19.50.55
วินาที
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.28.50 วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.53.42 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.15.19 วินาที อัสริเวลา15.29.52 วินาที มักริบเวลา18.37.06วินาที อีซาเวลา19.53.02 วินาที
-สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา04.14.24 วินาที ตะวันขึ้นเวลา 05.43.55 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.17.04 วินาที อัสริเวลา15.36.02 วินาที มักริบเวลา18.50.28วินาที อีซาเวลา20.10.22 วินาที
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.07.33 วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.36.43 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.17.55 วินาที อัสริเวลา15.43.48 วินาที มักริบเวลา18.59.27 วินาที อีซาเวลา20.18.36 วินาที
พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ خَيْرًايَرَهُ
وَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ شَرًّايَرَهُ
ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลี เขาก็จะได้เห็นมัน(ภาคผลบุญของความดี) ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลี เขาก็จะได้เห็นมัน(ผลตอบแทนของความชั่ว)”อัลซิลซาล99 อายะห์ที่7-8
รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา