เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลลอฮ์

<< < (15/20) > >>

nada-yoru:
วะอะลัยกุมมุสลาม

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ...

ปล.ต้องขอลบความเห็นของตัวเองก่อนหน้านี้นะคะ...
เพราะเชื่อว่า...เจ้าของกระทู้ได้อ่านมันเรียบร้อยแล้ว ^^


วัสลามค่ะ



บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
      

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
وعن عائشةَرضي الله عنها قالتْ كان رسولُ الله صلعم ِاذادخَل العشرُاَحْيَ الليلَ وايْقَظَ اهلَه
وشَدَّالمِئْزرَ متفق عليه                                       
     เล่าจากท่านหญิงอาอิซะห์(ร.ด.) ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)นั้น เมื่อเข้าสู่สิบวันสุดท้ายของเดือนร่อมะดอน ท่านจะทำให้กลางคืนมีชีวิตชีวา ด้วยการทำคุณความดี  ท่านจะปลุกครอบครอบครัวของท่านและท่านจะผูกผ้าคาดเอว(เอาจริงเอาจังในการทำคุณความดี รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
    ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามในเรื่องราวของศาสนา ที่ได้กระทำกันอยู่นั้น ถ้ายังไม่ถูกต้องตามหลักการของอัลอิสลาม ถ้ายังไม่เป็นไปตามพระประสงค์จริงๆของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ถ้ายังไม่เป็นไปตามคำสั่งใช้ของร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)จริงๆแล้ว   จะนานแค่ใหนก็แล้วแต่ ที่ได้กระทำกันมา ก็ต้องเปลี่ยนแปลงได้ ต้องเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามคำสั่งใช้ของร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) ต้องเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง ทั้งนี้ก็เพื่อความผาสุกของเราท่านทั้งหลายเอง ทั้งในโลกดุนยานี้แหละโลกหน้าอาคิเราะห์ตลอดไป
     วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   
ดังนั้นวันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2556 ตรงกับวันที่29 ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2556 เป็นวันที่ 1  ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434 ดังนั้นวันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2556 จึงเป็นวันที่ 29 ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434 ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1 เซาวาล ฮ.ศ.1434
สำหรับประเทศไทย 
จันทร์ดับ  ตรงกับวันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2556 เวลา 04.50.44 วินาที   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันพุธที่ 7 สิงหาคม  จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1ร่อมะดอน ฮ.ศ.1434 
(เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี และมุสลิม
     วันพุธที่ 7 สิงหาคมพ.ศ.2556 (ดวงจันทร์อยู่บริเวณด้านหน้า เท้าหน้าของกลุ่มสิงห์โต Leo ดวงจันทร์ในวันนี้อยู่ห่างจากโลกประมาณ 399084.97 กิโลเมตรคำนวณจากมหานครมักกะห์ ถ้ากรุงเทพฯเรา ก็จะอยู่ประมาณ 399566.82กิโลเมตร
     วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2556   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.44.28วินาที  ดวงจันทร์ตก18.53.09วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว8นาที41วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.41.13วินาที ดวงจันทร์ตก18.50.18วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว9นาที5วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.32.01วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.20วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.33.16วินาที  ดวงจันทร์ตก18.45.40วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที24วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.32.12วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.39วินาทีมีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที27นาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.31.38วินาที  ดวงจันทร์ตก18.43.56วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.32.06วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.43วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที37วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.32.26วินาที  ดวงจันทร์ตก18.44.45วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที19วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.31.34วินาที  ดวงจันทร์ตก18.43.51วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที16วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.35.47วินาที  ดวงจันทร์ตก18.47.55วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที08วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.47.55วินาที  ดวงจันทร์ตก18.56.35วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว8นาที39วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.33.04วินาที  ดวงจันทร์ตก18.45.13วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที10วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก18.30.24วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.37.45วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว7นาที21วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี  ดวงอาทิตย์ตก18.44.52วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.53.30วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว8นาที37วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
     ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม
วันพุธที่ 7สิงหาคม พ.ศ.2556 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
(เพราะว่าการทำมุมกันนั้น ยังมีน้อยเกินไป น้อยเกินที่จะเห็นแสงจันทร์เสี้ยวได้ แหละอีกประการหนึ่ง ที่ควรคำนึงถึงก็คือ ถ้าหากว่าเริ่มเดือนใหม่ ในวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคมพ.ศ. 2556 วันที่จะดูจันทร์เสี้ยวในครั้งต่อไปนั้น ก็จะดูจันทร์เสี้ยวก่อน ปรากฏการณ์จันทร์ดับ ก่อนนิวมูน ก่อนอิญติมาอ์ทันที)
     ดังนั้นผลในการคำนวณทางดาราศาสตร์อิสลามนั้น วันที่ 1 เซาวาล ฮ.ศ.1434 ตรงกับวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคมพ.ศ.2556 ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้น เป็นผลสรุปจากการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามเท่านั้น
     แต่ทว่าในทางการปฏิบัติจริงๆนั้น ให้พี่น้องต้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
     ก็คนทุกคนต่างมีหน้าที่ แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลาม คอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วย แหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริง ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุล หรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาป ก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَاسْتَقِمْ كَمَا اُمِرْتَ وَمَنْ تَابَ مَعَكَ وَلاَ تَطْغَوْا اِنَّهُ بِمَا تَعْمَلُوْنَ بَصِيْرٌ
ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม) เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา และ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ
ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
     เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ 
รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
    วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
     วันนี้วันพุธที่ 7  สิงหาคม พ.ศ.2556  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)
 -สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.38.03 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.02.16วินาที ดุฮ์ริเวลา12.22.36วินาที อัสริเวลา15.34.15 วินาที มักริบเวลา 18.42.46 วินาที อีซาเวลา 19.57.54
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.37.40วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.01.50วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.22.01วินาที  อัสริเวลา15.33.49 วินาที  มักริบเวลา18.42.03 วินาที  อีซาเวลา 19.57.07
-สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา 04.07.30 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา 05.42.52 วินาที  ดุฮ์ริเวลา 12.24.55 วินาที  อัสริเวลา 15.43.13 วินาที  มักริบเวลา 19.06.59 วินาที  อีซาเวลา 20.31.49 วินาที 
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา04.19.50วินาที  ตะวันขึ้นเวลา05.52.11วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.26.53วินาที  อัสริเวลา15.53.38วินาที  มักริบเวลา19.01.17วินาที  อีซาเวลา20.23.21วินาที 
     พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน 
     พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ خَيْرًايَرَهُ   
وَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ شَرًّايَرَهُ   
“ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน
ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 
รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
      (โอ้พระผู้เป็นเจ้า ถ้าหากว่ามีคุณความดี ขอมอบภาคผลบุลแด่บิดา มารดาและครูบาอาจารย์ทั้งที่มีชีวิตอยู่ และที่กลับสู่ความเมตาตาของพระองค์แล้ว และใคร่ขอให้ปวงบ่าวของพระองค์ ได้ทำตัวให้ใกล้ชิดกับพระองค์ ตามพระประสงค์ของพระองค์ และขอพระองค์ได้ทรงอภัยโทษให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด อามีน ยาอัรฮะมัร รอฮิมีน)

บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاتهเราในฐานะผู้เป็นลูก ที่สำคัญเราท่านทั้งหลายได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธา มีอีหม่านต่อพระผู้เป็นเจ้า เราท่านทั้งหลายต้องนึกถึงพระคุณของผู้เป็นบิดามารดาให้มากๆ  ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้น เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความรักที่ไม่หวังจะได้อะไรตอบแทนเลย   พ่อแม่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้เป็นคนดี  พ่อแม่ทุ่มเททุกอย่างเพื่ออยากจะเห็นว่า ลูกนั้นเป็นคนดีของพระผู้เป็นเจ้า  หวังลึกๆว่าโลกหน้าอาคิเราะห์ลูกของเราต้องได้อยู่อย่างสุขสบายอย่างแน่นอน เมื่อลูกเป็นคนดีได้แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรพ่อแม่ก็จะสบายใจ ปลาบปลื้มใจอีกด้วย
**ความรักความห่วงใยของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น ไม่มีระยะเวลา ไม่มีอายุ ไม่มีกำแพงอะไรมากีดขวางได้ เพราะพ่อแม่ของเราทุกๆคน คิดอยู่เสมอว่าลูกคือแก้วตาแหละดวงใจ ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าลูกจะเป็นเด็กแบเบาะก็ห่วงคอยทะนุทนอม แม้ยุงสักตัวก็ไม่ยอมให้มีในที่นอนของลูก คอยปกป้องลูกคอยให้โอกาส ช่วยเหลือสนับสนุนลูก พร้อมเสมอที่จะให้อภัยต่อลูกอยู่ตลอดเวลา ในบางครั้งที่ลูกทำผิดทำพลาดไป คนที่เป็นพ่อเป็นแม่พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ แม้ลูกจะแต่งงานออกเย่าออกเรือนไปแล้ว ความรักความห่วงใยที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้น ก็ยังเหมือนเดิมไม่ลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่ประการใด(บุคคลที่ได้เป็นพ่อเป็นแม่คนเท่านั้น ที่จะสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกต่างๆเหล่านี้ได้)   ดังนั้นพระคุณของพ่อแม่ มีมากมายเหลือเกิน ถ้าจะพูดถึงการทดแทนพระคุณของพ่อแม่แล้ว ทดแทนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอย่างแน่นอน แต่เราในฐานะผู้เป็นลูกถึงอย่างไรก็ตาม ก็จะต้องทดแทนพระคุณของพ่อแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
**เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า บุตรไม่มีโอกาสที่จะตอบแทน(พระคุณ)บิดามารดาได้ นอกจากเขาจะพบว่าบิดามารดาเป็นทาส และเขาได้ซื้อมาปลดปล่อยให้เป็นอิสระ  รายงานโดยมุสลิม
***พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
{وَوَصَّيْنَا الْإِنْسَان بِوَالِدَيْهِ} أَمَرْنَاهُ أَنْ يَبَرّهُمَا {حَمَلَتْهُ أُمُّه} فَوَهَنَتْ {وَهْنًا عَلَى وَهْن} أَيْ ضَعُفَتْ لِلْحَمْلِ وَضَعُفَتْ لِلطَّلْقِ وَضَعُفَتْ لِلْوِلَادَةِ {وَفِصَالُه} أَيْ فِطَامُه {فِي عَامَيْنِ} وَقُلْنَا لَهُ {أَنْ اُشْكُرْ لِي وَلِوَالِدَيْك إلَيَّ الْمَصِيرُ} أَيْ الْمَرْجِعُ
และเรา(หมายถึงพระผู้เป็นเจ้า)ได้สั่งแก่มนุษย์เกี่ยวกับบิดา มารดาของเขา(เราได้ใช้ให้มนุษย์นั้น ให้ทำดีให้กตัญญูรู้คุณบิดา มารดาของเขา) โดยที่มารดาของเขาได้อุ้มครรภ์เขา อ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า(ทั้งในช่วงตั้งครรภ์ ทั้งในช่วงใกล้จะคลอด แหละทั้งในช่วงคลอด) และการหย่านมของเขาในระยะเวลาสองปี
(และเราหมายถึงพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวแก่มนุษย์ว่า) ท่านจงขอบคุณ(นึกถึงพระคุณของ)ข้า และบิดามารดาของท่าน ยังเรา(หมายถึงพระผู้เป็นเจ้า)นั้น คือการกลับไป ซูเราะห์ลุกมาน 31อายะห์ที่14
**คำว่า أُمُّه ตามหลักวิชาไวยกรณ์อะหรับนั้น ประกอบด้วยฟาอิ้ลแหละมู่ดอฟุนอิลัย ดังนั้นคำว่าอุมมู่เป็นฟาอิ้ล เป็นประธานของกริยานี้  ในอายะห์กุรอ่านตรงนี้คำกริยาก็คืออุ้มครรภ์ ประธานหรือเจ้าของที่เป็นผู้อุ้มครรภ์ก็คือมารดา ดังนั้นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการอุ้มครรภ์ ผู้ที่มีความลำบากยากเข็นอย่างมากมายในการอุ้มครรภ์ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการทนุทนอมลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ ผู้ที่คอยให้ความรัก คอยให้ความห่วงใยต่อลูกน้อย คอยสรรหาอาหารดีๆที่มีประโยชน์ให้ลูกน้อย ทั้งๆที่ยังไม่เคยเห็นหน้า เห็นตาลูกน้อยด้วยซ้ำไป ผู้ที่มีความรักอันบริสุทธิ์อย่างเต็มเปี่ยมนี้ ก็คือมารดาของเราท่านทั้งหลายเอง ต้องสำนึกแหละทดแทนบุญคุณของท่านให้มากๆ
**เล่าจากอับดิ้ลลาห์ บุตรอัมร์ บุตรอัลอาส(ร.ด.) จากท่านนบี(ซ.ล.)ว่า บาปใหญ่นั้นได้แก่ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์(ซ.บ.) การเนรคุณบิดามารดา การฆ่าคน และการสาบานโดยเจตนาเป็นเท็จ รายงานโดยบุคอรี
**ในบทกลอนอัลฟียะห์(บทกลอนไวยกรณ์อะหรับ)ได้ระบุถึงเรื่องราวของฟาอิ้ลว่า
وَبَعْدَ فِعْلٍ فاعِلٌ فَاِنْ ظَهَرْ         فَهْوَ وَاِلاَّ فَضَمِيْرٌ اسْتَتَر
และหลังจากฟิอิ้ลนั้นก็เป็นฟาอิ้ล(ฟาอิ้ลต้องตกหลังจากฟิอิ้ล) ดังนั้นหากฟาอิ้ลเผยตัว(รอเฮร) ก็เป็น(เหมือนตัวอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว ก็คือในคำกลอนที่อยู่ก่อนหน้านี้)
และหากว่ามิใช่เช่นนั้น(ฟาอิ้ลไม่เผยตัว ไม่รอเฮร)ก็ต้องเป็นด่อเมรที่ซ่อนเร้น
**ตรงคำว่า وَبَعْدَ فِعْلٍ فاعِلٌ ตรงนี้มีรายละเอียด เมื่อพิจรณาตรงนี้ก็จะพบว่า ถือว่าเป็นกฏเกณฑ์สำคัญของคำที่เป็นฟาอิ้ลนั้นต้องอยู่หลังจากฟิอิ้ล(นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในภาษอะหรับ ดำเนินตาม แนวทางบะซ่อรียูน) ดังเช่นในอายะห์กุรอ่านที่ได้กล่าวมา
  {حَمَلَتْهُ أُمُّه} หรือพูดง่ายๆว่าจะเอาประธานอยู่ก่อนกริยาไม่ได้โดยเด็ดขาด ถือว่าผิดกฎไวยกรณ์อะหรับ (เราท่านทั้งหลายจะพบว่าจะพบว่ามัฟอูลมู่ก๊อดดัมมี(อย่างเช่นในซูเราะห์ฟาติฮะห์ اِيَّاكَ نَعْبُدُ) ค่อบัรมู่ก๊อดดัมมี(อย่างเช่นในคำกลอนอัลฟียะห์ตรงนี้ในคำว่า  بَعْدَ فِعْلٍก็อยู่ในหน้าที่ค่อบัรมู่ก๊อดดัม) ค่อบะรู่ฮามู่ก๊อดดำก็มี แต่ทว่าฟาอิ้ลมู่ก๊อดดัมจะไม่มีโดยเด็ดขาด)
**อันที่จริงแล้วมีอีกแนวทางของหลักไวยกรณ์อะหรับคือแนวทางกูฟียูน ได้บอกว่าฟาอิ้ลสามารถอยู่ก่อนฟิอิ้ลได้แต่ไม่เป็นที่นิยมนัก ถ้าเราท่านทั้งหลายสังเกตให้ดีแล้วจะพบว่าผู้ประพันธ์บทกลอนอัลฟียะห์(บทกลอนไวยกรณ์อะหรับ)นี้นั้น ท่านก็มีแนวคิดเดียวกันกับแนวทางบะซ่อรียูน ก็คือฟาอิ้ลจะไม่สามารถอยู่ก่อนฟิอิ้ลได้ พูดอีกอย่างก็คือฟาอิ้ลมู่ก๊อดดัมจะไม่มีโดยเด็ดขาด เพราะดังในบทกลอนของท่านที่ว่า وَبَعْدَ فِعْلٍ فاعِلٌ
**ผมเองได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องของค่อบะรู่ฮามู่ก๊อดดำมาแล้ว ในช่วงก่อนจะเข้าร่อมะดอนของปีที่แล้ว เพื่อทบทวนความทรงจำ ข้อความที่ผมได้เคยนำเสนอไปนั้นมีดังต่อไปนี้
**เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)ไม่รับฟังสิ่งใด เหมือนกับที่พระองค์รับฟัง นบีที่มีเสียงดี ที่ท่านจะอ่านกุรอ่านเป็นท่วงทำนอง โดยส่งเสียงดัง รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
***พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
{وَلَمْ يَكُنْ لَهُ كُفُوًا أَحَدٌ} أَيْ مُكَافِئًا وَمُمَاثِلًا وَلَهُ مُتَعَلِّق بِكُفُوًا وَقُدِّمَ عَلَيْهِ لِأَنَّهُ مَحَطّ الْقَصْد بِالنَّفْيِ وَأُخِّرَ أَحَد وَهُوَ اِسْم يكن عن خبرها رعاية للفاصلة
และไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม(เหมือน)กับพระองค์ ซูเราะห์อัลอิคลาส112  อายะห์ที่4
**คำในพระมหาคำภีร์อัลกุรอ่าน พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงวางมาไว้อย่างสวยสดงดงาม เรียกว่ามีความไพเราะอยู่ในตัวอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น อย่างในซูเราะห์ที่เราท่านทั้งหลายอ่านกันอยู่เป็นประจำ ซูเราะห์อัลอิคลาส หรือที่เราท่านทั้งหลายพูดกันติดปากว่า ซูเราะห์กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ ตรงคำว่ากุฟู่วันอะฮัด(อายะห์ที่4 ตอนจบซูเราะห์)นั้น ถ้าดูตามหลักไวยกรณ์อะหรับแล้ว คำว่ากุฟู่วันเป็นค่อบะรุฮา ในส่วนของคำว่าอะฮัดเป็นอิสมุฮา อิสมุฮาต้องอยู่ก่อนค่อบะรุฮา เดิมๆก็คืออะฮะดุนกุฟู่วัน
**ดังนั้นถ้าจะใช้แบบนี้(อะฮะดุนกุฟู่วัน) ความไพเราะในซูเราะห์ กุ้ลฮู่วั้ลลอฮ์ ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขอเราท่านทั้งลายลองอ่านตั้งแต่ต้นซูเราะห์ดู อายะห์ที่1จบที่อะฮัด อายะห์ที่2จบที่ซอมัด อายะห์ที่3จบที่ยูลัด อายะห์ที่4จบที่อะฮัด ดังนั้นถ้าอายะห์ที่4จบที่อะฮะดุนกุฟู่วัน(ตามหลักเดิมไวยกรณ์อะหรับ) ลองอ่านตั้งแต่อายะห์แรกดู ก็จะฟังดูแปลกๆ คือรู้สึกว่าขัดๆในการอ่าน แหละจะไม่ได้ความไพเราะในอัลกุรอ่านตอนจบอายะห์ ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าเลยได้จบอายะห์ที่4ด้วยกุฟู่วันอะฮัด ความไพเราะในตอนท้ายอายะห์แต่ละอายะห์ก็จะเกิดขึ้นทันที ตรงนี้เรียกว่าอิสมู่ฮามู่อัคคอรและค่อบะรู่ฮามุก๊อดดำ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รี่อายะตันลิ้ลฟาซิละห์
**ในมะตันอัลฟียะห์(เป็นคำกลอนเกี่ยวกับวิชาไวยกรณ์อะหรับ ที่ทรงคุณค่ายิ่ง ซึ่งได้มีนักวิชาการเห็น แหละตะหนักถึงคุณค่าในคำกลอนนี้ ท่านจึงได้แต่งตำราเพื่อเป็นการอธิบายคำกลอนนี้ ที่นักศึกษารู้จักกันในนามว่า อิบนุอาเก้ล)ลองดูในมะตันอัลฟียะห์ บทของ กานะวะอัควาตุฮา ในตอนท้ายของคำกลอนที่บอกว่า ซัยยี่ดันอุมัร ที่จบด้วยอุมัร ก็เพื่อจะได้คล้องจองกับคำว่าวั้ลค่อบัรในคำกลอนก่อนหน้านั้น(คือเอาคำว่าซัยยี่ดันมาอยู่ก่อน คำว่าอุมัร ทั้งๆที่ซัยยี่ดัน เป็นค่อบะรุฮา เพื่อจะได้เกิดความคล้องจอง ดังนั้นถ้าในคำกลอนตรงนี้จบตรงที่ว่า อุมะรุซัยยิดา ความคล้องจอง ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน)
**ดังนั้นการได้อ่าน พระมหาคำภีร์อัลกุรอ่านได้ถูกต้องตามหลักตัจวีด และได้มีการอ่านในแบบทำนองที่ไพเราะ ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า(ผลที่สุดก็คือ ถ้าได้ฝึกอ่านอัลกุรอ่านได้อย่างไพเราะแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะอ่านอัลกุรอ่านก็จะตามมาทันที เมื่ออ่านอัลกุรอ่านมาก ก็จะได้ภาคผลบุลมาก สิ่งที่ดีๆต่างๆก็จะหลั่งไหลเข้ามา ถือว่าเป็นเงาตามตัว)
**เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์(ร.ด.)ว่า ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)ไม่รับฟังสิ่งใด เหมือนกับที่พระองค์รับฟัง นบีที่มีเสียงดี ที่ท่านจะอ่านกุรอ่านเป็นท่วงทำนอง โดยส่งเสียงดัง รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
**ในพระมหาคำภีร์อัลกุรอ่านนั้น มีแต่สิ่งที่ดีๆ  อ่านก็ได้ผลบุญ เรียนก็ได้ผลบุญ สอนก็ได้ผลบุญ ดูก็ได้ผลบุญ ทบทวนก็ได้ผลบุญ แม้กระทั่งฟังอัลกุรอ่านก็ยังได้ภาคผลบุญ
**เล่าจากท่านหญิงอาอิซะห์(ร.ด.)ว่าท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า ผู้ที่อ่านอัลกุรอ่านโดยเขามีความช่ำชองในอัลกุรอ่าน เขาจะได้อยู่ร่วมกับมะลาอิกะห์ที่ทรงเกียรติ ที่ภักดี และผู้ที่อ่านอัลกุรอ่านโดยเขาสับสนในการอ่าน และอ่านได้ด้วยความยากลำบาก เขาจะได้รับสองผลบุญ รายงานโดยบุคอรี มุสลิม
**ท่านร่อซูลุ้ลลออ์(ซ.ล.)ได้ประสูติขึ้นมา ท่านก็เคยเป็นลูก ท่านก็มีพ่อมีแม่เหมือนเราท่านทั้งหลายนี้แหละ สิ่งที่ได้ยินอยู่เป็นประจำก็คือ การขัดแย้งในวงกว้างเกี่ยวกับเรื่องการจัดเมาลิดนบี แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับมีน้อยมากที่จะพูดถึงความสำคัญ พระคุณของพ่อแม่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริง การทำดีต่อพ่อแม่นั้นนับว่าเป็นภาคผลบุลที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แม้ไม่ต้องอะไรมากหรอกครับ แค่เป็นคนดี ช่วยเหลือห่วงใย ถามไถ่เอาใจใส่ท่านทั้งสอง แค่นี้หัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ท่านทั้งสองก็สุขใจมากแล้ว
**สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกประการหนึ่งที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยก็คือ การนึกถึงพระคุณของพระผู้เป็นเจ้านั้น นับว่าหายากมากๆ จะมีก็จำกัดอยู่ที่ผู้คน หมู่ยินกลุ่มน้อยเท่านั้น การตั้งภาคีการนำสิ่งอื่นมาเทียบเทียมเทียบเท่ากับพระผู้เป็นเจ้านั้น กลับมีทุกยุคทุกสมัย ซึ่งมีอยู่อย่างมากมายอีกด้วย ดังนั้นเราท่านทั้งหลายต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ซัยตอนมารร้ายเฝ้ารอโอกาสรอคอยอยู่ตลอดเวลา ที่จะคอยชักจูงชี้นำให้มนุษย์แหละยิน หลงทางตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า ลืมที่จะนึกถึงพระคุณแห่งพระผู้เป็นเจ้า เพลิดเพลินอยู่กับสิ่งที่ไร้สาระ กระทั่งทิ้งการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าในที่สุด
**ในสมัยที่ร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ยังมีชีวิตอยู่ พระผู้เป็นเจ้าเคยแจ้งถึงข่าวใหญ่ ให้ท่านได้รับทราบ ((เป็นฮะดิษกุดซีย์ จากท่านมุอาซ เนื้อความของฮะดิษมีอยู่ว่า แท้จริงข้า(พระองค์อ.ล.ซ.บ.)  ยินแหละมนุษย์ ตกเป็นข่าวใหญ่มาก คือข้า(พระองค์อ.ล.ซ.บ.)เอง สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมา แต่ผู้อื่นกลับได้รับการกราบไหว้ แหละข้า(พระองค์อ.ล.ซ.บ.)เอง โปรยปรายริสกีโชคผลต่างๆมาให้(อย่างมากมาย) แต่ผู้อื่นกลับได้รับการขอบพระคุณ รายงานโดยบัยฮะกี ฮากิม))
จากฮะดิษกุดซีย์บทนี้ ทำให้เราท่านทั้งหลายมีข้อคิดสะกิดใจได้ว่า การดำเนินชีวิตของเราท่านทั้งหลายในอดีตที่ผ่านมาแหละในตอนปัจจุบันนี้ เป็นเหมือนดั่งฮะดิษกุดซีย์ ข้างต้นหรือเปล่า ถ้าไม่เหมือนก็อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ แต่ถ้าการดำเนินชีวิตของเราท่านทั้งหลาย ในอดีตที่ผ่านมาและในตอนปัจจุบันนี้ เป็นเหมือนดั่งฮะดิษกุดซีย์ ข้างต้นแล้ว เราท่านทั้งหลายต้องรีบเปลี่ยนแปลงแก้ไข ให้ไปในทางที่ถูกต้อง เพื่อความผาสุกจะได้เกิดขึ้นกับเราท่านทั้งหลายเอง ทั้งในโลกดุนยาแหละโลกหน้าอาคิเราะห์ (ในโลกหน้าอาคิเราะห์นั้นถ้าทุกข์ก็ทุกข์ตลอดไป ถ้าสุขก็ยิ่งสุขตลอดไป นั่นถือเป็นรางวัล เป็นรางวัลแด่ผู้ศรัทธา)
**ความรักที่พระผู้เป็นเจ้ามอบให้แก่บ่าวของพระองค์นั้น แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว พระองค์จะไม่ใช่บิดาของใคร(เพราะพระองค์ทรงอะระลียุน ก่อดีมุน) แต่ความรักความหวังดี การให้อภัยที่พระองค์ทรงมีให้แก่บ่าวนั้น นับว่าความรักของคนที่เป็นพ่อ ความรักของคนที่เป็นแม่ที่มีต่อลูก ไม่สามารถเทียบเทียมได้เลย ยิ่งใหญ่มาก
**รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
**(โอ้พระผู้เป็นเจ้า ถ้าหากว่ามีคุณความดี ขอมอบภาคผลบุลแด่บิดา มารดาและครูบาอาจารย์ทั้งที่มีชีวิตอยู่ และที่กลับสู่ความเมตาตาของพระองค์แล้ว และใคร่ขอให้ปวงบ่าวของพระองค์ ได้ทำตัวให้ใกล้ชิดกับพระองค์ ตามพระประสงค์ของพระองค์ และขอพระองค์ได้ทรงอภัยโทษให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด อามีน ยาอัรฮะมัร รอฮิมีน)

บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته**ในการกำหนดจำนวนวันในแต่ละเดือนของอัลอิสลามนั้น อย่างน้อยที่สุด1เดือนต้องมี29วัน ถึงแม้ว่าตามธรรมชาติที่พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างสรรค์มานั้น ณวันนั้น(หลังเข้าเวลามัฆริบของวันที่29)จะมีดวงจันทร์ที่เป็นเสี้ยวแล้ว แต่ไม่มีผู้ที่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว สืบเนื่องจากมีสิ่งหนึ่งมาบดบัง ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ก็ได้มีคำสั่งใช้ให้นับเดือนนั้นว่ามี30วัน โดยที่ท่านไม่ยึดติดกับหลักของธรรมชาติแต่ประการใด
** حَدَّثَنَا عَبْدُ اللَّهِ بْنُ مَسْلَمَةَ، حَدَّثَنَا مَالِكٌ، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ دِينَارٍ، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا، أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، قَالَ: «الشَّهْرُ تِسْعٌ وَعِشْرُونَ لَيْلَةً، فَلاَ تَصُومُوا حَتَّى تَرَوْهُ، فَإِنْ غُمَّ عَلَيْكُمْ فَأَكْمِلُوا العِدَّةَ ثَلاَثِينَ»
จากอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร เล่าว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.) กล่าวว่า หนึ่งเดือนอาจมี 29คืน(และ29วัน) ดังนั้นอย่าได้ถือศิลอดจนกว่าจะเห็นจันทร์เสี้ยว แต่ถ้าหากมืดครึ้ม(ฝนมา ฟ้ามืด ฝนตก หรือมีเมฆหนามาบดบัง หรือมีสิ่งอะไรก็แล้วแต่มาบดบัง)ก็ให้กำหนด(เดือนซะบาน)30วัน รายงานโดย บุคอรี
**ตอนนี้เป็นหลักธรรมชาติที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา โลกเรามีบริวารดวงเดียวก็คือดวงจันทร์นั่นเอง ดวงจันทร์โคจรรอบโลก1เดือนเป็นเวลา27วัน7ชม.43นาที11.5วินาที แต่ถ้าจะนับเวลาจากจันทร์ดับ ถึงจันทร์ดับครั้งต่อไปนั้นจะเป็นระยะเวลานาน29วัน12ชม.44นาที2.8วินาที ตามหลักวิชาการเรียกว่า1เดือนจันทรคติ ดังนั้น1เดือนจันทรคติก็จะมีระยะเวลาคงที่อยู่อย่างนี้ ตามหลักธรรมชาติที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา ซึ่งต่างกับ1เดือนตามศาสนบัญญัติ
**หลักธรรมชาติจะดำเนินไปอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามหลักธรรมชาติที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา แต่ถ้าตามหลักของศาสนาอัลอิสลามแล้ว จะพิจรณาการเห็นจันทร์เสี้ยวในวันที่29ของเดือนอิสลามเป็นเกณฑ์มาตรฐาน กล่าวคือถ้าเห็นจันทร์เสี้ยวในช่วงหลังมัฆริบของวันที่29 เดือนนั้นก็ต้องมี29วันตามกฏเกณฑ์ของศาสนาอิสลาม แต่ถ้าหากว่าในช่วงหลังมัฆริบของวันที่29 ของเดือนอิสลามนั้น ไม่มีการเห็นจันทร์เสี้ยว(ทั้งๆที่ตามหลักธรรมชาติที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมา ณวันนั้น ดวงจันทร์ได้เริ่มมีเสี้ยวแล้ว แต่มีสิ่งอื่นมาบดบังสายตา) ตามกฏเกณฑ์ของศาสนาอิสลาม ให้ยึดถือว่าเดือนนั้นมี30วัน ดังเช่นตามตัวบทฮะดิษข้างต้นนั้น เรียกว่าพิจรณาการเห็นจันทร์เสี้ยว ไม่พิจรณาการมีจันทร์เสี้ยว
**จากอิบนิมัสอูด(ร.ด.) ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า  แท้จริงความสัจจริงจะนำไปสู่ความดี  และความดีนำพาไปสู่สรวงสวรรค์  แท้จริงมีผู้รักษาความสัจจริง จนได้รับการบันทึก ณพระองค์อัลลอฮ์ว่า  เป็นผู้ที่มีความสัจจริง  และแท้จริงการโกหกจะนำไปสู่ความชั่ว  และความชั่วจะนำไปสู่ไฟนรก  แท้จริงมีผู้โกหกเป็นประจำจนเขาถูกบันทึกไว้ ณพระองค์อัลลอฮ์ว่า  เป็นจอมโกหก  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
**วิเคราะห์ตามหลักดาราศาสตร์อิสลาม   
ดังนั้นวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ.2556 ตรงกับวันที่29 เซาวาล ฮ.ศ.1434  (ทางสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดให้วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 เป็นวันที่ 1 เซาวาล ฮ.ศ.1434 ดังนั้นวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ.2556 จึงเป็นวันที่ 29 เซาวาล ฮ.ศ.1434 ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1434
**สำหรับประเทศไทย 
จันทร์ดับ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ.2556 เวลา 18.36.10 วินาที   ดังนั้นหลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบของวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ.2556  จึงต้องมีการดูดวงจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันที่ 1ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1434 
(เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย ควรจะใช้คำว่าดูดวงจันทร์เสี้ยวหรือดูจันทร์เสี้ยว แทนจากคำว่าดูดวงจันทร์เพราะตามฮาดิษใช้คำว่าฮิลาล แปลว่าดวงจันทร์เสี้ยวหรือจันทร์เสี้ยว โดยที่ในฮาดิษไม่ได้ใช้คำว่าก่อมัรซึ่งแปลว่าดวงจันทร์ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลังเข้าเวลาละหมาดมัฆริบ อาจจะสามารถใช้กล้องเห็นดวงจันทร์ได้ แต่เห็นเป็นดวงจันทร์ดำๆกลมๆมืดสนิท ไม่มีเสี้ยวขาวๆเลยแม้แต่น้อย การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่สามารถนำมารายงานว่าเห็นจันทร์เสี้ยวได้ เพราะไม่มีการเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์แต่อย่างใด การเห็นลักษณะแบบนี้ ตามหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว ไม่สามารถนำมาเริ่มต้นเป็นวันที่1ของเดือนอิสลามได้ เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า“ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอดเพราะเห็นดวงจันทร์เสี้ยว และจงละศีลอดเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยว (เลิกถือศีลอด) ถ้าหากมีเมฆเกิดขึ้นเหนือพวกท่าน (มีเมฆมาปกคลุมทำให้ไม่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว) ก็ให้พวกท่านปล่อยเดือนซะบานให้ครบสามสิบวันเถิด (นับเดือนซะบานให้ครบสามสิบวัน)”  รายงานโดย บุคอรี และมุสลิม
**วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ.2556 (ดวงจันทร์อยู่บริเวณด้านบน ของกลุ่มดาวเซกซ์แทนต์ ดวงจันทร์ในวันนี้อยู่ห่างจากโลกประมาณ 391713.09 กิโลเมตรคำนวณจากมหานครมักกะห์ ถ้ากรุงเทพฯเรา ก็ประมาณ จะอยู่ 392327.36กิโลเมตร
**วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ.2556   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.24.54วินาที  ดวงจันทร์ตก18.09.56วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์14นาที58วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.24.44วินาที ดวงจันทร์ตก18.10.02วินาที  ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 14นาที42วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก18.20.17วินาที  ดวงจันทร์ตก18.07.24วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์12นาที53วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.21.36วินาที  ดวงจันทร์ตก18.08.47วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์12นาที49วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.20.38วินาที  ดวงจันทร์ตก18.07.50 วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 12นาที48วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.19.55วินาที  ดวงจันทร์ตก18.07.01วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 12นาที53วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.20.47วินาที  ดวงจันทร์ตก18.08.04วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์12นาที42วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.20.42วินาที  ดวงจันทร์ตก18.07.49วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์12นาที52วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.19.48วินาที  ดวงจันทร์ตก18.06.53วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 12นาที 55วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.23.39วินาที  ดวงจันทร์ตก18.10.43วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์12นาที56วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.30.37วินาที  ดวงจันทร์ตก18.15.45วินาที ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 14นาที52วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.21.05วินาที  ดวงจันทร์ตก18.08.07วินาที  ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์ 12นาที 58วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก18.12.01วินาที  ดวงจันทร์ตก 17.56.11วินาที  ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์15นาที51วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี  ดวงอาทิตย์ตก18.27.39วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.12.43วินาที  ดวงจันทร์ตกก่อนดวงอาทิตย์14นาที55วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
**ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม
วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ.2556 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน (เพราะว่าดวงจันทร์ได้ตกลงไปก่อนดวงอาทิตย์)
**ดังนั้นผลในการคำนวณทางดาราศาสตร์อิสลามนั้น วันที่ 1 ซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ.1434 ตรงกับวันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ.2556 ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้น เป็นผลสรุปจากการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามเท่านั้น
**แต่ทว่าในทางการปฏิบัติจริงๆนั้น ให้พี่น้องต้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
**ก็คนทุกคนต่างมีหน้าที่ แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลาม คอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วย แหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริง ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุล หรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาป ก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
***พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَاسْتَقِمْ كَمَا اُمِرْتَ وَمَنْ تَابَ مَعَكَ وَلاَ تَطْغَوْا اِنَّهُ بِمَا تَعْمَلُوْنَ بَصِيْرٌ
ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม) เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา และ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ
ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
**เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ 
รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
**วันนี้วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ.2556  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)
 -สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.44.59 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.05.19วินาที ดุฮ์ริเวลา12.15.52วินาที อัสริเวลา15.30.25 วินาที มักริบเวลา 18.26.15 วินาที อีซาเวลา 19.38.01วินาที
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.46.58วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.07.14วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.17.44วินาที  อัสริเวลา15.32.05 วินาที  มักริบเวลา18.28.02 วินาที  อีซาเวลา 19.39.46วินาที
-สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา 04.40.32 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา 06.02.12 วินาที  ดุฮ์ริเวลา 12.19.41วินาที  อัสริเวลา 15.44.44 วินาที  มักริบเวลา 18.36.51 วินาที  อีซาเวลา19.49.27วินาที 
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา04.37.15วินาที  ตะวันขึ้นเวลา05.59.59วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.20.32วินาที  อัสริเวลา15.48.54วินาที  มักริบเวลา18.40.44วินาที  อีซาเวลา20.23.21วินาที 
**พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน 
***พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ خَيْرًايَرَهُ   
وَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ شَرًّايَرَهُ   
“ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน
ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 
**รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
**(โอ้พระผู้เป็นเจ้า ถ้าหากว่ามีคุณความดี ขอมอบภาคผลบุลแด่บิดา มารดาและครูบาอาจารย์ทั้งที่มีชีวิตอยู่ และที่กลับสู่ความเมตาตาของพระองค์แล้ว และใคร่ขอให้ปวงบ่าวของพระองค์ ได้ทำตัวให้ใกล้ชิดกับพระองค์ ตามพระประสงค์ของพระองค์ และขอพระองค์ได้ทรงอภัยโทษให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด อามีน ยาอัรฮะมัร รอฮิมีน)

บ่าวของผู้ทรงยุติธรรม:
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته**การที่เราท่านทั้งหลายได้เกิดมาอยู่ในศาสนาอิสลามนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เพราะเท่ากับว่าเป็นก้าวแรก ที่จะทำให้เราท่านทั้งหลายได้พบกับสิ่งที่ถูกต้อง ได้พบกับความดีงาม ได้พบกับความสุขอันยิ่งใหญ่ทั้งโลกดุนยานี้ แหละโลกหน้าอาคิเราะห์ หลังจากนี้หน้าที่สำคัญของเราท่านทั้งหลาย ต้องคิดพิจารณาว่า จะทำอย่างไรให้เราท่านทั้งหลาย ได้อยู่ในศาสนาอันถูกต้องนี้ตลอดไป กระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
**เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งที่จะนำพาเราท่านทั้งหลาย ไปพบกับความดีงามในอะหลั่ม(ในโลก)หลังความตาย แหละโลกหน้าอาคิเราะห์นั้น ไม่ใช่เงินไม่ใช่ทอง ไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน ไม่ใช่สมัครพรรคพวก  หากแต่ว่าสิ่งนั้นก็คือ การมีอีหม่านศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงจังและจริงใจเท่านั้น ผมเชื่อว่ายังมีพี่น้องเราหลายๆท่าน พยายามแสวงหา ความมั่นคงให้กับชีวิต  พยายามแสวงหา ความมั่นคงให้กับหน้าที่การงาน คิดแหละใส่ใจเฉพาะเรื่องของโลกดุนยาเท่านั้น โดยลืมที่จะสนใจ ลืมที่จะนึกถึง ความมั่นคงในโลกหน้าอาคิเราะห์ เพราะนั่นคือความมั่นคงที่แท้จริง เป็นความมั่นคงที่จะอยู่คู่กับเราตลอดไปและตลอดกาลๆๆๆ 
**การมีอีหม่าน การมีศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่สิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า แหละสิ่งนี้เอง จะเป็นสิ่งที่นำเราท่านทั้งหลาย ในฐานะบ่าวของพระผู้เป็นเจ้า นำไปรับกับความผาสุก นำไปรับสรวงสวรรค์ นำพาเราท่านทั้งหลายสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ในโลกหน้าอาคิเราะห์ได้อย่างแน่นอน
**ไม่มีการภักดีใด ที่จะยิ่งใหญ่ กว่าการภักดี ต่อพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นขอให้เราท่านทั้งหลายจงทำละหมาดให้ครบ5เวลา ฯลฯ แหละเวลาเข้าไปอยู่ในมัสยิด ควรที่จะเหนียตว่าหยุดพักในมัสยิด(เอี๊ยะตี่กาฟมัสยิด)ด้วย ไม่มีการติดต่อใด ที่จะยิ่งใหญ่ กว่าการติดต่อ กับพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นเวลาเข้ามัสยิดควรจะปิดโทรศัพท์ เลิกพูดคุยในสิ่งที่ไร้สาระ ซิกีร อ่านกุรอ่านให้ไพเราะที่สุด เท่าที่จะทำได้
**แม้กระทั่งสมมุติว่า(เป็นสิ่งสมมุติเท่านั้น)พระผู้เป็นเจ้า จะไม่มีอะไรตอบแทนให้เลยก็ตาม แต่เราท่านทั้งหลายก็ยัง ต้องการที่จะเป็นบ่าวของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง เราท่านทั้งหลายก็ยังต้องการที่จะภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง  เราท่านทั้งหลายก็ยังต้องการที่จะเชื่อฟังแหละทำตามคำสั่งใช้ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง เรียกว่าเราท่านทั้งหลายมีความรักอันบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเราท่านทั้งหลายแล้ว เราท่านทั้งหลาย จะขออะไร อยากจะได้อะไร อินซาอัลลอฮ์เราท่านทั้งหลายจะได้สมความปรารถนาอย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างหนึ่งว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของ เจ้าของ ของทุกๆสิ่งในโลกดุนยานี้แหละโลกหน้าอาคิเราะห์ นั้นก็คือพระผู้เป็นเจ้าของเราท่านทั้งหลายนั่นเอง
**คำชม คำสรรเสริญใดๆก็ตามที่เราท่านทั้งหลายได้ยินนั้น ทั้งหมดนั้น(ทั้ง4นั้น) สุดท้ายแล้วก็ต้องย้อนกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ท่านเป็นจุดเริ่มของทุกๆสิ่ง พระองค์ท่านเป็นเจ้าของของทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง
**ดังที่พระองค์ได้ทรงดำรัสไว้ว่า
الحمدُلِلَّهِ ربِّ العالمِين
มวลการสรรเสริญทั้งมวลนั้น(ทั้ง4นั้น 1.พระองค์สรรเสริญพระองค์เอง 2.พระองค์สรรเสริญบ่าว 3.บ่าวสรรเสริญพระองค์ 4.บ่าวสรรเสริญบ่าวกันเอง)เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)  ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของ ของบรรดาโลกทั้งหลาย ซูเราะห์อัลฟาติฮะห์1 อายะห์ที่2
 **ครั้งหนึ่งผมเองได้ละหมาดแล้วกำลังขอดุอาอยู่ ได้เห็นมดดำตัวหนึ่งเดินวิ่งอยู่บนผ้าซะยะดะห์ที่ผมใช้ปูละหมาด วิ่งเร็วมาก ไปทางขวาบ้างทางซ้ายบ้าง ผมไม่รู้หรอกว่ามดดำตัวนั้นวิ่งทำไมหรือวิ่งหาอะไร แต่สิ่งที่ผมรู้ได้อย่างแน่ชัดเลยก็คือ ความยิ่งใหญ่แหละเดชานุภาพความสามารถของพระผู้เป็นเจ้า แม้กระทั่งเล็กมากๆอย่างมดดำ พระองค์ยังสามารถสร้างให้เดินวิ่งได้ ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทำใครจะทำได้ ผมนั่งมองแล้วก็พิจรณา ผมรู้สึกทึ่งมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งมากกว่านั้นก็คือ พอมดดำตัวนั้นวิ่งหายไปจากผ้าซะยะดะห์ บริเวณเดิมที่ผมเห็นมดดำในตอนแรกตัวเมื่อกี้นั้น ผมได้เห็นมดอีกตัวหนึ่งไม่รู้ว่ามาเมื่อไหร่และมาได้อย่างไร รู้แต่ว่ามดตัวนั้นเล็กมากกว่ามดดำตัวเมื่อกี้นี้มาก  เล็กประมาณ1/3ของมดดำตัวเมื่อกี้นี้อีกเดินไปมา(ซึ่งในใจของผมเองณตอนนั้น รู้สึกได้ถึงความสามารถแหละความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า)  อีกอย่างก็คือมดนั้นพระผู้เป็นเจ้าให้ สามารถแบกของที่หนักกว่าน้ำหนักตัว หลายเท่าตัวนัก พระมหาคำภีย์กุรอ่านพระผู้เป็นเจ้าได้ระบุเรื่องราวของมด ไว้ในซูเราะห์นัมลิ
**อันเส้นผมบังภูเขาได้ฉันใด ความกว้างของนิ้วก้อยก็สามารถบดบังดวงจันทร์เพ็ญได้ฉันนั้น(กำนิ้วทั้ง4 เว้นนิ้วก้อยไว้ หาดวงจันทร์เต็มดวงว่าอยู่ตรงใหน หลับตาข้างนึง ยืดมือข้างที่กำนิ้วเมื่อกี้ให้ตึง นำนิ้วก้อยไปทาบที่ดวงจันทร์เต็มดวง เชื่อหรือไม่ว่า นิ้วก้อยบังดวงจันทร์เต็มดวงได้มิด เช่นเดียวกันนำนิ้วก้อยไปทาบที่ดวงอาทิตย์ก็บังมิด แต่ไม่แนะนำเพราะแสงของดวงอาทิตย์ทำลายสายตาได้ ใช้วิธีมองผ่านฟิลเตอร์แล้วนำนิ้วก้อยไปทาบที่ดวงอาทิตย์)
**ถ้าเราท่านทั้งหลายมองไปรอบๆตัว เราท่านทั้งหลายก็จะพบกับสิ่งมหัศจรรย์อย่างมากมาย ที่พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างสรรค์มา นี่แค่สิ่งเราท่านทั้งหลายสามารถมองเห็นและสำผัสได้เท่านั้น ยังมหัศจรรย์ขนาดนี้ แล้วโลกของมะลาอิกะห์ โลกของยิน โลกในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา โลกหลังความตาย แหละโลกหน้าอาคิเราะห์จะยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ขนาดใหน
**ดังนั้นขอให้เราท่านทั้งหลายมีอีหม่านแหละทำตามคำสั่งใช้ คำสั่งห้ามของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะสามารถนำพาเราท่านทั้งหลายไปพบกับสิ่งที่ดีงาม ทั้งในดุนยานี้แหละโลกหน้าอาคิเราะห์ได้อย่างแน่นอน 
**พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ท่านได้ทรงสรรเสริญพระองค์เอง ด้วยพระดำรัสของพระองค์ที่ว่า
{نِعْمَ الْمَوْلَى} هُوَ {وَنِعْمَ النَّصِيْرُ} أَيْ النَّاصِرُ لَكُمْ
พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองที่ดีเยี่ยมที่สุด  พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือที่ดีเยี่ยมที่สุด ซูเราะห์อัลอันฟาล8 อายะห์ที่40 และซูเราะห์อัลฮัจย์22 อายะห์ที่78
**การสรรเสริญลักษณะแบบนี้นั้น ตามหลักวิชาการเรียกว่า   قديم لقديم แหละคำว่า “ฮุว่า”ที่นักตัฟซีรกุรอ่านได้ตัฟซีรออกมานั้น ก็เพราะอยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าالمخصوص بالمدح 
**ในบทกลอนอัลฟียะห์(บทกลอนไวยกรณ์อะหรับ)ได้ระบุเกี่ยวกับเรื่อง نِعْمَ وَبِِئْسَไว้อย่างชัดเจนว่า
**فِعْلاَنِ غَيْرُمُتَصَرِّفَيْنِ         نِعْمَ وَبِِئْسَ رَافِعَانِ اسْمَيْنِ
**(เนี๊ยะม่าและบิ๊ซ่า)เป็น2ฟิอิ้ลที่ไม่ใช่มุตะซอรเรฟ(คือกระจาย ผันคำไม่ได้เรียกว่ายามิด)         เนี๊ยะม่าและบิ๊ซ่าทั้ง2เป็นผู้ทำให้อ่านร่อเฟาะกับอี่เซ็มของทั้ง2(คือเป็นฟาเอ้ลของทั้ง2นั่นเอง ก็คือเนี๊ยะม่าและบิ๊ซ่า เมื่อทั้ง2เป็นฟิอิ้ล ก็ต้องมีฟาเอิ้ลเป็นสิ่งปกติธรรมดา)
**ผมเองเมื่อได้ยินคำว่าฟาเอ้ลหรือฟาอี่ลุน ซึ่งอยู่ในรูปของอิเซ็มฟาเอ้ล ทำให้ผมนึกถึงพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งถ้าสามารถเข้าได้ลึกถึงความลี้ลับ หรือสามารถเข้าได้ลึกถึงเคล็ดลับต่างๆ ของพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้านั้น จะสามารถพบกับความมหัศจรรย์ต่างๆอย่างมากมาย อินซาอัลลอฮ์
**อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันอีดิ้ลอัดฮาแล้ว วันอีดนั้นจะหวนกลับมาทุกๆปี แต่สิ่งที่กำลังค่อยๆเลือนหายไป พร้อมกับการกลับมาของวันอีดทุกๆปี ก็คือบรรยากาศของวันอีด สมัยก่อนเมื่อถึงวันอีดทีบรรยากาศจะคึกคัก ทุกคนสนุกและดีใจ แต่ปัจจุบันนี้พอถึงวันอีดที บรรยากาศค่อนข้างจะเงียบเหงา 
** สะละมัตฮะรีรอยอ
**วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2556 (ดวงจันทร์อยู่บริเวณข้อมือของกลุ่มดาวหญิงสาว Virgo ดวงจันทร์ในวันนี้อยู่ห่างจากโลกประมาณ 379112.88 กิโลเมตรคำนวณจากมหานครมักกะห์ ถ้ากรุงเทพฯเรา ก็จะอยู่ประมาณ 379727.20กิโลเมตร
**วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2556   
1.กทม.ดวงอาทิตย์ตก18.05.41วินาที  ดวงจันทร์ตก18.15.45วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว10นาที04วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
2.ชลบุรี (มีสถานที่แห่งหนึ่งชายฝั่งทะเลซึ่งมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิ  ได้ร่วมสังเกตุดวงจันทร์เสี้ยวด้วย) ดวงอาทิตย์ตก18.03.50วินาที ดวงจันทร์ตก18.14.07วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว10นาที17วินาที  ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
3.ยะลาอ.กรงปีนัง ดวงอาทิตย์ตก17.56.30วินาที  ดวงจันทร์ตก18.08.28วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว11นาที59วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน 
-ยะลาอ.กาบัง ดวงอาทิตย์ตก18.06.14วินาที  ดวงจันทร์ตก18.18.34วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที20วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
 -ยะลาอ.ธารโต ดวงอาทิตย์ตก18.05.23วินาที  ดวงจันทร์ตก18.17.44วินาทีมีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที21นาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.บันนังสตา ดวงอาทิตย์ตก18.04.29วินาที  ดวงจันทร์ตก18.16.44วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที15วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
-ยะลาอ.เบตง ดวงอาทิตย์ตก18.05.48วินาที  ดวงจันทร์ตก18.18.15วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที28วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.ยะหา ดวงอาทิตย์ตก18.05.14วินาที  ดวงจันทร์ตก18.17.31วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที16วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
- ยะลาอ.รามัน  ดวงอาทิตย์ตก18.04.19วินาที  ดวงจันทร์ตก18.16.32วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที14วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
4.หาดใหญ่  ดวงอาทิตย์ตก 18.07.45วินาที  ดวงจันทร์ตก18.19.57วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที12วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
5.กาญจนบุรี ดวงอาทิตย์ตก18.08.47วินาที  ดวงจันทร์ตก18.18.53วินาที มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว10นาที06วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน   
6.ปัตตานี ดวงอาทิตย์ตก18.05.21วินาที  ดวงจันทร์ตก18.17.32วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว12นาที11วินาที ไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
7.อุบลราชธานี  ดวงอาทิตย์ตก17.48.56วินาที  ดวงจันทร์ตก 17.57.57วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว9นาที01วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
8.นนทบุรี  ดวงอาทิตย์ตก18.05.53วินาที  ดวงจันทร์ตก 18.15.55วินาที  มีเวลาสังเกตุจันทร์เสี้ยว10นาที02วินาทีไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยว แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
**ผลในการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลาม
วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2556 หลังเข้าเวลามัฆริบทั่วทั้งประเทศไทย ต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว แหละทั่วทั้งประเทศไทยไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้เลย  ถ้าใครอ้างว่าเห็นจันทร์เสี้ยวแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่จันทร์เสี้ยวอย่างแน่นอน
(เพราะว่าการทำมุมกันนั้น ยังมีน้อยเกินไป น้อยเกินที่จะเห็นแสงจันทร์เสี้ยวได้ และดวงจันทร์ก็ฟอยู่ต่ำมาก แหละอีกประการหนึ่ง ที่ควรคำนึงถึงก็คือ ถ้าหากว่าเริ่มเดือนใหม่ ในวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556 วันที่จะดูจันทร์เสี้ยวในครั้งต่อไปนั้น ก็จะดูจันทร์เสี้ยวก่อน ปรากฏการณ์จันทร์ดับ ก่อนนิวมูน ก่อนอิญติมาอ์ทันที)
**ดังนั้นผลในการคำนวณทางดาราศาสตร์อิสลามนั้น วันที่ 1ซุ้ลฮิจยะห์ ฮ.ศ.1434 ตรงกับวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2556 ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้นั้น เป็นผลสรุปจากการคำนวนทางดาราศาสตร์อิสลามเท่านั้น
**แต่ทว่าในทางการปฏิบัติจริงๆนั้น ให้พี่น้องต้องรับฟังการประกาศทางสำนักจุฬาราชมนตรีเท่านั้น  เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ
**ก็คนทุกคนต่างมีหน้าที่ แหละความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้ตามต้องตามผู้นำ ผู้รายงานการดูจันทร์เสี้ยวต้องพูดในสิ่งที่เห็นจริง ส่วนผู้นำก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางดาราศาสตร์อิสลาม คอยตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาด้วย(สมมุติว่าณบริเวณนั้น มีผู้ที่ดูดวงจันทร์เสี้ยวเป็นร้อยหรือเป็นพันคน ทำไมจึงเห็นดวงจันทร์เสี้ยวแค่คนคนเดียวหรือเห็นดวงจันทร์เสี้ยวแค่สองสามคน แล้วคนที่เห็นหรือกลุ่มคนที่เห็นดวงจันทร์เสี้ยวนั้น มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับดวงจันทร์มากน้อยเพียงใด ซึ่งบางทีสิ่งที่เขาเห็นแล้วคิดว่าเป็นดวงจันทร์เสี้ยว ความเป็นจริงอาจไม่ใช่ดวงจันทร์เสี้ยวก็เป็นได้)แหละทำตามคำสั่งใช้อย่างแท้จริง ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แล้วความถูกต้องจริงๆที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะเราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมอย่างนึงว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลบุล หรืออาจจะนำมาซึ่งผลบาป ก็เป็นได้ในโลกหน้าอาคิเราะห์
***พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَاسْتَقِمْ كَمَا اُمِرْتَ وَمَنْ تَابَ مَعَكَ وَلاَ تَطْغَوْا اِنَّهُ بِمَا تَعْمَلُوْنَ بَصِيْرٌ
ดังนั้นท่าน(มุฮัมมัด)จงดำรงมั่น(ทำตาม) เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา และ(เหมือนเช่นที่ท่านได้ถูกบัญชามา)ผู้ที่หวนกลับ(จากการตั้งภาคี การเนรคุณ สู่สัจธรรมพร้อมกับท่าน)  และท่านทั้งหลายอย่าละเมิด(บทบัญญัติด้วยการเข้าไปทำความผิดที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้)เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นยิ่ง ในสิ่งที่พวกท่านกระทำ ซูเราะห์ฮูด อายะห์ที่112
**เล่าจากอะบียะอ์ลา มะอ์กิ้ลบุตรยะซาร(ร.ด.)ว่า  ฉันได้ยินร่อซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)กล่าวว่า  ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลเลาะห์มอบหมายให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อประชาชน  เขาเสียชีวิตไป  ในวันที่เขาเสียชีวิต เขาทุจริตต่อประชาชนของเขานอกจากอัลเลาะห์จะห้ามเขาเข้าสวรรค์ 
รายงานโดย บุคอรี มุสลิม
วันนี้เราท่านทั้งหลายทำความดีเพื่อพระองค์แล้วหรือยัง  และเราท่านทั้งหลายได้นำพาบุคคลรอบข้างของเราเข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง  ละหมาดแล้วหรือยัง  ทำอะม้าน  อิบาดะห์ชนิดต่างๆเพื่อรับพระเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง
**วันนี้วันศุกร์ที่ 4  ตุลาคม พ.ศ.2556  เวลาปฏิบัติศาสนกิจ(ซ่อลา  ซำบะห์ยัง)
 -สำหรับ สำนักจุฬาราชมนตรี ซุบฮิเวลา 04.47.26 วินาที ตะวันขึ้นเวลา06.06.29วินาที ดุฮ์ริเวลา12.05.34วินาที อัสริเวลา15.26.27 วินาที มักริบเวลา 18.04.28 วินาที อีซาเวลา 19.15.15
-สำหรับ กทม.ซุบฮิเวลา 04.49.18วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.08.19วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.07.26วินาที  อัสริเวลา15.28.16 วินาที  มักริบเวลา18.06.22 วินาที  อีซาเวลา 19.17.07
-สำหรับมัสยิดฮารอม  ซุบฮิเวลา 04.50.19 วินาที  ตะวันขึ้นเวลา 06.10.06วินาที  ดุฮ์ริเวลา 12.09.23 วินาที  อัสริเวลา 15.32.25 วินาที  มักริบเวลา 18.08.22 วินาที  อีซาเวลา 19.19.30 วินาที 
-สำหรับมัสยี่ดินนะบะวี  ซุบฮิเวลา04.50.18วินาที  ตะวันขึ้นเวลา06.10.48วินาที  ดุฮ์ริเวลา12.10.14วินาที  อัสริเวลา15.33.19วินาที  มักริบเวลา18.09.20วินาที  อีซาเวลา19.20.58วินาที 
**พี่น้องครับซากาตคือสิ่งจำเป็น  สำหรับบุคคลที่ครบในเงื่อนไข  และในส่วนของการทำบุญให้กับเด็กกำพร้านั้น  ถือว่าเป็นภาคผลบุลและเป็นความดีงามที่ยิ่งใหญ่มาก ณฝ่ายของพระผู้เป็นเจ้า  แม้กระทั่งการลูบศรีษะเด็กกำพร้า  เพื่อแสดงถึงความรักความเอ็นดู  เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป  ทุกๆเส้นผมที่มือลูบผ่านไปนั้นนั่นก็เป็นภาคผลบุลทั้งสิ้น  ท่านรอซูลุ้ลลอห์(ซ.ล.)บุรุษที่ประเสริฐที่สุด  ในบรรดามั๊คโลคสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาคนรักของพระผู้เป็นเจ้า  ท่านก็เป็นเด็กกำพร้ามาก่อนเช่นเดียวกัน 
***พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า
فَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ خَيْرًايَرَهُ   
وَمَنْ يَعْمَلْ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ شَرًّايَرَهُ   
“ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน
ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าผงธุลีเขาก็จะได้เห็นมัน”อัลซิลซาลอายะห์ที่7-8 
**รู้แล้วบอกต่อ  ความดีงามจะหลั่งไหลสู่ตัวท่านและสังคมสืบต่อไป  ทำตามใช้ละเว้นสิ่งที่ห้าม  คือหน้าที่ของผู้ศรัทธา
      (โอ้พระผู้เป็นเจ้า ถ้าหากว่ามีคุณความดี ขอมอบภาคผลบุลแด่บิดา มารดาและครูบาอาจารย์ทั้งที่มีชีวิตอยู่ และที่กลับสู่ความเมตาตาของพระองค์แล้ว และใคร่ขอให้ปวงบ่าวของพระองค์ ได้ทำตัวให้ใกล้ชิดกับพระองค์ ตามพระประสงค์ของพระองค์ และขอพระองค์ได้ทรงอภัยโทษให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด อามีน ยาอัรฮะมัร รอฮิมีน)

 

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version