เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته ผมเองเคยได้ยินบางคนได้บอกว่า ขึ้น 1 ค่ำมีเดือนแล้ว บวช(ถือศิลอด)ได้แล้ว ยิ่งกว่านั้นก็ได้บวช(ถือศิลอด)ไปเรื่อยพอนับว่าครบเดือนแล้วก็ออกบวชเลย ไม่ได้สนใจการดูดวงจันทร์เสี้ยวจริงเลย ไม่ใช่แค่คิดเล่นๆ เขาก็ยึดเป็นหลักปฏิบัติจริงๆ
ตรงนี้ตัวผมเอง ขอให้ได้ดูคำสั่งใช้ของท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)เป็นหลักสำคัญในการปฏิบัติ ขอแนะนำว่า ให้ฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น(เพราะทางสำนักจุฬาราชมนตรี ได้มีการประกาศให้ดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่1ของเดือนร่อมะดอน(แหละวันที่1ของเดือนใหม่ทุกๆเดือน) ซึ่งตรงกับคำสั่งใช้ของท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)
กล่าวคือก็เพราะว่า ถ้าวันที่ขึ้น 1 ค่ำ ยังไม่ใช่วันที่ 1 ของเดือนรอมาดอน(คือไม่มีการเห็นดวงจันทร์เสี้ยวจริง) แล้วก็ถือศิลอดตามการขึ้น1ค่ำ เท่ากับว่าท่านขาด การถือศิลอดในวันนั้นของเดือนร่อมะดอนไป เท่ากับว่าท่านสูญเปล่า ในการถือศิลอดไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดการกระทำดังกล่าว ยังไม่เป็นไปตามคำสั่งใช้ ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง แหละยังไม่ใช่ การปฏิบัติตาม แนวทางของรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)อีกด้วย นั่นก็หมายความว่าไม่ได้ทำตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า ที่มีบัญชาต่อท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)
ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลักการของศาสนา จะเริ่มต้นขึ้นเดือนใหม่ได้นั้น ต้องประกอบด้วย 1. วันที่จะดูจันทร์เสี้ยว ต้องเป็นวันที่ 29 ของเดือนอิสลาม 2. ต้องมีการเห็นจันทร์สี้ยวจริงเท่านั้น ถ้าหากในการคำนวน ระบุชัดเจนว่าสามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ กลับไม่มีผู้ใดเห็นจันทร์เสี้ยว อย่างนี้ก็จะเริ่มขึ้นเดือนใหม่ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด(นักดาราศาสตร์อิสลาม สามารถคำนวนได้ แต่สิ่งที่นักดาราศาสตร์อิสลาม ไม่สามารถคำนวนได้ ก็คือ ณ วันที่ดูจันทร์เสี้ยวนั้น จะมีพื้นที่ใดบ้าง ที่จะมีเมฆมาบดบัง จะมีพื้นที่ใดบ้าง ที่จะฝนมา ฟ้าจะมืด จะมีพื้นที่ใดบ้าง ที่ฝนมา ฟ้ามืด ) นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่มีผู้ใด ที่จะมีความสามารถ ที่จะมีความรอบรู้ ที่จะมีเดชานุภาพ เทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าได้เลย
การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือน ทุกๆ เดือนนั้น ตามหลักการศาสนาอิสลามให้ยึดถือและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ในการกำหนดวันที่ 1ของเดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) กล่าวคือ ให้ดูดวงจันทร์เสี้ยว (ฮิลาล) ในวันที่ 29 ของเดือนซะบาน เมื่อเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถ้าเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แต่ถ้าไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว ให้ถือว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 30 ของเดือนซะบาน และวันถัดต่อจากนั้นไปถือว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน(ในเดือนอื่นๆก็ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้) ดังปรากฏหลักฐานฮะดิษของท่านศาสดานบีมุฮำหมัด(ซ.ล.) ดังนี้صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، وَأَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ، فَإ
غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوْا عِدَّةَ شَعْبَانَ ثَلاَثِيْنَ يَوْمًا
رواه البخاري ومسلم
“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นเดือนเสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี และมุสลิม
ดังนั้นตรงคำที่รอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้บอกว่าถ้ามีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน(คือมีเมฆมามาปกคลุมทำให้ไม่สามารถเห็นดวงจันทร์เสี้ยวได้) ทั้งๆที่มีจันทร์เสี้ยว ถึงกระนั้นท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ก็ได้ใช้ ให้อย่าพึ่งขึ้นเดือนใหม่ โดยให้นับเดือนซะบานเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งวัน คือให้เดือนซะบาน(ที่ไม่มีการเห็นจันทร์เสี้ยวนั้น มี30วันเลย) ตรงนี้ก็ถือว่าชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะถือศิลอดโดยยึดถือว่า ขึ้น1 ค่ำมีเดือนแล้วบวชได้เลย จึงไม่ใช่แนวทางของรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)อย่างแท้จริง
แต่ถ้าหากสมมุติว่าปีใดมีการดูจันทร์เสี้ยวแล้วเห็นจันทร์เสี้ยวจริง แล้วสำนักจุฬาราชมนตรีได้ประกาศให้เป็นวันที่1ของเดือนร่อมะดอน ซึ่งในวันดังกล่าวตรงกับขึ้น1ค่ำพอดี ก็ถือว่าคนละประเด็นกับที่ได้กล่าวมา
ผู้ศรัทธาที่อาศัยอยู่ทั่วทุกมุมของโลกใบนี้ต่างก็มีความรู้สึกยินดีและดีใจ ในการมาเยือนของเดือนร่อมะดอนอันมีเกียตรินี้เช่นกัน ถ้าจะถามว่าเราท่านทั้งหลายถือศิลอดกันได้อย่างไร ถือศิลอดเพราะไม่หิวอย่างนั้นหรือ ถือศิอดเพราะทำตามกระแสที่คนทั่วไปเขาถือกันอย่างนั้นหรือ คำตอบก็คือคงไม่ใช่ แต่ที่เราท่านทั้งหลายถือศิลอดกันได้ก็เพราะว่าเราท่านทั้งหลายมีศรัทธา มีอีหม่าน มีการยำเกรงในพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง ที่สำคัญอย่างยิ่ง ผลดีนานับประการในโลกดุนยานี้ แหละสิ่งดีๆอย่างมากมายในสรวงสวรรค์ ยังคงรอเราท่านทั้งหลายอยู่ในโลกหน้าอาคิเราะห์อย่างแน่นอน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
{يأيها الَّذِينَ آمَنُوا كُتِبَ} فُرِضَ {عَلَيْكُمْ الصِّيَام كَمَا كُتِبَ عَلَى الَّذِينَ مِنْ قَبْلكُمْ} مِنْ الْأُمَم {لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ} الْمَعَاصِي فَإِنَّهُ يَكْسِر الشَّهْوَة الَّتِي هي مبدؤها
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! การถือศีลอดนั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกท่านแล้ว เช่นเดียวกับที่ได้ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้ก่อนหน้าพวกท่านมาแล้วเพื่อว่าพวกท่านจะได้ยำเกรง(ในการล่วงล้ำเข้าไปทำในสิ่งที่ไม่ดี) ซูเราะห์อัลบะก่อเราะห์ อายะห์ที่ 183
การถือศิลอดในเดือนร่อมะดอนได้ถูกกำหนดขึ้นให้ปฏิบัติ ในปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 2 เดือนซะบาน ตรงนี้พระผู้เป็นเจ้าใช้คำว่าโอ้บรรดาผู้ศรัทธา ตรงนี้เองถ้าจะพูดตามหลักนะฮูเรียกว่าประกอบด้วยฮุรุฟนิดาอ์แหละมุนาดา จุดประสงค์หลักก็คือพระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกบรรดาผู้ศรัทธา เพื่อที่จะสั่งใช้ให้ทำความดีงามอะไรบางอย่าง ให้บรรดาผู้ศรัทธามีความสนใจในการทำความดี ความดีงามอันนี้ก็คือการถือศิลอดในเดือนร่อมะดอนนั่นเอง ซึ่งความดีงามอันนี้ทำได้ยากมากสำหรับผู้ที่ในหัวใจของเขาไม่มีการศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า เพราะต้องมีการตั้งใจต้องอดน้ำอดข้าวอดกลั้นการกระทำต่างๆ ที่ทำให้การถือศิลอดมีผลใช้ไม่ได้ เริ่มตั้งแต่แสงอรุณจริงขึ้น(ซุบฮิ)กระทั่งดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า(มัฆริบ) สิ่งที่มักจะได้ยินอยู่เป็นประจำก็คืออดกันทั้งวัน กินน้ำก็ไม่ได้ กินข้าวก็ไม่ได้ กินอะไรไม่ได้เลยก็หิวมากนะซิ อยู่ได้อย่างไร
สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาแหละมีความหวังในพระเมตตาแห่งพระผู้เป็นเจ้า สิ่งที่ได้เกิดขึ้นตอนนี้ถ้าจะแบ่งก็จะแบ่งได้2ประการก็คือ 1.ความรู้สึกดีๆความรู้สึกอยากทำความดี(อยากถือศิลออดอยากอ่านกุรอ่านฯลฯ) เพื่อสนองพระบัญชาใช้แห่งพระผู้เป็นเจ้าก็จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ศรัทธาอย่างแน่นอน ประการที่2ก็คือ รัศมีแห่งความศรัทธาก็จะส่องแสงสว่างไสวอยู่ในหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธา เปี่ยมล้นอยู่ในใจของผู้ศรัทธาเตรียมพร้อมที่จะทำความดีเพื่อสนองพระบัญชาใช้แห่งพระผู้เป็นเจ้า
ถ้าหากว่าเราท่านทั้งหลายสังเกตุให้ดีพระผู้เป็นเจ้าเรียกบ่าวที่ถูกสร้าง พระองค์จะใช้คำว่ายานำหน้าเสมอยกตัวอย่างเช่นยามุฮัมมัดโอ้มุฮัมมัด ส่วนในต้นอายะห์ที่183ของซูเราะห์อัลบะก่อเราะห์ที่กล่าวมานั้น พระองค์ใช้คำว่ายาอัยยุฮัลละรีนะอามะนู เพราะคำว่าอัลละรี มีอลิฟลามอยู่ข้างหน้าตามหลักนะฮูเรียกว่าเป็นมุรักกัรจึงต้องเพิ่มอัยยุฮาหลังจากยา จึงเป็นคำว่ายาอัยยุฮัลละรีนะอามะนู ในส่วนของเราท่านทั้งหลายซึ่งอยู่ในฐานะบ่าวที่ถูกสร้าง ถ้าจะเรียกหรือวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างจะไม่ใช้คำว่ายาอัลลอฮ์ตรงๆ ให้ลบยาออกแล้วเพิ่มมีมที่มีเครื่องหมายซัดดะห์เข้าไปแทนหลังจากคำว่าอัลลอฮ์ ดังนั้นถ้าหากว่าเราท่านทั้งหลายในฐานะบ่าวผู้ถูกสร้าง จะวอนขอเรียกพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างจะใช้คำว่าอัลลอฮุมมะแทนคำว่ายาอัลลอฮุ ซึ่งเราท่านทั้งหลายจะพบคำว่าอัลลอฮุมมะอยู่เป็นประจำในตอนเริ่มต้นของดุอาภาษาอะหรับ คำว่าอัลลอฮุมมะนี้นั้นเรียกว่ามุนาดามุรอกคอมอัสลุฮูยาอัลลอฮุ
เล่าจากท่านอิบนุอุมัร(ร.ด.)เมื่อท่านนบี(ซ.ล.)ละศิลอดท่านกล่าวขอพรว่า อัลลอฮุมมะละกะซุมตุ วะอะลาริสกิก้า อัฟตอรตุ(โอ้พระผู้เป็นเจ้าข้าพเจ้าถือศิลอดเพื่อพระองค์และข้าพเจ้าละศิลอดด้วยริสกีของพระองค์) รายงานโดยอะบูดาวูดและต๊อบรอนี
คำว่ากู่ติบะ นักอธิบายอัลกุรอ่านขยายความว่าฟู่ริด้อ แปลว่าถูกให้เป็นฟัรดู คำว่ากะมากู่ติบะตามหลักบาลาเฆาะห์เรียกว่า อัตตัซบีห์ฟิ้ลฟะรีเดาะห์ ลาฟิ้ลกัยฟิยะติวัสสะวาบ คือนบีองค์ก่อนก็ต้องถือศิลอดเหมือนกันพระผู้เป็นได้มีฟัรดูใช้เหมือนกัน แต่รูปแบบแหละภาคผลบุญที่จะได้รับจากพระผู้เป็นเจ้านั้นแตกต่างกับในยุคสมัยของเรา(ของนบีมุฮัมมัด ซ.ล.)อย่างมาก
คำว่าอัซซิยามตามหลักนะฮูเรียกว่านาอิบุ้ลฟาแอ้ล จึงแปลว่าโอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย การถือศีลอด(ในเดือนร่อมาดอน)นั้นได้ถูกเป็นฟัรดูแก่พวกท่านแล้ว แหละอีกประการหนึ่งคำว่าอัซซิยามกับคำว่าอัซเซามุแปลว่าการถือศิลอดเหมือนกัน แต่มีอายะห์หนึ่งที่มีระบุไว้ในซูเราะห์มัรยัม อายะห์ที่ 26 ตรงนั้นไม่ได้แปลว่าการถือศิลอดแต่แปลว่างดเว้นจากการพูด คือพระผู้เป็นเจ้าสั่งให้พระนางมัรยัมอย่าพูดอะไรทั้งสิ้น(หลังจากที่พระนางมัรยัมคลอดนบีอีซาเสร็จเรียบร้อยแล้วแหละได้อุ้มนบีอีซาเข้ามาที่กลุ่มชนของนาง)
คำว่าละอัลละกุมตัตตะกูน เพื่อว่าพวกท่านจะได้ยำเกรง(ในการล่วงล้ำเข้าไปทำในสิ่งที่ไม่ดี) ดังนั้นจุดประสงค์แหละผลดีอีกอย่างของการถือศิลอดก็คือ สามารถยับยั้งไม่ให้เราท่านทั้งหลายล่วงล้ำเข้าไปทำในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามเอาไว้ได้ มารร้ายที่ถูกสาปแช่งจากพระผู้เป็นเจ้าก็จะหลอกลวงได้ยากมากยิ่งขึ้น เพราะว่าคนเราเวลาหิวเวลากระหายก็จะไม่ค่อยมีแรงร่างกายอ่อนเพลีย อยากจะนอนพัก(ด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า การนอนของผู้ที่ถือศิลอดถือว่าเป็นอิบาดะห์ด้วยคือนอนก็ยังได้รับภาคผลบุญ ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย) แรงที่จะไปทำไม่ดีต่างๆก็จะไม่มีโดยอัตโนมัต
เล่าจากอับดิ้ลลาฮ์อิบนิมัสอูด(ร.ด.) พวกเราเป็นคนหนุ่มอยู่กับท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์(ซ.ล.)และพวกเราก็ไม่มีทรัพย์สินอะไร ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์(ซ.ล.)ได้กล่าวกับพวกเราว่า พวกคนหนุ่มทั้งหลายเฉพาะผู้ที่มีความสามารถด้านค่าใช้จ่ายให้เขาจงแต่งงานเถิด เพราะการแต่งงานทำให้สายตาลดต่ำลงและรักษาอวัยวะสืบพันธ์ได้ดียิ่ง และผู้ที่ไม่มีความสามารถ(แต่งงาน)ให้เขาถือศิลอดเถิดเพราะการถือศิลอด(สามารถ)ตัดความต้องการทางเพศของเขาลงได้ รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
การถือศีลอด(ในเดือนร่อมาดอน)นั้นได้ถูกเป็นฟัรดูนั่นก็หมายความว่าทำแล้วได้ภาคผลบุลจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ถ้าละเลยไม่ทำไม่ใส่ใจก็จะเกิดโทษอย่างแน่นอนด้วยคำดำรัสของพระผู้เป็นเจ้าที่ว่าเดือนรอมฏอนนั้น เป็นเดือนที่อัลกรุอานได้ถูกประทานลงมาเป็นข้อแนะนำสำหรับมวลมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้นผู้ใดในหมูพวกท่านเข้าอยู่ในเดือนนั้นแล้วก็จงถือศีลอดในเดือนนั้น และผู้ใดป่วยหรืออยู่ในการเดินทางก็จงถือใช้ในวันอื่นแทน พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงประสงค์ให้มีความสะดวกแก่พวกท่าน และไม่ทรงให้มีความลำบากแก่พวกท่านและเพื่อที่พวกท่านจะได้ให้ครบถ้วนซึ่งจำนวนวัน(ของเดือนร่อมะดอน) และเพื่อพวกท่านจะได้ให้ความเกรียงไกรแด่พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)ในสิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำแก่พวกท่าน และเพื่อพวกท่านจะขอบคุณ ซูเราะห์อัลบะก่อเราะห์ อายะห์ที่ 185
การถือศิลอดในปีนี้ใกล้จะเริ่มต้นแล้วให้เดือนร่อมะดอนเป็นจุดเริ่มต้นในการทำคุณความดีแขนงต่างๆต่อพระผู้เป็นเจ้า การถือศิลอด งดเว้นคำพูดที่ไร้สาระ ทำจิตใจให้บริสุทธ์ อ่านกุรอ่าน ริกรุลลอฮ์ บริจาคทาน ละหมาดสุนัตต่างๆในยามค่ำคืน ทบทวนวิชาทางศาสนาต่างๆที่ร่ำเรียนมา ตั้งเจตนาหยุดพักในมัสยิดเพื่อทำคุณความดีชนิดต่างๆเพื่อพระผู้เป็นเจ้า ให้เดือนร่อมะดอนเป็นจุดเริ่มต้น เป็นต้นแบบในการทำคุณความดีต่อพระผู้เป็นเจ้าในเดือนอื่นๆอีกต่อไป ผลดีแหละภาคผลบุญไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ใดเลย นอกจากจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ปฏิบัตินั่นเอง ทั้งในโลกดุนยานี้แหละโลกหน้าอาคิเราะห์ สิ่งที่ดีๆนานับประการ สิ่งที่ตาไม่เคยเห็นหูไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งใจก็ยังคิดไม่ถึง สิ่งต่างๆเหล่านี้แหละกำลังรอเราท่านทั้งหลายอยู่ในสรวงสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าในโลกหน้าอาคิเราะห์
ความจริงที่ปรากฏก็คือขณะที่ประเทศหนึ่งดวงอาทิตย์ตก อีกประเทศหนึ่งรุ่งอรุณ เวลาทุกเวลาที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประเทศที่อยู่แตกต่างกันไป สิ่งต่างๆทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้นบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่า ด้วยความแตกต่างทางเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในเรื่องการละหมาด5เวลา(เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศมุสลิมต่างๆจะละหมาดดุฮ์ริพร้อมกัน ละหมาดอัสริพร้อมกัน ฯลฯ)ดังนั้นการที่จะกล่าวอ้างว่าเพื่อความเป็นเอกภาพของอุมมะห์มุสลิมมุสลิมะห์ที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ควรจะทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่ง เวลาเดียวกันและวันเดียวกัน การกล่าวอ้างแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา เรียกว่าคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองเท่านั้น เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเราท่านทั้งหลายจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ขณะที่มุสลิมที่อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียละหมาดซุบฮิ มุสลิมที่อยู่ในอเมริกาเหนืออาจยังทำละหมาดอิซาของวันก่อนไม่เสร็จเลย ดังนั้นถ้าพระผู้เป็นเจ้ามีความต้องการให้มุสลิมทั่วทุกมุมโลกทำอิบาดะห์ในเวลาหนึ่งเวลาเดียวกันและวันเดียวกัน เพื่อต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพอย่างที่ใครบางคนกล่าวอ้างแล้ว เอกภาพดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะความแตกต่างทางด้านเวลาที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
{أو لم يَتَفَكَّرُوا فِي أَنْفُسهمْ} لِيَرْجِعُوا عَنْ غَفْلَتهمْ {مَا خَلَقَ اللَّه السَّمَاوَات وَالْأَرْض وَمَا بَيْنهمَا إلَّا بِالْحَقِّ وَأَجَل مُسَمًّى} لِذَلِكَ تَفْنَى عِنْد انْتِهَائِهِ وَبَعْده الْبَعْث {وَإِنَّ كَثِيرًا مِنْ النَّاس} أَيْ كُفَّار مَكَّة {بِلِقَاءِ رَبّهمْ لَكَافِرُونَ} أَيْ لَا يؤمنون بالبعث بعد الموت
พวกเขามิได้ใคร่ครวญในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า(คือใคร่ครวญด้วยกับสติปัญญา) อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้(พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้มาโดยไร้ประโยชน์ พระองค์สร้างโดยฮิกมะห์เพื่อดำรงไว้ซึ่งความจริง เวลาที่สิ้นสุดของสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็คือวันกิยามะห์) และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน) ซูเราะห์ อัรรูม อายะห์ที่8
ผมเองเคยได้ยินคนหนึ่งกล่าวว่า การดูจันทร์เสี้ยวไม่เหมือนกับการละหมาด5เวลา เพราะการละหมาด5เวลาใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนด แต่ละประเทศจึงมีเวลาการละหมาด5เวลาไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน ตามกันไม่ได้ แต่ดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียว การดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ว่าที่ใดในโลกเห็นจันทร์เสี้ยว ที่อื่นประเทศอื่นก็ต้องเข้าเดือนหรือต้องออกเดือนเหมือนกันด้วย จะอย่างไรก็ดีคำพูดลักษณะนี้ถือว่ายังไม่ถูกต้อง ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา การที่บอกว่าดวงจันทร์นั้นมีอยู่ดวงเดียวการดูจันทร์เสี้ยวจึงไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ผมได้ยินผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า แล้วดวงอาทิตย์มีอยู่หลายดวงหรือ แต่ละจังหวัดแต่ละประเทศจึงมีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน
ความเป็นจริงที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา จริงๆแล้วดวงอาทิตย์แหละดวงจันทร์(ของโลกที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้)นั้นมีอยู่แค่อย่างละดวงเท่านั้น แต่ที่มีเวลาละหมาด5เวลาแตกต่างกัน มีการเข้าบวชออกบวชแตกต่างกัน มีวันอีดที่แตกต่างกันวันที่1ของเดือนอิสลามที่แตกต่างกัน ก็เพราะตำแหน่งพื้นที่ตั้งของแต่ละจังหวัดแต่ละประเทศแตกต่างกันนั่นเอง(ภาษาอะหรับเรียกว่ามัตละอ์) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจังหวัดใหน ประเทศใหนมีตำแหน่งพื้นที่ตั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ทางสากลจึงกำหนดให้ตำบลกรีนิชเป็นจุดเซ็นเตอร์ เรียกว่าเส้นเมอริเดี่ยนกรีนิช เส้นเมอริเดี่ยนมาตรฐานโลก มีค่าอยู่ที่0องศา ดังนั้นแสดงว่าคนที่พูดว่าการดูจันทร์เสี้ยวไม่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ยังไม่เข้าใจหลักดาราศาสตร์อิสลามและหลักการของอิสลามเท่าที่ควร เพราะหลักการอิสลามจะเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้าแล้วเท่านั้น(เข้าเวลามัฆริบจึงเริ่มดูจันทร์เสี้ยวได้ แล้วจะเลิกดูจันทร์เสี้ยวได้เมื่อใด เมื่อดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้า ดังนั้นการดูจันทร์เสี้ยวจึงต้องเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้โดยเด็ดขาด เช่นเดียวกันถ้าเราจะละหมาด อยู่ๆก็ละหมาดเลยคือเอาแต่ละหมาดอย่างเดียว ไม่ได้สวมเสื้อผ้าปิดเอารัต ไม่ได้ผินไปทางกะบะห์ ไม่ได้สนใจว่าเข้าเวลาละหมาดแล้วหรือยัง หรือไม่ได้ใส่ใจเรื่องนะยิสเลย อย่างนี้การละหมาดก็ใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าใช้ไม่ได้ก่อนจะเริ่มละหมาดเสียอีก
มีตัวบทฮะดิษระบุอย่างชัดเจนเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮะดิษที่จะกล่าวต่อไปนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าประเทศเราไม่เห็นดวงจันทร์ให้รอฟังข่าวจากประเทศอื่นที่อยู่ห่างไกล และถ้ามีประเทศใดที่อยู่ห่างไกลเห็นดวงจันทร์เสี้ยวให้ถือตามประเทศนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีฮะดิษยืนยันว่า เมื่ออยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากกัน เช่น เมืองซามกับเมืองมะดีนะห์ ให้ถือเอาการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้นกำหนด วันเริ่มต้นถือศีลอด (เริ่มวันที่หนึ่งของเดือนรอมฎอน) และเลิกถือศีลอด (เพราะเริ่มวันที่ 1 ของเดือนเซาวั้ล) ดังฮะดิษที่รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี ดังนี้ عَنْ كُرَيْبٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَنََّ أُمَّ الْفَضْلِ بِنْتَ الْحَارِثِ بَعَثَتْهُ إِلَى مُعَاوِيَةَ بِالشَّامِ قَالَ : فَقَدِمْتُ الشَّامِ فَقَضَيْتُ حَاجَتَهَا وَاسْتُهِلَّ عَلَيَّ رَمَضَانُ وَأَنَا بِالشَّامِ ، فَرَأَيْتُ الْهِلاَلَ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، ثُمَّ قَدِمْتُ الْمَدِيْنَةَ فِيْ آخِرِ الشَّهْرِ فَسَأَلَنِيْ ابْنُ عَبَّاسٍ : مَتَى رَأَيْتُمُ الْهِلاَلِ ؟ فَقُلْتُ : رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ الْجُمُعَةِ ، قَالَ : أَنْتَ رَأَيْتَهُ ؟ قُلْتُ : نَعَمْ وَرَآهُ النَّاسِ وَصَامُوْا وَصَامَ مُعَاوِيَةُ فَقَالَ : لَكِنَّا رَأَيْنَاهُ لَيْلَةَ السَّبْتِ ، فَلاَ نَزَالُ نَصُوْمُ حَتَّى نُكْمِلَ ثَلاَثِيْنَ أَوْ نَرَاهُ فَقُلْتُ : أَوَ لاَ تَكْتَفِيْ بِرُؤْيَةِ مُعَاوِيَةَ وَصِيَامِهِ ، فَقَالَ : لاَ ، هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . رواه الخمسة إلا البخارى. ความว่า จากกุร๊อยบฺ ร.ฎ. เล่าว่า เนื่องจากอุมมัลฟัดลิ บินติ ฮาริส ได้ส่งกุรอ๊ยบฺไปหามุอาวียะห์ ณ เมืองซามแล้ว เมื่อฉันมาถึงเมืองชามและได้จัดทำธุระของนางเสร็จเรียบร้อย ได้ปรากฎเดือนรอมฎอนขึ้นแก่ฉัน โดยในขณะที่ฉันอยู่ที่เมืองซามนั้น ฉันเห็นดวงจันทร์ในตอนค่ำวันศุกร์ หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่มะดีนะห์ในตอนปลายเดือน แล้วอิบนิอับบัสก็ถามฉันว่า พวกท่านเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเมื่อใด ฉันก็ตอบว่า พวกเราเห็นในค่ำวันศุกร์ อิบนิอับบัสถามย้ำว่า ท่านเห็นมันเองหรือ ฉันตอบว่าถูกแล้ว และบรรดาประชาชนก็เห็นด้วย โดยพวกเขาได้ถือศีลอด และมุอาวียะห์ก็ได้ถือศีลอด อิบนิอับบัสจึงกล่าวว่า แต่พวกเรา (ในเมืองมะดีนะห์) เห็นดวงจันทร์ในค่ำวันเสาร์ ดังนั้นเราก็ยังคงต้องถือศีลอดเรื่อยไปจนกว่าจะครบสามสิบวัน หรือจนกว่าเราจะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว ฉัน (กุร๊อยบ) จึงพูดว่า ยังไม่เพียงพออีกหรือกับการเห็นของมุอาวียะห์ และการถือศีลอดของเขา อิบนิอับบัสตอบว่า ไม่ แบบนี้แหละที่ท่านรอซูลุลเลาะห์ ซ.ล. ได้มีคำสั่งแก่พวกเรา (ให้ถือปฏิบัติ) รายงานโดยมุสลิม อบูดาวูด ติรมีซี และนะซาอี
รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 ตรงกับวันที่29 ซะบาน ฮ.ศ.1434 (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2556 เป็นวันที่ 1 ซะบาน ฮ.ศ.1434 ดังนั้นวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 จึงเป็นวันที่ 29 ซะบาน ฮ.ศ.1434 ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434
-สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 เวลา 14.14.20 วินาที ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434 (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี และมุสลิม
วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 (ดวงจันทร์อยู่บริเวณเข่าของกลุ่มดาวคนคู่ Gimini ดวงจันทร์ในวันนี้ตกก่อนดวงอาทิตย์ ซึ่งดวงจันทร์อยู่ต่ำกว่าเส้นขอบฟ้าประมาณ 37 ลิปดา 36ฟิลิปดา ดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลกประมาณ 405555.48 กิโลเมตรคำนวณจากมหานครมักกะห์ ถ้ากรุงเทพฯเราก็จะอยู่ประมาณ 405745.81กิโลเมตร
วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.48.23วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.07วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์3นาที16วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.48.05วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.11วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์2นาที54วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.34.40วินาที ดวงจันทร์ตก18.34.05วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที35วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.35.50วินาที ดวงจันทร์ตก18.35.19วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที30วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.34.43วินาที ดวงจันทร์ตก18.34.14วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที29นาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.34.12วินาที ดวงจันทร์ตก18.33.37วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที35วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.34.25วินาที ดวงจันทร์ตก18.34.04วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที21วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.35.04วินาที ดวงจันทร์ตก18.34.30วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที34วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก18.34.13วินาที ดวงจันทร์ตก18.33.36วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที37วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.38.39วินาที ดวงจันทร์ตก18.37.59วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที41วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.54.22วินาที ดวงจันทร์ตก18.51.12วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์3นาที10วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.35.49วินาที ดวงจันทร์ตก18.35.09วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที41วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก18.23.17วินาที ดวงจันทร์ตก 18.18.37วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์4นาที40วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.51.19วินาที ดวงจันทร์ตก 18.48.06วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์3นาที13วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย เพราะว่าดวงจันทร์ได้ตกลงไปก่อนดวงอาทิตย์ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ดังนั้นวันที่ 1 ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434 ตรงกับวันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2556 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَاسْتَقِمْ كَمَا اُمِرْتَ وَمَنْ تَابَ مَعَكَ وَلاَ تَطْغَوْا اِنَّهُ بِمَا تَعْمَلُوْنَ بَصِيْرٌ
ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
วันนี้วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2556 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง)
-สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.25.39 วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.54.16วินาที ดุฮ์ริเวลา12.21.43วินาที อัสริเวลา15.46.07 วินาที มักริบเวลา 18.49.06 วินาที อีซาเวลา 20.08.06
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.27.49วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.56.21วินาที ดุฮ์ริเวลา12.23.35วินาที อัสริเวลา15.48.02 วินาที มักริบเวลา18.50.45 วินาที อีซาเวลา 20.09.41
-สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา 04.09.03 วินาที ตะวันขึ้นเวลา 05.41.11วินาที ดุฮ์ริเวลา 12.25.37 วินาที อัสริเวลา 15.43.04 วินาที มักริบเวลา 19.09.56 วินาที อีซาเวลา 20.31.30 วินาที
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.00.01วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.34.33 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.26.28วินาที อัสริเวลา15.47.54วินาที มักริบเวลา19.18.15 วินาที อีซาเวลา20.41.39วินาที
พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ خَيْرًايَرَهُ
وَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ شَرًّايَرَهُ
“ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
--- อ้างจาก: บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม ที่ ก.ค. 07, 2013, 10:05 PM --- วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม ดังนั้นวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 ตรงกับวันที่29 ซะบาน ฮ.ศ.1434 (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2556 เป็นวันที่ 1 ซะบาน ฮ.ศ.1434 ดังนั้นวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 จึงเป็นวันที่ 29 ซะบาน ฮ.ศ.1434 ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434
-สำหรับประเทศไทย จันทร์ดับ ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 เวลา 14.14.20 วินาที ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434 (เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)” รายงานโดย บุคอรี และมุสลิม
วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 (ดวงจันทร์อยู่บริเวณเข่าของกลุ่มดาวคนคู่ Gimini ดวงจันทร์ในวันนี้ตกก่อนดวงอาทิตย์ ซึ่งดวงจันทร์อยู่ต่ำกว่าเส้นขอบฟ้าประมาณ 37 ลิปดา 36ฟิลิปดา ดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลกประมาณ 405555.48 กิโลเมตรคำนวณจากมหานครมักกะห์ ถ้ากรุงเทพฯเราก็จะอยู่ประมาณ 405745.81กิโลเมตร
วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.48.23วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.07วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์3นาที16วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.48.05วินาที ดวงจันทร์ตก18.45.11วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์2นาที54วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.34.40วินาที ดวงจันทร์ตก18.34.05วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที35วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.35.50วินาที ดวงจันทร์ตก18.35.19วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที30วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.34.43วินาที ดวงจันทร์ตก18.34.14วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที29นาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.34.12วินาที ดวงจันทร์ตก18.33.37วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที35วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.34.25วินาที ดวงจันทร์ตก18.34.04วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที21วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.35.04วินาที ดวงจันทร์ตก18.34.30วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที34วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน ดวงอาทิตย์ตก18.34.13วินาที ดวงจันทร์ตก18.33.36วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที37วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ตก 18.38.39วินาที ดวงจันทร์ตก18.37.59วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที41วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.54.22วินาที ดวงจันทร์ตก18.51.12วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์3นาที10วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.35.49วินาที ดวงจันทร์ตก18.35.09วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์0นาที41วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตก18.23.17วินาที ดวงจันทร์ตก 18.18.37วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์4นาที40วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.51.19วินาที ดวงจันทร์ตก 18.48.06วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์3นาที13วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
9.สำหรับกำปงลาดบัวขาวของเรา ดวงอาทิตย์ตก18.49.15 วินาที ดวงจันทร์ตก18.46.02วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวง
-มุมทิศของดวงจันทร์ จากจุดทิศเหนือกวาดไปทางขวามือ ขนานกับเส้นขอบฟ้าจะเท่ากับ 288องศา 22ลิปดา 03ฟิลิปดา
-ดวงจันทร์อยู่ต่ำกว่าเส้นขอบฟ้าอยู่ที่0องศา 50ลิปดา 39ฟิลิปดา ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม วันวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2556 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย เพราะว่าดวงจันทร์ได้ตกลงไปก่อนดวงอาทิตย์ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน ดังนั้นวันที่ 1 ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434 ตรงกับวันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2556 ในทางการปฏิบัติจริงๆให้พี่น้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
คนทุกคนต่างก็มีหน้าที่แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลามคอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยแหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุลหรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาปก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَاسْتَقِمْ كَمَا اُمِرْتَ وَمَنْ تَابَ مَعَكَ وَلاَ تَطْغَوْا اِنَّهُ بِمَا تَعْمَلُوْنَ بَصِيْرٌ
ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม)เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามาและ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน) และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน เขาเสียชีวิตไป ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ละหมาดแล้วหรือยัง ทำอะม้าน อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
วันนี้วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2556 เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา ซำบะห์ยัง)
-สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.25.39 วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.54.16วินาที ดุฮ์ริเวลา12.21.43วินาที อัสริเวลา15.46.07 วินาที มักริบเวลา 18.49.06 วินาที อีซาเวลา 20.08.06
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.27.49วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.56.21วินาที ดุฮ์ริเวลา12.23.35วินาที อัสริเวลา15.48.02 วินาที มักริบเวลา18.50.45 วินาที อีซาเวลา 20.09.41
-สำหรับมัสยิดฮารอม ซุบฮิเวลา 04.09.03 วินาที ตะวันขึ้นเวลา 05.41.11วินาที ดุฮ์ริเวลา 12.25.37 วินาที อัสริเวลา 15.43.04 วินาที มักริบเวลา 19.09.56 วินาที อีซาเวลา 20.31.30 วินาที
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี ซุบฮิเวลา04.00.01วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.34.33 วินาที ดุฮ์ริเวลา12.26.28วินาที อัสริเวลา15.47.54วินาที มักริบเวลา19.18.15 วินาที อีซาเวลา20.41.39วินาที
-สำหรับกำปงลาดบัวขาวของเรา ซุบฮิเวลา04.26.23วินาที ตะวันขึ้นเวลา05.54.54วินาที ดุฮ์ริเวลา12.22.04วินาที อัสริ เวลา15.46.33วินาที มักริบเวลา18.49.11วินาที อีซาเวลา20.08.06วินาที
พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ خَيْرًايَرَهُ
وَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ شَرًّايَرَهُ
“ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 รู้แล้วบอกต่อ ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
--- End quote ---
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاتهوعن ابي هريرةَ رضي اللهُ عنه اَنَّ رسولَ اللهِ صلعم قا ل مَن قا ل لاالهَ الا اللهُ وَحْدَهُ لاَشَرِيْكَ لَهُ لَهُ اْلمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُوَهُوَعَلَى كُلِّ شَيْءٍقَدِيْرٌفِيْ يَوْمٍ مِاءَةَ مَرَّةٍ كانََتْ له عدلُ عشرِ رِقابٍ وكُتِب له ماءةُ حسنةٍ ومُحيَت عنه ماءةُسيئةٍ وكانت له حِرزًامن الشيطان يومَه ذلك حتي يُمسىَ ولم ياتِ احدُ بافضلِ مِمَّا جاء به الارجلٌ عَمِل اكثرَمنه مُتَّفَقٌ عليه
เล่าจากท่านอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์(ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ผู้ใดได้กล่าวว่า ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์ วะห์ดะฮูลาซะรีกะละห์ละฮุ้ลมุลกุ วะละฮุ้ลฮัมดู้ วะฮุวะอะลา ก้ลลิซัยอินก่อดีร วันละหนึ่งร้อยครั้ง เขาจะได้รับผลบุลเท่ากับปลดปล่อยทาส10คน และจะถูกบันทึกความดีให้100ความดี และความชั่วจะถูกลบออกไป100ความชั่ว และจะได้รับการคุ้มครองให้พ้นจากซัยตอนในวันนั้นจนกระทั่งถึงเวลาเย็น และไม่มีใครที่จะได้นำผลบุล ที่ดียิ่งกว่าเขานำมา นอกจากบุคคลที่ปฏิบัติมากกว่าเขา รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
เล่าจากอับดิ้ลลาฮ์อิบนิมัสอูด(ร.ด.) พวกเราเป็นคนหนุ่มอยู่กับท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์(ซ.ล.)และพวกเราก็ไม่มีทรัพย์สินอะไร ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์(ซ.ล.)ได้กล่าวกับพวกเราว่า พวกคนหนุ่มทั้งหลายเฉพาะผู้ที่มีความสามารถด้านค่าใช้จ่ายให้เขาจงแต่งงานเถิด เพราะการแต่งงานทำให้สายตาลดต่ำลงและรักษาอวัยวะสืบพันธ์ได้ดียิ่ง และผู้ที่ไม่มีความสามารถ(แต่งงาน)ให้เขาถือศิลอดเถิดเพราะการถือศิลอด(สามารถ)ตัดความต้องการทางเพศของเขาลงได้ รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
ไม่ว่าจะในสังคมใหน เชื้อชาติใหน ก็ล้วนแล้วแต่ ให้ความสำคัญในการกล่าวทักทายซึ่งกันและกันทั้งนั้น เพราะเป็นการแสดงออกให้เห็นว่า เราพร้อมที่จะพูดคุยกัน เราพร้อมที่จะหยิบยื่นสิ่งที่ดีๆให้แก่กันและกัน เราพร้อมที่จะรับรู้เรื่องราวต่างๆของกันแหละกัน เราพร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ตามกำลังความสามารถที่มีอยู่(ยิ่งในแวดวงของการทำการค้า ในห้างร้านบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต่างๆนั้น การทักทายกันซึ่งกันและกันแหละการทักทายกับลูกค้านั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เป็นกฎข้อบังคับข้อหนึ่งของทางบริษัทเลย ก็เพราะว่าสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ทำให้ธุรกิจการค้าเจริญเติบโต ก้าวไกลไปข้างหน้าเลยทีเดียว
ในปัจจุบันนี้เราท่านทั้งหลายพบปะเจอะเจอกัน ให้สลามกัน ทักทายกัน ถามสารทุกข์สุขดิบกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่เราท่านทั้งหลาย รักแหละเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า มิใช่ว่าจะเจาะจงเฉพาะ เลือกปฏิบัติแค่ใน2วันอีดเท่านั้น
เล่าจากท่านอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า พวกท่านจะยังไม่ได้เข้าสวรรค์ จนกว่าพวกท่านจะมีศรัทธา และพวกท่านจะยังไม่มีศรัทธา จนกว่าพวกท่านจะรักกัน ฉันจะไม่ชี้พวกท่านไปสู่สิ่งหนึ่ง หรือ? ถ้าหากว่าพวกท่านปฏิบัติสิ่งนี้แล้ว พวกท่านก็จะรักกัน พวกท่านจงแพร่กล่าวสลามในหมู่พวกท่านเถิด รายงานโดย มุสลิม
เล่าจากอับดิลลาหฮ์บุตรอัมร์บุตรอาซ(ร.ด.)ว่า มีชายคนหนึ่งถามท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ว่า อิสลามประการใดดีที่สุด ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) ตอบว่า การที่ท่านเลี้ยงอาหาร กล่าวทักทายสลามทั้งคนที่ท่านรู้จัก และคนที่ท่านไม่รู้จัก รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
แม้กระทั่งบรรดามะลาอิกะห์(บ่าวที่มีแต่ความดี บ่าวที่ทำแต่ความดี) ก็ยังได้มีการให้สลามแก่ปวงบ่าวของพระผู้เป็นเจ้า ที่ประกอบคุณความดี ในค่ำคืนของเดือนร่อมะดอน เพราะในช่วงสิบคืนสุดท้ายของเดือนร่อมะดอนอันทรงเกียรตินั้น จะมีอยู่คืนหนึ่งที่บรรดาเทวฑูต บรรดามะลาอิกะห์ ของพระผู้เป็นเจ้า จะลงมาสู่โลกนี้ ลงมาโดยได้รับการอนุมัติจากพระผู้เป็นเจ้า คืนที่ว่านั้นก็คือ คืนลัยละตุ้ลก๊อดร เมื่อบรรดาเทวฑูตมะลาอิกะห์เห็นมุมินชาย เห็นมุมินะห์หญิง เอาจริงเอาจังในการทำอะมั้ลอิบาดะห์ต่อพระผู้เป็นเจ้า อดหลับอดนอนเพื่อทำคุณความดีต่อพระผู้เป็นเจ้า บรรดาเทวฑูตมะลาอิกะห์ของพระผู้เป็นเจ้าก็จะให้สลาม (ขอความสันติสุขให้กับมุมินชาย มุมินะห์หญิงนั้นให้พ้นจากความชั่วร้ายต่างๆนานา)
ดังนั้นในคืนลัยละตุ้ลก๊อดรนั้นจะมีการให้สลาม (ขอความสันติสุข) จากบรรดาเทวฑูต บรรดามะลาอิกะห์ ของพระผู้เป็นเจ้าตลอดทั้งคืน ตลอดไปกระทั่งฟะยัรแสงอรุณขึ้น(คือว่าในครั้งที่พระผู้เป็นเจ้าจะสร้างนบีอาดัม บรรดามะลาอิกะห์ได้ห้ามไว้ อ้างในทำนองว่ามนุษย์ จะมาทำไม่ดีในหน้าพื้นแผ่นดินนี้ อย่างที่เราท่านทั้งหลายได้ทราบกันมาแล้ว ดังนั้นเมื่อบรรดามะลาอิกะห์ ได้ลงมาเห็นมุมินชาย มุมินะห์หญิงได้ทำอะมั้ลอิบาดะห์กัน เอาจริงเอาจังในการทำคุณความดีกัน ในค่ำคืนลัยละตุ้ลก๊อดรดังกล่าวมานั้น บรรดาเทวฑูตมะลาอิกะห์จึงได้ให้สลาม (ขอความสันติสุขให้กับมุมินชาย มุมินะห์หญิงนั้นให้พ้นจากความชั่วร้ายต่างๆนานา)
ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสไว้ในพระมหาคำภีย์อัลกุรอ่านว่า
سَلاَمٌ هِىَ حَتَّى مَطْلَعِ الْفَجْر {سَلَام هِيَ} خَبَر مُقَدَّم وَمُبْتَدَأ {حَتَّى مَطْلَع الْفَجْر} بِفَتْحِ اللَّام وَكَسْرهَا إِلَى وَقْت طُلُوعه جُعِلَتْ سَلَامًا لِكَثْرَةِ السَّلَام فِيهَا مِنْ الْمَلَائِكَة لا تَمُرّ بِمُؤْمِنٍ وَلَا بِمُؤْمِنَةٍ إِلَّا سَلَّمَتْ عَلَيْهِ
ِ
คืนนั้นมีความศานติจนกระทั่งรุ่งอรุณ ซูเราะห์ที่97 อัลก๊อดร อายะห์ที่ 5
คำว่า سَلاَمٌ ซะลามุนเป็นค่อบัรมุก๊อดดัม คำว่า هِىَ ฮิย่า อยู่ในหน้าที่เป็นมุบตะดามู่อั๊คค๊อร(นักวิชาการบางท่านบอกว่า ตรงคำว่าซะลามุนนี้เรียกว่าฮะรัฟมุดอฟ ตั๊กดีรว่า ฮิย่า ราตู้ซะลามะติน)
คำว่า سَلاَمٌ هِىَ حَتَّى مَطْلَعِ الْفَجْر นักวิชาการทางหลักไวยกรณ์อาหรับนะฮูนั้น ได้นำอายะห์กุรอ่านอายะห์นี้ไปเป็นตัวอย่างในการอธิบายในเรื่องของฮุรูฟยาร อย่างเช่นในหนังสือتسهيل نيل الاماني (หน้าที่10บรรทัดที่8 หนังสืออาจพิมพ์ต่างวาระกัน หน้าอาจจะไม่เหมือนกันแต่ให้ดูเรื่องของฮุรุฟยารในตัวของ حَتَّى แล้วก็จะเจออย่างแน่นอน) ในหนังสือนี้ได้ระบุว่าฮุรุฟยารที่16ก็คือ حَتَّى ส่วนความหมายของ حَتَّىที่เป็นฮุรุฟยารนั้น ก็คือการสิ้นสุด
แหละคำว่า سَلاَمٌ هِىَ حَتَّى مَطْلَعِ الْفَجْر นักวิชาการทางหลักไวยกรณ์อาหรับนะฮูนั้น ได้นำอายะห์กุรอ่านอายะห์นี้ไปเป็นตัวอย่างในการอธิบายในเรื่องของฮุรูฟยารอีกเช่นกัน อย่างเช่นในหนังสืออิบนุอะเก้ล ซึ่งเป็นหนังสือที่อธิบายหนังสืออัลฟียะห์(คำกลอนวิชานะฮู) บทที่ว่าด้วยเรื่องฮุรุฟยาร ถ้อยคำในบทกลอนอัลฟียะห์ มีระบุไว้ดังต่อไปนี้
ِللاِنْتِهاحتى ولامٌ واِلى ومِنْ وَباءٌيُفْهِمانِ بَدَلا
حَتَّى นั้นใช้สำหรับความหมาย สิ้นสุด (ถึงจุดหมาย) และ لامٌ اِلى นั้นก็มีความหมายสิ้นสุด (ถึงจุดหมาย) และส่วนمِنْ باءٌทั้งสองให้ความเข้าใจว่ามีความหมายว่าแทน(เปลี่ยน)
ให้สังเกตตรงคำว่า حَتَّىในคำกลอนตรงนี้อยู่ในหน้าที่มุบตะดามุอัคค๊อร (ไม่ใช่ฮุรุฟยาร)
ในหนังสืออิบนุอะเก้ลที่อธิบายคำกลอนตรงนี้ก็จะมีการยกตัวอย่างอายะห์กุรอ่าน ที่ว่า سَلاَمٌ هِىَ حَتَّى مَطْلَعِ الْفَجْر อีกเช่นกัน
ดังนั้นในอายะห์กุรอ่านตรงนี้ระบุอย่างชัดเจนเลยว่า คืนนั้นมีความศานติตลอดไปจนกระทั่งรุ่งอรุณ คือความศานตินั้นมีอยู่ตลอดทั้งคืนเลยในคืนลัยละตุ้ลก๊อดร จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อ เมื่อเริ่มเข้าเวลารุ่งอรุณ (เพราะว่าใช้คำว่า حَتَّى ต้องอย่าลืมว่า حَتَّى ตรงนี้เป็นฮุรุฟยาร มีความหมายว่า จนกระทั่ง ชี้ถึงการสิ้นสุด)
ขอให้เราท่านทั้งหลายสังเกตตรงคำว่า مَطْلَعِ الْفَجْرแปลว่าเริ่มเข้าเวลารุ่งอรุณ ดังนั้นคำว่าเริ่มเข้าเวลารุ่งอรุณตรงนี้ก็คือ เริ่มเข้าเวลารุ่งอรุณของเมืองใครก็เมืองนั้นเท่านั้น ของประเทศใครก็ประเทศนั้นเท่านั้น มิใช่ว่าพักอาศัยอยู่ในเมืองไทย พอค่ำคืนลัยละตุ้ลก๊อดร ความศานติจะคงอยู่ตลอดไป จนกระทั่งถึงเวลารุ่งอรุณของมักกะห์ หรือประเทศกลุ่มอาหรับ หรือประเทศอื่นๆทั่วทุกมุมโลก ไม่ใช่อย่างนั้นนะ(อยู่ในเมืองไทยความศานตินั้นก็จะมีอยู่ตลอดไป ทั้งคืนเลยในคืนลัยละตุ้ลก๊อดร จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อ เมื่อเริ่มเข้าเวลารุ่งอรุณของแต่ละ สถานที่ต่างๆในเมืองไทยเท่านั้น จะไม่ไปเกี่ยวข้องกับรุ่งอรุณของประเทศอื่นใดๆทั้งสิ้น
ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือพอเมืองไทยเริ่มเข้าเวลาซุบฮิ หรือเรียกอีกอย่างนึงว่าเริ่มเข้าเวลารุ่งอรุณ ทางประเทศนิวซีแลนด์สว่างไปตั้งนานแล้ว หรือเมืองไทยเข้าเวลาซุบฮิ หรือเรียกอีกอย่างว่าเริ่มเข้าเวลารุ่งอรุณ ทางมักกะห์ หรือประเทศอื่นในประเทศกลุ่มอาหรับ ยังอยู่ในช่วงเวลากลางคืนอยู่เลย อย่างที่เราท่านทั้งหลายเห็นๆกันอยู่)
สามารถอ่านบทความทั้งหมดต่อได้ที่ https://www.facebook.com/aubdulaudli?ref=tn_tnmn
บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
:salam:
ญะซากั้ลลอฮู้...คอยรอน
ใกล้จะถึงวันรายอแล้ว... อย่าลืมนะครับ
https://www.facebook.com/aubdulaudli?ref=tn_tnmn
(พิมพ์ด้วยใจ...สองครั้งที่
โดนไวรัสเล่นงาน...ผมต้องลงวินโดร์ก่อน
ทั้งสองครั้งจึงได้ลงบทความ...สนุกดี
อั้ลฮำดุลิ้ลลาฮ์)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version