-2-
สามปีผ่านไป ผมก็พบว่าสิ่งที่ผมเชื่อนั้นมันผิดทั้งหมด
ผมยังเห็นมันทั้งดื่มเหล้าและสูบบุหรี่และที่สำคัญผมยังไม่เคยเห็นมันละหมาดเลยสักครั้ง
ผมเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่จึงตัดสินใจถามมัน
‘เฮ้ย! ไอ้หมัดกัดดาฟี (ผมชอบเรียกมันอย่างนี้) ทำไมเอ็งยังกินเหล้า ยังสูบบุหรี่อยู่อีกวะ ไหนว่าศาสนานี้เค้าห้ามไง’
‘ก็ข้าเลิกไม่ได้นี่หว่า’
‘อ้าวว! แล้วอย่างงี้เมียเอ็งไม่ว่าหรอ? ..เห็นเคร่งจะตายไป’
‘ก็อย่าให้รู้สิวะ’
..
คำตอบนี้ทำเอาผมอึ้งกิมกี่รับประทานไปเลยครับ
‘แล้วเรื่องละหมาดล่ะ ข้ายังไม่เคยเห็นเอ็งละหมาดเลยซักกะครั้ง’
‘ละหมาดสิ แต่ข้าละหมาดเฉพาะเวลาอยู่บ้าน’
‘อ้าว! ไหงเป็นอย่างงั้นละ ?’
‘ก็อยู่ที่ทำงาน เมียข้าไม่เห็นนี่หว่า’
‘นี่เอ็งจะบอกว่า..เอ็งจะทำก็เฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าเมียงั้นเหรอ ?’
‘ก็ใช่นะสิ’
‘นี่อย่าบอกนะ ว่าเอ็งเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แต่งงาน ตลอดระยะเวลา ๓ ปีที่ผ่านมา’
‘แม่นแล้ว!’
เฮ้ย!..นี่มันเพื่อนผมจริงๆหรือนี่ ผมทั้งอึ้ง ทั้งงง ทั้งสงสัย ทั้งแปลกใจ มึนงง สับสนไปหมด (เอ๊ะ..ยังไงกันแน่)
มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ?..ทำความดีต่อหน้าเมีย ผมรู้สึกผิดหวังและเสียใจในตัวมันจริงๆ
สิ่งที่มันทำเท่ากับมันกำลังหลอกเมียมันชัดๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะหลอกนะ แต่หลอกมาร่วม ๓ ปีแล้ว มันทำได้ยังไงกัน
แล้วผมจะเตือนสติมันอย่างไรดี มันเป็นคนที่หัวดื้อ อารมณ์ร้อน และไม่ยอมฟังใครง่ายๆซะด้วยสิ
หากผมพูดอะไรไม่ถูกใจ ผมอาจคิ้วแตกได้แน่ๆ ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ
เพราะฉะนั้นผมจึงต้องวางแผนเตือนสติมันอย่างรอบคอบและแยบยลที่สุด..